- Details
- Category: การเมือง
- Published: Wednesday, 25 November 2015 11:23
- Hits: 4505
บิ๊กตู่ห่วง อจ.โดนยิง-ระเบิด 'ปู'ยื่นขอถกสภายุโรป จับจสต.มีแผนป่วนกรุง เลื่อนจนได้คดีภาษีบุหรี่
'ปู'เล็งยื่นขออนุญาตศาล-คสช. บินถกรัฐ สภายุโรป 'ดอน'ฟันธงล็อบบี้ทำจดหมายเชิญ ฝ่ายความมั่นคงบุกรวบ'จ.ส.ต.' กับชายอีก 2 คน ดำเนินคดีม.112-ผิดพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์'บิ๊กป้อม'แฉเตรียมสร้างสถานการณ์ในกรุง 'จตุพร'ยันไม่รู้จักคนถูกจับ ท้าระบุให้ชัดกลุ่มไหน เชื่อเป็นปฏิบัติการไอโอ กลบข่าว'ราชภักดิ์''บิ๊กตู่'โต้กลุ่มอาจารย์กดดัน ถ้าถูกยิง-ปาระเบิดก็ให้ตายไปแล้วกัน นักวิชาการต่างประเทศร่วมจี้ คสช.เลิกตั้งข้อหานักวิชาการไทย กรธ.เปิดปฏิทินร่างรธน. ยันฉบับสมบูรณ์เสร็จ 29 มี.ค.59
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9128 ข่าวสดรายวัน
ซ้อมปั่น - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นำคณะรัฐมนตรีซ้อมปั่นจักรยาน เตรียมร่วมในกิจกรรม "BIKE FOR DAD ปั่นเพื่อพ่อ" บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมครม. เมื่อวันที่ 24 พ.ย.
'ปู'เตรียมยื่นขออนุญาตศาล-คสช.
วันที่ 24 พ.ย. นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวกรณีรัฐสภายุโรปส่งหนังสือเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย ที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม หรือเมืองสตราสบูร์ก ฝรั่งเศส ว่าหากดูเงื่อนไขที่ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้ระบุไว้ในหลักเกณฑ์ว่า กรณีจะเดินทางออกนอกประเทศต้องได้รับอนุญาตจากศาล ก่อนนั้น เป็นเรื่องที่ศาลต้องใช้ดุลยพินิจพิจารณาความเหมาะสมตามความจำเป็นและสมควร ซึ่งคู่ความหรือผู้ขอสามารถแสดงเหตุผลและความจำเป็นอย่างไรก็ได้ แต่ศาลจะใช้ดุลยพินิจว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด จะไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำเชิญจริงหรือไม่ จะมีการหลบหนีหรือไม่ ซึ่งศาลอาจอนุญาตหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าศาลอนุญาตอาจจะให้วางหลักประกันเพิ่มขึ้นก็ได้ ซึ่งต้องใช้ดุลยพินิจของศาล ไม่อาจคาดเดาได้
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยเผยว่า วันเดียวกันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ส่งหนังสือตอบกลับตัวแทนรัฐสภายุโรป โดยระบุยินดีจะร่วมพูดคุย แต่ขอให้รัฐสภายุโรปกำหนดวันและเวลาในการพูดคุย เพื่อจะได้พิจารณาไม่ให้ตรงกับวันและเวลาที่ต้องเดินทางไปศาล ตามนัดในวันที่ 15 ม.ค. และในเดือนก.พ. 2559 และน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ทำหนังสือเพื่อยื่นขออนุญาตจากศาลและคสช. ตามขั้นตอนกระบวนการ เพื่อพิจารณาว่าจะอนุญาตให้เดินทางได้หรือไม่
แหล่งข่าวระบุว่า ส่วนที่มีการตั้งประเด็นจากนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ว่ามีข้อพิรุธหลายเรื่องในหนังสือดังกล่าว รวมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าหนังสือเชิญเป็นเอกสารจริงหรือไม่ เรื่องนี้รมว.ต่างประเทศสามารถตรวจสอบจากรัฐสภายุโรปได้อยู่แล้ว และการที่หนังสือลงวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาแต่เพิ่งมีการเปิดเผยนั้นเนื่องจากช่วงต้นเดือนต.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์มีภารกิจไปขึ้นศาลในคดีรับจำนำข้าว และยังไม่ทราบว่าเรื่องจะเข้าสู่กระบวนการไต่สวน เมื่อใด จึงยังไม่ได้ให้คำตอบ ประกอบกับยังไม่สามารถยืนยันวันเดินทางได้เนื่องจากต้องขออนุญาตจากศาลและคสช.ก่อน
พท.ชี้อดีตนายกฯไปนอกส่งผลดี
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรอง นายกฯ และรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่าการเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย ถือเป็นประโยชน์และ ดีต่อประเทศไทย เพราะช่วยยืนยันให้ประชาคมยุโรปได้เห็นว่าประเทศไทยเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง อยู่ระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญรัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพของประชาชนขั้นพื้นฐาน ไม่ได้ห้ามน.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศเพราะยังถือว่า เป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ คดียังไม่ถึงที่สุด แสดงว่าประเทศไทยขณะนี้ยังมีหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรมเหลืออยู่บ้าง
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ถ้าหัวหน้าคสช.รีบฉวยโอกาสนี้ประกาศให้ประชาคมยุโรปทราบว่าไทยจะเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมยกร่างรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง อนุญาตให้นักศึกษาและประชาชนทำกิจกรรมด้านประชาธิปไตยได้ตามปกติ ไม่มีการควบคุมตัวผู้เห็นต่างทางการเมืองอีกต่อไป เชื่อได้ว่าภาพลักษณ์ของไทยจะดีขึ้นในสายตาของโลกประชาธิปไตย
โต้ฉวยโอกาสหลบหนีคดี
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า อยากฝากถึงหัวหน้าคสช.ว่าพวกที่พยายามกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์จะฉกฉวยโอกาสหนีคดีนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ยืนหยัดต่อสู้คดีมาตลอด ไปศาลทุกครั้ง มีความกล้าหาญยิ่งกว่าผู้ชายอกสามศอกหลายคน ที่สำคัญน.ส.ยิ่งลักษณ์คงไม่ไปพูดให้ร้ายต่อประเทศตนเองให้คนอื่นฟังอย่างแน่นอน เพราะเคยเป็นผู้นำประเทศ มีวุฒิภาวะและประสบการณ์ จึงหวังว่าหัวหน้าคสช.จะพิจารณา
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนที่หนังสือเชิญไม่ได้กำหนดหรือเจาะจงวันเชิญ เพราะเขารู้และเข้าใจว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องขออนุญาตการเดินทางจากศาลและคสช. เขาจึงทำหนังสือเชิญแบบเปิดไว้ และหนังสือเชิญลงนามโดยประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การต่างประเทศและประธานกมธ.ด้านความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐสภายุโรป ไม่ใช่หนังสือเชิญจากใครก็ไม่รู้ ที่มีพวกจิตใจต่ำพยายามอวดรู้และกล่าวหาเขา
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขอให้หัวหน้าคสช.สบายใจว่าถ้าเขาได้ฟังเรื่องต่างๆ จากน.ส. ยิ่งลักษณ์ รัฐสภายุโรปจะเข้าใจประเทศไทยดีขึ้น และคสช.ไม่เห็นต้องกลัวในเมื่อพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พูดในเวทีโลกอยู่ตลอดว่าจะเดินตามโรดแม็ป จะมีรัฐธรรมนูญเป็นที่ยอมรับของสากลและจะมีการเลือกตั้งกลางปี 2560 ก็ควรอนุญาตให้น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางได้
'ดอน'ชี้เป็นการล็อบบี้สภาอียู
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวก่อนการประชุมครม. ถึงกรณีรัฐสภายุโรปทำหนังสือเชิญน.ส. ยิ่งลักษณ์ไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย ว่ากระทรวงการต่างประเทศยังไม่เห็นหนังสือ ทราบข่าวจากสื่อต้องขอตรวจสอบก่อนว่าเรื่องมาจากฝ่ายใด ใครเป็นคนเชิญ แต่ที่ผ่านมาทราบว่ามีการล็อบบี้รัฐสภายุโรปหลายเรื่อง
เมื่อถามว่า การล็อบบี้รวมถึงหนังสือเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วยหรือไม่ นายดอนกล่าวว่ามีอยู่หลายเรื่อง คงไม่พลาดที่จะรวมเรื่องนี้ ซึ่งรัฐสภาอียูเขาบอกตนมา เมื่อถามว่าจะเข้าไปตรวจสอบหรือไม่ว่าหนังสือดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ นายดอนกล่าวว่าต้องดูก่อน ข่าวที่ได้ยินและทราบมาก่อนหน้านี้คือมีการล็อบบี้รัฐสภาอียู จึงขอตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าอะไรเป็นอะไร เพราะขณะนี้เรามีข้อมูลจากบรัสเซลส์ว่ามีการล็อบบี้เท่านั้น
เมื่อถามถึงข้อสังเกตจากบางฝ่ายถึงคำนำหน้าชื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในหนังสือว่า Khun แทนที่จะใช้คำว่า Miss นายดอนกล่าวว่า ถ้าใช้คำว่า Khun แสดงว่าคุ้นเคยกัน รู้ถึงวัฒนธรรมไทย ซึ่งไม่ได้ผิดเพราะเป็นคำสุภาพ แต่สะท้อนว่าคนเขียนรับรู้ว่าเป็นคำที่ใช้ในบ้านเมืองของเรา
บิ๊กป้อม เผยออกหมายจับกลุ่มป่วน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีรัฐสภายุโรปส่งหนังสือเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นสถานการณ์การเมืองของไทยว่า การจะอนุญาตหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคสช. เพราะอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล ดังนั้น จะเดินทางออกนอกประเทศได้หรือไม่ต้องไปถามศาล เมื่อถามว่าหากศาลอนุญาตรัฐบาลจะขอความร่วมมือให้พูดในประเด็นที่ทำให้เกิดความปรองดองมากกว่าความขัดแย้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า สื่อก็บอกเขา อนุญาตแล้วก็บอกเขาไปด้วย เชิญตามสบาย
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกลุ่มเคลื่อนไหวในภาคอีสานที่มีจุดประสงค์ก่อความไม่สงบว่า ขณะนี้ตำรวจออกหมายจับไปหลายคนแล้ว ส่วนบุคคลที่ถูกจับกุมที่จ.ขอนแก่น จะเชื่อมโยงกับกลุ่มขอนแก่นโมเดลหรือไม่นั้น ต้องให้เจ้าหน้าที่สอบสวนก่อน เท่าที่ทราบมีการเขียนข้อความด้วยลายมือและส่งทางแอพพลิเคชั่นไลน์
เตรียมสร้างสถานการณ์ในกรุง
เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่ากลุ่มดังกล่าวอาจจะไม่ได้เคลื่อนไหวเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน แต่โยงไปพื้นที่อื่นๆ ด้วย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "โยงมาที่กรุงเทพฯ ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำงานหากบอกหมดก็รู้หมด" เมื่อถามย้ำว่าที่ระบุว่าเชื่อมโยงกรุงเทพฯ หมายถึงเตรียมมา สร้างสถานการณ์ในกรุงเทพฯใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าใช่ ส่วนจะเป็นกลุ่มใด เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ ขอให้สื่อไปช่วยหาข่าว ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอยู่ ใจเย็นๆ ตนทำได้ก็แล้วกัน
เมื่อถามว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวเนื่องมาจากนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลและอาวุธสงครามของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าโยงด้วยกันทั้งหมด เมื่อถามว่าประชาชนยังมั่นใจในความปลอดภัยช่วงเทศกาลลอยกระทงได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าต้องมั่นใจและตนกำลังสร้างความมั่นใจอยู่ขณะนี้ จึงพยายามจับกุมและสืบหาผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อให้เกิดความมั่นใจในทุกเทศกาล
จับจ่าตำรวจ-ชายอีก 2 คน
ผุ้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ระบุพบความเคลื่อนไหวของมวลชนในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะจ.ขอนแก่น ที่มีคนบางกลุ่มเตรียมใช้แผนก่อความวุ่นวายนั้น รายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคงเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวชาย 3 คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศจ่า อายุ 60 ปี 1 คน มีภูมิลำเนาอยู่จ.ขอนแก่น เป็นชายอายุ 58 ปี 1 คน มีภูมิลำเนาอยู่จ.เชียงใหม่ และเป็นชายอายุ 26 ปี 1 คน มีภูมิลำเนาอยู่จ.ขอนแก่น ซึ่งคสช.มอบให้พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของคสช.เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับบุคคลทั้ง 3 รายแล้ว ในความผิดร้ายแรงในคดีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งมีโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับต่อศาลทหารกรุงเทพแล้วในวันนี้(24 พ.ย.)
จตุพร โต้ประวิตร-พูดไม่จริง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวกรณีพล.อ.ประวิตรเผยมีกลุ่มเคลื่อนไหวในภาคอีสานก่อเหตุป่วนในการซ้อมกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ และต่อมามีการจับกุมบุคคลดำเนินคดี ว่าจากการตรวจสอบกับเพื่อนนักการเมืองในพื้นที่ทราบว่าบุคคลที่ถูกทหารจับกุมตัวเป็นอดีตตำรวจชั้นประทวนเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่อยู่ในเหตุการณ์ปี 2553 อยู่ระหว่างการประกันตัวซึ่งศาลอนุญาตให้ประกันตัว โดยพาตัวไปตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนหน้าที่จะมีการซ้อมปั่นจักรยาน 2 วัน และจากการสอบถามจากผู้ร่วมกิจกรรมในวันดังกล่าว รวมทั้งคนเสื้อแดงที่ไปร่วมกิจกรรมแสดงความจงรักภักดี ระบุว่าไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ในระหว่างการซ้อมปั่นจักรยานบริเวณบึงแก่นนคร จ.ขอนแก่น รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงก็ไม่พบเหตุตามที่พล.อ.ประวิตรระบุ จึงเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกัน
ไม่ผิด- 5 อาจารย์มหาวิทยาลัยเข้าพบตำรวจ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ปฏิเสธข้อกล่าวหาขัดคำสั่ง คสช. ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ก่อนตำรวจจะปล่อยตัว รอส่งฟ้อง ด้านเครือข่ายอาจารย์ยันพร้อมสู้เพื่อความถูกต้อง เมื่อ 24 พ.ย. |
แกนนำนปช.กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรคงได้รับรายงานที่คลาดเคลื่อนและพูดไม่จริง เพราะในเวลาดังกล่าวไม่มีเหตุการณ์ใดๆ การออกมาพูดว่ามีการเตรียมป่วนในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ทำให้ทุกคนไม่สบายใจ จึงต้องระวังในการให้ข่าวและอย่าใช้วิธีเอาตัวไปในลักษณะนี้ และไม่รู้ว่าจะตั้งข้อหาอะไรเพราะเป็นคนละเรื่อง การทำเช่นนี้จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น อยากถามว่าที่ระบุว่ามีหลายกลุ่มเตรียมปั่นป่วนนั้นเป็นกลุ่มใด ขอให้ระบุมาให้ชัดเจน เพราะคงไม่มีใครกล้าบังอาจไปป่วนเพราะทุกคนล้วนเป็นพสกนิกรที่จงรักภักดีด้วยกันทั้งนั้น
ชี้ปฏิบัติการไอโอเพื่อกลบข่าว
"ผมไม่รู้ว่า การเอาตัวไปจะตั้งข้อหาอะไร เพราะไม่รู้จักกับบุคคลดังกล่าว ส่วนที่แสดงความเห็นไม่ใช่การปกป้อง ใครผิดอะไรก็ว่ากันไปกฎหมาย แต่ไม่ใช่เอาตัวไปแล้วบีบบังคับให้เขาสารภาพเหมือนหลายคดี การเปิดประเด็นกุข่าวนี้ขึ้นมาเป็นเพียงปฏิบัติการทางการข่าวของทหาร หรือไอโอ เอาข่าวมากลบข่าว โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตก่อสร้าง อุทยานราชภักดิ์ในเวลานี้ แต่เรื่องราชภักดิ์นั้นไม่ว่าข่าวอะไรก็กลบไม่ได้ เพราะประชาชนเขาตัดสินใจแล้วว่าการกระทำดังกล่าวคืออะไร" นายจตุพรกล่าว
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลเพื่อเตรียมลอบทำร้ายคนในรัฐบาล นายจตุพรกล่าวว่าใครจะไปกล้า เพราะเวลานายกฯเดินทางลงพื้นที่ใดมีเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและทหารคอยดูแลไม่ต่ำกว่า 2,500 นาย จึงเลิกคิดไปได้ว่าใครจะไปลอบทำร้าย ขอย้ำว่าการมาพูดว่าป่วนกิจกรรมนั้นขอให้ระบุให้ชัดว่าเป็นใคร กลุ่มใด กระทำการเมื่อไร
'หมอเหวง'มองเป็นเรื่องตลก
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงข่าวการจับกุมชาย 3 คนดังกล่าว ว่าคนเสื้อแดงไม่ทราบเรื่องและไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข่าวดังกล่าว แต่รู้สึกทะแม่งกับการให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ประวิตร ที่ระบุในภาคอีสานจะมีการลุกฮือของประชาชนและสร้างเรื่องวุ่นวายในกรุงเทพฯ มองว่าเป็นเรื่องตลกมาก เพราะเรื่องแบบนี้ไม่มีใครออกมาพูดก่อน กระแสข่าวที่เกิดขึ้นเปรียบเหมือนเหตุการณ์ปี 53 ที่แกนนำมอบตัวแล้วแต่เกิดการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์และยิงประชาชนเสียชีวิต 6 ศพ ที่วัดปทุมวนาราม เหมือนเป็นการกลบข่าว จึงมองว่าข่าวที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างเรื่องเพราะการแถลงข่าวของพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. เกิดการไม่ยอมรับอยู่มาก
จี้ยุติสร้างความเกลียดชัง
นายอนุวัฒน์ ทินราช อดีตประธานนปช.ภาคอีสาน ให้สัมภาษณ์กรณีหน่วยงานความมั่นคงระบุพบความเคลื่อนไหวของมวลชนนปช.อีสาน เตรียมสร้างความวุ่นวายว่า มวลชน นปช.และกลุ่มคนเสื้อแดงได้ยุติบทบาททางการเมืองตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 เพื่อไม่ให้เป็นเป้าหมายของฝ่ายตรงข้าม ขอให้หน่วยงานความมั่นคงลำดับเหตุการณ์จะพบมวลชนนปช.สร้างปัญหาหรือไม่ ที่ผ่านมาให้โอกาสและสนับสนุนรัฐบาลบริหารงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าด้วยดี พวกเรามีแต่เคลื่อนไหวเรื่องปากท้อง ฉะนั้น การปลุกระดมสร้างกระแสให้เกิดความเกลียดชังควรยุติได้แล้ว
ด้านนายจักรวุธ ไตรวัลลภ หรือตี๋ไก่ ตลาดย่าโม อดีตผู้ประสานงานกลุ่มคนเสื้อแดงโคราชกล่าวว่า ในห้วงเดือนมหามงคลของคนไทยทั้งประเทศ คนเสื้อแดงไม่เคยมีแนวคิดยุยงปลุกปั่นสร้างความวุ่นวาย พวกเราช่วยเป็นหูเป็นตา ดูแลสอดส่องพวกฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์แล้วโยนความผิดให้กลุ่มการเมือง เนื่องจากพื้นที่นครราชสีมา เปรียบเสมือนสายล่อฟ้า สัญลักษณ์ความมั่นคง 20 จังหวัดภาคอีสานจึงถูกเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จึงไม่เคลื่อนไหวทำให้เจ้าหน้าที่ต้องลำบากใจ ขณะนี้พวกเราถอยและยุติบทบาทแล้ว กรุณาอย่าโยงไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ความปรองดองจะได้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม
บิ๊กตู่ ชี้ผิดพรบ.คอมพ์ถึงจับ
เวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม. ถึงการตรวจพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ หรือมวลชนที่อาศัยการจัดกิจกรรมในช่วงวันสำคัญๆ ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องถามว่าสังคมจะยินยอมให้เกิดขึ้นหรือไม่ หากต้องการให้เกิดความวุ่นวายก็ไปร่วมกับเขา จะให้ตนบอกว่าห้ามคงไม่ได้ ถ้าต้องการให้สังคมสงบเรียบร้อย ประเทศมีความสุข ไม่ใช่ไปร่วมตีเกราะเคาะไม้ตามเขาไป หรือสร้างประเด็นให้มีปัญหา ให้คนมารวมตัวกันมากๆ เพื่อเป็นข่าวเหมือนที่มีข่าวในโซเชี่ยลมีเดีย คอยยุคนตรงนี้ตรงนั้นให้เกิดความขัดแย้ง ก็ให้ระวังเพราะตอนนี้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ควบคุมอยู่ เมื่อเขียนด่าคนทั่วไปหรือตนก็เป็นสิทธิของตน ถืออำนาจรัฐอยู่
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่บางฝ่ายพยายาม เขย่าคสช.อยู่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อจะถามตนทำไม ถามในสิ่งที่ทำให้ฝ่ายการเมืองมาต่อว่าตน แล้วเขาเขย่าได้หรือไม่ หากอะไรที่ทำแล้วไม่ได้ผลก็อย่าไปเขย่าเลย พอเถอะ ถ้าคิดว่าตนทำดีก็อย่าเขย่าตรงนั้น ไปเขย่าในสิ่งที่ทำไม่ดี แต่ต้องดูว่าสิ่งที่ตนทำไม่ดีมีเหตุผลอะไร ทำไมถึงต้องทำ ไม่มีใครอยากทำให้ใครเดือดร้อนเว้นแต่ไอ้คนเลวทำเพื่อผลประโยชน์
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการจับกลุ่มมวลชนที่เคลื่อนไหวจะก่อเหตุวุ่นวายในพื้นที่ภาคอีสาน นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่อยู่ๆ ไปจับ แต่กระทำผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อถามว่าบุคคลดังกล่าวเคยถูกจับกุมในเหตุการณ์เคลื่อนไหวทางการเมืองในอดีตแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จับกุมตัวมาแล้วเขาก็ประกันตัวออกไปเป็นคดีความกันอยู่ แต่เป็นการเขียนในโซเชี่ยลมีเดียว่าจะไปตีหัวคนแล้วจะปล่อยให้เขาตีหรืออย่างไร เมื่อถามว่าจะถือเป็นการก่อเหตุซ้ำซ้อนหรือไม่ จะมีมาตรการดำเนินการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า จะให้เรียกมาแล้วให้ตนขอบคุณอย่างนั้นหรือ
อจ.เคลื่อนไหวคนหน้าเดิม
ส่วนที่ 323 อาจารย์ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ขอให้หยุดลิดรอนเสรีภาพทางวิชาการและหยุดห้ามนักศึกษาทำกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัยนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่มากันก็อาจารย์ชุดเดิม ซึ่งตนเคยให้ทหารและคสช.ไปนั่งคุยกับอาจารย์คนนี้แล้ว ตอนนั่งคุยก็ให้ความร่วมมือทุกอย่าง จะบรรยายอยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เมื่ออนุญาตให้ไปแล้วก็หยุดพูดไปเลย คนอย่างนี้ใช้ได้หรือ ต้องรักษากติกาด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่เดือดร้อนที่เขาจะพูด แต่กฎหมายว่าอย่างไรห้ามพูดก็อย่าพูดตอนนี้ มีเรื่องควรพูดมากไป สอนเด็กให้เป็นคนดีสอนหรือไม่ สอนให้เด็กไม่ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองหรือเปล่า ตอนรัฐบาลที่แล้วอยู่ไหนกัน เพิ่งมาบรรจุเป็นอาจารย์กันหรืออย่างไร จะเคลื่อนไหวอะไรก็เคลื่อนไป ไม่กลัวกฎหมายก็ตามใจ
เคลื่อนไหวไม่กลัวตายก็ตามใจ
"ถ้าประชาชนจะเคลื่อนไหวตามเขาเดือดร้อนอะไรก็ตามใจ ผมไม่รู้ แล้วถ้าใครหาปืนมายิง โยนระเบิดใส่ก็ตายไปแล้วกัน ถ้าไม่กลัวก็ตามใจ แต่ไม่ใช่ผมแน่เพราะผมไม่ทำอยู่แล้ว และไม่ได้พูดด้วยความโมโหแค่เสียงดังนิดหน่อย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า การเปิดกว้างทางความคิดก็ต้องคุยอย่างมีเหตุผล ถ้าเปิดแล้วมีความ ขัดแย้ง ประเทศชาติจะไปได้หรือไม่ ไปปลุกประชาชนว่ากำลังเตรียมการเลือกตั้ง เลือกแล้วได้อะไรกลับมา ปัญหาถูกแก้หรือยัง อาจารย์เหล่านั้นเคยรับผิดชอบความเสียหายของประเทศชาติหรือไม่ ที่สอนคนมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ก็สอนไป สอนให้ขัดแย้ง ประชาธิปไตยที่ไม่มีขีดจำกัด ทุกคนคงชอบให้สอนแบบนั้น พ่อแม่มันยังไม่ฟังเลย วันหน้าคอยดูเถอะ
เมื่อนายกฯ พูดถึงช่วงนี้ ทีมคนใกล้ชิด ส่งสัญญาณเตือนให้นายกฯ เบาเสียงลง นายกฯจึงกล่าวว่า ทำไม ให้หรี่ลงหรือ ไม่ต้อง ตนมีสติ
มีคำตอบในใจเรื่อง'ปู'
เมื่อถามถึงกรณีรัฐสภายุโรปส่งหนังสือเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปแลกเปลี่ยนความเห็น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คสช.กำลังพิจารณาอยู่ แต่ต้องฟังข้อพิจารณาของศาลด้วยเนื่องจากเกี่ยวข้องทางคดี และโดยมารยาทการเชิญไปพูดคุยควรเป็นการพูดคุยหรือเชิญฝ่ายรัฐบาลไปชี้แจง หรือถ้าใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมอย่างไรจากตนก็พร้อมให้คำชี้แจงทุกอย่าง หากเป็นเช่นนี้จะกลายเป็นกรณีฟังความข้างเดียวหรือไม่ ไม่เคารพกลไกของกฎหมายไทยหรือไม่ ขอร้องสื่ออย่าไปเขียนรุนแรง เดี๋ยวจะหาว่าตนไปตำหนิอียูซึ่งค้าขายกันอยู่
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องฟังศาลก่อน จากนั้น คสช.จะมากรองเพิ่มอีกครั้งว่าควรหรือไม่ควร อย่ามาถามย้ำเลยว่าจะให้ไปหรือไม่ให้ไป อย่าให้ตนต้องพูดทุกเรื่อง สื่อไม่ต้องมาถามแหย่เพื่อให้เขามาด่าตน ตอนนี้กำลังให้พิสูจน์อยู่ว่าเอกสารนั้นจริงหรือไม่เพราะไม่เห็นเอกสาร เห็นแต่ในหนังสือพิมพ์ ที่จริงถ้าเป็นเรื่องของสภาของประเทศต้องเข้าช่องทางให้ถูกต้อง ต้องผ่านกระทรวงการต่างประเทศเพื่อระบุว่าขอให้คนคนนั้นไปชี้แจง ถ้าเป็นเราจะไปทำหนังสือถึงคนในประเทศเขาให้มาชี้แจงได้อย่างไร ตนก็ไม่ทำ หลักการเป็นอย่างนี้ ทำไม่ได้มันผิดหลักการ
"ไม่ใช่จะไปดื้อแพ่งไม่ยินยอม แต่ประเทศไทยก็คือประเทศไทย คำว่าไทยนั้นสำคัญ กฎหมายไทยต้องมีอยู่ แล้วทุกคนจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ มันคงไม่ใช่ แต่ข้อสำคัญถ้าคนของเราไปให้เขาทำตรงนี้คือปัญหาต้องประณามคนเหล่านี้ ผมมีคำตอบอยู่ในใจแล้วแต่พูดไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
แจงปมผู้ลี้ภัย-ใครไม่เข้าใจก็ช่าง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกรณีเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริการะบุผิดหวังกับรัฐบาลไทยที่ส่งกลับชาวผู้ลี้ภัยชาวจีน 2 คนแก่ทางการจีนว่า ได้อธิบายไปแล้ว ต้องเข้าใจว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่เดินอยู่ดีๆ แล้วสะกิดมาจับ แต่เขาจับทั่วไปและเมื่อเจอผู้ลี้ภัย 2 คนนี้ พบว่าทำผิดตามกฎหมายหลบหนีเข้าเมืองจำเป็นต้องตรวจสอบต้นทางว่ามาจากไหน เป็นคนชาติไหน มีหมายจับหรือไม่ บังเอิญว่า 2 คนนี้พบว่ามีหมายจับจากประเทศต้นทาง เมื่อมีการขอตัวมาก็จำเป็นต้องส่งตัวกลับไป ส่วนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชซีอาร์) เขาไม่รู้เรื่องว่าชื่อของคนเหล่านี้อยู่ในกระบวนการของกลุ่มบุคคลในความห่วงใย เช่น ผู้แสวงหาที่พักพิง กลุ่มผู้คนพลัดถิ่นในประเทศ บุคคลไร้รัฐ หรือที่เรียกว่า Persons of concern (POC) จะให้เราหาประเทศที่ให้ไปอยู่ได้ภายใน 2-3 วันจะเป็นไปได้หรือ
ส่งฟ้อง- จนท.ราชทัณฑ์และทหาร คุมตัวนายอะเด็ม คาราดัก และนายมีไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาคดีระเบิดกรุง 20 ศพ จากเรือนจำชั่วคราว มทบ.11 มายังศาลทหารกรุงเทพฯ เพื่อเบิกตัวต่อศาล หลังอัยการสั่งฟ้อง 10 ข้อหา เมื่อวันที่ 24 พ.ย. |
นายกฯ กล่าวว่า ตนพูดข้อเท็จจริงให้เขาฟังและเกิดความเข้าใจ แต่เวลาเขาพูดอะไรเขาพูดหลุดจากหลักการไม่ได้อยู่แล้ว ใครไม่เข้าใจตนก็ชั่ง ขอให้คนไทยเข้าใจว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติและเป็นไปตามกฎหมายไทย ส่วนการส่งตัวต้องกำชับว่าหากส่งตัวไปแล้วตามกฎหมายที่มีก็ขอให้ดูแลให้ดีว่าอย่าละเมิดสิทธิมนุษยชน เขาก็รับปาก ตนชี้แจงไปหมดแล้ว ใครไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ เพราะเขาพร้อมจะไม่เข้าใจอยู่แล้ว ถ้าเกิดที่ประเทศเขาจะทำอย่างไรก็ไม่เห็นมีใครไปห้าม เขาจะส่งไปไหนทำอะไรก็ได้ไม่มีใครห้าม
10 ข้อคสช.-ขึ้นกับกรธ.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการเลือกตั้ง ถ้าทำไม่ดีก็เหมือนตีเช็คเปล่าให้คนที่เป็นส.ส. เขาก็ไปทำทุกอย่างที่ให้อำนาจตัวเอง และกลไกทั้งนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการต้องมีการ ถ่วงดุล ก็มีอำนาจ 2 อันคือส.ส.และส.ว. ถ้าทั้ง 2 ส่วนนี้มาจากการเลือกตั้งแล้วใครจะค้านใครได้ จึงไปหาว่าส.ส.และส.ว.จะทำอย่างไร ตรงนี้ซับซ้อนอยู่ ไปศึกษามาแล้วเราค่อยทำให้เข้าที่เข้าทาง อย่าไปคิดเองหรือไปคิดนอกกรอบ จะตีกันยุ่งไปหมด เห็นใจกรธ. สปท. ความขัดแย้งสูงมาก นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.ก็อายุมากแล้ว เป็นผู้ใหญ่ที่ทุกคนให้เกียรติ แต่การเมืองทำให้ทุกอย่างถูกทำลาย ถึงไม่มีใครอยากเข้ามา เว้นแต่คนที่ชอบ คนที่อยากพัฒนาบ้านเมืองยังไม่อยากเข้ามาเลยเพราะการเมืองเป็นแบบนี้
นายกฯกล่าวถึงคสช.มีข้อเสนอ 10 ข้อ ส่งไปยังกรธ.ว่า เป็นเรื่องที่ส่งมาจากคสช.หลังสั่งให้ไปรับฟังความคิดเห็นมา แต่ในนั้นมีที่ตนไม่เห็นด้วย แต่จะให้ไปบอกว่าอันนี้เอา ไม่เอา มันไม่ใช่ ตนตั้งใจฟังทุกคน เป็นเรื่องของกรธ.จะทำทั้งหมดหรือไม่ ไม่ใช่คำสั่ง ยังบันทึกไว้เลยว่าเสนอให้กรธ.นำไปพิจารณาเป็นข้อมูลโดยไปรับฟังจากชาวบ้านมาแล้วผ่านมาถึงตน ในฐานะหัวหน้าคสช.ก็ต้องเซ็นออกไป การจะเอาทหารไปแสดงความคิดเห็นทางการเมืองนั้นตนไม่เห็นด้วย เพราะทหารอาชีพคงไม่อยากวุ่นวาย แต่อย่าลืมว่าพ่อแม่พี่น้องทหารสีไหนก็เป็นทหารทั้งนั้น ตนไม่ได้ปิดกั้น
น้อยใจถูกว่าอธิบายยาว
เมื่อถามว่า ข้อเสนอให้มีกลไกแก้ทางตันเมื่อบ้านเมืองเกิดวิกฤต นายกฯกล่าวว่าเขาเสนอมาเพราะไม่อยากให้ตนปฏิวัติ แต่กลไกเป็นอย่างไรก็ให้ไปหามา เมื่อถามว่าเหมือนต้องการให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ(คปป.) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าไม่รู้ให้มีคปป.ได้หรือไม่ ต้องทำประชา มติก็ทำไป ถ้าไม่เห็นด้วยกับคปป.ก็ไม่ผ่าน แต่ถ้าคิดว่ามันต้องมีกลไก มีอะไรดีกว่าคปป.ก็ไปหามา ถ้าไม่ดี ก็คปป.ได้หรือไม่ คิดแบบนี้จะได้มีทางออก ไม่ใช่มาบอกว่าต้องเป็นประชาธิป ไตย ต้องเลือกตั้งอย่างเดียว
"นึกว่า อยากปฏิวัติหรือ มันเสี่ยงทุกคน ถ้าไม่สำเร็จผมคงไม่ได้ยืนตรงนี้ ถูกประหารชีวิตไปแล้ว ตรงนี้คือความเสี่ยงของผม แต่ต่อให้เสี่ยงเท่าไรถ้าเพื่อประเทศผมทำได้หมด ผมโตมากับคำนี้ ตายก็ตายกับคำนี้ ชาติหน้าก็เป็นแบบนี้อีกถ้าได้เกิด ผมรู้สึกน้อยใจที่มีพิธีกรรายการบอกว่าท่านใช้เวลาอธิบายนานเกินไป ทำไมจะให้ถามคำตอบคำแล้วมันจะรู้เรื่องหรือไม่ งานเป็นร้อยเรื่องผมพูดเพื่อให้ข้าราชการฟัง ให้ประชาชนร่วมมือ ให้คู่ขัดแย้งหยุดเคลื่อนไหว เพราะเขาไม่ได้คิดอย่างที่ผมคิด ถ้าเขาคิดมันคงไม่เกิดเรื่องให้ผมต้องทำ ถ้าทุกอย่างดีเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว มันจะไม่เกิดเรื่องเหล่านี้เลย ผมมาแก้ไม่รู้ว่ากี่เรื่องแต่กลายเป็นว่าผมทำไม่ถูก เพราะผมเข้ามาอย่างนี้ อย่างอื่นไม่สนใจ มาแล้วจะทำอะไร เวลาเขามาแล้วไม่ทำอะไรกลับชื่นชม เชิดชู ชมว่าเป็นคนพูดน้อย ถ้าไม่มีผมแล้วคอยดูจะคิดถึง หนังสือพิมพ์จะขายไม่ออก จะบอกให้" นายกฯกล่าว
อจ.เข้ารายงานตัวตร.เชียงใหม่
เวลา 15.00 น. ที่สภ.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายอรรถจักร สัตยานุรักษ์ นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ นายมานะ นาคำ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และนายจรูญ หยูทอง จากมหาวิทยาลัยทักษิณ เข้าพบพนักงานสอบสวน หลังได้รับหมายเรียกข้อหาขัดประกาศหรือคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ห้ามไม่ให้ชุมนุม 5 คนขึ้นไป หลังร่วมอ่านแถลงการณ์ 'มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร' ในนามเครือข่ายอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่โรงแรมไอบิส ย่านสี่แยกภูคำ ถนนห้วยแก้ว อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่วนนายกฤษณ์พชร โสมณวัตร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนึ่งในเครือข่ายอาจารย์ฯ ที่ร่วมแถลงข่าวด้วย ไม่มารับทราบข้อกล่าวหา โดยระบุว่ายังไม่ได้รับหมายเรียกจากตำรวจ จึงไม่เดินทางมา ทั้งนี้ มีเครือข่ายคณาจารย์จากหลายมหาวิทยาลัยและนักศึกษามามอบดอกกุหลาบให้กำลังใจด้วย
พ.ต.อ.มณฑป แสงจำนง รองผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้เชิญทั้ง 5 คนเข้าชี้แจงที่ห้องประชุม ก่อนเผยว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายเรียกและจะส่งฟ้องต่อศาล และทั้ง 5 คนได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีประกัน
แถลงยันมหา'ลัยไม่ใช่ค่ายทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทั้ง 5 รับทราบข้อกล่าวหาและพิมพ์ลายนิ้วมือ รวมทั้งให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ได้เดินลงมาจากโรงพัก และรวมตัวกันบริเวณถนนด้านหน้าเพื่อรับมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ จากนั้นนายอรรถจักรอ่านแถลงการณ์ โดยยืนยันว่ามหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหารและการแถลงการณ์เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ไม่ขัดต่อกฏหมาย แต่เป็นการแสดงออกซึ่งความเห็นต่อการจัดการศึกษาซึ่งเป็นภาระหน้าที่โดยตรงของบุคลากรมหาวิทยาลัย
ด้านนายสมชายระบุว่า การให้ปากคำวันนี้ทุกคนยืนยันว่าการแสดงออกทางความเห็นไม่ถือว่าขัดต่อกฏหมาย หลังจากนี้จะทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรส่งให้พนักงานสอบสวนและพร้อมจะต่อสู้ในกระบวนการที่จะเกิดขึ้นต่อไป
นักวิชาการต่างชาติร่วมจี้คสช.
เฟซบุ๊กบีบีซีไทยเผยแพร่จดหมายจากกลุ่ม Scholars at Risk Network หรือเครือข่ายนักวิชาการในภาวะเสี่ยง มีสมาชิกในมหาวิทยาลัยต่างๆ รวม 400 แห่งจาก 39 ประเทศ ลงชื่อ โรเบิร์ต ควินน์ ส่งถึงคสช.เช้าวันที่ 24 พ.ย. จั่วหัวจดหมายถึงพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการตั้งข้อหากลุ่มนักวิชาการที่ร่วมกันอ่านแถลง การณ์มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร ระบุว่าเป็นการดำเนินการกับคนที่ใช้เสรีภาพแสดงความคิดเห็นอย่างสันติ เรียกร้องให้ยกเลิกการตั้งข้อหา และขอให้ไทยแสดงความยึดมั่นต่อหลักการให้เสรีภาพทางวิชาการว่าเป็นพื้นฐานของการศึกษาในระดับอุดมศึกษา
จดหมายลงวันที่ 23 พ.ย. อ้างถึงรายละเอียดที่มาของข่าวเรียกตัวนักวิชาการ 6 คนจากหลายมหาวิทยาลัยที่ร่วมกันอ่านแถลง การณ์เมื่อวันที่ 31 ต.ค. โดยเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาละเมิดคำสั่งคสช. ระบุว่า จากข้อมูลทำให้เห็นได้ว่านักวิชาการไทยทั้งกลุ่มถูกตั้งข้อหาจากการใช้สิทธิแสดงออก สิทธิการชุมนุม และสิทธิทางวิชาการ ที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องได้รับความคุ้มครองตามหลักการระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าที่ระบุไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน หรืออนุสัญญาระหว่างประเทศเรื่องสิทธิทางการเมืองและสิทธิพลเมือง ซึ่งไทยก็เป็นสมาชิก
จดหมายบอกว่าการตั้งข้อหาบุคคลเหล่านี้น่าเป็นห่วง ไม่ใช่เฉพาะนักวิชาการกลุ่มนี้เท่านั้น แต่การที่ปัญญาชนในไทยจะใช้สิทธิเสรีภาพทางวิชาการเท่ากับรวมถึงคุณภาพในอนาคตของงานวิจัยและงานด้านการศึกษาต่างๆ ของไทยด้วย จึงขอให้นายกฯสั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนเหตุการณ์อย่างเต็มที่ ไม่เข้าข้างใคร และรายงานให้สาธารณะได้รับรู้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ขณะเดียวกัน ขอให้ยกเลิกการตั้งข้อหากับนักวิชาการหลายคนดังกล่าว และขอให้คำมั่นสัญญาที่ชัดเจนและหนักแน่นต่อสาธารณะว่าประเทศไทยยึดมั่นเสรีภาพในทางวิชาการ การตั้งคำถามถกเถียงกันอย่างเสรี และเสรีภาพในการแสดงความคิด เป็นพื้นฐานของการศึกษาในขั้นสูงและเป็นองค์ประกอบสำคัญของสังคมที่จะมั่งคั่ง มีเสรี มีเสถียรภาพ
นอกจากจะส่งสำเนาจดหมายดังกล่าวถึงนายกฯแล้ว ยังส่งสำเนาให้กับพล.ต.โกศล ประทุมชาติ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก 33 จังหวัดเชียงใหม่ และพล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภาค 5 ด้วย
29 มี.ค.59 ได้รธน.ฉบับสมบูรณ์
เวลา 14.30 น. ที่รัฐสภา นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)แถลงว่า ที่ประชุมวางกรอบการทำงานช่วงถัดไปโดยแบ่งเป็น 9 ขั้น ดังนี้ 1.ภายในวันที่ 8 ม.ค.59 กรธ.จะพิจารณาความคิดเห็นของประชาชนและข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายเพื่อนำมาร่างแต่ละหมวดให้เสร็จ 2.วันที่ 11-17 ม.ค. จะเดินทางไปต่างจังหวัดพิจารณาร่างทั้งฉบับให้เสร็จ การออกนอกสถานที่ไม่ใช่เพื่อป้องกันการล็อบบี้ แต่เพื่อให้กรธ.มีสมาธิทำงานได้อย่างเต็มที่ 3.วันที่ 18-26 ม.ค. จะทบทวนร่างและถ้อยคำ บทเฉพาะกาล สรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญสำหรับพิมพ์เผยแพร่ 4.วันที่ 29 ม.ค ส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกใหัหน่วยงานนำไปเผยแพร่ต่อประชาชน เพื่อรับฟังความคิดเห็น
5.ภายในวันที่ 15 ก.พ.59 คสช. ครม. สนช. สปท และบุคคลทั่วไปจะต้องส่งความคิดเห็นข้อเสนอแนะต่อกรธ. 6.วันที่ 16 ก.พ.-20 มี.ค. ปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอแนะ 7.วันที่ 21-28 มี.ค. ตรวจสอบความสอดคล้องของถ้อยคำ 8.วันที่ 29 มี.ค. ร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสมบูรณ์ และ 9.วันที่ 30 มี.ค. จะทำพิธีส่งมอบร่างรัฐธรรมนูญให้กับรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ที่กำหนดให้ กรธ.ต้องยกร่างฯภายใน 180 วัน
ให้ศาลรธน.พิทักษ์รัฐธรรมนูญ
นายชาติชาย กล่าวว่า ขั้นตอนต่อจากนี้รัฐบาลจะนำร่างส่งให้ กกต.เพื่อเตรียมความพร้อมจัดออกเสียงประชามติในเดือนก.ค.2559 ว่าจะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่ ส่วนกรธ.และเครือข่ายจะทำหน้าที่ชี้แจงเนื้อหาสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญกับประชาชน ตลอดเวลากว่า 3-4 เดือน ก่อนทำประชามติ เพื่อชี้ให้เห็นข้อดีว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะช่วยเราก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมือง จะได้ไม่เสียเวลาพัฒนาประเทศเหมือนที่ผ่านมาอีก
นายชาติชาย กล่าวว่า การพิจารณาเนื้อหารายมาตราขณะนี้ยังอยู่ในส่วนศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องอำนาจหน้าที่ โดยจะให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจชี้ขาดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพ้นจากตำแหน่ง หากพบว่าขัดคุณสมบัติหรือประพฤติขัดจริยธรรม ส่วนองค์กรที่มีอำนาจส่งให้ศาลวินิจฉัย น่าจะเป็นไปตามกลไกเดิมคือ ป.ป.ช. สมาชิกรัฐสภาทั้งส.ส. ส.ว. และบุคคลทั่วไป อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาส่วนศาลเสร็จแล้วจะเข้าสู่การพิจารณาโครงสร้างอำนาจฝ่ายบริหาร เราใช้เวลาพิจารณาหมวดศาลรัฐธรรม นูญนานพอสมควร เพราะอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ ทั้งหวังว่าศาลรัฐธรรม นูญจะเป็นองค์กรที่พึ่งสุดท้ายที่จะคอยวินิจฉัยข้อขัดแย้งจากวิกฤตการเมืองที่อาจเกิดขึ้นอีก ในวันข้างหน้า ซึ่งสอดคล้องกับหลักการที่เรายืนยันมาตลอดว่า ไม่อยากสร้างองค์กรใหม่ ขึ้นมา
โยกย้าย 6 ทูต-ตั้งอธิบดีกงสุลใหม่
วันที่ 24 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมครม.ว่า ครม.เห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ 6 ราย ดังนี้ 1.นายบรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ เป็นเอกอัครราชทูตกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น 2.นายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล เป็นเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ 3.นายวราวุธ ชูวิรัช เอกอัครราชทูต กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ เป็นอธิบดีกรมการกงสุล
4.นางบุษยา มาทแล็ง เอกอัครราชทูต กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน เป็นเอกอัครราชทูตกรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม 5.นางรัตติกุล จันทร์สุริยา อธิบดีกรมยุโรป เป็นเอกอัครราชทูตกรุงมาดริด สเปน และ 6.นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก เป็นเอกอัครราชทูตกรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี
เห็นชอบแต่งตั้ง นายผดุงศักดิ์ อมาตยกุล ที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เป็นรองผอ.สำนักข่าวกรองฯ
อัยการสั่งเลื่อนคดีฟิลลิปมอร์ริส
วันที่ 24 พ.ย. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงอัยการสำนักงานคดีพิเศษนัดผู้ต้องหาในคดีบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด หลบเลี่ยงภาษีบุหรี่มูลค่าความเสียหายแก่รัฐมากกว่า 68,000 ล้านบาท มาฟังของอัยการในวันที่ 25 พ.ย.นี้ว่า คดีนี้มีผู้ต้องหา 8 ราย ได้แก่ บริษัท ฟิลลิป มอร์ริสฯ และประชาชนอีก 7 ราย นายทรอย เจ ม้อดลิน ผู้จัดการสาขา 1 ในฐานะผู้ต้องหา ส่งผู้รับมอบอำนาจมาขอเลื่อน แจ้งต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษว่าไปต่างประเทศตั้งแต่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา มีหลักฐานเป็นตั๋วเครื่องบิน อัยการคดีพิเศษเจ้าของสำนวนพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุอันควร จึงมีคำสั่งให้มารายงานตัวภายในวันที่ 27 พ.ย.นี้ ถ้าไม่มาจะพิจารณาออกหมายจับ
นายประยุทธ กล่าวว่า ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือมายื่นคำร้องขอเลื่อนการสั่งคดีดังกล่าวออกไปก่อน อ้างว่าไปติดต่อสอบถามศาลอาญาเรื่องจำนวนเงินประกันตัวในชั้นศาล ศาลอาญายังไม่สามารถที่จะระบุจำนวนเงินในการปล่อยชั่วคราวคดีนี้ได้ เนื่องจากศาลยังไม่ทราบคำฟ้องของอัยการและพฤติการณ์แห่งคดี ซึ่งต้องใช้พิจารณาประกอบดุลพินิจในการปล่อยชั่วคราว อีกทั้งผู้ต้องหาที่ 5 และที่ 10 ยื่นคำร้องเพิ่มเติมเกี่ยวกับปล่อยชั่วคราวแก่อัยการโดยอ้างเหตุว่ามีหน้าที่ต้องดูแลบุตรที่ยังเล็ก 3 คน จึงขอเลื่อนการฟังคำสั่งของอัยการออกไป
อัยการเจ้าของสำนวนพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า ผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย มีสัญชาติไทย ขณะเกิดเหตุทั้ง 7 รายเป็นเพียงลูกจ้างของผู้ต้องหาที่ 1 และตั้งแต่ก.ย. 2558 ผู้ต้องหาทั้ง 7 รายพยายามติดต่อขอข้อมูลจากศาลอาญาเพื่อทราบจำนวนหลักทรัพย์ในการปล่อยชั่วคราวมาตลอด และไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือไปวุ่นวายกับพยานหลักฐานของคดี และยังอ้างเพิ่มเติมมีภาระต้องเลี้ยงดูบุตรที่ยังเล็ก เพื่อให้โอกาสผู้ต้องหาทั้ง 7 รายอีกครั้งเตรียมหลักประกันในชั้นศาล จึงมีคำสั่งให้ผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย มาทราบคำสั่งของพนักงานอัยการครั้งต่อไปวันที่ 19 ม.ค. 2559 เวลา 09.30 น.
คุมตัว 2 มือบึ้มราชประสงค์ส่งฟ้อง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 พ.ย. ที่ศาลทหารกรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ทหารได้คุมตัวนายอะเด็ม คาราดัก หรือนายบิลาล โมฮัมเหม็ด และนายมีไรลี ยูซุฟู 2 ผู้ต้องหาคดีระเบิดสี่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร จากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี มณฑลทหารบกที่ 11 มายังศาลทหารกรุงเทพฯ
นายชูชาติ กันภัย ทนายความส่วนตัวของนายอาเด็ม กล่าวว่า อัยการศาลทหารได้พิจารณาสั่งฟ้องนายอาเด็ม เป็นจำเลยที่ 1 และนายมีไรลี เป็นจำเลยที่ 2 ใน 10 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่ออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง และใช้วัตถุระเบิดในการกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น 2.ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร 3.ร่วมกันพยายามกระทำให้เกิดระเบิด 4.ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 5.ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส ได้รับอันตรายแก่ร่างกายและทรัพย์ของผู้อื่น 6.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 7.ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ 8.ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง 9.ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 10.เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
นายชูชาติกล่าวต่อว่า หลังจากการพิจารณาของศาล ว่าศาลทหารไม่ได้สอบคำให้การของจำเลยทั้ง 2 ว่าจะรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหา เนื่องจากมีอุปสรรคในเรื่องการแปลภาษา เพราะจำเลยที่ 1 ไม่สามารถเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดีพอ ดังนั้นฝ่ายโจทก์ได้ยื่นคำร้องเพื่อตั้ง พ.ต.ท.ทวยเทพ เดวิด วิบูลศิลป์ สารวัตรกองการต่างประเทศ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เป็นล่ามแต่จำเลยที่ 1 คัดค้าน ส่วนจำเลยที่ 2 ยอมรับล่ามคนดังกล่าว ทั้งนี้ทางจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งล่ามชื่อ นายบัคคาดีร็อก ซีโรจิดินส์ ชาวอุซเบกิสถาน แต่ทางอัยการขอคัดค้านคนดังกล่าวเพราะยังไม่รู้ประวัติที่มาที่ไป ทั้งนี้ตนในฐานะทนายของจำเลยที่ 1 จึงได้แถลงต่อศาลว่าจะยื่นคำร้องต่อศาลภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันนี้ เกี่ยวกับความเป็นมาของล่ามชาวอุซเบกิสถาน เพื่อการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็วทางศาลจะนัดจำเลยทั้ง 2 มาสอบคำให้การอีกครั้งในวันที่ 16 ก.พ. ปี 2559 เวลา 08.30 น.
นายกฯนำทีมซ้อม'ปั่นเพื่อพ่อ'
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 24 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. นำคณะครม. ซักซ้อมปั่นจักรยานในกิจกรรม "ปั่นเพื่อพ่อ BIKE FOR DAD" ก่อนเป็นประธานการประชุมครม. โดยมีรองนายกฯและรัฐมนตรีร่วมกิจกรรมหลายคน แต่มีครม.ที่ไม่ได้เข้าร่วม อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ
บรรยากาศการซ้อมปั่นจักรยาน พล.อ.ประยุทธ์ นำขบวนรัฐมนตรี มีรองนายกฯ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ปั่นต่อจากนายกฯ จากนั้นเป็นรัฐมนตรี เริ่มตั้งขบวนตั้งแต่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ปั่นผ่านด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 ผ่านหน้าตึกนารีสโมสร โครงการหลวงดอยคำ ด้านหน้าตึกสำนักปลัดสำนักนายกฯ ผ่านทางเชื่อมตึกสันติไมตรี เสาธงชาติใหญ่ ศาลพระภูมิเก่า เลาะริมรั้วและมาบรรจบที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายกฯและคณะซ้อมปั่น 10 รอบ รวมระยะทางกว่า 6 กิโลเมตร โดยนายกฯสวมเสื้อสีเหลืองพร้อมกางเกงวอร์ม หมวกและแว่นตา ถุงมือสำหรับปั่นจักรยาน ซึ่งระหว่างการปั่น นายกรัฐมนตรีมีสีหน้ายิ้มแย้มและพูดคุยรัฐมนตรีบางส่วน
ททท.-กทม.จัดเที่ยวไทย 2559
เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าฯ ททท. และนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม. ร่วมแถลงงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2559 ครั้งที่ 36 วันที่ 13-17 ม.ค.2559 จะจัดขึ้นที่สวนลุมพินี กทม. ภายใต้แนวคิดท่องเที่ยววิถีไทยเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร ภายในงานประกอบไปด้วยโซนกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ นำเสนอความเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่แต่ละภูมิภาค ทั้งด้านวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยคัดเลือกของดีของเด่นทั่วทุกภูมิภาคมารวมอยู่ในงานเดียว
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เพื่อสร้างแรงจูงใจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค มุ่งกระจายรายได้สู่ชุมชนทั่วประเทศ สร้างการมีส่วนร่วม และตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น รวมทั้งเฉลิมฉลองต้อนรับศักราชใหม่อย่างมีความสุข สนับสนุนการท่องเที่ยวตลอดปี 2559 คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานมากกว่า 600,000 คน สร้างเงินสะพัดภายในงานต่อเนื่องไปจนถึงการท่องเที่ยวไปยังพื้นที่จริงหลังการจัดงานประมาณ 500 ล้านบาท เติบโต 25 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่ผ่านมา และเป็นงานที่จะจุดกระแสการท่องเที่ยวภายในประเทศตลอดปี 2559 ก่อให้เกิดรายได้ 800,000 ล้านบาท
ส่วนนายอมรกล่าวว่า กทม.จัดสินค้าจาก 50 เขตชุมชน และจัดสถานที่สอนศิลปะการทำดอกไม้ ทำอาหารไทย เป็นต้น และเตรียมมาตรการความพร้อมเรื่องความสะอาด