WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1ป


ปชป.วืด บิ๊กป้อมห้ามประชุม 
ตั้ง'ชาญเชาวน์'ปลัดยธ. ลดภุชงค์-เลขากกต. กรธ.เล็งสอบทรัพย์สิน เครือญาตินายกฯ-ครม.

      'บิ๊กตู่'อารมณ์เสียแต่เช้า 'บิ๊กป้อม'เบรก ปชป.ขอเปิดประชุมพรรค 'สุขุมพันธุ์'เลี่ยงตอบปมจัดซื้อเปียโน กกต.มีมติเลิกจ้าง"ภุชงค์ นุตราวงศ์"เลขาฯกกต. อ้างไม่ผ่านประเมิน ครม.ตั้ง'ชาญเชาวน์'ปลัดยุติธรรม คนใหม่ กรธ.เล็งออกมาตรการตรวจสอบทรัพย์สินนายกฯ-ครม. ขยายถึงเครือญาติ 'บิ๊กตู่'โวยสื่อแต่งนิยาย หาว่าสปท.ไม่สบายใจรัฐบาลตั้ง 6 คณะปฏิรูป ส่วนเรื่องปรับครม.ตัดสินใจเอง สื่อไม่ต้องเขียน ฝ่ายกฎหมายคสช.ฟ้องกลับทนายคดีขอนแก่นโมเดล ฐานแจ้งความเท็จ 'ศรีวราห์'ลั่นสำนวนถึงมือ ไม่เกิน 3 เดือนรู้ผลสอบ ตร.ย้ำ 4 ซีเรีย ไม่เกี่ยวข้องกลุ่มไอเอส

วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9142 ข่าวสดรายวัน

       เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. แถลงภายหลังประชุมครม. ซึ่งตลอดการแถลงข่าวใช้เวลา 30 นาที พล.อ.ประยุทธ์มีสีหน้าเคร่งเครียดและเสียงดังตลอดเวลา และไม่เปิดให้สื่อมวลชนซักถามประเด็นใดๆ ช่วงหนึ่งของการแถลง พล.อ. ประยุทธ์กล่าวยอมรับว่าวันนี้ตนอารมณ์เสียตั้งแต่เช้าแล้ว ในที่ประชุมครม.ตนก็เป็นแบบนี้ ทำไมตนจะแสดงอารมณ์ไม่ได้หรืออย่างไร ต้องอารมณ์ดีทั้งวันเลยหรือ ไปหากันมาเองแล้วกันนายกฯอารมณ์ดี ไม่ต้องทำอะไร หรือทำน้อยๆ ไปหามา

ฉุนข่าวสปท.ไม่สบายใจ

       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงข่าวกรณีสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ไม่สบายใจที่รัฐบาลตั้งคณะปฏิรูป 6 คณะว่า ใครลงข่าว ไม่รู้เขียนนิยายเข้าห้องน้ำตอนเช้าปวดท้องหรืออย่างไร ใช้ตรรกะอะไรคิด จะใช้มือซ้ายก็น่าจะคิดได้ ไม่ต้องใช้สมอง บอกแล้วรัฐบาลนี้พยายามจะปฏิรูปให้ได้ในระยะที่ 1 จึงทำเรื่องส่งไปว่ามีคณะปฏิรูป 6 คณะ มีรองนายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบ 6 กลุ่มงาน และจะนำเรื่องของสปท.มาดูว่าทำได้หรือไม่ หรือจะต้องส่งต้นแบบแนวทางการทำงานของรัฐบาลให้สปท.พิจารณาร่วม ซึ่งในระยะที่ 1 อะไรทำได้ ตนก็จะทำให้จึงตั้งคณะปฏิรูปขึ้นมา

     "ไม่ใช่ไม่ไว้ใจสปท. แล้วมาบอกสปท. ไม่พอใจ มันอะไรกัน ไม่รู้เรื่องกันเลย ผมไม่เข้าใจหาเรื่องให้เป็นเรื่องทุกเรื่อง ผมไม่โทษใครจะเป็นต่างประเทศ ทูต เพราะพวกเรา เป็นคนทำให้เขาเขียนได้แบบนั้น ทำไม ไม่บอกเขาว่ามันคืออะไร ยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลพยายามทำทุกอย่างให้เดินหน้าสู่การทำประชามติ สู่การเลือกตั้ง ไม่เคยสั่งให้ผ่านหรือไม่ผ่าน แต่ชอบหาว่าผมไปสั่ง จะสั่ง ได้อย่างไร ตั้งเขามาร่างแล้วต่อไปก็ต้องทำประชามติและเลือกตั้งให้ได้ ประชามติ ผ่านหรือไม่ผ่าน เลือกตั้งได้หรือไม่ได้ก็กลับมาที่คสช.อีก ปัญหาทั้งหมดใครเป็นคนสร้าง มีข่าวให้เขียนขัดแย้งไปเรื่อยๆ สนุกหรือ เชียร์มวยกันหรือ" นายกฯกล่าว

ย้ำครม.ปรับเกณฑ์ประเมินขรก.

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนสั่งการว่า ทุกกระทรวงต้องมีโรดแม็ปให้ชัดเจน ต้องเขียนให้ชัดเจนว่าจากนี้ไปถึงเดือนก.ค. 2560 จะทำอะไร นี่คือระยะที่ 1 จะปฏิรูปอะไร ต้องทำให้เสร็จ และขอฝากถึงข้าราชการสิ่ง ที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว. ต่างประเทศ อ้างว่ารัฐบาลไปยุบคณะกรรมการจัดการน้ำและยกเลิกโครงการรถไฟของเขานั้น ข้าราชการต้องรับผิดชอบ เขาโยนความผิดให้ข้าราชการแล้ว ทำไมบางคนยังไปสนองตอบอยู่ได้ ข้าราชการต้องช่วยตน ไม่ใช่ให้อีกพวกมาตีอยู่ทุกวันแบบนี้ มันไม่ถูก เห็นแก่ตัว กันเกินไป

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงรัฐบาลจะหาเกณฑ์ประเมินผลข้าราชการเพิ่มเติมว่า วันนี้มีการสั่งการย้ำลงไปอีกครั้งในที่ประชุม ไม่ได้ทำเพื่อขู่ข้าราชการ แต่ต้องการยกระดับข้าราชการ ไม่ให้เขามาดูถูก เรามีวิสัยทัศน์ มีความคิดริเริ่ม มีความแตกต่าง ใช้สมองต่อสู้ ไม่ใช่ประจบสอพลอ ตนไม่ชอบคนแบบนี้และไม่ให้ใครเป็นด้วย

ไม่ต้องเขียนข่าวปรับครม.

     "ไม่ต้องมาเขียนสร้างนิยายกันอยู่ได้ คนนี้จะออกคนนี้จะเข้า บิ๊กโชยบิ๊กอะไรผมไม่เคยคิด มันรู้ได้อย่างไรว่าจะเอาคนนั้นคนนี้มา เข้ามาเพราะอย่างนั้นอย่างนี้ เอามารองหลังผม บอกตั้งแต่วันแรกแล้วว่าไม่จำเป็น ในเมื่อผมทำความดี ก็ทำของผมไป ถ้าทำดีไม่ได้ก็ไม่ได้ ทำไมต้องเอาคนมาปกปิดไม่ต้องการ ครั้งที่แล้วเขียนว่าจะตั้งน้องชายผมบ้าง วุ่นไปหมด ครม.เป็นเรื่องของผมตัดสินใจ จะเอาใครเข้าใครออก อย่าไปยุ่งกองทัพมากนัก เวลาจะแต่งตั้งเขาดูอาวุโส ครองยศกี่ปี ไม่ใช่คิดส่งเดชว่าชอบหน้าไอ้นี่ ไม่เอา ผมยึดหลักของผมแบบนี้ ไม่ใช่ตั้งส่งเดช ถ้าคนมันดีแต่อาวุโสไม่ถึงก็เป็นไม่ได้ ต้องทั้งดีและอาวุโส ถ้าอาวุโสแต่ห่วย ก็เอาคนรองลงไปขึ้นมา ตั้งคนที่ทำงานเป็น รู้งาน ไม่ใช่คนประจบสอพลอ มันจะทำงานสำเร็จหรือถ้าตั้งแบบนั้น มันจะสร้างระบบไปถึงข้างล่าง ถ้าตั้งคนแบบนี้ขึ้นมาปกครองคน" นายกฯกล่าว

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนอยากบอกข้าราชการด้วยว่าอย่าให้การเมืองมาดูถูก วันนี้เขาโยนความรับผิดชอบมาให้แล้ว ไม่ว่าเรื่องน้ำ ข้าว ยาง จำไว้ว่าเขาพูดแบบนี้ เดือดร้อนกันบ้าง ตนยังเดือดร้อนแทนเลย เกียรติยศศักดิ์ศรีข้าราชการไปไหนหมด หรือจะรอเขาเข้ามาครอบหัวอีกก็เอา ไม่ว่า

ห้ามใช้'โว-ปัด-ฟุ้ง'

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายพล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอโทษว่า วันนี้ต้องขอโทษที่เสียงดัง ไม่มีอะไร ปวดหัว หลายวันมาแล้วที่ต้องเคลียร์ปัญหาของประเทศ ตอนนี้อารมณ์ดีแล้วแต่พอพูดก็หาว่าบ่น ตนต้องการชี้แจงปัญหา การแก้ปัญหาและขอความร่วมมือ แต่ทั้ง 3 ข้อก็ไม่ได้สักที ไม่เชื่อจะให้เอาหนังสือพิมพ์มากางให้ดูว่าของใคร บางคอลัมน์ ไม่ต้องมาบอกให้ตนพอ เวลาเขียนด่าตนก็ไม่เห็นว่าอะไรเลย ให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง

      "ทีมข่าวการเมืองมันเก่งอะไรนัก มาเป็นนายกฯเลย ไอ้พวกคอลัมนิสต์ต่างๆ สมัคร เข้ามาเป็นรัฐมนตรี สมัครคราวหน้าผมจะเลือกให้ คิดเป็นแต่ปัญหา คิดแต่ต้องการอะไร มีอยู่แค่นี้ แล้วก็ด่าคนอื่นเขาไปทั่ว มันใช่หรือไม่ ประเทศจะเดินหน้ากันได้อย่างไร วันนี้ถ้าประเทศเป็นปกติ ผมไม่ว่า เหมือนที่เขาเจริญแล้ว มันถือเป็นเรื่องธรรมดา สื่อจะพูดก็ไม่มีใครไปยุ่ง วันนี้บ้านเมืองจะล่มอยู่แล้วยังมาพูดแบบนี้กันอยู่ มันจะไปอย่างไร ข้าราชการก็ท้อแท้หัวใจ ส่วนผมไม่ท้อแท้อยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าโมโห แต่ไม่มีท้อแท้ ไม่มีถอยอยู่แล้ว สู้ทุกอย่างอยู่แล้ว พอพูดอย่างนี้ก็ไปเรียกมากันอีก ให้มาสู้กับผมอีก หาว่าท้าทาย โว ปัด คำแบบนี้ไม่พูดไม่ได้หรือว่ะ การชี้แจงก็หาว่าโว คำพวกนี้ไปพูดกันในวงเหล้า อย่ามาใช้กับผม ผมมีเกียรติไม่ใช่กุ๊ยที่ไหน ผมไม่ใช่กุ๊ย คำว่า โว ปัด ฟุ้ง อย่ามาใช้กับผม โดยเฉพาะคำว่าฟุ้ง มันเป่าขี้เถ้าหรืออย่างไร" นายกฯกล่าว

สั่งขรก.ทำงานเชิงรุก

      พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่านายกฯปรารภและสั่งการในที่ประชุมครม.ว่าเป็นห่วงข้าราชการ อยากปลุกจิตสำนึกของข้าราชการให้เห็นหน้าที่สำคัญ และต้องทำหน้าที่เต็มกำลังความสามารถ ทั้งการปฏิบัติและการสร้างความเข้าใจควบคู่กัน อย่าปล่อยให้มีความขัดแย้ง ในเรื่องต่างๆ ในพื้นที่ ข้าราชการทั้งระดับบน กลาง ล่างต้องประสานงานกัน แล้วเอากลุ่ม ที่มีความเห็นขัดแย้งกันมาเสวนา มาหาข้อยุติให้ได้ว่าแนวความคิดของใครถูก ของใคร ไม่ถูก เอามาผสมผสานกัน ถ้าเป็นอย่างนี้ ได้ ทุกโครงการที่เกิดขึ้นจะมีข้อยุติและขับเคลื่อนประเทศไปได้ แต่ถ้าข้าราชการไม่ทำ ไม่ปฏิบัติ สิ่งต่างๆ ก็คงเป็นความขัดแย้งอยู่ โครงการเดินต่อไปไม่ได้เลย ติดขัดอยู่อย่างนี้

      "นายกฯจึงขอให้ข้าราชการคิดเชิงรุก ทำงานเชิงรุก มีวิสัยทัศน์ ทุ่มเท ให้เหมาะสมกับการกินเงินเดือนภาษีประชาชน ตรงนี้สืบเนื่องถึงการประเมินผลงานของข้าราชการด้วย แต่เดิมการประเมินผลไม่ว่าจะมีตำแหน่งหน้าที่อะไร ลีลาหลักการการประเมินก็เป็นแนวเดียวกันหมด ซึ่งไม่ใช่ มันต้องเปลี่ยน การประเมินตามบทบาทตามอำนาจหน้าที่ ของแต่ละฝ่าย ต้องประเมินทั้งความประพฤติส่วนบุคคล ผลงานที่เกิดขึ้น และการควบคุมบังคับบัญชาหน่วย นายกฯสั่งการหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องให้ไปเร่งดำเนินการให้ทันการประเมินของปีงบประมาณ2559" พล.ต. สรรเสริญกล่าว

แจ้งกลับทนายขอนแก่นโมเดล

      เวลา 11.00 น. ที่กองปราบปราม พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คสช. พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. เข้าพบพ.ต.ท.อธิลักษณ์ หวังสิริวรกุล พงส. กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีน.ส.เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความของนายธนกฤต ทองเงินเพิ่ม ผู้ต้องหาคดี เครือข่ายขอนแก่นโมเดล ในความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานสอบสวน โดยรู้ว่ามิได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้น และเป็นการแกล้งให้บุคคลใดได้รับโทษ และข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

     พ.ต.ท.อธิลักษณ์ กล่าวว่า ผู้เสียหายได้แจ้งความให้ดำเนินคดีกับน.ส.เบญจรัตน์ ในฐานะส่วนตัว ทั้งหมด 5 ข้อหา เนื่องจากก่อนหน้านี้น.ส.เบญจรัตน์ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับพล.ต.วิจารณ์ และพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และแจ้งความเท็จ พร้อมระบุว่าเป็นการใส่ความ เนื่องจากนายธนกฤตยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำขอนแก่น คดีปลอมแปลงเอกสารนำรถไปขาย และถูกจำคุกมาตั้งแต่เดือนพ.ค. 2557 เหลือเวลารับโทษอีก 6 เดือน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา

     พ.ต.ท.อธิลักษณ์ กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค. น.ส.เบญจรัตน์เข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง อ้างว่านายธนกฤตต้องการถอนแจ้งความเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ไปเข้าพบที่เรือนจำ พร้อมมีข้อตกลงขอให้ถอนแจ้งความ เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีกระทำผิดร่วมกับเครือข่ายขอนแก่นโมเดล ถ้านายธนกฤตยังคงถูกพิจารณาดำเนินคดีอยู่จะแจ้งความใหม่อีกครั้ง ซึ่งพล.ต.วิจารณ์ เห็นว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดความเสียหาย ประสงค์เข้าแจ้งความ จากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานและหากพบความผิดตามที่กล่าวหาจะเรียกตัวน.ส.เบญจรัตน์มาดำเนินคดีต่อไป

'ศรีวราห์'ขอ 3 เดือนสอบสวน

      ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงคดีขอนแก่นโมเดลว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนชุดที่ตนเป็นหัวหน้ายังไม่ได้รับสำนวนคดีดังกล่าวมาดำเนินการ แต่หลังจากตนได้สำนวนคดีนี้มา ไม่น่าเกิน 3 เดือนจะรู้ผลการสอบสวนขบวนการขอนแก่นโมเดล นี้แน่ ยืนยันว่าทำงานตามอำนาจหน้าที่ทุกประการ ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหาขบวนการขอนแก่นโมเดลนั้น ตำรวจออกเองไม่ได้ ต้อง งขังยังอยู่ภายในคุกเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เช่น ผู้ต้องขังในความผิดคดียาเสพติด ก็ยังสื่อสารถึงบุคคลภายนอกได้ ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนใครจะหวังผลอะไรตนไม่ทราบ แต่ยืนยันความผิดเกิดขึ้นจริง พฤติการณ์อยู่ในสำนวน ตนทราบมา ก่อนแล้วว่าผู้ต้องหาอยู่ในเรือนจำ แต่พยาน หลักฐานชี้ไปแบบนั้นก็ต้องดำเนินการไป หากทนายมาแจ้งความเท็จกล่าวหาตน พนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามต้องดำเนินคดีกับผู้ที่แจ้งความเท็จตามกฎหมายบ้านเมือง แต่ถ้าตนผิดก็ต้องดำเนินการกับตน ส่วนที่ทนายให้สัมภาษณ์หมิ่นประมาทมีชื่อของตนปรากฏนั้น หากไม่เกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองตนก็ไม่จำเป็น ต้องแจ้งความกล่าวโทษกลับไป

ตร.ยันฟ้องทูตมะกันไม่ได้

      ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคสช. เผยผลการประชุมสำนักงานเลขาธิการคสช.ว่า พล.อ. ธีรชัย นาควานิช เลขาธิการคสช. เป็นประธานการประชุม ได้ย้ำว่าปัจจุบันคสช.และเจ้าหน้าที่ทุกส่วนจะดำเนินการในทุกมาตรการอย่างเข้มข้นในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่ให้มีการดำเนินการใดๆ ที่ส่งผล กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ หรือทำให้สังคมไทยเกิดความวุ่นวาย การปฏิบัติของ เจ้าหน้าที่จะสอดคล้องตามสถานการณ์ภายใต้กรอบกฎหมาย และการอยู่ร่วมกันในสังคมไทยอย่างมีความสงบสุข

       ที่สำนักงานตร. พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผบก.ปอท.และรองโฆษกตร. กล่าวถึงนายสนธิยา สวัสดี ตัวแทนสมาพันธ์ตรวจสอบ รัฐไทย เข้าพบพ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อนายกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กรณีแสดงความเห็น ในเชิงวิจารณ์ถึงบทลงโทษจำคุกแก่ผู้หมิ่นประมาทสถาบัน ตามมาตรา 112 ในงานเสวนาสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่าเอกอัครราชทูตได้รับเอกสิทธิ์การคุ้มครองตั้งแต่วันที่ครม.ได้อนุมัติตำแหน่งแล้ว แม้นายกลิน เดวีส์ จะวิจารณ์เรื่องดังกล่าวในวันที่ 25 พ.ย. แต่ได้รับประทับตราแต่งตั้งวันที่ 27 พ.ย. ซึ่งขณะนี้ยังได้รับ เอกสิทธิ์คุมครองทางการทูตอยู่

ย้ำ 4 ซีเรียไม่เกี่ยวข้องไอเอส

      พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวถึงกรณีชาย ชาวซีเรีย 4 รายที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายไอเอสว่า เบื้องต้นจากการสืบสวนไม่พบว่าทั้ง 4 คนมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอส 5 รายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียจับกุมไว้และได้กล่าวอ้างว่ามีสมาชิกในกลุ่มบางคนหลบหนีมา ในไทยแต่อย่างใด

      ส่วนที่มีข่าวระบุมีชาวซีเรียซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกุมไอเอสเดินทางเข้ามากบดาน ในประเทศไทย ทั้งกทม. พัทยา ภูเก็ต ได้ประสานพื้นที่มีข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า หากมีการประสานงานแล้วเจอก็ไม่เรียกว่าเข้ามากบดาน เพราะกลุ่มคนเหล่านี้อาจเดินทางเข้ามาเป็นนัก ท่องเที่ยวทั่วไป เพียงแต่เราเพิ่มความเข้ม ในการหาข่าว ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการ อยู่แล้ว มีการรายงานมาเป็นระยะ ขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าวิตกกังวลและน่าเป็นห่วง ยืนยันว่าพื้นที่ซึ่งมีข่าวว่าชาวซีเรียเดินทางเข้าไป ยังไม่มีเรื่องการก่อการร้ายใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดในจังหวัด ที่เป็นข่าวรวมทั้งพื้นที่อื่นๆ และพล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในทุกพื้นที่อยู่แล้ว

ไทยไม่ใช่เป้าก่อการร้าย

     ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวภายหลังการประชุมครม. กรณีรัสเซียระบุกลุ่มไอเอสเข้ามาประเทศไทยว่า กระแสข่าวไอเอสอาจจะจริงหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามชูเรื่องนี้ให้เป็นประเด็น จากที่มีข่าวมาได้ตรวจสอบบุคคลที่ต้องสงสัยพบแล้วว่าไม่ใช่ ถือเป็นเรื่องที่ดี และเชื่อว่าไทยไม่ได้เป็นเป้าและไม่ได้อยู่ในความสนใจ เพราะเป็นประเทศที่ให้ความร่มเย็นกับคนชาติต่างๆ ในแง่การท่องเที่ยว การทำงาน และในอดีตเราก็ดูแลคนพลัดถิ่น จึงถือว่าไม่ใช่เป้าโดยตรงหรือโดยอ้อม ซึ่งหมายถึงต้องการจะเล่นงานคนต่างชาติในไทย เชื่อว่าไม่น่าจะเกิด แต่เรื่องดังกล่าวไม่ควรชูเป็นประเด็นในสื่อต่างๆ เพราะหากพูดกันเรื่อยๆ บางครั้งจะ บานปลายและอาจนำไปเสริมเติมแต่งจึง ไม่เกิดประโยชน์

บิ๊กป้อมตรวจ 400 ซีเรียไม่มีปัญหา

      พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม. กรณีมีคำสั่งให้ติดตามพฤติการณ์ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย ซึ่งอาจเชื่อมโยงกลุ่มไอเอสว่า เรื่องนี้ต้องระมัดระวัง รวมถึงคนไทยให้ที่พักแก่กลุ่มดังกล่าว ต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งรัฐบาลเฝ้าระวังเรื่องความมั่นคงทั้งหมด โดยให้ตำรวจในท้องที่ตรวจสอบความปลอดภัย เมื่อถามว่าจะมีมาตรการตรวจสอบบุคคลเข้าออกประเทศไทย โดยเฉพาะชาวซีเรียจะต้องมีมาตรการที่เข้มข้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว รวมถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ และงานสำคัญๆ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยทั้งหมด เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ นอกจากนี้ ไม่ต้องเพิ่มบทบาทของหน่วยงานข่าวกรองเพราะเขามีบทบาทของเขาอยู่แล้ว

       "เรื่องชาวซีเรียไม่มีอะไร ตรวจสอบ 400 กว่าคน ทราบว่าออกจากไทยไปเกือบหมดแล้ว ได้ตรวจสอบทุกคน และทราบว่าส่วนใหญ่อยู่แถวสุขุมวิท ส่วนรายชื่อ 4-5 คนที่เปิดเผยออกมาตามสื่อพบว่าไม่เกี่ยวข้อง กับขบวนการไอเอส อย่ามาถามผมทุกเรื่อง ให้เป็นโน้นเป็นนี่ ถามทุกเรื่องแบบนี้ผมก็แย่ ถามกว้างๆ บ้าง" พล.อ.ประวิตรกล่าว

ไม่อนุญาตปชป.ประชุมพรรค

      พล.อ.ประวิตร กล่าวกรณีพรรคประชา ธิปัตย์ขอคสช.ทบทวนคำสั่งและอนุญาต ให้พรรคการเมืองประชุมพรรคเพื่อหารือปัญหาที่เกิดขึ้นในพรรค ว่าหากอนุญาต ก็ต้องอนุญาตให้ทุกพรรคประชุมทั้งหมด จะให้พรรคใดพรรคหนึ่งประชุมไม่ได้และไม่มีแนวคิดให้พรรคขออนุญาตเปิดประชุม เชื่อว่าขณะนี้พรรคคงแอบประชุมกันอยู่แล้ว ส่วนที่นายกฯ เคยระบุอาจเปิดทางให้พรรค การเมืองประชุมได้นั้น เรื่องนี้ตนไม่ได้หารือกับนายกฯ แต่มีความคิดอีกอย่าง แต่อย่าไปมองว่าขัดแย้งกับนายกฯเพราะเป็นเรื่องความคิดของแต่ละบุคคล

'ชายหมู'เลี่ยงตอบปมทุจริต

     กรณีนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงกล่าวหากทม. ซื้อเครื่องดนตรีให้โรงเรียนสังกัดกทม. 1.3 พันล้านบาท แต่ใช้งานจริงแค่ 10% เตรียมยื่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และสำนักงาน ตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)สอบ และเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ใช้ มาตรา 44 เรียกเงินชดเชยค่าเสียหายจากผู้บริหารของกทม.นั้น

     ที่ศาลาว่าการกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์กรณีเรื่องดังกล่าว โดยหลังประชุมคณะ ผู้บริหาร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์รีบเดินออกจากห้องประชุมทันทีโดยไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าว ขณะที่นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าฯกทม. ในฐานะดูแลสำนักการศึกษา ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจากติดการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการดำเนินงานของเจ้าพนักงานสาธารณสุขครั้งที่ 3

     รายงานข่าวระดับสูงแจ้งว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องดนตรีตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน เพื่อเตรียมพร้อมตรวจสอบ รวมทั้งให้ทีมงานฝ่ายการเมืองติดต่อนางทยา ทีปสุวรรณ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. เพื่อสอบถามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องดนตรี โดยนางทยายืนยันว่าได้ทำตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอย่างถูกต้อง ขณะเดียวกันในการประชุมสภากทม. ผู้ว่าฯกทม.และคณะผู้บริหารได้ยืนยันว่าการจัดซื้อเครื่องดนตรีเป็นประโยชน์และสร้างสมาธิให้กับนักเรียน โดยเฉพาะนักเรียนพิเศษ(ออทิสติก)จริง

กทม.ชี้งบซ่อมบำรุงไม่หายไปไหน

    นายจรูญ มีธนาถาวร ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กล่าวว่าขณะนี้โรงเรียน 437 โรงมีเครื่องดนตรี ประกอบด้วย เปียโน กีตาร์ กลอง คีย์บอร์ด ครบทุกชิ้น ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี 2558 โดยเมื่อจัดซื้อแล้วจะต้องมีการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องดนตรีทุกชนิด ซึ่งได้จัดงบประมาณเพื่อบำรุงรักษา หากโรงเรียนใดมีความประสงค์จะซ่อมบำรุงรักษาเครื่องดนตรีสามารถซ่อมบำรุงได้ทันที หากโรงเรียนใดไม่มีการจัดซ่อมก็ต้องคืนงบประมาณให้กับหลวง ซึ่งงบประมาณ จะไม่หายไปไหนอย่างแน่นอน

     นายจรูญ กล่าวว่า ส่วนที่ระบุว่าร่างการประกวดราคา(ทีโออาร์)มีการล็อกสเป๊กนั้น คณะกรรมการร่างทีโออาร์ได้พิจารณาความเหมาะสมแล้ว ได้เตรียมสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องดนตรี ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบันไว้เรียบร้อยแล้วหากมีหน่วยงานอื่นเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งก่อนหน้าสภากทม. ได้เข้ามาตรวจสอบแล้ว พร้อมทั้งเน้นย้ำขอให้เป็นโครงการที่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

      นายจรูญ กล่าวว่า สำหรับครูสอนดนตรีขณะนี้มีครู 460 คน ยังขาดครูสอนดนตรี 150 โรง เนื่องจากยังไม่ได้เกลี่ยอัตรากำลัง อีกทั้งบางโรงก็มีครูสอนดนตรี 2-3 คน ส่วนโรงเรียนที่ขาดครูสอนดนตรี โรงเรียนจะจัดครูสอนนาฏศิลป์ที่ขณะนี้มีอยู่ 500 คน สามารถจัดการเรียนการสอนแทนครูดนตรีได้ โดยครูจะสอนดนตรีสัปดาห์ละ 2-3 ชั่วโมง นักเรียนสามารถเรียนดนตรีได้หลังเลิกเรียน

แจง 5 สัญญาจัดซื้อ

       นายจรูญ กล่าวว่า สำหรับสัญญาจัดซื้อเครื่องดนตรี 5 สัญญา ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาทักษะทางดนตรีในโรงเรียนสังกัดกทม. ปีงบประมาณ 2551 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 10 โรง นำร่อง งบประมาณ 4,700,000 บาท เป็นสัญญาจ้างดำเนินการตามโครงการ 10 โรง พร้อมอุปกรณ์ประกอบการเรียนดนตรี 4 รายการ ประกอบด้วย เปียโนอัพไรท์ 1 หลัง กีตาร์คลาสสิค 30 ตัว คีย์บอร์ด 15 ตัว และอุปกรณ์สอนขับร้อง 1 ชุด

     2.โครงการพัฒนาทักษะทางดนตรีใน โรงเรียนสังกัดกทม. ปีงบประมาณ 2552 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 90 โรง งบประมาณ 245,340,000 บาท มี 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาจ้างเหมาทำระบบคอมพิวเตอร์และ การพัฒนาทักษะทางดนตรี และสัญญาซื้อขายเครื่องดนตรีและอุปกรณ์ ประกอบด้วย เปียโนอัพไรท์ 1 หลัง คีย์บอร์ด 15 ตัว กีตาร์อะคูสติก 10 ตัว กีตาร์ไฟฟ้า พร้อมแอมป์ 10 ชุด เบสพร้อมแอมป์ 10 ชุด กลองชุด 2 ชุด และอุปกรณ์สอนขับร้อง 1 ชุด

       3.โครงการพัฒนาทักษะทางดนตรีในโรงเรียนสังกัดกทม. ปีงบประมาณ 2554-2557 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 150 โรง งบประมาณ 473,000,000 บาท มี 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาจ้างเหมาทำระบบคอมพิวเตอร์ และการพัฒนาทักษะทางดนตรี และสัญญาซื้อขายเครื่องดนตรีและอุปกรณ์ ประกอบด้วย เปียโนอัพไรท์ 1 หลัง คีย์บอร์ด 15 ตัว กีตาร์อะคูส ติก 10 ตัว กีตาร์ไฟฟ้าพร้อมแอมป์ 10 ชุด เบสพร้อมแอมป์ 10 ชุด กลองชุด 1 ชุด กลองไฟฟ้า 1 ชุด และอุปกรณ์สอนขับร้อง 1 ชุด

    4.โครงการพัฒนาทักษะทางดนตรีในโรงเรียนสังกัดกทม. ระยะที่ 2 ปีงบประมาณ 2557-2558 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 197 โรง งบประมาณ 567,800,000 บาท เป็นสัญญาจ้างเหมาจัดทำระบบคอมพิวเตอร์ จัดหาเครื่องดนตรีพร้อมอุปกรณ์และพัฒนาทักษะทางดนตรี ประกอบด้วย เปียโนอัพไรท์ 1 หลัง คีย์บอร์ด 15 ตัว กีตาร์อะคูสติก 10 ตัว กีตาร์ไฟฟ้าพร้อมแอมป์ 10 ชุด เบสพร้อมแอมป์ 10 ชุด กลองชุด 1 ชุด กลองไฟฟ้า 1 ชุด และอุปกรณ์สอนขับร้อง 1 ชุด ซึ่งในโครงการนี้จะจัดสรรเครื่องดนตรีตามขนาดของโรงเรียน และ 5.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพทักษะทางดนตรีในโรงเรียนสังกัดกทม. ปีงบประมาณ 2557-2559 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 90 โรง งบประมาณ 104,260,000 บาท ซึ่งเป็นสัญญาจ้างเหมาการพัฒนาทักษะทางดนตรีและบำรุงรักษาระบบคอมพิวเตอร์ โดยในโครงการนี้เป็นการพัฒนาหลักสูตรให้เป็นหลักสูตรดนตรีขั้นกลาง

กกต.เลิกจ้างเลขาฯ กกต.

      เวลา 15.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายธนิศร์ ศรีประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิ กกต. แถลงว่าที่ประชุมกกต.มีมติ 4 ต่อ 1 ให้เลิกจ้างนายภุชงค์ นุตราวงศ์ จากตำแหน่งเลขาธิการกกต. และมีมติเอกฉันท์ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. เนื่องจากได้พิจารณารายงานผล การประเมินการปฏิบัติงานของเลขาธิการกกต. ประจำปี 2558 ตามที่คณะอนุกรรมการ ได้รายงานผลในการประชุมวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่าไม่ผ่านการประเมินผลตามหลักเกณฑ์ 4 ด้านคือ 1.การดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานประจำปี 2.การดำเนินการงานมติ กกต. 3.การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล และ 4.งานที่ต้องทำในฐานะผู้บริหารสูงสุดขององค์กร

      นายธนิศร์ กล่าวว่า การประเมินของอนุกรรมการไม่ได้อคติ เพราะเป็นหลักเกณฑ์ที่เคยใช้มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557 ขณะนั้นนายภุชงค์ก็ผ่านเกณฑ์ประเมิน แต่ครั้งนี้บางหลักเกณฑ์ อนุกรรมการให้คะแนนค่อนข้างน้อย แม้กกต.จะเพิ่มคะแนนให้ แต่ภาพรวมการประเมินทั้งหมดก็ไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 ทำให้ที่ประชุมกกต.วันนี้มีมติยกเลิกสัญญาจ้าง มีผลตั้งแต่วันนี้ และให้นาย บุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาฯกกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ซึ่งอาวุโสสูงสุดทำหน้าที่รักษาการแทน

สั่งตั้งกก.สอบวินัย-ทุจริต

     นายธนิศร์ กล่าวว่า ยืนยันว่าการเลิกจ้าง ไม่ได้มาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายภุชงค์กับกกต. หรือเป็นขบวนการเลื่อยขาเลขาธิการกกต. แต่นายภุชงค์ไม่สามารถปฏิบัติงานให้เสร็จสิ้นภายในเวลาที่กำหนดตามคำรับรองที่ทำไว้ เช่น การจัดโครงสร้างองค์กร การตั้งศูนย์เทคโนโลยีการสื่อสาร การตั้งศูนย์หาข่าวเพื่อป้องกันการทุจริตก็ยังไม่ดำเนินการ หรือบางโครงการเพิ่งดำเนินการเมื่อสิ้นปีงบประมาณ 57 ซึ่งกกต.เห็นว่าล่าช้า และเพื่อให้งานพัฒนาองค์กรได้เดินหน้าต่อ จึงได้เลิกจ้าง ส่วนการสรรหาเลขาฯกกต. คนใหม่ จะดำเนินการโดยเร็วที่สุด แต่กฎหมายก็ไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าต้องสรรหาให้เสร็จภายในเมื่อใด

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีการประเมินผลเลขาธิการกกต. เดิมการประชุมกกต.วันที่ 1 ธ.ค. หลังที่ประชุมรับทราบผลการประเมิน ของอนุกรรมการแล้วมีมติมอบให้นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. ไปพูดคุยกับนายภุชงค์ ว่าจะดำเนินการอย่างไรก่อนจะนำมาพิจารณาอีกครั้งในการประชุมกกต.วันนี้ แต่นายภุชงค์ยังคงยืนยันว่าพร้อมทำงานต่อไป และขอให้กกต.พิจารณาลงมติได้เลย อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าก่อนการประชุม นายภุชงค์ ยื่นหนังสือลาประชุม ระบุว่าตกบันไดเจ็บที่แขนขวา ที่ประชุมได้หยิบยกกรณีมีคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งระบุถึงปัญหาภายในกกต. ทำนองว่ากกต.ไม่ให้ความเป็นธรรม กับนายภุชงค์และมีขบวนการเลื่อยขาเลขาธิการกกต. ทำให้ที่ประชุมเห็นว่าควรยุติเรื่องด้วยการลงมติ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีแนวคิด จะเลื่อนการพิจารณาเรื่องดังกล่าวออกไปอีก 1 เดือน

     สำหรับ คะแนนเสียง 4 ต่อ 1 เลิกจ้างนายภุชงค์ นั้น 4 เสียงเห็นว่านายภุชงค์ไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบาย 9 เรื่องที่ได้ให้ไว้กับกกต.ได้ ขณะที่ 1 เสียงคือประธานกกต. เห็นว่าการปฏิบัติงานของภุชงค์ผ่านเกณฑ์ประเมิน นอกจากนี้ ที่ประชุมกกต.ยังให้สำนักงานไปพิจารณาเรื่องการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยนายภุชงค์ กรณีนำความลับของที่ประชุมกกต.ไปเผยแพร่ทางสื่อ รวมถึงกรณีถูกร้องเรียนปมทุจริตด้วย

จ่อให้ญาตินายกฯ-ครม.โชว์ทรัพย์

      ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) เป็นประธานการประชุมกรธ. วาระพิจารณาหมวดรัฐสภา ก่อนเข้าประชุม นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ. ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากกรธ.หยุดประชุมมาถึง 4 วัน การประชุมวันนี้นอกจากจะพิจารณาหมวดรัฐสภาแล้ว กรธ.จะเริ่มพิจารณาเรื่องฝ่ายบริหารด้วย อาทิ การได้มาของนายกฯและครม. รวมถึงจะกำหนดจำนวนครม.ว่ามีกี่คน ทั้งนี้ คุณสมบัติเบื้องต้น จะใช้พื้นฐานของคุณสมบัติส.ส. แต่อาจเพิ่มคุณสมบัติบางประการ

      นายอุดม กล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบทรัพย์สินของนายกฯและครม. ต้องเข้มข้นมากกว่าที่ผ่านมาที่ตรวจสอบเพียงคู่สมรสและบุตรเท่านั้น แต่ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ อาจกำหนดให้ต้องตรวจสอบถึงเครือญาติ เพราะคนที่เข้าทำงานฝ่ายบริหารของประเทศต้องโปร่งใส ส่วนของการพิจารณาที่มาของวุฒิสภา(ส.ว.) ทางกรธ.ใกล้จะมีข้อสรุป แต่โจทย์ที่ยังหนักใจคือการป้องกันการฮั้ว ในการเลือกบุคคลเป็นส.ว.

สปท.นัดแจงสื่อไทย-เทศ

      เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน และนายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ โฆษกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) แถลงหลังการประชุมว่า สปท.จะนัดประชุมวันที่ 21-22 ธ.ค.นี้ เพื่อพิจารณารายงานการปฏิรูปชุดแรกของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน และกมธ.วิสามัญการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่ผ่านมาครม.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนและการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินรวม 6 คณะ มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเป็นประธานทุกคณะ เพื่อให้การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเป็นไปตามทิศทางที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันด้วย

      นายคำนูณ กล่าวว่า วันที่ 14 ธ.ค. สปท. จะเชิญผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน อาทิ เจ้าของสื่อ บรรณาธิการ เข้ารับฟังความ คืบหน้าในการทำงานของสปท. และวันที่ 15 ธ.ค.จะเชิญสื่อต่างประเทศมาฟังบรรยายสรุปเช่นกัน ที่ห้องสารนิเทศ อาคารรัฐสภา ซึ่งขณะนี้สปท.เร่งทำงานโดยเฉพาะการรายงานการปฏิรูปประเทศที่สปท.จะพิจารณา เพื่อเสนอให้สังคมรับทราบความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ที่สปท.จะมอบให้ประชาชนทั่วประเทศต่อไป

จ่อแก้พ.ร.บ.จดแจ้งพิมพ์

     พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ ประธานกมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านบริหารราชการแผ่นดิน สปท. แถลงว่ากมธ.จัดลำดับความสำคัญประเด็นการปฏิรูป 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การปฏิรูปด้านยุทธศาสตร์ 2.การปฏิรูประบบการผังเมืองและการใช้พื้นที่ และ 3.การปฏิรูปองค์การมหาชน และยังมีประเด็นที่ จะดำเนินการปฏิรูปเร่งด่วนอีก 2 เรื่อง ได้แก่ 1.การพัฒนาบุคลากร ปรับแนวคิดเจ้าหน้าที่รัฐให้มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะ ผู้บริหารระดับสูง และ 2.การศึกษาพัฒนาตัวแบบการพัฒนาระบบราชการที่ดี ขณะนี้กมธ.จัดทำแผนการปฏิรูปด้านบริหารราชการแผ่นดินเสร็จแล้ว และจะเสนอแผนดังกล่าวต่อที่ประชุมสปท.วันที่ 21-22 ธ.ค. นี้ด้วย

      พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานกมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน สปท. แถลงว่าแผนปฏิรูปของกมธ.มี 3 ด้าน 1.ด้านสื่อวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และด้านโทรคมนาคม เน้นกำกับดูแลการประกอบกิจการด้านสื่อสารมวลชนและสารสนเทศให้เหมาะสมกับการก้าวสู่ยุคดิจิตอล เช่น การใช้วิทยุแท็กซี่ วิทยุชุมชน โทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิลทีวี รวมถึงวิกฤตโครงสร้างด้านการติดต่อสื่อสารเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน รวมถึงจัดให้มีนโยบายระดับชาติเพื่อสร้างความพร้อมในการรับมือ 2.ด้านสื่อออนไลน์ เน้นปัญหาการใช้สื่อออนไลน์ ละเมิดกฎหมาย หรือขัดต่อศีลธรรม สร้างปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคม การเมือง เศรษฐกิจ หรือสถาบันหลักของประเทศ จะเน้นปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และ 3.ด้านสื่อสิ่งพิมพ์ เน้นให้สื่อมีความรับผิดชอบ มีมาตรฐานทางจริยธรรม จะต้องแก้ไขพ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 ยกร่างกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน

ครม.ตั้ง'ชาญเชาวน์'ปลัดยุติธรรม

     วันที่ 8 ธ.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผล ประชุมครม.ว่า มีมติรับทราบการแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของส่วนราชการต่างๆ เพิ่มเติม จำนวน 7 ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอ ได้แก่ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ รองปลัดมหาดไทย นายดำรงค์ ทองสม รองปลัดวัฒนธรรม นาย สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองปลัดสาธารณสุข นายประสาท พาศิริ รองเลขาธิการสำนักงาน คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) นายคุณวุฒิ ตันตระกูล รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พล.ต.ศักดา เนียมคำ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้

      อนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เสนอแต่งตั้งน.ส.มาลี วงศาโรจน์ ผู้ตรวจฯ เป็นรองปลัด และน.ส.วิไลลักษณ์ ชุลีวัฒนกุล ผู้ตรวจฯ เป็น ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ทดแทนตำแหน่งที่ว่าง

      มติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอแต่งตั้ง นายปกรณ์ นิลประพันธ์ กรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา

     อนุมัติแต่งตั้ง นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดยุติธรรม เป็นปลัดกระทรวง เพื่อทดแทนคนเดิมที่ลาออกไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ (กรรมการ ป.ป.ช.)

       อนุมัติโอนนายขวัญชาติ วงศ์ศุภรานันต์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปรับราชการทางสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจฯ (ประเภทบริหาร ระดับสูง)

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!