- Details
- Category: การเมือง
- Published: Wednesday, 23 December 2015 21:24
- Hits: 9123
รอยร้าวแค่ปูนหด โด่งแจง อัดเต้น-สาระน้อย บิ๊กตู่แต่งเพลง เธอคือปท.ไทย ของขวัญปชช. ชำแหละ1ปีรบ. พท.จี้แก้ไข 6 ข้อ
'บิ๊กโด่ง'ต้พื้นอุทยาน ราชภักดิ์ร้าว แค่ปูนหด ตัว เย้ย'ณัฐวุฒิ'สาระน้อย เตรียมทุ่มงบก่อสร้างระยะ 2 ส่วนของพิพิธภัณฑ์ 'บิ๊กป้อม' ยันใช้งบบริจาค ไม่ใช่เรื่องคอร์รัปชั่น พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกรอบ 2 'จ่านิว' กับพวก 29 ธ.ค.นี้ ลั่นถ้าไม่มาเจอหมายจับ กลุ่มปชต.ใหม่เข้าให้ข้อมูล 'ยูเอ็น' กรณีถูกคุกคาม บิ๊กตู่แต่งเพลง 'เพราะเธอ คือประเทศไทย' เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ปฏิเสธตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อไทยถลกผลงานรัฐบาลปี 58 จี้ทบทวน 6 ประเด็น กรธ.เคาะที่มาส.ว.ให้เลือกตั้งทางอ้อมแบบไขว้ ลอกแบบสภาสนามม้า
วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9156 ข่าวสดรายวัน
โชว์ฟันดาบ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ โชว์ท่าฟันดาบร่วมกับนักแสดงกระตั้วแทงเสือ ที่กระทรวงวัฒนธรรม นำมารณรงค์การแสดงของไทย และเหวี่ยงดาบหยอกล้อกลุ่มผู้สื่อข่าวด้วย ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.
'บิ๊กตู่'ควงอีโต้โชว์
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนการประชุม นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม นำคณะเข้าเชิญชวนจัดกิจกรรม "ขวัญปีใหม่ จากรัฐบาลไทยนำความเป็นไทยสู่ใจประชาชน 3 กิจกรรม" และนำการแสดงศิลปวัฒนธรรม "กระตั้วแทงเสือ" มาโชว์ ระหว่างชมการแสดง พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ช่วยกันฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมทุกเรื่อง เพราะถ้าฟื้นฟูเพียงเรื่องเดียว เช่น กระตั้วแทงเสือจะถูกสื่อกล่าวหาเชื่อมโยงบูรพาพยัคฆ์ นอกจากนี้นายกฯ ยังเรียกนักแสดงที่ถืออีโต้ในชุดกระตั้วแทงเสือมาฟันสื่อมวลชน แต่เมื่อนักแสดงทำท่าไม่ได้ดั่งใจ นายกฯ จึงคว้าอีโต้มาฟันโชว์เอง พร้อมเหวี่ยงอีโต้ทำท่าเหมือนจะฟันกลุ่มนักข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม ครม.แต่ละกระทรวงนำของขวัญมามอบให้กับครม. อาทิ กระทรวงพาณิชย์ นำกระเช้าสินค้าชุมชน ฟาร์มเอาต์เลต 40 ชุด กระทรวงสาธารณสุข นำผลิตภัณฑ์จากองค์การเภสัช สมุนไพร กระทรวงมหาดไทย นำสินค้า โอท็อป อาทิ เครื่องชามเบญจรงค์ เครื่องแก้ว เครื่องปั้นดินเผา
แต่งเพลงเป็นของขวัญปีใหม่
เวลา 13.05 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้ เจ้าหน้าที่กองงานโฆษกประจำสำนักนายกฯ นำเพลง "เพราะเธอคือประเทศไทย" มาเปิดให้สื่อมวลชนฟังระหว่างรอการแถลงข่าวของนายกฯ ความยาว 4 นาที 8 วินาที พล.อ. ประยุทธ์ เป็นผู้เขียนเนื้อเพลง กองดุริยางค์ทหารบกเรียบเรียงเนื้อร้อง และขับร้องโดย จ.ส.ท.พงศธร พอจิต แห่งวงหัสดนตรีกองดุริยางค์กองทัพบก ที่เคยขับร้องเพลง "คืนความสุขให้ประเทศไทย"
พล.อ.ประยุทธ์ เผยว่า เพลงดังกล่าวเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน และที่เขียนเนื้อเพลงที่มีคำว่า "ฉัน" นั้น ไม่ใช่ฉันคนเดียว แต่หมายถึงสื่อด้วย จะเขียนว่าใจของสื่อก็ไม่ใช่ หากจะเป็นใจของครม. คสช.ก็ไม่คล้องจอง มันต้องฉัน เพราะทุกคนคือหนึ่งเดียวที่จะต้องเอาหัวใจลมหายใจ เอาชีวิต มาช่วยกันทำให้บ้านเมืองไปข้างหน้า นี่คือเจตนาของตน ปีละครั้งที่เขียนและเรียบเรียงแล้วส่งให้คนไปเรียบเรียงเพิ่มเพื่อความเพราะขึ้น ถือเป็นของขวัญส่วนตัวของตน
นายกฯ กล่าวว่า เนื้อเพลงที่แต่งเองถ้าจะให้ตนร้องก็ร้องได้ แต่ไม่อยากร้องโชว์ตอนนี้ บทเพลงนี้คือทุกคนต้องทุ่มเทหัวใจ ใช้ลมหายใจและสองมือมาร่วมมือกัน เพราะเพียงสองมือของคนคนเดียว ลมหายใจของคนคนเดียวไม่สามารถสานต่ออะไรได้ ฝันก็ไม่สำเร็จ สิ่งที่ทำก็อาจเรียกว่าเป็นความฝันเพราะไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เคยได้รับการแก้ไข เมื่อตนเข้ามาก็ฝันและคิดมาตลอดว่าแม่น้ำ 5 สายจะเดินอย่างไร ซึ่งก็เดินไปได้ไม่ผิด นำเพลงมาออกในวันนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการแถลงผลงาน จึงขอให้ช่วยกันรวมสองมือเป็น 70 ล้านคู่ แล้วหัวใจ 70 ล้านดวง ลมหายใจ 70 ล้านคน ทำประเทศนี้ไปข้างหน้า เรามีโอกาสมากแต่ก็มีวิกฤตด้วย ขอให้คิดเองว่าเลือกโอกาสหรือวิกฤต
เตรียมออกกฎหมายช่วยปชช.
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมครม. อวยพรปีใหม่กันเองก่อนเพื่อจะมีกำลังใจทำงานต่อให้ถึงปีใหม่ สัปดาห์หน้าจะให้ของขวัญประชาชน ซึ่งไม่ใช่เงินทองหรือลดแลกแจกแถมอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องกฎหมายในอนาคต ส่วนการรับของขวัญของข้าราชการและครม.ก็มีกติกาอยู่แล้ว และอยู่ที่คนให้ด้วย อย่าเอาไปให้แล้วทำให้ผู้รับมีความผิด ส่วนการให้ของขวัญในราคาไม่เกิน 3 พันบาทนั้นเป็นกฎหมายเฉพาะครม. ข้าราชการการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการจัดระเบียบคดีความต่างๆ ที่ยังค้างอยู่ว่าคดีส่วนใหญ่เป็นเรื่องความไม่เป็นธรรม ตรงนี้ต้องทบทวน ตนให้เวลาในปี 2559 แต่ไม่ได้เร่ง หลายคดีที่ไม่ชัดเจนทั้งคดีการเงิน คดีอาญา คดีความบกพร่องต่างๆ และคดีความรับผิดชอบ ก่อนปี 2560 ต้องเรียบร้อย ต้องเอาทุกกลุ่มเข้ามา ถ้าไม่ทำแบบนี้เรื่องปรองดองสมานฉันท์ไม่ต้องมาพูดกัน เพราะเป็นเรื่องกฎหมาย ต้องมีคนผิดคนถูกก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง จะได้หรือไม่ตนยังไม่รู้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้สัญญาว่าต้องปรองดองได้แล้วยกโทษให้ทั้งหมด ไม่ใช่ ต้องทำส่วนแรกและอยู่ในกระบวนการยุติธรรมก่อน ดูผลตัดสินว่าอย่างไร ทั้งหมดจะแก้ด้วยกฎหมายหรืออย่างไร ทุกฝ่ายไม่ต้องกังวลว่าจะสีนี้สีโน้น ทุกฝ่ายถ้าเกิดก่อนวันที่ 22 พ.ค. ต้องทบทวนใหม่หมดและให้เกิดความเท่าเทียม เข้าใจ ไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้ ที่ผ่านมาเห็นว่าฝ่ายหนึ่งยอมอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอม อยู่อย่างนี้มาตลอด คนที่ยอมเข้าสู่กระบวนการขึ้นศาล แต่อีกพวกหนึ่งกฎหมายผิดทั้งหมด ผิดทั้งประเทศ ถูกอย่างเดียวคือสิ่งที่เขาทำ ถูกหมด อย่างนี้ควรจะสร้างความเข้าใจใหม่
ลงใต้ดูเมืองยางพารา
นายกฯ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าก่อนเทศกาลปีใหม่ตนจะลงพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานีและสงขลา เพื่อติดตามนโยบายประชารัฐและโครงการเมืองยางพารา การเปิดด่านชายแดนสะเดา และด่านบ้านประกอบ ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ตนเน้นย้ำข้าราชการในพื้นที่ว่าต้องการรับฟังรายงานว่าได้ลงมือทำตาม นโยบายไปมากน้อยเท่าไร มีปัญหาตรงไหน ตรงตามนโยบายหรือไม่ ถ้าไม่ตรงจะได้สั่งการแก้ไขและจะได้หางบประมาณกลางให้
ลั่นไม่เป็นนายกฯให้พรรคการเมือง
เมื่อถามถึงนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข แกนนำ พรรคเพื่อไทย เสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตอนแรกพรรคเพื่อไทยไม่เคยเสนอแบบนี้และแต่ก่อนเขาก็ ไม่ยอม เมื่อถามว่ามีการเสนอให้พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่เป็น ผมไม่เป็นนายกฯ ให้กับนักการเมืองที่ไหนทั้งสิ้น ยืนยันตรงนี้ไม่เป็น เป็นแล้วผมสั่งได้หรือเปล่า จะไปทำตามเขาและจะไปเป็นตัวแทนเขาทำไม เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่เรื่อย เดี๋ยวเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่เป็น ผมกลับไปเลี้ยงหลานดีกว่า เสียเวลาเปล่า เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาให้ผมมีอำนาจสั่ง"
นายกฯ กล่าวถึงการแถลงผลงาน 1 ปีรัฐบาลและการจัดนิทรรศการวันที่ 23-25 ธ.ค.ว่า ตนให้ความสำคัญในการแถลงผลงานวันที่ 23 ธ.ค. เพื่อสร้างความเข้าใจว่ารัฐบาลสร้างความเชื่อมโยงมาอย่างไร จนถึงวันนี้เหลือเวลาอีก 1 ปี 6 เดือน เราจะทำอะไร ต่อไปและเตรียมส่งต่อรัฐบาลหน้า สำหรับยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลทำ 1 ปี 6 เดือน จนถึงก.ค. 2560 ต่อไปจะมียุทธศาสตร์ห้วงละ 5 ปี ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 แผน ซึ่งจะจบในปี 2579 จะใส่แผนพัฒนาน้ำ แผนพัฒนารถไฟ การปฏิรูปให้สอดคล้องกับยุทธ์ศาสตร์ แต่ถ้าไม่ทำก็เป็นเรื่องของรัฐบาลหน้า เพราะตนเริ่มให้แล้ว
"หลายคนบอกว่ารัฐบาลใช้เงินเปลือง ทุจริตคือทุจริต หากทุจริตเขาก็มีกลไก จะบอกว่าทุจริตปากเปล่าไม่ได้ต้องมีต้นเรื่อง มีคดีความ มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ เข้ากระบวนการทั้งหมด ทุกคดีของรัฐบาลมีกระบวนการตรวจสอบกันเองเพราะเป็นข้าราชการ ฉะนั้น การตรวจสอบทางวินัยเขาเริ่มก่อน ถ้าตรวจสอบแล้วไม่ชัดเจน ประเด็นไหนที่มีความผิดก็ส่งต่อไปคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่ามากล่าวอ้างกันเฉยๆ ทำไม่ได้ มันก็ยุ่งกันไปหมด" นายกฯ กล่าว
รับโพลชี้ศก.ยังไม่ดี
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงสำนักงานสถิติ แห่งชาติ เสนอผลสำรวจเกี่ยวกับของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล และการบริหารงานของรัฐบาลเพื่อนำมาปรับปรุงการทำงาน ในที่ประชุมครม.ว่า ภาพรวมผลการรายงานก็ดูดีแต่ที่ไม่ดีคือเรื่องเศรษฐกิจ วันนี้เศรษฐกิจมหภาคยังตกอยู่ ถ้าไปดูตัวเลขประจำเดือนหลายประเทศในอาเซียนตก 17 เปอร์เซ็นต์ แต่เราตก 5 เปอร์เซ็นต์ ต้องดูว่าตกเพราะอะไร มีแผนการเผชิญความเสี่ยงอย่างไร
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับผลงานรัฐบาลเรื่องที่ชอบมากที่สุดคือเรื่องความมั่นคง สร้างความสงบเรียบร้อยให้สังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี และเราทำให้บ้านเมืองเรียบร้อยขึ้น ไม่ให้มีการประท้วง ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ใช้อาวุธ ถ้าถามความพอใจผลงานรัฐบาลนั้น ถ้างานยังไม่เสร็จก็ยังไม่พอใจ ถ้าเสร็จแล้วจึงจะพอใจ วันนี้ตนไม่มีคะแนนเสียง บอกแล้วว่าต่อให้นิยมชมชอบเท่าไรตนก็อยู่ไม่ได้อยู่แล้ว ไปประเมินมาว่าความสุขของประชาชนเท่าไร ไปถามมา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คะแนนผลโพลตัวเลขที่เห็นส่วนใหญ่กว่า 90-95 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจคะแนนตกอยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ อาจเพราะเขาไม่เข้าใจ ส่วนเรื่องของขวัญที่ประชาชนอยากได้จากรัฐบาลคือเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก ตนกำลังแก้ไขอยู่ ทั้งเศรษฐกิจมหภาค เศรษฐกิจข้ามชาติ การลงทุนต่างๆ แก้เท่าที่ทำได้เต็มที่แล้ว เดี๋ยวปีหน้าจะดีขึ้นเอง วันนี้ไปดูเรื่องคะแนนด้านความเชื่อมั่นก่อนที่มีคะแนนสูงสุดเพิ่มขึ้นในรอบ 14 เดือน
เชื่อมสัมพันธ์ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ่ายรูปคู่กับอดีตรมต.และอดีตส.ส.เพื่อไทย ในกิจกรรมเตะฟุตบอลเชื่อมสัมพันธ์ ทั้งยังแจกปฏิทินรูปตัวเองคู่กับนายทักษิณ ชินวัตร เป็น ของขวัญปีใหม่ด้วย ที่สนามกรีนฟิลด์ ถ.รามอินทรา เมื่อ 22 ธ.ค. |
ปชช.พอใจคุมราคาลอตเตอรี่
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า ครม.รับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงานผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 27 พ.ย.-4 ธ.ค. จากการลงพื้นที่สอบถามสอบกลุ่มตัวอย่าง 2,700 คนทั่วประเทศ พบร้อยละ 88.2 ติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลผ่านรายการคืนความสุขมากที่สุด ร้อยละ 90 รับทราบถึงการดำเนินโครงการต่างๆ ร้อยละ 92 พึงพอใจผลการดำเนินงานที่ผ่านมา 3 ลำดับแรก ได้แก่ การควบคุมราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล การจัดสวัสดิการเพื่อพี่น้องประชาชน การแก้ไขปัญหายาเสพติด ร้อยละ 98.9 เชื่อมั่นส่วนความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศ
ส่วนเสียงสะท้อนการทำงานกลับมายังรัฐบาล ร้อยละ 53.2 ต้องการให้ควบคุมสินค้าอุปโคบริโภคไม่ให้มีราคาแพง ร้อยละ 35.7 ต้องการให้แก้ปัญหาราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำ พิจารณาเป็นรายภาคพบว่าเกือบทุกภาคยกเว้นภาคอีสาน ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการควบคุมสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้มีราคาแพงสูงกว่าเรื่องอื่น ขณะที่ภาคอีสาน ต้องการให้แก้ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ
แจงคิวรบ.แถลงผลงาน
พล.ต.สรรเสริญแถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งให้ครม. ทราบถึงการแถลงผลงานรัฐบาล วันที่ 23 ธ.ค. เวลา 08.30 น. โดยนายกฯ จะแถลงภาพรวมนโยบายทั้ง 6 กลุ่มงาน และงานที่เชื่อมโยงกับแม่น้ำทั้ง 5 สาย ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นให้รองนายกฯ 6 คน อธิบายรายละเอียดงานแต่ละด้าน นโยบายเร่งด่วนและการแก้ไขคืบหน้าอย่างไร จะส่งต่อให้รัฐบาลต่อไปอย่างไร จากนั้นนายกฯ จะรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันสื่อมวลชน ช่วงบ่ายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในแต่ละกลุ่มงานจะชี้แจงรายละเอียดย่อยแต่ละเรื่อง การปฏิรูปอะไรบ้าง จากนั้นนายกฯจะกล่าวสรุปปิดอีกครั้งในวันที่ 25 ธ.ค. เวลา 15.00 น.
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า รัฐมนตรีจะชี้แจงประเด็นการทำงานเพิ่มเติมผ่านรายการเดินหน้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.2558- 13 ม.ค.2559 เว้นเย็นวันศุกร์ที่มีรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ส่วนการแถลงผลงานจะทำเป็นเอกสารฉบับย่อความหนา 40-50 หน้า โดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ข้อสั่งการของนายกฯ แต่ละเรื่องพร้อมสมุดภาพประกอบ เอกสารชี้แจงของแต่ละกระทรวง แจกให้กับสื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะ นิทรรศการแถลงผลงานจะจัดแสดงวันที่ 23-25 ธ.ค.
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ แจ้งให้ครม.ทราบถึงการลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจต่างๆ เพื่อติดตามงานของรัฐบาล ในปี 2559 โดยจะเริ่มลงพื้นที่ครั้งแรกวันที่ 28 ธ.ค.นี้ ช่วงเช้าที่จ.สุราษฎร์ธานี และช่วงบ่าย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อติดตามเรื่องเมืองยางพารา หรือรับเบอร์ซิตี้ และตรวจด่านศุลกากร อาจเป็นด่านอ.สะเดา หรือด่านบ้านประกอบ อ.นาทวี
สนช.ร่วมโชว์ผลงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สนช.จะจัดแสดงนิทรรศการผลงานของสนช. ในรอบ 1 ปี วันที่ 23-25 ธ.ค. ที่บริเวณนอกรั้วทำเนียบรัฐบาลฝั่งถนนนครปฐม เพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงานของสนช.ที่สอดคล้องกับรัฐบาล เชื่อมโยงการทำงานของแม่น้ำ 5 สายที่จะขับเคลื่อนสู่การปฏิรูปประเทศ โดยแบ่งตาม กลุ่มภารกิจ 6 ด้านได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ด้านวัฒนธรรม ท่องเที่ยว กีฬา และกิจการด้านอื่นๆ ด้านการศึกษา การวิจัย เทคโนโลยีสารสนเทศ และพลังงาน ด้านสังคม และด้านเศรษฐกิจ รวมถึงผลงานภาพรวมการทำหน้าที่สนช. อาทิ อำนาจหน้าที่ของสนช. การแสดงสถิติข้อมูล สถานะ กฎหมาย การแสดงผลงานเด่นของคณะกรรมาธิการ
พท.ชำแหละผลงานรบ. 1 ปี
วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทย สรุปสถานการณ์ ด้านต่างๆ ในรอบปี 2558 จากการติดตามการบริหารของรัฐบาลชุดปัจจุบันอย่างใกล้ชิดตลอดปีที่ผ่านมา 1. การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น การรัฐประหารมักยกเรื่องการทุจริตของรัฐบาลขณะนั้นเป็นเหตุผลหลักเข้าคุมอำนาจ รัฐบาลปัจจุบันเช่นกันประกาศให้ความสำคัญกับนโยบายปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง แต่เมื่อปรากฏข่าวการทุจริต ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลหลายเรื่องไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ล่าสุดคือความคลางแคลงใจการทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ ถือเป็นเรื่องใหญ่ ขณะที่รัฐบาลมีอำนาจเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ไม่มีการถูกตรวจสอบหรือเป็นไปโดยยากลำบาก ขณะที่มาตรา 44 ถูกใช้ในหลายกรณี
2. เศรษฐกิจฝืดเคือง รัฐบาลไม่เข้าใจปัญหา หรือขาดศักยภาพในการแก้ไขปัญหา 1 ปีกว่า ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งหวังไว้ เปลี่ยนทีมเศรษฐกิจยกชุดก็ยังไม่ดีขึ้น เพราะทุกกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจหยุดชะงัก การส่งออกติดลบ การลงทุนต่างประเทศหดหาย เศรษฐกิจฐานรากฝืดเคือง เงินในระบบไม่หมุนเวียน คนมีเงินไม่กล้าใช้เงิน คนจนหรือคนส่วนใหญ่ที่อยากใช้เงินแต่ไม่มีเงินให้ใช้ ต้นเหตุสำคัญ คือรัฐบาลขาดนโยบายสนับสนุนราคาสินค้าเกษตร ปัญหาภัยแล้งไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง การยกเลิกโครงการจำนำข้าวโดย ไม่ได้กำหนดนโยบายสำหรับเกษตรกรอื่นๆ มารองรับ
การปฏิรูปยังเลื่อนลอย
3. ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนรุนแรง เลือกปฏิบัติ หากการใช้สิทธิเสรีภาพกระทบกระเทือนรัฐบาลและ คสช. หรือเพื่อตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือการปฏิบัติงานของรัฐบาลและ คสช. หรือบุคคลในรัฐบาลและ คสช. นอกจากถูกสั่งห้าม ข่มขู่ ขัดขวางแล้ว ผู้ใช้สิทธิยังต้องเผชิญกับมาตรการทั้งตามกฎหมายและนอกกฎหมายที่สร้างความเดือดร้อนไปยังตน ญาติและผู้ใกล้ชิด พลเรือนที่ถูกกล่าวหาในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงหรือความผิดตามประกาศหรือคำสั่งของ คสช. ต้องขึ้นศาลทหาร
4. ความเชื่อมั่นต่างประเทศถดถอย ส่งผลกระทบทั้งต่อการค้าและการลงทุน เห็นได้ชัดทุกครั้งที่ผู้นำรัฐบาลเดินทางไปประชุมในเวทีโลกมักถูกผู้นำหลายประเทศตลอดจนเลขาธิการสหประชาชาติสอบถามและเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง คืนอำนาจอธิปไตย และโอกาสที่จะได้พบหารือทวิภาคีกับผู้นำของกลุ่มประเทศในซีกโลกที่เป็นประชาธิปไตยก็ดูจะน้อยลงตามไปด้วย
5. การร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เชื่อมั่นประชาชน และสับสนในหลักการประชาธิปไตย นำประเทศไปสู่ความขัดแย้งและไร้ทางออกผู้ร่าง ควรตระหนักว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ควรเป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง ควรทำให้เกิดการปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ ต้อง เชื่อมั่นว่ากระบวนการประชาธิปไตยตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญสามารถแก้ปัญหาของชาติได้โดยไม่จำเป็นต้องมีองค์กรพิเศษใดๆ
6.การปฏิรูปในด้านต่างๆ ยังเลื่อนลอย การสร้างความปรองดองยังขาดรูปธรรม ปัญหาสังคมยังหมักหมม ข้ออ้างการยึดอำนาจครั้งนี้คือการปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง ควรเกิดขึ้นจากการมีส่วนร่วมของคนทั้งสังคมแต่เกือบ 2 ปีที่ผ่านมายังไม่เกิดการปฏิรูปและการปรองดองที่เป็นรูปธรรม ตรงข้ามมีหลายสถานการณ์ที่ไม่เอื้อต่อการ สร้างความปรองดองและสมานฉันท์ อาทิ กระบวนการยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน การโยกย้ายข้าราชการที่เชื่อว่าใกล้ชิดกับรัฐบาลเก่าโดยอาศัยอำนาจพิเศษ
หวังว่าการสรุปประมวลทั้ง 6 ประเด็นสำคัญจะเป็นข้อพิจารณาให้แก่ผู้เกี่ยวข้องได้ทบทวน ไตร่ตรองแนวทางแก้ปัญหาที่จะให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนมากที่สุดต่อไป (อ่านรายละเอียดหน้า 3)
"โด่ง"ซัดคอนกรีตร้าว-สาระน้อย
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.กรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มนปช. จะนำข้อมูลพื้นคอนกรีตร้าวในพื้นที่อุทยาน ราชภักดิ์เสนอต่อพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ว่าเรื่องนี้ถือว่าเนื้อหาสาระน้อยมาก ตนยังไม่เห็นแต่เชื่อว่าไม่มีปัญหา คิดว่าเป็นการหดตัวของปูน คงไม่เกี่ยวกับไม่มีฐานราก ทหารช่างดำเนินการระมัดระวังอยู่แล้ว ช่วงปีใหม่อุทยาน ราชภักดิ์จะมีกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเพื่อเป็นสิริมงคลแก่อุทยานและคนทั้งประเทศ
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ขอให้รอผลจากคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงกลาโหม เชื่อว่าจะชี้แจงได้ทุกประเด็น ตนไม่เข้าไปก้าวก่ายรอฟังผลอยู่เหมือนกัน มีความมั่นใจเพราะการดำเนินการต่างๆ ทำด้วยเจตนาดี ควบคุมทุกส่วนที่รับผิดชอบ ทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ ป้องกันสิ่งที่ไม่ดีที่อาจเกิดขึ้น ทำด้วยใจ มุ่งมั่นเพื่อสร้างสิ่งดีๆ ให้ชาติบ้านเมือง ให้ประชาชนมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ
เตรียมทุ่มงบสร้างพิพิธภัณฑ์อีก
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ในระยะที่ 2 ของการก่อสร้าง หลังตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วจะก่อสร้างห้องพิพิธภัณฑ์ที่ใช้เงินค่อนข้างสูง แต่ช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้และเข้าใจว่าประเทศชาติอยู่มาถึงปัจจุบันได้เพราะคุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ และจะก่อสร้างเกี่ยวกับการให้บริการ เช่น อาคารสุขาขนาดใหญ่ 160 ห้องขึ้นไป และอาคาร อื่นๆ แต่ขึ้นอยู่กับเงินที่เหลือจะสร้างได้มากน้อยเพียงใด
แจกปฏิทิน - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เซ็นปฏิทินรูปถ่ายตัวเองคู่กับนายทักษิณ ชินวัตร มอบให้อดีตรมต.และอดีตส.ส.เพื่อไทยเป็นของขวัญปีใหม่ ระหว่างกิจกรรมเตะฟุตบอลเชื่อม สัมพันธ์ ที่สนามกรีนฟิลด์ ถ.รามอินทรา กทม. |
เมื่อถามว่าผลสรุปจากคณะกรรมการตรวจสอบจะมีผลต่อการตัดสินใจหรือไม่ พล.อ. อุดมเดชกล่าวว่า ไม่มีผลแต่ขอให้รอฟัง สิ่งที่ทำมีความตั้งใจดี บริสุทธิ์ ตรวจสอบได้ ตนเคยให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการตรวจสอบไปแล้ว มีการจดบันทึกเป็นหลักฐานเรียบร้อย ยืนยันเราเปิดเผยข้อมูลหลักฐานอยู่แล้ว ทั้งรายละเอียดของบัญชีรับสิ่งของบริจาค เงินบริจาค การใช้จ่ายเงินในแผนงานโครงการต่างๆ ซึ่งคณะกรรมการจะต้องชี้แจง เปิดเผยข้อมูลได้ทุกอย่างและจะขยายข้อมูลได้มากกว่าที่กองทัพบกชี้แจง ขอขอบคุณกองทัพบกที่ชี้แจงข้อมูล แม้จะขาดการขยายในรายละเอียดก็ตาม
เมื่อถามว่า มั่นใจการตรวจสอบของคณะกรรมการที่ตั้งโดยกระทรวงยุติธรรมหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ทราบว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบอยู่ โดยทำงานคู่ขนานกันไป ตนได้ชี้แจงไปมาก ไม่ว่าค่าตอบแทนหรือค่าต่างๆ เรื่องต้นไม้ หรือเรื่องอื่นๆ มันไม่มีอะไร แต่ยังพยายามทำให้มีขึ้นมา ให้เกิดประเด็น ซึ่งไม่เกิดสาระอะไรมากนัก แต่เมื่อสงสัยก็คิดว่าคณะกรรมการตรวจสอบน่าจะตอบได้ทุกเรื่อง
ตร.ไม่ยอม'จ่านิว'เลื่อนรายงานตัว
นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว โพสต์ เฟซบุ๊กระบุว่า หลังทนายความเข้ายื่นหนังสือขอเลื่อนวันเข้าพบพนักงานสอบสวน ที่สน.รถไฟธนบุรี จากเดิมตามหมายครั้งแรกคือวันนี้ ให้เป็นวันที่ 9 ม.ค. 2559 ล่าสุด พนักงานสอบสวนไม่ยอมให้เลื่อนตามที่ขอและบอกว่าจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ เพราะถ้าให้เลยไปถึงวันที่ 9 ม.ค. จะนานเกินไป ถ้าไม่มาจะออกหมายจับ
"ผมอยากจะรู้แล้วว่าหมายจับมันจะเป็นอย่างไร จะออกจริงหรือเปล่า ขอเลื่อนแค่ 2-3 สัปดาห์ไม่ได้ แต่หลายๆ คดีเขาเลื่อนกันเป็นปีๆ เลื่อนได้ ใครพอรวบรวมคดีที่ขอเลื่อนการสอบสวนเป็นปีมาแล้ว ส่งรายละเอียดมาหน่อย ผมจะรวบรวมส่งให้คณะทำงานของตำรวจที่สอบสวนคดีนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ดูเป็นสถิติกันไปเลย" นายสิรวิชญ์กล่าว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. กล่าวกรณีจ่านิว พร้อมพวกรวม 11 คน ยื่นขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยให้เหตุผลว่าได้รับหมายเรียกกระชั้นชิดเกินไปว่า เรื่องนี้ไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างได้ เพราะตามหลักหากมีการ เจ็บไข้ได้ป่วย หรือมีธุระสำคัญสามารถแจ้งเหตุผลขอเลื่อนได้ และขึ้นอยู่กับดุลพินิจ ของพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนโทรศัพท์มาปรึกษาตนเช่นกันและให้ความเห็นไปแล้ว อย่างไรก็ตามหากออกหมายเรียกไปแล้วไม่มาตามนัดเกิน 2 ครั้ง เจ้าหน้าที่ต้องออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป
กลุ่มปชต.ใหม่ร้องยูเอ็น
วันเดียวกัน สมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษชนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และชุมชนทูตานุทูต เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและปรึกษาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองไทยในปัจจุบัน ที่คสช.ได้ดำเนินมาตรการในทางที่เป็นการข่มขู่คุกคามประชาชน ที่แสดงความคิดเห็นต่อการทุจริตคอร์รัปชั่นโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ มีกรณีที่สำคัญดังนี้ 1. การจับกุมคุณฐนกร ศิริไพบูลย์ และคุณธเนตร อนันตวงษ์ รวมถึงการลักพาตัวคุณหนึ่ง เกตุสกุล จากการที่ทั้งสามคนแสดงความคิดเห็นต่อการทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ 2. การออกหมายเรียกผู้เข้าร่วมกิจกรรม "นั่งรถไฟ ไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง" ที่ปฏิเสธการลงนามยอมรับข้อตกลงไม่แสดงออกทางการเมืองของ คสช. ทั้ง 11 คน 3. การเบี่ยงเบนประเด็นความสนใจของสังคมจากเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นไปยังเรื่องการใช้ข้อกล่าวหาหมิ่นสถาบัน ตามมาตรา 112 ซึ่งองค์การระหว่างประเทศได้ตอบรับข้อคิดเห็นและจะรายงานสถานการณ์ภายในประเทศไทยเพื่อให้ประเทศต่างๆ รับรู้ต่อไป
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวกรณี จ่านิวปฏิเสธเข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวน สน.รถไฟธนบุรี ตามหมายเรียก 11 นักศึกษา ที่ขึ้นรถไฟเคลื่อนไหวให้ตรวจสอบกรณีการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ตามกำหนดวันที่ 22 ธ.ค.นี้ว่า เขาปฏิเสธได้หรือไม่ มีกฎหมายหรือไม่ ถ้ามีกฎหมายก็ต้องว่าตามกฎหมาย หากปฏิเสธก็ดำเนินการไปตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่มีวิธีของเขา
"ประวิตร"ยันรอยร้าว-ไม่มีทุจริต
พล.อ.ประวิตรกล่าวกรณีนายณัฐวุฒิ จี้สอบรอยร้าวที่อุทยานราชภักดิ์ว่า รอยร้าวเกิดขึ้นได้ แผ่นดินยังมีการสไลด์เป็นหลุมบ่อได้ อย่าคิดมาก ร้าวก็ร้าวไป เดี๋ยวก็ทำใหม่ คนทำเขาตั้งใจทำให้ดี ส่วนที่ฝ่ายการเมือง ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นก็ให้เป็นเรื่องการเมือง เราต้องนำเรื่องจริงมาพูดกัน เมื่อถามว่าหากรอยร้าวเป็นผลมาจากคอร์รัปชั่นในการก่อสร้าง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ใช้เงินบริจาคในการก่อสร้าง เรื่องนี้ไม่ใช่ปมปัญหา หากดินข้างล่างเกิดการสไลด์ก็เกิดความเสียหายได้ ตรงนี้ก็อาจเป็นเช่นนั้นได้ บ้านตนนำปูนมาโบกไว้แล้วยังมีร้อยร้าวเกิดขึ้นได้เลย
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ส่วนผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงกลาโหมนั้นจะออกมาภายในสัปดาห์นี้ และอาจแถลงผลในต้นสัปดาห์หน้าเพราะต้องรายงานตนก่อน การทำงานคืบหน้าไปมากแล้ว เมื่อเช้าก็รายงานเข้ามาแต่ยังมีขั้นตอนที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม เขาทำทั้งกลางวันกลางคืนเพื่อตอบสนองนักข่าว
โต้รัฐบาลสอดไส้อยู่ 20 ปี
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงการแถลงนโยบายครบ 1 ปีของรัฐบาลว่า นายกฯ ไม่ได้กำชับอะไรแต่ตนจะเล่าให้ฟังเรื่องความมั่นคงว่าทำอะไรมาบ้าง และอนาคตจะเป็นแบบไหน รวมถึงการปฏิรูปต่อไปจนถึง 20 ปี ไม่ใช่ว่าตั้งปฏิรูปมา 20 ปีแล้วรัฐบาลตนต้องเป็นคนทำ ไม่ใช่อย่างนั้นแต่ทำตามโรดแม็ป บางคนกล่าวว่ารัฐบาลสอดไส้เตรียมอยู่ 20 ปีนั้นไม่ใช่ ตนคงตายไปแล้ว พูดแบบนี้ไม่ได้เพราะไม่ใช่ความจริง ตนคนหนึ่งที่ไม่ขออยู่
พล.อ.ประวิตร กล่าวกรณีมีข่าวนายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายปฏิรูปพลังงาน ตอบโต้นายกฯ และรมว.กลาโหม ไม่ตั้งใจจะช่วยเหลือออกจากเรือนจำประเทศกัมพูชาตั้งแต่ต้นว่า ตนช่วยเหลือเขา หากไม่คิดจะทำแล้วจะช่วยทำไม ถามว่าคิดได้อย่างไร เมื่อถามว่านายวีระ ระบุหากตั้งใจช่วยเหลือจะต้องช่วยตั้งแต่ที่ถูกจับกุมเมื่อปี 2553 พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ตนพยายามช่วยตั้งแต่ตอนนั้น พร้อมกับน.ส.ราตรี พิพัฒนไพบูรณ์ แต่เขาไม่เอาเพราะเขาจะอยู่ด้วยกัน เมื่อถามว่าที่ยังไม่สามารถออกมาได้เพราะต้องรับโทษ 1 ใน 3 ตามกฎหมายก่อนหรือไม่ จึงจะได้รับการอภัยโทษ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะคนอื่น 10 กว่าคนเขาก็กลับออกมา กันหมด
พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอของสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคนให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า ไม่รู้ เขาเสนอกันในพรรคก็คุยกันไป ตนไม่มีปัญหาหากคุยเพื่อให้เกิดความสงบสุขแต่ตนไม่ได้ยินเพราะไม่ใช่นักการเมือง เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะบรรจุข้อเสนอดังกล่าวไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องถามจากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เมื่อถามย้ำว่าครม.และคสช.จะส่งข้อเสนอนี้ไปถึงกรธ.หลังได้รับรัฐธรรมนูญร่างแรกในเดือนม.ค.2559 หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ครม.ไม่เคยส่ง เป็นเรื่องของกรธ.
เสี่ยอ้วนปัดไม่ใช่ความเห็นพรรค
เวลา 17.00 น. ที่สนามกรีนฟิลด์ ซอยมัยลาภ ถ.รามอินทรา พรรคเพื่อไทยจัดกิจกรรมเตะฟุตบอลระหว่างอดีตรัฐมนตรี ส.ส.และเจ้าหน้าที่พรรค พร้อมรับประทานอาหารร่วมกัน โดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาร่วมกิจกรรม มีแกนนำพรรค อดีตส.ส. แกนนำนปช. ร่วมงานอย่างคึกคัก อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรอง นายกฯ และรมว.พาณิชย์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและรมว.คลัง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกฯ นายวราเทพ รัตนากร อดีตรมต.ประจำสำนัก นายกฯ นายการุณ โหสกุล นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมช.พาณิชย์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายขวัญชัย ไพรพนา
นายภูมิธรรม กล่าวถึงข่าวนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข มีแนวคิดเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า นับแต่มีรัฐประหาร พรรคยังไม่มีการพูดคุยกันและไม่มีแนวคิดดังกล่าว และยังไม่ได้พูดคุยกับนายปรีชา ความเห็นที่ออกมาเป็นความเห็นส่วนตัว พรรคยังยืนยันในวิถีทางประชาธิปไตย และเห็นว่าทางออกในการแก้ปัญหาต่างๆ ขณะนี้คือการคืนประชาธิปไตยเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็วและให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ
ปูอวยพท.ปีหน้าเป็นปีของพวกเรา
เวลา 19.45 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวกับ แกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่า ปีที่แล้วเพิ่งจะได้เตะบอลกันไป ปีนี้มาเจอกันอีกแล้ว เวลาผ่านไปเร็วมาก ขอบคุณสมาชิกพรรค เพื่อไทยทุกคนที่สามัคคีกันกลมเกลียวกัน เราอยากใช้โอกาสและให้กำลังใจกันและกัน นอกจากจะเห็นหลายคนยิ้มแย้มแจ่มใสแล้ว หลายคนยังฟิตมาก เตะฟุตบอลเข้าหลายประตู ดีใจที่ได้พบปะกัน หลายคนไม่ได้เจอกันมานาน ใกล้ปีใหม่แล้วขอใช้โอกาสนี้กล่าวอะไรเล็กๆ น้อยๆ หลายคนก็ได้เจออะไรมามากมาย อยู่ด้วยความสงบและความอดทน ก็ขอให้ทุกคนมีความอดทนและหวังว่าปีหน้าจะเป็นปีของพวกเรา ขอให้สมาชิกพรรค เพื่อไทยและทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ
สนช.ปัดข้อเสนอรบ.แห่งชาติ
เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อเป็นทางออกให้ประเทศว่า ยังไม่ทราบว่าเป็นความเห็นของใคร ที่ผ่านมาก็มีแนวคิดนี้บ่อยครั้ง ในยามวิกฤตก็เคยมีการเสนอแต่ไม่เคยสำเร็จ แล้วจะมาเสนออะไรตอนนี้ ซึ่งการแต่งตั้งรัฐบาลแห่งชาติในยุคของรัฐบาลคสช. คงเป็นความเห็นของคนนอกมากกว่า
เมื่อถามว่า เชื่อว่านายกฯจะไม่นำเรื่องตั้งรัฐบาลแห่งชาติมาพิจารณาหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯ ตนไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ ข้อดีข้อเสียของการมีรัฐบาลแห่งชาติ ถ้ามองในประเด็นประเทศชาติเกิดวิกฤตขึ้นแล้วมีแนวทางแก้วิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นและมีช่องทางตั้งรัฐบาลแห่งชาติอย่างนั้นตนก็รับได้ แต่ต้องไปพูดกันในร่างรัฐธรรมนูญที่ กรธ.กำลังร่างอยู่จะดีกว่า เมื่อถามว่าในสภาวะปกติทำได้หรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงรัฐบาลคสช. มีโรดแม็ปชัดเจน อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า หากมีการตั้งคำถามการตั้งรัฐบาลแห่งชาติควบคู่กับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เหมือนครั้งร่างรัฐธรรมนูญของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ จะทำได้หรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า เมื่อร่างรัฐธรรมนูญตกไปตนก็ไม่รู้ว่ามีคำถามอะไรบ้าง แนวคิดของนายบวรศักดิ์ ตอนนั้นคือเมื่อประเทศชาติเกิดวิกฤตต้องแก้ปัญหาการเมืองด้วยการเมือง นักการเมืองต้องเสียสละ เอาพรรคต่างๆ มารวมกันเป็นรัฐบาล แต่แนวคิดนี้จะใช่รัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ตนไม่ทราบ
เตือนรบ.อย่าฮุบเหยื่อ
เมื่อถามถึงแนวคิดบังคับใช้ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ ไม่ว่าจะผ่านประชามติหรือไม่ ประธาน สนช.กล่าวว่า ไม่มีแนวคิดนี้ จะเอาของที่ไม่ผ่านประชามติไปประกาศใช้ได้อย่างไร เป็นไปได้ยาก ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติตามความคิดของตนก็ต้องมีรัฐธรรมนูญเพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้ คงมีการปรับปรุงแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ หรือรัฐธรรมนูญฉบับใดก็ได้
ส่วนการประชุมแม่น้ำ 5 สายที่มีการระบุว่านายกฯ ห่วงเรื่องความปรองดอง จึงอยากให้มีแผนการปรองดองออกมา นายพรเพชรกล่าวว่า เรื่องนี้ดำเนินการไปเรื่อยๆ นายกฯให้ดำเนินการตั้งแต่มี คสช.แล้ว ในการทำความเข้าใจและแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเรียกมาพูดคุยเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำได้ ส่วนหนทางที่จะนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่นิรโทษให้ใครนั้น คงดำเนินการต่อไปได้เมื่อสภาวะบ้านเมืองดีขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่นายกฯ ย้ำอยู่เสมอคือ พวกที่ทำผิดถ้ารู้สำนึกและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีหนทางที่จะให้อภัยกันได้
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงข้อเสนอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า ตั้งใจให้มีรัฐบาลแห่งชาติจริงหรือไม่หรือแค่ข้อเสนอเพื่อโยนเหยื่อให้ฮุบ เพราะถ้า คสช.และรัฐบาลยอมให้ตั้งจริงก็แสดงว่าต้องการต่ออำนาจให้ตัวเอง ซึ่งจะมีกลุ่มออกมาต่อต้าน วิธีดีที่สุดคือการเดินตามโรดแม็ปเดิม การเสนอเช่นนี้ไม่ใช่ดิสเครดิตรัฐบาล แต่สร้างประเด็นการเมืองเพื่อให้เกิดปัญหากับ รัฐบาลและคสช. เพื่อสร้างความไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้น รัฐบาลต้องระวังอย่ารับข้อเสนอ ดังกล่าว เพราะจะติดกับทางการเมือง
ที่มาส.ว.ใช้แบบสภาสนามม้า
เวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกก กรธ. แถลงว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมจากกลุ่มทางสังคม 20 กลุ่ม อาทิ กลุ่มแรงงาน กลุ่มสิทธิเด็ก กลุ่มสตรี เป็นต้น โดยให้เปิดสมัครในนามองค์กรนิติบุคคลรองรับเพื่อเสนอชื่อเข้ารับการเลือกตั้ง หรือเสนอชื่อโดยไม่มีองค์กรรองรับแต่ต้องมีเพื่อนร่วมเครือข่ายไม่น้อยกว่า 3 คนรับรองได้ ส่วนการเลือกตั้งทางอ้อมให้เลือกตั้งไขว้กันในระดับอำเภอ ระดับจังหวัดให้ได้กลุ่มละ 99 คนรวม 1,980 คน เพื่อส่งมาเข้าส่วนกลาง เลือกตั้งไขว้กันเองให้เหลือจำนวน 200 คน รูปแบบนี้จะคล้ายกับโมเดลสภาสนามม้าในอดีต โดยรายละเอียดการเลือกตั้งจะกำหนดไว้ในกฎหมายลำดับรองต่อไป
นายชาติชาย กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่ กรธ.ไม่กำหนดให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งโดยตรง เพราะบทบาทหน้าที่ของ ส.ว.ที่ กรธ.กำหนดจะต่างจาก ส.ส.ที่ไม่มีอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และไม่ต้องการให้ ส.ว.เชี่ยวชาญกฎหมาย แต่ต้องการผู้รู้เรื่องต่างๆ มีความหลากหลาย เพื่อให้องค์กรสภาเป็นที่หาทางออกให้เกิดความประนีประนอมถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ยืนยันว่ารูปแบบส.ว.จากการเลือกตั้งทางอ้อมถือเป็นระบบใหม่ที่ยังไม่เคยใช้มาก่อน โดยให้เป็น ส.ว.ระดับชาติไม่ใช่ระดับจังหวัด
อ้างโพลหนุนที่มาส.ส.-คนนอก
โฆษก กรธ. กล่าวว่า ขณะเดียวกัน กรธ.ได้รับแจ้งจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ สรุปผลสำรวจความเห็นของประชาชนต่อการร่างรัฐธรรมนูญ ประจำเดือนธ.ค.นี้ สำรวจกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 5,800 กลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.6 เห็นด้วยกับการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม ร้อยละ 77.6 เห็นด้วยกับการใช้บัตรเลือกตั้ง ส.ส.ใบเดียว ร้อยละ 86.9 เห็นว่าการกำหนดให้พรรคการเมืองจะต้องเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายกฯ โดยประกาศให้ประชาชนทราบก่อนเลือกตั้งมีผลต่อการตัดสินใจ ร้อยละ 80.7 เห็นด้วยให้พรรคการเมืองประกาศรายชื่อผู้มาเป็นนายกฯ ทราบก่อนเลือกตั้ง ขณะที่เสียงส่วนใหญ่ร้อยละ 59.4 เห็นด้วยกับการตัดสิทธิทางการเมืองกับนักการเมืองที่ถูกศาลตัดสินว่าทุจริตต่อหน้าที่ โดยห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต นอกจากนี้ ผลสำรวจส่วนใหญ่ที่เห็นว่า รายชื่อนายกฯ ที่พรรคการเมืองต้องเสนอก่อนเลือกตั้ง ควรมี 3 คน ซึ่งสอดคล้องกับกรธ.ที่อยากจะปรับลดจาก 5 คน เหลือ 3 คน เพราะ 5 คนถือว่าเยอะกันไป คนจะจำยาก
ปปช.ยืนยันจัดอบรมโปร่งใส
ที่สำนักงานป.ป.ช. นายสรรเสริญ พลจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า กรณีมีข่าวเกี่ยวกับการจัดอบรมหลักสูตรพิเศษ หลักสูตรระดับสูงของหน่วยงานต่างๆ และพาดพิงถึงหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) ของ ป.ป.ช. ขอชี้แจง 1.หลักสูตร นยปส.เป็นหลักสูตรที่เกิดจากเจตนารมณ์ของ ป.ป.ช. ที่ต้องการแก้ไขปัญหาการทุจริตในเชิงบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ 2.การบริหารหลักสูตรและการคัดเลือกบุคคลดำเนินการโดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม 3.การอบรมต้องใช้งบประมาณของต้นสังกัดหรืองบประมาณส่วนตัวในการเดินทาง 4.ผลจากการอบรมที่ผ่านมาทำให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือ เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมที่หลากหลาย 5.หลักสูตรนี้ต่อมารัฐบาลสนใจและจัดสรรงบประมาณให้ ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอครม.กำหนดให้เป็นหลักสูตรภาคบังคับให้ผู้บริหารระดับสูงต้องผ่านการอบรมหลักสูตรนี้ 6.การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โครงการของสำนักงาน ป.ป.ช. หากทุจริตมีโทษมากกว่าข้าราชการปกติทั่วไป 2 เท่า จึงขอยืนยันว่าหลักสูตร นยปส. ของสำนักงาน ป.ป.ช. ไม่มีพฤติกรรมหรือการกระทำตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
'ปู่ชัย'แฉสปท.ลูกจ้างนายกฯ
เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นำอดีตส.ส.และสมาชิกพรรคภูมิใจไทยกว่า 30 คน เข้าอวยพรนายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภา สมาชิก สปท. ในโอกาสเทศกาลปีใหม่ 2559 พร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวัน บรรยากาศชื่นมื่น
นายชัยวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองขณะนี้ว่า คนที่มาอวยพรถ้าลงสมัครส.ส. ขอให้ได้เป็นส.ส. ส่วนใครที่คิดจะเป็นส.ว. ขอให้ได้รับการคัดสรรเข้ามา แต่ไม่ทราบว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติหรือไม่ ที่ผ่านมาตนเข้ามาทำหน้าที่สมาชิกสปช.และนำสมาชิกของพรรคมาร่วมงาน แต่พอมาถึงรอบของสมาชิกสปท. เขาให้เอาแต่พวกนักปฏิรูปกับทหารเข้ามาทำหน้าที่ จึงไม่สามารถนำสมาชิกพรรคมาช่วยงานได้ อีกทั้งข้อบังคับการประชุม สปท.ยังออกแบบใหม่ ให้อำนาจประธานสปท. แต่งตั้งที่ปรึกษาและ ตำแหน่งอื่นๆ โดยไม่ให้อำนาจสปท.เป็นคนแต่งตั้ง ซึ่งไม่ทราบว่าเอาระบบของประเทศจีนมาใช้หรือไม่
นายชัย กล่าวว่า ขณะที่การทำงานของ สปท. ก็ให้สรุปผลงานของกมธ.สามัญทั้ง 11 ด้านและกมธ.วิสามัญป.ป.ช. อีก 1 เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. แล้วให้อภิปรายอีก 3 วัน คือวันที่ 21-23 ธ.ค.นี้ ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักฐาน มีแต่พวกพูดสอพลอ เพราะสปท.เป็นลูกจ้างของนายกฯหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งก็เป็นกรรมกร หากไม่มาประชุมก็ตัดค่าตอบแทน หากไม่มาร่วมโหวตเกิน 3 ครั้ง ก็สิ้นสุดสมาชิกภาพทันที ที่ผ่านมามีการถามเรื่องการโหวตกันพอเป็นพิธีเพื่อให้สมาชิกตัดสิน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีการโหวตเพราะไม่มีสมาชิกคนไหนติดใจ
"เรื่องการเลือกตั้งส.ส.ลูกพรรค อย่าเพิ่งคิดมาก เราไปเรื่อยๆ อาจมีเลือกตั้งก็ได้ แต่ถ้าเลือกตั้งเสร็จแล้วจะมีประชุมสภา หรือไม่ก็ยังไม่ทราบ เพราะขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่สามัคคี ไม่ปรองดอง เชื่อว่าจะไปไม่รอด ประชาธิปไตยก็ไปไม่ได้" นายชัยกล่าว
โพลปลื้มผลงานรัฐบาล พุ่ง'99.5%' สำนักฯสถิติสำรวจเอง'บิ๊กตู่'ลั่นไม่นั่งนายก ให้พรรคการเมืองแน่ กรธ.เคาะที่มา 200 สว. เลือกไขว้จาก 20 กลุ่ม โด่งซัดรอยร้าวไร้สาระ
'บิ๊กป้อม'ชี้อุบัติภัยทำพื้นราชภักดิ์ร้าว บอกอย่าคิดมาก 'บิ๊กโด่ง'สวนเรื่องไร้สาระ ลั่นทำสิ่งดีเพื่อประเทศชาติ เชื่อกรรมการสอบฯตอบได้ทุกปม
@ บิ๊กตู่โชว์'กระตั้วแทงเสือ'
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 22 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุม นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม นำคณะเข้าพบเพื่อเชิญชวนจัดกิจกรรมเป็นของขวัญปีใหม่ จากรัฐบาลไทยนำความเป็นไทยสู่ใจประชาชน 3 กิจกรรมคือ 1.ไหว้พระ 9 วัดสืบสิริสวัสดิ์ 9 รัชกาล 2.สวดมนต์ข้ามปี 3.พลัง "บวร" บ้าน-วัด-โรงเรียน ชุมชนคุณธรรม ทั้งนี้ ได้นำการแสดงศิลปวัฒนธรรม "กระตั้วแทงเสือ" มาโชว์ให้ พล.อ.ประยุทธ์รับชม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์เรียกนักแสดงที่ถืออีโต้ให้มาฟันกันตรงหน้าสื่อมวลชน แต่ไม่ทันใจ พล.อ.ประยุทธ์จึงคว้าอีโต้มาฟันโชว์เอง พร้อมเหวี่ยงอีโต้หยอกล้อทำท่าจะฟันผู้สื่อข่าว
@ สั่งเคลียร์คดี-ก่อนปรองดอง
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม. ถึงการจัดระเบียบคดีความต่างๆ ที่ยังค้างอยู่ ว่าคดีส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความไม่เป็นธรรม คิดว่าตรงนี้ต้องทบทวน ตนให้เวลาในปี 2559 แต่ไม่ได้เป็นการเร่ง หลายคดีที่ไม่มีความชัดเจน ทั้งคดีการเงิน คดีอาญา คดีที่เกี่ยวข้องกับความบกพร่องอะไรต่างๆ และคดีความรับผิดชอบ ก่อนปี 2560 จะต้องเรียบร้อย
ทั้งนี้ ไม่ได้ไปสั่งว่าจะต้องทำนู่นทำนี่ แต่เอาทุกกลุ่มเข้ามา ถ้าไม่ทำแบบนี้ เรื่องปรองดองสมานฉันท์ไม่ต้องมาพูดกันเพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย ต้องมีคนผิดคนถูกก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง จะได้หรือไม่ตนยังไม่รู้
"ผมไม่ได้สัญญาว่าจะต้องปรองดองได้ แล้วยกโทษให้ทั้งหมด มันไม่ใช่ ต้องทำส่วนแรกและอยู่ในกระบวนการยุติธรรมกันก่อน แล้วมาดูผลการตัดสินว่าอย่างไร ทั้งหมดจะแก้กันด้วยอย่างไร จะด้วยกฎหมายหรืออย่างไรทำนองนั้น ทุกฝ่ายไม่ต้องกังวล ว่าจะสีนี้สีนู้น ทุกฝ่ายถ้าเกิดก่อน 22 พฤษภาคม 2557 ต้องมาทบทวนใหม่หมด ทำให้เกิดความเท่าเทียม เข้าใจ ไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้ ที่ผ่านมาผมเห็นว่า ฝ่ายหนึ่งยอม อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอม อยู่อย่างนี้มาตลอด ฝ่ายยอมไม่เคยไปพูดอะไรให้เขา แต่เราไปพูดให้ฝ่ายที่ไม่ยอมมาตลอด เข้ากฎหมายนี้ท่านต้องแก้ไข คนที่เขายอมเข้าสู่กระบวนการขึ้นศาล เขาเดินตามกฎหมาย สู่กระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง ผมไม่ได้เข้าข้างใคร แต่อีกพวกหนึ่งกฎหมายผิดทั้งหมด ผิดทั้งประเทศ ถูกอย่างเดียวคือสิ่งที่เขาทำ ถูกหมดอย่างนี้ ท่านควรจะสร้างความเข้าใจอย่างไรใหม่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อะไรที่เป็นปัญหา อย่าเพิ่งพูดในตอนนี้มาก เดี๋ยวจะเป็นปัญหาต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
@ ไม่เป็นนายกฯให้พรรคการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องการสร้างการรับรู้ใหม่ ไม่ใช่ชี้แจงประชาสัมพันธ์ แล้วสื่อไปถ่ายทอดต่อ ทำนี่ทำนู่นมันไม่ใช่ ที่ผ่านมาทำมาพันกว่าโครงการยึดโยงกันทั้งหมด ดูปัญหาเชิงโครงสร้าง รัฐบาลพยายามจะวางพื้นฐาน "แต่เดี๋ยวจะหาว่าผมไปกำหนดเพื่อที่จะสืบทอดอำนาจ ผ่านแผนปฏิรูป ผ่านรัฐธรรมนูญ ผมจะสืบให้ใคร เพราะไม่อยู่ ถามในห้องนี้คงไม่มีใครอยากอยู่ เป็นช่วงสุดท้ายชีวิตของพวกเราทั้งนั้น และวันหน้าฉันไปแล้วก็พวกเธอทั้งนั้น ลูกหลานทั้งนั้นที่จะได้ประโยชน์ แต่หากคิดว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิด ทำเพื่อตัวเองก็บอกมา" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯกล่าวถึงกรณีนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ตอนแรกพรรคเพื่อไทยไม่เคยเสนอแบบนี้ แต่ก่อนเขาก็ไม่ยอม สื่อจำได้หรือไม่ เมื่อถามว่ามีการเสนอให้เป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ว่า "ไม่เป็น ผมไม่เป็นนายกฯให้กับนักการเมืองที่ไหนทั้งสิ้น ยืนยันพูดตรงนี้ผมไม่เป็น ถ้าเป็นแล้วผมสั่งได้หรือเปล่าล่ะ จะไปทำตามเขาและจะไปเป็นตัวแทนเขาทำไม เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่เรื่อย เดี๋ยวเป็นอย่างนู้น อย่างนี้ ไม่เป็น ผมกลับไปเลี้ยงหลานดีกว่า เสียเวลาเปล่า ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาให้ผมมีอำนาจสั่ง"
ผู้สื่อข่าวถามกลับว่ามีหลานแล้วหรือ นายกฯตอบแบบเขินอายว่า หลานคนอื่น ลูกของน้องชายมีเยอะแยะ
@ ชี้แถลงผลงานให้ปชช.เข้าใจ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการแถลงผลการดำเนินงาน 1 ปีรัฐบาลและการจัดนิทรรศการระหว่างวันที่ 23-25 ธันวาคมว่า ต้องการสร้างความเข้าใจ ในลักษณะที่มีความซับซ้อนพอสมควร เพราะต้องการให้คนที่มาดูและติดตามได้เห็นว่า รัฐบาลสร้างความเชื่อมโยงมาอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มาเป็น คสช. จนมาเป็นรัฐบาล มี ครม. 2 คณะ วันนี้เหลือเวลาอีก 1 ปี 6 เดือน นับจากมกราคม 2560 ฉะนั้นเวลาที่เหลืออยู่จะทำอะไรต่อจากที่ได้ทำมาแล้วบ้างในระยะแรก ตรงนี้เป็นการปฏิรูประยะที่หนึ่ง ซึ่งจะต้องเกิดความชัดเจน
"ถ้าทุกคนสงสัยในการใช้จ่ายงบประมาณ โครงการน้ำ โครงการรถไฟ ว่าทำไมตัวเลขต่างกัน ให้ถามรองนายกฯ หรือกระทรวงที่แถลงได้ในวันที่ 23 ธันวาคม ซึ่งตัวเลขต่างตรงที่เราเขียนแผนงานไว้ระยะยาว และคิดงบประมาณไว้ล่วงหน้า แต่ไม่ได้กู้เงินมาทั้งหมดนั้นแหละคือความแตกต่าง ไปดูสิว่าไส้ในเหมือนกันไหม เช่น น้ำอุปโภค บริโภค การเกษตร รวมทั้งพื้นที่ในเขตชลประทาน และนอกเขตชลประทาน ดูสิว่ารายละเอียดแตกต่างกันไหม และทำได้แค่ไหนในรัฐบาลปัจจุบัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
@ จี้สื่อช่วยทำให้สังคมเข้าใจ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลทำ 1 ปี 6 เดือน จนถึงกรกฎาคม 2560 ต่อไปจะมียุทธศาสตร์ห้วงละ 5 ปี ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 แผน จะจบในปี 2579 ซึ่งในปี 2579 จะใส่แผนพัฒนาน้ำ แผนพัฒนารถไฟ ในส่วนของการปฏิรูปให้สอดคล้องกับยุทธ์ศาสตร์ แต่ถ้าไม่ทำก็เรื่องรัฐบาลหน้า เพราะตนเริ่มให้แล้ว ฉะนั้น ยอดทั้งหมดไม่ใช่ยอดที่ตนใช้เงิน มีคนมาบอกว่าใช้เงินมากกว่าเขา วันหน้าจะเกิดอนาคตไหม เป็นหนี้สินที่เป็นมูลค่าหรือไม่ หรือเป็นหนี้ที่จ่ายให้หมดไป แต่ต้องทำเพื่อการบรรเทาความเดือดร้อน
"เรื่องรายได้ รายจ่าย การใช้เงิน การเป็นหนี้เป็นสิน ผมถามว่าที่ผ่านมาใครทำแบบที่รัฐบาลนี้ทำหรือไม่ ถ้าคิดจะจ่ายเงินเรื่องรัฐสวัสดิการ จะต้องคิดว่าเอาจากที่ไหน ไม่ใช่เอางบประมาณตรงกลางมาโปะไปเรื่อยๆ การศึกษาฟรี ใช่เป็นหน้าที่ของรัฐบาล แต่ต้องหาเงินให้ได้ด้วย มันไม่มีที่มา แล้วจะเอาเงินจากตรงไหน รัฐบาลกำลังเดินหน้าว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้สูงขึ้น เพื่อที่จะมาดูแลข้าราชการให้มีเงินเดือนขึ้น เพราะจะต้องขึ้นตามกฎระเบียบของข้าราชการทุก 3 ปี แต่วันนี้รายได้ของประเทศผูกติดกับของเดิมๆ เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ฉะนั้น วันนี้รายจ่ายก็มาก ต้องเพิ่มขีดความสามารถของประเทศให้เข้มแข็ง รายได้ของประเทศก็จะสูงขึ้น ในวันที่ 23 ธันวาคม สื่อต้องช่วยผม เพราะมีคนมาดู แต่อาจจะไม่เข้าใจ ในฐานะที่ท่านเป็นฉันในเพลง "เพราะเธอคือ ... ประเทศไทย" ก็ต้องช่วยกันด้วยแล้วกัน สร้างความเข้าใจไม่ใช่ไปคล้อยตามไปจับผิด จับถูก เพราะผมไม่ได้ไปปิดกั้นท่านเลย เพียงแต่ว่าให้ความเป็นธรรมผมหน่อย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
@ พอใจผลงานบ้านเมืองสงบ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงผลงานรัฐบาลว่า เรื่องชอบมากที่สุดคือความมั่นคง สร้างความสงบเรียบร้อยให้สังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี และทำให้บ้านเมืองเรียบร้อยขึ้น ไม่ให้มีการประท้วง ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ใช้อาวุธ ถ้าตนไม่เข้ามาจะมีการใช้อาวุธหรือเปล่าตนไม่รู้ เพราะเรื่องอะไรที่ตนจะไปสร้างความขัดแย้งเอง ไปกล่าวโทษเขา
"ถ้าถามความพอใจผลงานรัฐบาล อย่างที่บอกถ้างานยังไม่เสร็จก็ยังไม่พอใจ ถ้าเสร็จแล้วจึงจะพอใจ ถึงเวลาที่ผมจะส่งงานต่อให้เขา เมื่อแผนปฏิรูปทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน แม้รัฐธรรมนูญจะมีความแตกต่างอยู่บ้างในบางประเด็น ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง มีแผนปฏิรูปทำสอดคล้องกันเดินหน้าไปทุกๆ 5 ปี แบบนี้ทำได้ทั้งหมด แต่จะทำอย่างไร ซึ่งผมจะไม่ไปบังคับเขา จะไปบังคับไม่ได้ รัฐบาลมีอำนาจมาจากประชาชนก็เลือกที่จะทำก็ทำไป ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ผมจึงบอกว่าอย่ามากังวลกับผม ไปกังวลมาตรการรัฐบาลหน้าที่เลือกกันเข้ามาแล้วกัน ว่าเขาจะทำแบบที่ผมพูดหรือไม่ ทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ให้ทุกจังหวัด ทุกภูมิภาคเท่ากัน ให้ไปตามความเดือดร้อนของประชาชน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
@ ป้อมชี้อุบัติภัยพื้นอุทยานฯร้าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ภาพพื้นคอนกรีตบริเวณอุทยานราชภักดิ์มีรอยร้าว ว่ารอยร้าวเกิดขึ้นได้ แผ่นดินสไลด์เป็นหลุมเป็นบ่อเยอะแยะไป อย่าไปคิดมาก ทั้งนี้ เขาตั้งใจทำให้ดีแหละ ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายหรอก
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรอยร้าวซึ่งเกิดจากทุจริตจะต้องตรวจสอบหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตรวจสอบอย่างไร ตนมองแล้วไม่ใช่ปม ถ้าเขาทำแข็งแรงแต่ดินข้างล่างสไลด์แล้วมันแตกไหม อาจจะเป็นอุบัติภัยก็ได้ ซึ่งประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ เขาจะให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ และแถลงต้นสัปดาห์หน้า
@ สวน"วีระ"ยันช่วยตั้งแต่ปี"53
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่นายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายปฏิรูปพลังงาน ระบุว่าทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยเหลือออกจากคุกกัมพูชาตั้งแต่แรกว่า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตั้งใจกับช่วยเหลือนั้นต่างกันตรงไหน ตนช่วยเหลือเขา ถ้าไม่คิดจะทำแล้วจะไปทำทำไม คิดได้ยังไง ทั้งนี้ ตนช่วยตั้งแต่ปี 2553 แล้ว พยายามช่วยอยู่แล้ว ตอนนั้นช่วย น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ออกมาได้เขาก็ไม่เอา บอกจะอยู่ด้วยกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว กลุ่มประชาธิปไตยศึกษา ปฏิเสธการเข้าพบตำรวจตามหมายเรียก พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เขาปฏิเสธได้ไหมเล่า มีกฎหมายไหม ต้องว่าไปตามกฎหมายว่าจะดำเนินการอย่างไร เมื่อถามว่า จะผ่อนผันให้นักศึกษาได้บ้างหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เขามีวิธีการของเขา เป็นเรื่องของกฎหมาย ทำอย่างไรก็ว่ากันไป
@ บิ๊กโด่งซัดไร้สาระข้อมูลพื้นร้าว
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีนายณัฐวุฒิจะนำข้อมูลพื้นคอนกรีตร้าวบริเวณอุทยานราชภักดิ์เสนอต่อ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าไม่มีอะไร ถือว่าเนื้อหาสาระน้อยมาก ส่วนตัวยังไม่เห็น แต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ ในกระบวนการตรวจสอบ ไม่ว่าหน่วยงานใด ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย และยังเชื่อว่าคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงกลาโหม จะสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น "เรื่องรอยร้าวพวกนี้ ผมเห็นว่าไม่ได้มีสาระอะไร แม้ผมจะยังไม่ได้รับรายงาน แต่คิดว่าอาจจะเป็นเรื่องการหดตัวของปูน คงไม่เกี่ยวกับว่าไม่มีฐานราก ทหารช่างได้ดำเนินการอย่างระมัดระวังอยู่แล้ว ช่วงปีใหม่ในอุทยานราชภักดิ์ จะมีกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี เพื่อเป็นสิริมงคลแก่อุทยานฯและคนทั้งประเทศ จึงอยากให้ร่วมกิจกรรมดังกล่าว" พล.อ.อุดมเดชกล่าว และว่า การตรวจสอบ ขอให้รอผลจากคณะกรรมการ ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย และรอฟังผลอยู่เหมือนกัน ทั้งนี้ มีความมั่นใจ เพราะดำเนินการต่างๆ ด้วยเจตนาอันดี ทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ พยายามป้องกันสิ่งที่ไม่ดี ที่อาจเกิดขึ้น ทำด้วยใจ ด้วยความมุ่งมั่น เพื่อสร้างสิ่งดีๆ ให้ประเทศชาติบ้านเมือง
@ ผลสอบไม่มีผลกับการตัดสินใจ
"ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกคนที่ช่วยกันทำให้อุทยานราชภักดิ์เกิดขึ้นได้ รวมทั้งภาคเอกชนที่ช่วยกันบริจาค ซึ่งในระยะที่ 2 ของการก่อสร้าง หลังจากได้ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วนั้น จะก่อสร้างห้องพิพิธภัณฑ์ที่ใช้เงินค่อนข้างสูง แต่เป็นสิ่งที่ช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้ และเข้าใจว่าประเทศชาติเราอยู่มาถึงปัจจุบันได้เพราะคุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งพิพิธภัณฑ์เมื่อเข้าไปแล้วจะรู้สึกได้ในความสมชื่อว่าเป็นอุทยานราชภักดิ์" พล.อ.อุดมเดชกล่าว และว่า ยังจะมีการก่อสร้างเกี่ยวกับการให้บริการ เช่น อาคารสุขาขนาดใหญ่ 160 ห้องขึ้นไป และมีอาคารอื่นๆ อีก แต่ยังขึ้นอยู่กับว่า เงินที่เหลือนั้นจะสามารถสร้างได้มากน้อยเพียงใด
เมื่อถามว่า ผลสรุปจากคณะกรรมการตรวจสอบ จะมีผลต่อการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ไม่มีผลอะไร ตนยังมีความมั่นใจว่าสิ่งที่ทำมีความตั้งใจดี บริสุทธิ์ ตรวจสอบได้ เคยให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการตรวจสอบไปแล้ว ซึ่งมีการจดบันทึกเป็นหลักฐานเรียบร้อย บางคนเรียกร้องในเรื่องดังกล่าวว่าให้เปิดเผยข้อมูลหลักฐาน ยืนยันว่า เปิดเผยอยู่แล้ว ทั้งรายละเอียดของบัญชีในการรับสิ่งของบริจาค เงินบริจาค การใช้จ่ายเงินในแผนงานโครงการต่างๆ ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงกลาโหม จะต้องสามารถชี้แจง เปิดเผยข้อมูลได้ทุกอย่าง และจะขยายข้อมูลได้มากกว่าที่กองทัพบกได้ชี้แจง
@ เชื่อกก.สอบตอบได้ทุกปม
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจการตรวจสอบของคณะกรรมการที่ตั้งโดยกระทรวงยุติธรรมหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ทราบว่าขณะนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กำลังตรวจสอบอยู่ เป็นการทำงานคู่ขนานกันไป และเห็นใจคณะทำงานในปีที่ผ่านมา เพราะน่าจะให้ตรวจสอบเป็นส่วนๆ ไป เมื่อคณะทำงานชุดหนึ่งทำงานเสร็จ คณะทำงานอีกชุดก็เข้ามาสานต่อ แต่ตอนนี้เป็นการเข้าไปทำงานพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม การทำงานลักษณะนี้ก็ถือเป็นสิ่งดี เวลาจะได้กระชับ สาธารณชนจะได้รับทราบ
"ผมได้ชี้แจงไปมากไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทนหรือค่าอะไรต่างๆ เรื่องต้นไม้ หรือเรื่องอื่นๆ เรียนว่าไม่มีอะไร แต่ก็ยังพยายามทำให้มันมีขึ้นมา ทำให้เกิดประเด็นโน้น ประเด็นนี้ ซึ่งไม่เกิดสาระอะไรมากนัก แต่เมื่อสงสัยก็คิดว่าคณะกรรมการตรวจสอบน่าจะตอบได้ทุกเรื่อง" พล.อ.อุดมเดชกล่าว
@ เร่งซ่อมพื้นร้าวราชภักดิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนงานบริษัทผู้รับเหมาเร่งซ่อมและปรับปรุงผิวคอนกรีตที่เกิดแตกร้าว พร้อมเปลี่ยนตะแกรงเหล็กปิดท่อระบายน้ำ บริเวณลานอเนกประสงค์ภายในอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากตรวจสอบพบตะแกรงเหล็กเดิมชำรุดจากการรับน้ำหนักเกิน เพื่อให้เสร็จก่อนการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ขณะที่อาคารด้านล่างฐานพระบรมรูปบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ อยู่ระหว่างการปรับปรุงภายใน เพื่อจัดแสดงนิทรรศการพระราชประวัติ อาจมีปัญหาไม่เสร็จตามกำหนดการเดิมซึ่งจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมภายในเดือนเมษายน 2559
@ 11 น.ศ.เลื่อนพบตร.ปีหน้า
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่นายสิรวิชญ์พร้อมพวกรวม 11 คน ได้ยื่นหนังสือขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ออกไปเป็นวันที่ 9 มกราคม 2559 โดยให้เหตุผลว่าได้รับหมายเรียกกระชั้นชิดเกินไป ว่า ไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างได้ เพราะตามหลักหากมีการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือมีธุระสำคัญ สามารถแจ้งเหตุผลในการขอเลื่อนได้ และขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนว่าจะอนุมัติหรือไม่ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนโทรศัพท์มาปรึกษาตนเช่นกัน และได้ให้ความเห็นไปแล้ว
"ซึ่งขั้นตอนดำเนินการต่อไปของการออกหมายเรียกจะขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน ที่ส่งไปตามภูมิลำเนาของแต่ละบุคคล อาจจะล่าช้าบ้างแล้วแต่กรณี หากมีออกหมายเรียกไปแล้ว ไม่มาตามนัดเกิน 2 ครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ก็จะต้องออกหมายจับตามขั้นตอน" รอง ผบ.ตร.กล่าว
@ ตร.เรียกพบรอบสอง 29 ธ.ค.
พ.ต.ท.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ สารวัตรสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจรถไฟธนบุรี กล่าวถึงการออกหมายเรียกนายสิรวิชญ์กับพวก รวม 11 คน ให้เข้าพบพนักงานสอบสวน แต่นายสิรวิชญ์ส่งทนายความแจ้งว่าติดภารกิจขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำว่าได้พิจารณาออกหมายเรียกซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ไปแล้ว กำหนดให้นายสิรวิชญ์กับพวก ทั้ง 11 ราย เข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 29 ธันวาคม เวลา 09.00 น. แต่หากทั้งหมดยังไม่เข้ามาพบพนักงานสอบสวน จะพิจารณาขออนุมัติศาลออกหมายจับตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์กำชับหรือสั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พ.ต.ท.ภาคภูมิกล่าวว่า พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง พล.ต.อ.ศรีวราห์ไม่ได้กำชับอะไรมาถึงตน เพียงแต่การทำงานจะอยู่ในรูปของคณะทำงาน จะเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาตามลำดับชั้น ส่วนกรณีการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ นั้น อยู่ระหว่างประสานกับทางเจ้าหน้าที่ทหาร
@ ขบวนการปชต.ใหม่พบยูเอ็น
วันเดียวกัน เพจขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เผยภาพสมาชิกของกลุ่มที่ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและปรึกษาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองไทยในปัจจุบันเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง โดยหยิบยกกรณีการจับกุม
นายฐนกร ศิริไพบูลย์ และนายธเนตร อนันตวงษ์ รวมถึงนายหนึ่ง เกตุสกุล จากการที่ทั้งสามคนได้แสดงความคิดเห็นต่อการทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ และการออกหมายเรียกผู้เข้าร่วมกิจกรรมนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ โดยปฏิเสธการลงนามยอมรับข้อตกลงไม่แสดงออกทางการเมืองของ คสช. ทั้ง 11 คน และกรณีการเบี่ยงเบนประเด็นการตรวจสอบการทุจริต ซึ่งองค์การระหว่างประเทศได้ตอบรับข้อคิดเห็นและจะรายงานสถานการณ์ภายในประเทศไทยเพื่อให้ประเทศต่างๆ รับรู้ต่อไป
@ วีระไม่โกรธบิ๊กตู่ปมคุกเขมร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีทหารไปล้อมบ้านนายวีระ ในลักษณะเป็นคนไปขอกัมพูชาที่ช่วยให้นายวีระพ้นคุก และสิ่งที่นายวีระทำนั้นน่าปล่อยให้นายวีระเน่าตายในคุก
นายวีระระบุว่า ไม่รู้สึกโกรธที่นายกรัฐมนตรีพูดแบบนั้น และเปิดเผยว่า "จริงๆ แล้วรัฐบาลไม่ได้เต็มใจช่วยผม พล.อ.ประยุทธ์ครับ ผมไม่ได้รู้สึกโกรธหรือรู้สึกเสียใจที่คุณให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในลักษณะเหมือนทวงบุญคุณกับผมว่า มันน่าปล่อยให้(ผม)เน่าตาย(ในคุก)นะ บอกตรงๆ มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยบอกกับผมว่า พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรเขาไม่อยากช่วยผมให้ออกจากคุกกัมพูชา
"ถ้าพวกเขาอยากช่วยผมจริง เขาต้องช่วยผมทันทีตั้งแต่วันที่ผมและคนไทยอีก 6 คนถูกทางการกัมพูชาจับบนแผ่นดินไทยบริเวณบ้านหนองจาน เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553 ขณะนั้น พล.อ.ประวิตรดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ในวันนั้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. มาวันนี้ คุณได้เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อผม จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องการช่วยผม คุณต้องการให้ผมตายคาคุก" นายวีระระบุ
@ ดอนปลื้ม"รัสเซล"เป็นมิตร
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการหารือกับนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ด้านกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า นายรัสเซลเดินทางมาแสดงความเป็นมิตรอย่างมาก ก่อนหน้านี้นายรัสเซลไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่อาจจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ในเมืองไทยเท่าที่ควร วันนี้ทุกคนมีความเข้าใจสถานการณ์ที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง จากการเป็นมิตรทำให้ต้องเดินหน้าในความสัมพันธ์กันต่อไป จะมีพัฒนาความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
"ความเป็นมิตรนี้ชัดเจน เราไม่อยากบอกว่าเป็นท่าทีที่เปลี่ยนไป ไม่อยากบอกว่าเขาเคยไม่เป็นมิตร ในความเข้าใจเราเขามีมากขึ้น ปีกว่าที่ผ่านมาเขารับรู้แล้วว่าบ้านเรามีความสงบสุข ไม่มีปัญหาเหมือนประเทศอื่นๆ ที่รัฐประหาร แล้วมีแต่ความตึงเครียด มีทหาร มียาม มีเลือดชโลมแผ่นดิน แต่ของเราไม่มี อย่าว่าแต่นายรัสเซล ผมพบกับทูตอียู เขายังบอกว่าชอบเมืองไทย หลายคนอยากอยู่เมืองไทยต่อ" นายดอนกล่าว
@ เลิกพาสปอร์ต"แม้ว"ยึดกม.
นายดอน กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางนัดไต่สวนในคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร ฟ้องอธิบดีกรมการกงสุลกับพวก มีคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางเลขที่ U957411 และ Z530117 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในวันที่ 23 ธันวาคมว่า หลักเกณฑ์การยกเลิกหนังสือเดินทางนั้นมีระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 อยู่ ซึ่งทางอธิบดีกรมการกงสุลพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีนี้เข้าข่ายตามระเบียบ สามารถดำเนินการได้ จึงมีคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทาง
"ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องการเมือง เนื่องจากก่อนที่จะมีการยกเลิกหนังสือเดินทางมีข่าวว่านายทักษิณไปให้สัมภาษณ์ลักษณะกระทบต่อความมั่นคง จึงมีการทำเรื่องมายังกระทรวงการต่างประเทศให้ยกเลิก" นายดอนกล่าว
@ พรเพชรบอกไม่รู้ตั้งรบ.แห่งชาติ
ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อเป็นทางออกให้กับประเทศว่า ยังไม่ทราบเป็นแนวคิดใคร เนื่องจากที่ผ่านมาก็มีแนวคิดนี้อยู่บ่อยครั้ง แม้แต่ในยามวิกฤตก็เคยเสนอเหมือนกันแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ แล้วจะมาเสนออะไรตอนนี้
เมื่อถามว่า จะเสนอเรื่องนี้เข้าไปในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 หรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ยังไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องนี้ คงจะให้ความเห็นอะไรไม่ได้ การที่จะแต่งตั้งรัฐบาลแห่งชาติในยุคของรัฐบาล คสช.คงเป็นความคิดเห็นของคนภายนอกมากกว่า
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะไม่นำเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติมาพิจารณาหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ไม่ทราบต้องไปถามนายกฯซึ่งตนไม่เคยคิดถึงเรื่องดังกล่าว ส่วนข้อดีข้อเสียของการมีรัฐบาลแห่งชาตินั้น ถ้ามองในประเด็นที่ว่าประเทศชาติเกิดวิกฤตขึ้น แล้วมีแนวทางแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้น และมีช่องทางที่จะตั้งรัฐบาลแห่งชาติอย่างนั้น ก็รับได้ แต่ก็ต้องไปพูดกันในร่างรัฐธรรมนูญที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กำลังร่างอยู่จะดีกว่า
@ อยากให้รธน.มีชัยเป็นแสงสว่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมร่วมแม่น้ำ 5 สาย มีการระบุว่านายกฯห่วงเรื่องของความปรองดอง จึงอยากให้มีแผนการปรองดองออกมา นายพรเพชรกล่าวว่า ดำเนินการไปเรื่อยๆ ซึ่งนายกฯให้ดำเนินการตั้งแต่มี คสช. แล้ว ในการทำความเข้าใจ และแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเรียกมาพูดคุย เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถทำได้ ส่วนหนทางที่จะนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่นิรโทษกรรมให้ใครนั้น คงดำเนินการต่อไปได้เมื่อสภาวะบ้านเมืองดีขึ้น
เมื่อถามว่า การที่ระบุว่าเมื่อบ้านเมืองดีขึ้น แล้วถึงจะมีกฎหมายนิรโทษกรรม ช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงปลายก่อนที่ร่างรัฐธรรมนูญจะเสร็จใช่หรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ตนก็หวังเช่นนั้น อยากให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่นายมีชัยกำลังร่าง เกิดแสงสว่างที่จะผ่านประชามติ และประชาชนมุ่งไปสู่การเลือกตั้ง คงจะเป็นบรรยากาศที่ดีขึ้น
@ 'เสรี'ชี้เสนอรบ.แห่งชาติโยนเหยื่อ
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูป ด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงกรณีที่นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า ต้องถามว่า เป็นการตั้งใจให้มีรัฐบาลแห่งชาติจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่ข้อเสนอเพื่อโยนเหยื่อให้ฮุบ เพราะถ้ารัฐบาลปัจจุบันยอมรับให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ก็แสดงว่า รัฐบาลต้องการต่ออำนาจให้ตัวเอง จะทำให้มีกลุ่มออกมาต่อต้าน "ดังนั้น วิธีดีที่สุดคือ การเดินตามโรดแมปเดิม หากรัฐบาลตอบรับข้อเสนอการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ จะมีกลุ่มคนออกมาต่อต้าน การเสนอเช่นนี้ไม่ใช่ดิสเครดิตให้รัฐบาล ดูแล้วเป็นการสร้างประเด็นทางการเมือง เพื่อให้เกิดปัญหากับรัฐบาลและ คสช. เพื่อสร้างความไม่น่าเชื่อถือให้เกิด ดังนั้น รัฐบาลต้องระวังอย่ารับข้อเสนอดังกล่าว เพราะจะทำให้ติดกับทางการเมือง" นายเสรีกล่าว
@ แนะยึดตามโรดแมปนายกฯ
นายสุชน ชาลีเครือ ที่ปรึกษา กมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง สปท. กล่าวว่า ไม่ขอออกความเห็นในข้อเสนอของนายปรีชาว่า ห้วงเวลานี้เหมาะสมจะตั้งรัฐบาลแห่งชาติหรือไม่อย่างไร แต่ประเด็นสำคัญ ต้องทำให้ทุกฝ่ายไม่ทะเลาะกัน เดินหน้าทำเรื่องปรองดองให้ได้ก่อน แล้วคืนอำนาจไปให้ประชาชนให้เร็วที่สุด ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องทำตามขั้นตอนของโรดแมปให้ชัดเจนเพื่อให้ประชาชนสบายใจ หลังจากการเลือกตั้ง ซึ่งคาดกันว่า จะเกิดในปี 2560 ซึ่งถึงวันนั้นก็ค่อยมาคิดกันอีกทีว่าจะเอาอย่างไร
นายวิทยา แก้วภราดัย กมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง สปท. กล่าวว่า ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า รัฐบาลแห่งชาติ จึงอยากให้ นายปรีชาอธิบายว่าเป็นแบบไหน ที่ระบุให้ พล.อ.ประยุทธ์ดึงคนดีทุกฝ่ายเข้ามาเป็นรัฐมนตรีร่วมเพื่อเข้ามาบริหาร ตนมองว่า ตอนตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ก็มีคนดีในใจเข้ามาเป็นรัฐมนตรีอยู่แล้ว ทั้งนี้ เห็นว่า ควรทำตามโรดแมปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งดีกว่า
@ ปัดรบ.แห่งชาติแนวคิดพท.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า นับแต่มีการรัฐประหาร พรรคเพื่อไทยยังไม่มีการพูดคุยกัน และไม่มีแนวคิดดังกล่าว ขณะเดียวกันยังไม่ได้พูดคุยกับนายปรีชา ความเห็นที่ออกมาเป็นความเห็นส่วนตัว พรรคเพื่อไทยยังยืนยันในวิถีทางประชาธิปไตย และเห็นว่าทางออกในการแก้ปัญหาต่างๆ ในขณะนี้คือการคืนประชาธิปไตยเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็วและให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ
นายภูมิธรรม กล่าวถึงการแถลงผลงานในรอบ 1 ปีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ว่า เห็นว่า 1 ปี ที่รัฐบาลเข้ามามีเจตนาอย่างไร ประชาชนคงได้เห็น รัฐบาลพูดว่าจะเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ขออย่าละเลยภารกิจที่ได้พูดไว้
@ ขอพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม วาระพิจารณาบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และพิจารณาข้อเสนอแนะและความคิดเห็นต่างๆ ที่ กรธ.ได้รับไว้
ก่อนการประชุม ตัวแทนพระสงฆ์จากสำนักงานองค์กรพระธรรมทูตไทยในสหราชอาณาจักร เข้ายื่นหนังสือต่อ กรธ.ผ่านนายชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรธ.เพื่อขอให้บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ โดยให้เหตุผลว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่คนไทยเคารพนับถือ เป็นจารีตประเพณีและเป็นวิถีชีวิตของชาวไทย อีกทั้งพระพุทธศาสนาเคารพและให้เกียรติผู้นับถือศาสนาอื่นที่รักความสงบโดยไม่เบียดเบียนใคร จึงอยากให้ กรธ.เห็นความสำคัญ ช่วยปกป้องพุทธศาสนารักษาให้เป็นมรดกของแผ่นดินด้วยการผลักดันให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ
@ กรธ.เคาะแล้วเลือกทางอ้อมส.ว.
เวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษก กรธ.แถลงว่า ประเด็นที่มาของ ส.ว.เบื้องต้นทาง กรธ.ได้วางหลักการให้ ส.ว.มาจากการเลือกกันเองและเลือกไขว้ตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัดและประเทศ 200 คน จาก 20 กลุ่มทางสังคม อาทิ กลุ่มแรงงาน กลุ่มสิทธิเด็ก กลุ่มสตรี เป็นต้น สำหรับวิธีการสมัครกำหนดให้ผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้สามารถไปสมัครได้ที่ว่าการอำเภอโดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเป็นผู้ดำเนินการ
"ผู้สมัครสามารถเป็นตัวแทนในนามของกลุ่มที่จดทะเบียนนิติบุคคล หรือขอให้องค์กรที่ไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลรับรองการสมัครได้ว่าเป็นผู้รู้และมีประสบการณ์เหมาะสมเป็น ส.ว. หรือหากไม่มีองค์กรใดให้การรับรองเป็นทางการ สามารถให้เพื่อนสมาชิกที่ปฏิบัติงานด้วยกันอย่างน้อย 3 คน เซ็นชื่อรับรองมาได้" นายชาติชายกล่าว และว่า ส่วนการเลือกตั้งทางอ้อมและเลือกไขว้นั้นจะเริ่มตั้งแต่ระดับอำเภอ มายังระดับจังหวัดให้ได้กลุ่มละ 99 คน เมื่อรวม 20 กลุ่ม ก็จะได้ 1,980 คน ก่อนที่จะส่งมาให้ส่วนกลางคัดเลือกด้วยวิธีการเลือกแบบไขว้ให้เหลือกลุ่มละ 10 คน รวมเป็น 200 คน