- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 24 December 2015 22:27
- Hits: 6526
ศาลสั่ง'กปปส.'ชดใช้ 9 แสน คดีปิดล้อม'มท.'ตู่โชว์ผลงานรบ.
3 กปปส.'สมศักดิ์-สาวิทย์-คมสัน'อ่วม ศาลแพ่งพิพากษาชดใช้เงิน 9.4 แสนคดีบุกยึดกระทรวงมหาดไทย-กรมการปกครองเมื่อปี 2557 ส่วนคดีพุทธอิสระ-แกนนำนำม็อบปิดล้อม ดีเอสไอนัดตัดสินก.พ.ปีหน้า 'บิ๊กตู่-ครม.'ใช้เวลา 9 ชั่วโมงออกทีวีตีปี๊บผลงานรัฐบาลครบ 1 ปี ยันรัฐบาลอยู่ต่ออีกแค่ปีครึ่ง และไม่มีพิมพ์เขียวจากคสช. ศาลปกครองรับ คดีแม้วฟ้องอธิบดีกรมการกงสุลเพิกถอน พาสปอร์ตมิชอบ ไต่สวนทั้งสองฝ่ายแล้ว แต่ยังไม่มีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน กรธ.คืนสิทธิสภาผัว-สภาเมียลงส.ว.ได้ แต่ให้เป็นวาระเดียว 5 ปี'มีชัย'อ้างสูตรเขียนนิรโทษให้คสช.พ้นผิดคดีรัฐประหารทุกประการ เดอะเต้นสวนกลับบิ๊กโด่ง ยันพื้นปูนร้าวราชภักดิ์ไม่ใช่เกิดจากการหดตัว
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9157 ข่าวสดรายวัน
ผลงาน 1 ปี - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นำรองนายกฯ และคณะรัฐมนตรี แถลงผลการดำเนินงานรัฐบาลทุกด้านในรอบ 1 ปี โดยใช้เวลาแถลงรวมทั้งสิ้น 9 ชั่วโมง ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.
บิ๊กตู่แถลงผลงาน-เหลือเวลาปีครึ่ง
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 23 ธ.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานแถลงผลการดำเนินงานรัฐบาลในรอบ 1 ปี ว่าตนได้เตรียมวางรากฐานในช่วงเวลาที่เหลืออีก 1 ปี 6 เดือนจากนี้ เนื่องจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกขณะนี้ไม่ปกติ เราทดลองมา 83 ปี ครั้งนี้จึงอยากให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริง โดยวางยุทธศาสตร์ไว้ภายใน 20 ปี แต่จะล้มหรือไม่ล้มอยู่ที่ประชารัฐ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดจึงต้องร่วมมือกันทำงาน และอยากให้ช่วยกันอธิบายให้ต่างประเทศเข้าใจ ไม่ใช่สร้างความขัดแย้งภายใน ส่วนที่มีกลุ่มพีมูฟเดินขบวนจากเชียงใหม่มาร้องเรียน ขอให้กลับไปที่จังหวัดของท่าน อย่าเดินมา เพราะจะเสียเวลาเปล่า ยืนยันว่าไม่ต้องการเอา ที่ดินคืน แต่ต้องการจัดระเบียบใหม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนที่เสนอความเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญ ขอให้เสนอในช่องทาง อย่าไปเสนอข้างนอก ส่วนข้อเสนอของหลายภาคส่วนเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ให้ระบุตัวแทนพรรคมาเป็นนายกฯและนโยบายพรรค ลงในบัตรเลือกตั้ง จะต้องดูว่าทำได้หรือไม่ แต่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจน ส่วนการทำประชามติผ่านไม่ผ่านตนต้อง รับผิดชอบอยู่แล้ว ส่วนการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ต้องดำเนินการกับหัวโจกที่ทำผิดกฎหมายให้หมด เราจะต้องแก้ปัญหาไอยูยู ให้ได้ เพราะเหลือเวลาอีก 20 วัน ซึ่งวันที่ 20 ม.ค.2559 จะชี้ชะตาว่าไทยจะได้ใบแดงหรือใบเหลือง
ยันคสช.-รัฐบาลไม่มีพิมพ์เขียว
นายกฯกล่าวว่า คสช.มีหน้าที่รักษา ความสงบเรียบร้อย ไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าคสช.มีพิมพ์เขียว เพราะรัฐบาลไม่มีพิมพ์เขียวอะไรเลย เมื่อกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) กองทัพเสนอร่างแผนการปฏิรูปประเทศเข้ามาก็เอาไปรวบรวม ท่านจะเอาอันไหนก็เอา ไม่เอาก็คัดออก เพราะเป็นการรับฟังความ คิดเห็น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลงานของแต่ละกระทรวงจะแถลงอย่างละเอียดผ่านรายการเดินหน้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.2558-13 ม.ค.2559 เว้นวันศุกร์ที่มีรายการคืนความสุขให้คนในชาติ โดยเรียงตามตัวอักษร เริ่มจากกระทรวงกลาโหมและสิ้นสุดที่กระทรวงอุตสาหกรรม
'ประวิตร'ลั่นประเทศต้องมีทหาร
จากนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม แถลงด้านความมั่นคงว่า คสช.และรัฐบาลเข้ามาทำงานเพราะเกิดความแตกแยกในบ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์จึงใช้ความเด็ดขาดเข้ามายุติ ถึงวันนี้มีความสงบแล้ว โดยประชาชนมีส่วนร่วมให้เกิดความสงบ แต่ยังมีโซเชี่ยลมีเดีย และคำถามจากสื่อที่ทำให้ไม่สงบ เหมือนที่นายกฯเคยบอกว่าจะตั้งใครก็ถูกเตะตัดขา ก็ไปไม่รอด ฉะนั้นขอให้อยู่เฉยๆ ขอให้เป็นเวลาของคสช. รัฐบาล ทำงานเพื่ออนาคต ฝ่ายความมั่นคงต้องร่วมกันทั้งหมด ต้องประสานเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความมั่นคง
"กระทรวงกลาโหมไม่ได้อยู่เฉยๆ บางคนถามว่าทหารมีไว้ทำไม ใครถามอย่างนี้ เสียหาย ในโรงเรียนยังมีภารโรง ในบริษัทยังมียาม เพราะกลัวโจรขโมย แล้วจะไม่ให้ประเทศมีทหารได้อย่างไร ผมก็ไม่เข้าใจว่าคนถามใช้สมองอะไรถาม" พล.อ.ประวิตรกล่าว
รองนายกฯกล่าวว่า ตำรวจก็กำลังปฏิรูปในขั้นที่ 1 ตามโรดแม็ปนายกฯ เพื่อส่งให้รัฐบาลต่อไป ไม่ใช่เอะอะก็จะปรับโครงสร้าง มันไม่ใช่ แต่จะทำอย่างไรให้ตำรวจมีประสิทธิภาพ เข้มแข็ง พร้อมดูแลประชาชน ด้านต่างประเทศตามแนวชายแดนเราก็เข้มแข็ง เชื่อมโยง เชื่อมั่น รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ รักษาจุดผ่านแดนเพื่อให้ประชาชนไปมาหาสู่กันได้ ตั้งกองกำลังในพื้นที่ป้องกันปัญหายาเสพติด ลักลอบ เข้าเมือง เพื่อทำให้ประเทศเกิดความมั่นคง
อ้างปัญหาไฟใต้ลดลงมาครึ่งหนึ่ง
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปีที่ผ่านมาลดลงเกือบ 50% ตนมอบแนวทางในที่ประชุมกอ.รมน.แล้วว่า ปีหน้าถ้าประชาชนที่ไม่เข้าใจในรัฐบาล ไม่เข้าใจในประวัติศาสตร์ ไม่เข้าใจในเรื่องศาสนา จะกลับเข้ามาได้โดยในปี 2559 ก็จะทำให้ยุติเรื่องการสู้รบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยจะร่วมมือกัน ยึดนโยบายเดิน 3 ขาของนายกฯร่วมมือดูแล ช่วยเหลือประชาชนทุกภาคส่วน
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ส่วนการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ นายกฯมอบให้ทำในเวลา 6 เดือน ตนได้วางแนวทางและขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย กลาโหม ตร. หน่วยงานการข่าว ใช้เวลา 2 เดือนหาข่าว ซึ่งตอนนี้ครบแล้ว มีรายชื่อจำนวนมากส่งมาที่ตน และจะได้สกรีนทั้งหมดนี้โดยส่งเจ้าหน้าที่ลงไป ใครมีรายชื่อไม่มีรายชื่อตนก็ไม่ทราบ แต่เจ้าหน้าที่จะลงไปตรวจสอบว่าอันไหนจริงไม่จริง ใช้เวลา 2 เดือน ถ้าเสร็จตนจะเริ่มทำงานโดยนโยบาย 3 ขา ลงพื้นที่ โดยขออนุมัติจากนายกฯ ก่อนเพราะอาจจะปั่นป่วนทั้งประเทศ ขอฝากไว้เลยว่าใครที่ดำเนินการในสิ่งที่สร้างความไม่เรียบร้อยในแผ่นดินนี้ จงเลิกเสียเถิด เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย
วิษณุ โวลั่นไม่มีฝ่ายค้านกม.ฉลุย
ต่อมานายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ แถลงว่า รัฐบาลมีกฎหมายเป็นเครื่องมือสร้างผลงานทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การต่างประเทศ หากไม่มีกฎหมายรองรับ หรือใช้อำนาจเกินหรือข้ามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด รัฐบาลจะมีจุดจบที่ศาลยุติธรรม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลปกครอง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 22 พ.ค.2557 เป็นความทรงจำที่โหดร้าย และเสียดายโอกาสในการดำเนินงานที่ไม่ได้แก้ไข รัฐบาลนี้ไม่มีฝ่ายค้าน สามารถออกกฎหมายเร่งด่วน การใช้อำนาจตามมาตรา 44 แต่มีจุดอ่อนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งและรับสภาพโดยใช้วิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสแก้ไขปัญหา
รองนายกฯ กล่าวว่า 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลออกกฎหมายและมีผลบังคับใช้ 138 ฉบับ เตรียมเสนอเข้าสนช. 26 ฉบับ รวมเป็น 164 ฉบับ อาทิ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการอุดหนุนการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ พ.ร.บ.การทวงหนี้ที่ไม่เป็นธรรม กฎหมายภาษีมรดก ยืนยันว่ากฎหมายเหล่านี้แก้ปัญหาของประเทศก่อนวันที่ 22 พ.ค. 2557 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกยากในรัฐบาลเลือกตั้ง แต่ออกได้ในรัฐบาลนี้
เตรียมเชือดอีก 50 ขรก.-บิ๊กอปท.
นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลยังดำเนินการด้านปกครองที่ใช้กฎหมาย ระเบียบราชการและกระบวนการยุติธรรม กับเจ้าหน้าที่ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ซี 10 และ 11 ผู้บริหารท้องถิ่น ที่ถูกกล่าวหาโดยองค์กรตรวจสอบการประพฤติมิชอบ ทั้งป.ป.ง. ปปท. ป.ป.ช. และสตง. ที่ส่งถึงรัฐบาลออกคำสั่งพักงาน กว่า 100 ราย และขณะนี้มีบัญชีรายชื่อข้าราชการ เจ้าหน้าที่ มีทั้งผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารท้องถิ่น ที่เข้าข่ายเกี่ยวข้องทุจริต 50 ราย ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบบางเรื่องเพิ่มเติม ก่อนส่งถึงนายกฯ เพื่อพิจารณาออกคำสั่งดำเนินการทางวินัย ภายใน 3-7 วันนี้
รองนายกฯ กล่าวว่า ส่วนคดีที่นำเงินประชาชนไปใช้ดำเนินการอื่นๆ ซึ่งป.ป.ง.ใช้กฎหมายเข้าไปตรวจสอบพบความผิดปกติ ยึดและอายัดเงินไว้ เช่น คดีสจล. 1.1 หมื่นล้านบาท แชร์คดียูฟันด์ สโตร์ คดีทุจริตบีบีซี 200 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ยึดได้จะรวบรวมทำบัญชีเพื่อจ่ายคืนให้กับประชาชนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในแต่ละคดี โดยไม่ต้องให้ประชาชนฟ้องคดี นอกจากนี้รัฐบาลยังแก้ปัญหาสำคัญ 12 คดี ที่รัฐบาลเป็นโจทก์ 6 คดี และรัฐบาลถูกฟ้อง 6 คดี ที่มีมูลค่าฟ้องร้องจำนวนมาก บางคดีอยู่ในศาล อยู่ที่อัยการสูงสุด บางคดีมีข้อติดขัดเรื่องเอกสาร จึงต้องสำรวจจุดอ่อนและตั้งคณะทำงานขึ้นมากำกับคดีในแต่ละชุดโดยประสานกับอัยการ
วางระบบแต่งตั้งขรก.-ไร้เส้นสาย
นายวิษณุ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลจะทำในอนาคต ปี 2559 มีสิ่งที่ต้องดำเนินการในวันที่ 1 ม.ค.เป็นต้นไป 1.วางระบบแต่งตั้งข้าราชการตั้งแต่ระดับอธิบดีใหม่ทั้งหมด ไม่ให้ใช้ระบบเส้นสาย โดยเริ่มในวันที่ 1 ต.ค.2559 2.มีระบบการประเมินคุณภาพหน่วยงานและผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยงานแบบใหม่ โดยประเมินจากภารกิจปกติ และยุทธศาสตร์ที่มอบหมายพิเศษ และการลงพื้นที่ได้ทำครบตามพื้นที่ที่กำหนด จะมีสูตรประเมินก่อนสิ้นปี ซึ่งเริ่มใช้ 3 เดือนข้างหน้านี้ เพื่อให้ทันต่อการแต่งตั้งข้าราชการใหม่ 3.การปฏิรูปตำรวจ รัฐบาลจะปฏิรูปการแต่งตั้งการ บริหารงานบุคคล การกระจายอำนาจการบริหารงานตั้งแต่ผบ.ตร.ลงไป การปฏิรูประบบองค์กรตำรวจและอุปกรณ์เครื่องมือตำรวจ 4.กฎหมายเศรษฐกิจ ใช้หลักปฏิรูปแบบประชารัฐ ให้เอกชนมาร่วมคิดเพื่อสะท้อนให้ภาครัฐรับฟังปัญหา จะเริ่มในวันที่ 1 ม.ค.นี้
5.การขยายการเรียกเอกสาร 1 ปีครึ่ง จะขยายไปทุกหน่วยราชการ 6.ปฏิรูปการปราบปรามระหว่างรัฐและเอกชน 7.การปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมให้ทันสมัย นำระบบไกล่เกลี่ย ชะลอการฟ้องออกมาใช้ ปี 2559-2560 รัฐบาลจะมีกฎหมายเชิงนโยบายเข้าสภาหลายฉบับ ที่นายกฯ เร่งรัด อาทิ กลุ่มกฎหมายดิจิตอล กฎหมายเกี่ยวกับคนเข้าเมือง กฎหมายที่บูรณาการการทำงานข้ามกระทรวง เพื่อให้การบริหารโครงการสำคัญทำพร้อมกันได้ กฎหมายปฏิรูปการศึกษา
มี.ค.59 รธน.เสร็จ-ประชามติมิ.ย.
นายวิษณุกล่าวว่า ในเดือนมี.ค.59 รัฐธรรม นูญเสร็จ จากนั้น 3 เดือนจะทำประชามติ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแม็ป ทั้งหมดนี้จะทำได้จริงหรือไม่ จะมีตัวชี้วัด 2 ตัวใหญ่คือในและต่างประเทศ โดยธนาคารโลก ทั้งนี้ การพัฒนาประเทศเหมือนการปั่นจักรยานเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยมีกฎหมายเป็นเครื่องมือ มีรัฐบาลเป็นคนปั่นและแม่น้ำทั้ง 5 สาย ข้าราชการ 20 กระทรวง รวมทั้งประชาชนต้องอยู่ในขบวนนี้เพื่อขับเคลื่อนไปร่วมกัน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แถลงว่า กระทรวงมหาดไทยตอบสนองและเอานโยบายรัฐบาลไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ส่วนปัญหายาเสพติด ในอนาคตถ้าจับยาเสพติดที่ไหนได้ นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่จะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ และเราจะเข้มงวดเรื่องการออกเอกสารสิทธิ ต้องไม่มีทุจริต เทคนิค การออกโฉนดจะต้องรอบคอบ และพื้นที่ไม่ทับซ้อนกัน
เปิดแสดงผลงานรบ. 23-25 ธ.ค.
ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์มอบให้พล.อ.ประวิตรทำพิธีเปิดงานนิทรรศการผลงานรัฐบาลรอบ 1 ปี จัดขึ้นบริเวณบูธติดแอร์ ตลอดแนวถนนหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เป็นแนวยาว 500 เมตร แต่พล.อ.ประวิตรติดภารกิจ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงมอบต่อให้พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ แต่พล.อ.ธนะศักดิ์ก็ติดภารกิจเป็นประธาน การประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ที่สำนักหอสมุดแห่งชาติ จึงมอบต่อให้พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯ แต่ก็ติดภารกิจเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติที่ตึกบัญชาการ จึงมอบให้นาย สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นประธานในพิธีเปิดและเดินเยี่ยมชมนิทรรศการแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งานนิทรรศการจัดขึ้นวันที่ 23-25 ธ.ค.นี้ เยี่ยมชมได้ตั้งแต่ 08.30-16.30 น. บูธต่างๆ ประกอบด้วยบูธของกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ รวมถึงแม่น้ำ 5 สาย ได้แก่ คสช. สนช. สปท. ก็จัดโชว์ ผลงานด้วย
ใช้เวลา 9 ชั่วโมง-แจกแจงผลงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงผลงานในรอบ 1 ปีของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลา 9 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 08.30-17.15 น. ซึ่งนายกฯแถลงกว่า 1 ชั่วโมง 20 นาที อย่างไรก็ตาม การแถลงผลงานครั้งนี้ สำนักนายกฯ จะทำหนังสือบทสรุปสำหรับผู้บริหารผลงานรัฐบาลรอบ 1 ปี และกระทรวงต่างๆ จะจัดทำผลงานเป็นเอกสารเพื่อแจกจ่าย ให้ประชาชนรับทราบด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการแถลงผลงานในช่วงบ่ายนั้น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นำแถลงผลงานด้านเศรษฐกิจ และให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเศรษฐกิจแถลงผลงาน ส่วนรัฐมนตรีกลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ท่องเที่ยว กลุ่มสังคม ได้ยกยอดไปแถลงในวันที่ 25 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. และนายกฯจะแถลงสรุปปิดท้ายอีกครั้งในเวลา 16.00 น. อย่างไรก็ตาม การแถลงในช่วงบ่ายเป็นไปอย่างราบเรียบ แม้นายกฯจะกำชับให้รัฐมนตรีอยู่ร่วมรับฟังการแถลงของกระทรวงต่างๆ จนกว่าจะจบงาน ก่อนจะปลีกตัวเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่จ.กาญจนบุรี แต่ยังมีรัฐมนตรีบางส่วนที่ทยอยเดินทางกลับ ขณะที่รัฐมนตรีที่อยู่รับฟังการแถลงตั้งแต่ต้นจนจบในวันนี้ อาทิ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ
บิ๊กตู่เขียนจม.-คสช.ดุจหมออาสา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์เขียนบทความจากใจนายกฯ ลงในจดหมายข่าวรัฐบาลเพื่อประชาชน ฉบับที่ 16 โดยระบุว่า 10 ปีแล้วที่ประเทศไทยป่วยร่างกายอ่อนแอ เพราะไม่เข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ปราศจากการวางรากฐานการพัฒนาที่ดีอย่างต่อเนื่อง ขาดภูมิคุ้มกัน ปล่อยให้เชื้อโรคร้ายกัดกินสังคมไทย อาทิ การทุจริต ความเหลื่อมล้ำ จิตใจไม่สงบจนขาดสติ ขัดแย้งกันทางการเมืองนำไปสู่การแตกแยก และไม่มีทุนชีวิตต่อสู้โรคร้าย เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติถูกดึงมาใช้อย่างไร้วินัย ประเทศไทยจึงป่วยเรื้อรัง ขาดสมดุลใน 4 มิติ คือการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
นายกฯระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 เป็นต้นมา คสช.เปรียบเสมือนหมออาสาเข้ามาดูแลและรักษาอาการป่วยของประเทศ ด้วยแผนการรักษา 3 ระยะ 1.การให้ยาตามอาการป่วยและผลข้างเคียง มุ่งระงับความขัดแย้งทางการเมือง แก้ปัญหาเร่งด่วนทางสังคม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศต่อไปให้ได้ 2.การผ่าตัดเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอวัยวะ ทั้งภายในและภายนอก อาศัยความร่วมมือจากหมอในหลายสาขาด้วยกัน รัฐบาลบริหารขับเคลื่อนประเทศ สนช.ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัย สปช.และสปท.กำหนดกรอบแนวทางการปฏิรูปประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญในการปกครองและบริหารประเทศ และ 3.การคืนนักกีฬาสู่สนามแข่งขัน คือเป้าหมายสุดท้าย ในการทำงานของตน รัฐบาล และคสช.ในการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่อนาคตที่ดีกว่า
อ้างทุกคืนทุกวันคิดถึงแต่ชาวไทย
นายกฯกล่าวว่า วันที่ 12 ก.ย.2557 ถึงวันนี้ตนนำทีมประเทศไทยมุ่งมั่นทำงานภายใต้นโยบาย "ทำก่อน ทำจริง ทำทันที" มีผลสัมฤทธิ์และยั่งยืนในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สร้างความปรองดองให้คนในชาติ จัดระเบียบสังคมและประเทศเพื่อรองรับความท้าทายใหม่และการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยหลัก 3 ประการคือ น้อมนำหลักปรัญญาเศรษฐกิจ พอเพียง การใช้โครงสร้างการทำงาน การยึดแนวทางประชารัฐ
"ทุกคืนและวันที่ผมตื่นเช้าขึ้นมา ผมคิดอยู่เสมอว่าทำอย่างไรให้คนไทยทุกคนมีร่างกายเข้มแข็ง กินอิ่มนอนหลับ มีแรงทำงาน มีรายได้เลี้ยงครอบครัว และมีจิตใจที่สุขสงบ ยึดมั่นในค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ เพราะการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนต้องยึดถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ปชป.ให้คะแนนคสช.เต็ม 100
วันเดียวกัน นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแถลงผลงานรัฐบาล 1 ปีว่า ตนไม่อยากให้คะแนน ขอให้ประชาชนเป็นผู้ให้คะแนนจะดีกว่า ตนห่วงใยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับอาเซียน จึงต้องถามว่า นโยบายด้านเศรษฐกิจมีอะไรเป็นปัญหาและการปฏิรูปเศรษฐกิจคืออะไร เนื้อหามีอะไรบ้าง เพราะวันนี้ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม ขอให้รัฐบาลอธิบายให้ชัด
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาลที่ตนให้ 100 คะแนนเต็ม คือ เรื่องความมั่นคง สร้างความสงบเรียบร้อย สมานฉันท์ให้คนในชาติได้ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจปี 2558 มองว่ายังทรงตัว แต่ไม่ถือว่าดีหรือแย่ เนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องเม็ดเงิน ค้างท่อโครงการต่างๆ แต่โดยรวมแล้วดีกว่ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะเลือด ไม่ไหลออกโดยไร้ประโยชน์
พท.ชี้ระบบไม่ปกติ-ต้องออกเร็วๆ
ด้านนายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแถลง ผลงานรัฐบาลว่า ถ้าจะตอบว่าสอบผ่านหรือไม่ผ่านคงไม่ตรงกับสถานการณ์ในขณะนี้ เพราะรัฐบาลนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติทางการเมือง การปกครอง ซึ่งมีข้อจำกัดในการบริหารประเทศ ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกประเทศหลายประการ จึงตั้งข้อสังเกตไว้ 2 ประการคือ 1.รัฐบาลให้ความสำคัญ หรือคุณค่ากับสิ่งที่ตนเองได้ประกาศเป็นเจตนารมณ์หรือวัตถุประสงค์สำคัญของการเข้ามายึดอำนาจที่ว่า ต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติหรือไม่ ซึ่งพิสูจน์ได้จากการดำเนินงานของรัฐบาลเอง ว่าได้ทุ่มเทแก้ปัญหาดังกล่าวหรือไม่ และได้วางตนเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่เป็นกลาง เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติหรือไม่
นายชวลิต กล่าวต่อว่า 2.การปฏิวัติ รัฐประหาร เหมือนกับการผ่าตัดคนป่วย ซึ่งแพทย์ที่จะผ่าตัดต้องชำนาญ และปัจจัยสำคัญอีกประการคือ ต้องใช้เวลาผ่าตัดให้เสร็จในเวลาอันรวดเร็ว หากใช้เวลานาน ผิดปกติร่างกายคนป่วยจะบอบช้ำจากการผ่าตัดมาก และโอกาสที่ผู้ป่วยจะรอดชีวิตก็มีน้อย เช่นเดียวกับประเทศชาติ ถ้าใช้ระยะเวลาเปลี่ยนผ่านที่นานผิดปกติ ประชาชนจะ เดือดร้อน เฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจปากท้องประชาชนที่ขณะนี้โพลทุกสำนักสำรวจได้ข้อมูลตรงกันว่าเป็นห่วงปัญหาเศรษฐกิจสูงสุด ทำอย่างไรระบบที่ไม่ปกติเมื่อเข้ามาเร็วควรออกเร็ว เพื่อให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงกับประชาคมโลกให้ได้โดยเร็ว ซึ่งคงจะเห็นพ้องต้องกันว่า เราไม่สามารถอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ได้
นพดล ยันพท.ไม่เอารบ.แห่งชาติ
นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีตรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอแนวคิดเรื่องรัฐบาลแห่งชาติเพื่อแก้ปัญหาขัดแย้งในประเทศว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของสมาชิกพรรคเพื่อไทย อาจมีเจตนาดี แต่ไม่ใช่ความเห็น ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคไม่เคยคุยกัน ในเรื่องนี้ จึงขอชี้แจงเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคตามวิถีทางประชาธิปไตย และสนับสนุนการปรองดองแห่งชาติที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของประชาธิปไตยและความยุติธรรม
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรอง นายกฯ และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข้อเสนอรัฐบาลแห่งชาติว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ใช่ข้อเสนอของพรรค เพราะพรรคไม่สามารถจัดประชุมสมาชิกได้ คสช.ยังไม่อนุญาต และตนเชื่อมั่นว่าแนวคิดนี้คงไม่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมของสมาชิกพรรคอย่างแน่นอน และคงไม่มีใครบ้าพอจะไปเห็นด้วยกับแนวคิดเช่นนี้ เนื่องจากประชาชน ที่เลือกพรรคเพื่อไทย ต้องการให้พรรคเป็นรัฐบาลทำหน้าที่บริหารประเทศแทนพวกเขา เพราะเขามั่นใจในนโยบายพรรค ไว้วางใจ คนและทีมงานของพรรค
'ปึ้ง'เหน็บผลงานบิ๊กตู่คือ 2 เพลง
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งทุกครั้ง ที่ผ่านมา พรรคได้รับชัยชนะมาตลอด จู่ๆ จะมาทรยศหักหลังประชาชนที่เขาเลือกเรามาโดยไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ให้คนอื่น ซึ่งเป็นใครไม่รู้มานั่งนายกฯ บริหารบ้านเมืองแทนพวกเรา คงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่พรรคจะทำเช่นนั้น เดี๋ยวพวกไร้ฝีมือและไม่มีประชาธิปไตยอยู่ในหัวใจ ก็กระโดดเข้ามา ชุบมือเปิบมานั่งเป็นนายกฯ บ้านเมืองก็จะประสบชะตากรรมที่ยากจะคาดเดาได้ ขอย้ำอีกครั้งว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของพรรคคงไม่เอาด้วยกับแนวคิดของนายปรีชา
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงรัฐบาลแถลงผลงานว่า ผลงานที่นายกฯทำได้สำเร็จและคืนความสุขให้คนไทยได้ถูกใจ น่าจะเป็นการแต่งเพลง ขึ้นมา 2 เพลง ที่คนไทยทุกคนเปิดทีวีแล้วจะได้ยินทุกวัน "ขอคืนความสุขให้ประชาชน" และเพลงใหม่ซิงเกิลล่าสุด 'เพราะเธอคือประเทศไทย' ต้องขอชมเชยด้วยใจจริง ที่จริงนายกฯน่าจะนำมาเสนอเป็นผลงานชิ้นโบแดงในวันแถลงผลงานรัฐบาลในวันนี้ และผลงานชิ้นนี้รัฐบาลไม่ต้องไปทำโพลผ่านสำนักต่างๆ ที่ผลออกมาแล้วไม่เคยตรงกับความเป็นจริงสักครั้ง ส่วนใหญ่มักทำขึ้นมาเอาใจนายแทบทั้งสิ้น
ยิ่งลักษณ์อวยพรปีใหม่ชาวไทย
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวอวยพรเนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2559 ว่าขออวยพรให้ประชาชนมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองให้ประชาชนชาวไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความสุขความเจริญ และขอเป็น กำลังใจให้กับประชาชนทุกคน ในปี 2559 นี้ ส่วนตัวอยากเห็นคนไทยมีความสุข มีรอยยิ้ม มีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ว่าจะทำธุรกิจหรือประกอบอาชีพเกษตรกร อยากเห็นทุกคน มีความสุขทั้งสุขภาพกายและจิตใจที่ดี มีความมั่นคงในชีวิตครอบครัวและกิจการงาน ที่สำคัญกว่านั้นอยากเห็นรอยยิ้มของคนไทย
'บิ๊กหมู'ซัดใส่สื่อถามแตกแยก
ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. กล่าวถึงการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนว่า ขอให้นำเสนอข่าวที่ดีๆ อย่าไปเพิ่มช่องทางให้กับคนไม่ดี เอาข่าวต่างๆ มาออก มันไม่ดี ทำความแตกแยกให้กับสังคม คนดีๆ เขาเลยไม่อยากให้สัมภาษณ์ เราไปเสนอข่าวแต่คนที่ต้องการจะมีปัญหา ไปให้ความสำคัญกับข่าวไม่ดีมากเกินไปมันไม่ได้เรื่อง ใครไม่รู้โผล่ออกมาอยู่คนเดียว เรามาช่วยกันดีกว่า ปีใหม่แล้วมาอยู่กันอย่างเพื่อน เป็นมิตร มองหน้ากันมีความสุขกันดีกว่า เรื่องแตกแยกเลิกเถอะ เราเดิน ไปข้างหน้าด้วยกัน บ้านเมืองจะได้สงบ ลูกหลานจะได้อยู่อย่างสบาย
"สื่อเวลาถามคำถามชอบถามให้แตกแยก จะไปถามทำไม ถามเรื่องความสร้างสามัคคีในชาติ การดูแลกัน ดูแลเจ้าหน้าที่เขาเหนื่อยยากลำบากตามแนวชายแดน หรือประชาชนที่เดือดร้อน หาข่าวอย่างนั้นดีกว่า" พล.อ. ธีรชัยกล่าว
'มีชัย'อ้างสูตรต้องนิรโทษฯ คสช.
ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) เปิดเผยว่า การประชุมแม่น้ำ 5 สายเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ไม่ได้ฝากอะไรกรธ. เป็นพิเศษ ส่วนใหญ่หารือการทำแผนปฏิรูปประเทศและการแถลงผลงานของรัฐบาล ส่วนความคืบหน้าการร่างรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ได้พิจารณาโครงสร้างของวุฒิสภาเสร็จสิ้นแล้ว โดยส.ว.จะแบ่งตามกลุ่มวิชาชีพ 20 กลุ่ม จะกำหนดรายละเอียดและวิธีการเลือกตั้งส.ว.ทางอ้อมไว้ในร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐ ธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.ต่อไป และเท่าที่ตรวจดูการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า จะมีกี่มาตรา ต้องรอพิจารณาหลักการและเนื้อหาเสร็จสิ้นก่อน
เมื่อถามว่า ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จำเป็นหรือไม่ที่ต้องบัญญัติการนิรโทษกรรมให้กับคสช. นายมีชัยกล่าวว่า คงต้องกำหนดไว้เหมือนกับรัฐธรรมนูญในอดีต เพราะเป็นสูตรที่ต้องมีไว้ในรัฐธรรมนูญ
ที่มาส.ว.รวม 200 คน-จาก 20 กลุ่ม
ที่รัฐสภา นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ แถลงความคืบหน้าในการประชุมกรธ.ซึ่งได้พิจารณาหลักการของร่างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวุฒิสภา(ส.ว.) สรุปสาระสำคัญดังนี้ ส.ว.มีจำนวน 200 คน โดยมีที่มาจาก 20 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.ด้านการบริหาร ความมั่นคง หรือการต่างประเทศ 2.ด้านกฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรม 3.ด้านการบัญชี การเงิน การคลัง หรืองบประมาณ 4.ด้านการศึกษาหรือวิจัย 5.ด้านการสาธารณสุข 6.ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโน โลยี 7.ด้านศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วรรณกรรม การแสดง หรือการกีฬา 8.ด้านกสิกรรม หรือป่าไม้ 9.ด้านปศุสัตว์ หรือประมง 10.ด้านลูกจ้าง ผู้ใช้แรงงาน องค์กรลูกจ้าง หรือองค์กรนายจ้าง
11.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค การสื่อสาร สื่อสารมวลชน 12.ด้านผู้ประกอบการธุรกิจ การค้า หรือการธนาคาร 13.ด้านผู้ประกอบการอุตสาหกรรม 14.ด้านผู้ประกอบวิชาชีพ 15.ด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง ที่อยู่อาศัย หรือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 16.ด้านทรัพยากร ธรรมชาติ หรือพลังงาน 17.ด้านองค์กรชุมชน 18.ด้านผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส หรือสตรี 19.ด้านอาชีพอิสระ และ 20.ด้านประชาสังคม
วาระ 5 ปี-กำหนดคุณสมบัติเข้ม
นายอุดมกล่าวว่า วุฒิสภาไม่ได้ทำหน้าที่สภาพี่เลี้ยงเหมือนในอดีตที่ผ่านมา แต่ให้ทำหน้าที่โดยให้นำความรู้ ความสามารถ ในประสบการณ์มาช่วยในการบริหารบ้านเมือง โดยกำหนดคุณสมบัติของวุฒิสภาที่สำคัญ 1.ไม่กำหนดวุฒิการศึกษาว่าต้องจบระดับปริญญาตรี 2.มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในกลุ่มอาชีพนั้นๆ ไม่ต่ำ กว่า 10 ปี โดยผู้ที่จะลงสมัคร ส.ว.จะต้องมีความผูกพันกับพื้นที่นั้นๆ ประกอบไปด้วยอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ การเกิด ที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ประวัติการศึกษา ในพื้นที่ และประวัติการทำงานในพื้นที่ 3.ไม่จำกัดสิทธิคู่สมรส หรือบุพการี และบุตร ของผู้ดำรงตำแหน่งส.ส. หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ 4.สามารถสมัครได้โดยตรงโดยไม่ต้องมี "นิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไร" มารับรองเพื่อไม่ให้ผู้สมัครผูกพันกับนิติบุคคลนั้นๆ
โฆษก กรธ.กล่าวว่า 5.ผู้สมัครต้องเปิดเผยหลักฐานการเสียภาษีย้อนหลัง 1 ปี 6.ส.ว. มีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี และเป็นได้เพียงวาระเดียวตลอดชีวิต ไม่สามารถกลับมาเป็นส.ว.ได้อีก 7.ส.ว.หากจะออกไปดำรงตำแหน่ง ส.ส.หรือรัฐมนตรี จะต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ว.แล้วเป็นเวลา 5 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ไปผูกพันกับผลประโยชน์ทางการเมือง ในทางกลับกันหากอดีตส.ส.ต้องการมาสมัครส.ว. ก็ต้องพ้นจากการเป็นส.ส.มาแล้ว 5 ปีเช่นกัน 8.คุณสมบัติของวุฒิสภา ห้ามไม่ให้มีคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งเท่านั้นและถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจากองค์กรอิสระหรือศาล แม้คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุดเนื่องจากอุทธรณ์ก็ไม่สามารถลงสมัครส.ว.ได้
ปัดเคาะให้อดีตสนช.-สปท.-สปช.
นายอุดม กล่าวถึงกรณีอดีตส.ว.ที่พ้นจากตำแหน่งยังไม่ครบ 5 ปี รวมถึงอดีตสปช. สปท. และสนช. จะสามารถลงสมัครส.ว. ตามหลักเกณฑ์ของกรธ.ได้หรือไม่นั้น ว่า ที่ประชุมกรธ.ยังไม่ได้พิจารณาในเรื่องนี้ แต่ความเห็นส่วนตัวคิดว่าน่าจะสมัครได้ เนื่องจากระบบของส.ว.เป็นรูปแบบใหม่ รวมไปถึง สปช. สปท. สนช. ล้วนมาจากการแต่งตั้ง ยังไม่เคยใช้หลักเกณฑ์ตามร่างรัฐธรรมนูญในเรื่องเกี่ยวกับที่มาส.ว. ส่วนตัวจึงเชื่อว่าคนเหล่านี้น่าจะสมัครส.ว.ได้
เมื่อถามว่า ทำไมกรธ.ถึงเปิดช่องให้คู่สมรส บุพการี และบุตร ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาสมัครส.ว.ได้ ซึ่งเปรียบเหมือนกับสภาผัว-เมีย นายอุดมกล่าวว่า กรธ.เล็งเห็นว่าหากปิดช่องดังกล่าวไว้จะเป็นการตัดสิทธิส่วนบุคคล อีกทั้งหน้าที่ของส.ว.เน้นเรื่องความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการเข้ามาทำงาน จึงเชื่อว่าคนที่จะเข้ามาเป็นส.ว.ย่อมเป็นที่ยอมรับจากคนในกลุ่มที่เลือกเข้ามาอยู่แล้ว ประกอบกับรูปแบบการเลือกตั้งทางอ้อมที่มีระบบคัดกรอง 3 ชั้น ตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศ เชื่อว่าจะได้บุคคลที่เชื่อมโยงกับนักการเมืองได้น้อยลงและหน้าที่ของวุฒิสภาก็ไม่มีเรื่องการถอดถอนนักการเมืองแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่จะไปจำกัดสิทธิคนเหล่านั้น
สปท.เดินหน้านิรโทษกรรมทุกฝ่าย
ที่รัฐสภา นายสมพงษ์ สระกวี สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) กล่าวถึงแนวทางการนิรโทษกรรมของกมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมืองว่า ตอนนี้ไม่ตั้งอนุกมธ.ขึ้นมาพิจารณาแล้ว โดยเปลี่ยนเป็นใช้ กมธ.ด้านการเมือง แบบเต็มคณะ เพื่อทำเรื่องการปรองดองและนิรโทษกรรม ประเด็นดังกล่าวจะเริ่มพิจารณาหลังปีใหม่ ซึ่งจะทำคู่กับศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) และของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เบื้องต้นวาระการพิจารณาจะประเมินจากทุกฝ่าย เช่น พรรคการเมือง และผู้รู้ รวมถึงแนวทางที่คณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับบรรยากาศของบ้านเมือง
"ตอนนี้เราค่อยๆ แลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องนี้กับกอ.รมน. ซึ่งรัฐบาลมีแนวทางนิรโทษกรรม และสร้างปรองดองที่ต้องทำให้เสร็จก่อนเลือกตั้งในปี 2559-60 นาทีนี้ทุกคนอยากให้มีการนิรโทษ แต่ไม่ใช่สุดโต่งไปทางหนึ่งทางใด ผมยืนยันว่าต้องนิรโทษทุกฝ่าย ยกเว้นแกนนำ แต่หากสถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้นและคดีต่างๆ ตัดสินแล้ว ก็ค่อยมาว่ากัน จะนิรโทษให้แกนนำอย่างไร"นายสมพงษ์กล่าว
เสรีไม่เอาสว.ทางอ้อม-ปะจระเข้
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสปท. กล่าวถึงกรธ. กำหนดที่มาของส.ว.แบบเลือกตั้งทางอ้อม โดยมาจากกลุ่มอาชีพต่างๆ ว่า มีข้อเสีย เรื่องการบล็อกโหวตหรือการกำหนดคะแนน ทำให้เกิดการซื้อเสียงได้ในแต่ละกลุ่ม และจะได้คนที่ไม่ได้คุณสมบัติอย่างที่ต้องการ ซึ่งกรธ.ควรออกรูปแบบมาไม่ให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น เชื่อว่ากรธ.คงแก้ไขอีก เพราะถ้าตอบไม่ชัดก็ต้องแก้ข้อเสนอเหล่านี้ การคิดอย่างนี้เป็นการหนีเสือปะจระเข้ หนีปัญหาอย่างหนึ่งไปเจออีกอย่างหนึ่ง
นายเสรี กล่าวว่า ยิ่งให้มีการเลือกไขว้กัน กลายเป็นให้คนที่ไม่รู้จักกันเลือกกันเอง คนที่ได้คะแนนคือคนที่จะซื้อเข้ามาเท่านั้น แม้จะกำหนดกลุ่มอาชีพอย่างไร ก็เชื่อว่าจะได้ไม่ครบทุกอาชีพ ทางที่ดีที่สุด คือเปิดให้เลือกอย่างอิสระ ให้ผู้สมัครทั้งจังหวัดเลือกกันเอง 1 คน จะเลือกได้ 3 คน โดยเอาคะแนนสูงสุด 3 เท่าของจำนวนที่จะได้เป็นส.ว.ในจังหวัดนั้นๆ แล้วส่งชื่อให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก จนเลือกจำนวนที่จะเข้ามาเป็นส.ว.แต่ละจังหวัด หากทำเช่นนี้จะไม่สามารถบล็อกโหวต ได้ และไม่มีการซื้อใครทั้งสิ้น รวมถึงยังมีความได้มาซึ่งความหลากหลายด้วย
เรืองไกรยื่นสตง.-ส่วนต่างยาง 300 ล.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นหนังสือต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อตรวจสอบการซื้อขายยางพารากับจีน
นายเรืองไกรกล่าวว่า จากการติดตามสัญญาซื้อขายผลิตภัณฑ์ยางขององค์การ สวนยาง (อสย.) ที่ขายให้บริษัท ไชน่าไห่หนาน ตามสัญญาวันที่ 21 พ.ย.2557 และยกเลิกสัญญาไปเมื่อต้นเดือนธ.ค. 58 พบว่า สัญญาดังกล่าวมีการส่งมอบยางไปแล้ว 3 หมื่นตัน หรือ 30 ล้านกิโลกรัม จากการขายยางดังกล่าวมีการระบุในภาคผนวกสัญญาว่าจะอ้างอิงราคา FOB วันที่ 13 ต.ค.57 ที่ 50.95 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งแตกต่างจากราคาที่ครม.มีมติเมื่อวันที่ 21 ต.ค.57 รับทราบหลักเกณฑ์การขายยาง ในราคาไม่ต่ำกว่า 60 บาทต่อก.ก. จึงตั้งข้อสังเกตว่าสัญญาทำขึ้นหลังจากครม.มีมติประมาณ 30 วัน แต่ทำไมในเอกสารแนบท้ายจึงใช้ราคาของวันที่ 13 ต.ค.57 ซึ่งต่ำกว่าประมาณ 10 บาทต่อก.ก.
"ยางที่ซื้อขายและส่งมอบกันไปแล้ว 30 ล้าน ก.ก. หากคิดตามส่วนต่างที่ประมาณ 10 บาทต่อก.ก. ก็อาจสงสัยได้ว่า ส่วนต่างที่เกิดขึ้นประมาณ 300 ล้านบาทนั้น รัฐเสียประโยชน์หรือไม่ และจะส่งผลให้ราคายางในปัจจุบันลดลงหรือไม่ โดยอ้างอิงราคาที่ปรึกษารมว.เกษตรฯ ระบุไว้เมื่อต้นเดือนธ.ค.58 ที่ 41 บาทต่อก.ก. จึงทำหนังสือตามข้อมูลที่กล่าวไว้ ส่งให้สตง.ตรวจสอบต่อไป เพื่อให้สตง.ได้รักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินไม่ให้รั่วไหลในลักษณะที่เกิดจากการหาประโยชน์จากส่วนต่างของราคาโดยไม่ชอบ" นายเรืองไกรกล่าว
'จ่านิว'ร้องกสม.ถูกทหารกักตัว
ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแกนนำกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ พร้อมนักศึกษา 2 คน เดินทางมาพบนายวัส ติงสมิตร ประธานกสม. เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียน กรณีถูกทหารตำรวจกักตัวระหว่างเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. รวมทั้งกรณีถูกออกหมายเรียกในคดีมั่วสุมหรือชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
นายสิรวิชญ์ กล่าวว่า กลุ่มนักศึกษายื่นเรื่องเพื่อให้กสม.ตรวจสอบใน 4 ประเด็นคือ 1.ขอให้ตรวจสอบการทำงานของพนักงานรถไฟสถานีบ้านโป่งที่ตัดตู้รถไฟ ขณะที่กลุ่มกำลังเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ถือเป็นการลิดรอนสิทธิในการเดินทาง 2.ตรวจสอบตำรวจและทหารทุกนายที่ขัดขวางการเดินทาง 3.ตรวจสอบกรณีการควบคุมตัวนายธเนตร อนันตวงษ์ โดยไม่ชอบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่กระทำในลักษณะอุ้มหาย และคสช.ยังออกคำสั่งมารองรับการกระทำที่ไม่ชอบด้วย และ 4.ตรวจสอบกรณีนายทหารพระธรรมนูญไปแจ้งความดำเนินคดีกับนักศึกษา 11 คนที่เดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ตั้งข้อหาว่ามั่วสุมทางการเมือง ทั้งที่ไปตรวจสอบทางกายภาพของโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีเรื่องทุจริตในการก่อสร้าง แต่ถูกดำเนินคดี และถูกออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2
ประธานกสม.พร้อมตรวจสอบ
ด้านนายวัสกล่าวว่า การพิจารณาคำร้องของกสม.มี 2 ช่องทาง 1.เมื่อยื่นคำร้องมาที่สำนักงาน จะส่งให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองไปพิจารณาว่าอยู่ในอำนาจของคณะอนุกรรมการสิทธิด้านใด 2.วิธีเร่งด่วน โดยคำร้องไม่ต้องผ่านอนุกรรมการกลั่นกรอง แต่ส่งตรงไปที่คณะอนุกรรมการสิทธิในด้านที่อยู่ในอำนาจพิจารณา ซึ่งจะใช้เวลาสั้นกว่าช่องทางแรก แต่หากคำร้องเป็นเรื่องคาบเกี่ยวกับอนุกรรมการสิทธิด้านอื่นๆ ประธานอนุฯในด้านที่เกี่ยวข้องจะมาร่วมประชุม แต่จะให้อนุกรรมการสิทธิในด้านที่ถูกละเมิดสิทธิหลักๆ เป็นผู้รับผิดชอบพิจารณาคำร้อง หากส่งคำร้องมาก็จะพิจารณาได้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกลุ่มนักศึกษาหารือกับประธานกสม.แล้ว ได้เขียนคำร้องยื่นต่อกสม.โดยจะส่งเอกสารเพิ่มเติมให้กับกสม.ในภายหลัง
นศ.ลั่นดำเนินคดีจนท.มาตรา 117
นายสิรวิชญ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ว่ายังตัดสินใจอยู่ว่าจะไปตามหมายเรียกในวันที่ 29 ธ.ค.หรือไม่ หากไม่ไปก็ไม่แน่ใจว่าจะออกหมายจับ หรือไม่ ซึ่งทางกลุ่มยืนยันว่าพร้อมไปพบ เจ้าหน้าที่ในวันที่ 9 ม.ค.2559 เพราะช่วงปีใหม่ไม่พร้อมไปจริงๆ ยืนยันว่าพวกตนไม่มีพฤติกรรมหลบหนี แต่เตรียมใจไว้แล้วหากจะออกหมายจับ
นายสิรวิชญ์ กล่าวด้วยว่าขณะนี้ทางกลุ่มเตรียมจะฟ้องการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ต่อศาลปกครอง กรณีรฟท.ไม่ลำเลียงผู้โดยสารไปถึงปลายทาง และดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 117 กับเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ ที่ควบคุมตัวนักศึกษาที่สถานีรถไฟบ้านโป่ง เพราะถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และละเมิดสิทธิอย่างร้ายแรง
เต้นสวนบิ๊กโด่งปูนร้าว-ไม่ใช่หด
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า น่าสงสัยว่าพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เห็นภาพรอยแตกร้าวที่ตนนำมาแสดงหรือยัง จึงให้สัมภาษณ์ว่ารอยร้าวดังกล่าวเกิดจากปูนหดตัว ทั้งที่ภาพชัดเจนว่าเป็นการแตกร้าวของคอนกรีต ซึ่งกรรมการตรวจสอบควรหาความจริงด้วยว่า 1.วัสดุที่ใช้บดอัดรองรับพื้นคอนกรีตได้คุณภาพหรือไม่ 2.ความหนาของพื้นคอนกรีตและค่าความแข็งแรงของคอนกรีตที่ใช้ตรงตามข้อกำหนดในแบบก่อสร้างหรือไม่ และ 3.เหล็กเสริมที่ใช้ตรงตามแบบหรือไม่
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนเห็นต่างจากพล.อ.อุดมเดช ที่ว่าเรื่องนี้สาระน้อย เพราะการก่อสร้างพื้นคอนกรีตในอุทยานซึ่งเปิดใช้เพียง 3 เดือน แต่เกิดชำรุดขึ้นหลายจุดนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบกับการก่อสร้างถนนหรือลานคอนกรีตของหน่วยงานต่างๆ หากเกิดความเสียหายทั้งที่เพิ่งสร้างเสร็จ จะถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใส หากไม่ตรวจสอบโดยละเอียด เมื่อเวลาผ่านไปมากขึ้นอาจเกิดความเสียหายยิ่งกว่านี้ โดยเฉพาะคุณภาพ ของวัสดุที่ใช้จัดสร้างองค์รูปหล่อ ควรเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ เพราะสังคมตั้งคำถามกันมากว่าเมื่อมีการหักหัวคิวจะส่งผลต่อการเลือกใช้วัสดุหรือไม่
'บิ๊กป้อม'โต้ปิดกั้นนศ.สอบราชภักดิ์
"ผมไม่ต้องการตอบโต้กับพล.อ.อุดมเดช หรือใครในรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หากการตรวจสอบไม่ให้ความจริงกับประชาชน เชื่อว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการรักษาอำนาจของรัฐบาล การตอบคำถามด้วยความรู้สึกส่วนตัวจึงไร้ความหมาย แต่สาระที่ประกอบด้วยข้อมูลหลักฐานต่างหากที่ประชาชนอยากได้" นายณัฐวุฒิกล่าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่ม 11 นักศึกษา ร้ององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น กรณีถูกปิดกั้นการเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่อ.หัวหิน ด้วยการโดยสารขบวนรถไฟว่าจะปิดกั้นอะไร ก็รู้ว่าตรวจสอบอยู่ เอาไฟฉายไปกันคนละอันแล้วจะตรวจสอบได้หรือไม่
ศาลสั่ง 3 กปปส.ชดใช้ 9 แสน
เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ศาลแพ่งมีคำพิพากาษคดีที่กรมการปกครองเป็นโจทก์ ฟ้อง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข เป็นจำเลยที่ 1 นายคมสัน ทองศิริ เป็นจำเลยที่ 2 และนายสาวิทย์ แก้วหวาน เป็นจำเลยที่ 3 เหตุเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2556 จำเลยทั้งสาม ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมคณะกรรมการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมพื้นที่กระทรวงมหาดไทยและกรมการปกครอง จึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ เรียกค่าเสียหาย 1,636,426.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีทั้งพยานบุคคลและภาพถ่ายยืนยันได้ว่า จำเลยทั้งสามเป็นผู้นำกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปปิดล้อมพื้นที่ของโจทก์ ที่จำเลยทั้งสามอ้างว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและไม่วางใจการบริหารราชการของรัฐบาลที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญนั้น
ศาลเห็นว่า ไม่มีเหตุใดที่ยกเว้นความรับผิดของจำเลยทั้งสามหรือผู้ชุมนุมหากมีการกระทำอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายขณะชุมนุมการที่จำเลยทั้งสามนำผู้ชุมนุมเข้าไปในพื้นที่ของโจทก์เป็นเวลานานกว่า 5 เดือน ทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของโจทก์ ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ตามปกติต้องไปทำงานที่ทำการชั่วคราว จึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย ได้แก่ ค่าอุปกรณ์สำนักงานเพื่อปฏิบัติงานที่ที่ทำการชั่วคราว 101,000 บาท ค่าจ้างเหมารถตู้เพื่อรับส่งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ไปที่ทำการชั่วคราว 50,000 บาท ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงระหว่างปฏิบัติงานที่ที่ทำการชั่วคราว 4,000 บาท ค่าทรัพย์สินอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของราชการที่สูญหายจากการกระทำของกลุ่มผุ้ชุมนุม 791,000 บาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 946,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ส่วนอาวุธปืนของโจทก์ที่อ้างว่าสูญหาย ไม่มีพยานหลักฐานฟังได้ว่าอาวุธปืนโจทก์สูญหายไปจริง จำเลยทั้งสามไม่ต้องรับผิดส่วนนี้
ด้านนายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายความจำเลย กล่าวว่าเตรียมจะยื่นอุทธรณ์คดีนี้ ซึ่งจำเลยทั้ง 3 ก่อนหน้านี้ถูกกระทรวงมหาดไทยยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก 1 สำนวนซึ่งศาลแพ่งมีคำพิพากษาไปแล้วให้ชดใช้กว่า 3 แสนบาท ซึ่งคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ทั้งนี้ คดีที่กปปส.ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหน่วยราชการในการชุมนุมนั้น มีทั้งสิ้น 3 สำนวน อีกสำนวนหนึ่งคือคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยื่นฟ้องพุทธอิสระกับพวก ซึ่งคดีจะนัดตัดสินวันที่ 15 ก.พ.2559
สำหรับ การฟ้องเรียกค่าเสียหายกับกลุ่ม กปปส.ในการชุมนุมนั้น ยังมีคดีที่พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องพุทธอิสระ หรือพระสุวิทย์ ธีรธัมโม,พล.ต.สมเกียรติ วัฒนวิกย์กิจ,นายชุมพล จุลใส,นายนิติธร ล้ำเหลือ และน.ส. อัญชลี ไพรีรัก แกนนำกปปส. เป็นจำเลยที่ 1-5 เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 2,663,409 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากกรณีเดือน ธ.ค.56 ที่จำเลยทั้ง 5 เป็นแกนนำกปปส. พาผู้ชุมนุมร่วมกันเข้าไปในอาคารดีเอสไอ แล้วทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งโจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 18 พ.ย.2557 โดยศาลแพ่งนัดอ่านคำพิพากษาคดีนี้ ในวันที่ 15 ก.พ.59 เวลา 09.00 น.
ศาลปค.รับฟ้องคดีพาสปอร์ตแม้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ธ.ค. ที่ศาลปกครองกลาง ศาลนัดไต่สวน คำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว คดีหมายเลขดำที่ 2115/2558 ระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ฟ้องคดี กับอธิบดีกรมการกงสุล ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน ผู้ถูกฟ้องคดี ในคดีพิพาทเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางเลขที่ U957411 และ Z530117 ของนายทักษิณ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฝ่ายของผู้ฟ้องคดี มีทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจคือนายวัฒนา เตียงกูล เป็นผู้นำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงต่อศาล ฝ่ายผู้ถูกฟ้องมีนายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล และตัวแทนของปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการไต่สวน
นายวัฒนาเปิดเผยภายหลังการไต่สวนว่า ตอนนี้ศาลพิจารณารับคำฟ้องคดีดังกล่าวแล้ว และวันนี้มาชี้แจงต่อศาล เนื่องจากในคำฟ้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งศาลได้ไต่สวนเพิ่มเติมคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย โดยเราขอเพิ่มเติมพยาน 1 ปาก คือนายจุลพงษ์ โนนศรีชัย อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ แต่ศาลยังเห็นว่าในขั้นตอนคำขอคุ้มครองชั่วคราว ยังไม่จำเป็น จึงให้ทำเป็นหนังสือชี้แจงเป็นถ้อยคำชี้แจงต่อศาลภายใน 7 วัน ซึ่งในชั้นไต่สวน คำขอคงจบแค่นี้ หลังจากนั้นต้องรอองค์คณะตุลาการพิจารณาต่อไปว่าจะมีคำสั่งอย่างไร
นายวัฒนา กล่าวว่า หากศาลมีคำสั่งรับฟ้องและคุ้มครองชั่วคราว ศาลจะส่งสำนวนคำฟ้องไปยังผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 รายเพื่อทำคำให้การชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 30 วัน นับตั้งแต่ได้รับสำเนาคำฟ้อง จากนั้นศาลจะส่งคำให้การของผู้ถูกฟ้องให้กับผู้ฟ้องเพื่อคัดค้านคำให้การของผู้ถูกฟ้องคดีภายใน 30 วันเช่นกัน และศาลจะมีกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริง จึงไม่สามารถตอบได้ว่าคดีจะใช้เวลาพิจารณานานแค่ไหน
เมื่อถามว่า ถ้านายทักษิณ ชนะคดีนี้จะเป็นอย่างไร นายวัฒนากล่าวว่า ผลคดีเราไม่ได้คาดหวัง แค่ขอใช้สิทธิของกระบวนการยุติธรรมในฐานะผู้ได้รับผลกระทบ ถ้าศาลมีคำสั่งตามคำขอแล้ว จะได้หนังสือเดินทางเล่มใหม่หรือไม่ ต้องดูระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศด้วย