WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

P82

ผวา'ยุโรป'แบนการบิน-ซ้ำสหรัฐ ลือหึ่งคว่ำบาตรไทย! ทุบตลาดหุ้นรูด 17 จุด มติศาลฎีกา-ยกคำร้อง 'ปู'วืดขึ้นเวทีรัฐสภาอียู

       ไทยผวาการบินถูกแบนซ้ำจากเอียซ่าหลังโดนสหรัฐฟันแล้วผู้เชี่ยวชาญระบุองค์การบินพลเรือนของยุโรปจะใช้มาตรฐานของเอฟเอเอ-ไอเคโอมาประกอบ การพิจารณา พร้อมยกกรณีสายการบินของ อินโดฯ-ฟิลิปปินส์ที่ถูกห้าม ด้านรมว.คมนาคมเสียงอ่อยยอมรับคาดการณ์ยากว่าจะผ่าน หรือไม่ สมคิดชี้แม้ไม่กระทบเศรษฐกิจมาก แต่กระทบกับความเชื่อมั่นของประเทศ "บิ๊กตู่"อ้างรู้ก่อนล่วงหน้า 2 วัน ฮึ่มคนไทยอย่าขยายความจนเสียหาย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่อนุญาตให้อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์บินไปแลกเปลี่ยนสถานการณ์การเมืองกับรัฐสภาแห่งยุโรป

วันที่ 03 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9136 ข่าวสดรายวัน

บิ๊กตู่ ฮึ่มอย่าขยายความ'เอฟเอเอ'

      เมื่อเวลา 05.50 น. วันที่ 2 ธ.ค. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังกลับจากการประชุมระดับสูงของประมุขรัฐและหัวหน้ารัฐบาลในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 11 ที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 29 พ.ย.-2 ธ.ค. ถึงกรณีองค์กรการบินพลเรือนของสหรัฐอเมริกา หรือ FAA ประกาศลดระดับมาตรฐานการบินพลเรือนไทยจาก Category 1 เป็น Category 2 ซึ่งหมายถึงอยู่ในบัญชี เฝ้ามองและห้ามเครื่องบินของไทยบินตรง เข้าสหรัฐอเมริกา รวมทั้งขยายเส้นทางการ บินเพิ่มว่า ให้เจ้าหน้าที่ดูอยู่ อย่าขยาย ความ เพราะถ้าขยายความไปเรื่อยๆ ก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ และเราต้องมาดูว่ายังมีจุดใดที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งตนได้ข่าวมา 2 วันแล้ว และได้สั่งการไปเรียบร้อยแล้ว ขยายความไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา

ซัดคนไทยทะเลาะกัน-แก้ไม่ได้

      เมื่อถามว่า ประเทศไทยไม่มีเส้นทางการบินไปยังสหรัฐแล้วจะส่งผลกระทบหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าไม่มีมันจะกระทบหรือไม่ เมื่อถามว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าก็ใช่ ถ้าไม่ผ่านกติกาแล้วจะมีได้อย่างไร ต้องช่วยกันสร้าง ตนพยายามสร้างให้บ้านเมืองนี้มันเรียบร้อย มันสงบ ก็ช่วยกันบ้าง ขยายความไปอย่างนั้นอย่างนี้ มีแต่เรื่อง เมื่อไรจะหลุดพ้นตัวเองเสียที ประเทศไทยมัวแต่ทะเลาะกันแล้วแก้ไขอะไรได้หรือไม่เสียเวลาเปล่าทุกเรื่องเลยแล้วมาบอกว่าทำไม่สำเร็จ

      "เขาไม่เชื่อวิธีการแก้ไข ต่อให้แก้ดีอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ เพราะมัวทะเลาะกันทั้งประเทศ ทะเลาะแค่คนไม่กี่คน สงสารคนอื่นบ้าง สงสารคนไทยที่เหลือบ้าง คนดีๆ คนยากจน ยากไร้ คิดถึงคนที่เขาทำงานบ้าง ไม่ใช่ทุกอย่างเป็นการเมืองไปหมดทุกเรื่อง ทำไมจะเป็นจะตายกันหรืออย่างไรที่ไม่ได้เป็นนักการเมือง" นายกฯกล่าว

"ไก่อู"อ้างมาตรฐานถูกปล่อยปละ

      พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า รัฐบาลเข้าใจและยอมรับผลการพิจารณา แม้ที่ผ่านมาประเทศไทยจะพยายามปรับปรุงในหลายเรื่อง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานทั้งขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และของ FAA แต่ต้องยอมรับความจริงว่า บางประเด็นไม่สามารถดำเนินการได้ทัน อาทิ การจัดหาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่ทำหน้าที่ออกใบอนุญาตนักบินพาณิชย์ให้ตรงตามแบบของเครื่องบิน ซึ่งต้องใช้เวลา

     พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เห็นว่าสถานการณ์นี้ถือเป็นจังหวะและโอกาสสำคัญที่จะยกเครื่องการแก้ปัญหาการบินพลเรือนทั้งระบบ เพื่อสร้างมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับ สร้างความเชื่อมั่นให้การบินของไทย ที่สำคัญที่สุดคือสร้างความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ผู้โดยสารทุกคน

      พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหามาตรฐานการบินพลเรือนของไทยถูกปล่อยปละละเลยมานาน ผัดวันประกันพรุ่งในการแก้มาตลอด จนอาจทำให้ไทยสูญเสียศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการบินและการขนส่งทางอากาศลำดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชียในอนาคต แต่รัฐบาลจะพยายามทุกวิถีทางที่ ถูกต้องเหมาะสมเพื่อให้ไทยรักษาความสามารถในการแข่งขันนี้ไว้ต่อไป

บิ๊กป้อมลุ้นผลสอบไอเคโอ-เอียซ่า

       ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เมื่อผลประเมินออกมาเป็นแบบนี้เราก็ต้องแก้ไขต่อไปตามเอฟเอเอ จึงไม่ต้องไปตกใจ ปัญหาดังกล่าวเราจะแก้ไขอยู่แล้ว และทราบมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะมีการปรับลดระดับการบินของไทย ทั้งกระทรวงคมนาคม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนคสช. และศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน (ศบ.ปพ.) ของกองทัพอากาศ ได้ร่วมกันหาจุดบกพร่องเพื่อแก้ไข คาดว่าการแก้ไขน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนการประเมินมาตรฐานการบินในรอบต่อไปนั้นไม่ทราบว่าจะประเมินเมื่อใด แต่ในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ครั้งต่อไปเราจะรู้ว่าต้องแก้ไขต่อไปอย่างไร ตอนนี้เราก็แก้ไขตามกรอบของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป (EASA) หรือเอียซ่า และไอเคโอด้วย

      รองนายกฯ กล่าวว่า คิดว่าเอียซ่าจะมีการประเมินมาตรฐานการบินครั้งต่อไปในช่วงเดือนก.พ. 2559 โดยคาดว่าการประเมินต่อไปนั้นผลจะออกมาดีขึ้น แต่รัฐบาลก็ไม่ประมาท จะต้องแก้ไขปัญหาอย่างละเอียดรอบคอบและแก้ไขในจุดตามที่พวกเขาต้องการ

อ้างไม่รู้ 2 ชาวจีนที่ส่งกลับเป็นผู้ลี้ภัย

     เมื่อถามถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกคลิปผ่านยูทูบถึงการอวยพรปีใหม่ เนื้อหาระบุขอให้คืนประชาธิปไตยเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะคาดว่าปีหน้าภาวะเศรษฐกิจจะหนักขึ้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนยัง ไม่ได้ดูคลิปดังกล่าว ส่วนประชาธิปไตยเราก็คืนให้อยู่แล้ว และที่ว่าเศรษฐกิจไม่ดีก็ไม่เป็นไร เพราะรัฐบาลและ คสช.ช่วยกันดูอยู่แล้ว ตนและรัฐบาลได้ช่วยกันทำงานเพื่อวางรากฐานต่อไปในอนาคต ขณะที่นายกฯ เดินทางไปต่างประเทศก็พยายามชี้แจงทำความเข้าใจกับนานาชาติตลอด

      ต่อข้อถามถึงรัฐบาลไทยส่งชาวจีน 2 คนกลับประเทศ จนเป็นที่วิจารณ์ของสำนักข่าวต่างประเทศ รัฐบาลรู้หรือไม่ว่าเป็นผู้ลี้ภัย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่รู้ เพราะเราจับมาได้เพียง 2 วัน ส่วนคนที่ถูกจับมาแล้วเกือบปีไม่ได้สถานะผู้ลี้ภัย ข้อมูลส่วนนี้ ผบ.สตม.รายงานมาให้ทราบ โดยคนที่ถูกจับมาเกือบปียังไม่ได้สถานะผู้ลี้ภัย แต่ 2 คนนี้ถูกจับเพียง 2 วันกลับได้สถานะผู้ลี้ภัย มันไม่เท่ากัน มีความผิดปกติ รวมถึงทั้ง 2 คนนี้มีเรื่องกับรัฐบาลจีนซึ่งจีนได้ยืนยันมาเพราะเป็นบุคคลที่ทำให้ประเทศเขาเสียหาย

รองนายกฯ-รมต.รุดพบหารือบิ๊กตู่

     ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ตลอดทั้งวันนี้ถึงแม้นายกฯ จะเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศในช่วงเช้า และไม่มีกำหนดการงานใดๆ โดยเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ แต่ก็มีรองนายกฯ และรัฐมนตรีทยอยเข้าพบและหารือข้อราชการ

     ช่วงเช้า ผบ.ทบ.เข้าพบ ซึ่งคาดว่าจะหารือถึงปมปัญหาโครงการก่อสร้างอุทยาน ราชภักดิ์ จากนั้นช่วงบ่ายมีพล.อ.ประวิตร เข้าหารือ

      จากนั้นเวลา 13.45 น. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ เข้าพบและรายงานสภาวะด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งกรณี FAA ประกาศลดระดับมาตรฐานการบินพลเรือนไทย โดยใช้เวลาหารือชั่วโมง ครึ่ง ก่อนที่จะออกจากตึกไทยคู่ฟ้าในเวลา 15.09 น.

เวลา 15.15 น. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เดินทางเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ คาดว่าทั้งพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ไพบูลย์ ร่วมกันหารือกันถึงประเด็นปัญหาการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยาน ราชภักดิ์ ซึ่งมีกระแสกดดันให้พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม รับผิดชอบด้วยการ ลาออกจากตำแหน่ง และอาจหารือถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองอย่าง นปช.ด้วย

      ทั้งนี้ พล.อ.ไพบูลย์เดินทางออกจากตึกไทยคู่ฟ้าในเวลา 15.50 น. ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ขณะที่พล.อ.ประวิตรอยู่หารือต่อเป็นการส่วนตัว ก่อนเดินทางออกจากตึกไทยคู่ฟ้าในเวลา 16.10 น.

สมคิด ชี้ไม่กระทบศก.-แต่ทุบเชื่อมั่น

      นายสมคิด ให้สัมภาษณ์กรณีเอฟเอเอ ปรับลดระดับมาตรฐานการกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนของไทยว่า แม้จะกระทบตัวเลขเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไม่มาก แต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและความรู้สึกของคนว่าทำไมที่ผ่านมาไม่ยอมดูแลมาตรฐานการบินให้ดี ทั้งนี้ ได้มอบให้กระทรวงคมนาคม และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ไปเร่งปรับปรุงการทำงาน บุคลากรให้มีมาตรฐานในระดับที่สากลยอมรับ ส่วนการท่องเที่ยวคงไม่กระทบ เพราะปกติไทยไม่มีเที่ยวบินบินตรงไปสหรัฐ และเชื่อว่าเมืองไทยน่าท่องเที่ยวและมีชาวต่างชาติอยากมาเที่ยวอีกมาก

นายสมคิดกล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ สิ่งที่กระทรวงคมนาคมต้องดำเนินการตอนนี้คือไปยกเครื่องเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ได้มาตรฐาน และแก้ปัญหาธงแดงไอเคโอให้ได้เร็ว จะมาอ้างว่าคนนี้คนนั้นแกล้งไม่ได้ หรือมัวมาทำงานแบบเรื่อยๆ ไม่ได้ จากนั้นจึงจะมีผลดีตามมา ซึ่งการแก้ไขไม่ใช่แค่ดูการปรับโครงสร้างองค์กรอย่างเดียว เพราะเป็นเหมือนแค่เปลือก ต้องดูถึง การปรับการทำงาน บุคลากรภายในต้องมีประสิทธิภาพด้วย

     "เรื่องนี้ไม่ได้เสียหายทางเศรษฐกิจ แต่เสียความรู้สึก ปัญหานี้สะสมมามากกว่า 10 ปี เขาเตือนก็แล้ว เขย่าก็แล้ว บังคับก็แล้ว เฉื่อยแฉะ โอกาสตรงนี้จะเป็นโอกาสดีที่จะต้องปรับในสิ่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ ในสิ่งที่เฉื่อยแฉะ ต้องเปลี่ยนใหม่ให้หมด" นายสมคิดกล่าว

รมว.คมนาคมชี้มะกันไม่ได้ห้ามเข้า

      นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า เอฟเอเอตรวจพบว่ามาตรฐานการกำกับสายการบินของกรมการบินพลเรือนไม่เป็นไปตามมาตรฐานระหว่างประเทศของอนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะมีจำนวนบุคลากรด้านการตรวจสอบมาตรฐานการบินและการออกใบอนุญาตการบินไม่เพียงพอกับจำนวนสายการบินที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงปี 2551 ทำให้เอฟเอเอขาดความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของสายการบินของไทย

      นายอาคม กล่าวว่า การถูกปรับลดมาตร ฐานครั้งนี้เอฟเอเอไม่ได้ห้ามสายการบินจากไทยบินเข้าสหรัฐ แต่เอฟเอเออาจจะแนะนำให้กรมการบินพลเรือนสหรัฐออกมาตรการจำกัดการบินสายการบินของไทย เช่น จำกัดการออกใบอนุญาตการบินเชิงพาณิชย์กับสายการบินจากไทย ห้ามเพิ่มจุดหมายปลายทางการบิน ห้ามปรับเปลี่ยนขนาดเครื่องบิน ห้ามเพิ่มความถี่เที่ยวบินที่จะบินเข้าสหรัฐ และห้ามสายการบินสหรัฐใช้ชื่อเที่ยวบินร่วม (โค้ดแชร์) ร่วมกับสายการบินของไทย นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐอาจทบทวนหรือจำกัดสิทธิทางเศรษฐกิจบางส่วนที่ได้รับ ภายใต้ข้อตกลงสิทธิทางการบินสองฝ่ายกับประเทศไทยอีกด้วย

คาดเดายากผ่าน"เอียซ่า"หรือไม่

     นายอาคมกล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาเอฟเอเอว่า จะมุ่งเน้นแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (เอสเอสซี) ด้านการบินตามผลการตรวจสอบของไอเคโอ ควบคู่กับข้อแนะนำของเอฟเอเอ, เอียซ่า และองค์การการบินพลเรือนของประเทศญี่ปุ่น (เจแคป) รวมทั้งเร่งปรับโครงสร้างการดำเนินการของ กพท., เร่งจัดหาบุคลากรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสายการบินและออกใบอนุญาตการบินให้เพียงพอ เร่งรัดการตรวจสอบใบอนุญาตการบินระหว่างประเทศ 28 สายการบิน และใบอนุญาตนักบิน 2,300 คนใหม่ทั้งหมด ตามมาตรฐานของไอเคโอ

      "เราจะเน้นแก้ไขเอสเอสซี 35 ข้อของ ไอเคโอก่อน เพราะไอเคโอเปรียบเสมือนแม่บทด้านมาตรฐานการบิน ที่ผ่านมาทั้ง เอฟเอเอ และเอียซ่า ก็จะยึดผลการตรวจสอบของไอเคโอเป็นหลักมาเทียบเคียง ดังนั้น ต้องเร่งปลดล็อกธงแดงให้ได้ก่อน หากปลดล็อกได้ปัญหาอื่นๆ ก็น่าจะคลี่คลาย ขณะนี้ กพท.กำลังเร่งตรวจสอบใบอนุญาตสายการบินที่บินระหว่างประเทศ 28 สายการบินก่อน คาดว่าจะเสร็จในเดือนส.ค.59 จากนั้นจะเชิญไอเคโอเข้ามาตรวจสอบ กพท.ซ้ำอีกครั้ง คาดว่าช่วงปลายปี "59 ถึงจะรู้ว่าไอเอโคจะปลดธงแดงให้ไทยหรือไม่" นายอาคมกล่าว

      นายอาคม กล่าวถึงแนวโน้มผลการตรวจสอบมาตรฐานการบินพลเรือนไทยของเอียซ่าที่จะประกาศผลเป็นทางการในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ว่า ไม่สามารถคาดการณ์ผลได้ว่าจะออกมาอย่างไร เพราะเป็นการตัดสินใจของหลายประเทศ ซึ่งเป็นชาติสมาชิกยุโรป เอียซ่าเน้นการพัฒนาเรื่องบุคลากรด้านการบิน

ดีดีบินไทยอ้างไม่กระทบโดยตรง

      นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการตรวจสอบของ เอฟเอเอไม่มีนัยยะทางตรงที่จะกระทบกับการดำเนินธุรกิจของการบินไทย เนื่องจากการบินไทยไม่ได้ทำโค้ดแชร์ร่วมสายการบินในเส้นทางไปยังสหรัฐ แต่มีการทำธุรกิจร่วมสายการบินพันธมิตรอย่างสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ (ยูอี) ส่งต่อผู้โดยสารจากสหรัฐที่ต้องการมาไทย แต่ไม่มีการทำโค้ดแชร์รหัสร่วม ส่งผลให้มาตรการลดระดับของเอฟเอเอครั้งนี้จะไม่ส่งผลโดยตรง แต่ต้องจับตาดูท่าทีของยูอีที่อาจพิจารณาร่วมมือส่งต่อผู้โดยสารให้กับการบินไทย แต่หากไทยยังไม่สามารถปลดล็อกธงแดงของไอเคโอได้เร็วๆ นี้ อาจส่งผลกระทบกับแผนดำเนินธุรกิจของการบินไทย ที่จะเพิ่มเส้นทางบินครั้งใหญ่ในปี "60

      รายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากไทยสอบตกมาตรฐานการบินของไอเคโอ การบินไทยได้เตรียมมาตรการป้องกันความเสี่ยงด้านการบินไปยังประเทศต่างๆไว้แล้ว โดยเฉพาะยุโรป ซึ่งเป็นตลาดสำคัญ โดยยื่นขอเข้าร่วมโครงการ TCO (Third Country Operators) ซึ่งเป็นโครงการที่เอียซ่าจัดทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือสายการบินที่มีมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากลให้บินไปยังชาติสมาชิกยุโรปได้ แม้เอียซ่าจะประเมินผลให้หน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐานการบินในประเทศเจ้าของสายการบินสอบตกก็ตาม ดังนั้น หากวันที่ 10 ธ.ค.เอียซ่าประเมินให้ไทยสอบตกการบินไทยก็จะไม่ได้รับผลกระทบ จะยังบินเข้ายุโรปได้ตามปกติ และจากการเข้ามาตรวจสอบการบินไทยเมื่อ 9-12 พ.ย.เอียซ่าระบุว่าพอใจกับมาตรฐานความปลอดภัยของการบินไทย และไม่น่าเป็นปัญหา

เชื่อเอียซ่าตามไอเคโอ-เอฟเอเอ

      แหล่งข่าวจากอุตสาหกรรมการบิน กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่เอียซ่าจะนำผลการประเมินของไอเคโอ และเอฟเอเอ มาประกอบการพิจารณาประเมินผลประเทศไทย เนื่องจากแต่ละหน่วยงานมุ่งเน้นตรวจสอบมาตรฐานที่คล้ายคลึงกัน เช่น มาตรฐานการกำกับดูแลของหน่วยงานการบินพลเรือน ของไทย มาตรฐานออกใบอนุญาตทำการบิน มาตรฐานความปลอดภัยของสายการบิน

      ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากผลการตรวจสอบของทั้ง 3 หน่วยงานในอดีต จะเห็นว่าเป็นไปในแนวทางที่สอดคล้องกัน เช่น กรณีสายการบินการูดา ของอินโดนีเซีย เคยสอบตกมาตรฐานของไอเคโอ เมื่อวันที่ 16 เม.ย.2550 ต่อมาวันที่ 4 ก.ค.ปีเดียวกันก็ถูกเอียซ่าออกมาตรการห้ามบินเข้าไปสหภาพยุโรป

     ขณะที่เมื่อปี 2551 สายการบินจากประเทศฟิลิปปินส์ถูกเอฟเอเอลดระดับมาตรฐานการบิน ต่อมาในปี 2553 ถูกเอียซ่าประกาศห้ามบินไปยังยุโรปเช่นกัน ซึ่งในครั้งนั้นฟิลิปปินส์ต้องใช้เวลาแก้ไขปัญหาเกือบ 4 ปีเต็ม จนกระทั่งปี 2557 จึงได้กลับมาบินไปยังประเทศยุโรปได้อีกครั้ง

      รางงานข่าวจากบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เผยว่า สายการบินที่จดทะเบียนโดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศ ไทยสามารถปฏิบัติการบินไปยังสหรัฐได้ เช่นเดิม แต่ไม่สามารถเพิ่มเที่ยวบินหรือจุดบินใหม่ในสหรัฐได้ สำหรับเส้นทางบินปัจจุบันของบางกอกแอร์เวย์สไม่มีเส้นทางการบินไปยังสหรัฐและไม่มีการทำความตกลงเที่ยวบินร่วมกับสายการบินของสหรัฐ

ลืออียูแบนไทย-หุ้นตกกว่า 17 จุด

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาวะตลาดหุ้นไทย (SET) วันเดียวกัน การซื้อขายปิดที่ 1,339.45 จุด ปรับตัวลดลง -17.56 จุด คิดเป็น -1.29% จุดสูงสุดอยู่ที่ 37,207.58 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,339.30 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 37,211.05 ล้านบาท

      ส่วนดัชนี SET 50 ปิดที่ 857.35 จุด ปรับตัวลดลง -12.74 จุด โดยหุ้น AOT หรือบมจ.ท่าอากาศยานไทย มีมูลค่าการซื้อขายมากเป็นอันดับ 4 รวมมูลค่า 1,456.42 ล้านบาท ลดลง -2.00 บาท คิดเป็น -0.62%

     อย่างไรก็ตาม มีการจับตาของกลุ่มนักลงทุนเกี่ยวกับการร่วงของตลาดหุ้นในช่วงบ่ายเนื่องจากข่าวสหภาพยุโรปหรืออียู อาจจะคว่ำบาตรไทยในทุกๆ ด้าน ต่อเนื่องจากปัญหาการบินของเอฟเอเอ โดยมองว่าอาจจะโยงถึงสถานการณ์การเมือง โดยเฉพาะปัญหาการเลือกตั้งที่ยืดเยื้อ

สุวพันธุ์เรียกประชุมวิป 3 ฝ่าย

      ที่อาคารสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการประสานงานร่วม 3 ฝ่าย หรือวิป 3 ฝ่าย คือ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ใช้เวลาหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง

     นายสุวพันธุ์ ให้สัมภาษณ์หลังประชุมว่า วิปร่วม 3 ฝ่ายพูดคุยถึงแนวทางการทำงานระหว่าง ครม. สปท.และ สนช. เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิรูปใน 2-3 เรื่อง คือ วิธีการทำงานของวิปร่วม 3 ฝ่าย ที่จะทำหน้าที่อำนวยความสะดวกเพื่อให้การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่นและบรรลุผลสัมฤทธิ์ กลไกขับเคลื่อนในส่วนของรัฐบาล ที่ดูแลเรื่องการปฏิรูปและการบริหารราชการแผ่นดินทั้ง 6 ด้าน ตามที่ ครม.ให้ศึกษาและนำข้อเสนอมาเป็นวาระการปฏิรูป ที่ส่งวิปรัฐบาลภายใน วันที่ 8 ธ.ค.นี้ ส่วนสปท.อยู่ระหว่างประชุมกรรมาธิการแต่ละคณะ จึงต้องทำให้สอดคล้องกัน เพราะการปฏิรูปบางเรื่องรัฐบาลก็ทำไปแล้วและแต่ละส่วนได้ชี้แจงการทำงานที่เดินหน้าไปแล้ว

      นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า วิปรวม 3 ฝ่ายมีมตินัดประชุมทุกวันพุธ เวลา 09.30 น. เพื่อ แลกเปลี่ยนความเห็นการทำงาน ในการประชุมครั้งต่อไปจะหารือเกี่ยวกับวาระการปฏิรูปและการจัดวาระการปฏิรูป ตามที่ ครม.มีมติมอบหมายให้รองนายกฯ ที่ดูแลเรื่อง การขับเคลื่อนและการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินไปกำหนดวาระการปฏิรูป ขณะที่ สปท.และ สนช.จะไปกำหนดวาระเพื่อนำเข้ามาหารือในที่ประชุมว่าจะดำเนินการอย่างไร

นัดตีปี๊บผลงานรัฐบาล 23-25 ธ.ค.

      นายสุวพันธุ์ กล่าวถึงความคืบงานการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปี ว่า ขณะนี้กำหนดวันแถลงผลงาน 3 วัน วันที่ 23-25 ธ.ค.นี้ รูปแบบการแถลงมีการจัดนิทรรศการแสดงผลงาน จากนั้นนายกฯ จะกล่าวเปิดและสรุปผลงานในวันสุดท้าย โดยมีรองนายกฯ ที่รับผิดชอบงานแต่ละด้านพูดคุยชี้แจงผลงานที่รับผิดชอบ แบ่งเป็นช่วงเช้าและบ่ายเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง การแถลงในวันที่ 23 ธ.ค.ช่วงเช้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ช่วงบ่าย นายวิษณุ เครืองาม วันที่ 24 ธ.ค. ช่วงเช้า พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯ ด้านสังคม ช่วงบ่าย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง และวันที่ 25 ธ.ค. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ช่วงบ่าย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ

      นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.หารือกันถึงการมอบของขวัญปีใหม่และกิจกรรมให้กับประชาชน ซึ่งแต่ละกระทรวงจะไปดำเนินการของตัวเอง เช่น กระทรวงพาณิชย์จะมีการออกร้านจำหน่ายสินค้า ส่วนตนมีกิจกรรมสวดมนต์ที่พุทธมณฑล ที่รัฐบาลร่วมกับมหาเถรสมาคมร่วมเป็น เจ้าภาพในการจัดงาน คาดว่าที่ประชุม ครม.ครั้งต่อไปน่าจะมีความชัดเจน

ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ปูถกสภาอียู

     รายงานข่าวพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า สำหรับความคืบหน้ากรณีรัฐสภายุโรปส่งหนังสือเชิญถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ร่วมพูดคุยสถานการณ์การเมืองของไทย ซึ่งอดีตนายกฯได้ส่งหนังสือตอบกลับโดยระบุว่ายินดีจะร่วมพูดคุย แต่ให้รัฐสภายุโรประบุวัน เวลา และสถานที่ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ตรงกับวันที่ต้องเดินทางไปขึ้นศาลช่วงเดือนม.ค. 2559 ได้จะดำเนินการตามขั้นตอนขออนุญาตจากศาลเพื่อเดินทางไปนั้น

     ล่าสุดน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศไปเมื่อวันที่ 26 พ.ย. โดยชี้แจงเหตุผลว่ารัฐสภายุโรปมีหนังสือเชิญไปร่วมประชุม ซึ่งองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ พิจารณาคำร้องขอดังกล่าวแล้ว และมีความเห็นร่วมว่าไม่อนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหาเดินทางออก นอกราชอาณาจักรตามคำร้องขอ ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตจากคสช.แต่อย่างใด

ป.ป.ช.หารือ-เลือกประธานป.ป.ช.

      รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แจ้งว่า หลังจากเกิดปัญหาเรื่องการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ที่มาจากกรรมการชุดเก่า 4 คน และกรรมการชุดใหม่ 5 คน ที่ขั้นตอนการเข้าปฏิบัติหน้ายังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพื่อคัดเลือกประธานป.ป.ช.คนใหม่นั้น ล่าสุดทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ทำหนังสือมายังสำนักงานเลขาธิการป.ป.ช. เพื่อแจ้งว่าขณะนี้กรรมการใหม่ทั้ง 5 คนได้ลาออกจากตำแหน่งต่างๆ เพื่อไม่ให้ขัดกฎหมายเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จึงขอให้ทางสำนักงานเลขาธิการป.ป.ช.ได้พิจารณาแนวทางว่าจะดำเนินการ คัดเลือกประธานป.ป.ช.คนใหม่เมื่อไรและอย่างไร

     ทั้งนี้ มี 2 แนวทางคือ 1.ให้กรรมการทั้ง 9 คนประชุมเพื่อคัดเลือกกันเอง และค่อยนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ พร้อมกับกรรมการใหม่จำนวน 5 คนในคราวเดียวกัน และ 2.ปฏิบัติตามขั้นตอนโดยให้นำรายชื่อกรรมการใหม่จำนวน 5 คน ขึ้นทูลเกล้าฯไปก่อน และค่อยมาประชุมคัดเลือกประธานป.ป.ช. เพื่อให้ได้รายชื่อแล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯอีกครั้ง ทำให้จากเดิมที่จะมีการประชุมในวันที่ 4 ธ.ค.นั้นต้องเลื่อนออกไป อย่างไรก็ตาม คาดว่าเลขาธิการป.ป.ช.จะหารือกับที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ในวันที่ 3 ธ.ค.เพื่อหาทางออกในเรื่องดังกล่าว

วิษณุชี้ต้องดูที่กฎหมาย

     ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการเลือกประธานป.ป.ช.คนใหม่ หลังมีผู้ท้วงติงว่าไม่สามารถทำได้ขณะนี้ เนื่องจากกรรมการป.ป.ช.ใหม่ทั้ง 5 คน ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ว่าถ้าให้เดาการจะเลือกก่อนหรือหลังโปรดเกล้าฯอย่างไรก็ต้องเลือก ซึ่งเขาคง คิดว่าพอเลือกประธานป.ป.ช.เสร็จจะได้นำกราบบังคมทูลไปพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นต้องกราบบังคมทูลถึง 2 ครั้ง

      ดังนั้น ถ้ากรรมการป.ป.ช.ใหม่ 5 คนร่วมกับกรรรมการป.ป.ช.เก่า 4 คน ประชุมแล้วนำมติกราบบังคมทูลขึ้นไปอีก บางทีทำบัญชีล็อตเดียวจะไม่เป็นการรบกวนใต้เบื้องพระยุคลบาท ซึ่งเขาอาจคิดอย่างนั้น แต่ข้อกฎหมายทำได้หรือไม่นั้นตนไม่รู้ แต่วงการอื่นมีการทำแบบนี้เหมือนศาลรัฐธรรมนูญ เพราะต้องมีการเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ เลยต้องเลือกประธานก่อนการโปรดเกล้าฯ ส่วนป.ป.ช.นั้นไม่ต้องมีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนแต่อย่างใด

ปธ.สนช.ขอทูลเกล้าฯชื่ออีก 5 คน

     ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) แถลงกรณีไม่สามารถเลือกประธานป.ป.ช.ว่า ป.ป.ช.มีหนังสือแจ้งมายังสำนักเลขาธิการวุฒิสภาว่า ขอเลื่อนการเลือกประธานป.ป.ช.ออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่าป.ป.ช.ทั้ง 5 คนใหม่ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ตนในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภาจะนำรายชื่อทั้ง 5 คนขึ้นทูลเกล้าฯและรอให้ได้คณะกรรมการป.ป.ช.ครบทั้ง 9 คน เพื่อจะหารือเลือกบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นประธานป.ป.ช.ต่อไป กรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นในองค์กรอิสระอื่นๆ มาแล้ว เช่น การเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ไม่มีปัญหา เพราะมีการจัดการปัญหาภายในองค์กรได้

      นายพรเพชร กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นถือเป็นช่องว่างของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ได้เขียนเรื่องนี้ไว้ชัดเจน ดังนั้น หลังจากนี้อาจจะแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญต่อไป ส่วนกรณีคำสั่งคสช.ให้นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เป็นประธานป.ป.ช.ต่อไปนั้น เมื่อมีการสรรหาคณะกรรมการป.ป.ช.ครบ 9 คนแล้ว ถือว่านายปานเทพพ้นจากประธานป.ป.ช. เนื่องจากคนที่ไม่ได้เป็นกรรมการป.ป.ช.ก็ไม่สามารถเป็นประธานป.ป.ช.ได้ เหมือนกับตนหากไม่ได้เป็นสมาชิกสนช.ก็ไม่สามารถเป็นประธานสนช.ได้เช่นกัน

เพื่อไทยรุดเยี่ยมเด็จพี่-อดีตส.ส.

     เมื่อเวลา 10.00 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีตส.ส.นนทบุรี และนายสาโรจน์ หงษ์ชูเวช ผอ.พรรค เดินทางมาเยี่ยมนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรค และนายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ อดีตส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย

    นายภูมิธรรม กล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมว่า ทั้งสองคนติดคุกมานานหลายเดือนแล้ว เราก็ห่วงเรื่องสุขภาพ เพราะทั้งคู่น้ำหนักลดลงไปมาก นายพร้อมพงศ์ประมาณ 7-8 กิโลกรัม นายเกียรติอุดมลดไปถึง 15 กิโลกรัม ทั้งนี้ เป็นช่วงที่ต้องให้กำลังใจกัน ตอนนี้เราบอกให้เขาออกกำลังกาย ซึ่งเขาก็มีกำลังใจดี และดีใจเวลาที่มีคนมาเยี่ยม

ภูมิธรรมจี้เร่งคืนประชาธิปไตย

     นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.เคยผ่านการร่างรัฐธรรมนูญมาแล้วหลายฉบับ ตั้งแต่รัฐประหารปี 2535 หากยึดมั่นในกฎเกณฑ์ ในระบอบประชาธิปไตย และยึดประโยชน์ของประชาชน การร่างรัฐธรรมนูญคงไม่เป็นปัญหายากขนาดนี้ คงไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามรายวันที่เหมือนโยนหินถามทาง ทำให้สังคมสับสนอย่างนี้ ความจริงรัฐธรรมนูญปี 2540 และปี 2550 ได้คิดพิจารณามาเยอะแล้ว ควรรีบนำมาปรับปรุงทำให้ดีที่สุด เร็วที่สุด

     "ล่าสุดที่ไทยถูกสหรัฐลดระดับมาตรฐานการบิน รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้ ทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนอย่างมาก ดังนั้น รัฐบาลต้องรีบคืนประชาธิปไตยให้ประชาชน เดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งให้เร็วที่สุด อย่าช้า เพราะยิ่งช้าประเทศยิ่งเสี่ยง" นายภูมิธรรมกล่าว

เตือนอย่าร่างให้มีผลย้อนหลัง

     ด้านนายชูศักดิ์ กล่าวว่า กรธ.ร่างรัฐธรรมนูญโดยอ้างตามกรอบรัฐธรรมนูญชั่วคราวตามมาตรา 35 แต่มาตราดังกล่าวเป็นเพียงหลักการกว้างๆ ไม่มีรายละเอียดลงลึกถึงขั้นว่าจะให้การเข้าสู่ตำแหน่งนั้นมีลักษณะอย่างไร ส่วนข้อห้ามเรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. ต้องดูว่าในอดีตการพิจารณาเรื่องการ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนั้นเป็นไปตามหลักนิติธรรมหรือไม่ ทั้งนี้ การกำหนดข้อห้ามอะไรใหม่ๆ ไม่ควรมีผลย้อนหลังสำหรับผู้ที่เคยถูกเพิกถอนสิทธิหรือเคยถูกตัดสิทธิไปแล้ว ควรเขียนกำกับไว้เลย

    เมื่อถามว่าหากทำประชามติแล้วร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านใครควรเป็นผู้รับผิดชอบ นายชูศักดิ์กล่าวว่า อยู่ที่ว่าผลประชามติจะออกมาอย่างไร ท้ายที่สุดถ้ารัฐธรรมนูญออกมาไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีความชอบธรรม ประชาชนก็จะสะท้อนว่าเห็นชอบหรือไม่ ผ่านการทำประชามติ ที่ถามว่าใครควรรับผิดชอบอย่างไรนั้นเห็นอยู่ว่าใครร่างขึ้นมา

กรธ.กีดกันอีกฝ่าย-เอื้ออีกฝ่าย

     นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข้อเสนอกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง 17 ข้อของกรธ.ว่า เรื่องคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามนั้นจะต้องเขียนให้ชัดเจนเพื่อไม่ก่อให้เกิดปัญหาตีความ แต่ข้อเสนอของ กรธ.ทั้ง 17 ข้อเขียนมากจนเกินจำเป็น และจะมีปัญหาเรื่องการตีความ สุดท้ายภาระจะตกที่ กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญ แค่เริ่มต้นก็ต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเพื่อหาข้อยุติแล้ว ที่สำคัญไม่เห็นด้วยที่ไปบัญญัติให้ตัดสิทธิคนที่ถูกถอดถอนทางการเมืองถึงขั้นตลอดชีวิต เพราะที่ผ่านมาโดนดำเนินคดีกันอย่างไม่ยุติธรรม เป็นการดำเนินคดีท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่ขัดแย้ง ดังนั้น เมื่อเขียนกติกาใหม่ก็ไม่ควรยึดโยงกับกติกาเดิมอีก

       นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรธ.กำหนดคุณสมบัติต้องห้ามลงสมัครส.ส. โดยห้ามผู้ลงสมัครต้องคำพิพากษาให้จำคุกหรือถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาลว่า กรธ.ตั้งใจเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อกีดกันเครือข่ายคนของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะกลุ่ม นปช.อย่างชัดเจน ที่ผ่านมาพวกเราต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่โดนดำเนินคดีกันหมด รู้กันอยู่ว่าคดีความของ นปช.ส่วนใหญ่อยู่ในกระบวนการพิจารณาแทบทั้งสิ้น แบบนี้ นปช.โดนกินรวบเลย ดังนั้น การออกกฎหมายลักษณะนี้ต้องการกีดกันฝ่ายหนึ่งและอุ้มอีกฝ่ายหนึ่งหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่เคยมีรัฐธรรมนูญฉบับไหนที่ล้าหลังมากเท่ากับรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย

"ดร.ปึ้ง"หวั่นไทยถูกตัดจีเอสพี

    ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวกรณีหลาย ฝ่ายวิจารณ์การทำงานของนายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และเสนอให้ รมว.ต่างประเทศเชิญไปพบว่า ไม่ว่าจะเสนอด้วยเหตุผลใด ด้วยอารมณ์พาไปหรือวัตถุประสงค์อื่น ขอให้คำนึงถึงภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศ เพราะไทยยังต้องอยู่ในโลกใบนี้ร่วมกับคนอื่น โดยเฉพาะสหรัฐที่เป็นผู้บริโภครายใหญ่ของสินค้าไทย ล่าสุดมีโอกาสที่ไทยจะถูกตัดสิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) ของสินค้าไทยที่จะส่งไปขายในสหรัฐจะกระทบผู้ส่งออกไทย

     นายสุรพงษ์ กล่าวว่า น่าเสียดายที่สุดคือ FAA ประกาศลดอันดับความปลอดภัยของสายการบินไทย จึงขอให้เราคิดหรือทำอะไรให้รอบคอบ ไม่ควรใช้อารมณ์ออกมาพูดหรือแสดงความคิดเห็นอวดเก่งหรืออวดดี บางคนถึงขนาดพูดว่าไม่ง้อตลาดอเมริกาแล้ว ไปหาตลาดค้าขายใหม่ ตนอยากบอกให้บุคคลเหล่านั้นทราบว่าการหาลูกค้าใหม่ไม่ได้ง่าย รักษาลูกค้าเก่าและเพื่อนเก่าเอาไว้จะดีกว่า อยากให้รัฐบาลคิดให้รอบคอบ และกระทรวงการ ต่างประเทศต้องพิจารณาให้ดี อย่าทำตาม กระแสจนกระทบภาคธุรกิจส่งออก และกระทบเศรษฐกิจในภาพรวม อย่าบ้าจี้ไป เชิญทูตสหรัฐมาพบตามแรงกดดันที่เกิดขึ้น โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลให้รอบคอบ

ติงเปิดประมูลข้าวราคาต่ำมาก

     นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีกรมการค้าต่างประเทศเปิดประมูลข้าวเสียข้าวเสื่อม 37,412 ตัน เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.มีผู้เข้าร่วมประมูล 13 ราย ได้ราคาต่ำสุด 5.02 บาทต่อกิโลกรัม และสูงสุด 5.41 บาทต่อก.ก.ว่า เป็นราคาที่ต่ำ สาเหตุเพราะกำหนดให้เฉพาะนิติบุคคลภาคอุตสาหกรรม ไม่เปิดกว้างให้นิติบุคคลทั่วไปเข้าร่วมประมูล ทั้งที่ควรจะให้แข่งขันกันมากกว่านี้ เนื่องจากการประกาศใช้อำนาจตามมาตรา 44 ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สนใจกลุ่มคนที่เรียกร้อง ทั้งสมาคมเซอร์เวเยอร์และเจ้าของโกดังกลาง ที่ระบุว่าข้าวที่นำมาประมูลไม่ได้เป็นข้าวเสื่อม

"ผมไม่ได้ขัดขวางการประมูลขายข้าว แต่ต้องทำให้โปร่งใส ส่วนที่นางชุติมา บุญประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ บอกว่าได้ตรวจสอบโกดังข้าวที่เสียไม่ได้คุณภาพ และได้ส่งตำรวจดำเนินคดี เมื่อตำรวจทำคดีเสร็จก็จึงมีการประมูลขาย นี่คือสิ่งที่ผมนำเสนอตลอดว่าหากมีข้าวหายข้าวเสียข้าวเสื่อมก็ มีคนรับผิดชอบ ขอบคุณปลัดกระทรวงพาณิชย์ที่พูดเรื่องนี้แม้จะช้าไปหน่อย" นายสมคิดกล่าว

กรธ.เปิดทางส.ส.นั่งรมต.ได้

      ที่รัฐสภา นายอมร วาณิชวัฒน์ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) แถลงว่าที่ประชุมคณะกรธ.ได้กำหนดหลักการ สำคัญเพื่อไม่ให้ส.ส.และส.ว.ใช้สถานะหรือตำแหน่งไปก้าวก่าย หรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ซึ่งเป็นหลักการเดิมที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ได้วางเอาไว้ อย่างไรก็ตาม หลักการนี้จะยังคงให้ส.ส.สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ เพราะถือว่าการดำรงตำแหน่งไม่ได้เป็นการใช้อำนาจหน้าที่แทรกแซง สำหรับนิยามของการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการแทรกแซงนั้น จะครอบคลุมไปถึงการไม่ให้ส.ส.หรือส.ว.เข้าไปก้าวก่ายเกี่ยวกับการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ซึ่งในร่างรัฐธรรมนูญจะบัญญัติข้อห้ามและบทกำหนดโทษให้ชัดเจนต่อไป

      ขณะที่การพิจารณาเรื่องกระบวนการได้มาซึ่งส.ว.นั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปอย่างเป็นการแต่มีความเห็นว่าจะมาจากกลุ่มสังคมจำนวน 20 กลุ่ม อย่างไรก็ตาม ไม่ได้กำหนดว่าใน 20 กลุ่มจะมีกลุ่มสังคมประเภทไหนบ้าง เพราะกลุ่มสังคมบางกลุ่มมีขอบเขตที่ใกล้เคียงกัน จึงต้องมากำหนดลักษณะและขอบเขตให้ชัด

กสม.ยันทำหน้าที่ตรงไปตรงมา

     วันเดียวกัน นายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(OHCHR) ได้แจ้งผลการทบทวนสถานะของกสม. ว่าคณะอนุกรรมการประเมินผลได้มีข้อมติเสนอให้ลดระดับ กสม. จากสถานะเอ เป็นบี พร้อมมีข้อกังวลในประเด็นต่างๆ ได้แก่ กระบวนการสรรหาและแต่งตั้งกสม. ภูมิคุ้มกัน และความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของกสม. การรายงานสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่ทันต่อเหตุการณ์ ล่าสุดกสม.ชุดใหม่เตรียมเสนอให้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องโครงสร้างคณะกรรมการสรรหากสม. และภูมิคุ้มกันความเป็นอิสระ ซึ่งเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ทันที ขณะนี้อยู่ในกระบวนการเสนอแก้ไขกฎหมายในประเด็นดังกล่าวแล้ว

นายวัสกล่าวว่า ส่วนข้อกังวลเรื่องการรายงานสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนล่าช้านั้น เราจะยืนยันไปยังองค์กรสิทธิมนุษยชนสากล ว่ากสม.ชุดนี้จะรายงานให้ทันต่อเหตุการณ์ เนื่องจากกสม.ชุดนี้เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดจากกสม.ชุดก่อน หากแก้ไขกฎหมายในส่วนนี้ได้สำเร็จอาจได้รับการพิจารณาให้มีสถานะเอต่อไป

'อจ.-นักธุรกิจ'แนะรบ. ใช้โอกาสเอฟเอเอลดระดับ ยกเครื่องการบินทั้งระบบ


ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์-ณัฐพงษ์ พัฒนพงษ์


ประกิต สิริวัฒนเกตุ-อิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก

หมายเหตุ - มีความเห็นจากนักวิชาการและนักธุรกิจต่อกรณีสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (เอฟเอเอ) ประกาศลดอันดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทยจากประเภทที่ 1 มาเป็นประเภทที่ 2 เนื่องจากมาตรฐานการบินของไทยไม่เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ)

ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์

คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

     ผลกระทบจากการลดระดับนี้ควรจะมองในภาพรวม เพราะการปรับครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงอีก ฉะนั้น ความเชื่อมั่นจะเป็นปัญหา เนื่องจากมาตรฐานการบินของไทยเป็นที่ทราบกันมาพอสมควร แต่ไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบิน การท่องเที่ยว ไม่มั่นใจนักว่าทางการไทยมีศักยภาพในการดำเนินการตามมาตรฐานของสากลมากน้อยแค่ไหน นี่จะเป็นปัญหาใหญ่ จะกระทบจำกัดในแง่ธุรกิจสายการบินที่เดินทางไปสหรัฐอเมริกาซึ่งในที่นี้คือการบินไทย ทำให้แผนการบินในอนาคตมีอุปสรรค การบินไทยอาจประเมินว่าในภาพย่อยคงไม่ได้รับผลอะไร เพราะมาตรฐานตัวนี้ยังไม่อยู่ในระดับที่กระทบ 

      แต่ว่าการลดระดับครั้งนี้สะท้อนอะไรที่มากกว่ามาตรฐานเฉพาะ ถ้ามองเฉพาะจุดเหมือนไม่กระทบ เพราะเราไม่มีแผนอะไรที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐ บางเที่ยวบินที่บินไปสหรัฐก็ยกเลิกไปแล้ว ในอนาคตก็ไม่มีแผนชัดเจนว่าจะเพิ่มอะไร ฉะนั้น ดูเหมือนไม่กระทบ

     ถ้ามองในภาพใหญ่หรือระยะยาว กระทบภาคธุรกิจการบินทั้งหมด มีปัญหาความไม่เชื่อมั่นว่าศักยภาพในการดำเนินการตามมาตรฐานสากล นั้นเพียงพอหรือไม่ เพราะปัญหามีมานาน มีการเรียกร้องจากภาคเอกชนให้แก้ปัญหาแต่ไม่มีการดำเนินการ

   สาเหตุของการถูกปรับลดเข้าใจว่ามาจากการทำงานของภาครัฐ ที่ขาดความจริงจัง ขาดระบบรองรับที่ดีพอ ทำให้การดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลไม่เกิดการดำเนินการอย่างจริงจัง การดำเนินการของภาครัฐอ่อนแอ เป็นปัญหาการทำงานของหน่วยงานที่กำกับดูแลไม่เรียบร้อยเพียงพอ ขาดประสิทธิภาพ

     การเพิ่มระดับน่าจะทำได้ไม่ยากมากนัก แต่รัฐบาลต้องเข้าไปดูแลอย่างจริงจังและดำเนินการแก้ไขให้เป็นระบบ เข้าใจว่าน่าจะมีปัญหาการดำเนินการระดับหน่วยงานมากกว่า ต้องเข้าไปดูแลอย่างจริงจัง ว่าจะเปลี่ยนแปลงบุคลากรมากน้อยแค่ไหน พิจารณาเรื่องมาตรการต่างๆ ที่จะดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลนั้นจะทำอย่างไร 

      เป้าหมายของเราน่าจะกลับเข้าสู่มาตรฐานเดิมให้ได้ ไม่ควรเป็นลักษณะว่ามาตรฐานที่ลดลงนั้นจำกัด ไม่กระทบ แค่นี้ไม่ได้ ต้องทำให้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น เพราะมีผลต่อธุรกิจการบินในภาพรวม

      การปรับลดมาตรฐานการบินของไทยครั้งที่ผ่านมาโดยไอเคโอ นั่นเป็นตัวสำคัญ จึงต้องมองภาพใหญ่ ทั้งเอฟเอเอกับไอเคโอก็เป็นเรื่องเดียวกัน คือการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพในหน่วยงานภาครัฐ กระทรวงคมนาคมต้องเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง เพราะกรณีไอเคโอมีมายาวนานและกระทบธุรกิจมานานพอสมควร ธุรกิจที่เกี่ยวข้องก็หวั่นไหว ไม่ต้องถึงขั้นใช้ ม.44 มันอยู่ที่กระทรวงคมนาคม ไม่ใช่ปัญหาว่ากฎหมายคุมไม่ถึง หรือไม่มีกฎหมายเพียงพอที่จะดำเนินการ แต่เป็นปัญหาการบริหารจัดการ การเอาใจใส่ของหน่วยงานย่อหย่อน

     เอฟเอเอเพิ่งลดระดับเหมือนบีบคั้นเรามากขึ้น คิดว่าเป็นปัญหาที่หน่วยงานภาครัฐขาดประสิทธิภาพในการทำงาน เป็นเรื่องที่แย่มาก เอกชนไม่ได้เป็นคนดำเนินการแต่เขาได้รับผลกระทบรุนแรง เกิดความไม่เชื่อมั่น แต่ติดที่ภาครัฐที่ไม่ดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลที่ควรจะเป็น เราพูดว่ามีภาคการท่องเที่ยวที่ใหญ่โต มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาปีละหลายสิบล้าน มีสนามบินขนาดใหญ่ แต่มาตรฐานการบินย่อหย่อน คิดว่ามันไปด้วยกันไม่ได้

    ปัญหาคือความเสี่ยงอย่างนี้ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้น หน่วยราชการมีหน้าที่ตอบสนองให้ได้มาตรฐาน เราเคยทำได้มาแล้ว แล้วทำไมวันนี้จะทำไม่ได้

ณัฐพงษ์ พัฒนพงษ์

คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

     กรณีที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ส่งผลกระทบกับการเดินทางไปสหรัฐอเมริกามากนัก เพราะปัจจุบันเรามีเส้นทางการบินที่ตรงไปที่สหรัฐอเมริกาเพียงเส้นทางการบินเดียวคือไปที่ลอสแองเจลิส ได้ยกเลิกไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา และคาดว่าอาจจะไม่มีการเพิ่มเส้นทางการบินไปสหรัฐอเมริกาโดยตรงในเร็วๆ นี้ จึงไม่น่าจะมีผลกระทบมากนัก

     แต่ที่น่าเป็นห่วงมีอยู่สองเรื่อง คือ 1.จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประเทศอื่นๆ ที่มีมาตรฐานการบินที่สูงและเข้มงวดทั้งในยุโรป และในเอเชีย อย่างญี่ปุ่น หรือเกาหลี จะสามารถยอมรับผลการประกาศลดมาตรฐานเรื่องความปลอดภัยได้หรือไม่ เพราะหากประเทศเหล่านี้ยึดตามมาตรฐานของเอฟเอเอซึ่งเป็นมาตรฐานในระดับสากล จนส่งผลให้ไม่ยอมรับและไม่เชื่อมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยก็อาจจะส่งผลทำให้ลดเส้นทางการบิน หรือไม่ให้เพิ่มเส้นทางการบินก็เป็นได้ 

     รวมไปถึงประเทศจีน ที่บรรดานักท่องเที่ยวจีนนับว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยและเป็นรายได้หลัก จะต้องทำอย่างไรให้พวกเขายังคงมีความเชื่อมั่นในมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าประเด็นเส้นทางการบินไปสหรัฐอเมริกา

     สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่ 2 คือจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อการบินภายในประเทศหรือไม่ เพราะในขณะที่ปัจจุบันการบินภายในประเทศ หากพิจารณาจากยอดของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จะพบว่ามีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ถือว่ามีอัตราการเติบโตที่สูง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะทำให้เศรษฐกิจในประเทศมีการหมุนเวียนเงินดีมาก ทำให้หลายจังหวัดก่อนหน้านี้ อาทิ เลย แพร่ น่าน ที่ไม่มีคนนึกถึงมากนัก แต่ทุกวันนี้เดินทางกันวันละสองไฟลต์ ทำให้เศรษฐกิจในประเทศหมุนเวียนดีจากการที่มีเส้นทางการบินในประเทศที่เพิ่มมากขึ้นไปจนเกือบทุกจังหวัด

   แต่กรณีที่เกิดขึ้นกังวลว่าอาจจะส่งผลให้ผู้คนสงสัยในเรื่องของความปลอดภัยและลดการเดินทางโดยเครื่องบิน ซึ่งจะส่งผลกระทบกับการกระจายและการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในประเทศในตอนนี้

     ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่จะต้องทำในอนาคตคือ ต้องปรับปรุงและพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยให้กลับไปสู่ประเภทที่หนึ่งให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นความเชื่อมั่นระหว่างประเทศและในประเทศแล้ว ยังเป็นเรื่องของความปลอดภัยของผู้ใช้บริการอีกด้วย

ประกิต สิริวัฒนเกตุ

ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทยฯ

    จะไม่มีผลกระทบมากนักต่อสายการบินของไทย เนื่องจากไม่มีสายการบินของไทยบินตรงไปยังสหรัฐ แต่จากข่าวที่ออกมาจะกดดันหุ้นของสายการบินของไทยในระยะสั้น เนื่องจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป (เอียซา) จะตัดสินกลุ่มการบินของไทยในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ 

      ตามปกติจะตัดสินตามเอฟเอเอ และหากเอียซาตัดสินใจปรับลดระดับของการบินไทยจะส่งผลกระทบต่อสายการบินของไทยรุนแรงกว่าการปรับลดของเอฟเอเอ เนื่องจาก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีรายได้จากเส้นทางยุโรป 30% และบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มีรายได้จากเส้นทางยุโรป 20% ของรายได้รวม

     แม้ทั้งสองบริษัทจะได้ชี้ให้เห็นว่า ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานไอโอเอสเอ (IOSA) ทำให้มีโอกาสน้อยลงที่จะถูกห้ามบินเข้าประเทศ และมีแผนสำรองที่จะเปลี่ยนจากสัญญาเที่ยวบินร่วมเป็นสัญญาการส่งต่อผู้โดยสาร

อิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก

ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)

    เชื่อว่า จะกระทบต่อภาพรวมเรื่องความเชื่อมั่นด้านการบินของประเทศ เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติคงน่าจะแยกแยะออกว่า แต่ละสายการบินต่างต้องสร้างมาตรฐานการบินอยู่ในระดับสากลอยู่แล้ว เพียงแค่หน่วยงานที่กำกับดูแลยังไม่มีมาตรฐานเพียงพอ ส่วนตัวเห็นว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลจะเร่งสางปัญหา ยกระดับหน่วยงานให้มีมาตรฐานระดับสากลมากยิ่งขึ้น

     ในช่วงวันที่ 10 ธันวาคม ไทยยังต้องรอลุ้นว่าสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป (เอียซา) จะประกาศลดลำดับด้วยหรือไม่ เพราะหากผลออกมาเป็นด้านลบ เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบในเชิงจิตวิทยาของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมากับสายการบินของไทยบ้าง และบางกลุ่มอาจหันไปใช้สายการบินของประเทศอื่น เพื่อเดินทางมาท่องเที่ยวไทยแทน 

    ส่วนเส้นทางบินในประเทศ ซึ่งล้วนแต่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับของไทย คงอยู่ที่การตัดสินใจของนักท่องเที่ยวว่าจะเลือกใช้บริการสายการบินใด หากสายการบินใดน่าเชื่อถือ เป็นที่รู้จัก ยอมรับ และมีมาตรฐานที่ดีอยู่แล้ว 

   คงเป็นตัวแรกที่นักท่องเที่ยวจะเลือกใช้บริการ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!