- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 26 November 2015 10:36
- Hits: 3514
จม.ถึง'ปู'ของจริง แต่เชิญส่วนตัว'เต้น'โร่แจ้งตร. ทหารเฝ้าบ้าน
บัวแก้วแจง จ.ม.เชิญ'ปู'ของจริง 'ปึ้ง'สวนปมล็อบบี้อียู ให้'ดอน'ไปล็อบบี้เชิญ'บิ๊กตู่' ไปพูดบ้าง'เต้น'ขอลงบันทึกประจำวัน เหตุทหารตามเฝ้าหน้าบ้านตลอด 3 เดือน แนะ'นายกฯตู่'อย่าใช้อารมณ์ ทบทวนท่าทีต่ออาจารย์ หลังหลุดคำพูดเรื่องโยนระเบิด 'ประยุทธ์'โวยอจ.ทำชาติเสียหายมากกว่าตัวเองเสียอีก เพราะทำให้ต่างชาติเข้าใจผิด ตร.แจงจับ 3 ผู้ต้องหาจ้องป่วน เผยข้อมูลทหารชี้ว่ากลุ่มนี้เตรียมก่อเหตุไม่สงบในกทม.
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9129 ข่าวสดรายวัน
ลอยกระทง- น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ "น้องไปป์"ศุภเสกข์ อมรฉัตร ลูกชายพร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย มาลอยกระทงบริเวณท่าน้ำจ.นนทบุรี โดยมีทหารมาสังเกตการณ์และบันทึกภาพเหมือนทุกครั้ง เมื่อวันที่ 25 พ.ย.
'บิ๊กตู่'จวกอจ.ทำชาติเสียหาย
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวกับผู้ร่วมงานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสร้างผู้ประกอบการใหม่ เชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรมว่า วันนี้ต้องการให้เป็นไปตามโรดแม็ป วางพื้นฐานให้เกิดความเข้มแข็งภายในประเทศและสอดคล้องสภาพเศรษฐกิจโลก ที่ผ่านมาตนไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ทำเพื่อคนไทย ส่วนเรื่องประชา ธิปไตย ด้วยประเทศที่เป็นประชาธิปไตยก็ต้องพูดไปอย่างนั้น แต่การค้าลงทุนยังเหมือนเดิม ขออย่าให้ความสำคัญจนขาดความมั่นใจ อย่าเอาเรื่องเศรษฐกิจมาเกี่ยวโยงกับการเมือง ยืนยันทำทุกอย่างเพื่อคนไทย คนที่มาลงทุนและมาท่องเที่ยวในไทย
"เราต้องรื้อปัญหาทั้งหมด สิ่งสำคัญคือการศึกษาทุกระดับต้องเชื่อมโยงกันหมด การไม่เคารพกฎหมาย อ้างเรื่องประชาธิปไตย ครูอาจารย์บางคนก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้จนทำความเสียหายต่อประเทศมากกว่าผมเสียอีก เพราะทำให้เกิดความเข้าใจผิด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
โวยสร้างหลักฐานเท็จกล่าวหา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ข้าราชการเขาระวังตัว เพราะกลัววันหน้าการเมืองเข้ามาจะเดือดร้อนอีก สิ่งเหล่านี้กระทบการเดินหน้าทำงาน ขณะนี้การสร้างความขัดแย้งพร้อมจะเกิดขึ้นตลอด มีข่าวว่ามีการสร้างหลักฐานเท็จและการกล่าวหาต่างๆ ไม่รู้จะทำให้ตนอกแตกตายก่อนหรืออย่างไร เพราะโมโห ตนไม่ใช่คนใจเย็น มันเย็นไม่ได้เพราะประเทศรอไม่ได้ พยายามพูดให้ต่างชาติเข้าใจ การค้าขายเขาไม่ได้รังเกียจตน มีแต่ภาคการเมืองทั้งที่อยู่ในและต่างประเทศที่โจมตีตน ซึ่งไม่รู้ว่าเขาไม่อยากให้ประเทศเข้มแข็งหรืออย่างไร หรือต้องการให้ประเทศอ่อนแอเพื่อทำให้ชักจูงได้ง่าย
"การเมืองก็คือการเมือง การทำงานก็คือการทำงาน ไม่มีพวก ไม่มีเพื่อน ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง พวกไม่ดีก็อย่าเอามาทำงานใหญ่ อย่างพี่ผมเขาเข้ามาช่วยกันทำงาน แต่พอมีใครขับรถผ่านไปหน้าบ้าน แค่ขับรถผ่านยังไม่ได้เข้าบ้านก็หาว่าไปเข้าพบ ไปวิ่งเต้น อย่างคนที่ถ่ายรูปกับผมก็เหมือนกัน ผมถ่ายรูปกับคนเยอะ วันหน้าอย่าลบแล้วบอกว่าไม่รู้จักกัน พอผมบอกว่าเหนื่อยก็มีพวกการเมืองถามว่าจะเข้ามาทำไม ก็ขอโทษแล้วกัน ที่เข้ามาเพราะทนเห็นประชาชนเดือดร้อนไม่ได้ ไม่อยากให้ประเทศเป็นรัฐล้มเหลว หากไม่เข้ามาไปถึงจุดนั้นแน่ จะมีสงครามกลางเมืองและมีเพื่อนๆ เข้ามาช่วยเหมือนกับที่เกิดปัญหาอยู่ขณะนี้ ผมขอให้อดทนอีกสักระยะหนึ่งเพราะสิ่งที่ทำไว้มันไม่มีความก้าวหน้า อดทนกับผมหน่อยเพื่อทำให้เกิดความก้าวหน้า ขอโทษที่พาดพิงใครให้เกิดความเสียหาย อย่าเสียใจเพราะผมก็เสียใจ เพราะผมไม่มีเจตนา" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ลั่น'ผมพังประเทศไทยพัง'
ที่ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปาฐกถาพิเศษแก่สมาชิกคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) ว่า ประเทศไทยพร้อมอำนวยความสะดวกให้นานาประเทศในทุกมิติ รัฐบาลนี้เข้ามาแก้ปัญหาทุกอย่างที่หมักหมมมานาน ซึ่งแก้ด้วยวิธีเดิมไม่ได้ ตนถึงต้องมายืนอยู่ตรงนี้ ขอให้ทุกคนทำความเข้าใจประเทศไทยด้วย เอาปัญหาทั้งหมดมาคลี่ดู ไทยจะช่วยอะไรได้บ้างเพื่ออำนวยความสะดวก แต่เราก็มีหลักการอยู่เช่นกัน ต้องฝากสมาคมหอการค้าประเทศต่างๆ ไปอธิบายรัฐบาลประเทศทุกคนด้วย
"ผมไม่ได้มาทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อคนไทย ประเทศไทย ตั้งแต่เข้ามาไม่เคยสร้างความเดือดร้อนหรือเกิดความเสียหาย สิ่งที่เป็นในวันนี้เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ผมเข้ามายุติความขัดแย้ง สร้างเสถียรภาพ นำทุกอย่างเข้ากระบวนการยุติธรรม ขจัดสิ่งไม่ดี บังคับใช้กฎหมายด้วยกฎหมายเดิมที่มีอยู่ ไม่ได้ใช้อำนาจทำทุกอย่างโดยไม่คิดไตร่ตรอง ไม่ได้รัฐประหารมาเพื่อประโยชน์ เพื่ออำนาจ เพื่อสืบต่อ ไม่ใช่ผม แต่ผมมาเพื่อแก้ไขสิ่งที่กำลังจะพังลงทั้งหมด ถ้าผมพังประเทศไทยพัง พวกท่านก็พังด้วย นี่คือเหตุผลที่อยากอธิบายความจำเป็น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ยันต้องเป็นปชต.เต็มใบจนได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญถึงอย่างไรต้องเต็มใบจนได้ แต่ต้องดูความพร้อมของเราว่ามีแค่ไหน ต้องขอเวลาอีกไม่นานจะให้ได้หรือไม่ ในประเทศก็ทวงยิกๆ ทุกวัน 2 ปีก็ยังไม่ไปสักที เพราะหลายอย่างเพิ่งเริ่มขึ้น ต้องใช้มาตรา 44 เพื่อให้การทำงานเดินได้ แต่ใช้อำนาจเชิงสร้างสรรค์ ส่วนคนทำผิดกฎหมายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าไม่ผิด ตนจะไปบังคับอะไรเขาได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่มีปัญหาในวันนี้คือการทำผิดกฎหมาย ยังมีการฝ่าฝืนให้เกิดแรงกระทบกับรัฐบาล กรุณาตรวจสอบด้วยใครพูดจริงพูดเท็จ ทั้งชีวิตตนทำให้แผ่นดินนี้มาตลอด ไม่เคยรังเกียจชาติใดที่อยู่ในประเทศไทย เป็นเจ้าบ้านที่ดีมาตลอด ตอนนี้ก็ทำให้ดีที่สุดในเวลาที่มีอยู่ ส่วนระยะที่ 2 ของโรดแม็ปต้องทำงานให้มากขึ้น ปฏิรูป 37 วาระใน 11 ด้าน ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ ทำให้ประชาธิปไตยเต็มใบในวันข้างหน้าให้ได้ ส่วนโรดแม็ประยะที่ 3 จะเริ่มเดือนก.ค. 2560 เมื่อการเลือกตั้งเรียบร้อยและมีรัฐบาล หากรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่จะปรับให้สอดคล้องกับสถาน การณ์ของไทย เรื่องสิทธิประชาชนสำคัญที่สุดโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ย้ำอีกไม่ได้รังแกนักการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปราบปรามทุจริต ขอบอกว่าตนไม่ใช่เปาบุ้นจิ้น ตนมีหน้าที่เป็นเหมือนหวังเฉา หม่าฮั่น ที่นำคนไปให้เปาบุ้นจิ้นพิจารณา ซึ่งเป็นตัวแทนของกฎหมาย ตนไม่ได้ทำอะไรใหม่เลย ไม่ได้ไปรังแกนักการเมือง เขาทำความผิดไว้แล้วแต่ไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และมีข้างนั้นข้างนี้ ขัดแย้งกันตลอด ตนแค่เอาเข้ากระบวนการไม่ได้เร่งรัดอะไร แม้กระทั่งโครงการรับจำนำข้าว ตนก็ไม่ใช่คนที่เอาเข้าไปดำเนินการ เป็นการทักท้วง ฟ้องร้ององค์กรอิสระ ตนแค่บอกว่าก็ไปพิจารณากัน แค่นี้ยังไม่รับกันเลยและจะทำยังไง
"ไอ้ที่เขาว่าผมไปรังแก ไม่เปิดเวที ก็พูดโครมๆ อยู่ทุกวัน สื่อก็ให้พูด อะไรก็ให้พูด เพียงแต่ขอว่าอย่ามาพูดเรื่องการเมืองในเวลานี้ ยังไม่ยอมเลย นั่นเหละคือสิ่งที่เป็นปัญหา และทำให้ความขัดแย้ง มันแก้ได้ช้าแต่ผมต้องแก้ให้ได้ อยู่ที่แต่ละประเทศจะเข้าใจผม เข้าใจประเทศไทยแค่ไหน เราเป็นเพื่อนกันมานาน ทำไมเราไม่มองไปข้างหน้าอีก 100 ปี อย่ามาพูดไอ้เรื่องเก่าตรงนี้ เรื่องความขัดแย้ง เรื่องประชาธิปไตยต่างๆ มองข้างหน้าไป และผมไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบของผม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวกับสมาชิก JFCCT ด้วยว่า "ผมสั่งท่านไม่ได้ แต่ท่านจะร่วมมือกับผมได้หรือไม่ และในประเทศผมยังสั่งใครไม่ได้ เพราะจะโดนหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่มั่นใจว่าประเทศไทยจะต้องดีขึ้นแน่นอนวีอาร์ สตรองทูเก็ตเตอร์ เราจะต้องเดินไปด้วยกัน"
เรียกถกวางกรอบปฏิรูป
ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมเพื่อวางกรอบการปฏิรูป โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท. นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายสุวพันธุ์ เปิดเผยถึงผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือการวางกรอบการปฏิรูปในภาพรวม เนื่องจากในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่ผ่านมา นายกฯได้สั่งการเรื่องการปฏิรูปโดยมอบหมายให้รองนายกฯทั้ง 6 คนทำเรื่องการปฏิรูป 8 ด้าน และให้ประสานกับ สปท.ด้วย วันนี้จึงมาทำกรอบการปฏิรูปร่วมกันให้เกิดความชัดเจน โดยสปท.ได้ทำกรอบในส่วนของตัวเอง ขณะที่ครม.ได้ทำในส่วนของเรา เป็นการมาจัดลำดับความสำคัญ และมาคุยกันว่าจะทำการปฏิรูปเรื่องอะไร อย่างไรบ้าง รวมถึงแม่น้ำแต่ละสายได้มารายงานความคืบหน้างานที่ตัวเองรับผิดชอบให้นายกฯ ฟัง แต่ไม่ได้หารือเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญ แม้ว่านายมีชัยจะเข้าประชุมด้วย ซึ่งนายมีชัยมาเตรียมข้อกฎหมายหากมีการปฏิรูปด้านต่างๆ เช่น หากปฏิรูปการศึกษา ในรัฐธรรม นูญก็ควรมีเรื่องนี้ด้วย เป็นต้น
เต้นแจ้งความทหารเฝ้าทุกวัน
ที่สภ.เมืองนนทบุรี สาขาย่อยรัตนาธิเบศร์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.ชาตรี ศรีจันทร์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ว่าตนตั้งใจจะมาลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ตนมีบ้านพักอยู่ที่หมู่บ้านเศรษฐศิริ ถนนสนามบินน้ำ อาศัยอยู่มานานร่วม 10 ปีแล้ว ปรากฏว่าตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ทหารมาด้วยรถจี๊ปของทางราชการสวมเครื่องแบบเต็มยศครั้งละ 5-7 คน มาที่บ้านตนทุกวันไม่เว้นแม้วันหยุดราชการ บางวันมาจอดรถอยู่หน้าบ้าน บางวันจอดรถเลยบ้านไปหน่อย บางวันขับรถผ่านบ้านไปแล้ววนกลับมา ทุกครั้งจะมีเจ้าหน้าที่ลดกระจกลงแล้วถ่ายภาพด้วยกล้องที่ติดมา ถ่ายภาพคนในบ้านทำกิจกรรมต่างๆ
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เคยออกไปสอบถาม เจ้าหน้าที่ทหารในรถบอกว่าได้รับคำสั่งมอบหมายมา ตนเห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองมันเข้มข้น และดูว่าการแสดงออกของคณะผู้มีอำนาจในปัจจุบันดูเหมือนจะมีความตึงเครียดกับสถานการณ์ในขณะนี้ จึงอยากจะมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยได้นำเอาหลักฐานเป็นภาพถ่ายรถจี๊ปของเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมซีดีภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ทหารที่มาไม่ได้แสดงความก้าวร้าว ไม่ได้มีการข่มขู่คุกคามใดๆ ตนเข้าใจเจ้าหน้าที่เหล่านี้ ไม่มีเจตนาที่จะมากล่าวหาใดๆ ต่อเจ้าหน้าที่เหล่านี้ และจากที่สอบถามคนที่เป็นแกนนำทางการเมือง นักการเมือง อดีตส.ส. อดีตรมว.ที่เป็นพรรคพวกกัน ไม่มีใครเจอแบบตน ดังนั้น จึงต้องทำให้เรื่องนี้ปรากฏไว้เป็นหลักฐาน ส่วนจะมีความคืบหน้าอย่างไรก็คงต้องรอดูกันต่อไป
เตือน'ตู่'ทบทวนท่าทีต่ออาจารย์
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ตนเห็นด้วยกับ นายกฯ ที่ไม่ต้องการจะใช้อำนาจ แต่เห็นการให้สัมภาษณ์ของนายกฯแล้ว อยากบอกว่าอย่าใช้อารมณ์ด้วย เพราะการที่บ้านเมืองมีผู้นำที่มีอำนาจเด็ดขาดถึงขนาดสั่งประหารชีวิตคนได้ พูดถึงความเคลื่อนไหวของนักวิชาการว่า ถ้ามีปืนมีระเบิดเข้ามาก็ตายไปแล้วกัน ไม่ว่านายกฯจะพูดด้วยอารมณ์ไหน แต่สิ่งนั้นสะท้อนว่าประชาชนรู้สึกขาดสวัสดิภาพ รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยและรู้สึกว่ากลไกรัฐมองผู้เคลื่อนไหวโดยสุจริตเป็นปฏิปักษ์หรือไม่ ดังนั้น อยากให้นายกฯทบทวนท่าทีเหล่านี้ ตนเชื่อว่าไม่มีผู้ปกครองคนใดสร้างประชาธิปไตยได้บนความหวาดกลัวของประชาชน หากบรรยากาศความกลัวเกิดขึ้น ตนคิดว่าการปฏิบัติต่างๆ ของรัฐบาลจะเพิ่มความยากลำบากขึ้นอีกมาก
ลอยเผด็จการ - กลุ่มพลเมืองโต้กลับและขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ร่วมจัดงานลอยกระทงขับไล่ (เผด็จการ) ก่อนรำวงสืบสานวิถีราษฎร โดยมีนักศึกษาและประชาชนร่วมกิจกรรมคึกคัก ที่ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. |
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า หลังจากนายกฯแสดงท่าทีดังกล่าว ตนรู้สึกห่วงใยและขอส่งกำลังใจให้นักวิชาการและประชาชนที่ต้องการเสรีภาพ ต้องการความจริง ขอให้เข้มแข็งอดทน อย่าไหวหวั่น เชื่อว่ารัฐบาลไม่มีความคิดจะใช้ความรุนแรง เพียงแต่ท่าทีและอารมณ์ของนายกฯมันทำให้คนคิดไปไกล กระทบความเชื่อมั่นของรัฐบาลและตัวนายกฯเอง
กต.แจงหนังสือเชิญ'ปู'ของจริง
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐสภายุโรปได้ส่งหนังสือเชิญถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อขอให้ไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของไทยที่กรุงบรัสเซลส์ หรือเมืองสตราสบูร์กว่า ประการแรกทางสถานทูตไทยประจำกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมและผู้แทนสหภาพยุโรปหรืออียูในไทยได้ตรวจสอบหนังสือเชิญดังกล่าวแล้วปรากฏว่าหนังสือเชิญเป็นของจริง ซึ่งเชิญโดยนาย เอลมาร์ บร็อก กับนายแวร์เนอร์ แลงเกิน ซึ่งบุคคลทั้งสองเป็นสมาชิกรัฐสภายุโรป แต่เป็นการเชิญในนามส่วนตัว เพราะในหนังสือเชิญระบุเพียงชื่อและลายเซ็นผู้เชิญเท่านั้น ไม่ได้ลงรายละเอียดตำแหน่งกำกับท้ายชื่อผู้เชิญ ดังนั้น แสดงว่าไม่ใช่การเชิญในนามสหภาพยุโรป ฝ่ายการเมือง หรือคณะกรรมาธิการสภายุโรปแต่อย่างใด
นายเสข กล่าวต่อว่า ประการต่อมาสมาชิก รัฐสภายุโรปสามารถเชิญบุคคลใดๆ มาหารือได้ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ประการสุดท้ายสนธิสัญญาลิสบอน ซึ่งเป็นกฎหมายพื้นฐานของสหภาพยุโรป ไม่ได้ให้อำนาจรัฐสภายุโรปกำหนดนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปหรือมาตรการใดๆ และการดำเนินการของรัฐสภายุโรป ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัตินั้นเป็นอิสระแยกออกจากฝ่ายการเมือง ขณะที่ทางฝ่ายไทยโดยสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงบรัสเซลส์หรือคณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรปยังคงจะชี้แจงประเด็นที่รัฐสภายุโรปแสดงความห่วงกังวลทุกช่องทางอย่างต่อเนื่อง อาทิ ความคืบหน้าการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทย
ปึ้งเย้ย'กต.'น่าไปล็อบบี้อียูบ้าง
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรอง นายกฯ และรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่าขอบอกไปถึงนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ ว่าการที่รัฐสภายุโรปเชิญน.ส. ยิ่งลักษณ์ไปร่วมหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในไทย แต่รมว.การต่างประเทศกลับรู้สึกเป็นกังวลว่ามีการล็อบบี้ และรัฐบาลก็เป็นกังวลว่าจะเป็นหนังสือเชิญที่ทำขึ้นเองหรือปลอมบ้าง จนนายแวร์นาร์ แลนเนอร์ ประธานคณะดำเนินการด้านความสัมพันธ์กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องให้ผู้ช่วยออกมายืนยันแล้วว่า หนังสือเชิญนั้นเป็นของจริง และลงนามกัน 2 คนร่วมกับประธานคณะทำงานด้านกิจการต่างประเทศของสภายุโรป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อครั้งที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ เราได้รับเชิญอย่างเป็นทางการให้ไปเยือนรัฐสภายุโรป ซึ่งครั้งนั้นได้หารือถึงความเป็นประชาธิปไตยในไทย และทำให้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ลงนามในข้อตกลงร่วมกันกับทางอียู และได้รับเชิญให้ไปเยือนประเทศในกลุ่มยุโรปอย่างเป็นทางการหลายๆ ประเทศ เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส และอังกฤษ เป็นต้น
"นายดอนควรรีบทำหน้าที่ตนเองโดยประสานหรือล็อบบี้ให้พล.อ.ประยุทธ์ได้รับคำเชิญอย่างเป็นทางการให้ไปเยือนประเทศในกลุ่มอียูอย่างเช่นน.ส.ยิ่งลักษณ์บ้าง ถ้าคิดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ล็อบบี้เขาได้ แล้วทำไมพวกท่านไม่ไปล็อบบี้เองบ้าง เผื่อเขาจะเข้าใจและเชิญไป ภาษาอังกฤษก็ดีกว่าพวกเรา เพราะพล.อ.ประยุทธ์มักจะพูดอยู่เสมอว่าถ้าเป็นนายกฯ แล้วอ่านตามโพยที่เขาเขียนให้ใครก็เป็นได้" นายสุรพงษ์กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า อยากเห็นรัฐบาลนี้ทำงานที่มีสาระบ้างเพื่อประเทศชาติ ไม่ควรสับสนและวุ่นวาย งุนงงกับตนเอง จนจับอะไรไม่ได้ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เอาเวลาที่เหลืออยู่ไปหาอะไรทำที่มันก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนน่าจะดีกว่า
ตร.แจงจับ 3 ผู้ต้องหาจ้องป่วน
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการจับกุมกลุ่มที่เตรียมออกมาเคลื่อนไหวในช่วงกิจกรรม 'ปั่นเพื่อพ่อ BIKE FOR DAD'ว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ส่วนความเคลื่อนไหวในพื้นที่อื่นๆ ยังไม่ได้รับรายงาน แต่เชื่อว่าจะไม่มีเหตุความเคลื่อนไหวที่ไม่ดีเกิดขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดและกรุงเทพฯ ได้เตรียมความพร้อมสำหรับกิจกรรมดังกล่าวอย่างเต็มที่แล้ว อยากให้ประชาชนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมมีความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยในทุกพื้นที่อย่างเต็มความสามารถ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนร่วมกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแล เพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่ทหารควบคุมตัวจ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อดีตตำรวจตระเวนชายแดน นายพิษณุ พรหมสร และนายณัฐพล ณวรรณ์เล ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯหลังพบพฤติกรรมมีการสื่อสารตระเตรียมก่อเหตุวุ่นวายในกทม. ว่ากรณีนี้ตำรวจสืบสวนติดตามมาตลอด เฝ้าฟังและดำเนินกรรมวิธีข่าวกรองด้านความมั่นคงทุกมิติ กระทั่งพบข้อมูลว่ากลุ่มนี้มีความเคลื่อนไหวจะก่อเหตุไม่สงบ จึงได้สืบสวนจับกุมคุมตัวไว้แต่บอกไม่ได้ว่ามีเป้าประสงค์ก่อเหตุลักษณะใด
เร่งสืบมีเอี่ยววางบึ้มหรือไม่
"ที่บอกได้คือกลุ่มนี้พุ่งเป้ามาที่กทม. มีมูลว่าพุ่งเป้ามาที่บุคคลสำคัญในรัฐบาล ในทำนองว่ามาก่อวินาศกรรม วางระเบิดประมาณ นั้น แต่ยังไม่ทราบแนวคิดว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองหรือไม่ เรามีหลักฐานแต่อยู่ในขั้นตอนสืบสวนสอบสวน ยังไม่สามารถบอกได้ การที่ศาลทหารอนุมัติหมายจับผู้ต้องหากลุ่มนี้เพราะมีข้อมูลยืนยันได้ว่าจะมาก่อเหตุใน กทม. ตำรวจกำลังสืบสวนขยายผลว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดก่อนหน้านี้ทุกๆ เหตุ ทั้งที่ราชประสงค์ และห้างสยามพารากอนหรือไม่ ตอนนี้ให้น้ำหนักมูลเหตุจูงใจทุกประเด็นรวมถึงเรื่องการเมือง ไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง หรือให้น้ำหนักประเด็นใดเป็นพิเศษ" พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวว่า ตำรวจจะสืบสวนขยายผลขบวนการนี้ เชื่อว่ามีมากกว่า 3 คน และมีผู้ที่ใหญ่กว่านี้สั่งการอยู่ข้างบน ขอยืนยันกับประชาชนว่าอย่าตระหนกกับข่าวนี้
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ด้านความมั่นคงกล่าวว่า ข้อมูลทหารชี้ว่ากลุ่มนี้เตรียมก่อเหตุไม่สงบในกทม. โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้กำชับให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความสงบและความปลอดภัยในพื้นที่กทม. อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ ได้เข้าพบตนหารือและนำข้อมูลคดีนี้มาให้ เพื่อร่วมกันดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวมีข้อมูลจริง จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานที่ต่างๆ เป็นพิเศษ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมถึงบุคคลสำคัญ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 26 พ.ย. พล.ต.อ.จักรทิพย์และพล.ต.อ.ศรีวราห์จะรับมอบตัวผู้ต้องหาจากทหารที่ห้องกระจก ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. และแถลงข่าว ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.
ณัฐวุฒิจี้รบ.เร่งแจงจับป่วน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.กล่าวว่า ส่วนที่มีข่าวจับกุมคนที่เตรียมก่อความวุ่นวายในกิจกรรมมหามงคลปั่นเพื่อพ่อนั้น ตนขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐสร้างความชัดเจนในเรื่องนี้โดยเร็ว ใครที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต้องปรากฏตัวออกมา พฤติกรรมใดที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดกฎหมายต้องให้ชัดเจน
"อย่าให้สังคมรู้สึกว่ารัฐบาลพยายามเบี่ยงเบนประเด็นจากอุทยานราชภักดิ์ เป็นการสร้างความวุ่นวายรุนแรงใดๆ ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีคนไทยคนใดจะไปคิดถึงขั้นสร้างความวุ่นวายใดๆ ในกิจกรรมดังกล่าว ใครคิดอย่างนั้นต้องประณามกัน ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด หวังเป็นอย่างยิ่งรัฐบาลหรือกลไกรัฐจะไม่ใช้กรณีเหล่านี้มาเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมที่ติดตามกรณีอุทยาน ราชภักดิ์" นายณัฐวุฒิกล่าว
วิษณุ ยันรธน.ไม่พิสดาร
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงคณะกรรมการร่างรัฐธรรม นูญ (กรธ.) ว่ารัฐบาลยังไม่ส่งข้อเสนอไปถึงกรธ. เพราะประเด็นของรัฐบาลไม่เกี่ยวกับที่กรธ.ร่างไป แต่กลางเดือนม.ค. 59 ถ้ามีรัฐธรรมนูญร่างแรกออกมา รัฐบาลก็อาจมีความเห็นในลักษณะวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า บางฝ่ายอาจกลัวความพิสดารของร่างรัฐธรรมนูญ นายวิษณุกล่าวว่าไม่พิสดาร ตนเคยหารือกับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.เป็นการภายในเมื่อวันก่อน ซึ่งนายมีชัยบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ และตนได้บอกกับประธานกรธ.ทางวาจาแล้วว่ารัฐบาลจะเสนอเรื่องอะไรไป คิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่ออกมาวิลิศมาหรา และอาจไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่คิด เนื้อหาจะสั้น ไม่มาก ส่วนใหญ่จะเขียนในกฎหมายลูกที่มีความหลากหลายและเวลามากกว่า ความวิลิศมาหราจะอยู่ที่ไหนก็ได้เพราะมีตั้ง 3 ทางคือ 1.กฎหมายลูก 2.กฎหมายอื่นๆ 3.ไม่ต้องเขียน
เมื่อถามว่า ในข้อเสนอคสช. ที่ให้มีกลไกแก้ไขวิกฤต ต้องมีองค์กรอย่างคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.)หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่จำเป็น แล้วแต่กรธ.จะคิดกลไกออก เพราะมีรูปแบบหลากหลาย ความวิลิศมาหราจะอยู่ที่ไหนก็ได้เพราะมีตั้ง 3 ทางคือ 1.กฎหมายลูก 2.กฎหมาย อื่นๆ 3.ไม่ต้องเขียน พอตนบอกร่างรัฐธรรมนูญไม่วิลิศมาหรา ก็มาแปลว่าความวิลิศมาหราจะอยู่ที่อื่น เดี๋ยวจะกลายเป็นลับลวงพราง ซ่อนเงื่อน ด่ากฎหมายลูกต่อไปอีก
กรธ.จ่อดึงม.7 กลับมาใช้อีก
ที่รัฐสภา นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงความคืบหน้าการประชุมว่า กรธ.ได้พิจารณาหลักที่เกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดให้มีหน้าที่วินิจฉัย ในกรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ รายละเอียดให้เป็นไปตามที่พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยศาลรัฐธรรมนูญและวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ส่วนหลักการเกี่ยวกับองค์คณะตุลาการในการวินิจฉัย ยึดไปตามเดิมที่กำหนดให้ต้องใช้เสียง 5 ใน 9 นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีกระบวนการตรวจสอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่ตุลาการถูกกล่าวหา ด้วยการตั้งคณะกรรมการอิสระที่มาจากการคัดเลือกของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เป็นผู้พิจารณา
โวยทหาร - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรมช.พาณิชย์ และแกนนำนปช. เข้าลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับตำรวจสภ.เมืองนนทบุรี หลังมีทหารขับรถผ่านหน้าบ้านพักย่านสนามบินน้ำ แล้วแอบถ่ายภาพทุกวัน เมื่อวันที่ 25 พ.ย. |
"สำหรับ อำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่จะให้วินิจฉัยเมื่อเกิดวิกฤตนั้น เดิมมาตรา 7 ที่ถูกเสนอให้ใช้เมื่อเกิดวิกฤตการเมือง มักจะเป็นปัญหาเรื่องการตีความ กรธ.ส่วนใหญ่เห็นว่าอำนาจนี้ควรให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะนำความแบบมาตรา 7 มาใส่ไว้เลย หรือควรจะปรับถ้อยคำก่อนโดยฝ่ายที่เห็นด้วยมองว่า เวลาเกิดปัญหาศาลรัฐธรรม นูญจะสามารถตีความเจตนารมณ์ตามเนื้อหาของมาตรา 7 ได้ แต่ฝ่ายที่เห็นต่างมองว่าจะเป็นการแอบอ้างสถาบัน" นายอมรกล่าว
ลั่นเคาะส.ว.ใช้เลือกตั้งทางอ้อม
นายอุดม กล่าวว่า กรธ.ยังได้มอบหมายให้อนุกรรมการยกร่างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญไปจัดทำร่างในส่วนของบททั่วไป และหมวดรัฐสภา ตามที่ได้พิจารณาไปแล้ว ทั้งระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม การคิดคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อทั้ง 150 คน โดยไม่มีเศษส่วนเกิน และอำนาจหน้าที่ของส.ส. ส่วนใหญ่จะยึดไปตามหลักการเดิม ส่วนที่มาส.ว.ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าจะไม่มาจากการสรรหา ผสมกับการเลือกตั้งทางตรงเหมือนที่ผ่านมา แต่จะมาจากการเลือกตั้งทางอ้อม จากทั้งองค์กรที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และกลุ่มทางสังคมทั้งหมดที่ไม่ได้จดทะเบียน ไม่เกิน 200 คน ซึ่งที่ประชุมยังไม่มีข้อยุติว่ากลุ่มเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง เพราะระหว่างการหารือมีการนำเสนอองค์กรนิติบุคคลและกลุ่มทางสังคมที่สมควรมีตัวแทนเป็นส.ว.กว่า 20 กลุ่ม จึงมอบให้อนุกรรมการโครงสร้างอำนาจนิติบัญญัติไปศึกษา
ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่าที่กรธ.กำหนดที่มาส.ว.อาจเป็นการเลือกตั้งทางอ้อม เชื่อว่ากรธ.กำลังออกแบบเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย ขณะนี้ประเด็นอยู่ที่ว่าเราจะออกแบบอย่างไรให้ระบบถ่วงดุลและการตรวจสอบทำงานได้อย่างแท้จริง ซึ่งเรื่องนี้จะนำไปประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการรวบรวมความเห็นฯของสนช. ก่อนสรุปความเห็นเพื่อส่งให้กรธ.ภายในต้นเดือนม.ค.2559 ส่วนที่กรธ.มีแนวคิดให้ตัดอำนาจการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของส.ว.ออกไป แล้วให้ศาลตัดสินนั้น ในหลักการตนไม่เห็นด้วย เพราะจะเป็นการดึงศาลมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่
มาร์คโผล่ค้าน'คปป.'
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญของกรธ.ว่า ภาพรวมส่วนใหญ่ถือว่าทำความเข้าใจชัดเจนพอสมควร ทั้งนี้ ประเด็นหลักของกรธ.ถือว่าครอบคลุมแล้ว แต่ควรเร่งรัดนำมาตราต่างๆ ออกมาให้ประชาชนได้เห็น
ส่วนที่คสช.ส่งข้อเสนอ 10 ข้อให้กรธ.ไม่มีเรื่องปรองดอง นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึง 10 ข้อเสนอของคสช.ว่า คสช.อาจมองว่าเครื่องมือไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญอย่างเดียว แต่ในรัฐธรรมนูญใหม่ต้องมีเรื่องนี้ เนื่องจากมีการเขียนกรอบไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ส่วนข้อเสนอของคสช.ในข้อ 6 ที่ระบุจำเป็นต้องมีกลไกขึ้นมาในช่วงเปลี่ยนผ่านนั้น ต้องดูว่ามีรายละเอียดเป็นอย่างไร แต่ไม่ควรเป็นรูปแบบเหมือนคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) เพราะครอบคลุมทุกเรื่อง แต่ไม่มีขอบเขตและไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุล
ปชป.จี้'ชายหมู'พิจารณาตัวเอง
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่าคณะผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้หารือและมีมติอย่างไม่เป็นทางการ สมควรให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. พ้นจากสมาชิกพรรคว่า ส่วนตัวเห็นว่าม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไม่เหมาะที่จะเล่นการเมืองอีกต่อไป เพราะการทำงานไม่ตอบสนองประชาชน และไม่รับผิดชอบต่อคะแนนเสียงที่ประชาชนให้มา และความเสียหายของพรรคเกิดขึ้นทุกวัน
"วันนี้มีข่าวว่าผู้บริหารพรรคมีมติปลดม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ออกจากสมาชิกพรรค ผมถามว่าจะเอาออกได้อย่างไร เอาเขาออกอย่างไร ในเมื่อติดคำสั่งคสช. ประชุมพรรคไม่ได้ แต่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ทำให้พรรคเสียหายหลายครั้ง เขาควรพิจารณาตัวเอง วันนี้สังคมพูดกันมากว่ารับไม่ได้ในตัวผู้ว่าฯกทม. ไม่ได้ยินบ้างหรือชาวบ้านเขาด่ากันทุกวัน" นายวิลาศกล่าว
ขอหมายจับ 4 ผู้บริหาร'บ.บุหรี่'
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) นาย ชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการ สำนักคดีพิเศษ 4 ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีหลีกเลี่ยงภาษีบุหรี่ของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำนวน 52,000 ล้านบาท ว่าคดีนี้อสส.มีความเห็นสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2556 ในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แสดงให้เห็นว่าได้พิจารณาละเอียดรอบคอบแล้ว และประเด็นต่างๆ ที่บริษัทฟิลลิปฯ ร้องขอความเป็นธรรมได้ถูกพิจารณาไปหมดแล้ว
นายชาติพงษ์กล่าวว่า คดีนี้มีผู้ต้องหารวม 14 ราย ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานอัยการสั่งฟ้องแล้ว 12 ราย มีบริษัทฟิลลิปฯ โดยนายทอย เจ. ม้อดลิน สัญชาติอเมริกา เป็นผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นผู้แทนนิติบุคคล และผู้ต้องหาที่เป็นพนักงานรวม 7 คน ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 คนเป็นผู้บริหารชาวต่างชาติ อยู่ระหว่างการหลบหนี จึงได้ขออนุมัติออกหมายจับแล้ว
แจงเหตุเลื่อนนัดฟ้อง
นายชาติพงษ์ กล่าวต่อว่า วันนี้พนักงานอัยการได้สั่งผู้ต้องหาทั้งหมด 8 รายมารายงานตัวกับพนักงานอัยการ แต่ผู้ต้องหาที่ 1 ได้มอบอำนาจให้ทนายมายื่นหนังสือขอเลื่อนมารายงานตัวกับพนักงานอัยการ โดยอ้างว่าติดธุระอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย ส่วนผู้ต้องหาอีก 7 รายซึ่งเป็นพนักงานคนไทยก็ยื่นหนังสือมาว่า ได้ไปติดต่อศาลเพื่อเตรียมหาหลักทรัพย์มาขอยื่นประกันตัว แต่ทางศาลแจ้งว่าต้องรอพนักงานอัยการยื่นคำฟ้องจึงจะกำหนดหลักทรัพย์ได้ ประกอบกับผู้ต้องหาที่ 5 และ 10 มีบุตรที่อยู่ในช่วงวัย 1-4 ขวบ ถ้าพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้อง แต่ศาลไม่อนุญาตให้ยื่นประกันตัวหรือมีความไม่พร้อมด้านหลักทรัพย์ อาจเกิดความเดือดร้อนต่อครอบครัว
นายชาติพงษ์ กล่าวว่า พนักงานอัยการได้ประชุมพิจารณาห็นสมควรว่า ผู้ต้องหาคนที่ 1 นายทอย เจ. ม้อดลิน ที่อ้างว่าติดธุระนั้นเป็นเหตุผลไม่สมควร จึงแจ้งคำสั่งผ่านทนายความผู้รับมอบอำนาจว่าให้มาฟังคำสั่งในวันที่ 27 พ.ย.นี้ หากไม่มาจะออกหมายจับ และถ้ามารายงานตัวก็สั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ไปก่อน ส่วนอีก 7 รายเป็นคนไทยและเป็นเพียงพนักงานบริษัท ไม่มีเหตุให้หลบหนี จึงอนุญาตให้เลื่อนฟังคำสั่งในวันที่วันที่ 19 ม.ค. 2559 เวลา 09.30 น. และกำชับให้ไปติดต่อเรื่องหลักทรัพย์การประกันตัวที่ศาลให้เรียบร้อย โดยอัยการจะให้ความสะดวกแก่ผู้ต้องหาทั้ง 7 ให้ทราบฐานความผิด จำนวนกรรม จำนวนทุนทรัพย์ในคดี เช่น ราคาสินค้า ราคาอากรที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง เพื่อให้ผู้ต้องหาไปติดต่อศาลว่าต้องใช้หลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราวเท่าไร
เผยอาจแยกฟ้องเป็นรายคน
เมื่อถามว่า หากมีผู้ต้องหาบางรายมาฟังคำสั่งและไม่มีเหตุขัดข้อง จะส่งฟ้องเป็นรายคนได้หรือไม่ นายชาติพงษ์กล่าวว่าตอนนี้อัยการทำสำนวนฟ้องไว้พร้อมหมดแล้ว แต่อัยการเตรียมพิมพ์ฟ้องไว้รอทั้ง 8 ราย ซึ่งมีความผิด 200 กว่ากรรม ซึ่งบริษัทฟิลลิปฯ เป็นหลักเพราะทำผิดทุกกรรม และพนักคนไทยทั้ง 7 รายมีเพียงความผิด 1-2 กรรม หากมีผู้ต้องหาบางรายไม่มีเหตุขัดข้องก็ส่งฟ้องเป็นรายคนได้ ส่วนข้อหาที่อัยการจะสั่งฟ้องคือร่วมกันหลีกเลี่ยงค่าภาษีศุลกากรโดยเจตนาช่อโกงค่าภาษีของรัฐ ตามพ.ร.บ.ศุลกากร มีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 4 เท่าของราคาสินค้าบวกอากร
เมื่อถามว่า มูลค่าที่บริษัทฟิลลิปฯ เลี่ยงภาษีมากน้อยเพียงใด นายชาติพงษ์กล่าวว่าราคาสินค้าบวกค่าอากร 13,000 ล้านบาท แต่ถ้าศาลพิพากษาลงโทษปรับจะเพิ่มเป็น 4 เท่าของราคาสินค้ารวมอากร ซึ่งมูลค่าประมาณ 52,000 ล้านบาท
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงาน อสส.กล่าวว่า อัยการมีความมั่นใจในการสำนวนสั่งฟ้อง ซึ่งผู้ต้องหาทำผิดแน่นอน จะมีความผิดมากหรือน้อยต้องไปสู้กันในชั้นศาล
ภาคีกม.บุหรี่ให้กำลังใจอสส.
นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย และประธานรัฐภาคีกฎหมายบุหรี่โลก ขององค์การอนามัยโลก (2550-2551) กล่าวว่าการปฏิเสธการรายงานตัวของนายทอย เจ. ม้อดลิน โดยให้เหตุผลลักษณะนี้ เป็นสัญญาณว่าหวั่นไหวต่อการพิจารณาคดี หากมั่นใจก็ไม่น่ามีปัญหาในการมารายงานตัวส่งฟ้องคดี คล้ายๆ กับช่วงเริ่มแรกที่มีกรณีสำแดงเท็จ เนื่องจากสมัยนั้นอสส.เรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผู้บริหารชาวต่างชาติ 4 คน แต่ปรากฏว่าเดินทางออกนอกประเทศเช่นกัน
นพ.หทัยกล่าวว่า เรื่องนี้จึงต้องจับตามองว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ขอเป็นกำลังใจต่อสำนักงานอสส.เดินหน้าเรื่องนี้ให้ได้ อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ที่ผ่านมาตนร่วมประชุมกับคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับองค์การการค้าโลก พิจารณากรณีฟิลิปมอร์ริส ระบุไทยแพ้คดีในระดับองค์การการค้าโลกแล้ว ซึ่งพบว่าไม่จริง ไม่มีข้อใดบ่งบอกเช่นนั้น ทางตนและคณะทำงานได้ส่งหนังสือกรณีดังกล่าวถึงสำนักงาน อสส. เพื่อเป็นกำลังใจและแสดงข้อคิดเห็นว่าเรื่องนี้ไทยส่งฟ้องได้ ไม่ขัดต่อองค์การการค้าโลก เพราะการสำแดงเท็จเกิดในราชอาณาจักรไทย อยู่ภายใต้กฎหมายของไทย
คสช.ปรับทัพคณะที่ปรึกษา
วันที่ 25 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งคสช.ที่ 16/2558 เรื่อง เปลี่ยนแปลงรายชื่อคณะที่ปรึกษาคสช. เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจของคสช. ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและการสนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้เปลี่ยนแปลงรายชื่อคณะที่ปรึกษาคสช. ตามคำสั่งคสช. (เฉพาะ) ที่ 22/2557 ลงวันที่ 26 พ.ค. 2557 เป็นดังนี้ 1.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธาน 2.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รองประธาน 3.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา 4.นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ที่ปรึกษา 5.นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา 6.นายอำนวย ปะติเส ที่ปรึกษา 7.พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ที่ปรึกษา 5.พล.อ. นพดล อินทปัญญา ที่ปรึกษา 9.พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ที่ปรึกษาและเลขานุการ ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2558 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 24 พ.ย.2558
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งคสช.ที่ 17/2558 เรื่อง แก้ไขรายชื่อผู้ปฏิบัติงานในคสช. ตามที่ได้แต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานในคสช. ตามคำสั่งคสช.ที่ 15/2558 ลงวันที่ 30 ต.ค. 2558 แล้วนั้น เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจของคสช. ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและการสนับสนุนภารกิจการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้แก้ไขรายชื่อ รองเลขาธิการประจำ ผู้ดำรงตำแหน่งในคสช. ดังนี้ เดิม พล.ท.จารุวุฒิ ศิระพลานนท์ (รองเลขาธิการฯ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร) เป็น พล.อ.สถิต แจ่มจำรัส (รองเลขาธิการฯ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2558 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 24 พ.ย. 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.
'ตู่'ลั่นขับเคลื่อนธุรกิจเอสเอ็มอี
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสร้างผู้ประกอบการใหม่ เชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรม ระหว่างสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 9 แห่ง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เพื่อสร้างผู้ประกอบการรายใหม่หรือกลุ่มใหม่ที่เริ่มดำเนินธุรกิจภายในปี 2561 จำนวน 1 หมื่นราย ทั้งนี้หลังพิธีลงนาม นายกฯเดินเยี่ยมชมนิทรรศการบริเวณโถงกลางตึกสันติไมตรี ที่ผู้ประกอบการนำธุรกิจมาจัดแสดง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับผู้ร่วมงานตอนหนึ่งว่า ตนดีใจที่ภาครัฐ เอกชนและสถาบันการศึกษา ร่วมมือกันขับเคลื่อนงาน ซึ่งรัฐบาลกำหนดให้เอสเอ็มอีเป็นวาระแห่งชาติ ที่จะผลักดันให้การส่งเสริมผู้ประกอบการสอดคล้องสถานการณ์โลกและปัจจัยภายในประเทศ ทั้งนี้ อยากให้มีการจดทะเบียนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้ง 3 ล้านรายภายในปี 2559 โดยในปี 2560 จะได้พัฒนาต่อไป ที่ผ่านมาตนไม่ตำหนิใคร แต่ขอตำหนิผู้บริหารทั้งหมด จากพีระมิดบนสูงล่างต้องรับผิดชอบในฐานะผู้บังคับบัญชา แต่การแก้ปัญหาทำไม่ได้ เพราะเราติดแต่ทำพิธีการ มีนายกฯมาเปิด-ปิดงานแล้วจบไป มันไม่ใช่ วันนี้เป็นการเปิดงานที่เป็นรูปธรรม เพราะตนจะติดตามงานด้วยตลอด
"หากการขับเคลื่อนเอสเอ็มอีเกิดความเข้มแข็ง ให้คุ้มกับที่ผมเสี่ยงชีวิตเข้ามา ผมก็พอใจแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์ เสียเวลา เสียกำลังใจ เสียสุขภาพ ชีวิตส่วนตัว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ครม.ส่ง 5 ชื่อ'ปปท.'ให้สนช.แล้ว
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม นางสุวณา สุวรรณจูฑะ ปลัดกระทรววงยุติธรรม เปิดเผยภายหลังที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ความเห็นชอบเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.ว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ยื่นหนังสือลาออกจากปลัดกระทรวงยุติธรรมให้กับพล.อ.ไพบูลย์ ค้มฉายา รมว.ยุติธรรม เรียบร้อยแล้ว และพล.อ.ไพบูลย์ได้อนุมัติเห็นชอบในหนังสือลาออกแล้ว มีผลในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ สำหรับตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.นั้น อยู่ระหว่างขั้นตอนโปรดเกล้าฯ ตามกฎหมาย
รายงานข่าวจากสนช. เปิดเผยว่า ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ส่งรายชื่อประธานและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) 5 คนมายัง สนช.เพื่อขอความเห็นชอบ ประกอบด้วย 1.นายกิตติ ลิ้มชัยกิจ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบยาเสพติด (ป.ป.ส.) 2.นายจิระรัตน์ นพวงศ์ ณ อยุธยา อดีตรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน 3.พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี อดีตที่ปรึกษาสบ 10 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) 4.พล.อ.ชัยรัตน์ ชีระพันธุ์ อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ และ 5.นายอนุสิษฐ คุณากร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
ทั้งนี้ คาดว่า คณะกมธ.วิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) จะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสนช.ในสัปดาห์หน้าเพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ท. ทั้ง 5 คน ก่อนที่จะนำผลการตรวจสอบประวัติฯกลับมาให้ที่ประชุมพิจารณาและเห็นชอบอีกครั้ง
'วิษณุ'แจงจ่ายค่าโง่คลองด่าน
วันที่ 25 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการทุจริตในโครงการระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ ว่า คดีคลองด่าน มีความเกี่ยวพันกันหลายคดี ทั้งที่เป็นคดีแพ่งและคดีอาญา คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบเรื่องทั้งหมด แต่ในคดีนี้เป็นคดีที่อนุญาโตตุลาการศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาตัดสินว่ารัฐบาลแพ้คดี ทำให้รัฐบาลถูกฟ้องชดใช้ค่าเสียหาย และต้องจ่ายค่าเสียหายภายใน 90 วัน ตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษา และจ่ายดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จ หรือตกประมาณวันหนึ่งเป็นล้านบาทและจะเดินหน้าไปเรื่อยๆ โดยเรื่องนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พยายามเจรจาต่อรอง จนกระทั่งลดจำนวนเงินที่ต้องชำระค่าเสียหายมาได้จำนวนหนึ่ง ถ้าหากยืดเวลาในการชำระค่าเสียหายออกไป ทางโจทก์ก็ไม่ยอม แต่ได้เจรจากันแล้ว เขาลดให้พันล้าน
"ผมเป็นคนบอกว่า จำนวนพันล้านนั้น ถ้าครม.ถามว่ามีที่มามาจากไหน ทำไมไม่สองพันล้านละหรือห้าพันล้านละ ตอบไม่ได้ ทั้งหมดอยู่ที่ความพอใจที่จะตกลงกัน อยู่บนเหตุผลหลายอย่างประกอบกัน ซึ่งจริงๆ ควรจะเสร็จไปตั้งแต่ต้นปีแล้ว ก็ยืดมาได้ รัฐบาลคิดว่าไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องจ่ายอยู่ดี ส่วนคดีอื่นก็ว่าไปตามคดี เพราะเรื่องนี้ผู้ที่รับเงินไปไม่ใช่มีรายเดียว และมีกลุ่มผู้ร่วมค้าประมาณ 5-6 บริษัท รัฐบาลก็ผ่อนชำระเป็นงวดๆ หากไม่ตกลงตามนี้ก็ล้มเลิกดอกเบี้ยก็เดินไปแล้วจะกลายเป็นรัฐบาลไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาล ที่จริงจะไม่ทำก็ได้ มีคนแนะนำรัฐบาลให้ทำไม่รู้ไม่ชี้ เฉยไป แล้วอีกหน่อยก็เลือกตั้งรัฐบาลเลือกตั้งมาก็จัดการไปเอง แต่นี่เป็นความรับผิดชอบ เพราะดอกเบี้ยมันเดินไป สร้างความเสียหาย แล้วจากที่จะได้ลดพันล้านก็ไม่ได้ลดเลย" นายวิษณุกล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับคำถามที่ว่าทำไมเหมือนรัฐบาลต้องเร่งจ่ายค่าเสียหายนั้นเห็นว่า ไม่มีใครเร่ง คดีสิ้นสุดแล้วเมื่อเดือนพ.ย.2557 บรรทัดสุดท้ายของคำพิพากษาระบุให้ชำระค่าเสียหายใน 90 วัน ตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษา ซึ่งเลยกำหนดมาแล้วจึงต่อรองกันจนถึงตอนนี้ พอจ่ายแล้วรัฐจะได้บ่อบำบัดน้ำเสียคืนมา และส่วนหนึ่งก็ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องนี้ รัฐได้ชำระค่าเสียหายไปแล้วหลายหมื่นล้าน ไม่ใช่แค่หนนี้ และชำรุดทรุดโทรมไปตลอด ยังเอาคืนมาไม่ได้
ยึดทรัพย์นายทุนเงินกู้ 80 ล้าน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 พ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. แถลงผลอายัดทรัพย์นายทุนเงินกู้ที่ชุมแพ จ.ขอนแก่น ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน จากพฤติกรรมการให้ผู้เสียหายนำโฉนดมาค้ำประกัน แต่หลอกลวงเปลี่ยนเป็นสัญญาการขายฝาก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 80 ล้านบาท
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ปปง.ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายหลายรายว่า นำโฉนดที่ดินมาค้ำประกันเพื่อกู้ยืมเงินจากร้านชุมแพเงินด่วน ตั้งอยู่เลขที่ 87 ถ.มะลิวัลย์ ต.ไชยสอ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น มีนางศรัณยา ยศเสาวภาคย์ กับพวก เป็นเจ้าของ ถูกหลอกลวงให้ทำสัญญาขายฝากที่ดินแทนจนทำให้ถูกยึดที่ดิน โดยผู้เสียหายบางรายทำสัญญากู้เงินโดยใช้โฉนดที่ดินมาค้ำประกัน ซึ่งในข้อเท็จจริงคือสัญญาขายฝาก อีกทั้งผู้เสียหายไม่ได้รับเงินกู้ตามจำนวนที่ตกลงกัน เนื่องจากอ้างว่าเป็นการหักดอกเบี้ยล่วงหน้า ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดและค่าใช้จ่ายต่างๆ
ตรวจสอบพบว่า นางศรัณยา กับพวก มีพฤติกรรมหลอกลวงผู้เสียหายมากู้ยืมเงินนอกระบบ ใช้โฉนดที่ดินมาค้ำประกันและคิดดอกเบี้ยราคาต่ำ โดยหลอกให้ผู้เสียหายเซ็นเอกสารที่คิดว่าเป็นโฉนดที่ดินมาค้ำประกันเพียงอย่างเดียว โดยไม่ทราบว่าคือ สัญญาขายฝากหรือสัญญาการซื้อขาย เมื่อไม่ส่งเงินต้นตามกำหนดจะถูกคิดดอกเบี้ยขึ้นเรื่อยๆ จนผู้ส่งกู้ส่งไม่ไหวทำให้ถูกยึดที่ดินดังกล่าว
จากเหตุดังกล่าว ปปง.จึงสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินไปก่อน แล้วรายงานต่อคณะกรรมการธุรกรรม เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ได้อายัดเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารของนางศรัณยา และนางสาวพนิดา ยศเสาวภาคย์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าวไว้ชั่วคราว จำนวน 25 รายการ มูลค่า 62,343,207 บาท
เลขาธิการ ปปง. กล่าวต่อว่า จากการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 15/2558 เมื่อวันที่ 24 พ.ย. มีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว 52 รายการ รวมราคาประเมิณที่ดินที่อายัดทั้งสิ้น 17,365,000 บาท รวมทรัพย์สินที่ปปง.อายัดไว้ในรายคดีนางศรัณยา กับพวกรวม 77 รายการ มูลค่า 79,708,207 บาท
ชงใช้ม.44 ปรับโครงสร้างศธ.
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยกรณีเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้มาตรา 44 ปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า การปรับโครงสร้างเป็นเรื่องใหญ่ การดำเนินการภายในคงทำได้ไม่ครอบคลุม จึงต้องหารือร่วมกับสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)
"การขอใช้ ม.44 นั้น ผมมองถึงความรวดเร็ว ส่วนโครงสร้างใหญ่ค่อยทำร่วมกับสปท. ทั้งนี้การใช่ ม.44 ไม่ใช่เพื่อยุบรวมอาชีวะรัฐและเอกชนเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องดูในส่วนอื่นๆ ที่ทำให้การบริหารดีขึ้นด้วย เวลานี้คงไม่สามารถตอบได้ว่าจะใช้ ม.44 ครอบคลุมในส่วนใดบ้าง จึงรอฟังผู้บริหารคนอื่นๆ ด้วยว่าหากมีการขยับตรงนี้ จำเป็นต้องทำโดยเร็วหรือไม่ และจะเกิดผลดีผลเสียอะไรบ้าง" พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าว
ด้านรศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะใช้ ม.44 เพื่อรวมอาชีวะรัฐและเอกชนหรือไม่ หากเป็นเพียงข้อกฎหมายและสามารถแก้ได้ ก็อาจไม่จำเป็น ทั้งนี้ รมว.ศธ.ต้องการเร่งรัดให้จัดตั้งกรมวิชาการ เพื่อมาดูแลเรื่องการปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งรับผิดชอบหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัย หลักสูตรอาชีวศึกษา รวมทั้งหลักสูตรทวิภาคีด้วย จึงจำเป็นต้องใช้ ม.44 ปรับโครงสร้างเร่งด่วน หากไม่ใช้คงไม่สามารถทำให้งานเดินหน้าไปได้