- Details
- Category: การเมือง
- Published: Saturday, 28 November 2015 12:42
- Hits: 5073
พท.บี้'โด่ง'ลาออก'บิ๊กตู่'รับ! ราชภักดิ-ใช้เงินรัฐ แต่ไม่เกี่ยวกับนายกฯ ณัฐวุฒิ-จตุพรนัดไปดู รูปหล่อ-ปาล์ม 3 แสน แฉทั้งเสธ.โตกับพตอ. หนีไปต่างประเทศแล้ว
'บิ๊กตู่' รับอุทยาน ราชภักดิ์ใช้งบฯราชการ ยันให้โดยสุจริต-ต้องไล่สอบคนเบิกไปใช้ ฮึ่มรัฐบาลต้องรับผิดชอบอะไร เปิดทางสตง. เข้ามา ตรวจสอบด้วย ถ้าพบทุจริตก็ลงโทษ- ดำเนินคดี ชี้คนสนิทอุดมเดชโยงคดีแอบอ้าง เป็นความผิดส่วนบุคคล'บิ๊กป้อม'ตั้งรองปลัดกห.สอบอีกรอบ บิ๊กต๊อกก็ยันใช้งบฯราชการ 63 ล้าน-ปรับปรุงพื้นที่ เพื่อไทยออก แถลงการณ์ จี้ 'บิ๊กโด่ง' ลาออก แสดงความ รับผิดชอบพล.ต.สุชาติ-พ.อ.คชาชาต โดนคดีแอบอ้าง ชี้นายกฯ-รมต.ต้องรับผิดชอบปมราชภักดิ์ด้วย แฉบิ๊กรัฐบาลสนิทกับเซียนพระ ด้านป.ป.ช.รอข้อมูลจากสตง. ส่วนณัฐวุฒิควงจตุพรไปอุทยานราชภักดิ์ 30 พ.ย.นี้ หวังไปดูองค์รูปหล่อ-ต้นปาล์ม 3 แสน แฉ พล.ต.-พ.ต.อ.-2พ.ต.ท.เผ่นไปนอกแล้ว
วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9131 ข่าวสดรายวัน
เพื่อไทยออกแถลงการณ์จี้ซ้ำ
เมื่อวันที่ 27 พ.ย. พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์เรื่องโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า ตามที่พรรคเพื่อไทย มีแถลงการณ์ฉบับลง วันที่ 13 พ.ย. 19 พ.ย. และ 24 พ.ย. เรียกร้องให้รัฐบาลแถลงรายละเอียดและมาตรการดำเนินการต่างๆ กรณีมีการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์ เรียกร้องให้นายกฯ และรมว.กลาโหม ซึ่งรับรู้และสนับสนุนโครงการอุทยานฯ มาตั้งแต่ต้น แสดงความรับผิดชอบและตรวจสอบหาผู้รับผิดชอบด้วยความโปร่งใส ไม่เห็นแก่ผู้ใดนั้น ต่อมาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม มีคำสั่งให้ปลัดกระทรวงกลาโหม แต่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีโครงการอุทยานฯ ทั้งที่ได้ปฏิเสธและยืนยันต่อสาธารณะมาตลอดว่า โครงการอุทยานฯไม่เกี่ยวข้องกับทางราชการและดำเนินการโดยโปร่งใส
แถลงการณ์ระบุว่า บัดนี้ได้ปรากฏ ข้อเท็จจริงสู่สาธารณะเพิ่มเติมขึ้นจากเดิม พรรคเพื่อไทยจึงเห็นเป็นความจำเป็นที่ ต้องแถลงข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ รวมทั้งเสนอข้อเรียกร้องต่อผู้รับผิดชอบดังกล่าวคือ 1.ปรากฏข้อเท็จจริงกรณีนายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่น ดิน (คตง.) เปิดเผยว่าเงินที่ใช้ในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ มีส่วนหนึ่งมาจากงบกลาง 63.57 ล้านบาท โดยผู้ที่รับผิดชอบสั่งจ่ายเงินคือ แผนกสั่งจ่ายงบประมาณ สำนักงานปลัดบัญชีกองทัพบก จึงเห็นได้ว่าโครงการอุทยานฯ ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงของนายกฯ และรมว.กลาโหมว่าโครงการอุทยานฯ ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณ
ใช้งบทำป้ายชื่อ-รั้ว-อาคารรปภ.
2.ปรากฏข้อเท็จจริงว่างบประมาณที่ได้รับการจัดสรรและดำเนินการก่อสร้าง มีราคาสูงผิดปกติ เช่น งานสร้างป้ายทางเข้า (ป้ายชื่อ) ใช้งบถึง 5,031,700 บาท งบสร้างอาคารรักษาความปลอดภัย 2,254,300 บาท งานก่อสร้างรั้วรอบบริเวณภายในอุทยานราชภักดิ์ ใช้งบถึง 9,343,500 บาท
3.ปรากฏข้อเท็จจริงว่าศาลทหารได้ออกหมายจับที่ 33/2558 และ 35/2558 ลงวันที่ 9 พ.ย. และที่ 47/2558 ลงวันที่ 25 พ.ย.ให้จับกุมดำเนินคดีกับพ.อ.คชาชาต บุญดี และพล.ต.สุชาติ พรมใหม่ สำหรับพล.ต.สุชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการมูลนิธิราชภักดิ์ ซึ่งมีพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เป็นประธานมูลนิธิ อีกทั้งเคยทำหน้าที่นายทหารฝ่ายเสนาธิการของพล.อ.อุดมเดช มาตั้งแต่ครั้งเป็นแม่ทัพกองทัพภาคที่ 1 จากนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ร.11 รอ.พล1 ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการทหารคุมหน่วยรบที่สำคัญยิ่งของ กองทัพบก
แถลงการณ์ระบุว่า ครั้นเมื่อพล.อ.อุดมเดช จะเกษียณอายุ ได้เลื่อนตำแหน่งให้กับพ.อ.สุชาติ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ อัตราพลตรี สำหรับพ.อ.คชาชาตนั้น พล.อ.อุดมเดช แต่งตั้งให้เป็นผบ.กรมทหารพรานที่ 36 ทภ.3 และจากนั้นได้ย้ายให้มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ป.11 รอ.ทภ.1 ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการทหารที่มีความสำคัญในกองทัพบกเช่นกัน สุดท้ายเมื่อพล.อ.อุดมเดช ใกล้เกษียณอายุ ได้ออก คำสั่งเลื่อนพ.อ.คชาชาต เป็นรองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 แต่เมื่อพล.อ.ธีรชัย นาควานิช มาดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. ได้ยกเลิกคำสั่งพร้อมส่งตัวพ.อ.คชาชาต กลับกองทัพภาคที่ 3 โดยเหตุนี้ทั้งพล.ต.สุชาติ และพ.อ.คชาชาต จึงเป็นนายทหารที่มีความใกล้ชิดกับพล.อ.อุดมเดช ทำหน้าที่ประหนึ่งนายทหารคนสนิท และได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่พิเศษต่างๆ มากมาย นอกเหนือจากตำแหน่งทางทหารที่ดำรงตำแหน่งอยู่ เช่น โครงการอุทยานราชภักดิ์ที่พล.ต.สุชาติถูกแต่งตั้งให้เป็นกรรมการและเลขานุการมูลนิธิราชภักดิ์
บี้'บิ๊กโด่ง'ลาออกรมช.กห.
แถลงการณ์ระบุอีกว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อสาธารณะในข้อ 1 ถึงข้อ 3 ชี้ให้เห็นว่าโครงการอุทยานฯ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของทางราชการ มีการทุจริตเกิดขึ้นอย่างชัดเจน การปฏิเสธความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาในระดับชั้นต่างๆ โดยลำดับมาจึงเป็นความบกพร่องและไม่รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น
พรรคเพื่อไทยจึงมีข้อเรียกร้องดังนี้ 1.พล.อ.อุดมเดชควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากรมช.กลาโหม เนื่องจากเมื่อพล.ต.สุชาติและพ.อ.คชาชาต ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดตามมาตรา 112 และ 113 ตลอดจนความผิดทางอาญาอื่นๆ พล.อ.อุดมเดชจึงมีความมัวหมองอย่างยิ่งที่อาจจะถูกมองว่าเกี่ยวพันกับเรื่องต่างๆ ที่กำลังถูกกล่าวหาอยู่ พล.อ.อุดมเดชในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งผบ.ร.21 และผบ.ทบ. จึงย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าเพื่อความสง่างาม เพื่อดำรงศักดิ์ศรีของกองทัพบก พล.อ.อุดมเดชไม่อาจดำรงตำแหน่งรมช.กลาโหมได้อีกต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และอดีตผบ.ทบ. พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อุดมเดช จะต้องร่วมกันตัดสินใจ
ชี้นายกฯ-รมต.ต้องรับผิดชอบ
2.เมื่อปรากฏว่ามีการใช้งบกลางของรัฐบาล และรัฐบาลมีมติครม.มอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ จึงมีความชัดเจนว่าโครงการอุทยานฯ อยู่ในความรับรู้เห็นชอบของนายกฯ และรัฐบาลมาตั้งแต่ต้น อีกทั้งยังมีภาพข่าวทางสื่อบ่งบอกว่า บุคคลสำคัญในรัฐบาลมีความสนิทสนมกับเซียนพระ ผู้รับจ้างถึงขนาดไปแสดงความยินดีเมื่อบุคคลนั้นได้รับเลือกตั้งเป็นนายกอบต. สิ่งที่แสดงออกมาโดยตลอดเกี่ยวกับโครงการอุทยานราชภักดิ์ จึงสวนทางกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มีพฤติกรรมปกปิด ปฏิเสธความรับผิดชอบ ในฐานะที่นายกฯ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติของคสช. เช่นเดียวกับรมว.และรมช.กลาโหม พรรคเพื่อไทยจึงเรียกร้องให้ นายกฯ รับผิดชอบกับกรณีดังกล่าว ในฐานะที่รัฐบาลมีนโยบายสำคัญที่แถลงต่อสาธารณะว่าจะปกป้องสถาบัน และจะป้องกันปราบปรามการทุจริต นอกจากนั้นรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งปวงจะต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้น
3.เมื่อมีพฤติการณ์ว่าทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น มีการแสวงหาประโยชน์จากโครงการ ย่อมเป็นอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. สตง. ตร. กรมสอบสวนคดีพิเศษ ปปง. จะต้องเข้า มาตรวจสอบโดยพลัน ทั้งนี้ การที่รมว.กลาโหมมีคำสั่งให้ปลัดกระทรวงกลาโหม แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ย่อมมีปัญหาในทางหลักการว่าจะเป็นการสอบสวนด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม ปราศจากการแทรกแซงใดๆ และจะเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่ ที่ถูกต้องควร มอบหมายหน่วยงานที่มีหน้าที่และความ รับผิดชอบโดยตรงให้เข้ามาตรวจสอบ จึงจะมีความถูกต้องและเป็นที่ยอมรับได้มากกว่า
ณัฐวุฒิ ควง จตุพรไปอุทยาน
วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขา ธิการนปช. กล่าวว่า ในวันที่ 30 พ.ย. ตนจะชวนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. เดินทางไปยังอุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบ คีรีขันธ์ เพื่อสัมผัสความจริงจากสถานที่จริงว่ามีสภาพเช่นไร จะไปสังเกตการณ์องค์รูปหล่อที่ก่อสร้างด้วยงบประมาณที่หักหัวคิวแล้ว ไปดูต้นปาล์มที่ได้รับบริจาคฟรีแต่มีราคาต้นละ 3 แสนบาท รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ที่สังคมคลางแคลงสงสัย
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ยืนยันว่าเป็นการทำหน้าที่ในฐานะคนไทย ที่จะไม่ยินยอมให้โครงการมหามงคลของแผ่นดิน ต้องแปดเปื้อนมลทินการทุจริต ไม่มีการเคลื่อนขบวนมวลชน หรือทำกิจกรรมใดให้เกิดความวุ่นวายต่อสถานที่ เมื่อสังเกตการณ์ทุกอย่างเรียบร้อยจะกลับทันที หวังว่ารัฐบาลจะไม่ขัดขวาง หรือใช้อำนาจใดๆ ปิดกั้นการเดินทางไปครั้งนี้
'บิ๊กตู่'รับราชภักดิ์-ใช้งบรัฐ
ที่สำนักงบประมาณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้พล.อ.อุดมเดช ลาออกว่า ราชภักดิ์เป็นโครงการมีประโยชน์ต่อแผ่นดิน มีเจตนาดี แต่มีส่วนหนึ่งเอาไปหาประโยชน์ อย่าไปตกเป็นเครื่องมือเขา ซึ่งตนก็มีลงโทษ ทั้งทางวินัย ถอดยศและยึดเครื่องราชย์ ส่วนทางอาญาก็ออกหมายจับ กฎหมายก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่จะเลวไปทั้งหมด
ส่วนที่สตง.ตรวจสอบพบการเบิกจ่ายงบกลางไปใช้ในโครงการ นายกฯ กล่าวว่า หน้าที่ของรัฐบาล งบกลางที่ขอมามีหลายหน่วยงาน ซึ่งส่วนนั้นเป็นงบฯกลาโหมที่ขอขึ้นมา เป็นโครงการของกองทัพบก ส่วนจะไปใช้อะไรไปดูตรงโน้น ก็ตรวจสอบกันมา ถ้ามีการตรวจสอบการใช้งบฯตรวจบัญชีแล้วตรง ก็โอเค แต่ไอ้ที่โกงกันไปก็ต้องไปหากันต่อ จะทำยังไงกับ 2-3 คนที่หนีๆ พูดกันอยู่ ไปหามาซิ ก็คือส่วนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ นายกฯ ย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า "รับผิดชอบเรื่องอะไร ไหนตอบมาซิ ปัดโธ่ และรัฐบาลนั้นรับผิดชอบไหม โครงการ จำนำข้าว ก็ถามกันแบบนี้ เขามีหน่วยงานไม่รู้เท่าไร มีรองนายกฯ รัฐมนตรี อธิบดี ผอ.หน่วยงาน ก็ไปไล่สอบมา รัฐบาลต้อง รับผิดชอบในทางนโยบาย ซึ่งก็ให้ไปแล้ว และผมให้ก็ด้วยความสุจริต ไม่ได้ทำผิดอะไร ให้ถูกตามระเบียบถูกตามงบประมาณหรือเปล่า ถ้าผมให้ถูกระเบียบต้องรับผิดชอบอะไร คนรับผิดชอบคือคนที่เบิกผมไป ซึ่งเขาก็ตรวจแล้วให้ไปไล่ดู อย่ามาโยงกันแบบนี้ คนละเรื่อง ไอ้จำนำข้าวใครรับผิดชอบ ถามซิ นายกฯ เหรอ ไม่ใช่ ต้องคณะกรรมการนโยบายจำนำข้าวที่ต้องรับผิดชอบ ใครละเป็นประธาน"
เปิดทางสตง.ตรวจสอบ
เมื่อถามว่า ห่วงว่าฝ่ายตรงข้ามจะนำประเด็นเหล่านี้ มาทำลายศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า คุณจะไปขยายความให้เขาทำไม ตนไปทำแล้วกี่หมื่นอย่าง ทำไปเป็นแสนอย่างแล้ว เรื่องตรงนี้ก็มาขยายกันอยู่ได้ ให้ไปสอบก็จบ ใครติดคุกก็ติดไปเถอะ ตนไม่ได้ไปช่วยเขา ถ้ายังขยายความแบบนี้ กระบวนการยุติธรรมก็เสียหาย
เมื่อถามว่า ถ้าสตง.เข้ามาตรวจสอบจะมีปัญหาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่เคยห้าม ก็ตรวจสอบของเขาไปตามระบบราชการ ใครจะตรวจสอบก็ตรวจสอบมา ซึ่งก่อนตรวจสอบจะทำเรื่องมาก่อน แล้วเราก็ทำเรื่องชี้แจงไป แล้วตรวจสอบหลักฐาน ถ้าไม่มีอะไรเขาก็ไม่ตรวจสอบ ถ้าเจอคนผิดก็ลงโทษทางวินัย ไล่ออกและปลดออก ถ้าเป็นคดีอาญาก็ดำเนินการตามปกติว่ากันไป ไม่ว่าจะโครงการอะไร มูลค่าเท่าไรใช้กฎหมายเดียวกัน ไม่ใช่ว่าตนเป็นคสช.แล้วจะมาปกป้องทหาร
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ นายกฯ กล่าวขึ้นทันทีที่ยังถามคำถามไม่จบว่า'พรรคอะไรไม่รู้ ผมไม่สนใจ' จากนั้นย้อนถามผู้สื่อข่าวพรรคอะไรนะ เมื่อผู้สื่อข่าวตอบว่าพรรคเพื่อไทย นายกฯ กล่าวตอบอย่างเสียงดัง 'ผมไม่รู้จัก ไม่สนใจ' และกล่าวอีกว่า "ท่านต้องฟังผม ไม่ใช่เอาคำถามที่เขาพูดมาแล้วมาถาม ไปถามคนพูดว่าพูดมาทำไม ไปต่อสู้ให้ตนบ้าง นายกฯ ทำแบบนี้ ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ไปแก้เรื่องผมกับเขา ไม่ใช่เอาสิ่งที่เขาพูดมาโจมตีผม สนุกกันนักหรือไง พูดกันกี่ทีแล้ว ผมไม่สนใจ ก็เลือกตั้งเข้ามาแล้วกัน เลือกเขาใช่ไหม ก็เลือกมาซิ"
เมื่อถามว่าคนที่ถูกออกหมายจับเป็นคนใกล้ชิดพล.อ.อุดมเดช นายกฯ กล่าวว่า ต้องแยกออกจากกัน คนใกล้ชิดทำผิดใช่ไหม ถ้าไม่งั้นต่อไปคนใกล้ชิดทำผิดก็ต้องลาออกไปให้หมด คนในกระทรวง ลูกน้องทำผิดแล้วต้องลาออกอย่างนั้นเหรอ
บิ๊กป้อมตั้งรองปลัดกห.สอบ
ที่กองบิน 1 จ.นครราชสีมา พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์อีกรอบว่า ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวแล้ว มีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นประธานกรรมการตรวจสอบ ซึ่งกรรมการชุดนี้จะสืบหาข้อเท็จจริงคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา นอกจากนี้ ยังมีหลายฝ่ายร่วมกันสืบหาข้อเท็จจริง ทั้งป.ป.ช.และสตง.
"คณะกรรมการที่ทางกระทรวงกลาโหมแต่งตั้งขึ้นมานั้น จะทำหน้าที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงโดยจะขอดูข้อมูลต่อจากกองทัพบกที่ได้สืบหาข้อมูลมาก่อนหน้านี้ อยากให้เข้าใจว่าการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์นั้นเคลียร์หมดแล้ว แต่ตอนนี้จะตรวจสอบในเเง่ตัวบุคคล ซึ่งกรรมการที่ตั้งขึ้นมาไม่ได้ตรวจสอบเพื่อลงโทษเพราะมีหน่วยงานภายนอกตรวจสอบอยู่แล้ว แต่หากพบว่าไม่ถูกต้องก็จะส่งให้ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป" พล.อ. ประวิตรกล่าว
คกก.สอบเป็นทหารยกชุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ต้องเข้าให้ข้อมูลเพื่อสร้างความกระจ่างหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ต้องว่ากันไป เมื่อถามว่าผลการสอบสวนของกรรมการที่กระทรวงกลาโหมแต่งตั้งขึ้นจะเสร็จเมื่อใด พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่ทราบต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบกันก่อน อย่ารีบขอให้ใจเย็นๆ คิดว่าเรื่องนี้ควรจะจบได้แล้ว เพราะครั้งหน้าตนจะไม่ตอบคำถามเรื่องนี้อีก และจะตอบวันนี้เป็นวันสุดท้าย
เมื่อถามว่า มีข่าวว่ารัฐบาลอนุมัติงบประมาณกลางเพื่อสร้างอุทยานราชภักดิ์จริงหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า งบประมาณกลางมีไว้เพื่อสนับสนุนทุกหน่วยงานที่มีปัญหา แต่ตรงนี้อาจไม่เข้าไปอยู่ในส่วนอุทยานราชภักดิ์ เพราะพื้นที่ดังกล่าวจัดสร้างในกองทัพบก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตรลงนามในคำสั่งกระทรวงกลาโหม(เฉพาะ) ที่ 442/58 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบ ข้อเท็จจริงการดำเนินโครงการก่อสร้าง อุทยานราชภักดิ์ โดยมีทั้งหมด 9 คน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล เป็นประธาน พล.อ.วิสุทธิ์ นาเงิน พล.ร.อ.กฤษฎา เจริญ พานิช พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ พล.ท.สุวโรจน์ ทิพย์มงคล พล.ต.กิตติศักดิ์ บุญสุข เป็นกรรมการ พล.ต.พนมเทพ เวสารัชชนันท์ เป็นกรรมการและเลขานุการ พ.อ.ธานินทร์ ทุนทุสวัสดิ์ และพ.อ.มานะ กิ่งเพชร เป็น ผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ 1.รวบรวมพยานหลักฐาน เรียกเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากส่วนราชการ หรือเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำ 2.ดำเนินการสอบหาข้อเท็จจริงในการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ 3.สรุปสำนวนพร้อมความเห็นแล้วรายงานผลให้รมว.กลาโหมทราบ
บิ๊กต๊อกก็ยันใช้งบ 63 ล้าน
ที่กระทรวงยุติธรรม(ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า ได้เรียกศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) มาพูดคุยบ้างแล้ว ซึ่งศอตช.มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้คือสตง. ป.ป.ช. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ซึ่งตนไม่ได้สั่งการอะไร เพียงแต่สอบถามว่าศอตช.เข้าไปดำเนินการตรวจสอบในเรื่องใดบ้าง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานตามปกติ แต่ยังไม่มีอะไร
"คำว่าไม่มีอะไรคือ เรื่องลักษณะนี้กระทรวงทบวงกรมอะไรต่างๆ ก็ทำงานตามปกติ ซึ่งต้องรอตรวจสอบให้เสร็จสิ้นก่อน แต่ยังไม่ได้รายงานผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าล่าสุดสตง.ออกมาระบุว่ามีการใช้งบประมาณของทางราชการด้วย พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ยืนยันว่ามี คือใช้งบกลาง 63.57 ล้านบาท
เมื่อถามว่า แต่ผบ.ทบ.แถลงข่าวก่อนหน้านี้ว่าไม่ได้ใช้งบประมาณทางราชการ พล.อ. ไพบูลย์กล่าวว่า "ผมไม่มั่นใจ จึงไม่อยากตอบคำถาม แต่เท่าที่จำได้ เพราะผมไม่ได้เข้าไปทำเรื่องพวกนี้ว่าการของบ 65 ล้านบาท และได้ 63 ล้านบาทนั้น เป็นงบประมาณการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ไม่ใช่หรือ เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งเราสามารถเข้าไปดูได้ว่าการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ก่อนการดำเนินการก่อสร้างน่าจะใช่งบประมาณนี้ถูกต้องอย่างไร และอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งผบ.ทบ.ก็อาจหมายถึงส่วนนี้หรือไม่อย่างไร แต่ส่วนที่ปรับปรุงพื้นที่เสร็จแล้วและไปก่อสร้างน่าจะเป็นการใช้งบบริจาค"
ป.ป.ช.รอข้อมูลจากสตง.
วันเดียวกัน นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. เปิดเผยถึงกรณีสตง.ตรวจพบเงินที่ใช้ก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ส่วนหนึ่งเป็นงบกลาง 63.57 ล้านบาท โดยมีกรมยุทธโยธาทหารบก สั่งจ่ายเงิน ว่าเรื่องนี้ป.ป.ช.เข้าใจว่าสังคมคาดหวังให้ตรวจสอบ หากเป็นเรื่องการทุจริต ป.ป.ช.ได้ประสาน กับสตง.มาตลอด และหากตรวจพบว่า มีการทุจริต สตง.ต้องส่งเรื่องมาให้ป.ป.ช. พิจารณา เพื่อดำเนินการอยู่แล้ว
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ในเรื่องนี้ยังต้องรอสตง.ตรวจสอบต่อไปอีก ว่าเมื่อเบิกเงินจากงบกลางมาแล้ว ผู้เกี่ยวข้องได้นำเงิน ดังกล่าวไปใช้อย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ถ้าใช้อย่างไม่ถูกต้องหรือทุจริต สตง.ต้องส่งเรื่องมาให้ป.ป.ช. ดำเนินการ และหากใครที่มีข้อมูลเรื่องนี้ แล้วเห็นว่าการดำเนินการอาจส่อทุจริต ก็สามารถร้องเรียนมายังป.ป.ช.ได้เช่นเดียวกัน
'พล.ต.-พ.ต.อ.'เผ่นนอก
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต. ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.สยศ.ตร. หนึ่งในชุดสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง มาตรา 112 กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีเครือข่ายนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง จำนวน 5 สำนวนว่า ตอนนี้ได้ส่งไปยังคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ที่มีพล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา ที่ปรึกษา(สบ.10) เป็นหัวหน้าชุด ขณะนี้อยู่ระหว่างรอพล.ต.อ. สุเทพประชุมสรุปสำนวน คาดว่าวันนี้จะสรุปสำนวน พร้อมส่งให้พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ลงนามตามขั้นตอนก่อนส่งอัยการศาลทหารต่อไป
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวอีกว่า ขณะที่สำนวนคดีแอบอ้างสถาบันที่เหลืออีก 7 สำนวน คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้กองคดีอาญา สำนักกฎหมายและคดี ตร. ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ แต่หากมีพลเรือน ตำรวจ หรือทหารเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันก็จะออกหมายจับตามกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการติดตามตัวพล.ต.สุชาติ พรมใหม่ หรือเสธ.โต อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร อดีตผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา อดีตรองผกก.2 บก.ป และพ.ต.ท.จีรวัฎฐ์ บุญวัฒนาภรณ์ อดีตสว.ส.ทล.2 กก.1 บก.ทล. กลุ่มผู้ต้องหาคดีแอบอ้างเบื้องสูง มาดำเนินคดี โดยแนวทางการสืบสวนมีรายงานที่เชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องหาไม่น่าอยู่ในประเทศไทยแล้ว อาจเดินทางหลบหนีผ่านช่องทางธรรมชาติ ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างลงพื้นที่ตามแนวชายแดน และด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อหาเบาะแสของกลุ่มผู้ต้องหาและตรวจสอบ ข้อเท็จจริง
ในส่วนของนายศุกร์โข ตามเสรี ผู้ต้องหาในคดีที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้นั้น พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานว่าจะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีก หรือไม่
ให้บิ๊กโด่งไขก๊อก'รมช.กห.''เพื่อไทย'จี้ รับผิดชอบคนสนิทหมิ่น ปชป.โพสต์ต้องเสียสละ ชี้จริยธรรมอยู่เหนือกม. ตั้ง'บิ๊กช้าง'นั่งปธ.สอบ ต๊อกสั่งคุ้ยปมราชภักดิ์
'เพื่อไทย-ปชป.'รุก'บิ๊กโด่ง'ทิ้งเก้าอี้'รมช.กห.' ได้ทีอ้างคนสนิท'เสธ.โจ้-ผู้การโต'ถูกหมายจับหมิ่นเบื้องสูง
'บิ๊กป้อม'ตั้ง'บิ๊กช้าง'สอบราชภักดิ์
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน ที่กองบิน 1 จ.นครราชสีมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้ากระทรวงกลาโหมมอบหมายให้ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวแล้ว โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานกรรมการตรวจสอบ กรรมการชุดนี้จะสืบหาข้อเท็จจริง คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา นอกจากนี้ยังมีหลายฝ่ายร่วมกันสืบหาข้อเท็จจริง ทั้งทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการที่ทางกระทรวงกลาโหมแต่งตั้งขึ้นมานั้นจะทำหน้าที่สืบสวนหาข้อเท็จจริง โดยจะขอดูข้อมูลต่อจากกองทัพบกที่ได้สืบหาข้อมูลมาก่อนหน้านี้ ซึ่งอยากให้เข้าใจว่าการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์นั้นเคลียร์หมดแล้ว แต่ในตอนนี้จะตรวจสอบในเเง่ตัวบุคคล ซึ่งกรรมการที่ตั้งขึ้นมาไม่ได้ตรวจสอบเพื่อลงโทษเพราะมีหน่วยงานภายนอกตรวจสอบอยู่แล้ว แต่หากพบว่าไม่ถูกต้องก็จะส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป
โยนกก.สอบ-ขอตอบครั้งสุดท้าย
เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม จะต้องมาให้ข้อมูลเพื่อสร้างความกระจ่างหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ ต้องว่ากันไป เมื่อถามต่อว่า ผลสืบสวนของกรรมการที่ทางกระทรวงกลาโหมแต่งตั้งขึ้นมานั้นจะเสร็จเมื่อใด พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ยังไม่ทราบ ต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบกันก่อน อย่ารีบ ขอให้ใจเย็นๆ ผมคิดว่าเรื่องนี้มันควรจะจบได้แล้ว เพราะครั้งหน้าผมจะไม่ตอบคำถามเรื่องนี้อีก และจะตอบวันนี้วันสุดท้าย"
เมื่อถามว่า มีข่าวว่าทางรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณกลางเพื่อสร้างอุทยานราชภักดิ์นั้นจริงหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า งบประมาณกลางมีไว้เพื่อสนับสนุนทุกหน่วยงานที่มีปัญหา แต่ตรงนี้อาจไม่เข้าไปอยู่ในส่วนอุทยานราชภักดิ์ เพราะพื้นที่ดังกล่าวจัดสร้างในกองทัพบก
เปิดตัว 9 กรรมการสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตรลงนามคำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 442/58 แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ดังนี้ 1.พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานกรรมการ 2.พล.อ.วิสุทธิ์ นาเงิน 3.พล.ร.อ.กฤษฎา เจริญพานิช 4.พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ 5.พล.ท.สุวโรจน์ ทิพย์มงคล 6.พล.ต.กิตติศักดิ์ บุญสุข เป็นกรรมการ 7.พล.ต.พนมเทพ เวสารัชชนันท์ กรรมการและเลขานุการ 8.พ.อ.ธานินทร์ ทุนทุสวัสดิ์ ผู้ช่วยเลขานุการ และ 9.พ.อ.มานะ กิ่งเพชร ผู้ช่วยเลขานุการ โดยคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานเรียกเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากส่วนราชการ บุคคล ตลอดจนเรียกบุคคลให้มาให้ถ้อยคำ พร้อมดำเนินการสอบหาข้อเท็จจริงในการก่อสร้างตามโครงการอุทยานราชภักดิ์ และสรุปสำนวนความเห็นแล้วส่งรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
'พท.'ได้ทีไล่บี้ปมใช้งบกลาง 63 ล.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง โครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่า 1.ปรากฏข้อเท็จจริงกรณีนายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เปิดเผยว่า เงินที่ใช้ในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์มีส่วนหนึ่งมาจากงบกลาง จำนวน 63.57 ล้านบาท โดยผู้ที่รับผิดชอบในการสั่งจ่ายเงินคือแผนกสั่งจ่ายงบประมาณ สำนักงานปลัดบัญชีกองทัพบก จึงเห็นได้ว่าโครงการอุทยานราชภักดิ์ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าโครงการอุทยานราชภักดิ์ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินแต่อย่างใด 2.ปรากฏข้อเท็จจริงว่างบประมาณที่ได้รับการจัดสรรและดำเนินการก่อสร้างมีราคาสูงผิดปกติ เช่น งานสร้างป้ายทางเข้า (ป้ายชื่อ) ใช้งบประมาณถึง 5,031,700 บาท งบประมาณสร้างอาคารรักษาความปลอดภัย 2,254,300 บาท งานก่อสร้างรั้วรอบบริเวณภายในอุทยานราชภักดิ์ ใช้งบประมาณถึง 9,343,500 บาท เป็นต้น
ชี้'โจ้-ผู้การโต'คนสนิท'บิ๊กโด่ง'
แถลงการณ์พรรค พท.ระบุว่า 3.ปรากฏข้อเท็จจริงว่าศาลทหารได้ออกหมายจับนายคชาชาต บุญดี และ พล.ต.สุชาติ พรมใหม่ สำหรับ พล.ต.สุชาตินั้นเป็นกรรมการและเลขานุการมูลนิธิราชภักดิ์ ซึ่งมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ. เป็นประธานมูลนิธิ อีกทั้งเคยทำหน้าที่นายทหารฝ่ายเสนาธิการของ พล.อ.อุดมเดชมาตั้งแต่ครั้งเป็นแม่ทัพกองทัพภาคที่ 1 จากนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ร.11 รอ. เป็นตำแหน่งทางการทหาร คุมหน่วยรบที่สำคัญยิ่งของกองทัพบก และครั้นเมื่อ พล.อ.อุดมเดชกำลังจะเกษียณอายุ ก็ได้เลื่อนตำแหน่งให้กับ พ.อ.สุชาติ พรมใหม่ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ อัตรา พล.ต. โดยเหตุนี้ทั้ง พล.ต.สุชาติและ พ.อ.คชาชาตจึงเป็นนายทหารที่มีความใกล้ชิดกับ พล.อ.อุดมเดช ทำหน้าที่ประหนึ่งนายทหารคนสนิท และได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่พิเศษต่างๆ มากมายนอกเหนือจากตำแหน่งทางทหารที่ดำรงตำแหน่งอยู่ เช่น โครงการอุทยานราชภักดิ์ ที่ พล.ต.สุชาติถูกแต่งตั้งให้เป็นกรรมการและเลขานุการมูลนิธิราชภักดิ์
จี้'อุดมเดช'ทิ้งเก้าอี้'รมช.กห.'
แถลงการณ์ระบุอีกว่า พรรค พท.เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อสาธารณะเพิ่มเติมดังที่กล่าวมาในข้อ 1 ถึงข้อ 3 ชี้ให้เห็นว่าโครงการอุทยานราชภักดิ์ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของทางราชการมีการทุจริตเกิดขึ้นอย่างชัดเจน การปฏิเสธความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาในระดับชั้นต่างๆ โดยลำดับมาจึงเป็นความบกพร่องและไม่รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น พท.จึงมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้ 1.พล.อ.อุดมเดชควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อ พล.ต.สุชาติและ พ.อ.คชาชาตถูกกล่าวหาว่ามีความผิดตามมาตรา 112 และ 113 ตลอดจนความผิดทางอาญาอื่นๆ พล.อ.อุดมเดชจึงมีความมัวหมองอย่างยิ่งที่อาจจะถูกมองว่าเกี่ยวพันกับเรื่องต่างๆ ที่กำลังถูกกล่าวหาอยู่ พล.อ.อุดมเดชจึงย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าเพื่อความสง่างาม เพื่อดำรงศักดิ์ศรีของกองทัพบก และเพื่อรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ พล.อ.อุดมเดชไม่อาจดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมได้อีกต่อไปแม้แต่น้อย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและอดีต ผบ.ทบ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีต ผบ.ทบ. และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและอดีต ผบ.ทบ. จะต้องร่วมกันตัดสินใจเพื่อดำรงไว้ซึ่งความจงรักภักดีของกองทัพบกที่มีต่อสถาบันอย่างหาที่สุดมิได้ให้จนได้
ร้อง'บิ๊กตู่'ร่วมรับผิดชอบด้วย
แถลงการณ์พรรค พท.ระบุว่า 2.เมื่อปรากฏว่ามีการใช้งบกลางของรัฐบาล และรัฐบาลมีมติ ครม.มอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ จึงมีความชัดเจนว่าโครงการอุทยานราชภักดิ์อยู่ในความรับรู้เห็นชอบของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมาตั้งแต่ต้น สิ่งที่นายกฯแสดงออกมาโดยตลอดเกี่ยวกับโครงการอุทยานราชภักดิ์จึงสวนทางกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มีพฤติกรรมปกปิด ปฏิเสธความรับผิดชอบ ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งประธานกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติของ คสช. เช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พรรค พท.จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบกับกรณีดังกล่าว ในฐานะที่รัฐบาลมีนโยบายสำคัญที่แถลงต่อสาธารณะว่าจะปกป้องสถาบันฯ และจะป้องกันปราบปรามการทุจริต นอกจากนั้น รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งปวง จะต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้น
เปิดทางหน่วยงานอื่นร่วมสอบ
แถลงการณ์พรรค พท.ระบุด้วยว่า 3.เมื่อมีพฤติการณ์ว่ามีการทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น มีการแสวงหาประโยชน์จากโครงการ ย่อมเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช., สตง., ส.ต.ช., กรมสอบสวนคดีพิเศษ, ปปง. ที่จะต้องเข้ามาตรวจสอบโดยพลัน ทั้งนี้ การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งให้ปลัดกระทรวงกลาโหมแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ย่อมมีปัญหาในทางหลักการว่าจะเป็นการสอบสวนด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม ปราศจากการแทรกแซงใดๆ และจะเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่ ที่ถูกต้องควรมอบหมายหน่วยงานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงให้เข้ามาตรวจสอบ จึงจะมีความถูกต้องและเป็นที่ยอมรับได้มากกว่า
'เต้น'ชวน'ตู่'ดูราชภักดิ์ 30 พ.ย.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน จะชวนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. เดินทางไปยังอุทยานราชภักดิ์เพื่อสัมผัสความจริงจากสถานที่จริงว่ามีสภาพเช่นไร จะไปสังเกตการณ์องค์รูปหล่อที่ก่อสร้างด้วยงบประมาณที่หักหัวคิวแล้ว ไปดูต้นปาล์มที่ได้รับบริจาคฟรีแต่มีราคาต้นละ 300,000 บาท รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ที่สังคมคลางแคลงสงสัย ทั้งนี้ ยืนยันว่าเป็นการทำหน้าที่ในฐานะคนไทยที่จะไม่ยินยอมให้โครงการแปดเปื้อนมลทินการทุจริต ไม่มีการเคลื่อนขบวนมวลชนหรือทำกิจกรรมใดให้เกิดความวุ่นวายต่อสถานที่ เมื่อสังเกตการณ์ทุกอย่างเรียบร้อยก็จะกลับทันที ดังนั้น หวังว่ารัฐบาลจะไม่ขัดขวางหรือใช้อำนาจใดๆ ปิดกั้นการเดินทางไปครั้งนี้
'ปชป.'จี้'อุดมเดช'ลาออกรมต.
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า พล.อ.อุดมเดชควรเสียสละด้วยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และประธานมูลนิธิราชภักดิ์ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของรัฐบาล และเพื่อเป็นตัวอย่างการเมืองที่ดีในยุคปฏิรูป หากลาออกจากตำแหน่งก็จะทำให้พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงไม่มีสิทธิมาเรียกร้องให้ลาออกอีกต่อไป นอกจากนี้เมื่อลาออกแล้ว สื่อมวลชนก็ควรหยุดวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ และรอผลสอบจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น ป.ป.ช. สตง. เป็นต้น ถ้าเป็นทหารต้องดำเนินการอย่างจริงจังเด็ดขาด ไม่เลือกปฏิบัติ
"ผมคิดเห็นอย่างหวังดีและบริสุทธิ์ใจ ถ้ายังอยากให้น้ำหนักนายกรัฐมนตรีในเรื่องปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นยังมีพลังต่อไป ซึ่งส่วนตัวประทับใจในตัว พล.อ.อุดมเดช ในการทำงานและอัธยาศัยที่ดี แต่ต้องแยกให้ออกระหว่างเรื่องบ้านเมืองกับความรับผิดชอบที่มีจริยธรรมเหนือกฎหมาย ขอให้เชื่อผม เพื่อประเทศเรา ผมยังสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ให้เดินตามโรดแมปต่อไป" นายสาธิตระบุ
'บิ๊กตู่'ขออย่าตกเป็นเครื่องมือ
ที่ห้องประชุม ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ สำนักงบประมาณ ถนนพระราม 6 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2559 กรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์เรียกร้อง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รับผิดชอบการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ด้วยการลาออกว่า ราชภักดิ์เป็นโครงการมีประโยชน์ต่อแผ่นดิน มีเจตนาดี แต่มีส่วนหนึ่งเอาไปหาประโยชน์ ซึ่งมีการลงโทษทั้งทางวินัย ถอดยศ ยึดเครื่องราช ส่วนทางอาญาก็ออกหมายจับ ทำตามกระบวนการทุกอย่าง ไม่ใช่จะเลวไปทั้งหมด
เมื่อถามว่า ส่วนที่ สตง.ตรวจสอบว่ามีการเบิกจ่ายงบกลางไปใช้ในโครงการ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หน้าที่ของรัฐบาล งบกลางที่ขอมามีหลายหน่วยงาน ซึ่งส่วนนั้นเป็นงบกลาโหมที่ขอขึ้นมา เป็นโครงการของกองทัพบก ส่วนจะไปใช้อะไรก็ตรวจสอบกันมา ถ้าตรวจสอบการใช้งบตรวจบัญชีแล้วมันตรง มันก็โอเค แต่ที่โกงกันไปก็ต้องไปหากันต่อ จะทำอย่างไรกับ 2-3 คนที่มันหนี พูดกันอยู่ได้ ไปหามา มันก็คือส่วนหนึ่งเท่านั้น
ย้อนทำถูกทำไมต้องรับผิดชอบ
เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "รับผิดชอบเรื่องอะไร ไหนตอบมาซิ ปัดโธ่ รัฐบาลนั้นรับผิดชอบไหมโครงการจำนำข้าว มีหน่วยงานไม่รู้เท่าไร มีรองนายกฯ รัฐมนตรี อธิบดี ผอ.หน่วยงาน ก็ไปไล่สอบมา รัฐบาลต้องรับผิดชอบในทางนโยบาย ก็ได้ให้ไปแล้ว ผมไม่ได้ทำผิดอะไร ทำถูกตามระเบียบถูกตามงบประมาณหรือเปล่า ถ้าทำถูกระเบียบต้องรับผิดชอบอะไร คนรับผิดชอบคือคนที่เบิกผมไป ให้ไปไล่ดู อย่ามาโยงกันแบบนี้ มันคนละเรื่อง เพราะฉะนั้นอย่าเอาไปพันกัน การทำทุกอย่างมันต้องมีปัญหา เพราะเราเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะทหาร ตำรวจหรือประชาชน ก็มีปัญหาทั้งนั้น ให้กลไกที่มีทำไป ทำไมต้องมาแบ่งฝ่าย ผมไม่ใช่ฝ่ายใครทั้งนั้น ผมคือฝ่ายคน 70 กว่าล้านคน ยกเว้นไอ้คนไม่ดี ผมไม่ใช่ศัตรูใคร ไปเป็นศัตรูกฎหมายโน้น"
แจงต้องแยกแยะคนถูกคนผิด
เมื่อถามว่า คนที่ถูกออกหมายจับเป็นคนใกล้ชิด พล.อ.อุดมเดช พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ต้องแยกออกจากกัน คนใกล้ชิดทำผิดใช่ไหม ถ้าไม่อย่างนั้นต่อไปคนใกล้ชิดทำผิดก็ต้องลาออกไปให้หมด คนในกระทรวง ลูกน้องทำผิด แล้วต้องลาออกอย่างนั้นเหรอ เขามีกฎหมายอยู่ จะมาบอกเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองเหรอ ก็เอาไปคิดกัน จะผิดจะถูกเขาคิดกันอยู่ มีวิจารณญาณของเขาเอง คนที่เคยอยู่การเมืองแล้วไม่รับผิดชอบ ทำไมไม่ไล่เขา เคยถามเขาแบบนี้หรือเปล่า พอถามแล้วตอบว่าไง ไปแล้วค่ะ"
บิ๊กต๊อกเผย'ศอตช.'ร่วมเช็กด้วย
ที่กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า ได้เรียกศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) มาพูดคุยบ้างแล้ว ศอตช.มีหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้
คือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตนไม่ได้สั่งการอะไร เพียงแต่สอบถามว่า ศอตช.เข้าไปตรวจสอบเรื่องใดบ้าง ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็รายงานตามปกติ แต่ยังไม่มีอะไร
คำว่าไม่มีอะไรคือ เรื่องลักษณะนี้กระทรวง ทบวง กรม ทำงานตามปกติ ต้องรอให้ตรวจสอบเสร็จสิ้นก่อน การตรวจสอบเหมือนกับกรณีมีเหตุทุจริตเกิดขึ้นในกระทรวงอื่นๆ
ชี้อย่าเอาคดี 112 กับทุจริตโยงกัน
เมื่อถามว่า สตง.ระบุว่ามีการใช้งบประมาณแผ่นดิน พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ยืนยันว่ามี คือมีการใช้งบกลาง 63.57 ล้านบาท เป็นงบประมาณการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ สามารถเข้าไปดูได้ว่าการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ก่อนการดำเนินการก่อสร้าง น่าจะใช้งบประมาณนี้ถูกต้องอย่างไร แต่ส่วนที่ปรับปรุงพื้นที่เสร็จแล้วและไปก่อสร้างน่าจะเป็นการใช้งบบริจาค ขอเรียนประชาชนว่า ศอตช.ทำตามหน้าที่ การดำเนินการมีผู้ผิดถูก ต้องให้เวลา การตรวจสอบต้องรอบคอบ และอยากให้ประชาชนแยกแยะคือประเด็นของคดีมาตรา 112 กับประเด็นการทุจริต เป็นคนละเรื่องกัน เรื่องทุจริตหรือที่คาดการณ์ว่าจะมีการใช้เงินไม่ถูกต้องนั้น เป็นเรื่องของหน่วยงาน แต่เรื่องของตัวบุคคลที่กระทำผิดมาตรา 112 เป็นความผิดของคนที่ไปใช้ แต่บังเอิญเป็นเรื่องของอุทยานราชภักดิ์เข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย คนที่ออกมาพูดหรือแสดงความคิดเห็นจากฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ ต้องแยกแยะเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ ทั้งนี้ ศอตช.จะตรวจสอบการใช้งบประมาณ ไม่เกี่ยวข้องกับคดี 112 แต่คนที่เกี่ยวข้องเป็นคนกลุ่มเดียวกันเชื่อมโยงกัน ดังนั้น จึงขอให้แยกออกจากกัน
จวกการเมืองยกเป็นเรื่องพิเศษ
"มีกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งเอาเรื่องนี้และไปพันกัน รัฐบาลนี้พยายามทำเรื่องการทุจริตให้หมดไป แต่ผมพูดเสมอว่าไม่สามารถหมดไปได้เร็วภายใน 1-2 ปีนี้ การทุจริตมันมีอยู่ทุกกระทรวง ทบวง กรม ไม่มีใครนำไปเขียน แต่เรื่องนี้มันไปผูกพันกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผูกพันกับทหาร และผูกพันคนในรัฐบาล พวกท่านก็นำไปเขียนกัน สร้างความถูกต้องของระบบการตรวจสอบหรือไม่ ผมมองว่าไม่ได้สร้างความถูกต้องในเรื่องนี้" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
เมื่อถามว่า คสช.รู้ว่าเรื่องนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูด แล้วทำไมถึงไม่ลดกระแสจากฝ่ายการเมือง พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า "คสช.คือผมหรือ คือ พล.อ.ไพบูลย์หรือ วันนี้ท่านนายกรัฐมนตรีก็ชี้แจงแล้ว และผมก็ได้ชี้แจงแล้ว ผมถามว่า นายกฯจำเป็นต้องชี้แจงรายละเอียดการทุจริตของทุกกรมหรือไม่ ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านคือได้สั่งการเรียบร้อยแล้ว เมื่อทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี หลักการเจ้ากระทรวงก็ไปทำ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้ไปทำแล้ว ฝ่ายการเมืองที่ไม่ชอบเท่านั้นที่หยิบเรื่องนี้มาทำให้มันเป็นเรื่องพิเศษ เพราะถ้าท่านทำเรื่องนี้ก็ต้องทำเรื่องอื่นให้ดุเดือดเหมือนเรื่องนี้ด้วย"
แฉ'พล.ต.-3 ตำรวจ'เผ่นนอก
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม ในฐานะคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันฯ กล่าวถึงความคืบหน้าสำนวนคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ม.112 เครือข่ายนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง ว่า หลังจากคณะพนักงานสอบสวนส่งสำนวนคดีนี้ 5 สำนวน ให้กองคดีอาญา ทราบว่าวันนี้กองคดีอาญาได้ส่งไปยังคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นสถาบันฯที่มี พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็นหัวหน้าชุดพิจารณาแล้ว และคาดว่าในวันนี้จะมีการสรุปสำนวนพร้อมส่งให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามตามขั้นตอนก่อนส่งไปให้อัยการศาลทหารต่อไป ขณะที่สำนวนคดีแอบอ้างสถาบันฯ ที่เหลืออีก 7 สำนวน คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้กองคดีอาญา ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ แต่หากมีพลเรือน ตำรวจ หรือทหารเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันก็จะดำเนินออกหมายจับดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.สุชาติ พรมใหม่ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร อดีต ผกก.2 กองบังคับการป้องกันและปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา รอง ผกก.2 บก.ป. และ พ.ต.ท.จีรวัฏฐ์ บุญวัฒนาภรณ์ อดีต สว.ส.ทล.2 กก.1 บก.ทล. ที่ถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น ล่าสุดพบว่าทั้ง 4 นายไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว ขณะที่ในส่วนของนายศุกร์โข ตามเสรี ผู้ต้องหาในคดีที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้นั้น พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานว่าต้องแจ้งข้อหาเพิ่มหรือไม่ แต่ในขณะนี้ยังไม่พบแต่อย่างใด