- Details
- Category: การเมือง
- Published: Friday, 27 November 2015 11:11
- Hits: 4060
บิ๊กตู่ ชี้แก๊งป่วนกรุง โยงนปช. จับแล้ว 2-ไล่ล่าอีก 7 คน ผบ.ตร.ยันเปล่าจัดฉาก พท.จี้ฟ้องคดีภาษีบุหรี่ ค้านรธน.-ศาลผ่าทางตัน
'บิ๊กตู่' โต้จับแก๊งป่วนกรุง กลบข่าวอุทยาน ราชภักดิ์ ลั่นยอมไม่ได้มาข่มขู่ก่อเหตุช่วงงานสำคัญ ชี้กลุ่มเคลื่อนไหวโยงขอนแก่นโมเดล-นปช. 'บิ๊กป้อม'บอกไม่รู้ ตกเป็นเป้าประทุษร้าย โยนให้ตำรวจจัดการ 'บิ๊กแป๊ะ'นำทีมแถลงโชว์ตัว 2 ผู้ต้องหา ไล่ล่าอีก 7 ข้อหาหมิ่นสถาบัน-ทำผิดพ.ร.บ.คอมพ์ ค้นบ้านผู้ต้องหาพบอาวุธอื้อ เชื่อเตรียมก่อเหตุร้ายในกรุง-ประทุษร้ายคนสำตัญ เผยมีผู้สั่งการเชื่อมโยงเครือข่ายในต่างประเทศ ยันไม่มีการจัดฉาก เพื่อไทยอัดระแวงเกินเหตุ ยันนปช.ยึดแนวทางสันติ จี้อัยการเร่งฟ้องคดีภาษีบุหรี่ รัฐสั่งสำนักงานสถิติฯ ทำโพลผลงานรัฐบาล 1 ปี 'ชวน'เตือนกรธ.ร่างรธน.อย่าหลงทาง
วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9130 ข่าวสดรายวัน
ฝากขัง- จนท.คุมตัวจ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อดีตตชด. และนายณัฐพล ณ.วรรณ์เล 2 ผู้ต้องหาคดี 112 และเตรียมลอบประทุษร้ายบุคคลสำคัญ มาฝากขังศาลทหาร ก่อนควบคุมตัวไปยังเรือนจำชั่วคราวภายใน มทบ.11 เมื่อวันที่ 26 พ.ย.
'บิ๊กตู่'แจง 5 สาย-ชงกรธ.10ข้อ
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการประชุมแม่น้ำ 5 สายเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า เพื่อสอบถามและรับทราบความก้าวหน้า แนวทางการวางกรอบทำงานว่าคิดกันอย่างไร ซึ่งตนได้อธิบายด้วยว่า 10 ข้อที่เสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ไปนั้น ไม่ใช่การสั่งการของตน แต่เป็นการแจ้งข้อมูลให้ทราบและให้พิจารณาเท่านั้นว่าข้างล่างเขาคิดเห็นอย่างนี้ ตนไม่ได้ปิดกั้นใครและจะมีการส่งให้ไปตลอด ไม่ว่าใครส่งมาให้ตนจะส่งต่อไปให้ ล่าสุด คสช.ก็ส่งมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. บอกหรือไม่ว่ามีปัญหาใดบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ตนเป็นคนกำหนดขั้นตอน แล้วทำไมนายมีชัย จะต้องเป็นคนมารายงานกับตน ขณะนี้ไม่มีปัญหาใดๆ ควรสร้างการรับรู้ ต่อไป อย่าสร้างความขัดแย้ง และสื่ออย่าไปขยายความ ประเด็นสำคัญคือตนต้องถามว่าประเทศไทยต้องการการเปลี่ยนแปลงหรือ ไม่ ต้องการความสงบในวันข้างหน้าหรือไม่ ต้องการให้ประเทศพัฒนาหรือไม่ ด้านเศรษฐกิจก็ไม่เคยปรับปรุงนโยบายต่างๆ มา 20 ปีแล้วก็เข้ามารื้อทั้งหมด แต่คงไม่เกิดผลขึ้นในตอนนี้ จะไปเห็นผลในรัฐบาลหน้า คอยติดตามดูว่าสิ่งที่เราทำไว้ จะไปเกิดประโยชน์อะไรขึ้นบ้าง และนำไปใช้อย่างไร
ฮึ่มม็อบขับไล่-งัดกฎหมายฟัน
ต่อข้อถามว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะส่งข้อเสนอแนะเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญให้ กรธ.เมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กำลังรวบรวมทำไปเรื่อยๆ และในสัปดาห์หน้าจะส่งเรื่องปฏิรูปไปว่ารัฐบาลทำอะไรมาแล้ว จากนี้ไปถึง เดือนก.ค.2560 จะเน้นเรื่องอะไร ไม่อย่างนั้นคงทำไม่ทันเพราะมีหลายเรื่อง จากนั้นสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)จะได้ทำแผนปฏิรูป ส่วนกรธ.ก็ร่างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นปัญหาของประเทศ ตนตั้งขึ้นมาเพื่อให้ไปคิด ตนไม่ต้องคิดเอง ไม่อย่างนั้นจะตั้งมาทำไม เขียนเองก็ได้
"ทุกประเทศเขามีขั้นตอน มีกระบวนการ ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องตั้ง กรธ. ผมมีอำนาจอยู่แล้ว แต่ตามกระบวนการประชาธิปไตย ผมทำทั้งหมดตั้งแต่รับฟังความคิดเห็น ใครจะเคลื่อนไหวเคลื่อนขบวน ถ้าเตือนกันแล้ว ไม่เชื่อ ก็ต้องทำตามกฎหมายที่มีอยู่ ยกเว้นกฎหมายได้หรือ เมื่ออนุโลมผ่อนผันไปแล้วก็เข็ดหลาบกันที่ไหน ไปสอนคนเหล่านั้นบ้างไม่ใช่มาไล่แต่ผม คนที่บังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่เขาก็เดือดร้อน แล้วจะทำอย่างไร ใครผิดใครถูก"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
โต้จับแก๊งป่วนกลบราชภักดิ์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงหน่วยข่าวความมั่นคงตรวจสอบพบแก๊งป่วนกรุง และมีแผนประทุษร้ายบุคคลสำคัญในรัฐบาลว่า มีการตรวจสอบการโพสต์ข้อความ ถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ต้องมีการสืบสวนสอบสวน ไม่ใช่จะเอามาปิดบังกรณีความผิดปกติการก่อสร้างโครงการราชภักดิ์ของกองทัพบก โครงการนี้ก็ตรวจสอบกันไป บางคนพูดเอาแต่ได้ ตนไม่ชอบ อะไรก็ได้ให้ตัวเองถูกทั้งหมด พอคนอื่นผิดเล็กๆ น้อยๆ ก็โยนมาทางนี้หมด ทำให้ตนเองมีความชอบธรรม แบบนี้มันมีที่ไหน ไม่เคยบอกว่าอะไรมันถูก มันผิด ไม่เคยทำแบบนั้น มีแต่เอาเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้โอกาสทุกคน แก้ข้อกล่าวหาได้ นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น หากทุกคนไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม จะอยู่กันได้อย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกเรื่องมีหลักฐานชัดเจนอยู่ ส่วนโครงการอุทยานราชภักดิ์ ผิดตรงไหนว่ากันตรงนั้น เพราะทุกคนตั้งใจทำกันหมด จะมีอยู่ไม่กี่คน ไม่ใช่ไปพาดพิงกันใหญ่โต ทีพาดพิงจำนำข้าวไม่เห็นเป็นอะไรเลย ต้องแยกแยะออกให้หมด เมื่อถามว่ามีการข่มขู่ประทุษร้ายบุคคลสำคัญ นายกฯ กล่าวว่า จะไม่ดูแลตนหรืออย่างไร ตนจะปกป้องตัวเองได้หรือไม่ เพราะต้องลงพื้นที่พบประชาชน
ชี้คนขู่โยงนปช.-ขอนแก่นโมเดล
ต่อข้อถามว่าดูแล้วศักยภาพผู้ข่มขู่ สามารถทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กำลังสอบสวนอยู่ เพราะยึดโยงกับขอนแก่นโมเดล คนแรกถูกจับกุมดำเนินคดีอยู่ ซึ่งอยู่ระหว่างประกันตัวออกไป ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ได้ แต่ถามว่าสิ่งเหล่านี้มันทำได้หรือไม่ มาขู่งานสำคัญนี้ด้วย ถามว่าคนพวกนี้ทำไมมันกล้า ต้องไปดูกฎหมาย ทำไมคนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเพราะการบิดเบือน การไม่เอาใจใส่ การกำกับดูแลของผู้มีอำนาจในประเทศ ถึงเป็นปัญหาทับซ้อนมาทุกวันนี้ การเมืองไม่เป็นธรรม มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทุจริต นี่แหละปัญหา ถ้าเอาประเด็นเล็กๆ น้อยๆ มาตีกันอยู่แบบนี้ มันไม่จบ ต้องดูความผิดอย่างไร มีมูลหรือไม่ ศาลก็ตัดสินไปสู้คดีกัน การออกมาข่มขู่มันผิดหรือไม่ ซึ่งไม่ต้องข่มขู่ตน จะขู่ก็ขู่ไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้มองว่ามีการเมือง อยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ก็เขาพวกไหน สีอะไร เขาประกาศตัวว่าเป็นอะไร นปช.ไม่ใช่หรือ แล้วบอกว่าไม่รับผิดชอบ ไม่เกี่ยว มาบอกว่ารัฐบาลสร้างภาพ เพื่อ กลบเกลื่อนอุทยานราชภักดิ์ ผมพูดตรงๆ ของผมแบบนี้ มันใช่ไหม ที่มันเกิดขึ้นวันนี้ กระบวนการตามกฎหมายก็เดินหน้ามาตลอด ใครผิดก็ว่าไปตามผิด แล้วทำทำไม ทำเมื่อไร จะสร้างความสับสน สร้างอันตราย ประทุษร้าย มันไม่ได้แล้วมาข่มขู่งานนี้ด้วย"
ไม่เพิ่มรปภ.-เกรงปชช.เดือดร้อน
เมื่อถามว่าจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะเพิ่มยังไงเพราะมีการรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ประชาชนคนอื่นๆ จะเดือดร้อนหรือไม่ จะมาเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย จะให้มาใส่เสื้อเกราะ 2 คนหรือ ใครทำก็ให้ระวังจะโดนคนอื่นแล้วกัน
ต่อข้อถามว่า การทำแบบนี้ ส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าจะถามคำถามแบบนี้ก็มาเป็นนายกฯ แล้วกัน ถามทุกเรื่อง ถามในสิ่งที่ไม่ต้องการคำตอบ สื่อต้องสร้างการรับรู้ว่ากฎหมายอยู่ตรงไหน ไม่ใช่คนนั้นพูดมาทาง คนนี้พูดมาทาง สับสนปนเปกันไปหมด มันไม่ใช่ โครงการราชภักดิ์ก็ตรวจสอบอยู่ ยังไม่เสร็จ กลายเป็นว่าตนไปเร่งตรงโน้น ไม่เร่งตรงนี้ ถามว่าเรื่องอื่นๆ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร มีการทักท้วงฟ้องร้องนานหรือยัง ทุกอย่างเป็นตามระบบ เวลา ไม่ใช่ตนไปรังแกใครที่ไหน
ลั่นลุยทุกพื้นที่-ห่วงเลือกตั้งไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อมีการข่มขู่ ยังลงพื้นที่อีสานได้อีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ลงพื้นที่ได้ทั้งนั้น เรื่องเสี่ยงชีวิต วันนี้ตนก็เสี่ยงอยู่แล้ว ไม่กลัวอยู่แล้ว จะสำเร็จหรือไม่ ยังไม่รู้เลย ประเทศชาติจะอยู่อย่างไรก็ยังไม่รู้ ไม่รู้สึกกันบ้างหรือว่าสถานการณ์วันนี้มันอันตรายมากแค่ไหน ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ก็รู้อยู่ต่างประเทศเกิดอะไรขึ้น การใช้อาวุธสงครามจะเกิดขึ้นในโลกใบนี้ เราต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ลดขัดแย้ง ใช้กฎหมายกระบวนการยุติธรรมดำเนินการ เดินหน้าประเทศ ใช้เศรษฐกิจทำการค้าการลงทุน ไม่อย่างนั้นประเทศไทยจะอยู่ไม่ได้ ถ้ามัวแต่สร้างความขัดแย้งกันแบบนี้ คนผิดก็ว่าไป ตามผิด ใครถูกก็ถูก
"วันนี้ต้องร่วมมือกับรัฐบาล ให้ประเทศเดินหน้าให้ได้ ผมมีอุดมการณ์แน่วแน่ที่จะ เดินหน้าประเทศให้ได้ พอถึงเวลาไปผมก็ไป แต่ถ้าเป็นแบบนี้ มันจะไปได้หรือไม่ รัฐธรรม นูญเขียนก็ทะเลาะกับรัฐธรรมนูญ ประชามติก็ทะเลาะอีกรอบ เลือกตั้งก็จะทะเลาะกันอีกรอบ ไม่รู้จะเลือกตั้งได้หรือไม่ แต่ผมยืนยันกับ ต่างประเทศว่าจะรักษาผลประโยชน์ของ ทุกชาติที่มาลงทุนในไทย ทั้งวันนี้และวันหน้า สร้างความมั่นใจให้กับเขา ไม่เป็นห่วงประเทศไทยหรืออย่างไร หรือว่าสบายดี เราต้องช่วยกันสร้างความเข้มแข็ง จะได้สร้างรายได้ สร้างอาชีพ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
'บิ๊กป้อม'ไม่รู้ตกเป็นเป้าหมาย
เวลา 10.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการจับกุม ผู้ต้องสงสัย 2 คน ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีข่าวบุคคล ดังกล่าวเตรียมก่อเหตุวุ่นวายในพื้นที่กทม. และมีแผนเตรียมลอบทำร้ายบุคคลสำคัญ ในรัฐบาลว่า ตำรวจสืบสวนสอบสวนอยู่ ซึ่งศาลออกหมายจับบุคคลดังกล่าวแล้ว จากนั้นจะสอบสวนว่าขบวนการเป็นอย่างไร จากที่ตำรวจรายงานเบื้องต้นระบุว่ามีข่าวว่าจะเป็นอย่างนั้น ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย มีการดูแล เฝ้าระวังอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายการถูกทำร้าย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ และอยู่แบบนี้มาตั้งนานแล้ว เราทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่มีความขัดแย้งกับใครและไม่ต้องการให้ประเทศนี้มีความขัดแย้ง วันนี้ทำทุกอย่างเพื่อประเทศและประชาชน ตามที่นายกฯระบุและมีนโยบายชัดเจน ต่อข้อถามว่ายังมีแนวร่วมคนอื่นอยู่ในเครือข่ายอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "คุณไปหามา ผมจะไปรู้ได้อย่างไร เดี๋ยวให้ตำรวจเขาดู"
เมื่อถามต่อว่า ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลมองว่ากรณีนี้เป็นเพียงปฏิบัติการข่าวสาร (ไอโอ) ของทหารเพื่อกลบข่าวอื่นๆ และอาจไม่มีผู้เตรียมก่อเหตุจริง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะมีจริงหรือไม่มีจริง ศาลได้ออกหมายจับไปแล้วเพราะมีหลักฐาน ส่วนจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ต้องรอให้ตำรวจสอบสวนก่อน
พท.อัดอย่าระแวงเกินเหตุ
นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงหน่วยข่าวความมั่นคงตรวจสอบพบแผนประทุษร้ายบุคคลสำคัญรัฐบาล และพยายามเชื่อมโยงกลุ่ม นปช. อยู่เบื้องหลังว่า ขอบอกพล.อ.ประยุทธ์ว่า ไม่ต้องกังวลและระแวงจนเกินเหตุ ยืนยันว่า นปช.ไม่มีแนวคิดหรือแนวทางด้านการทหาร เรามีเพียงแนวคิดในทางการเมืองเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้อำนาจมาจากแนวทางทางการทหาร ทำให้ระแวงไปหมด ขอถามว่าใครจะไปทำร้ายหรือไปทำอะไรพล.อ.ประยุทธ์ ได้เพราะมีทหารทั้งกองทัพ มีรถหุ้มเกราะกันกระสุนคันละหลายสิบล้านบาท อย่างนี้ใครจะกล้าทำร้าย มีแต่ตายกับตายเท่านั้น
นายวรชัย กล่าวว่า นปช.ยืนยันมาตลอดว่า เรายึดแนวทางสันติวิธีและแนวทางประชา ธิปไตย คนที่คิดใช้ความรุนแรงทางการเมือง ผลสุดท้ายจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อพลังประชาชนที่รักสันติ การใช้กำลังมาห้ำหั่นกัน เป็นเรื่องที่สังคมไทยและสังคมโลกไม่มีทางยอมรับ อย่าเอาเรื่องนี้มาเบี่ยงเบนประเด็น การสอบทุจริตอุทยานราชภักดิ์ที่โกงศรัทธาประชาชนดีกว่า ด้วยสถานการณ์ที่งวดและใกล้รัฐบาลเข้ามาเรื่อยๆ นี้ รัฐบาลจะปฏิเสธไม่ได้เลยเพราะเรื่องผ่านมติของ ครม. ดังนั้นรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ หากไม่เร่งแก้ปัญหานี้ รัฐบาลจะขาดความชอบธรรม เพราะรัฐบาลนี้บอกว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่กลับไม่แก้ปัญหาอย่างจริงจัง ถ้าผิดก็ออกมายอมรับว่าผิดแล้วขอโทษ จากนั้นก็หาทางแก้ไขให้ตรงจุด
'บิ๊กแป๊ะ'นำทีมรับตัวแก๊งป่วน
เมื่อเวลา 14.20 น. ที่สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา(สบ10) พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ผอ. รับมอบตัวจ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อดีตตำรวจตระเวนชายแดน และนายณัฐพล ณ.วรรณ์เล ผู้ต้องหาในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เนื่องจากพบพฤติกรรมมีการสื่อสารเตรียมก่อเหตุวุ่นวายในกทม. ประทุษร้ายคนสำคัญ จากพล.ต. วิจารณ์ จดแตง นายทหารพระธรรมนูญ หัวหน้างานฝ่ายกฎหมายในคสช. โดยมีทหารจากพล.ม.2 รอ. และตำรวจคอมมานโด กองบังคับการปราบปราม ควบคุมตัวและดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์นำคณะสอบปากคำเบื้องต้น นำหมายจับให้ผู้ต้องหายืนยัน และให้แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ ตรวจร่างกายผู้ต้องหา ก่อนแยกสอบสวนเบื้องต้น โดยมีทนายที่ตำรวจจัดหาให้ร่วมสอบสวนด้วย
ผู้ต้องหาเคยถูกจับคดีหมิ่น
จากนั้นเวลา 15.00 น. ที่ห้องศรียานนท์ พล.ต.อ.จักรทิพย์นำคณะแถลงข่าว โดยแสดงแผนผังการดำเนินคดีและเครือข่ายของกลุ่ม ผู้ต้องหาต่อสื่อมวลชนด้วย
พล.ต.ต.ชยพล แถลงว่า จ.ส.ต.ประธิน นายณัฐพล อยู่ในกลุ่มที่ร่วมกันหมิ่นสถาบันฯ โดยเชื่อมโยงกับกลุ่มขอนแก่นโมเดล ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีในปี 2557 โดยเฉพาะจ.ส.ต.ประธิน เคยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 23 พ.ค.2557 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น ต่อมาตำรวจขยายผลจับกุมเครือข่ายนี้ได้อีกรวม 26 คน สืบสวนพบว่ากลุ่มนี้มีแนวคิดก่อ การร้าย ซ่องสุมกำลังพล อาวุธ พร้อมจะยึด ค่ายทหาร ตำรวจและหน่วยราชการ ตรวจค้นพบครอบครองอาวุธปืน อาวุธสงคราม กระสุนปืน วัตถุระเบิด มีการส่งข้อความทั้งในเฟซบุ๊ก แอพพลิเคชั่นไลน์ และเว็บไซต์ยูทูบ ในกลุ่มเครือข่ายหมิ่นสถาบันฯ พฤติการณ์คือร่วมกันวางแผน เตรียมสะสมอาวุธ กำลังพล เพื่อ ต่อต้านปฏิวัติรัฐประหาร โดยใช้วิธีการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหาย และความปั่นป่วนในหมู่ประชาชน
เตรียมอาวุธก่อเหตุรุนแรง
พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า ครั้งนั้นพล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ขณะเป็นรองผบ.ตร.และพล.ต.อ.ศรีวราห์ ขณะรักษาราชการแทนผบช.ภ.1 เป็นหัวหน้า และรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ได้มีความเห็นสั่งฟ้องในข้อหา สมคบกันเพื่อก่อการร้าย มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อนุญาตให้ได้ มีวัตถุระเบิด ยุทธภัณฑ์ ฝ่าฝืนคำสั่งคสช. ส่งพนักงานอัยการศาลทหารเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2557 และอัยการสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2557 คดีอยู่ในชั้นศาล ผู้ต้องหาได้ประกันตัวออกไป
ล่าสุดตำรวจได้รับการประสานข้อมูลจากคสช. พบว่าจ.ส.ต.ประธินยังคงเคลื่อนไหวในพฤติการณ์เดิมๆ โดยครั้งนี้ร่วมกับพวกอีก 8 คนรวมแล้ว 9 คน มีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดซ้ำ ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีพฤติการณ์กระทำความผิดโดยการส่งข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ผ่านโซเชี่ยลมีเดีย ทั้งแอพพลิเคชั่นไลน์ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ และยูทูบ
พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มนี้มีแนวคิดเตรียมก่อเหตุรุนแรง โดยเตรียมอาวุธเข้ามาก่อเหตุในช่วงเทศกาล และกิจกรรมสำคัญต่างๆ ในหลายพื้นที่ โดยมีผู้สั่งการเชื่อมโยงเครือข่ายในต่างประเทศ ทางคสช.จึงมอบให้พล.ต.วิจารณ์ จดแตง เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
หลักฐานมัดแน่น 9 คน
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์จึงมีคำสั่งตร.ที่ 682/2558 ลงวันที่ 25 พ.ย. แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มีพล.ต.อ.ศรีวราห์เป็นหัวหน้า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. และพล.ต.ต. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี (รองผบช.กมค.) เป็นรองหัวหน้า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนแน่ชัดและเชื่อว่ามีผู้กระทำความผิด 9 คนคือ 1.จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 112/6 ม.2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 43/2558 และ 52/2558
2.นายณัฐพล ณ.วรรณ์เล อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 166 ม.8 ต.สะอาด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 44/2558 3.นายพิษณุ พรหมสร อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 203/45 ม.9 ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 45/2558 4. นายวัลลภ บุญจันทร์ อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 88/248 ม.3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 46/2558
5.นายฉัตรชัย ศรีวงษา อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 13 ม.16 ต.บรบือ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 47/2558 6.นายมีชัย ม่วงมนตรี อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 141 ม.18 ต.จังหาร อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 48/2558 7.นายธนกฤต ทองเงินเพิ่ม อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 133 ม.6 ต.ท่ากระเสริม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 49/2558
8.นายวีรชัย ชาบุญมี อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 109 ม.8 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 50/2558 และ 9.นายพาหิรัณ กองคำ อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 16 ม.3 ต.โคกกว้าง อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 51/2558 ร่วมกัน ก่อเหตุตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. ถึงวันที่ 23 พ.ย. เหตุเกิดที่บ้านของจ.ส.ต.ประธิน
หลบหนี 7-โยงขอนแก่นโมเดล
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา และศาลทหารกรุงเทพอนุมัติหมายจับในข้อหา ร่วมกันกระทำความผิดซ้ำในฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดย เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เชิญตัวมาสอบถามพร้อมควบคุมตัวจ.ส.ต.ประธินและนายณัฐพล ไว้ตามมาตรา 44 ครบกำหนดการควบคุมตัวส่งมอบให้พนักงานสอบสวน หากปรากฏพยานหลักฐานกระทำความผิดในคดีอื่นๆ จะดำเนินคดีต่อไป ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ระหว่างการหลบหนีอีก 7 คนจะได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
จ.ส.ต.ประธินมีแนวคิดสร้างโมเดลขึ้นมาที่เรียกว่าขอนแก่นโมเดล แบ่งเป็นขั้นตอนดำเนินการ มีการสะสมบุคคล อาวุธ มีการวางแผน เมื่อเกิดการทำรัฐประหารหรือสิ่งที่เขาเชื่อว่าไม่ถูกต้องจะใช้กำลังคนและอาวุธ ที่รวบรวมอยู่เข้ายึดค่ายทหาร ค่ายตำรวจ ขณะที่นายณัฐพลทำหน้าที่จัดหาอาวุธเตรียม ก่อเหตุ ซึ่งการจับกุมครั้งนี้เขาได้เตรียมอาวุธไว้เพื่อส่งมอบให้แก่จ.ส.ต.ประธิน นำไปใช้ก่อเหตุรุนแรง
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้เข้า ปิดล้อมตรวจค้นบ้านของนายวีรชัย 1 ใน 9 ผู้ต้องหา พบอาวุธของกลางจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีความเชื่อมโยงระหว่างนายณัฐพลและนายวีรชัย โดยจัดหาอาวุธร่วมกัน ทั้งนี้ มีข้อมูลชัดเจนว่ายังมีนายมีชัย นายธนกฤต และนายพาหิรัณ รวมแล้ว 4 คนที่เป็นผู้ต้องหาอยู่ในกลุ่มขอนแก่นโมเดลในปี 2557
ผบ.ตร.ยันเปล่าจัดฉาก
ด้านพล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ควบคุมตัวจ.ส.ต.ประธินและนายณัฐพล และมีการออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 7 คนในวันนี้ ยืนยันว่าขบวนการนี้มีจริง ไม่ได้อ้างขึ้นมา มีการข่าวและมีการควบคุมตัวจริง และมีอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ จริง และเรื่องนี้ไม่คิดว่าเป็นการจัดฉาก ยืนยันว่ามีจริง ส่วนกรณีที่มีเหตุวัยรุ่นพกระเบิดปิงปองแล้วเกิดระเบิดเสียชีวิตที่พุทธมณฑลสาย 2 ในคืนวันลอยกระทงที่ผ่านมา ต่อมามีการส่งข้อมูลทาง โซเชียลมีเดียว่าเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่จะเข้ามาก่อเหตุวุ่นวายในบ้านเมืองนั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เป็นเหตุวัยรุ่นคึกคะนองไป ซื้อระเบิดจากจ.นนทบุรี มาเล่นในงานลอยกระทงแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นเท่านั้น
ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจเฝ้าระวังหาข่าวความเคลื่อนไหวของคนกลุ่มขอนแก่นโมเดลและกลุ่มอื่นๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้น ข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีบางกลุ่มพยายามเคลื่อนไหวเตรียมก่อเหตุอยู่บ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่เร่งติดตามอยู่ ซึ่งจากการข่าวตำรวจและฝ่ายความมั่นคงได้เพิ่มความเข้มในการดูแลความสงบ และวางกำลังดูแลความปลอดภัยในกิจกรรมสำคัญด้วย
พบอาวุธอื้อ-มุ่งร้ายคนสำคัญ
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า กรณีนี้เป็นการสืบสวนทราบมาแล้วจากคสช. ว่าอาจจะก่อเหตุหรือไม่ประสงค์ดีต่อบ้านเมือง โดยจ.ส.ต.ประธินถูกนำตัวไปค้นบ้านและพบหลักฐาน จนไปสู่การออกหมายจับและถูกควบคุมตัว ส่วนก๊วนของเขาก็เป็นกลุ่มเดิมที่มาตั้งแต่ถนนอักษะไล่ไปขอนแก่นโมเดลจนถึงปัจจุบันนี้ จากการตรวจสอบบ้านของผู้ที่ถูกออกหมายจับ บางบ้านพบอาวุธพร้อมกระสุน ซึ่งทหารจะสืบสวนต่อเนื่องเพื่อขยายผลยึดอาวุธต่อไป ขณะนี้เพียงการสอบสวนเบื้องต้น
รองผบ.ตร.กล่าวว่า ข้อมูลที่ทหารส่งมาต้องบอกว่าเขายืนยันหรือพาดพิงว่ากระทำผิดจริง มีหลักฐานจริง พฤติกรรมคือทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย เป็นกลุ่มที่มีอาวุธ ซึ่งสามารถเกิดอะไรขึ้นได้ทั้งนั้น ส่วนเป้าหมายคืออะไร ยังไม่ทราบ ต้องรอสอบสวน กลุ่มนี้มีศักยภาพพอจะก่อเหตุต่อค่ายทหาร ที่ตั้งตำรวจ แต่จะทำรุนแรงได้มากแค่ไหน ขึ้นอยู่ว่าจะก่อเหตุที่ค่ายเล็กหรือค่ายใหญ่ แต่การสืบสวนสำนวนขอนแก่นโมเดลเดิม ปรากฏว่ากลุ่มนี้มีอาวุธอยู่ในครอบครองจำนวนมาก จึงแสดงว่ากลุ่มนี้เตรียมจะก่อเหตุวุ่นวายขึ้นแน่นอน และคาดว่าเพียงพอต่อการประสงค์ร้ายต่อบุคคลสำคัญ เพราะเขามีอาวุธ แต่ยังตอบไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมือง
ปัดตอบคนอยู่ตปท.เอี่ยว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์เสื้อแดงหรือไม่ รองผบ.ตร.กล่าวว่าไม่ทราบ บอกไม่ได้ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ ตำรวจ และกองทัพกำลังสืบหาตัวเพราะมีข้อมูลอยู่ และผบ.ตร.สั่งกำชับให้เอาตัวผู้ต้องหามาให้ได้เร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ระบุพวกนี้จะก่อเหตุป่วนในกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่าไม่ทราบ เพราะเหตุยังไม่เกิด แต่กลุ่มนี้มีอาวุธ เราจึงยับยั้งไว้ก่อน ส่วนหลักฐานสำคัญที่เชื่อว่ากลุ่มนี้จะเตรียมมาก่อเหตุนั้น อยู่ในสำนวนและทหารเป็นผู้ควบคุมตัวไว้ก่อนหน้านี้
เมื่อถามว่ากลุ่มนี้เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ระเบิดที่พารากอนและศาลอาญา รัชดาฯหรือไม่ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่ายังไม่ยืนยัน ต้องรอสอบสวนเชิงลึกก่อน แต่ยืนยันว่าเขามีอาวุธร้ายแรง แต่ตอบไม่ได้ว่าพัวพันกับเหตุการณ์ทั้งหมดหรือไม่ ส่วนการเชื่อมโยงคนในต่างประเทศ ก็บอกไม่ได้ เป็นความลับอยู่ในสำนวน เช่นเดียวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินและที่มาของอาวุธที่อยู่ในสำนวนเช่นกัน
ผู้ต้องหายังไม่รับสารภาพ
"ยืนยันว่ากลุ่มนี้จับตามหมายจับอย่าง ถูกต้อง อีกทั้งการสืบสวนของสำนวนเดิม มีการกระทำผิดจริง แต่จะป่วนหรือไม่นั้น เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้นเลยตอบไม่ได้ แต่มีอาวุธก็ถือว่าเป็นเหตุแล้ว มีข้อมูลหลักฐานชัด มีพฤติการณ์ชัดในสำนวน ไม่เช่นนั้นศาลไม่อนุมัติหมายจับหรอก" พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่าส่วนข้อมูลการประสานติดต่อกันทางแอพพลิเคชั่นไลน์ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเข้าข่ายความผิด 112 จากนี้ต้องรอเจ้าหน้าที่ทหารส่งพยานหลักฐานทุกอย่าง รวมทั้งอาวุธที่ยึดได้มาให้พนักงานสอบสวนก่อน จึงจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้ ตอนนี้เป็นเพียงการสกัดกั้นเหตุการณ์ไว้ก่อน ตามนโยบายของผบ.ตร. ส่วนจะมีผู้ต้องหาเพิ่มเติมหรือไม่ ต้องรอการสอบสวน แต่ถ้าขยายผลถึงใครก็จะต้องดำเนินการ
ด้านพล.ต.ต.ภัคพงษ์เปิดเผยภายหลังสอบสวนผู้ต้องหาว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่รับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวน บ่ายนี้คุมตัวฝากขังต่อศาลทหาร จากนั้นจะนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำชั่วคราว มทบ.11
ทูตสวิสพบนายกฯ
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอีโว ซีเบอร์ เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐ สวิสประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยพล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงถึงสถานการณ์การเมืองไทยและโรดแม็ปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืนของไทย ว่าขณะนี้รัฐบาลเร่งรัดการปฏิรูปประเทศในทุกด้าน เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงยั่งยืนทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม มีประชาชน เป็นศูนย์กลาง ได้รัฐธรรมนูญที่เข้มแข็งและรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ปราศจากการทุจริตหลังจัดเลือกตั้งในปี 2560
ทั้งนี้ ทางสมาพันธรัฐสวิสมองว่ากระบวน การประชาธิปไตยต้องใช้เวลา จึงขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาลประสบความสำเร็จ ดำเนินการตามโรดแม็ปเพื่อไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง และพร้อมให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ แก่รัฐบาลไทยเสมอ
รัฐบาลทำโพลผลงาน1ปี
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลบริหารประเทศครบ 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.2557-12 ก.ย.2558 จึงเห็นว่าจำเป็นจะต้องรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนว่าพึงพอใจต่อการบริหารงานมากน้อยเพียงใด หรือมีสิ่งใดต้องพัฒนาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสถิติแห่งชาติจะลงพื้นที่ทั่วประเทศไปสัมภาษณ์พูดคุยกับประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ครัวเรือนละ 1 ราย รวม 7,200 คน ระหว่างวันที่ 27 พ.ย.-4 ธ.ค. จะครอบคลุมทั้งประเด็นนโยบายการดำเนินงานของรัฐบาลในแต่ละด้าน และความพึงพอใจต่อการทำงานของรัฐบาล โดยขอความร่วมมือประชาชนทั้งใน กทม. และต่างจังหวัดให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะความคิดเห็นต่อสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการว่ามีความพึงพอใจมากน้อยเพียงใดและมีความคิดเห็นอย่างไร มีสิ่งใดที่ต้องการให้รัฐบาลเข้าไปดูแลแก้ไข
"นายกฯ กำชับให้สำนักงานสถิติแห่งชาติเร่งรัดสำรวจความคิดเห็นหลังจากรัฐบาลบริหารประเทศครบ 1 ปี และพัฒนาไปสู่การเป็นองค์กรสำรวจความคิดเห็นระดับชาติ หรือ National Poll ที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือ พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่จะลงพื้นที่ปฏิบัติงาน ในช่วงสัปดาห์นี้ เน้นย้ำไม่ว่าผลสำรวจจะออกมาเช่นไร รัฐบาลยินดีรับฟังทุกความคิดเห็น เพื่อนำไปพัฒนาการทำงานให้ตรงกับความต้องการของประชาชน" พล.ต.สรรเสริญกล่าว
'ชวน'เตือนกรธ.อย่าหลงทาง
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการยกร่างรัฐธรรมนูญของกรธ.ว่า ตนกำลังติดตามอยู่ ซึ่งยังไม่รู้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังร่างจะออกมาแบบไหน แต่ขอยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองและปัญหาที่เกิดมาในอดีตไม่ได้เกี่ยวกับตัวบทรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องพฤติกรรมของคนที่เป็นผู้ก่อปัญหา
อย่างไรก็ตาม คิดว่าอย่าไปหลงทาง หรือแม้แต่ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นก็ไม่ได้เกี่ยวกับตัวบทรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นเรื่องของคนทั้งสิ้น คนใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน คอร์รัปชั่นก็มี ไม่คอร์รัปชั่นก็มี เพราะฉะนั้นปัญหาเรื่องคนเป็นเรื่องสำคัญ
พท.ค้านให้ศาลผ่าทางตัน
นายนพดล ปัทมะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นหลายฝ่ายเสนอว่าถ้ามีทางตันหรือวิกฤตทางการเมือง อาจมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) หรือให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ ผ่าทางตัน ตนเห็นว่าต้องดูว่าทางตันเกิดจากอะไร ถ้าเกิดจากฝ่ายนิติบัญญัติขัดแย้งกับ ฝ่ายบริหาร ก็มีกลไกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และกลไกการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินผ่านการเลือกตั้งได้อยู่แล้ว แต่ถ้าทางตันเกิดจากการจงใจหรือไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อทำให้รัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้ เช่น การปิดสนามบินหรือชัตดาวน์ประเทศ ยึดสถานที่ราชการและทำเนียบรัฐบาล มีกลไกกฎหมายหลายฉบับที่จัดการได้อยู่แล้ว ดังนั้น ปัญหาไม่ใช่การขาดกลไกผ่าทางตัน แต่คือการบังคับให้กลไกที่มีอยู่ปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อผ่าทางตันให้ได้
นายนพดลกล่าวว่า ข้อเสนอของ กรธ. ที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ผ่าทางตันโดยใช้มาตรา 7 นั้น ตนยังไม่ทราบรายละเอียดจะให้ผ่าอย่างไร มาตรา 7 เป็นการอุดช่องโหว่ไม่ใช่การทะลวงทางตัน อยากให้ กรธ.ศึกษาการใช้รัฐธรรมนูญในรอบหลายปีที่ผ่านมา ว่าข้อเสนอนั้นคิดรอบคอบแล้วหรือ บทบาท ศาลรัฐธรรมนูญคือการตีความรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้องและต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด ขอถามว่าที่ผ่านมาบางครั้งทางตันเกิดจากการตีความกฎหมายใช่หรือไม่ ส่วนวิกฤตการเมืองควรแก้ด้วยการเมือง เชื่อว่าผู้ที่จะผ่าทางตันของประเทศ คือคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่องค์กรอิสระองค์กรใด
'สรอรรถ'ตั้งสมาคมการเมือง
ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน นาย ศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานเปิดสมาคม แห่งสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งและการแข่งขันโบว์ลิ่งเพื่อระดมทุนก่อตั้งสมาคม โดยมีนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกสมาคมคนแรก มีสมาชิกเป็นนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) ของสำนักงานกกต.ทั้ง 6 รุ่นรวม 530 คน สำนักงานตั้งอยู่ที่ชั้น 9 สำนักงานกกต.
นายสรอรรถ กล่าวว่า ยืนยันว่าสมาคม ไม่ได้ฝักใฝ่การเมืองอย่างที่หลายฝ่ายวิตก เพราะจะไม่เอาพรรคเข้ามาเกี่ยวข้อง การวิจารณ์หรือเสนอแนะทางการเมืองจะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ กรณียกร่างรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กรธ. อะไร ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์จะระดมสมองของสมาชิก ซึ่งในเร็วนี้ๆ สมาคมจะประชุมวิชาการและหารือร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเสนอกรธ.ผ่านกกต.ต่อไป
นายสรอรรถกล่าวว่า การที่กรธ.เสนอระบบการเลือกตั้งที่จะใช้ระบบจัดสรรปันส่วนผสมนั้น เข้าใจว่าเพื่อแก้ปัญหาเผด็จการรัฐสภา แต่แนวคิดนี้จะทำให้เกิดรัฐบาลผสม ซึ่งมีปัญหามีข้อบกพร่องมาตลอด ไม่เข้มแข็งในการบริหารงาน เพราะเกรงอก เกรงใจกัน มีการต่อรองกระทรวงกัน ถ้าที่สุดแล้วใครคิดว่ากติกานี้ดีก็ลงเลือกตั้งไป ถ้าคิดว่าไม่ดีก็ไม่ต้องลง ส่วนข้อเสนอให้ตัดสิทธิตลอดชีวิตคนทุจริตเลือกตั้งนั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่กระบวนการตรวจสอบต้องรวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม
"มาร์ค"ตอกลิ่มจม.อียู
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐสภายุโรป ส่งจดหมายเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไป แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง ของประเทศไทยว่า พูดว่าจดหมายเชิญ จากสหภาพยุโรป (อียู) ไม่ได้ เพราะชัดเจนว่าสมาชิกรัฐสภายุโรป 2 คน เป็นการเชิญส่วนตัว และไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาทั้งอียู และสหรัฐ เราจะเห็นบทบาทของผู้แทนราษฎรโดยทำหนังสืออย่างนี้ ทั้งที่บางคนอาจสนใจส่วนตัว ความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่บางคนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลงานของการล็อบบี้ เพราะในต่างประเทศทราบกันดีว่า นายทักษิณ ชินวัตร เคยจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ อย่างน้อยที่สุดก็ในสหรัฐ ส่วนในยุโรปนั้นตนไม่ทราบ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าคนที่เซ็นจดหมายเขาว่าอย่างไร เพราะยังไม่ได้ชี้แจง แต่คิดว่าคงอยากพูดคุยเรื่องสถานการณ์การเมืองไทย เนื่องจากมีรัฐประหารเกิดขึ้น แล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกดำเนินคดี แต่น.ส. ยิ่งลักษณ์จะได้ไปหรือไม่ ต้องไปขอศาลก่อน เพราะมีเงื่อนไขของศาลอยู่ในคดีทุจริต จำนำข้าว และต้องขออนุญาตจากคสช.
ชงปลด'กฤษดา'พ้นผู้ว่ากคช.
วันที่ 25 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวนายกฤษดา รักษากุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ยื่นใบลาออกหลังมีกระแสว่าพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว. การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะบอร์ดกคช. เตรียมเสนอนายกฯให้ปลด นายกฤษดา เนื่องจากทำงานล่าช้าเกี่ยวกับแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงว่า ได้ให้ทุกกระทรวงขับเคลื่อนงาน หากใครมีประสิทธิภาพก็ทำงานต่อไป ใครไม่มีประสิทธิภาพก็ให้พิจารณา ต้องไปดูว่าเกิดปัญหาอะไร มีเรื่องทุจริตหรือไม่ หากมีเรื่องทุจริตก็ต้องลงโทษ ผู้ที่เกี่ยวข้อง
"ผมรับทราบเรื่องแล้วและระหว่างที่รัฐบาลกำลังแก้ปัญหา สามารถลาออกได้ทั้งหมด ใครอยากลาออกก็ลาออกไป แต่เชื่อว่าการลาออกของนายกฤษดา จะไม่กระทบกับการดำเนินโครงการจัดที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย ให้คนอื่นมาทำงานแทนได้ เพราะรัฐบาลกำกับดูแลในภาพรวมอยู่แล้ว ไม่ใช่ผู้ว่าฯกคช. ทำงานเป็นคนเดียวหรือเก่งอยู่คนเดียว" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า หากนายกฤษดาจะลาออกในช่วงนี้ก็เป็นเรื่องของเขา ใครไม่อยากทำงานก็ลาออกไป เพราะยังมีคนอีกเยอะที่อยากทำงาน
วันเดียวกัน ที่สำนักงาน กคช. นายพิชิต อัคราทิตย์ ประธานบอร์ด กคช. ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะกรรมการ กคช.ว่า ที่ประชุมมีมติร่วมให้นายกฤษดา ยุติการทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าฯ กคช.ทันที ก่อนหมดวาระในเดือน มิ.ย.2559 เพื่อประโยชน์ต่อองค์กรและไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังเดินหน้า พร้อมเสนอให้น.ส.อุบลวรรณ สืบยุบล รองผู้ว่าฯ กคช. รักษาการผู้ว่าฯ กคช. จนกว่าจะพิจารณาแต่งตั้ง คนใหม่ โดยจะนำเสนอมติที่ประชุมดังกล่าวต่อ พล.ต.อ.อดุลย์ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาต่อไป
กักขัง1เดือน'อ.ตุ้ม'ได้ประกัน
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 26 พ.ย. ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดี หมายเลขแดงที่ 4294/2558 ซึ่งมีผู้อำนวยการประจำศาลแพ่ง กล่าวหาว่า นางดารุณี กฤตบุญญาลัย นางสุดสงวน สุธีสร หรืออาจารย์ตุ้ม อาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-3 คดีละเมิดอำนาจศาล นำกลุ่มมวลชนวางพวงหรีดและชูป้ายข้อความวิจารณ์การทำหน้าที่ของศาลแพ่งคดี กปปส.ฟ้องเพิกถอนการออกประกาศ ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาผูกติดไว้กับประตูรั้ว เพื่อแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.พ.2557
ศาลชั้นต้น ได้จำหน่ายคดีของนางดารุณี ผู้ถูกกล่าวที่ 1 พร้อมออกหมายจับหลังไม่มาศาลตามนัด และพิพากษาจำคุก นางสุดสงวน และนายพิชา ฐานละเมิดอำนาจศาล คนละ 2 เดือนแต่คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงเห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาที่ 2-3 อุทธรณ์ ระหว่างนั้นผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์จึงจำหน่ายคดีเฉพาะผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ออกจากสารบบความ
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนแล้วเห็นว่า นางสุดสงวนจบปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทจากสหรัฐ ย่อมทราบดีถึงกระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาล การนำพวงหรีดมาวางหน้าศาลและร้องเพลงเสียดสี ถือว่าไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย เป็นเรื่องร้ายแรง แม้ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนก็ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ แต่พิพากษาแก้ให้เปลี่ยนจากโทษจำคุก เป็นกักขังนางสุดสงวน แทน เป็นเวลา 1 เดือน นอกนั้นให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสุดสงวน ได้ยื่นประกันตัวระหว่างฎีกา ซึ่งศาลอนุญาตให้ประกันตัวโดยตีราคาประกันเป็นเงินสด 5 หมื่นบาท ส่วนบรรยากาศที่ศาลแพ่ง มีกลุ่มแนวร่วม นปช. มาให้กำลังใจพร้อมมอบดอกไม้ให้จำนวนมาก โดยมีกำลังตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ดูแลความเรียบร้อยบริเวณถนนรัชดาภิเษก และมีกำลังตำรวจจาก สน.พหลโยธิน ดูแลความเรียบร้อยภายในอาคาร และโดยรอบศาลแพ่ง
อสส.-ฟิลลิปมอร์ริสแจงนัดฟ้อง
วันที่ 26 พ.ย. บริษัทฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ออกแถลงการณ์ว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา อัยการแจ้งมายังฟิลลิป มอร์ริส ไทยแลนด์ ว่าให้ผู้แทนบริษัทเข้าพบเพื่อรายงานตัวต่ออัยการภายใน 3 วัน ในฐานะที่บริษัทให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่มาตลอดนายทรอย เจ ม้อดลิน ผู้จัดการสาขาของฟิลลิป มอร์ริส ไทยแลนด์ ได้ปฏิบัติตามคำสั่ง ของอัยการ โดยทันที เดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ โดยเร็วที่สุดและเดินทางไปยังสำนักงาน อัยการฯ เพื่อรายงานตัวเมื่อบ่ายวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสำนักอัยการฯก็รับทราบถึงการมาพบอัยการในบ่ายวันเดียวกัน
แถลงการณ์ระบุว่า ในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในไทยมานานกว่า 25 ปี และเรามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าเรามิได้กระทำผิดใดๆ หวังว่ารัฐบาลปัจจุบันจะทบทวนคดีที่เกี่ยวข้องกับด้านศุลกากรนี้ ด้วยความเป็นธรรมและรักษาคำมั่นที่ไทยได้ยืนยันอย่างเปิดเผยกับประเทศฟิลิปปินส์และประชาคมการค้าระหว่างประเทศว่า จะดำเนินการให้สอดคล้องกับพันธกรณี ที่มีอยู่ต่อองค์การการค้าโลก
รายงานข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าวันที่ 25 พ.ย. นายทรอย เจ ม้อดลิน ผู้ต้องหาที่ 1 ตัวแทนบริษัท และทนายความ เดินทางมาที่สำนักงานอัยการฯจริง แต่มาช่วงเวลา 16.30 น. ซึ่งเลิกทำการแล้ว เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้บุคคลดังกล่าวมาตามเวลานัดในวันที่ 27 พ.ย.นี้ ถ้านายทรอย เจ ม้อดลิน มาฟังคำสั่งในวันที่นัด อัยการจะยื่นฟ้องเฉพาะนิติบุคคลฟิลลิป มอร์ริสฯไปก่อน ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ ที่เป็น คนไทยค่อยฟ้องตามเข้าไปเดือนม.ค.2559
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ อสส. มี คำสั่งฟ้องเด็ดขาดให้ฟ้องคดี บริษัทฟิลลิปฯ และผู้ต้องหาหลายรายในฐานความผิดร่วมกันกรณีหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงค่าภาษีศุลกากร ตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 (จำนวน 274 ใบขนสินค้าขาเข้า) โดยนัดให้ผู้ต้องหามาพบอัยการ เพื่อนำตัวไปฟ้องคดี ที่ศาลอาญาในวันที่ 25 พ.ย. แต่ได้เลื่อนไปเป็นวันที่ 19 ม.ค.2559 นั้น ขอให้เป็นการเลื่อนครั้งสุดท้าย และต้องดูเหตุผลสมควร เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาประวิงคดีให้ชักช้า และช่วงเวลาที่อัยการให้เลื่อนคดีไป 2 เดือนนี้ ถือว่า เพียงพอที่บริษัทฟิลลิปฯ จะเตรียมตัวเข้าสู่การพิจารณาคดีของศาลอาญาได้
ผบ.ตร.แถลงจับแก๊งป่วน ปัดจัดฉาก แฉมีแผนลอบฆ่าวีไอพีบุกยึดค่ายทหาร-ล่าอีก 7 แจงยิบขอนแก่นโมเดล เด้งผู้การลำปางเก็บกรุ ปล่อยกลุ่มต้านเคลื่อน
ตร.แถลงจับ 2 คนร้ายจ้องป่วนกรุง ประทุษร้ายคนสำคัญ
- มติชนออนไลน์ :
รวบตัว - ตำรวจคุมตัว จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อดีต ตชด. และนายณัฐพล ณวรรณ์เล (รูปเล็ก) ผู้ต้องหาเตรียมก่อเหตุในกรุงเทพฯ สังหารบุคคลสำคัญและผิดมาตรา 112 สอบสวนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน
@ ตร.แถลงจับ'2 คนร้าย'ป่วนเมือง
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม (ผบก.ผอ.) รับมอบตัว จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อดีตตำรวจตระเวนชายแดน และนายณัฐพล ณวรรณ์เล ผู้ต้องหาในคดีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เนื่องจากพบพฤติกรรมมีการสื่อสารตระเตรียมก่อเหตุวุ่นวายใน กทม. ประทุษร้ายคนสำคัญ จาก พล.ต.วิจารณ์ จดแตง นายทหารพระธรรมนูญ หัวหน้างานฝ่ายกฎหมายในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมีทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์และตำรวจคอมมานโด กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) คุมตัวอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์นำคณะสอบปากคำและให้แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจตรวจร่างกายผู้ต้องหา ก่อนแยกสอบสวนเบื้องต้น โดยมีทนายความที่ตำรวจจัดหาให้ร่วมสอบสวน
@ โยงกลุ่มขอนแก่นโมเดล
จากนั้นเวลา 15.00 น. ที่ห้องศรียานนท์ พล.ต.อ.จักรทิพย์นำคณะแถลงข่าว โดยแสดงแผนผังการดำเนินคดีและเครือข่ายของกลุ่มผู้ต้องหา พล.ต.ต.ชยพลแถลงว่า จ.ส.ต.ประธินและนายณัฐพลอยู่ในกลุ่มที่ร่วมกันหมิ่นสถาบันฯ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มขอนแก่นโมเดลที่ถูกจับกุมดำเนินคดีในปี 2557 โดยเฉพาะ จ.ส.ต.ประธินนั้นเคยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ.เมืองขอนแก่น ต่อมาขยายผลจับกุมเครือข่ายนี้ได้อีก รวม 26 คน สืบสวนตรวจค้นพบว่ากลุ่มนี้มีแนวคิดก่อการร้าย ซ่องสุมกำลังพล อาวุธ พร้อมจะยึดค่ายทหาร ตำรวจและหน่วยราชการมีการตรวจค้นพบครอบครองอาวุธปืน อาวุธสงคราม กระสุนปืน วัตถุระเบิด มีการส่งข้อความทั้งในเฟซบุ๊ก แอพพลิเคชั่นไลน์ และยูทูบ ในกลุ่มเครือข่ายหมิ่นสถาบันฯ พฤติการณ์คือร่วมกันวางแผน ตระเตรียมสะสมอาวุธ กำลังพล เพื่อต่อต้านปฏิวัติรัฐประหาร โดยใช้วิธีการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายและความปั่นป่วนในหมู่ประชาชน ครั้งนั้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ขณะยังเป็นรอง ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ขณะรักษาราชการแทน ผบช.ภ.1 เป็นหัวหน้าและรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มีความเห็นสั่งฟ้องในข้อหาสมคบกันเพื่อก่อการร้าย มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อนุญาตให้ได้มีวัตถุระเบิด ยุทธภัณฑ์ ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ส่งพนักงานอัยการศาลทหารเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2557 และอัยการสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2557 คดีอยู่ในชั้นศาล ผู้ต้องหาได้ประกันตัวออกไป
@ เผย 9 คนเคลื่อนไหวเตรียมการ
พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า ล่าสุดตำรวจได้รับการประสานข้อมูลจาก คสช.พบว่า จ.ส.ต.ประธินยังคงเคลื่อนไหวในพฤติการณ์เดิมๆ ครั้งนี้ร่วมกับพวกอย่างน้อย 8 คน รวมแล้ว 9 คน มีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดซ้ำ ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีพฤติการณ์คือกระทำความผิดโดยการส่งข้อความอันหมิ่นสถาบันเบื้องสูงผ่านทางโซเชียลมีเดีย ทั้งแอพพลิเคชั่นไลน์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และยูทูบ นอกจากนี้ยังพบว่าบุคคลกลุ่มนี้มีแนวคิดเตรียมก่อเหตุรุนแรง โดยมีการปรึกษาหารือกันในการตระเตรียมอาวุธที่จะนำเข้ามาก่อเหตุในช่วงเทศกาลและกิจกรรมสำคัญต่างๆ หลายพื้นที่ โดยมีผู้สั่งการเชื่อมโยงเครือข่ายในต่างประเทศ
@ คสช.แจ้งความร้องทุกข์
"ต่อมาทาง คสช.มอบหมายให้ พล.ต. วิจารณ์ จดแตง เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่ บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พล.ต.อ.จักรทิพย์จึงมีคำสั่ง ตร.ที่ 682/2558 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มี พล.ต.อ.ศรีวราห์เป็นหัวหน้า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และ พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี (รอง ผบช.กมค.) เป็นรองหัวหน้า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหารทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัดและเชื่อว่ามีผู้กระทำความผิด 9 คน คือ 1.จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 112/6 หมู่ 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 43/2558 และ 52/2558 2.นายณัฐพล ณวรรณ์เล อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 166 หมู่ 8 ต.สะอาด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 44/2558 3.นายพิษณุ พรหมสร อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 203/45 หมู่ 9 ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 45/2558 4.นายวัลลภ บุญจันทร์ อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 88/248 หมู่ 3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 46/2558
"5.นายฉัตรชัย ศรีวงษา อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 13 หมู่ 16 ต.บรบือ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 47/2558 6.นายมีชัย ม่วงมนตรี อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 141 หมู่ 18 ต.จังหาร อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 48/2558 7.นายธนกฤต ทองเงินเพิ่ม อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 133 หมู่ 6 ต.ท่ากระเสริม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 49/2558 8.นายวีรชัย ชาบุญมี อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 109 หมู่ 8 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 50/2558 และ 9.นายพาหิรัณ กองคำ อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 16 หมู่ 3 ต.โคกกว้าง อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 51/2558 ร่วมกันก่อเหตุตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน ถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน เหตุเกิดที่บ้านของ จ.ส.ต.ประธิน" พล.ต.ต.ชยพลกล่าว
@ ไล่ล่าอีก 7 คนหลบหนี
พล.ต.ต.ชยพลกล่าวต่อว่า เบื้องต้นทั้งหมดถูกศาลทหารกรุงเทพอนุมัติหมายจับในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดซ้ำในฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เชิญตัวมาสอบถามพร้อมควบคุมตัว จ.ส.ต.ประธิน และนายณัฐพลไว้ตามกฎหมาย ม.44 ครบกำหนดการควบคุมตัวส่งมอบให้พนักงานสอบสวน ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ 7 คน หลบหนี จะติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
"จ.ส.ต.ประธินมีแนวคิดเรื่องการสร้างโมเดลขึ้นมา เรียกว่าขอนแก่นโมเดล มีการสะสมบุคคล สะสมอาวุธ มีการวางแผน เมื่อเกิดการทำรัฐประหารหรือสิ่งที่เขาเชื่อว่าไม่ถูกต้องจะใช้กำลังคนและอาวุธที่เขารวมอยู่เข้าทำการยึดค่ายทหาร ค่ายตำรวจ ขณะที่นายนายณัฐพลจัดหาอาวุธสำหรับเตรียมการไปก่อเหตุ การจับกุมครั้งนี้ได้เตรียมอาวุธเอาไว้เพื่อส่งมอบให้แก่ จ.ส.ต.ประธินนำไปใช้ก่อเหตุรุนแรง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทหารและตำรวจเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านของนายวีรชัย 1 ใน 9 ผู้ต้องหา พบอาวุธของกลางจำนวนหนึ่ง มีความเชื่อมโยงกันระหว่างนายณัฐพลและนายวีรชัย โดยจัดหาอาวุธร่วมกัน ทั้งนี้ มีข้อมูลชัดเจนว่า นอกจาก จ.ส.ต.ประธินแล้ว ยังมีนายมีชัย นายธนกฤต และนายพาหิรัณ รวมแล้ว 4 คนที่เป็นผู้ต้องหาอยู่ในกลุ่มขอนแก่นโมเดลในปี 2557" พล.ต.ต.ชยพลกล่าว
@ "จักรทิพย์"ยันของจริงปัดจัดฉาก
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ขอยืนยันว่าขบวนการนี้มีจริง ไม่ได้อ้างขึ้นมาแต่อย่างใด มีการข่าว มีการควบคุมตัวจริง และมีอาวุธยุทโธปกรณ์จริง เรื่องนี้ไม่น่าจะคิดได้ว่าเป็นการจัดฉาก ยืนยันว่ามีจริง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจเฝ้าระวังหาข่าวจับตาความเคลื่อนไหวกลุ่มขอนแก่นโมเดลและกลุ่มอื่นๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้น จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่านอกจากกลุ่มนี้มีบางกลุ่มพยายามเคลื่อนไหวเตรียมก่อเหตุอยู่บ้าง เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตาม ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงได้เพิ่มความเข้มในการดูแลความสงบแล้ว รวมทั้งวางกำลังดูแลความปลอดภัยในกิจกรรมสำคัญด้วย
ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า กรณีนี้เป็นการสืบสวนทราบจาก คสช.ว่าอาจมีการก่อเหตุหรือไม่ประสงค์ดีต่อชาติบ้านเมือง ไล่ตรวจสอบแอพพลิเคชั่นไลน์และไล่หาหลักฐานไปปรากฏว่าเป็นคนกลุ่มนี้ โดย จ.ส.ต.ประธินถูกนำตัวไปค้นบ้านและพบหลักฐานจนไปสู่การออกหมายจับ
"ส่วนก๊วนของเขาเป็นกลุ่มเดิมที่มาตั้งแต่ถนนอักษะไล่ไปขอนแก่นโมเดลจนถึงปัจจุบันนี้ จากการตรวจสอบบ้านของผู้ที่ถูกออกหมายจับ บางบ้านพบอาวุธพร้อมกระสุน เป็นเรื่องที่ทางทหารสืบสวนต่อเนื่องเพื่อขยายผลในการยึดอาวุธต่อไป ขณะนี้เพียงการสอบสวนเบื้องต้น ข้อมูลที่ทหารส่งมา ต้องบอกว่าเขายืนยันหรือว่าพาดพิงว่ากระทำผิดจริง โดยทางกองทัพตรวจสอบดูหลักฐานแล้ว มีการยอมรับ มันมีหลักฐานจริง พฤติกรรมคือทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย จะเอาชีวิตใครได้หรือไม่บอกได้เพียงว่าเป็นกลุ่มที่มีอาวุธ สามารถเกิดอะไรขึ้นได้ทั้งนั้น ส่วนเป้าหมายคืออะไรยังไม่ทราบต้องรอสอบสวน รู้แค่ว่ามีอาวุธ กลุ่มนี้มีศักยภาพพอที่จะก่อเหตุต่อค่ายทหาร ที่ตั้งตำรวจ ทำรุนแรงแค่ไหน คงตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะก่อเหตุที่ค่ายเล็กหรือค่ายใหญ่ แต่จากการสืบสวนสำนวนขอนแก่นโมเดลเดิม ปรากฏว่ากลุ่มนี้มีอาวุธอยู่ในครอบครองจำนวนมาก แสดงว่ากลุ่มนี้เตรียมจะก่อเหตุวุ่นวายขึ้นแน่นอน และคาดว่าเพียงพอต่อการประสงค์ร้ายต่อบุคคลสำคัญ อย่างไรก็ดี วิธีก่อเหตุมีมากมาย ก่อเหตุคนเดียวก็ได้" รอง ผบ.ตร.กล่าว
@ ขังเรือนจำชั่วคราวมทบ.11
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มนี้เป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์เสื้อแดงหรือไม่ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ทราบ บอกไม่ได้ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือตำรวจและกองทัพกำลังสืบหาตัว ผบ.ตร.สั่งกำชับให้เอาตัวผู้ต้องหามาให้ได้เร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พวกนี้จะก่อเหตุป่วนในกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อจริงหรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ไม่ทราบเพราะเหตุยังไม่เกิด แต่กลุ่มนี้มีอาวุธ จึงยับยั้งไว้ก่อน เมื่อถามต่อว่ากลุ่มนี้เชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่หน้าห้างสยามพารากอนและศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก หรือไม่ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่ยืนยัน ต้องรอสอบสวนเชิงลึกก่อน ยืนยันว่าเขามีอาวุธร้ายแรง แต่ตอบไม่ได้ว่าพัวพันกับเหตุการณ์ทั้งหมดหรือไม่ ส่วนการเชื่อมโยงคนในต่างประเทศก็บอกไม่ได้ เป็นความลับอยู่ในสำนวน เช่นเดียวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินและที่มาของอาวุธอยู่ในสำนวนเช่นกัน
"การสืบสวนสำนวนเดิมมีการกระทำผิดจริง แต่จะป่วนหรือไม่นั้น เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้นเลยตอบไม่ได้ แต่มีอาวุธถือว่าเป็นเหตุแล้ว มีข้อมูลหลักฐานชัด มีพฤติการณ์ชัดในสำนวนไม่เช่นนั้นศาลไม่อนุมัติหมายจับหรอก จากนี้ต้องรอทหารส่งพยานหลักฐานทุกอย่าง รวมทั้งอาวุธที่ยึดได้มาให้พนักงานสอบสวนก่อน จึงจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้ ตอนนี้เป็นเพียงการสกัดกั้นเหตุการณ์ไว้ก่อน ตามนโยบายของ ผบ.ตร. แต่ถ้าขยายผลไปถึงใครจะต้องดำเนินการ" รอง ผบ.ตร. กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ภัคพงษ์เปิดเผยภายหลังสอบสวนผู้ต้องหาในเบื้องต้นว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนยังไม่รับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวน จะคุมตัวฝากขังต่อศาลทหาร จากนั้นจะนำตัวควบคุมที่เรือนจำชั่วคราว มทบ.11
@ "บิ๊กตู่"ปัดกุข่าวกลบราชภักดิ์
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า มีการตรวจสอบทางการโพสต์ข้อความถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการ กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ต้องมีการสืบสวนสอบสวน ไม่ใช่จะเอามาปิดบังกรณีความผิดปกติการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์
"กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ เพราะยึดโยงกับขอนแก่นโมเดล คนแรกอยู่ในกระบวนการและถูกจับกุมดำเนินคดีอยู่ อยู่ระหว่างขั้นตอนประกันตัวออกไป ถามว่าขู่งานนี้ คนพวกนี้ทำไมมันกล้า ต้องดูความผิดอย่างไร มีมูลหรือไม่มีมูล ศาลไปตัดสินกัน ไปสู้คดีกัน การออกมาข่มขู่มันผิดหรือไม่ ไม่ต้องข่มขู่ผม จะขู่ผมก็ขู่ไป เขาพวกไหนเล่า สีอะไร เขาประกาศตัวว่าเป็นอะไร นปช.ไม่ใช่หรือ แล้วบอกว่าไม่รับผิดชอบ ไม่เกี่ยว มา บอกว่ารัฐบาลสร้างภาพเพื่อกลบเกลื่อนอุทยานราชภักดิ์ ผมก็พูดตรงๆ ของผมแบบนี้ ที่มันเกิดขึ้นมาวันนี้ กระบวนการตามกฎหมายเดินหน้ามาตลอด ใครผิดว่าไปตามผิด แล้วทำไปทำไม จะสร้างความสับสน สร้างอันตราย ประทุษร้าย มันไม่ได้ แล้วมาข่มขู่งานนี้ด้วย" นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่า มีการข่มขู่แล้วยังลงพื้นที่อีสานได้อีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ลงพื้นที่ได้ทั้งนั้น เรื่องเสี่ยงชีวิตวันนี้ก็เสี่ยงอยู่แล้ว ไม่กลัว คิดว่าวันนี้ไม่เสี่ยงหรือไง จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จยังไม่รู้เลย ประเทศชาติจะอยู่อย่างไร ไม่รู้สึกกันบ้างหรืออย่างไรว่าสถานการณ์วันนี้อันตรายมากแค่ไหน วันนี้ต้องร่วมมือกับรัฐบาลให้ประเทศชาติเดินหน้าไปให้ได้
@ "บิ๊กป้อม"โยนตำรวจแจงเอง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กำลังสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้อยู่ ศาลได้ออกหมายจับไปแล้ว จากนั้นจะมีการสอบสวนว่าขบวนการเป็นอย่างไร ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าจะมีแผนลอบทำร้ายบุคคลสำคัญในรัฐบาลนั้น ต้องไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการรายงานเบื้องต้นตำรวจระบุว่ามีข่าวว่าจะเป็นแบบนั้น ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยมีการดูแลเฝ้าระวังอยู่ เมื่อถามย้ำว่า นอกจากผู้ต้องหาที่มีการจับกุมได้ยังมีแนวร่วมที่ยังอยู่ในเครือข่ายอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "คุณไปหามาสิ ผมจะไปรู้ได้อย่างไร เดี๋ยวให้ตำรวจเขาดู" เมื่อถามต่อว่า ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลมองว่ากรณีนี้เป็นปฏิบัติการข่าวสาร (ไอโอ) ซึ่งอาจจะไม่มีผู้เตรียมก่อเหตุจริง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "มีจริงหรือไม่มีจริง แต่ศาลได้ออกหมายจับไปแล้วเพราะมีหลักฐาน ส่วนจะเป็นอย่างไรรอให้ตำรวจเข้าสอบสวนก่อน"
@ นปช.ยันไม่คิดลอบทำร้าย
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องกังวลและระแวงจนเกินเหตุ ขอยืนยันว่า นปช.ไม่มีแนวคิดหรือแนวทางทางการทหาร วันนี้มีเพียงแนวคิดในทางการเมืองเท่านั้น ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้อำนาจมาจากแนวทางการทหาร ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ระแวงไปทั่ว ขอถามว่าใครจะไปทำร้ายหรือไปทำอะไร นายกฯมีทหารทั้งกองทัพ มีรถหุ้มเกราะกันกระสุนคันละตั้งหลายสิบล้านบาท ใครจะกล้าทำร้าย มีแต่ตายกับตายเท่านั้น ดังนั้น อย่าเอาเรื่องนี้มาเบี่ยงเบนประเด็นการสอบทุจริตอุทยานราชภักดิ์ดีกว่า ถ้าผิดก็ออกมายอมรับว่าผิด แล้วขอโทษ หาทางแก้ไขให้ตรงจุด พร้อมเสนอแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
@ เด้งผู้การลำปางเหตุมีกลุ่มต้าน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามในคำสั่ง ตร.ที่ 687/2558 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน ให้ พล.ต.ต.กริช กิติลือ ผบก.ภ.จว.ลำปาง ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบ.ตร.มอบหมาย โดยให้ พล.ต.ต.นิยม ด้วงสี ผบก.ภ.จว.น่าน รรท.ผบก.ภ.จว.ลำปาง และให้ พล.ต.ต.ภาดล ประภานนท์ ผบก.อก.สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รรท.ผบก.ภ.จว.น่าน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยในคำสั่ง ผบ.ตร.ไม่ได้ระบุเหตุผลที่มีคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ออกคำสั่งดังกล่าวหลังจากทหารในพื้นที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในพื้นที่ จ.ลำปาง
@ กมธ.การเมืองชงส.ส.300+200
ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายกล้านรงค์ จันทิก เป็นประธาน ได้ประชุมพิจารณาเสนอความเห็นเกี่ยวกับการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญตามที่ กมธ.สามัญพิจารณา ศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ สนช. ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 เป็นประธาน ได้ร้องขอ โดยที่ประชุม กมธ.การเมืองได้มีมติดังนี้ 1.ที่มาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการเลือกตั้ง ที่ประชุมเห็นควรให้กำหนดองค์ประกอบของสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย สมาชิกจำนวน 500 คน โดยจำแนกเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 300 คน และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จำนวน 200 คน ขณะที่รูปแบบของบัตรเลือกตั้ง ส.ส.ควรใช้บัตรเลือกตั้ง 2 บัตร โดยแยกสำหรับเลือก ส.ส.และบัตรสำหรับเลือกพรรคการเมือง ส่วนการกำหนดเขตเลือกตั้งควรใช้รูปแบบเขตเล็กโดยมี ส.ส. 1 คน ในหนึ่งเขต นอกจากนี้ 2.ที่มาของนายกรัฐมนตรีควรมาจากการเลือกของ ส.ส. 3.ที่มาของ ส.ว.ควรมาจากการสรรหาทั้งหมด และ 4.เห็นควรให้มีองค์กรหรือคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่แก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการประจำคณะ กมธ.ส่งมติดังกล่าวไปให้ กมธ.สามัญพิจารณา ศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ รวบรวมเพื่อสรุปความเห็นและส่งต่อไปให้ กรธ.ต่อไป
@ "บิ๊กตู่"แจง10 ข้อเสนอไม่ใช่สั่ง
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการประชุมแม่น้ำ 5 สายเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า เพื่อสอบถามและรับทราบความก้าวหน้า รับฟังแนวทางของการวางกรอบการทำงาน ได้อธิบายไปด้วยว่า 10 ข้อที่เสนอไปนั้นไม่ใช่การสั่งการของตน เพียงแต่เป็นการแจ้งข้อมูลให้ทราบและให้พิจารณาเท่านั้นว่าข้างล่างคิดเห็นอย่างนี้ ตนไม่ได้ปิดกั้นใครและจะมีการส่งให้ไปตลอด ส่งไปอีกไม่ว่าใครส่งมาให้ตนก็จะส่งต่อไปให้ เมื่อถามว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้บอกว่ามีปัญหาใดบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนเป็นคนกำหนดขั้นตอน ทำไมนายมีชัยจะต้องเป็นคนมารายงานกับตน ขณะนี้ไม่มีปัญหา ควรสร้างการรับรู้ต่อไป อย่าสร้างความขัดแย้ง สื่ออย่าไปขยายความ
@ เร่งสรุปปมปฏิรูปส่งสปท.
เมื่อถามว่า สำหรับความคิดเห็นของ ครม.ถึงข้อเสนอแนะเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญนั้นจะส่งไปให้ กรธ.เมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กำลังรวบรวมทำไปเรื่อยๆ และในสัปดาห์หน้าจะส่งเรื่องปฏิรูปไปว่ารัฐบาลได้ทำอะไรมาแล้ว และจากนี้ไปถึงกรกฎาคม 2560 นั้น จะเน้นเรื่องอะไร ไม่อย่างนั้นคงจะทำอะไรไม่ทันเพราะมีหลายเรื่อง เกรงว่าประชาชนจะสับสนว่าเรื่องไหนทำหรือยังไม่ทำ หรือไม่ทำอะไรเลย ทุกประเทศมีขั้นตอน มีกระบวนการ ตั้งแต่รับฟังความคิดเห็น ใครจะเคลื่อนไหวเคลื่อนขบวน ถ้าเตือนกันแล้วไม่เชื่อก็ต้องทำตามกฎหมายที่มีอยู่ ยกเว้นกฎหมายได้หรือ เมื่ออนุโลมผ่อนผันไปแล้วก็เข็ดหลาบกันเสียที่ไหน โน่นไปสอนคนเหล่านั้นบ้าง ไม่ใช่มาไล่แต่ตน คนที่บังคับใช้กฎหมาย
@ "นพดล"ค้านกลไกผ่าทางตัน
นายนพดล ปัทมะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงข้อเสนอของ กรธ.ที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ผ่าทางตันโดยการใช้มาตรา 7 ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าจะให้ผ่าอย่างไร มาตรา 7 เป็นเรื่องการอุดช่องโหว่ไม่ใช่การทะลวงทางตัน ตนอยากให้ กรธ.ศึกษาการใช้รัฐธรรมนูญในรอบหลายปีที่ผ่านมา ว่าข้อเสนอคิดรอบคอบแล้วหรือ บทบาทศาลรัฐธรรมนูญคือการตีความรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้องและต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด ขอถามว่าที่ผ่านมาบางครั้งทางตันทางการเมืองเกิดจากการตีความกฎหมายใช่หรือไม่ ส่วนวิกฤตการเมืองควรแก้ด้วยการเมือง ตนเชื่อว่าผู้ที่จะผ่าทางตันของประเทศคือคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่องค์กรอิสระองค์กรใด
"ปัญหาของไทยจึงไม่ใช่การขาดกลไกในการผ่าทางตัน แต่ปัญหาคือการทำให้กลไกต่างๆ ทำงานด้วยความเท่าเทียม เป็นธรรมกับคนไทยทุกคน และต้องให้คนที่ก่อให้เกิดทางตันรับผลตามกฎหมายจากการกระทำของตน กฎหมายต้องไม่เหมือนดาบที่ทู่กับฝ่ายตนเองแต่แหลมคมกับฝ่ายตรงข้าม" นายนพดลกล่าว
@ มาร์คไม่ตื่นเต้นจม.อียูเชิญ"ปู"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่รัฐสภายุโรป (อียู) ส่งจดหมายเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองว่า ไปพูดว่าจดหมายเชิญจากอียูไม่ได้ เพราะลักษณะของจดหมายชัดเจนว่าสมาชิกรัฐสภายุโรป 2 คน เป็นเรื่องการเชิญส่วนตัวจากลักษณะของจดหมาย จึงเห็นว่าตื่นเต้นกันไปเปล่าๆ และไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวอะไรหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาทั้งสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาเห็นบทบาทของผู้แทนราษฎรแสดงท่าทีโดยทำหนังสือแบบนี้ ทั้งที่บางคนอาจเป็นความสนใจส่วนตัว ความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่บางคนปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลงานของการทำล็อบบี้ เพราะว่าของแบบนี้ในต่างประเทศเป็นที่ทราบกันดีว่าจะมีบริษัทที่ปรึกษารับทำงาน
"สมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ชัดเจนว่าเคยมี โดยนายทักษิณเคยจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์หรือบริษัทล็อบบี้ยิสต์ อย่างน้อยที่สุดก็ในสหรัฐอเมริกา ส่วนในยุโรปนั้นผมไม่ทราบ" นายอภิสิทธิ์กล่าว
@ หนุนที่มาส.ว.ทางอ้อม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ. ประเด็นที่มา ส.ว.ที่ให้มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมว่า ส่วนตัวนั้นเห็นว่าประเทศมีประสบการณ์มาหมดแล้ว เพราะมี ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งและเลือกตั้ง หรือ ส.ว.ที่มาจากการสรรหากับเลือกตั้งก็เคยมี ดังนั้นจึงคิดว่าเดินมาถึงจุดที่ประชาชนจะมีโอกาสเลือก เพราะเคยมีบทเรียนว่าการเลือกโดยตรงจากพื้นที่ไม่สามารถสลัดความเป็นการเมืองแบบพรรคการเมืองฐานเสียงได้ น่าจะลองพิจารณาว่าสามารถใช้วิธีการเลือกตั้งโดยใช้ฐานอื่นได้หรือไม่ ให้ประชาชนทุกคนขึ้นทะเบียนตัวเองว่าเป็นอาชีพอะไร เช่น สื่อสารมวลชน นักการเมือง นักวิชาการ และเกษตรกร เป็นต้น จากนั้นให้มาดูสัดส่วนว่าสัดส่วนของสภาควรจะประกอบไปด้วยองค์ประกอบอะไรบ้าง ให้มีความหลากหลายที่ไม่ใช่เพียงวิชาชีพอย่างเดียว อาจจะมีชนกลุ่มน้อย หรือกลุ่มเคลื่อนไหวเฉพาะเรื่อง เช่น สิ่งแวดล้อม แล้วให้คนกลุ่มนั้นเลือกกันเอง สมัครกันเอง ตนเห็นว่าน่าจะเป็นหนทางที่ควรจะทำ แม้อาจจะยังดูยุ่งยากสลับซับซ้อน แต่คิดว่าไม่ได้เกินความสามารถ เพราะในยุคนี้การจัดทำฐานข้อมูลต่างๆ ไม่ได้ยากขนาดนั้น จึงเห็นว่าวิธีนี้น่าจะทำให้เกิดความชอบธรรม และหลบจากปัญหาที่ว่าเป็นสภาซ้อนสภาผู้แทนฯ
@ "วัฒนา"ร่อนจม.ปมคดีข้าว
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เรื่องความรับผิดทางละเมิดว่า ตามที่นายกฯได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 448/2558 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ลงวันที่ 3 เมษายน 2558 เนื่องจาก ป.ป.ช.ได้ส่งความเห็นให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวนั้น มีความเห็นว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจที่จะเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าเสียหาย ดังนี้ 1.การรับจำนำข้าวอันเป็นโครงการเพื่อประโยชน์สาธารณะ 2.โครงการรับจำนำข้าว ดำเนินการโดยผ่านการประเมินความคุ้มค่าของของโครงการตาม พ.ร.ก.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 และแถลงเป็นนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว 3.ข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.ไม่ชอบ 4.โครงการรับจำนำข้าวและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือเหยื่อทางการเมืองตามทฤษฎีสมคบคิด มีการสร้างวาทกรรมทางการเมืองเพื่อใส่ร้ายโครงการ
@ รบ.ทำโพลเช็กเรตติ้ง 1 ปี
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้บริหารประเทศครบ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2557-12 กันยายน 2558 จึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนว่ามีความพึงพอใจต่อการบริหารงานมากน้อยเพียงใด หรือมีสิ่งใดที่ต้องพัฒนาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อนำข้อมูลที่ได้รับไปผสมผสานกับข้อมูลด้านอื่นๆ ที่มีอยู่ สำหรับใช้ประโยชน์ในการวางแผนกำหนดนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง
"เจ้าหน้าที่ของสำนักงานสถิติแห่งชาติจะลงพื้นที่ทั่วประเทศพูดคุยกับประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ครัวเรือนละ 1 คน รวมจำนวน 7,200 คน ในระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน-4 ธันวาคม 2558 ซึ่งจะครอบคลุมทั้งประเด็นนโยบายการดำเนินงานของรัฐบาลในแต่ละด้านและความพึงพอใจต่อการทำงานของรัฐบาล โดยขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับเจ้าหน้าที่" พล.ต.สรรเสริญกล่าว และว่า พล.อ.ประยุทธ์กำชับให้เร่งรัดสำรวจความคิดเห็นและพัฒนาไปสู่การเป็นองค์กรสำรวจความคิดเห็นระดับชาติ หรือเนชั่นแนล โพล ที่มีความเป็นกลางและน่าเชื่อถือ เน้นย้ำว่าไม่ว่าผลสำรวจจะออกมาเป็นเช่นไร รัฐบาลยินดีรับฟังทุกความคิดเห็น