- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 20 December 2015 18:35
- Hits: 4310
'วีระ สมความคิด'ฉุน ฮึ่มทหาร เข้าใกล้บ้าน-เจอยิง ครม.'บิ๊กตู่-ฮุนเซน'ชื่นมื่น เพิ่มการค้า-เซ็น 5 เอ็มโอยู คสช.แจงดำเนินคดี 11 น.ศ. ปลุกระดม-โจมตีรัฐบาล
'บิ๊กตู่-ฮุนเซน'ชื่นมื่น ถกร่วมครม.ไทย-กัมพูชา เซ็นเอ็มโอยู 5 ฉบับ เพิ่มมูลค่า การค้า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ 'วีระ สมความคิด'ยัวะทหาร-ตร.บุกบ้านเมียที่ลำปาง ลั่นถ้าเข้ามาประชิดเจอยิงสวนแน่ โฆษกคสช.แจงดำเนินคดี 'จ่านิว'พร้อมพวกรวม 11 คน นั่งรถไฟไปราชภักดิ์ มีนัยแอบแฝงทางการเมือง ปลุกระดม ตร.เรียกรับทราบข้อกล่าวหา 22 ธ.ค. 'ณัฐวุฒิ'หนุนศอตช.สอบต่อ เผยมีหลักฐานเพิ่มเตรียมส่งให้'บิ๊กต๊อก' กรธ.หั่นร่างรธน.มีไม่เกิน 200 มาตรา นัดเคาะที่มาส.ว. ห่วงประชามติไม่ผ่าน'พรเพชร'เผยถกแม่น้ำ 5 สาย นายกฯ ย้ำเดินหน้าปฏิรูป-สร้างปรอง ดอง หวั่นยึดอำนาจเสียของ
วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9153 ข่าวสดรายวัน
แถลงร่วม - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แถลงร่วมกับสมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา หลังการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีสองประเทศ และลงนามเอ็มโอยู 5 ฉบับ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.
'บิ๊กตู่-ฮุนเซน'ถกครม.ไทย-เขมร
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วมประชุมครม.ไทย-กัมพูชา อย่างไม่เป็นทางการ เพื่อขยายความร่วมมือและฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ครบ 65 ปี ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยใช้เวลาประชุม 2 ชั่วโมง 15 นาที
จากนั้น มีการลงนามแถลงการณ์ร่วมของการประชุมร่วมนายกฯและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 2, ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน, ข้อตกลงด้านการจ้างแรงงาน ระหว่าง กระทรวงแรงงานของไทยกับกระทรวงแรงงานและฝึกอาชีพ, ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาจุดผ่านแดนบ้านหนองเอี่ยน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว-สตึงบท เมืองปอยเปต จ.บันเตียนเมียนเจย และลงนามข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา และสภาธุรกิจกัมพูชา-ไทย
ชื่นมื่นย้ำสัมพันธ์แนบแน่น
เวลา 11.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี พล.อ. ประยุทธ์ และสมเด็จฮุนเซน ร่วมกันแถลงข่าว ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวแบบติดตลกและหันมายิ้มให้กันเป็นระยะ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในนามรัฐบาลไทยและคนไทยยินดีต้อนรับนายกฯกัมพูชาและคณะ ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในรอบ 12 ปี การประชุมวันนี้เป็นการฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 65 ปี เราเห็นชอบร่วมกันที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ซึ่งอยู่ในฐานะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของสองประเทศที่ผ่านมา ซึ่งเราต้องร่วมมือกันในพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ ลดความหวาดระแวง และเรื่องผลประโยชน์ที่เท่าเทียมในลักษณะเดินหน้าเป็นประชาคมอาเซียนโดยสมบูรณ์ในต้นปีหน้า เป้าหมายของเราคือการสร้างความผาสุกของประชาชนทั้งสองประเทศ ลดช่องว่าง ยกระดับอาชีพ ยกระดับการค้าการลงทุนและความมั่นคง วัฒนธรรม การท่องเที่ยว ทุกอย่างให้เจริญก้าวหน้าในอนาคตและสร้างความเข้มแข็งให้อาเซียนด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องความมั่นคงจะร่วมกันเพิ่มขีดความสามารถให้หน่วยงานที่มี อยู่แล้วให้เข้มแข็งขึ้น เพิ่มภารกิจมากขึ้น เช่น การค้ามนุษย์ การตัดไม้ทำลายป่า ยาเสพติด หรือภัยคุกคามอื่นที่เป็นเรื่องใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ มีการพูดคุยถึงการยกระดับจุดผ่านแดนและเพิ่มการคมนาคมระหว่างกันทั้งทางบก น้ำ อากาศ ประเด็นสำคัญคือเรื่องการร่วมมือกันสร้างสะพาน ที่บ้านหนองเอี่ยน อ.อรัญประเทศ เพื่อเชื่อมต่อกับกัมพูชาให้เสร็จภายใน 1 ปี การเชื่อมต่อทางรถไฟไทย-กัมพูชา ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด น่าจะเป็น 6 เดือนข้างหน้า
ตั้งกก.คุยแผนร่วมมือด้านพลังงาน
"สำหรับความร่วมมือด้านพลังงาน มีการตกลงว่าจะมีแผนดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อแสวงหาความร่วมมือ ขอให้เข้าใจให้ตรงกันด้วย ไม่ได้ตกลงอะไรก่อนหลัง ไม่ใช่ มีการ ตั้งคณะกรรมการมาพูดคุยกัน แล้วหาสิ่งที่จะทำได้เพื่อเป็นอนาคต" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า การลงนามวันนี้มี 5 ฉบับ เราต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ก้าวผ่านอุปสรรคและปัญหาทั้งหมดไปสู่ความร่วมมือที่ยั่งยืน ทำ 65 ปีต่อไปให้ได้ ผ่านมาแล้ว 65 ปี เราจะเดินผ่านอีก 65 ปีต่อไป เรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย รัฐบาลไทยเร่งนำเข้าพิจารณาในครม.ให้ถูกต้อง แม้จะประชุมอย่างไม่เป็นทางการก็ตาม สมเด็จฮุนเซน มาครั้งนี้ ได้บอกกับตนคำหนึ่งว่า เอาความรักความห่วงใยจากประชาชนกัมพูชามาฝากตน ฝากคนไทยด้วย เช่นเดียวกัน ตนก็ขอฝากเป็นสองเท่า มากกว่าสองเท่าสามเท่าดีกว่า มากกว่าเพิ่มมูลค่าการค้าขาย 100 เท่า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในตอนท้ายแบบติด ตลกว่า เมื่อสักครู่ที่เดินไป 2 คน ไม่ได้หารือกัน แต่เดินไปเข้าห้องน้ำกัน
เพิ่มมูลค่าการค้า 1.5 หมื่นล.เหรียญ
ด้านสมเด็จฮุนเซน กล่าวว่า ไม่ใช่สิ่งที่บังเอิญในการเยี่ยมประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตนภาคภูมิใจอย่างยิ่งในความสำเร็จและความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศตลอดเวลาที่ผ่านมา และพวกเรามีพัฒนาการและความสามารถอย่างมากเช่นกันในการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือต่อไปอีก ทั้งนี้ การขยายตัวที่ผ่านมาโดยเฉพาะการค้า ทั้งนำเข้าและส่งออกของทั้ง 2 ประเทศมีมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ โดยการนำเข้า-ส่งออกของกัมพูชาไปยังไทย มีมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้า-ส่งออกไทยไปยังกัมพูชา มีมูลค่า 4,500 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ รมว.พาณิชย์ของทั้ง 2 ฝ่าย เห็นพ้องว่าภายในปี 2020 ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น 15,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการขนส่งจึงต้องทำอย่างรอบคอบและอย่างดีที่สุด โดยจะเปิดด่านต่างๆ โดยเฉพาะด้านยานพาหนะการขนส่ง จาก 40 คันเพิ่มขึ้นเป็น 500 คัน
สมเด็จฮุนเซน กล่าวว่า ส่วนการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟ ฝ่ายไทยเห็นว่าจะสร้างสะพานข้ามพรมแดนเชื่อมโยงหนองเอี่ยนและสตึงบท โดยตนจะประพันธ์เพลงเกี่ยวกับสะพานมิตรภาพ จะแต่งในจังหวะรำวง และมีหลายเรื่องที่เราภูมิใจ ต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยและประชาชนไทยที่สนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนกัมพูชาตลอดมา และขอขอบคุณสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่สนพระทัยช่วยเหลือในการสร้างทรัพยากรมนุษย์ ที่กัมพูชาและขอประกาศให้ทราบว่าการประชุมครม.ร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 3 จะจัดขึ้นที่กรุงพนมเปญ และพล.อ. ประยุทธ์ได้ตกลงจะเข้าร่วมการประชุมแล้ว
ดึงทีมบุรีรัมย์ฟาดแข้งกระชับมิตร
ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า เพื่อร่วมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ไทยกับกัมพูชา ครบรอบ 65 ปี ภาคประชาชนจะร่วมกันจัดกิจกรรมและการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างไทยและกัมพูชา ตามที่นายกฯมอบให้รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้แทนพิเศษ ซึ่งขณะนี้ความคืบหน้าคือ ตนเตรียมนำทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดินทางไปเตะฟุตบอลกระชับมิตรครั้งนี้ โดยจะแข่งขันนัดดังกล่าวในวันที่ 23 ม.ค. 2559 ซึ่งประเทศกัมพูชาจะถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลนัดดังกล่าวด้วย ส่วนทางไทยจะได้หารือกันเรื่องถ่ายทอดสดอีกครั้งหนึ่งว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ ฟุตบอลนัดกระชับมิตรดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อตอบสนองการพัฒนาด้านการกีฬาของกัมพูชาด้วย
รถไฟไทย-จีน - พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี นายหวัง หย่ง มนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมพิธีการเริ่มต้นโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ณ สถานีรถไฟเชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. |
จับมือแก้ค้ามนุษย์-ยาเสพติด
พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยผลการประชุม ร่วมครม.ไทย-กัมพูชาว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม และพล.อ.เตียบันห์ รองนายกฯและรมว.กลาโหมกัมพูชา ได้รายงานภาพรวมการเมืองและความมั่นคงไทย-กัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจและไว้วางใจกัน ตลอดแนวชายแดนมีความสงบสุข ทั้งสองประเทศมีร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ การลักลอบขนยาเสพติดข้ามแดน การลักลอบตัดไม้ ปราบปรามกระบวนการค้ามนุษย์ โดยทั้งสองฝ่ายยืนยันจะดำเนินการเข้มข้นยิ่งขึ้น
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯและนายสกอาน รองนายกฯและรัฐมนตรีประจำสำนักคณะรัฐมนตรีกัมพูชา เห็นชอบร่วมกันในการผลักดันเป้าหมายขยายปริมาณมูลค่าการค้าและการลงทุนของสองประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ส่วนด้านพลังงาน ขอให้รัฐบาลกัมพูชาสนับสนุนโครงการที่ฝ่ายไทยสนใจ อาทิ โครงการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำที่สตึงมนัม และโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จังหวัดเกาะกง
คสช.แจงเอาผิด 11 น.ศ.ไปราชภักดิ์
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีพ.อ. บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับ บัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. ได้แจ้งความร้องทุกข์กับกลุ่มนักศึกษากับพวก รวม 11 คน ฝ่าฝืนคำสั่งและประกาศ คสช. ที่สน.รถไฟธนบุรี เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า หลังจากพิจารณาพฤติกรรมโดยรวมตั้งแต่อดีต พบว่ากลุ่มนักศึกษาดังกล่าวได้เคลื่อนไหวทางการเมืองมาตลอดตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2558 ครั้งนั้นภายใต้ชื่อ "กลุ่มพลเมืองโต้กลับ" โดยจัดกิจกรรมที่หอศิลป์ แยกปทุมวัน ภายใต้ชื่อกิจกรรม "เลือกตั้งที่ลัก" และเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ได้จัดกิจกรรมอีกครั้งภายใต้ชื่อว่า "ศุกร์ 22 มาฉลองกันมะ" ซึ่งมีคดีอยู่ในช่วงระหว่างดำเนินการและได้รับการประกันตัว จากนั้นได้เปลี่ยนชื่อที่ใช้เคลื่อนไหวใหม่เป็น กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ โดยพฤติกรรมได้พยายามปลุกปั่นกระแสโจมตี เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือรัฐบาลและคสช. ด้วยการปลุกระดมผ่านสื่อต่างๆ
ชี้มีนัยแอบแฝงทางการเมือง
โฆษกคสช.กล่าวว่า กระทั่งวันที่ 6 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ากลุ่มดังกล่าวมีเจตนา ที่จะจัดกิจกรรมทางการเมือง ในลักษณะสอดคล้องกับการจัดกิจกรรมทางการเมืองของแกนนำกลุ่มอื่น โดยพฤติกรรมของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ในครั้งนี้พบว่ามีการพูดชักชวนผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมารวมตัวกันทำกิจกรรมนั่งรถไฟในครั้งนี้ อ้างว่าเป็นกิจกรรมเอาไฟฉายไปส่องหาการทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาโดยอาศัยองค์ประกอบรอบด้านแล้ว ไม่ว่าพฤติกรรมส่วนบุคคล หรือพฤติกรรมกลุ่มในอดีต หรือรูปแบบที่ดำเนินกิจกรรมของกลุ่ม ที่สำคัญที่สุดตามข้ออ้างของกลุ่มนั้น ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าจะทำให้กลุ่มบรรลุในผลลัพธ์ตามข้อกล่าวอ้างได้จริง อีกทั้งพบพิรุธข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมครั้งนี้หลายอย่าง เจ้าหน้าที่จึงเชื่อได้ว่ากิจกรรมครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมือง
เผยมี 26 คนยอมรับเงื่อนไข
"เพื่อให้สังคมเกิดความสงบเรียบร้อยมากที่สุด เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป สำหรับผู้ที่เข้าข่ายและร่วมในกิจกรรมครั้งนั้นอีกจำนวนหนึ่ง ได้ให้ความร่วมมือและมีการปรับความเข้าใจพร้อมตกลงยอมรับเงื่อนไขร่วมกับทางเจ้าหน้าที่แล้ว ตามแนวทางอะลุ้มอล่วยที่เน้นการขอความร่วมมือเป็นลำดับแรก จึงไม่ได้อยู่ในกลุ่มของ 11 คน ที่เจ้าหน้าที่ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้" พ.อ.วินธัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เชิญกลุ่มที่ทำกิจกรรมเอาไฟฉายไปส่องหาการทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ รวมทั้งหมด 37 คน โดยมี 26 คน ได้ยอมรับเงื่อนไขของเจ้าหน้าที่ในการพูดคุย จึงถือว่าได้เข้าเงื่อนไขคำสั่งคสช. ฉบับที่ 3/2558 ข้อ 12 วรรคสอง หากผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมแล้ว มีความสมัครใจในการพูดคุย ทำความเข้าใจและยอมรับเงื่อนไขของทางเจ้าหน้าที่ ให้ถือว่าคดีนั้นเลิกกัน
เรียกรับทราบข้อกล่าวหา 22 ธ.ค.นี้
ร.ต.ท.อัษฎายุธ ทองสวรรค์ พนักงานสอบสวน สน.รถไฟธนบุรี กล่าวว่า ยืนยันได้ออกหมายเรียกนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว พร้อมพวกรวม 11 คน ในข้อหามั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ฝ่าฝืนคำสั่งและ ประกาศคสช. โดยได้ส่งหมายเรียกไปตามภูมิลำเนาเพื่อแจ้งให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 22 ธ.ค. เวลา 09.00 น. ที่สน.รถไฟธนบุรี แต่อาจมีบางคนที่พักอาศัยไม่ตรงกับที่อยู่ตามภูมิลำเนา ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเร่งตรวจสอบและส่งหมายเรียกไปอีกครั้ง
"เต้น"หนุนศอตช.สอบราชภักดิ์
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางการทำงานของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ในการตรวจสอบการทุจริตก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่มีการชี้แจงความคืบหน้าต่อประชาชนเป็นระยะ เพราะมีแต่ความโปร่งใส ตรงไปตรงมาของฝ่ายรัฐเท่านั้น ที่จะทำให้เรื่องนี้ได้ข้อยุติที่สังคมรับได้ แต่อยากให้การตรวจสอบครอบคลุมทุกขั้นตอน ไม่ใช่เน้นหนักเฉพาะประเด็นที่เป็นข่าว คือการหักหัวคิวรูปหล่อบูรพมหากษัตริย์ 7 พระองค์เพียงอย่างเดียว เพราะหากโครงการนี้มีคนกล้าทุจริต การจัดสร้างพระบรมราชา นุสาวรีย์และการดำเนินการส่วนอื่นๆ ย่อมสุ่มเสี่ยงยิ่งกว่า
"ข้อมูลที่มีผู้ประสงค์ดีส่งให้ผมขณะนี้ พบว่า มีความผิดปกติในการจัดสร้างพื้นคอนกรีตบริเวณโดยรอบโครงการ ซึ่งมีรอยแตกร้าวในหลายจุด บางจุดเป็นทางยาว นับก้าวเดินปกติได้เกือบ 20 ก้าว ทั้งที่การก่อสร้างเพิ่งเสร็จเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา แม้บางรอยจะพยายามปกปิดโดยการทาคอนกรีตทับ แต่ก็ยังเห็นสภาพชำรุดชัดเจน อยากให้ ศอตช.ตรวจสอบขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างและคุณภาพของวัสดุที่ใช้จัดสร้างโดยละเอียดด้วย" นายณัฐวุฒิกล่าว
เล็งมอบหลักฐานเพิ่มให้"บิ๊กต๊อก"
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า อีกประเด็นคือ การปลูกต้นปาล์มในพื้นที่โครงการ ซึ่งชัดเจนว่าภาคเอกชนบริจาคให้ฟรี แต่ผู้เกี่ยวข้องชี้แจงว่ามีการเปิดให้บริจาคเงินต้นละ 3 แสนบาท พร้อมติดป้ายชื่อผู้บริจาคไว้ที่ต้นปาล์มแต่ละต้น อีกทั้งปรากฏว่ามีเพียงต้นปาล์มบริเวณด้านหน้าที่ติดป้ายชื่อ ส่วนด้านหลังไม่ปรากฏป้ายชื่อ จึงน่าสนใจข้อเท็จจริงว่าการจัดการงบประมาณที่ได้รับในส่วนนี้มีหลักเกณฑ์อย่างไร สอดคล้องกับจำนวนต้นปาล์มที่ได้รับบริจาคหรือไม่
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนมีข้อมูล ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวในประเด็น ดังกล่าว ซึ่งจะส่งมอบให้ ศอตช.พิจารณาประกอบการดำเนินการตามช่องทางที่ได้หารือไว้กับพล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในสัปดาห์หน้า และไม่มีการเคลื่อนไหวในรูปแบบอื่นนอกจากนำเสนอข้อมูลไปยังองค์กรตรวจสอบ เพื่อนำไปสู่คำตอบสุดท้ายของกรณีนี้ต่อไป
"ตู่"แนะนิรโทษคดีการเมืองเว้นแกนนำ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวในรายการมองไกล ผ่านยูทูบ โดยย้ำถึงความพยายามหาช่องทางนิรโทษกรรมหรือขออภัยโทษให้กับผู้ต้องหาในคดีเผาศาลากลาง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาจนสิ้นสุดตามกระบวนการยุติธรรม จึงเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของคนไทยที่จะดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ที่เปิดช่องให้กระทำได้ ส่วนการนิรโทษกรรมนั้น ที่ผ่านมาตนพยายามร้องขอให้ปลดปล่อยประชาชนทุกฝ่าย แต่ยกเว้นแกนนำ และได้รับการตอบรับจากหลายฝ่ายที่เปิดใจรับฟัง เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม ถ้าทำได้โดยไม่ต้องนิรโทษกรรมให้กับแกนนำเลย จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในสังคม
นายจตุพร กล่าวว่า ยอมรับในการตัดสินของศาลฎีกา แม้เป็นความเจ็บปวด แต่ไม่สามารถเปลี่ยนโชคชะตาที่ไม่ได้สร้างขึ้นในคดีที่อุบลฯได้ โดยเรื่องเหล่านี้ในจังหวัดอุดรฯ ขอนแก่น ยังต้องผจญกับโชคชะตาเหมือนกัน ทั้งที่ข้าราชการในพื้นที่หลายจังหวัดรู้ดีว่า เกิดอะไร แต่ไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงในชั้นศาล ซึ่งการต่อสู้เรียกร้องให้คืนอำนาจให้ประชาชน เมื่อปี 2553 นั้น ประชาชนออกมาด้วยหัวใจรักประชาธิปไตย แต่มีสิทธิ์ติดคุกกันทุกคน ดังนั้นชะตากรรมของคนเสื้อแดงยังไม่จบแค่นี้ และไม่มีอะไรแตกต่างกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันมีเพียงเวลาว่า จะมาถึงช้าหรือเร็วเท่านั้น
ส่วนศาลอุทธรณ์เลื่อนอ่านคำสั่งในกรณีเขตอำนาจของศาลอาญาในคดีสลายการชุมนุม ของคนเสื้อแดง ปี 2553 นั้น นายจตุพรกล่าวว่า เป็นขั้นตอนทางกระบวนการยุติธรรม เพราะคดีนี้มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ เป็นผู้ต้องหา เมื่อนายสุเทพอ้างว่าไม่ได้รับหมายศาล ดังนั้น ศาลอุทธรณ์จึงเลื่อนอ่านคำสั่งไปวันที่ 17 ก.พ. 2559 ซึ่งเป็นเรื่องปกติและเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา
"วีระ"โวยบ้านเมียถูกคุกคาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน และเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) โพสต์ข้อความพร้อมภาพในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า มีทหารจ.ลำปาง พร้อมพวกบุกรุกเข้ามาบ้านภรรยาตน ที่จ.ลำปาง อ้างว่านายสั่งให้มาตามตัวตน ทหารมีสิทธิบุกรุกเข้าไปในบ้านประชาชนโดย ไม่ต้องมีหมายค้นทำได้ด้วยหรือ หมายจับ มีหรือไม่ นายวีระ สมความคิดถูกศาลทหารออกหมายจับแล้วหรือ คดีอะไร
นายวีระ ระบุว่า นอกจากนี้ยังมีตำรวจสายสืบจ.ลำปาง อีกหลายนายมาล้อมบ้านภรรยาตนพร้อมถ่ายรูป อ้างว่านายสั่งมา ถามว่านายชื่ออะไรก็ไม่ตอบ ถามว่าจะมาจับใครก็ไม่ตอบ ถ้าทหารและตำรวจคุกคามตนและครอบครัวเช่นนี้ ทั้งที่ไล่ตนไม่ให้อยู่ในกรุงเทพฯ หลบมาอยู่ถึงลำปางยังตามมาราวีกันอีก ตนก็หมดความอดทนแล้ว
ลั่นถ้าบุกรุก-เจอยิงแน่
"ขอแจ้งให้รู้ ทั้งทหารตำรวจในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ ถ้าเข้ามาในลักษณะบุกรุกเช่นนี้อีกโดยผิดกฎหมาย และไม่มีหมายจับหมายค้น อย่าเข้ามาใกล้ผมในระยะยิง เพราะผมจะยิงทุกคนทันทีเพื่อป้องกันตัวเอง ในเมื่อทหารตำรวจ ผมพึ่งไม่ได้ แล้วยังจะมาทำอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผมอีก ผมทำจริงอย่ามาเสี่ยง" นายวีระ ระบุและว่า บ้านที่หมู่บ้านนวธานี ซ.1 ทหารและตำรวจ เฝ้าอยู่หน้าบ้านเต็มซอย คุกคามครอบครัวตนมากไปแล้ว
"พรเพชร"นำแม่น้ำ 4 สายลุยพะเยา
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดพะเยา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) นำโดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 และสมาชิกคณะกรรมาธิการของสนช.ทั้ง 16 คณะ พร้อมตัวแทนแม่น้ำ 3 สาย คือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ รองประธานคณะกรรม การร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) และนายจิรายุ นันท์ธราธร หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ ในฐานะตัวแทนจากครม.ลงพื้นที่ตามโครงการสนช.พบประชาชน เพื่อรับฟังปัญหาและตรวจสอบติดตามการดำเนินงานของนโยบายรัฐบาล
กรธ.ตั้งเป้ารธน.มีแค่ 200 มาตรา
นายอภิชาตกล่าวว่า กรธ.ได้ร่างรัฐธรรมนูญ มา 2 เดือนเศษแล้ว ขณะนี้มีประมาณ 250 มาตรา ซึ่งความตั้งใจของกรธ.คือจะร่างรัฐธรรมนูญให้สั้นที่สุดไม่เกิน 200 มาตรา ดังนั้น กรธ.จึงต้องประชุมกันนอกสถานที่ เพื่อพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 11-18 ม.ค. 2559 และต้องปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญให้สั้นลง โดยจะร่างให้เสร็จภายในกำหนด ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญ ที่ออกมาจะต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชน ซึ่งกรธ.มีกำหนดให้แสดงความเห็นได้ถึงเดือนม.ค. 2559
นายอภิชาต กล่าวว่า รัฐธรรมนูญใหม่จะให้ความสำคัญกับประชาชนทุกคน เพราะเป็นรัฐธรรมนูญของทุกคนตามกลไกของคสช. ที่ต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ ให้เป็นที่ ยอมรับตามหลักสากล สอดคล้องกับประเพณีไทย มีกลไกการปฏิรูปและสร้างความปรอง ดอง ป้องกันภาคการเมืองเข้ามาใช้ประโยชน์แผ่นดินเพื่อไปแสวงหาประโยชน์กับประชาชน ซึ่งในร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็ได้มีการบรรจุเรื่องนี้ไว้ด้วย
ย้ำทำประชามติเดือนก.ค.59
นายอภิชาต กล่าวว่า สำหรับการทำประชามติ จะเกิดขึ้นในเดือนก.ค. 2559 หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านก็จะมีผลบังคับใช้ จากนั้นจะต้องร่างกฎหมายประกอบร่างรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายลูกและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป แต่หากประชาชนไม่เห็นชอบก็จะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องตกไปอีก และรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ไม่ได้เขียนระบุว่าหากร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ผ่านจะต้องทำอย่างไร จึงหวังว่าประชาชนจะเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญมีความจำเป็นที่จะต้องเอามาใช้ในการปกครองประเทศ
สปท.มั่นใจปฏิรูปสำเร็จ
ด้านนายคำนูณกล่าวว่า คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน 6 คณะ ซึ่งมีนายกฯ เป็นประธาน และรอง นายกฯ ทั้ง 6 คนเป็นรองประธานในแต่ละคณะนั้นจะนำแผนการปฏิรูปของสปท.มาพิจารณาว่าจะดำเนินการได้อย่างไร หากเป็นเรื่องกฎหมายก็จะมีการร่างกฎหมายเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของสนช. แต่ถ้าเป็นเรื่องอำนาจของครม.ก็จะส่งต่อไปยังครม.ดำเนินการ หรือหากจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 ก็ต้องให้นายกฯ สั่งการ ซึ่งภายในปี 2560 ทั้งประชาชน ข้าราชการระดับส่วนกลาง และจังหวัดต้องรับรู้ถึงแผนการปฏิรูปทั้งหมด เพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศก่อนมีการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อเป็นหลักประกันว่าหลังเลือกตั้งรัฐบาลที่เข้ามาต้องเดินตามแผนปฏิรูปประเทศเพื่อไม่ให้บ้านเมืองกลับไปสู่ความขัดแย้งเหมือนเดิม
พรเพชรยันคสช.อยู่แค่ปี 60
นายพรเพชร ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมแม่น้ำ 5 สาย เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า หารือถึงการแถลงผลงานของรัฐบาลในวันที่ 23-25 ธ.ค.นี้ รวมถึงการทำงานของสนช. สปท. และ กรธ. โดยทำความเข้าใจในปัญหาการปฏิรูปว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เสียของ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนิติบัญญัติของสนช.นั้น สนช.จะต้องประสานกับสปท. เพราะกฎหมาย ปฏิรูปจะต้องสอดคล้องตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามโรดแม็ปในระยะยาว 20 ปี ต้องวางรากฐานซึ่งไม่ได้หมายความว่าคสช.จะอยู่อีกนาน แต่กำหนดให้รัฐบาลใหม่เข้ามาสานต่อการปฏิรูป เพราะ นายกฯ บอกชัดเจนว่าจะอยู่แค่ปี 2560 เท่านั้น
นายพรเพชร กล่าวว่า ส่วนกฎหมายเร่งด่วนนั้น นายกฯ กำชับเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับศาล เพื่อให้การทำงานรวดเร็วขึ้น และให้เห็นว่ารัฐบาลนี้จริงจังกับการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งอาจมีการปรับปรุงกฎหมายฉบับเดิมให้ทันสมัยและร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่ก็ได้ สำหรับแนวทางการสร้างความปรองดอง รัฐบาลกำลังทำความเข้าใจและดำเนินการมาในระดับหนึ่ง อาจมีมาตรการทางกฎหมาย โดยนายกฯ พูดหลายครั้งแล้วว่าคนทำผิดต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาล และคสช.ก็ทำความเข้าใจเรื่องนี้มาตลอด
ให้รบ.ประเมินแก้รธน.ชั่วคราว
"ถ้าจะให้ได้ผลเด็ดขาดอาจจะอยู่ในลักษณะการอภัยโทษและการนิรโทษกรรม ซึ่งแนวทางนี้ต้องอาศัยกฎหมายเช่นกัน แต่จะใช้แนวทางใดนั้นผมยังตอบไม่ได้ ส่วนตัวเห็นว่า คงไม่ต้องรอ แต่อาจให้รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และสนช.น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการผลักดันทำกฎหมายลูก ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 นั้นยังไม่มีการพูดถึง แต่เข้าใจว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและคสช.จะประเมิน โดยรัฐบาลเข้าใจโรดแม็ปดีว่าเราจะเดินหน้าไปอย่างไร และไม่ได้คาดคิดว่ามันจะไม่เป็นไปตามโรดแม็ป แต่ต้องมีกฎหมาย หากมีอะไรเกิดขึ้น เช่น กรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ดังนั้น ต้องรอรัฐบาลประเมินว่าพอถึงตอนนั้นจะทำอย่างไร" นายพรเพชรกล่าว
กรธ.เล็งเคาะที่มาส.ว.
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ. กล่าวถึงความคืบหน้าการร่างรัฐธรรมนูญว่า สัปดาห์หน้ากรธ.จะนำประเด็นกระบวนการได้มาซึ่งส.ว.กลับมาพิจารณาอีกครั้ง หลังจากที่ประชุม กรธ.มอบให้อนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายนิติบัญญัติไปศึกษาวิธีการแบ่งกลุ่มทางสังคมให้มีความเหมาะสมและครอบคลุมทุกกลุ่ม รวมทั้งจะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของแต่ละฝ่ายที่เสนอเข้ามายังกรธ.นำมาประกอบการพิจารณาอีกครั้งว่า สิ่งที่กรธ.วางแนวทางไว้กับสิ่งที่แต่ละฝ่ายเสนอมาแล้วเห็นต่าง ทางกรธ.จะดำเนินการอย่างไร
นายอุดม กล่าวต่อว่า ส่วนเนื้อหาที่เกี่ยว ข้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก็อาจมาหารืออีกครั้ง ส่วนตัวเห็นว่ายังมีโจทย์ที่กรธ.ต้องคิดให้รอบคอบ โดยเฉพาะหากมีการเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมด้วยการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะดำเนินการได้หรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้ยังมีการอภิปรายกันอยู่ ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน
โฆษก กรธ.กล่าวอีกว่า ส่วนการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ที่เวทีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 20 ธ.ค.นั้น รูปแบบจะเหมือนกับ 2 เวทีที่ผ่านมา เพียงแต่เวทีนี้เราจะเปิดกว้างให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้กรธ.ปล่อยของมามากพอสมควรแล้ว จึงอยากฟังเสียงสะท้อนว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับสิ่งที่กรธ.ได้ออกแบบไว้
จวกกรธ.เล่นลิ้นปมที่มานายกฯ
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. กล่าวถึงนักการเมืองวิจารณ์แนวคิดกรธ.ที่ให้นายกฯ มาจากคนนอกได้ว่า ประเทศไทยมาไกลเกินกว่าจะกลับไปให้มีนายกฯ คนนอกแล้ว เพราะความคิดแบบนี้เป็นของชนชั้นปกครองที่ตามไม่ทันประชาชน ถือว่าล้าหลัง ที่พูดเรื่องแก้วิกฤตเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ส่วนที่กรธ.ระบุไม่ได้เขียนบังคับ แต่พรรคการเมืองเป็นผู้เลือกกันเองโดยใช้เสียงกึ่งหนึ่งของสภานั้น เป็น การพูดเล่นลิ้น คนเป็นนักกฎหมายรู้ดี การไม่กำหนดหมายถึงเอาคนนอกได้ เรื่องนี้ทำให้การเมืองไทยไม่ก้าวหน้า คนชั้นนำของสังคมไม่ซื่อสัตย์ต่อหลักการประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม หากฝ่ายการเมืองยังคงโจมตีประเด็นนี้ไม่เลิกก็มีความเสี่ยงสูงที่ประชามติจะไม่ผ่าน
นายสมบัติ กล่าวว่า ระบบรัฐสภาแบบเดิมๆ ใช้กับประเทศไทยมา 80 กว่าปีแต่ประเทศยังไม่ก้าวหน้า แต่กรธ.กลับก้มหน้าก้มตาใช้เขียนแบบเก่าที่เคยล้มเหลว ตนไม่เห็นจะมีความหวังปฏิรูปตรงไหน มองไม่เห็นทางออก วันนี้ประเทศไทยต้องใช้หลักแบ่งแยกอำนาจ แยกฝ่ายบริหารออกจากนิติบัญญัติอย่างชัดเจนได้แล้ว ซึ่งประเทศส่วนมากในระบอบประชาธิปไตยของโลกก็ใช้หลักการนี้
นายสมบัติ กล่าวถึงกมธ.วิสามัญขับเคลื่อนด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สปท.เสนอให้กรธ.เขียนห้ามคนโกงลงเล่นการเมือง ให้ลงโทษตัดสิทธิอย่างรุนแรงคนทุจริตเลือกตั้งว่า ตนเห็นด้วยให้ใช้ยาแรงไปเลย
สปท.ฟุ้ง-มอบของขวัญคนไทย
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. คนที่ 1 เปิดเผยว่า สปท.กำลังจัดทำของขวัญปีใหม่มอบแก่คนไทย 4 เรื่องดังนี้ 1.จัดให้ปี 2559 เป็นปีแห่งการปฏิรูปประเทศ 2.จะเร่งรัดจัดทำแผนปฏิรูปประเทศ ประสานงานกับแม่น้ำ 5 สาย นำเสนอต่อครม.ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด 3.ผลักดันการปฏิรูปประเทศให้ครอบคลุมทั้ง 11 ด้าน ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง เพื่อส่งมอบต่อให้รัฐบาลเลือกตั้งต่อไป และ 4.สปท.จะประสานกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ วางแผนปฏิรูปประเทศสอดคล้องกับแนวทางยุทธศาสตร์ 20 ปีของนายกฯ ที่เชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากความแตกแยก ขัดแย้ง ภาวะยากจน ความเหลื่อมล้ำ สู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนต่อไป
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า สปท.จะประชุม ในวันที่ 21-23 ธ.ค. พิจารณาแผนปฏิรูปประเทศระลอกแรก ที่กมธ.ทั้ง 12 คณะของสปท.ต่อยอดจากแผนแม่บทการปฏิรูปประเทศ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) จากนี้จะประชุมทุกสัปดาห์เร่งส่งต่องานให้ครม. จะมีเปิดรับฟังความคิดเห็นเพื่อให้ประชาชนมีส่วน ร่วมมากที่สุดทุกภูมิภาค