- Details
- Category: การเมือง
- Published: Monday, 28 December 2015 08:09
- Hits: 5005
ปชป.ตะเพิด'กอบกาญจน์' รบ.โต้เลิก 30 บ. ยันแค่ปรับปรุง
รัฐบาลยันไม่คิดเลิกโครง การ 30 บาท อ้างแค่ปรับปรุงให้ดูแลประชาชนทั่วถึง อัดเพื่อไทยจงใจทำให้สังคมตื่นตระหนก แถลงผลงานรัฐบาล ส่อบาน ปชป.ฉุนพาดพิงการเมืองครอบงำท่องเที่ยว ไล่ 'กอบกาญจน์' ลาออก เพื่อไทยเย้ยแถลง 1 ปี ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ย้ำกรธ.มีเจตนาเขียนรัฐธรรมนูญให้มีตำหนิ 'ดิเรก' เชื่อประชามติไม่ผ่าน เสนอใช้ ม.44 หยิบฉบับเก่ามาใช้เดินหน้าเลือกตั้ง 'เต้น'ท้ากลาโหม แถลงผลสอบราชภักดิ์ที่อุทยานฯ เชิญสื่อฟังด้วย
วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9160 ข่าวสดรายวัน
พท.ไม่ตื่นเต้นผลงาน 1 ปีรัฐบาล
วันที่ 26 ธ.ค. นายสามารถ แก้วมีชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแถลงผลงาน 1 ปี ของรัฐบาลทั้ง 2 วันที่ผ่านมาว่า เท่าที่ฟังการแถลงมองว่าเนื้อหาไม่มีอะไรเท่าไร เนื่องจากเป็นเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พูดอยู่แล้วทุกสัปดาห์โดยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป จึงไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไร เพราะผลงานบางเรื่องก่อนหน้านี้สำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจความเห็นประ ชาชนและเปิดเผยว่ากว่าร้อยละ 90 ชื่นชมการทำงานของรัฐบาล จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
นายสามารถ กล่าวว่า แต่สำหรับตนอยากขอให้ดูข้อเท็จจริงควบคู่ไปกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่จริงในปัจจุบันนี้ ที่หลายเรื่องสวนทางกับที่มีการสำรวจความเห็น ทั้งเรื่องของความปรองดองที่มาตรฐานยังไม่เหมือนกัน เรื่องการปราบปรามทุจริต ที่เป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล แต่ยังมีกรณีข้อสงสัยในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ปัญหาทางเศรษฐกิจ ที่แม้แต่บริษัทเอกชนผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังออกมาระบุว่ายอดขายในปีนี้ลดลงเป็นอย่างมาก อีกทั้งเรื่องของร่างรัฐธรรมนูญที่เขียนออกมาสวนทางกับแนวทางประชาธิปไตย ทั้งหมดนี้ต่างจาก ที่มีการทำโพลออกมาจึงขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาในสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเศรษฐกิจค่าครองชีพของประ ชาชน อย่ามองแต่ตัวเลขผลสำรวจความคิดเห็นเท่านั้น ขณะที่สำนักโพลต่างๆ ควรสำรวจความคิดเห็นที่สะท้อนความเป็นจริงอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการลดเครดิตวิชาชีพและความน่าเชื่อถือจะหายไป
ชี้เจตนากรธ.เขียนรธน.ให้มีตำหนิ
นายสามารถ กล่าวว่า ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ สรุปปิดท้ายการแถลงผลงานว่าจะดำเนินคดีต่างๆ ที่ยังค้างอยู่ให้ถึงที่สุด รวมถึงคดีโครงการรับจำนำข้าวด้วยนั้น ก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง เพราะความจริงก็คือ ความจริง เงินในโครงการที่ได้ก็โอนใส่บัญชีชาวนาทั้งหมด ในขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องข้าวหายในประเด็นนี้ก็มีบริษัทที่รับผิดชอบอยู่แล้วตามข้อสัญญา จึงไม่มีอะไรที่ต้องกังวลทุกอย่าง ต้องเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการที่เป็นธรรม
นายสามารถ กล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญของกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ซึ่งร่างแรกจะออกมาในเดือนม.ค.2559 ว่า มองว่าเจตนาการเขียนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องการเขียนให้มีตำหนิ เพื่อไม่ให้ผ่านประชามติ เพราะการเขียนตั้งแต่ต้นขัด ต่อหลักประชาธิปไตยสากลและอำนาจอธิปไตย อย่างที่ตนได้เคยย้ำมาโดยตลอดว่าร่างฉบับนี้แย่กว่าร่างฉบับของคณะกรรมา ธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) ที่มีนาย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดช่องให้มีนายกฯ คนนอก ส.ว.มาจากการสรรหา ถึงแม้จะไม่มีอำนาจถอดถอนแต่กลับน่าเป็นห่วงเพราะให้อำนาจไปอยู่ที่ศาลเป็นผู้ตัดสินแทนซึ่งแย่กว่าเดิม จึงได้บอกว่าร่างฉบับนี้เขียนไว้เพื่อไม่ต้องการให้ผ่าน ส่วนพรรค การเมืองเองหากให้ความเห็นเมื่อร่างแรกออกมาแล้วก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมไม่ค้านตั้งแต่ต้น ซึ่งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยก็มีประเด็นชี้แจงในสิ่งที่เห็นต่างมาโดยตลอด เพื่อหักล้างในสิ่งที่ขัดกับหลักการประชา ธิปไตย หากร่างแรกออกมาแล้วเราจะพิจารณาข้อดีข้อเสียเพื่อชั่งน้ำหนักในแต่ละเรื่อง หากเห็นว่าไม่ไหวจริงก็ต้องชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบต่อไป
วอน'บิ๊กตู่'อย่าก้าวก่ายคดีข้าว
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแถลงผลงานรัฐบาล กรณีพล.อ. ประยุทธ์พูดถึงเรื่องคดีจำนำข้าวว่าเรื่องคดีจำนำข้าว และคดีทั้งหมดจะไม่มีการผ่อนผันใดๆ ทั้งสิ้นว่า น่าแปลกใจที่คดีเรื่องจำนำข้าวถูกนำไปเป็นผลงานเด่นของรัฐบาล ที่จะต้องนำไปแถลงเป็นผลงานของรัฐบาล ทั้งที่คดีความทั้งหลายก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องไปพิสูจน์กันในชั้นขบวนการของศาล การที่พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะไม่ผ่อนผันใดๆ ทั้งสิ้นนั้น ถือเป็นการก้าวก่ายคดี โดยเฉพาะในส่วนคดีความรับผิดในทางแพ่ง ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนชุดของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ที่พล.อ. ประยุทธ์ เป็นผู้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว และยังมีพยานบุคคลอีกหลายปากที่ต้องไต่สวนข้อเท็จจริง
นายนรวิชญ์ กล่าวว่า หากคณะกรรมการฯ ยึดตามระเบียบการไต่สวน ตามข้อ 15 ที่คณะกรรมการต้องให้โอกาสแก่ผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอและเป็นธรรม คณะกรรมการฯ ก็ต้องดำเนินการไต่สวนพยานบุคคลที่เหลือทั้งหลายให้เสร็จสิ้นก่อน ทั้งนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องหากคณะกรรมการฯ ยึดตามคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ คงไม่มีการไต่สวนพยานที่เหลืออีกต่อไป อันถือได้ว่าคณะกรรมการฯ เองไม่ได้ให้โอกาสแก่ผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจง ข้อเท็จจริง และโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอ และเป็นธรรมตามระเบียบข้อ 15 จึงร้องขอไปยังพล.อ.ประยุทธ์อย่าได้ก้าวก่ายการไต่สวนคดีของคณะกรรมการฯ ควรให้โอกาสผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอและเป็นธรรม
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ระบุจะไม่ขยายเวลาคดีรับจำนำข้าวว่า เรื่องนี้หมดเวลามาตั้งแต่ก.ย.แล้ว สำหรับการ จะใช้พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ดำเนินคดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ผ่านมาก็พยายามขอเพิ่มพยานกับศาลมาตลอด และพยานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็มีความพยายามจะผัดผ่อนมาโดยตลอดเช่นกัน ดังนั้นถือว่ามีการขยายเวลามา 3 เดือนแล้ว ถ้าหากพยานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่มาอีก ตนคิดว่าก็ควรจะสรุปคดีได้แล้ว
รบ.โวยอีกสื่อเลือกข้าง
ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกฯ กังวลต่อแง่มุมการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนบางสังกัดที่มีพฤติกรรมเลือกข้างอย่างชัดเจน มุ่งโจมตีนโยบายและการทำงานของรัฐบาลแทบทุกเรื่องโดยไม่สนใจ ในสาระข้อเท็จจริง ในทางตรงกันข้ามก็พยายามปกปิดกลบเกลื่อนความผิด ความเสียหายที่รัฐบาลเก่าทำไว้กับประเทศชาติ โดยละเลยที่จะนำเสนอความจริงให้ประชาชนได้รับทราบ อาทิ โครงการจำนำข้าว ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องเข้ามาบริหารจัดการปัญหาหนักนับล้านๆ ตันที่รัฐบาลชุดเก่าก่อไว้ โดยหากเร่งระบายข้าวออกมาก็จะกระทบกับราคาข้าวในท้องตลาด กระทบต่อพี่น้องเกษตรกร แต่หากไม่ระบายข้าวเน่าข้าวเสื่อมคุณภาพก็จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มูลค่าข้าวก็จะยิ่งลดลง สร้างความเสียหายให้แก่งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ไม่เคยได้รับการนำเสนอให้พี่น้องประชาชนรับทราบ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า รัฐบาลเข้าใจดีว่าสื่อมวลชนมีข้อจำกัดในการนำเสนอข่าวเพราะต้องแข่งกับเวลา โดยเฉพาะในข่าวที่มีความซับซ้อน หรือเรื่องยังไม่ถึงที่สิ้นสุด การเสนอที่มาที่ไปและการวิเคราะห์เหตุ การณ์ให้ครบถ้วนอาจยังทำได้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่หากมีเจตนาทำถูกให้เป็นผิด ขณะที่ผิดกลับจงใจเสนอข่าวให้เป็นเรื่องถูก เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และประชาชนควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกบริโภคข่าวสาร
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า รัฐบาลคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องรู้เท่าทันสื่อ และเลือกรับข้อมูลจากสื่อที่ทำหน้าที่อย่างซื่อ ตรง ปราศจากเจตนาเคลือบแฝง ขณะที่หากเป็นข้อมูลที่นำเสนอโดยสื่อที่ขาดความเป็นกลาง หรือมีแรงจูงใจในการเสนอข่าวเพื่อประโยชน์ของกลุ่มการเมืองหรือกลุ่ม ผลประโยชน์ใดเป็นการเฉพาะ ควรหารสองข้อมูลเหล่านั้น เข้าทำนองฟังหูไว้หู
ยันรบ.ไม่คิดยกเลิก 30 บาท
พล.ต.สรรเสริญกล่าวถึงกรณีมีข่าวว่าอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยระบุว่ารัฐบาลจะยกเลิกโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโครงการ 30 บาทว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยมีแนวคิดที่จะยกเลิกโครงการดังกล่าวตามที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยจงใจสร้างข้อมูลเท็จเพื่อให้เกิดความตื่นตระหนกและวุ่นวายในสังคม ขอยืนยันว่าการยกเลิกโครงการ 30 บาทไม่เคยอยู่ในความคิดของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือตอนนี้ สิ่งที่รัฐบาลพยายามทำคือการปรับปรุงโครงการให้สามารถดูแลพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ได้รับการดูแลมากที่สุดและทั่วถึงที่สุด ขณะเดียวกัน ก็แก้ไขช่องโหว่ ความทับซ้อนของการจัดการและการใช้งบประมาณเพื่อ มิให้เป็นภาระต่อการบริหารงบประมาณแผ่นดินในอนาคต
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนแสดงพฤติกรรมชี้นำ ชักจูง ให้ผู้หลงผิดเผาบ้านเผาเมือง เป็นภาพสลดที่คนไทยทุกคนยังติดตาไม่รู้ลืม วันนี้พฤติกรรม โอหังฝ่าฝืนกฎหมายเช่นนั้นกระทำไม่ได้แล้วเพราะคสช.และรัฐบาลเข้ามาดูแลความสงบปลอดภัยในประเทศ แต่อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยยังใช้วิธีเผาความรักเผาความสามัคคีของคนในชาติด้วยการโกหก สร้างข้อมูลเท็จอย่างไม่ละอายใจ ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความวิตกกังวลและสังคมสับสนวุ่นวาย ทุกคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ควรพิจารณาตนเองได้แล้ว
'นิพิฏฐ์'ไล่'กอบกาญจน์'
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวกรณีนางกอบ กาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ระบุปัญหาการท่องเที่ยวในอดีตที่ผ่านมามีปัญหาจากการครอบงำและแทรก แซงจากนักการเมือง และปลื้มกับตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 2558 ที่คาดว่าจะมีจำนวน 29.6 ล้านคน ว่าไม่นึกว่ารมว.การท่องเที่ยวฯ จะติดนิสัยคิดไม่ออกก็ด่านักการเมืองไว้ก่อน ยืนยันว่าสิ่งที่พูดนั้นก็ไม่เป็นความจริงด้วย ซึ่งตอนนี้ใครที่ด่านักการเมืองได้ดูเหมือนจะเป็นคนดีในสายตาประชาชนไปแล้ว เพราะประชาชนได้รับข้อมูลฝ่ายเดียว ประชาชนควรรับรู้ข้อมูลที่เป็นจริงในประเทศ ของเขาด้วย ตนไม่เคยบริหารกระทรวงการท่องเที่ยวฯ แต่ไม่อยากให้ใครด่านักการเมืองอย่างไม่มีเหตุผล ตัวเลขนักท่องเที่ยวแม้ไม่มีรัฐมนตรีตัวเลขก็เพิ่มอยู่แล้ว และตัวเลขในขณะที่นางกอบกาญจน์อยู่ในตำแหน่งก็เพิ่มขึ้นน้อย ไม่ได้น่าภูมิใจเลย จะเห็นว่าในระยะหลังจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นทุกปีปีละ 3-4 ล้านคน หากคิดอัตราปกติปีนี้ควรจะมีนักท่องเที่ยว 32-33 ล้านคน แต่รมว.การท่องเที่ยวฯ แถลงอย่างภูมิใจว่าปีนี้มีนักท่องเที่ยว 29.6 ล้านคน ตนเห็นว่าพลาดเป้าไปหลายล้าน
"เราควรอยู่กันอย่างยอมรับความจริงกันดีกว่า อยู่อย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน การด่านักการเมืองอย่างไม่มีเหตุผลไม่ทำให้รมว.การท่องเที่ยวฯ ดูดีขึ้น แต่กลับแย่ลงกว่าเดิมอีกหากประชาชนได้ทราบความจริงครบถ้วน เพราะปีนี้ที่ภูเก็ตเขาพูดกันว่าไม่มีไฮซีซั่น หากไม่เชื่อก็ลองลาออกแล้วให้ปลัดกระทรวงรักษาการแทน รับรองนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแน่นอน เผลอๆ อาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนที่นางกอบกาญจน์เป็นรัฐมนตรีเสียอีก ผมต้องขออภัยหากความจริงนี้ทำให้ไม่สบายใจ แต่ความจริงก็คือความจริง นักการเมืองคนอื่นอาจไม่ออกมาตอบโต้ แต่ผมคงจะไม่ยอมให้ใส่ร้ายนักการเมืองโดยไม่มีเหตุผล" นายนิพิฏฐ์กล่าว
เชื่อกรธ.ไม่ปรับแก้รธน.
นายนิพิฏฐ์กล่าวถึงแนวทางการร่างรัฐ ธรรมนูญของ กรธ.ที่ไม่ตรงกับข้อเสนอขององค์กรอื่น อาทิ สนช. สปท. รวมไปถึงพรรคการเมืองด้วยว่า ในประเด็นหลักๆ กรธ.คงมีธงมาก่อน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่การเข้ามารับหน้าที่ประธานกรธ.ของนาย มีชัย ฤชุพันธุ์ ครั้งนี้จะคิดร่างไปเหมือนกับกระบวนการร่างของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน จึงคิดว่าประเด็นที่ต้องใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญคงมีการตกลงกันล่วงหน้าแล้วว่าจะใส่ประเด็นอะไรลงไปบ้าง
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ใครจะแสดงความเห็นต่างอย่างไร กรธ.คงไม่เปลี่ยน อย่างเช่นประเด็นเรื่องบัญชีรายชื่อนายกฯ ตนเคยเข้าไปแสดงความเห็นต่างในที่ประชุมกรธ. วันนั้นกรธ.ก็รับฟังแต่ท้ายที่สุดก็ยืนเรื่องดังกล่าวไว้ในร่าง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เช่นเดียวกับประเด็นอื่นๆ อาทิ นายกฯ คนนอก ที่มา ส.ส. รวมไปถึงที่การเลือกตั้ง ส.ว.ทางอ้อม จากกลุ่มอาชีพด้วย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะแสดงความเห็น เพราะกรธ.คงยากที่จะเปลี่ยน นอกเสียจากประเด็นที่ กรธ.ลังเลเองก็อาจจะมีการปรับแก้ได้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการเปิดช่องสภาผัวเมียให้ครอบครัวเดียวกันลงสมัครรับเลือกตั้งได้ที่จะนำกลับไปทำโพลถามประชาชนก่อนหาข้อสรุปกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหลังจากนี้เมื่อกรธ.ทำร่างเสร็จ เราจะนำมาพิจารณาดูว่าโดยรวมจะรับได้หรือไม่ ดังนั้นคงฟันธงว่าประชามติจะผ่านหรือไม่ผ่านในตอนนี้ยังไม่ได้
"มีชัย"ต้องรับผิดชอบหากรธน.ไม่ผ่าน
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตนเชื่อว่า กรธ.จะไม่บัญญัติองค์กรแปลกๆ เช่น คปป.เหมือนกับสมัยนายบวรศักดิ์อย่างแน่นอน แต่ กรธ. จะใช้องค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีอยู่เดิมมาแก้ไขโดยเพิ่มอำนาจหน้าที่ อะไรบางอย่างเพื่อเอาไว้ใช้สำหรับแก้วิกฤตตอนเกิดวิกฤตทางตัน อีกทั้งยังเชื่อว่า นายมีชัยไม่พลิกลิ้นสร้างองค์กรใหม่ในรัฐธรรมนูญแน่ เพราะเคยให้สัมภาษณ์ไว้แล้ว
ส่วนกรณีพล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า จะรับผิดชอบเองหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านนั้น นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตนคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องรับผิดชอบเต็มๆคนเดียวร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ได้ เพราะถ้าคสช.กับรัฐบาลไม่ได้เป็น ร่างโดยตรงเองทั้งหมด ขณะที่การร่างรัฐ ธรรมนูญ นายมีชัยเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ และก็พูดบ่อยๆว่า การทำงานเป็นอิสระ ฉะนั้นหากจะมีคนมารับผิดชอบแทนถ้าร่างไม่ผ่านประชามติ นายมีชัยคงไม่ยอม อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า รอบนี้รัฐธรรมนูญถูกคว่ำในชั้นประชามติ คสช.ก็คงไม่มีทางเลือกอื่น นอก จากทำตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ที่ให้นำรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งขึ้นมาประกาศใช้
'ดิเรก'หนักใจ-รธน.ไม่น่าผ่าน
นายดิเรก ถึงฝั่ง อดีตส.ว.นันทบุรี และอดีตสปช. กล่าวถึงภาพร่วมของร่างรัฐ ธรรมนูญ ว่า ยังคงมองไปที่ 3 ตัวหลักเหมือนเดิม คือระบบเลือกตั้งนายกฯคนนอก ที่มาส.ว. ซึ่งเท่าที่ดูหนักใจแทนรัฐบาลว่าร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านประชามติ เราตอบโจทย์ตอบสังคมไม่ได้ว่าเมื่อปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ทำไมถึงร่างรัฐธรรมนูญเพี้ยนๆ อย่างนี้ การให้คนนอกเป็นนายกฯได้ถือว่าย้อนยุค เพราะนายกฯมาได้ 2 ทางคือ เลือกโดยตรง โดยเสนอชื่อให้ประชาชนทั้งประเทศเป็นผู้เลือกและมาจากส.ส.โดยสภาเป็นคนเลือก และที่ผ่านมาเมื่อครั้งที่ตนเป็นสปช. ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง ได้เคยเสนอไว้ว่าถ้าบ้านเมืองไม่มีทางออกแล้ว ก็ให้เขียนไว้ในบทเฉพาะกาล โดยให้สภาเสนอคนนอกได้ ดังนั้นกรธ.อย่าไปทำอะไรนอกกรอบประชาธิปไตยเลย
จี้รัฐบาลพิจารณาตัวเอง
"ถ้าทำประชามติไม่ผ่านรัฐบาลก็จะต้องมาพิจารณาตัวเองว่าเมื่อประชามติไม่ผ่าน ซึ่งในแง่ของความชอบธรรม ถือว่ารัฐบาลไม่ชอบธรรมแล้ว ก็ต้องหยิบรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาใช้ แล้วจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว แม้ยังไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 57 ก็ตาม แต่นายกฯ สามารถใช้มาตรา 44 ทำได้ เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายแล้วเข้าสู่การเลือกตั้ง หากไม่แก้ปัญหาก็ไม่จบ เมื่อนำมาใช้ก็จะต้องมีการแก้ไขอีก ดังนั้น เราควรทำให้เป็นสากล" นายดิเรกกล่าว
ส่วนเรื่องที่มาส.ว. นายดิเรกกล่าวว่า ถ้าเป็นกลุ่มอาชีพโดยให้ทุกคนมีสิทธิ์สมัครแล้วให้ประชาชนเป็นผู้เลือกปัญหาก็จบ แต่สิ่งที่กรธ.กำหนดไม่ใช่ให้ประชาชนเลือกแต่คือการสรรหา เราต้องการให้เกิดความชอบธรรมเกิดการเลือกตั้งโดยตรง ถ้าเลือกตั้งส.ว.โดย ตรงเราพร้อมสู้ จะไปกลัวอะไรกับการเลือกตั้งโดยตรง อยากจะรู้หนัก ถ้าแน่จริงก็ลงสมัครแล้วให้ประชาชนเลือก ถ้าเขาไม่เลือกเราก็จบ ดังนั้นขอว่าอย่าออกรัฐ ธรรมนูญมาฝืนความรู้สึกของประชาชน" นายดิเรกกล่าว
เลือกไขว้ส.ว.-ไม่แก้บล็อกโหวต
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปการเมือง สปท. กล่าวถึงกรณี กรธ.กำหนดคุณสมบัติส.ว.โดยเปิดโอกาสให้เครือญาติของส.ส.มาลงสมัคร ส.ว. ได้ ว่า ถ้าไม่ได้ให้อำนาจส.ว.มากเกินไป เช่น การให้มีอำนาจเฉพาะกลั่นกรองกฎหมายอย่างเดียว ไม่มีอำนาจถอดถอน การไม่ห้ามเรื่องสภาผัวเมียถือว่าพอรับได้ ไม่น่าเป็นห่วง ต้องยอมรับความจริงว่า ที่ผ่านมาแม้มีข้อห้ามเรื่องสภาผัวเมีย แต่การเลือกตั้งส.ว.ก็ยังมีความเชื่อมโยงกับพรรค การเมืองอยู่ ไม่ต่างอะไรจากการมีสภาผัวเมีย ดังนั้น สู้ให้กลับมาสู่โลกความเป็นจริงดีกว่า แล้วไปเพิ่มระบบตรวจสอบให้มีความเข้มแข็งแทนจะดีกว่า
ส่วนข้อเสนอที่ให้ส.ว.จากกลุ่มอาชีพต่างๆ ลงคะแนนแบบไขว้กลุ่มกัน เพื่อเลือกส.ว.กันเองนั้น นายเสรีกล่าวว่า เชื่อว่าไม่สามารถป้องกันการบล็อกโหวตได้ เพราะถึงอย่างไรส.ว.กลุ่มต่างๆ ยังสามารถตกลงผลประโยชน์ แลกเปลี่ยนการลงคะแนนให้กันได้อยู่แล้ว คงไม่สามารถสกัดการฮั้วกันได้
นายเสรี กล่าวว่า เท่าที่ดูภาพรวมเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญของกรธ.ที่ปรากฏขณะนี้ เห็นว่ายังมีความน่าเป็นห่วงอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการให้มีส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่จะเปิดช่องให้กลุ่มทุนเข้ามาครอบงำพรรคการเมือง สุด ท้ายแล้วก็หนีไม่พ้นปัญหาเดิมๆ ที่นายทุนเข้ามาถอนทุนคืน อยากให้กรธ.เขียนเรื่องการแยกอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารออกจากกัน ระบุลงในรัฐธรรมนูญ ให้ชัดเจน เพราะหากยังเปิดช่องให้ส.ส.เป็นรัฐมนตรีได้อยู่ ก็หนีไม่พ้นปัญหาที่ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารยังคงต้องเกื้อกูล พึ่งพาหาผลประโยชน์ซึ่งกันและกันตลอดเวลา ระบบการเมืองยังเป็นรูปแบบเดิมๆ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนในวิธีการเลือกตั้งเล็กๆ แต่ไม่ได้นำไปสู่การปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริงยังน่าเป็นห่วงอยู่
กรธ.โต้เนติบริกร
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ.กล่าวถึงกรณีนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาวิจารณ์นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ที่ระบุถึงความจำเป็นที่ต้องบัญญัติการนิรโทษกรรมให้กับคสช. เป็นเนติบริกรรับใช้เผด็จการว่า ไม่แปลกใจที่นักการเมืองค่ายเพื่อไทยไม่ยอมรับกรธ. เพราะมีอคติตั้งแต่ต้น ฝ่ายเขาคิดว่าตนเองถูกตลอดโดยไม่คิดปรองดอง ทำบุญร่วมกันเพื่อประเทศจริงๆ ถ้ามีหลักว่า กรธ.เป็นพวกกับคสช.ตั้งแต่ต้นก็คงไม่ต้องมานั่งอธิบายกัน ทำไมถึงไม่คิดบ้างว่า กรธ.เป็นนักวิชาการที่คิดทำเพื่อสังคมบ้าง จึงขอให้วิจารณ์ด้วยหลักการ ไม่ใช้จินตนาการ ใช้อคติ
ส่วนกรณีที่มีคนออกมา ระบุว่า กรธ.จะซ่อนรูปคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญนั้น นายอุดมกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดกันเรื่องนี้ กรธ.กำลังหาแนวทางการปรองดองอยู่ ไม่ได้นำความคิดของคสช.มาเป็นตัวตั้งหลักก่อนความคิดเห็นของประชาชนกลุ่มอื่นๆ เเต่ห้ามใครวิจารณ์ไม่ได้ ขอให้มาคุยกันในบรรยากาศที่สร้าง สรรค์อยู่บนฐานของความเป็นจริงไม่ใช้จินตนาการอคติ เพราะไม่เกิดประโยชน์ ขอให้นักการเมืองอย่างมาดักทางสร้างเรื่องให้กรธ.ต้องมาแก้ตลอดเวลา ยืนยันว่าเราไม่ได้ซ่อนรูปคปป. ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งนั้น เพราะหลังจากร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องถูกเว้นวรรค 2 ปี อยากให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อได้ ไม่ได้เป็นเนติบริกรรับใช้เผด็จการตามที่กล่าวหาด้วย
สิงห์ชัยไม่ติดใจเลือกไขว้ส.ว.
นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีตส.ว.อุทัยธานี กล่าวถึงกรณีกรธ.กำหนดรูปแบบที่มาส.ว. ให้มีกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม ว่า ขณะนี้เป็น กระบวนการว่าทำอย่างไรที่มาส.ว.ถึงจะไม่มีข้อครหา การที่กรธ.กำหนดเป็นกลุ่มอาชีพนั้นตนเห็นด้วย แต่ก็ไม่ครอบคลุมเพราะไม่ได้มาจากประชาชนโดยตรง เพียงแต่ต้องหาวิธีการอย่างไรให้เกิดความหลากหลาย สำคัญที่สุดมากกว่าที่มาคือจะเอาส.ว.ไปทำอะไร ถ้าไม่ได้มาจากประชาชน สิ่งที่ไม่ควรทำคืออำนาจการถอดถอนทาง การเมือง ให้ส.ว. เป็นเพียงสภาที่เสนอแนะกลั่นกรองกฎหมาย อภิปรายเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีอำนาจถอดถอนและไม่มีอำนาจแต่งตั้งองค์กรอิสระโดยเด็ดขาด หากส.ว.ยังมีอำนาจอยู่ก็จะเข้ารูปแบบเดิม เพราะคนที่เลือกเข้ามาก็ต้องเป็นคนที่รู้จักกัน เป็นกลุ่มอำนาจเดียวกัน ไม่สร้างความชอบธรรม สุดท้ายก็กลับไปสู่ความขัดแย้งเหมือน เดิม
นายสิงห์ชัย กล่าวว่า ส่วนการให้แต่ละกลุ่มเลือกไขว้กันนั้นตนไม่ติดใจอะไร ต้องรู้จักกันอยู่แล้ว ส่วนว่าอาจทำให้เกิดการฮั้วหรือซื้อเสียงเกิดขึ้นนั้น คิดว่าซื้อเสียงโดย ตรงอาจจะไม่มี จะเป็นลักษณะแลกเปลี่ยนกันมากกว่า คือฉันเลือกเธอ เธอเลือกฉัน ซึ่งก็เป็นธรรมชาติ
"ผมชอบแบบเลือกโดยตรงมากกว่า เพราะมีความเชื่ออยู่ตลอดว่าการอยู่ร่วมกันหมู่มาก ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันก็คือระบอบประชาธิปไตย ซึ่งแม้จะไม่ดีที่สุดแต่เหมาะสมที่สุด ถ้าผิดก็ต้องยอมรับผิดร่วมกัน ถูกก็ยอมรับถูกร่วมกัน และเป็นวิธีเดียวที่ผมจะเข้าสู่สภาได้ ถ้าเป็นการเลือกแบบกลุ่มผมก็เข้าสภายาก จะไปรู้จักใครเพราะเป็นอดีตส.ว.บ้านนอก และผมก็มองเห็นภาพได้ว่ากลุ่มไหนจะได้เข้ามาเป็นส.ว. ดังนั้น ขอให้กรธ.ฟังประชาชนบ้าง" นายสิงห์ชัยกล่าว
สปท.ถกปฏิรูปเร่งด่วนหลังปีใหม่
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 กล่าวว่า ขณะนี้สปท.ได้ส่งแผนปฏิรูปประเทศชุดแรกของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูป สปท.ทั้ง 12 คณะที่ผ่านการประชุมของที่ประชุมสปท. เมื่อวันที่ 21-23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ให้กับคณะกรรมการประสานงานวิป 3 ฝ่ายเรียบร้อยแล้ว จากนั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือวิป สปท. จะกำหนดแผนดำเนินการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศในปี 2559 โดยตั้งเป้าหมายว่าใน ปี"59 จะต้องเป็นปีที่ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยจะเริ่มพิจารณาแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศ ที่เป็นประเด็นสำคัญเร่งด่วนที่สปท.จะประชุมในวันที่ 7-8 ม.ค.59 เมื่อที่ประชุมสปท.ลงมติเห็นชอบแผนดังกล่าวเรียบร้อยแล้วในวันที่ 8 ม.ค.59 ก็จะส่งให้ครม.พิจารณาเห็นชอบ หรือจะปรับปรุงแก้ไขต่อไป
กปปส.จี้เลิกคดีรบ.แห่งชาติ
นายถาวร เสนเนียม กรรมการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มทป.) กล่าวถึงข้อเสนอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า ขอให้เลิกคิด ขอให้การยกร่างรัฐ ธรรมนูญและการปฏิรูปประเทศไทยเป็นไปตามโรดแม็ปที่คสช.ได้ประกาศเอาไว้น่าจะดีที่สุด และขอให้ผู้ทำหน้าที่รักษากฎหมาย ทำงานอย่างเคร่งครัด การปรองดองและการอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ก็จะเกิดขึ้น ไม่ใช่รัฐบาลไม่ดี แต่ผู้ใช้กฎหมายกลับทำตัว เชลียร์รัฐบาลแบบไม่ลืมหูลืมตา มันก็ไม่ใช่แนวทางที่จะแก้ไขปัญหาได้
นายถาวร กล่าวว่า คนที่คิดเสนอรัฐบาลแห่งชาติคงคิดเอาเองว่าสามารถนำพาบ้านเมืองเดินหน้าไปข้างหน้าได้ แต่ถ้าไม่มีการตรวจสอบจากองค์กรหนึ่ง องค์กรใด ต่างคนต่างก็เป็นรัฐบาล แบบนี้ใครจะมาตรวจสอบใคร ใครจะทำหน้าที่เป็นปากเสียงแทนประชาชนและตรวจสอบการทุจริตก็จะเกิดขึ้นมาก เพราะฉะนั้นรัฐบาลแห่งชาติไม่จำเป็น หน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์คือปฏิรูปประเทศและดูแลการร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามโรดแม็ป และรักษากติกาอย่าให้มีการทุจริต ถ้าดูแลกองทัพก็ขอให้กองทัพเป็นเอกภาพด้วย เพราะขณะนี้กองทัพยังไม่เป็นเอกภาพแล้วจะมาปฏิรูปอะไร ส่วนเรื่องการปราบปรามการทุจริตก็ยิ่งหนักถ้าขณะนี้เปิดโอกาสให้พูดในสภา ตนจะหยิบยกให้เห็นภาพว่าหน่วยงานราชการใดบ้างที่ทุจริตในขณะนี้ ตั้งแต่การซื้อขายตำแหน่ง
ยันไม่มีม็อบป่วน"บิ๊กตู่"ลงใต้
นายถาวรกล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่ จ.สุราษฏร์ธานี และ จ.สงขลา ในวันที่ 28 ธ.ค. ว่า มีคนโทรศัพท์มาบอกตนว่ามีบางฝ่ายกังวลว่าประชาชนจะไปชุมนุมกันเพื่อร้องเรียนเรื่องปัญหาราคายางตกต่ำนั้น ตนเชื่อว่าไม่มีประชาชนออกไปเคลื่อน ไหวร้องเรียนอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะประสบปัญหาราคายางตกต่ำ หรือมีความทุกข์เรื่องราคาปาล์มตกต่ำ เชื่อว่าสิ่งที่เขาอยากได้อย่างแรกคือ เรื่องที่รัฐบาลบอกว่าจะจัดตั้งเมืองยางและอุตสาหกรรมขึ้นมา ดังนั้นขอให้รัฐบาลรีบดำเนินการ
นายถาวร กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลอยากจะส่งเสริมการท่องเที่ยวและอยากจะตั้งเมืองเศรษฐกิจพิเศษก็ขอให้รีบจัดงบประมาณไปดำเนินการ ศึกษา ออกแบบระบบเส้นทาง มอเตอร์เวย์ เหมือนที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับ อ.แม่สอด จ.ตาก เพราะที่ ด่านสะเดา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ธุรกิจค้าขายอยู่ที่ประมาณปีละ 4 แสนล้านบาท มากกว่าที่ อ.แม่สอด และเป็นเมืองที่มีรูปธรรมของการทำธุรกิจกับประเทศที่ร่ำรวยกว่าประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนนมอเตอร์เวย์ และเมืองหน้าด่าน หลังด่าน ดังนั้นเรื่องของการบริการก็ควรที่จะให้เกิดความสะดวกเต็มที่ เต็มใจและจริงใจ นี่คือข้อเรียกร้องของชาวสงขลา ดังนั้นขอให้สบายใจได้เรื่องที่เป็นห่วงว่าประชาชนจะไปชุมนุม เรารู้ว่าการชุมนุมเกิน 5 คน อาจจะถูกจับได้ เราจึงขอความจริงใจจากรัฐบาลให้เร่งดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์จะนำคณะเดินทางมาปฏิบัติราชการตรวจติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และเยี่ยมเยือนประชาชนชาวสุราษฎร์ธานี วันที่ 28 ธ.ค. เวลา 09.40 น. ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลโครงการปลูกกล้วยหอมทองแซมสวนยางพารา หมู่ที่ 4 ตำบลท่าเรือ อ.บ้านนา เดิม พื้นที่ผลิตกล้วยหอมทองส่งออก จากนั้นเวลา 10.15 น. ตรวจเยี่ยมกิจกรรมประชารัฐและโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง พบปะและมอบเงินช่วยเหลือตามโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง 150 ราย ที่โรงเรียนบ้านหนองเรียน หมู่ที่ 5 ต.นาใต้ อ.บ้านนาเดิม ก่อนเดินทางต่อไปยังสงขลา