- Details
- Category: การเมือง
- Published: Tuesday, 15 December 2015 12:58
- Hits: 5056
ปชป.เย้ย'ชายหมู' ไม่มีทาง ออกไปตั้งพรรคใหม่ ชาวเน็ตโพสต์ แห่อำบัตรปชช. ปปช.ได้ปธ.วันนี้ บิ๊กตู่แนะ'ปวีณ' กลับมายื่นฟ้อง
ปชป.ไม่เชื่อ'ชายหมู'ตั้งพรรคใหม่ ชี้แค่ข่าวปล่อยต่อรองอำนาจ ด้านผู้ว่าฯกทม.ยังอู้อี้ บอกยังไม่มีเวลาคุยกับใคร 'เทือก'ปัดกปปส.หนุน แต่ให้กำลังใจทำงาน เตือนปชป.ทบทวนบทเรียน 'บิ๊กตู่'แจงปมบัตรประชาชน ยันฝังชิพ ไม่ได้โชว์รายได้-อาชีพบนบัตร มท.ยันเก็บไว้ในฐานข้อมูล ชาวเน็ตแห่โพสต์ล้อเลียน ป.ป.ช.รับองค์กรอิสระจัดอบรมมีปัญหา เสนอสั่งระงับชั่วคราว 'วิษณุ'ยันยังไม่ถึงขั้นใช้ ม.44 สั่งห้าม กรธ.ไม่ควบรวม'กสม.-ผู้ตรวจการแผ่นดิน' ทหารเรียก'สมคิด เชื้อคง' เข้าค่ายปรับทัศนคติ
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9148 ข่าวสดรายวัน
นั่งรถไฟฟ้า - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธานเปิดทดสอบรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน พร้อมขึ้นทดลองนั่งจากศูนย์ซ่อมบำรุงคลองบางไผ่ อ.บางบัวทอง ไปยังสถานีตลาดบางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.
เบนซ์เสีย'บิ๊กตู่'เปลี่ยนนั่งบีเอ็ม
วันที่ 14 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบนโยบายและทำพิธีเปิดการทดสอบรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน ที่ศูนย์ซ่อมบำรุงคลองบางไผ่ อ.บาง บัวทอง จ.นนทบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนรถที่ใช้เดินทางจากเดิมใช้รถเบนซ์ประจำตำแหน่ง เลขทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพ มหานคร เปลี่ยนเป็นรถบีเอ็มดับบลิว ซีรีส์ 7 ทะเบียน ฎน 2498 กรุงเทพมหานคร
หลังเปิดงาน พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังเปิดงานว่า รถที่ใช้ประจำเสีย นึกอยู่แล้วสื่อต้องถามเรื่องนี้และคันนี้ตนแจ้งเป็นทรัพย์สินหรือเปล่า การเปลี่ยนรถครั้งนี้ไม่ได้เพราะมีการข่าวหรือใครจะดูเลขก็ไปดู จะได้เจ๊งกันเยอะๆ รถมันเสีย เมื่อถามว่ามีข่าว แจ้งเตือนอะไรมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ห่วงกันเรื่องแบบนี้ แต่ก็เข้าใจการทำงานของสื่อและพยายามจะไม่พูด แต่สื่อก็ให้พูด ถ้า ไม่พูดก็ไม่เข้าใจแล้วไปเขียนกันเองอีก แต่พอพูดเสร็จก็เอาสิ่งที่ตนพูดไปขยายต่อแทนที่ จะจบก็ไม่จบ
นายกฯเลี่ยงตอบปรับครม.
นายกฯ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าทุกกระทรวงต้องแจ้งให้ทราบว่าจะมีของขวัญ ปีใหม่อะไรให้ประชาชน ซึ่งให้แล้วประชาชนมีความสุข ไม่ใช่เป็นกฎหมายที่จะจับโน่น จับนี่ แต่ต้องมี 2 อย่างในกฎหมายคือทำอะไรแล้วเป็นความผิด เมื่อผิดแล้วเจ้าหน้าที่และประชาชนต้องทำอย่างไร ต้องเขียนให้ครบ ไม่อย่างนั้นจะโดนอยู่ข้างเดียวแบบนี้ โดนตำหนิอยู่เรื่อย
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับครม.ต้นปี 2559 มีข่าวจะปรับตำแหน่งรมว.คมนาคม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ใครถาม ให้รัฐมนตรีจดชื่อคนนั้นไว้เพราะมีนักข่าวอยากให้ปรับ"
แจงระบุรายได้ในบัตรปชช.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงนโยบายให้ระบุรายได้และอาชีพในบัตรประชาชนว่า ตนคิดถึงคนที่มีรายได้น้อย ชาวไร่ ชาวนา ให้ เข้าถึงการให้บริการของรัฐ ถ้าขึ้นทะเบียนโดยให้แนวคิดว่าอาจอยู่ในบัตรประชาชน หรือมีการ์ดออกมาอีกใบ เพื่อแยกแยะว่าใครมีรายได้เท่าไรแต่ไม่ได้ต้องการประจานใครทั้งสิ้น ใครมีรายได้น้อยก็ต้องยอมรับว่ามีรายได้น้อย วันละ 300 บาท ได้น้อยก็ไม่ต้องเสียภาษีแต่ต้องนำมาใส่รวมไว้ในบัตรเพื่อจะได้สิทธิประโยชน์ในการขึ้นรถเมล์ รถไฟฟรี และวันหน้าอาจเป็นรถไฟฟ้าด้วย ต้องคิดแบบนี้ ไม่เช่นนั้นจะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จะเอาเงินทั้งก้อนโยนแล้วจะเพียงพอได้อย่างไร ฉะนั้นต้องแยกแยะให้ได้แต่ไม่ใช่การแบ่งชนชั้น เพียงแต่ให้ทุกคนเข้าถึงการบริการของรัฐให้ได้มากที่สุด
นายกฯ กล่าวว่า ให้กระทรวงมหาดไทยไปพิจารณา ไม่อยากให้ลงทุนเพิ่มเพราะมี การทำบัตรประชาชนอยู่แล้ว ดังนั้น จะใส่ชิพลงไปเพิ่มเติมได้หรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือ ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังก็ทำเรื่องอี-เพย์เมนต์ (การใช้จ่ายผ่านระบบอิเล็ก ทรอนิกส์แทนการใช้เงินสด) เข้ามา และกระทรวงคมนาคมก็ดูเรื่องรถไฟรถเมล์ฟรี ทำอย่างไรจะเอาเรื่องพวกนี้มารวมกันไว้ แต่จะทำได้หรือเปล่ายังไม่รู้ เป็นเรื่องทางเทคนิค แต่ก็มอบนโยบายไป ซึ่งต้องทำใหม่ทั้งหมดเพราะต้องมีภารกิจด้านภาษี จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ
โต้แรงแค่ใส่ชิพ-ไม่ได้ให้โชว์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติม ระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดงานลดราคาจำหน่ายสินค้า "เทใจ..คืนสุข..เทศกาลปีใหม่" ที่ทำเนียบ ว่า แนวคิดการระบุอาชีพและรายได้ลงในบัตรประชาชน ตนบอกว่าให้ไปคิดมา ไปทำบัตรมาอย่างบัตรประชาชน แล้วมาตีตนว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน มันละเมิดตรงไหน น่าอับอายตรงไหน การจะมีคำว่าทำอาชีพเกษตรกร มันอายเขาตรงไหน ไม่ได้หมายความว่าจะใส่ในบัตรประชาชน มันใส่ไม่ได้ คิดโง่ๆ แบบนี้ได้ยังไง มันจะเอาใส่อะไร อาชีพ รายได้ เดือนนี้เท่าไร ปีนี้เท่าไร จะบ้าหรือเปล่าคนที่คิดแบบนี้ เขาแค่ใส่ชิพเพิ่มเข้าอีกตัวเท่านั้น ถึงเวลาก็เสียบการ์ดเข้าไป อ่านออกมาหมดว่าคนนี้ทำอะไร มันเสียหน้าตรงไหน กลัวเขาจะหาว่าเราจนหรืออย่างไร มันเสียหน้าตรงไหน ตนต้องการจะแยกแยะให้หมด แต่ไม่ต้องการไปแบ่งชนชั้น และตนต้องการให้คิดต่อถึงการเชื่อมโยงการเสียภาษี ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารถเมล์ ค่าเครื่องบิน ซึ่งจะใช้เป็นการด์ใบเดียวหรือสองใบ คนจนก็ใช้ได้
ย้ำคนอยู่เมืองนอกพูดให้ร้าย
นายกฯ กล่าวในงานด้วยว่า รัฐบาลพยายามทำทุกอย่างและตนไม่ใช่นักการเมืองเพราะพูดแต่ความจริง โกหกไม่เป็น พูดด้วยข้อเท็จจริงและแก้ปัญหา ทบทวนทุกอย่างไม่ได้ใช้อำนาจอย่างเดียวเพราะถ้าใช้คงไม่ยุ่งแบบนี้ การสร้างความเข้าใจที่บิดเบือนถือว่าอันตราย มีการสร้างความรับรู้ที่ไม่ถูกต้อง เราทำลายตัวเองโดยไม่รู้ตัว มัวแต่ถกแถลง โดยไม่มีข้อมูล เรื่องที่ไม่ดีไม่ถูกก็ต้องให้กระบวนการดำเนินการ มัวแต่ยุแยงก็จะไปกันไม่ได้
นายกฯ กล่าวว่า ความขัดแย้งเกิดจากการอ้างประชาชน ให้ไปถามประชาชนว่ารู้เรื่องการเลือกตั้งมากแค่ไหน เรื่องที่ไปถึงต่างประเทศเราก็กำลังแก้ ปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะคน คนไทยขยันอดทน แต่อดทนกับความยากจน ขยันสร้างความขัดแย้ง ใครมีปัญหาอะไรก็บอกมาแต่เวลาบอกก็ฟังเสียด้วย ไม่ใช่ให้คนใช้ประโยชน์จากการปลุกปั่น สร้างความไม่สงบทั้งในประเทศและต่างประเทศแบบนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ระหว่างที่ตนยืนหยัดอยู่แบบนี้กับคนที่หนีไปต่างประเทศ จะเชื่อใคร ตนอยู่ตรงนี้ไม่ได้หนีไปไหน แต่คนที่หนีไปแล้วพูดให้ร้ายประเทศอยู่ก็ทบทวนว่าเขาทำผิดกฎหมายหรือเปล่า ทุกคนใช้กฎหมายเดียวกัน ตนไม่ได้กลัวเรื่องสถานภาพของรัฐบาลและคสช. แต่กลัวเรื่องเสถียรภาพ กลัวการใช้อำนาจของตน ไม่ใช่คนที่บ้าประชาธิป ไตยแล้วใช้อำนาจไม่กลัวใครเลย ทุกคนรวมทั้งตนก็อยู่ในกระบวนการ ที่ผ่านมาทุกคนสนับสนุนการเลือกตั้ง คราวนี้ตนก็ต้องสนับสนุนอีก ต้องเลือกตั้งอยู่ดี ไม่อยากพูดจาให้ร้ายใคร ขี้เกียจทะเลาะด้วยเพราะจะหงุดหงิด บอกว่านายกฯต้องอดทน ถ้ามาเป็นตนแล้วจะเข้าใจ ยังดีข้าราชการหรือพี่ๆ ใน ครม.ให้ความร่วมมือดีอยู่ กองทัพก็ยังเหนียวแน่น ปัญหามีอยู่ ก็บอกให้ยึดตามกระบวนการยุติธรรมไปสอบสวนตรวจสอบดำเนินคดี
มท.1 ชี้แค่เก็บในฐานข้อมูล
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงแนวคิด นายกฯ ให้ระบุรายได้และอาชีพลงในบัตรประชาชนว่า ยืนยันว่าไม่มีการระบุรายได้ และอาชีพลงในบัตรประชาชนรวมทั้งในไมโครชิพด้วย แต่ข้อมูลดังกล่าวจะใส่ในฐานข้อมูลของประชาชน เพื่อหาแผนให้ความ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ยืนยันว่าไม่ใช่การละเมิดสิทธิของประชาชน การจัดทำฐานข้อมูลดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการเชื่อมโยงข้อมูลของส่วนราชการ อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการติดต่อราชการโดยไม่ต้องทำสำเนา
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ยอมรับว่า อุปสรรคขณะนี้คือประชาชนอาจไม่ยอม ให้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง เช่น อาชีพอิสระ ผู้ประกอบการร้านค้า ลูกจ้าง กระทรวงมหาดไทยจึงตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด เพื่อหาแนวทางตามข้อเสนอของนายกฯ ได้แก่ คณะกรรมการดูการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยราชการต่างๆ และคณะกรรมการรวบรวมฐานข้อมูลอาชีพและรายได้
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ส่วนที่โซเชี่ยลมีเดียวิจารณ์โดยทำบัตรล้อเลียนนั้นก็เป็นสิทธิที่ทำได้เพราะประชาชนยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงแล้ว เชื่อว่าเรื่องจะยุติไปเองเพราะรัฐบาลมีเจตนาดี ต้องการช่วยเหลือประชาชน
โซเชี่ยลทำบัตรปชช.ล้อเลียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากแนวคิด พล.อ. ประยุทธ์ เรื่องบัตรประชาชนน่าจะมีการระบุอาชีพและรายได้ เพื่อแยกแยะให้ได้ว่ารัฐบาลจะได้ใช้งบประมาณอย่างไรให้เหมาะสม ทำให้โลกออนไลน์ตามหน้าเพจเฟซบุ๊กต่างๆ ปรากฏข้อความและโพสต์แสดงความเห็นที่หลากหลาย เช่น เพจ "มะงุมมะงาหรา" ลงภาพวาดตัวละครเข้าไปเที่ยวในผับแล้วยื่นบัตรประชาชนให้การ์ดดู ก่อนถูกปฏิเสธเมื่อเห็นรายได้, เพจ SquidMan.ExE ลงภาพบัตรประชาชนพร้อมคำถามว่า จะระบุอาชีพกับรายได้อย่างไรและตรงความจริงหรือไม่ ขณะที่เพจ Talks Comics & Movie Thai ลงภาพแซวการ์ตูนคอมมิกไอ้แมงมุมว่ามีอาชีพเป็นทหารรับจ้าง เงินเดือน 9,000 รวมถึงการโพสต์บัตรประชาชนล้อเลียนที่มีข้อมูลแปลกๆ ปรากฏในบัตร
นอกจากนี้ ในโลกออนไลน์ได้สร้างแฮชแท็ก #สิ่งที่ควรระบุในบัตรประชาชน เสนอความเห็นในสิ่งที่ต้องการให้มีบนบัตรประชาชน อาทิ ระบุข้อมูลทางการแพทย์สำหรับการช่วยชีวิตเวลาฉุกเฉิน นอกจากนั้นยังเสนอสิ่งที่ควรระบุในบัตรอย่างสนุกสนาน ขณะที่บางส่วนมองว่าการระบุเงินเดือนนอกจากละเมิดความเป็นส่วนตัวแล้ว อาจ ตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรได้
"ชายหมู"ยังไม่ได้คุยตั้งพรรค
เปิดตลาด - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เดินจ่ายตลาดระหว่างมาเป็นประธานเปิดงานลดราคาจำหน่ายสินค้า "เทใจ..คืนสุข..เทศกาลปีใหม่" และเปิดตัวโครงการ ตลาดชุมชน ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. |
เวลา 06.20 น. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพ มหานคร (กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตรเนื่องในงาน "ก้าวสู่ปีที่ 44 รักกรุงเทพฯ ร่วมสร้างกรุงเทพ" เนื่องในวันสถาปนากทม. ครบ 43 ปี ถึงกระแสข่าวการตั้งพรรคใหม่ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีเวลาคุยกับใครเลย จะเอาเวลาที่ไหนไปคุย วันนี้เป็นวันเกิดของกทม. และในวันที่ 15 ธ.ค. มีงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จึงไม่มีเวลาเลย เมื่อถามว่ารู้สึกเครียดกับการถูกโจมตีที่เกิดขึ้นหรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวด้วยสีหน้าอมยิ้มว่า "ไม่เครียดครับ"
ด้านพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า เมื่อเช้ารับทราบจากกระแสข่าวนักการเมืองในฝ่ายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะร่วมกันก่อตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ มีผู้สนับสนุนเงิน 3-4 พันล้านบาทเท่านั้น แต่ยังไม่มีใครเรียกไปคุย และยังไม่ได้คุยกับใครเรื่องนี้ตนไม่ได้ต้องการเป็นสมาชิกพรรคใดพรรคหนึ่งด้วย อยากเป็นเพียงคนกลางเท่านั้น คิดอยู่ว่าจะถึงคิวของตัวเองเมื่อไรเพราะที่ผ่านมารองผู้ว่าฯกทม.ทั้ง 3 คนก็โดนโจมตีไปแล้ว โดยนายจุมพล สำเภาพล โดนเรื่องการก่อสร้าง และการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ส่วนนาง ผุสดี ตามไท โดนเรื่องการจัดซื้อเครื่องดนตรี และนายอมร กิจเชวงกุล โดนเรื่องกล้องโทรทัศน์วงจรปิด จึงเหลือเพียงตนคนเดียวเท่านั้น
สั่งรองผู้ว่าฯแถลงโต้ปมทุจริต
นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะโฆษกประจำตัวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวถึงกระแสข่าวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เตรียมตั้งพรรคการเมือง ว่า ไม่ทราบ ไม่ได้ยิน ไม่เคยเห็นม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แสดงท่าทีอะไรในเรื่องนี้ แต่ภายหลังเกิดข้อกล่าวหาขึ้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้สั่งการให้กทม.ชี้แจงข้อกล่าวหาทั้งหมด และกทม.พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานตรวจสอบ ซึ่งเป็นนโยบายหลักในการให้ความร่วมมือตลอดการทำงาน 7 ปี อีกทั้งอยากให้รองผู้ว่าฯกทม.เร่งรัดนโยบายให้เป็นรูปธรรมในเวลาที่เหลืออีก 1 ปี ส่วนประเด็นทางการเมือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กำชับไม่ให้ตอบโต้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์มองว่ามีบุญคุณ และได้รับโอกาสทำงานมาตลอด
"ผู้ว่าฯ กทม. ย้ำผู้บริหารทุกคนว่าต้อง ไม่ตอบโต้ เพราะเราเป็นพี่น้องกัน พรรคประชาธิปัตย์ให้โอกาสมาทำงาน แต่เรื่องข้อสงสัยที่ขาดการชี้แจงจะนำมาซึ่งความเสียหาย เพราะประชาชนจะรับข้อมูลเพียงด้านเดียว กทม.จึงจำเป็นต้องชี้แจงข้อสงสัยให้ประชาชนรับข้อมูลทั้งสองด้าน จากนี้ผู้ว่าฯกทม. สั่งการให้รองผู้ว่าฯกทม.และหัวหน้าหน่วยงานเตรียมแถลงชี้แจงนโยบาย กระบวนการจัดซื้อ ตามข้อกล่าวหาทั้งหมด คาดว่าจะแถลงในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า เพื่อให้รับทราบการทำงานของกทม.ในวาระที่เหลืออยู่" นายวสันต์กล่าว
เทือกปัดกปปส.หนุนตั้งพรรค
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงข่าวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จะจับมือแกนนำ กปปส.ตั้งพรรคใหม่ว่า ไม่มีความจริงโดยสิ้นเชิง ตนไม่ได้เจอม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มานานแล้ว แต่ส่วนตัวก็รักชอบพอกัน ขณะนี้ตนอยู่ระหว่างเตรียมจัดงานเกาะสมุยเฟสติวัล ทำงานให้มูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ จะทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นส่วนรวม ไม่ยึดติดกับพรรคใดทั้งสิ้น และ ไม่อยากวิเคราะห์ว่าข่าวดังกล่าวออกมาได้อย่างไรเพราะอยู่ในวงการเมืองมานาน แต่บอกได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติแต่สร้างเรื่องขึ้นโดยผลประโยชน์ทางการเมือง ตนไม่ใส่ใจหรือติดใจใดๆ เพราะไม่คิดจะลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่แล้ว ขออย่าเสียเวลากับเรื่องนี้ อยากขอให้คนที่ปล่อยข่าวมาร่วมมือกับพวกตนทำงานให้กับชาติบ้านเมืองดีกว่า แทนที่จะปล่อยข่าวแบบนี้
ให้กำลังใจ"ชายหมู"ทำงาน
ส่วนปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์ที่ เกิดขึ้นขณะนี้ นายสุเทพกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องทบทวนบทเรียนที่แล้วมาว่าเป็นอย่างไร หน้าที่ของพรรคคือทำให้ตัวเองเป็นที่คาดหวังของประชาชนว่าพึ่งพิงได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่พรรคประชาธิปัตย์จะทำอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับตน เพราะตนลาออกแล้วและจะไม่กลับไปอีกเด็ดขาด ส่วนม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ตนขอให้กำลังใจ เพราะถือเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ถือโอกาสทำงานให้กับคนกทม. ในตอนนี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุด
นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และกรรมการมูลนิธิ กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินข่าวนี้ มาก่อน นายสุเทพยืนยันแล้วว่าจะยุติบทบาทการเมืองแล้ว แต่จะทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับ มูลนิธิแทน
ปชป.มองไม่น่าเป็นไปได้
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้เพราะนายสุเทพประกาศชัดเจนแล้วตั้งแต่ชุมนุม กปปส.ว่าจะไม่กลับมาเล่นการเมืองอีก รวมทั้งได้ลาออกจากพรรคแล้ว และในพรรคก็ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้เลย ส่วนม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ยังเป็นผู้ว่าฯกทม.อยู่ ดังนั้นการจะไปตั้งพรรคใหม่คงไม่น่าเป็นไปได้ และข่าวที่ออกมาก็ไม่เกี่ยวกับว่าพรรคไปกดดันอะไรเพราะสิ่งที่พรรคดำเนินการนั้นเพื่อแก้ปัญหาในพรรคและให้ทุกคนมาร่วมกันแก้ไข ตามกระบวนการที่ควรจะเป็นเพื่อให้ทุกอย่างถูกต้อง
"ข่าวที่ออกมาเป็นเพียงแหล่งข่าวจึงไม่ทราบว่าต้องการอะไรแน่ ถ้าเปิดเผยตัวตนเราก็คงทราบว่าเขาต้องการอะไร และไม่เชื่อว่าข่าวที่ออกมาเป็นการหาที่ลงให้กับม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ เพราะม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังเป็นผู้ว่าฯกทม.อยู่" นายองอาจกล่าว
ฟันธงปล่อยข่าวหวังต่อรอง
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อข่าวตั้งพรรคใหม่ของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แต่เชื่อว่าเป็นข่าวปล่อยมากกว่า และเชื่อว่านายสุเทพเป็นนักเลงพอที่พูดคำไหนคำนั้น แม้ก่อนออกบวชหรือหลังสึก นายสุเทพเคยพูดกับตนว่า สิ่งที่ตนพูดถือว่ามีน้ำหนัก หากมีใครพูดว่านาย สุเทพไปตั้งพรรคใหม่ก็ขอให้ตนช่วยปฏิเสธด้วย เพราะนายสุเทพไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่ตั้งพรรคใหม่แน่ แต่ยังคงสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป และเชื่อว่าม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับข่าวแต่น่าจะมีใครสักคนที่เป็นคนใกล้ชิด ปล่อยข่าวมากกว่า เพื่อให้เห็นว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีอำนาจต่อรองพรรค อย่ามาบีบผู้ว่าฯกทม.
เมื่อถามว่า ในฐานะแฉทุจริตในกทม. ข่าวที่เกิดขึ้นจะทำให้การตรวจสอบเบาลงหรือไม่ นายวิลาศกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน ซึ่งตนจะตรวจสอบต่อไปหากเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และเชื่อว่าถ้ามีการตั้งพรรคใหม่จริง สมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ไปเข้าร่วมด้วยอย่างแน่นอน
ปปช.ชี้ปัญหา"จัดอบรม"
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์กรณีนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ คัดค้านองค์กรอิสระจัดอบรมหลักสูตรพิเศษเพราะสิ้นเปลืองงบประมาณ พร้อมเสนอให้นายกฯใช้มาตรา 44 ห้ามองค์กรอิสระไปดูงานต่างประเทศและให้มีการปฏิรูป ว่า เห็นปัญหามาตั้งแต่ต้น เนื่องจากหลายองค์กรต่างจัดหลักสูตรพิเศษขึ้นมากระทบงบประมาณโดยเฉพาะกรณีไปดูงานต่างประเทศในประเทศที่ไม่มีภารกิจเกี่ยวข้อง ตรงนี้แต่ละหน่วยงานต้องพิจารณาในรายละเอียดให้ดี ไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น
นายปรีชา กล่าวว่า ส่วนปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนของเจ้าหน้าที่ ผู้บริหารองค์กรไม่ควรให้เกินขอบเขต นอกเหนือหลักสูตรที่ไม่เหมาะไม่ควรจนนำไปสู่ความสัมพันธ์เชิงซ้อนนั้นได้ ที่สำคัญอาจเชื่อมโยงผลประโยชน์ เกิดการแทรกแซงหลักการทำงานได้ เนื่องจากบางหน่วยงานจัดหารายได้เป็นกองทุนนำไปสู่การเอื้อต่อกัน อาศัยชื่อองค์กรไปใช้ในทางไม่ถูกไม่ควร แต่ยังไม่เห็นควรว่าจะให้ยกเลิกหรือปฏิรูปองค์กรอิสระ เพราะหากห้ามหรือหักดิบทันทีคงผิดวัตถุประสงค์เชิงวิชาการได้ อาจระงับชั่วคราวเพื่อให้องค์กรอิสระทั้งหมดร่วมกันดำเนินการกันเอง ตัดภาคธุรกิจออกไปแล้วคิดปรับปรุงเพื่อไม่ให้กระทบต่อความเป็น กลางขององค์กรอิสระได้
นายปรีชา กล่าวว่า เรื่องหลักสูตรพิเศษนั้น เคยหารือร่วมกับสำนักงบประมาณแล้วว่าให้องค์กรอิสระหารือจัดหลักสูตรเดียวพร้อมกัน เพื่อหาแนวทางดำเนินการร่วมกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างจัดเหมือนที่ทำอยู่ อาจรวมกันจัดเพื่อแชร์งานเชิงวิชาการ ผลดีคือการสร้างเครือข่ายสังคมที่ดีส่งเสริมด้านวิชาการ ขยายการมีส่วนร่วมขององค์กร อย่างไรก็ตาม หลักสูตร นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง(นยปส.)ของป.ป.ช. ก็ต้องปรับปรุงเหมือนกัน แม้เป็นหลักสูตร กลางๆ ขณะเดียวกันอนุกรรมการทุกชุดต้องทำหน้าที่ในขอบเขต รับผิดชอบให้เต็มที่ไม่เลือกข้าง และสอดคล้องตามหลักยุทธศาสตร์ชาติฯและหลักสากล
"วิษณุ"รอองค์กรอิสระแจง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวกรณีนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ เสนอให้นายกฯใช้อำนาจตาม ม.44 ห้ามองค์กรอิสระจัดอบรมหลักสูตรพิเศษ โดยใช้งบประมาณจำนวนมากไปดูงานต่างประเทศว่า อยากฟังองค์กรต่างๆ ตอบเรื่องนี้ก่อน อาจมีเหตุผลที่ดีก็ได้ แต่ละองค์กรมีการจัดงบดำเนินการ หากเป็นข้าราชการไปอบรมก็เบิกงบจากหน่วยงานที่ส่งไปได้ แต่ไม่ให้เบิกค่าเดินทางไปต่างประเทศเจ้าตัวต้องออกเอง และในหลายหลักสูตรมีตัวเลือกหลายแบบ เช่น สถาบันพระปกเกล้าระบุการไปต่างประเทศหากมีเงินแล้วอยากไปก็ไป แต่ถ้าไม่มีเงินแล้วไม่ได้ไป ไม่ได้หมายความว่าไม่จบเพราะต้องทำอย่างอื่นแทน เช่น ไปดูการค้าชายแดนแล้วกลับมาทำรายงานแทน
ลอดเจ้าพระยา - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธานพิธีฉลอง ความสำเร็จการขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายสถานีสนามไชย เขตพระนคร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. |
"รัฐบาลไม่ควรพูดอะไรและยังไม่ถึงขั้น ม.44 สมมติจะห้ามปรามจริงๆ มีมติครม.ว่าไม่ให้เบิก ไม่ให้ไปต่างประเทศก็ใช้ได้ แต่จะไปห้ามจัดได้อย่างไร กกต.และป.ป.ช.จะจัดก็เป็นเรื่องของเขา นักเรียนที่ไปเรียนถ้าเป็นคนของหน่วยงานก็เรื่องของเขา เอกชนไปเรียน ใช้สตางค์บริษัทก็เรื่องของเขา แต่ถ้าเป็นส่วนราชการอื่นไปเรียนแล้วครม.ไม่สนับสนุน ก็มีมติไม่ให้เบิก ไม่ให้ใช้เวลาหลวง จะไปอีก ก็เชิญ" นายวิษณุกล่าว เมื่อถามว่าถึงเวลาที่จะพิจารณาให้องค์กรอิสระยุบสถาบันต่างๆ ที่เปิดหลักสูตรเพื่อสร้างเครือข่ายเพื่อหาประโยชน์ นายวิษณุกล่าวว่า เรื่องนี้มีคำตอบแต่อยากให้หน่วยงานที่ชอบ จัดหลักสูตรออกมาอธิบายก่อน
3 ศาลแก้วิกฤตไม่เกี่ยว"คปป."
นายวิษณุ กล่าวถึงแนวคิดของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้ประธาน 3 ศาล ได้แก่ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาและศาลปกครองสูงสุด หาทางออกเมื่อเกิดวิกฤต คล้ายกับแนวคิดการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ว่า เป็นข้อเสนอของกรธ. แต่สุดท้ายจะเอาตามนี้หรือไม่ตนไม่ทราบ คล้ายโยนหินถามทาง มีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีคือได้แสดงถึงความพยายามของกรธ. หาทางออกโดยใช้กลไกปกติที่มีอยู่ แต่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าถ้าจะเอาองค์กรเดิมมาใช้ประโยชน์ทำไมจึงจำกัดแค่ศาล ไม่ให้รัฐสภาหรือฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารเข้ามามีส่วนด้วย ซึ่ง กรธ.ก็จะตอบว่าปัญหามันเกิดจากฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารขัดแย้งกัน เลยเอาฝ่ายตุลาการ ซึ่งมีเหตุผลด้วยกันทั้งคู่
นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้เข้าใจว่าไม่ได้เกี่ยวกับคปป. เพราะคนละแบบ คปป.ไม่ได้มาทำหน้าที่อย่างนี้ แต่เวลามีความขัดแย้งแล้วมาชี้ทางออกให้เท่านั้น ส่วนบทบาทนำการปฏิรูปกับสร้างความปรองดอง ประธาน 3 ศาล ไม่สามารถเข้ามาทำบทบาทนี้ได้เพราะทำแต่เรื่องคดี แม้แต่การสร้างปรองดองถ้าเกิด เป็นคดีขัดแย้งฟ้องร้องกันอยู่ ศาลจะลงมาปรองดองได้อย่างไรในเมื่อคดีอยู่ในมือ จึง ไม่คิดว่าการเอาศาล 3 ศาลลงมาซึ่งเป็นความคิดที่ดี เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งไม่ใช่เพื่อมาทดแทน คปป.โดยสวมลงไปในบทบาทหน้าที่อย่างเดียวกัน
เมื่อถามว่าทำไมไม่ให้สภาแก้ปัญหากันเองเพราะ 3 อำนาจคานกันอยู่แล้ว รองนายกฯ กล่าวว่า บางเรื่องสภาแก้ปัญหาเองได้ แต่ถ้าเป็นคู่กรณีหรือไม่เป็นที่ยอมรับเหมือนอย่างเรื่องในอดีตจะให้สภามาแก้ก็ไม่ได้ จึงต้องมาตั้งหลักว่ามีปัญหาอะไรบ้าง บางอย่างต้องให้ประธาน 3 ศาลแก้ บางอย่างศาลเดียวก็แก้ได้ ปัญหาบางอย่างต้องใช้ฝ่ายนิติบัญญัติ บางอย่างใช้ฝ่ายตุลาการ บางอย่างใช้มาตรการทางบริหาร
ไม่ยุบรวมกสม.-ผู้ตรวจการฯ
เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายสุพจน์ ไข่มุกด์ รองประธานกรธ. คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม กรธ. มีวาระเชิญคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นำโดยนายวัส ติงสมิตร ประธาน กสม.พร้อมคณะเข้าให้ความเห็น ข้อเสนอแนะปัญหาและอุปสรรคแนวทางการบทบัญญัติ กสม.
นายวัสชี้แจงว่า อุปสรรคการทำงานของ กสม.ยังไม่สามารถแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยกสม.ปี 2542 ได้ ทำให้การทำงานของ กสม.มีข้อขัดข้อง และเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2550 ถูกยกเลิกก็ทำให้อำนาจของ กสม.ในการร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองหายไป ขณะเดียวกัน องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล (ไอซีซี) ปรับลดระดับความน่าเชื่อถือของ กสม. จากเอเป็นบีเมื่อต.ค.2557 จนถึงตอนนี้ เพราะไม่มีองค์ประกอบตามข้อกำหนดไอซีซี และหลักการปารีสว่าด้วยการจัดตั้งกสม. โดยองค์ ประกอบคณะกรรมการสรรหา กสม.ไม่มีภาคประชาชนอยู่ร่วมด้วย อีกทั้งการคุ้มกันเรื่องการทำตามหน้าที่โดยสุจริตของ กสม.ยังไม่มีกฎหมายรองรับการไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง และอาญา การจัดทำรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนปี 2553 ของ กสม.ชุดก่อนก็เป็นไปอย่างล่าช้า
นายสุพจน์ยืนยันว่า กรธ.ไม่มีแนวคิดจะให้ กสม.ไปควบรวมกับผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะยังตระหนักในบทบาทของ กสม.ที่ต่างประเทศให้ความสำคัญ
วางเกณฑ์นายกฯตอบกระทู้เอง
เวลา 15.00 น. นายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ. แถลงว่า ที่ประชุมกำหนดหลักการเกี่ยวกับกระบวนการควบคุมการตรากฎหมายที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้เมื่อร่างกฎหมายใดที่ผ่านการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติแล้วจะต้องทิ้งไว้ 5 วันก่อนส่งให้คณะรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อบังคับ ใช้ เป็นกฎหมาย สาเหตุที่ต้องทิ้งไว้ก่อน 5 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบว่าร่างกฎหมายดังกล่าวมีถ้อยคำที่ขัดแย้งหรือ แย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ก่อน กระบวนการเกี่ยวกับการตรวจสอบดังกล่าวจะกำหนดให้ส.ส.และส.ว.เข้าชื่อให้ได้ 1 ใน 10 เพื่อยื่น ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าร่างกฎหมายฉบับนั้นขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายอุดม กล่าวว่า ส่วนการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินผ่านการให้ฝ่ายนิติ บัญญัติตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรี กรธ.ยังกำหนดให้ส.ส.สามารถตั้งกระทู้ถามได้ทั้งการทำเป็นหนังสือและวาจาเหมือนปกติ แต่เตรียมจะกำหนดแนวทางใหม่ขึ้นมา คือ การกำหนดให้กระทู้ถามประเภทใดบ้างจะเป็นกระทู้ถามที่นายกฯต้องมาตอบด้วยตัวเอง เนื่องจากที่ผ่านมามักจะเกิดกรณีนายกฯไม่มาตอบกระทู้สำคัญแต่มอบหมายให้คนอื่นมาตอบแทน ประเภทของกระทู้อาจให้ไปกำหนดรายละเอียดไว้ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนฯต่อไป กรธ.จะกำหนดเฉพาะหลักการเท่านั้น สำหรับกรณีที่มีการเผยแพร่ในสื่อมวลชนว่า กรธ.จะเพิ่มมาตรการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของญาติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยืนยันว่ากรธ.ยังไม่มีการหารือกันในเรื่องนี้ เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของกรธ.บางคนที่ให้สัมภาษณ์
กมธ.ชงมีสส.เขต 400 คน
ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านการเมือง สปท. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมหารือถึงแนวทางปฏิรูปการเมืองที่จะเสนอต่อกรธ. โดยมีข้อเสนอ 4 ประเด็นคือ 1.ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะเสนอให้มีเฉพาะส.ส.เขต 400 คน ไม่มีส.ส.บัญชีรายชื่อ ใช้การเลือกตั้งแบบวันแมนวันโหวต ประชาชน 1 เสียง เลือกส.ส.ได้ 1 คนเท่านั้น 2.ระบบพรรคการเมือง เสนอให้แบ่งระบบการบริหารพรรคเป็น 2 ส่วนคือ กรรมการบริหารพรรคและตัวผู้สมัคร แยกส่วนจากกันอย่างเด็ดขาด ไม่ให้ส.ส.เป็นกรรมการบริหารพรรค เพื่อป้องกันไม่ให้พรรคตกเป็นของนายทุนพรรค
3.การเลือกตั้งให้สุจริตโปร่งใส เสนอให้มีบทลงโทษรุนแรงแก่ผู้ซื้อเสียง ผู้ขายเสียง หัวคะแนน นายทุนพรรคที่กระทำทุจริตเลือกตั้งให้มีบทลงโทษถึงขั้นจำคุก และตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตแก่นักการเมืองที่ทุจริตเลือกตั้ง 4.การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เสนอให้มีบทลงโทษที่รุนแรงเรื่องการทุจริต การให้ฝ่ายนิติบัญญัติแยกอำนาจออกจากฝ่ายบริหารอย่างชัดเจน ไม่ให้นายกฯมีอำนาจยุบสภาเมื่อเวลามีปัญหาทางการเมือง เพื่อไม่ให้ส.ส.และรัฐบาลมีผลประโยชน์เกื้อกูลกัน และไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่มุ่งเน้นที่การถอดถอนและการดำเนินคดีอาญาผู้กระทำผิดแทน วันที่ 15 ธ.ค. กมธ.การเมืองจะสรุปข้อเสนออย่างเป็นทางการส่งให้กรธ.ในสัปดาห์นี้
ฮุนเซนเยือนไทย-ลงนาม 4 ฉบับ
กระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่กำหนดการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของ สมเด็จฮุน เซน นายกฯกัมพูชาว่า เยือนในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ตามคำเชิญของพล.อ. ประยุทธ์ ในวันที่ 18 ธ.ค.นี้ และเข้าร่วมประชุมร่วมนายกฯและรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา อย่างไ ม่เป็นทางการ ครั้งที่ 2 ในวันที่ 19 ธ.ค. การเยือนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองการครบรอบ 65 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-กัมพูชา และเพื่อกระชับความความสัมพันธ์สองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ นายกฯทั้งสองจะร่วมเป็น สักขีพยานลงนามเอกสาร 4 ฉบับ ได้แก่ แถลงการณ์ร่วมการประชุมร่วมนายกฯและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 2 บันทึกความเข้าใจเพื่อการพัฒนา จุดผ่านแดนแห่งใหม่ที่บ้านหนองเอี่ยน จ.สระแก้วในฝั่งไทย และที่สตึงบท จ.บันเตียเมียนเจยในฝั่งกัมพูชา บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน และข้อตกลงว่าด้วยการจ้างงาน ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้การจ้างงานมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ขจัดปัญหาการจ้างงานผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์
เรียก"สมคิด"ปรับทัศนคติ
เวลา 11.00 น. ที่มณฑลทหารบกที่ 22 (มทบ.22) ค่ายสรรพสิทธิประสงค์วารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ต.อชิร์ฉัตร โรจนะภิรมย์ ผบ.มทบ.22 และผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.อุบลราชธานี สั่งการให้ ร.ท.ธีระศักดิ์ สืบพงษ์ หัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ กองพันทหารราบ ที่ 2 กรมทหารราบที่ 6 เชิญตัวนายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย มาปรับทัศนคติ ภายหลังนายสมคิดโพสต์ เฟซบุ๊ก "ราคาข้าวเปลือกตกต่ำ อยากได้จำนำข้าวเหมือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์"
หลังการพูดคุย 1 ช.ม. นายสมคิด ยินยอมจะลบข้อความดังกล่าวออกและทำหนังสือสัญญาจะไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง หากมีการกระทำอีกให้ดำเนินการตามกฎหมาย จากนั้นทหารก็ปล่อยตัวกลับ
3 ตัวชิงประธานปปช.
รายงานข่าวจากสำนักงานป.ป.ช. แจ้งว่า การประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ทั้ง 9 คน เพื่อคัดเลือกประธานป.ป.ช.คนใหม่ ตาม คำสั่งหัวหน้าคสช. ฉบับที่ 45/2558 ในวันที่ 15 ธ.ค. เวลา 09.00 น. เบื้องต้นอาจใช้วิธีลงคะแนนลับ ผู้ได้รับคัดเลือกต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรืออย่างน้อย 5 เสียง ขณะนี้นอกจากตัวเต็ง 2 คนคือ นายปรีชา เลิศกมลมาศ กับพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ล่าสุดอาจมีผู้แสดงความประสงค์อีกคนคือ พล.ต.อ. สถาพร หลาวทอง ส่งผลให้คะแนนเสียงถูกแบ่งออกไป ทำให้เสียงแตก จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง
พล.ต.อ.วัชรพล ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวเป็นหนึ่งในแคนดิเดตประธานป.ป.ช.ว่า ไม่ทราบ ขอประชุมร่วมกันทั้ง 9 คนก่อน ส่วนที่มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ยื่นหนังสือถึงประธานป.ป.ช. ให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนตนเมื่อครั้งรักษาราชการแทนผบ.ตร. กรณีไม่ถอดยศนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนั้น เคยชี้แจงต่อกมธ.สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นป.ป.ช. ของสนช.ไปหมดแล้ว จึงไม่หนักใจ ไม่มีอะไรต้องห่วง เมื่อถามว่าหากป.ป.ช.มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนเรื่องดังกล่าวจริง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ไว้ให้ถึงเวลานั้นดีกว่า
ด้านนางสุวณากล่าวว่า ถือเป็นโอกาสแรกที่กรรมการทั้ง 9 คน จะได้พูดคุยหารือกัน ส่วนการเลือกประธานป.ป.ช.คนใหม่นั้น เห็นว่า หากผู้เสนอตัวได้แสดงวิสัยทัศน์จะเป็นการดี เพื่อทุกคนจะได้รับฟังว่าบุคคลใดมีความมุ่งมั่นและพร้อมนำองค์กรไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ เพราะจะดูเแค่ประวัติอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพูดคุยรับฟังกันก่อน สำหรับตนไม่เสนอตัวเข้ารับคัดเลือก
"สมชัย"แถลงโต้ภุชงค์
เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงโต้กรณีนายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการกกต.ระบุให้จับตาการจัดซื้อเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ที่จะใช้ใน 9.5 หมื่นหน่วยเลือกตั้ง งบกว่าหมื่นล้านบาทว่า ไม่เป็นความจริง กกต.ริเริ่มเครื่องลงคะแนนตั้งแต่ปี 2546 และพัฒนาถึงปัจจุบันรวม 4 รุ่น ใช้งบดำเนินการและอบรมความรู้ 57 ล้านบาท กกต.วางแผนใช้ 3 ช่วง คือ ในปี 2559 หากทำประชามติจะนำเครื่องรุ่นที่ 4 ไปใช้เพียง 5 หน่วยเลือกตั้งในกทม. โดยไม่มีการตั้งงบใช้จ่าย
นายสมชัย กล่าวว่า หากมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 60 มีแผนใช้เครื่องลงคะแนนเพียง 100 หน่วยในกทม.ชั้นใน คิดเป็น 0.1 เปอร์เซ็นต์ของหน่วยเลือกตั้งทั้งประเทศ และเตรียมงบไว้ 10 ล้านบาทสำหรับผลิตเครื่องลงคะแนนรุ่นใหม่ที่จะใช้ระบบทัชสกรีน เนื่องจากเครื่องรุ่นที่ 4 ไม่สามารถตอบโจทย์กรณีมีผู้สมัครเกิน 30 หมายเลข และการลงคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อได้ แต่หากผลิตไม่ทันเพราะต้องใช้วิธีประกวดราคาจะใช้เครื่องรุ่นเก่าก่อนที่มีอยู่ 200 ชุด
"ส่วนระยะสุดท้ายคือปี"63 มีแผนใช้เครื่องลงคะแนน 2,000 ชุด ใช้กับเขตเลือกตั้งชั้นในกทม. โดยจะผลิตเครื่อง 2,000 ชุด ใช้งบ 100 ล้านบาท แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีการตั้งงบประมาณเพราะเป็นเรื่องอนาคต เราไม่ได้ใช้งบเป็นหมื่นล้าน ผมไม่เข้าใจว่านายภุชงค์ เข้าประชุมกับเขาหรือไม่ ถ้าเข้าคงจะรู้เรื่องแต่ไม่เข้าจึงไม่รู้เรื่อง" นายสมชัยกล่าว
โยนปธ.ตอบเรื่องโรงพิมพ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัย นำเครื่องลงคะแนนแต่ละรุ่นมาแสดงพร้อมอธิบายถึงการพัฒนาของเครื่องแต่ละรุ่น โดยระบุว่าตั้งใจแถลงเรื่องนี้เท่านั้น แม้ผู้สื่อข่าวพยายามให้ชี้แจงประเด็นที่นายภุชงค์ โจมตีกกต.เรื่องการทัวร์นอก การตั้งที่ปรึกษา ล็อกสเป๊กโรงพิมพ์ออกบัตรประชามติ แต่นายสมชัยกล่าวว่า เรื่องอื่นตนมีคำตอบทั้งหมดแต่เรื่องโรงพิมพ์และดูงานต่างประเทศเป็นความรับผิดชอบประธานกกต. ส่วนการตั้งที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญเป็นแนวคิดของนายประวิช รัตนเพียร ขอให้กกต.แต่ละคนชี้แจง ส่วนการประเมินผลการปฏิบัติงานของเลขาฯกกต. วันนี้คณะอนุ กรรมการประเมินผลได้ประชุมและคิดว่าน่าจะชี้แจงถึงหลักเกณฑ์การประเมินต่อไป อย่างไรก็ตาม การประชุมกกต.วันที่ 15 ธ.ค.จะหารือเรื่องการสรรหาเลขาฯกกต.คนใหม่
บัญชีอาวุโสบิ๊กทส.ผิดพลาด
ผู้สื่อข่าวกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้รับแจ้งจากรองอธิบดีหลายกรมว่า ขณะนี้มีการจัดทำบัญชีรายชื่อข้าราชการประเภทบริหารระดับต้น (รองอธิบดี) ออกมาเผยแพร่ แต่ปรากฏว่ามีการสลับลำดับอาวุโส การครองตำแหน่งและเกิดความผิดพลาด ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ โดยเฉพาะตำแหน่ง นายธัญญา เนติธรรมกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่บัญชีระบุว่าขึ้นเป็นรองอธิบดีเมื่อวันที่ 17 พ.ค.2556 ทำให้มีอาวุโสสูงขึ้นเป็นลำดับที่ 4 จากรองอธิบดีทั้งหมด 24 คน
ขณะที่ข้อเท็จจริง นายธัญญา เป็นรองอธิบดีกรมอุทยานฯ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2557 พร้อมกับนางเปรมพิมล พิมพันธ์ ขึ้นเป็นรองอธิบดีกรมป่าไม้ ดังนั้น ลำดับอาวุโสแท้จริงต้องอยู่ในลำดับที่ 7 หรือ 8 ไม่ใช่ลำดับ 4 ที่สำคัญนายธัญญา ยังเป็นรองอธิบดีหลังนายเสริมยศ เสริมมั่น รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และนายสุวัฒน์ เปี่ยมปัจจัย รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ขึ้นครองตำแหน่งพร้อมกันในวันที่ 17 พ.ค.2556 และมีอาวุโสสูงกว่านายธัญญา บัญชีดังกล่าวน่าจะเกิดความผิดพลาด
ปลัดสั่งแก้ไขแล้ว
นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัด ทส. ให้สัมภาษณ์ว่า เห็นเอกสารแล้วซึ่งทำผิด ตนบอกให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องและพิมพ์ใหม่แล้ว ไม่คิดว่าจะเอามาเผยแพร่ เข้าใจว่าคนที่ทักท้วงคงกลัวจะไม่ได้เป็นอธิบดี เท่าที่จำได้ชื่อนายธัญญา น่าจะอยู่ที่ลำดับ 7 หรือ 8 นายเสริมยศ อยู่ที่ลำดับที่ 4 หรือ 5 การดูอาวุโสไม่ใช่ดูว่าเข้ามาเป็นรองอธิบดีเมื่อใด แต่ดูย้อนว่าเข้าสู่ตำแหน่งผอ.สำนัก หรือระดับ 9 ตั้งแต่เมื่อใด ใครเข้าก่อนก็อาวุโสกว่า หากต่างกันไม่กี่วันก็ไม่มีผลมากนัก เมื่อถามว่าอธิบดีกรมอุทยานฯจะแต่งตั้งเมื่อไร นายเกษมสันต์กล่าวว่า ยังไม่ได้กำหนดคุณสมบัติและเปิดรับสมัคร จะนัดประชุมเร็วๆ นี้ รองอธิบดีทุกคน ไม่สามารถเสนอชื่อตัวเองขึ้นเป็นอธิบดีได้
นายเกษมสันต์ นำเอกสารบัญชีรายชื่อฉบับที่ถูกต้องมาแสดง พบว่ารายชื่อรองอธิบดีที่อาวุโส 10 ลำดับแรก ได้แก่ 1.นางสุนีย์ ปิยะพันธุ์พงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ 2.นายทศพร นุชอนงค์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี 3.นายพงศ์บุณย์ ปองทอง รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) 4.นายเสริมยศ สมมั่น รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม 5.นายสุวัฒน์ เปี่ยมปัจจัย รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
6.นายสากล ฐินะกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม 7.นางเปรมพิมล พิมพันธุ์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ 8.นายธัญญา เนติธรรมกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ 9.นายสมชัย มาเสถียร รองอธิบดีกรมป่าไม้ และ 10. น.ส.จงจิตร์ นีรนาทเมธีกุล รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ
"บิ๊กตู่"ให้"ปวีณ"กลับมาแจ้งความ
วันที่ 14 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงพล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผบช.ภ.8 และอดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงยา ลี้ภัยไปที่ออสเตรเลียเพราะเกรงอันตรายจากขบวนการค้ามนุษย์ว่า ขอให้กลับมาแจ้งความและมาบอกกับตนว่าถูกใครข่มขู่ จะดำเนินคดีให้ ไม่ใช่ไปพูดทำให้ประเทศเสียหาย ส่วนจะถูกหรือผิดให้ว่าไปตามหลักฐาน ยืนยันหากเป็นเรื่องจริง ต่อให้ใหญ่แค่ไหนตนจะจับลงโทษให้หมดเพราะตนเป็นคนสั่งให้จับ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ได้รับมอบหมายให้ทำคดีโรฮิงยาแล้วจะได้ขึ้นตำแหน่ง เพราะมีลำดับขั้นตอนของระบบราชการอยู่ ผู้บังคับบัญชาจะพิจารณา หากไม่ได้รับความเป็นธรรมให้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับหน่วยงานราชการ ไม่ใช่ให้ข่าวผ่านสื่อซึ่งทำให้แก้ปัญหาไม่ได้และยังทำให้เสียหายในสายตาต่างชาติและทำลายประเทศ ซึ่งอาจถูกฟ้องคดีหมิ่นประมาทได้ เรื่องนี้จะกระทบกับการพิจารณาเทียร์ 3 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสื่อจะขยายความหรือไม่
ส่วนที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานมีการจับกุมแรงงานทาสในภาคประมงของไทย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เขาดำเนินการอยู่ คนไทยเป็นผู้จับ ไม่ใช่ต่างประเทศเป็นคนจับ ตนเป็นคนสั่งจับเองจับทุกคน ใครไม่จับจะถูกเล่นงาน เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ไม่ใช่ว่าทำเพื่อจะได้เป็นใหญ่เป็นโต เพราะทุกคนมีหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจ ถ้าไม่ทำหน้าที่ถือว่ามีความผิด
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า พล.ต.ต.ปวีณให้สัมภาษณ์ว่าถูกข่มขู่คุกคามจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ จึงมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีมูลความจริงหรือไม่ พร้อมสั่งการให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีพนักงานสอบสวนใน ชุดนี้รายใดถูกข่มขู่คุกคามอีกหรือไม่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาค 8 และ 9 คาดจะทราบ ความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้