- Details
- Category: การเมือง
- Published: Wednesday, 04 November 2015 14:18
- Hits: 3406
ชี้แค่พูดผิด'บิ๊กตู่'พูดใหม่-ไม่ปิดปท.เด็กปชป.ยื่นปปช.สอบ รองผู้ว่าฯกทม.รวยเกิน ครม.จ่ายยาง 1.2 หมื่นล. โยกกลับอธิบดีกรมน้ำ
ชมโขน- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ชมการแสดงตัวอย่างโขน มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ชุดศึกอินทรชิต ตอนพรหมาศ ที่มาประชาสัมพันธ์การจัดแสดง ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 พ.ย. |
'บิ๊กตู่'โต้ปิดประเทศ โวยสื่อแค่พูดผิดนิดเดียวนำไป ขยายความ ยันคำสั่ง ม.44 คุ้มครองเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้าว ไม่ได้เข้าข้างหรือให้ร้ายใคร สั่ง'วิษณุ'แถลงเคลียร์ทุกข้อสงสัย เพื่อไทยร่อนจดหมายเปิดผนึกถึงกรธ. รุมยำระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม "ณัฐวุฒิ"ท้ากรธ.ประกาศจุดยืนให้นายกฯ ต้องมาจากส.ส. เด็กปชป.ยื่นป.ป.ช.สอบรองผู้ว่าฯกทม. ส่อทุจริต-รวยผิดปกติ 'จุมพล'ลั่นพร้อมให้ตรวจสอบ ครม.อนุมัติ 1.2 หมื่นล้าน จ่ายชดเชยชาวสวนยาง
วันที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9107 ข่าวสดรายวัน
บิ๊กตู่ทำท่าเลียนหนุมาน
เวลา 09.00 น. วันที่ 3 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา ทีรคานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการผลิตการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นำคณะนักแสดงโขนฯชุด "ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ" ประจำปี 2558 เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเชิญชวนชมการแสดงที่จัดขึ้นวันที่ 7 พ.ย.-5 ธ.ค. ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย พร้อมมอบ"เทพพระจันทร์" เป็นของที่ระลึกให้นายกฯ ซึ่งมีความหมายว่าพระจันทร์ทรงรถ ตามนามสกุล "จันทร์โอชา" นายกฯจะนำครม.เฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 5 พ.ย.นี้
ช่วงหนึ่งนายกฯอธิบายถึงตัวละครต่างๆ ให้สื่อมวลชนฟัง อาทิ พระรามสีเขียว พระลักษมณ์สีเหลือง อินทรชิต หนุมาน พร้อมให้หนุมานแสดงท่าทางต่างๆ เช่น หิวข้าว ตีลังกา หัวเราะ ฟัง โดยนายกฯทำท่าที่คิดเอง เอามือป้องปากแล้วบอกว่าชื่อท่าอย่าพูดมาก จากนั้นเอามือแนบหู บอกว่าชื่อท่า ฟังซะบ้าง
ย้ำอยู่แค่ก.ค. 60 ไปแน่
เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวหลังประชุมครม. ถึงเหตุการณ์ดาวตกและมีโหรทำนายต่างๆ นานาว่า ดาวตกก็ตกไป ไม่ต้องสนใจ ควรสนใจเรื่องทำความดี ถ้าทำความดีก็ไม่ต้องไปกลัวจะตกหรือขึ้น สำหรับตนอะไรที่เขาบอกว่าไม่ดี เตือนมาก็ถือเป็นเรื่องดีจะได้ระมัดระวัง แต่ไม่ใช่ไปสร้างความตื่นตระหนกให้เกิดขึ้น ตนไม่ได้ดูถูกโหรหรือคนที่ออกมาทำนาย ไม่เคยไปลบหลู่แต่ขอร้องว่าให้มีหลักการ
เมื่อถามว่า นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือโหรคมช. ทำนายว่านายกฯจะดวงดีอยู่ยาว ใครก็ทำอะไรไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าก็ให้พูดไป เกี่ยวอะไรกับตน บอกว่าตนจะดวงดีก็ดีไป แต่ถ้าบอกว่าดวงไม่ดีก็ไม่ดี ต้องระวังตัว เมื่อถามย้ำว่าโหรคมช.ทำนายนายกฯ จะอยู่ในตำแหน่งยาว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่ยาว ไม่สั้น เดือนก.ค. 60 ก็ไปแล้ว เขาเขียนกฎหมายไว้อย่างนั้น จะเป็นอย่างอื่นคงไม่ได้ อยู่ไปก็ไลฟ์บอย"
เมื่อถามว่า ไลฟ์บอยหมายถึงอะไร พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่าไลฟ์บอยคือสบู่ หมายความว่าทำอะไรก็ไม่สำเร็จ มันก็ไลฟ์บอย อาบน้ำฟรี ศัพท์โบราณเขาเรียกกันอย่างนี้ เป็น คำพ้อง
ชี้ประเทศปิดตั้งแต่ก่อน 22 พ.ค.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงถึงคำพูดในการประชุมมอบนโยบายแม่น้ำ 5 สาย ที่ระบุถึงการปิดประเทศหากบ้านเมืองไม่สงบว่า ขอร้องสื่อทุกสื่ออย่าขายความขัดแย้งเพราะเหมือนกับขายประเทศ ไม่ต้องมาว่าตนพูดเสียหายหรือพูดแล้วหุ้นตก หุ้นมันตกกี่วันแล้ว เขารู้สิ่งที่ตนพูดความหมายคืออะไร ไม่มีใครอยากทำ ตนพูดเพียงว่าถ้ามันเป็นอย่างนั้นจะต้องไปถึงขั้นนั้นก็ตามใจ ชอบเอาประเด็นเหล่านี้ไปลง แทนที่จะมาสอนคนว่าทำอย่างนี้แล้วมันจะดี ตนจะได้ไม่หงุดหงิด
"ก่อนวันที่ 22 พ.ค. มันเป็นอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า มาประท้วงทั้งประเทศ ปิดหรือยัง นักท่องเที่ยวเขาไม่มาเพราะอะไร มันปิดอยู่แล้ว ผมพูดถึงว่าถ้าไม่ช่วยกันตรงนั้นมันจะกลับไปปิดอย่างวันนั้น ไม่ใช่ผมจะไปปิด ผมจะปิดทำไม ต่อต้านกันทุกเรื่อง แม้กระทั่งพวกกันก็ต่อต้าน แล้วบอกเป็นพวก อย่างนี้เป็นพวกตรงไหน อะไรที่ผมพูดผิดนิดหน่อยเติม ขยาย เข้าไปเรื่อย ผมก็เป็นมนุษย์ธรรมดา ถ้าผมเป็นคนขี้หมากาไก่ ถ้าผมไม่ทำอะไร มาแสวงประโยชน์ก็ด่ามาผมรับได้ทั้งหมด แต่นี่ทุ่มเททุกอย่างแล้วมาว่าผมทุกวันอย่างนี้ จับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาว่าผมให้คนอื่นมาคอมเมนต์ด่าผม มันน่ารังเกียจ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พยายามเปิดประเทศ
นายกฯกล่าวว่า วันนี้ตนตอบเคลียร์เรื่องปิดประเทศ ใครจะไปประกาศปิด ถ้าหุ้นตกมันตกเพราะสื่อ ตนพูดในสภาบางเรื่องพูดได้ข้างในแต่ชอบแหกเอาไปข้างนอก ในสภาพูดได้หมด รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งพูดแย่กว่าตนอีกหลายเรื่องยังฟังได้เลย คนสนใจแต่เรื่องแบบนี้ไม่สนใจเรื่องเปิดประเทศ ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่คนตกใจที่ได้ยินคำพูดปิดประเทศ นายกฯกล่าวว่าจะขี้ตกใจอะไรนักหนา ถ้าประชาชนสงสัยในคำพูด สื่ออธิบายก็จบ
เมื่อถามว่า ประชาชนอยากฟังคำอธิบายจากนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าตนเห็นว่าถ้าจะให้เป็นอย่างนี้ต่อไปก็แล้วแต่ อยากจะปิดประเทศก็ปิดไป อยู่กันแบบนี้ กลายเป็นตนอยากอยู่หรือตนจะปิดประเทศ แล้วมันปิดได้หรือไม่ สิ่งที่ทำวันนี้กำลังทำให้เปิดประเทศ ซึ่งมันถูกปิดมานานแล้ว ปิดด้วยความรู้สึก ความเกลียดชัง การทุจริต ไม่โปร่งใส มันปิดอยู่แล้ว ตนอยากจะเปิด พยายามทำให้เกิดการเลือกตั้งให้ได้ แต่ก็ค้านไปหมด ทุกคนใช้ความคิดตัวเอง ไม่ย้อนดูปัญหาของบ้านเมืองว่าอยู่ตรงไหน
"ผมทำนายได้เลยไม่มีวันสำเร็จ ผมปรามาสไว้ตั้งแต่วันนี้เลยไม่มีสำเร็จ เพราะทุกคนเอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง พวกหนึ่งก็จะเอาประชาธิปไตย พวกหนึ่งเอาเลือกตั้งอย่างเดียว ที่เถียงกันอยู่วันนี้เคยมีใครมาพูดแบบผมพูดว่าจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความเป็นธรรมอย่างไร ประชานิยมจะทำอีกหรือไม่ มีแต่บอกจะทำอีก ก็รับกรรมแล้วกันถ้าทำอีก จะผิดถูกผมไม่รู้ แต่เป็นปัญหาที่ผมแบกรับอยู่ขณะนี้" นายกฯกล่าว
แจงคุ้มครองจนท.คดีข้าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว นำประเทศให้พ้นจากปัญหาหรือกับดักของเราเอง วันนี้กับดักคือประชาธิปไตยและเลือกตั้ง ตนไม่ได้ขัดแย้งเลยกำหนดไว้แล้วจะเลือกตั้งก.ค. 2560 แต่ถามว่าถ้าเลือกตั้งแล้วกลับมาแบบเก่า ใครจะสัญญาได้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก ยังไม่เห็นนักการเมืองพรรคใดออกมาพูดเลยว่าเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วจะแก้ปัญหาที่ตนว่าอย่างไร เห็นแต่พูดกันเรื่องอำนาจ ทำไมไม่พูดจะแก้ปัญหาเกษตรกรได้อย่างไร หรือจะเก็บไว้เป็นนโยบายหาเสียง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 39/2558 ตามอำนาจมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 เรื่องการคุ้มครองการบริหารจัดการข้าวคงเหลือในการดูแลรักษาของรัฐ และการดำเนินการต่อผู้ต้องรับผิด ว่าเป็นการออกคำสั่งเพื่อคุ้มครองคณะกรรมการที่มีการตรวจสอบอย่างสุจริต ไม่มีการเข้าข้างหรือให้ร้าย ทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐาน ที่คุ้มครองเขาเนื่องจากคณะกรรมการเกรงกลัวต่ออำนาจมืด จึงใช้อำนาจสว่างไปช่วย ไม่ใช่ไปตรวจสอบเพื่อให้มีความผิดให้ได้ ถึงแม้คณะกรรมการสรุปออกมาแล้วยังไปต่อสู้กันในศาลปกครองกลางได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่ามาตรา 44 ใช้เพื่อให้ง่ายขึ้น ไม่ได้ยกเลิกกฎหมาย ลดเวลาลง ไม่ใช่ไปสั่ง เพราะจะหาว่าตนไปเอื้อประโยชน์ เป็นการคุ้มครองคณะกรรมการตรวจสอบข้าว ไม่ใช่คุ้มครองคนทำความผิด เพราะพยานแต่ละคนเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาเขาทั้งสิ้น จึงต้องทำให้เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่อย่างสบายใจ
วิษณุเตรียมแถลงแจง"จำนำข้าว"
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงหลัง ครม.ว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ชี้แจงความคืบหน้าการติดตามคดีต่างๆ ทั้งที่รัฐบาลเป็นโจทก์และจำเลย ในส่วนคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็น 1 ใน 12 คดี โดยใช้เวลากว่า 45 นาที ชี้แจงคดีที่เกิดขึ้นในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งสำนวนคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ และสำนวนคดีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และผู้เกี่ยวข้องคือบริษัทเอกชน รวมถึงข้อสงสัยต่างๆ โดยเฉพาะกรณีมีคนไปบิดเบือนว่าเป็นการกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามทั้งที่ไม่ใช่ ทุกข้อสงสัยมันมีคำตอบที่ชัดเจนด้วยข้อกฎหมาย โดยเฉพาะเหตุผลที่ใช้คำสั่งทางปกครอง ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี"39 มีการใช้คำสั่งทางปกครองไปกว่า 3 พันคดีแล้ว ส่วนเหตุผลที่ไม่รอคดีอาญาเนื่องจากมันมีอายุความของมันอยู่ 2 ปี เรื่องนี้นายกฯสั่งการให้นายวิษณุและตน เปิดแถลงข่าว ซึ่งน่าจะเป็นวันที่ 5 หรือ 6 พ.ย.นี้
พท.ร่อนจดหมายถึงกรธ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกจดหมายเปิดผนึกและข้อเสนอแนะถึงกรธ. มีเนื้อหาสรุป พรรคยืนยันจุดยืนและหลักการเดิมที่รวบรวมจากสมาชิกพรรคและเสนอผ่านสาธารณะ โดยกรธ.ต้องทำหน้าที่อย่างไม่มีอคติ ร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยตามหลักสากลผสานความเป็นไทย เช่น นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง ประธานรัฐสภาต้องมาจากประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.ต้องสังกัดพรรค คณะตุลาการรัฐธรรมนูญประกอบด้วยตัวแทนจากฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ และองค์กรอื่นๆ ทำหน้าที่ตีความและวินิจฉัยปัญหาต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ
ระบบเลือกตั้งที่ประชาชนเข้าใจง่ายและเคยปฏิบัติมาแล้ว บัญญัติให้ทุกองค์กรตามรัฐธรรมนูญต้องปฏิบัติหน้าที่ตามหลักนิติธรรม กำหนดให้มีระบบและกลไกตรวจสอบศาลและองค์กรอิสระ ให้บุคลากรระดับสูง ฝ่ายตุลาการ และองค์กรอิสระ รวมถึงข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องเปิดเผยทรัพย์สินต่อสาธารณะ ไม่ใช่กำหนดแต่รัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภา มีการรายงานผลการดำเนินงานของศาลและองค์กรอิสระต่อรัฐสภา
ตัดสิทธิไม่มีผลย้อนหลัง
ห้ามนิรโทษกรรมแก่ผู้ล้มล้างรัฐธรรมนูญและสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2517 และกำหนดให้บทบัญญัตินี้เป็นประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และเมื่อมีการเลือกตั้งแล้วต้องเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยตรงทั่วประเทศภายใน 180 วัน หรือ 1 ปีเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จากนั้นทำประชามติ หากผ่านจึงบังคับใช้ตามรัฐธรรมนูญฉบับนั้นต่อไป
ส่วนการตัดสิทธิเลือกตั้งนักการเมืองหรือบุคคลใดที่ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าประพฤติมิชอบหรือทุจริตเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่ชอบด้วยเหตุผล แต่ต้องชัดเจนว่ากรณีนั้นๆ เกิดขึ้นตามระบบปกติ ไม่ใช่ผลพวงของการรัฐประหาร และต้องถูกดำเนินคดีโดยชอบ ไม่กำหนดให้เป็นโทษย้อนหลัง และไม่ควรให้บุคคลที่แสดงตนไม่ว่าทางความคิดหรือการกระทำโดยชัดแจ้งว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชา ธิปไตยและการดำรงอยู่ของรัฐธรรมนูญ หรือได้ตำแหน่งหรือผลประโยชน์ใดๆ จากการรัฐประหาร ดำรงตำแหน่งใดๆ ในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ กรธ.จะร่างรัฐธรรมนูญให้กระชับไม่ลงรายละเอียดปลีกย่อยเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องมีหลักการที่ชัดเจนตรงไปตรงมา มิเช่นนั้นผู้ที่จัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก อาจใช้ความไม่ชัดเจนและการซ่อนเงื่อนไปกำหนดในกฎหมายลูกจนไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยที่เป็นสากล การปฏิรูปประเทศ ปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาไปอย่างยั่งยืนนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของการรับฟังกัน การวิพากษ์ตนเอง การยอมรับที่จะปรับปรุงตนเอง การไม่ใช้อคติและการมีท่าทีที่ดีต่อกัน (อ่านรายละเอียดหน้า 3)
ชงสูตรคิดคะแนนแบบนักกอล์ฟ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ตนเตรียมนำเสนอโมเดลเลือกตั้งให้พรรคพิจารณา เพื่อเสนอเป็นความเห็นไปยังกรธ. โดยเทียบเคียงกับระบบเลือกตั้งที่กรธ.เสนอ แนวทางที่ 1 ให้จัดเลือกตั้งแบบเขตไปทั้งหมด 500 เขต ไม่ต้องมีบัญชีรายชื่อ แนวทางที่ 2 เลือกแบบที่กรธ.เสนอคือ 400+100 โดย 400 มาจากการเลือกตั้งแบบเขต 100 มาจากการการเอาคะแนนมารวมเพื่อจัดบัญชีรายชื่อ แต่ต้องเอาทุกคะแนนมารวม ไม่ใช่เอาเฉพาะคะแนนของผู้ที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เพราะหากเอาเฉพาะคะแนนของคนแพ้ก็ไม่แฟร์กับคนชนะ แนวคิดที่ 2 จะทำให้คะแนนของทุกคนมีค่าเท่ากันคล้ายวิธีที่วงการนักกอล์ฟใช้จัดอันดับแชมป์พีจีเอ นักกอล์ฟทุกคนจะถูกเก็บคะแนนสะสมไว้ ไม่ได้ตัดสินที่ชนะในแต่ละการแข่งขัน คนที่ชนะแต่ละแมตช์จะได้ถ้วยรางวัลและได้สิทธิ์นำคะแนนไปรวมจัดอันดับทั้งปีด้วย ถ้ากรธ.จะยังยึดหลักเสมอภาคและเท่าเทียมตามกติกาประชาธิปไตย ก็ไม่ควรตัดคะแนนเสียงข้างมาก
เหวงชี้เจตนาสกัด"แม้ว"
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ขอฝากถึงนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. อย่าร่างรัฐธรรมนูญโดยใช้อคติเกลียดทักษิณ และนายมีชัยระบุว่าเคยมีรัฐบาลไหนที่พูดว่าถ้าไม่เลือกพรรคของตนจะไม่ จัดสรรงบฯให้ หรือเอาโครงการจากจังหวัดหนึ่งย้ายไปอีกจังหวัดหนึ่งเพราะจังหวัดนั้นไม่ได้เลือกคนของรัฐบาลนั้น อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ชัดเจนว่ากรธ.ชุดนี้ทำทุกอย่างในการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อขัดขวางกีดกันพรรคของนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ให้ชนะเลือกตั้ง มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ควรกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งแบบรัฐธรรมนูญ 2540 แยกให้ขาดระหว่างส.ส.เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อ และให้พรรคที่มีจำนวนส.ส.มากที่สุดจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ตามนโยบายที่ประกาศเป็นสัญญาประชาคมดีกว่า
เต้นท้ากรธ.ประกาศจุดยืน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และเลขาธิการนปช. ทำบันทึกถึงประธานกรธ. โพสต์ลงเฟซบุ๊ก 7 ข้อ มีเนื้อหาสรุปว่า ที่ประธานกรธ.อธิบายเหตุผลสนับสนุนระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม 7 ข้อ ขอเสนอความเห็นอีกมุมหนึ่ง การอธิบายว่าที่ผ่านมาลงคะแนนแบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ บัญชีรายชื่อนับหมด ส่วนแบบแบ่งเขตคะแนนผู้แพ้ถูกทิ้งน้ำนั้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะบัตร 2 ใบ นับทุกคะแนนของประชาชนตามเจตนารมณ์การลงคะแนน
นายณัฐวุฒิ ระบุว่า กรธ.ยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่ได้นึกถึงการสร้างคะแนนให้พรรคเล็กเพื่อให้เกิดรัฐบาลผสม เปิดโอกาสให้นายกฯคนนอก ขอเรียกร้องให้กรธ.ประกาศจุดยืนทันทีว่านายกฯตามรัฐธรรมนูญนี้ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ที่บอกว่าระบบนี้คือการปรองดอง ให้คะแนนเฉลี่ยกันไปทุกพรรค ถ้าคนระดับประธานในแม่น้ำ 5 สายมีวิธีสร้างปรองดองแบบนี้ก็น่าใจหาย ไม่สร้างปรองดอง แล้วยังสุ่มเสี่ยงจะเกิดขัดแย้งรอบใหม่ เพราะปลายทางคือการสืบทอดอำนาจซึ่งที่สุดประชาชนจะรู้เท่าทัน
นายณัฐวุฒิ ระบุตอนท้ายที่ยกตัวอย่างครอบครัวเลือกกับข้าว ในโลกแห่งความเป็นจริงคงไม่มีครอบครัวไหนลงคะแนนเลือกกับข้าวกันทุกวัน แต่ถ้ายึดตามสมมตินี้ต้องคิดต่อว่าเขาลงคะแนนเป็นรายมื้อ ใครลงแกงเผ็ดมื้อนี้ รอบหน้าอาจเปลี่ยนเป็นผัดผักก็ได้ ใครอยากให้คนอื่นลงคะแนนเหมือนตนก็ชักจูงโน้มน้าวได้ นี่คือกติกาประชาธิปไตย ให้ประชาชนตัดสินใจเป็นวาระ แต่ละวาระมีสิทธิ์ตัดสินใจใหม่ได้ หลักสำคัญคือเขาต้องมีสิทธิ์เลือกและผลแห่งการเลือกต้องตามเจตนารมณ์ ไม่ใช่มีใครมาดักจัดสรรปันส่วนคะแนนของเขาทีหลังแบบที่เสนออยู่นี้
สมบัติชี้ปัญหาน้ำผสมน้ำมัน
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตประธานกรรมาธิการ (กมธ.)ปฏิรูปการเมือง สปช. โพสต์เฟซบุ๊กว่า จุดเด่นที่สุดของเลือกตั้งระบบจัดสรรปันส่วนผสมจะไม่มีเสียงตกน้ำ แต่ยังไม่เห็นภาพทั้งระบบเพราะยังไม่บอกว่ามีส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างละเท่าไร แต่ก็เห็นปัญหาเบื้องต้น 1.หลักการไม่ให้มีเสียงตกน้ำ จะยุติธรรมเฉพาะกรณีให้ประชาชนเลือกพรรคเพียงอย่างเดียวแล้วนำคะแนนของพรรคมาคำนวณจำนวนส.ส.ตามสัดส่วนที่แต่ละพรรคได้คะแนน โดยไม่กำหนดคะแนนขั้นต่ำเพราะถ้ากำหนดขั้นต่ำเหมือนเยอรมัน แสดงว่าเสียงที่ต่ำกว่า 5% เป็นเสียงที่ตกน้ำ
นายสมบัติ ระบุว่า การเลือกตั้งส.ส.เขตนั้น ประชาชนอาจมีเหตุผลต่างกัน บางส่วนเลือกเพราะนิยมตัวบุคคล ไม่ได้นิยมพรรค แต่บางส่วนนิยมพรรคไม่ว่าพรรคจะส่งใครมาก็จะเลือก ดังนั้น วิธีที่กรธ.เรียกว่าระบบการจัดสรรปันส่วนผสม จึงไม่สะท้อนเจตนารมณ์ในการเลือกตั้งของประชาชน ที่สำคัญคือไม่สะท้อนหลักความเที่ยงธรรมในระบอบประชาธิปไตย พูดให้เข้าใจง่ายคือเรื่อง 2 เรื่องนี้นำมาผสมกันไม่ได้ เหมือนน้ำกับน้ำมัน
ไม่แก้ซื้อเสียง-ทำรบ.อ่อนแอ
2.เรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียง มีหลักฐานยืนยันว่าการจัดการเลือกตั้งแบบเขตเดียว คนเดียวทำให้การซื้อเสียงรุนแรงและได้ผลที่สุด การซื้อเสียงไม่ได้ซื้อเฉพาะคนชนะ คนแพ้ก็ซื้อด้วยแต่ซื้อสู้ไม่ได้ คนแพ้อาจจ่ายเงินมากกว่าคนชนะด้วยซ้ำ ดังนั้น การเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนจึงไม่ช่วยลดการซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่ปัญหานี้จะลดลงเมื่อประชาชนเป็นผู้บริจาคเงินหาเสียงให้กับผู้สมัครเหมือนในประเทศที่พัฒนาแล้ว
3.ระบบนี้จะมีปัญหาในทางปฏิบัติ เพราะมีโอกาสที่ผู้สมัครส.ส.เขตจะถูกใบเหลืองหรือใบแดง (ถ้ายังมี) ทำให้ยังไม่มีผู้ชนะผู้แพ้ที่แน่นอน จึงไม่สามารถประกาศส.ส.บัญชีรายชื่อได้ และถ้าส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นเขตประเทศ จะทำให้ประกาศส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ได้เลย
"ต้องติดตามต่อไปว่าจะกำหนดให้มีส.ส. เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวนเท่าไร ถ้ามีสัดส่วนใกล้เคียงกันก็มีโอกาสที่จะเกิดรัฐบาลผสมที่อ่อนแอได้ง่าย จะทำให้การเมืองไทยไม่มีเสถียรภาพเหมือนในอดีต" นายสมบัติระบุ
เสนอตั้งศาลวินัยการคลัง
เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) และนายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กร ยื่นข้อเสนอการปฏิรูปประเทศให้ กรธ. ผ่านนายธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย กรธ. ระบุประชาชนต้องได้รับการคุ้มครองในการต่อสู้กับคอร์รัปชั่น มีเสรีภาพเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสาธารณะ คนโกงต้องถูกจับและลงโทษรุนแรงด้วยการปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม ปิดช่องว่างแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากเงินแผ่นดิน มีศาลแผนกคดีวินัยการคลังและงบประมาณ ห้ามผู้เคยต้องคำพิพากษาคดีทุจริตลงสมัครรับเลือกตั้ง และให้เผยข้อมูลส่วนตัวของผู้สมัครให้สาธารณชนตรวจสอบย้อนหลัง การบริหารและโยกย้ายข้าราชการต้องทำด้วยคุณธรรม จริยธรรม การกำหนดนโยบายสาธารณะใดๆ ต้องยึดถือประโยชน์ของส่วนรวม และป้องกันการทุจริตในองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ด้วยการเปิดเผยข้อมูลและรายงานงบการเงินและสถานะการคลังให้ประชาชนรับรู้ ปรับปรุงการทำงานของป.ป.ช. พร้อมสร้างกลไกปลูกฝังจิตสำนึกให้ร่วมกันต่อต้าน การทุจริต
"มีชัย"ชี้ส.ส.มีไม่เกิน 500 คน
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคการเมืองทยอยส่งความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดต้องเอามาดู เมื่อถามว่าความเห็นบางพรรคเนื้อหาแย้งต่อระบบเลือกตั้งที่กรธ.กำลังพิจารณา นายมีชัยกล่าวว่าต้องรับฟังและพิจารณาว่ามีความเห็นอะไรที่มันเป็นจุดที่คิดต่อก็นำมาคิดต่อ หรือหากเขาไม่เข้าใจก็อธิบายให้เข้าใจ ส่วนครม. คสช.ยังไม่ได้ส่งความเห็นมา การรับฟังความเห็นเปิดกว้างเท่ากันหมด จะไม่ถามเฉพาะประเด็น เพราะจะเกิดความเข้าใจไขว้เขวได้ว่าเรื่องอื่นเสนอ ไม่ได้
ประธานกรธ.กล่าวว่า ส่วนระบบบริหารน่าจะอีก 2 สัปดาห์จะเข้าที่ประชุม ขอเอาเรื่องนิติบัญญัติให้เรียบร้อยก่อน ล่าสุดการพิจารณาที่มาส.ส.จบแล้ว โดยหลักการส.ส. ต้องมาจากการเลือกตั้ง จำนวนคงมีไม่เกิน 500 คน เหตุที่ใช้หลัก 500 คนนั้น เพราะเป็นหลักที่คุ้นกันมาแล้ว ส่วนจะแบ่งส.ส.เขตเท่าใด ส.ส.บัญชีรายชื่อเท่าใดกำลังพิจารณา
ทบทวนอำนาจ"กสทช."
เวลา 15.00 น. นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษกกรธ. แถลงความคืบหน้าการร่างรัฐธรรมนูญว่า หมวดแนวนโยบายแห่งรัฐ บทบัญญัติที่ว่าด้วยรัฐพึงเปิดเผยข้อมูลการจัดทำและดำเนินการตามนโยบายสาธารณะ ข้อมูลข่าวสาธารณะ โดยให้ประชาชนเข้าถึงได้สะดวก ส่วนนี้มีการหยิบยกประเด็น เกี่ยวกับความลับแห่งชาติ หรือข้อมูลเรื่องความมั่นคงมาอภิปราย เบื้องต้นจะวางกรอบหลักๆ ในสิ่งที่รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสาธารณะ ส่วนรายละเอียดจะบัญญัติไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
นายอมร กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังหารือแนวนโยบายแห่งรัฐ ในการจัดสรรบำรุงรักษา บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ มีการหยิบยกเรื่องการจัดสรรคลื่นความถี่มาพิจารณา ซึ่งถือเป็นทรัพยากรของรัฐ ดังนั้น การจัดสรรหรือดำเนินการใดๆ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐ ที่ประชุมบางส่วนเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ที่ผ่านมามีปัญหาและอำนาจรัฐไม่สามารถตรวจสอบได้ แม้จะมีคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานสำนักงานกสทช. หรือซูเปอร์บอร์ด กสทช. การดำเนินงานยังไม่มีประสิทธิ ภาพเท่าที่ควร จึงมีผู้เสนอให้ทบทวนอำนาจและหน้าที่กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหา โดยยึดความเป็นธรรมและประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดกับประชาชน ส่วนจะให้รัฐกำกับดูแลกสทช. ทั้งที่สถานะเป็นองค์กรอิสระหรือไม่นั้น ที่ประชุมยังไม่ได้ ข้อสรุป
10 พ.ย.สปท.ระดมความเห็น
เวลา 11.00 น. นายคำนูณ สิทธิสมาน นายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ และพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ทีมโฆษกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แถลงถึงแนวทางการทำงานของสปท. โดยนายคำนูณกล่าวว่า หลังจากที่ประชุมสปท.เห็นชอบร่างข้อบังคับการประชุมสปท. ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท. จะลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการดำรงตำแหน่งกมธ.สามัญปฏิรูปประเทศทั้ง 11 คณะของสปท. เพื่อเกลี่ย รายชื่อสมาชิกไปตามกมธ.สามัญชุดต่างๆ ส่วนประธานและรองประธานกมธ.สามัญ แม้ประธานสปท.จะมีอำนาจแต่งตั้งเองได้ แต่ประธานสปท.จะตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณาบุคคลมาดำรงตำแหน่งประธานกมธ.สามัญชุดต่างๆ เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ต่อไป
นายคำนูณ กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ แม้สปท.จะไม่มีหน้าที่เสนอความเห็น แต่การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต้องบรรจุในรัฐธรรมนูญ อีกทั้งประธานกรธ.มีหนังสือถึงประธานสปท. ขอรับฟังความเห็น ดังนั้น สปท.จะเปิดประชุมวันที่ 10 พ.ย.เพื่อให้สมาชิกแสดงความคิดเห็นร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะส่งให้กรธ.ต่อไป
เชิญทูตทั่วโลกฟังปฏิรูป
นายสุวัฒน์กล่าวว่า วันที่ 11 พ.ย. เวลา 10.00 น. สปท.จะเชิญคณะทูตต่างๆ ประจำประเทศไทย 76 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ 19 องค์กร มารับฟังแนวทางการปฏิรูปประเทศของสปท.ที่ห้องสารนิเทศ อาคารรัฐสภา 1 เพื่อให้ทูตแต่ละประเทศเข้าใจเป้าหมายและแนวทางการปฏิรูป เพื่อไปชี้แจงกับประเทศของตัวเอง พร้อมเปิดให้ทูตต่างประเทศได้ซักถามข้อสงสัย ซึ่งประธานสปท.จะเป็นผู้กล่าวเปิดการชี้แจง ส่วนวันที่ 14 พ.ย.จะเชิญเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศจำนวน 96 ประเทศ มารับฟังแนวทางการปฏิรูป ที่กระทรวงต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลไปชี้แจงให้นานาประเทศรับทราบ
นัดลงมติคดีถอด'สมศักดิ์'13 พ.ย.
เวลา 15.30 น. ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิริธรานนท์ โฆษกกมธ.วิสามัญกิจการสภานิติ บัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) แถลงหลังการประชุมว่า ในวันที่ 5 พ.ย. ที่ประชุมสนช.มีวาระพิจารณาญัตติซักถามคดีถอดถอนนาย สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรมว.ศึกษาธิการ กรณีถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลว่าร่ำรวยผิดปกติ ปกปิดการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน จากการรวบรวมคำถามของสมาชิกสนช.มีทั้งหมด 24 คำถาม ซึ่งถามป.ป.ช. 11 คำถาม และนาย สมศักดิ์ 13 คำถาม นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการป.ป.ช.และนายสมศักดิ์จะมาตอบข้อซักถามด้วยตัวเอง จากนั้นวันที่ 12 พ.ย.จะเป็นการแถลงปิดสำนวน ก่อนจะมีการลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอนในวันที่ 13 พ.ย.
ยื่นสอบรองผู้ว่าฯกทม.รวยผิดปกติ
ที่สำนักงานป.ป.ช. นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อประธานป.ป.ช. ผ่านพ.ต.อ. อิทธิพล กิจสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบนายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯกทม. ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และร่ำรวยผิดปกติ จากกรณีการบริหารงานในกทม. หลายกรณีที่น่าเชื่อว่ามีการกระทำผิดตามข้อกล่าวหา 1.กรณีจัดซื้อเครื่องจักรกลจำนวนมากโดยสำนักงานเขตต่างๆ มีราคาแพงเกินจริง และไม่ค่อยได้ใช้งาน โดยออกหนังสือเวียนไปยังสำนักงานเขตเพื่อให้ทำหนังสือแสดงความต้องการเครื่องจักรดังกล่าวเสนอต่อกทม. ซึ่งอาจมีการตกลงและมีผลประโยชน์ร่วมกับบริษัทผู้ขายเครื่องจักร
2.กรณีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ กทม. ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายโยธาของเขตต่างๆ ที่มีนายหน้าติดต่อซื้อขายตำแหน่ง เรียกรับเงินแต่งตั้งโยกย้าย จึงขอให้ป.ป.ช.ตรวจสอบเส้นทางเงินในกรณีนี้ด้วย 3.กรณีพาทีมงานไปเที่ยวญี่ปุ่น ที่ซื้อสินค้าครั้งเดียวมูลค่า 5 ล้านบาท เพื่อให้เข้าเงื่อนไขรายการช็อปดิวตี้ฟรี บินฟรีญี่ปุ่น ทำให้ได้บัตรโดยสารฟรี 100 ใบ
โวมีเรื่องขุดคุ้ยกทม.อีกเพียบ
4.กรณีจ้างเหมาก่อสร้างสวนสาธารณะและลานกีฬาเฉลิมพระเกียรติ วงเงินก่อสร้าง 71 ล้านบาท โดยบริษัทที่ได้รับงานสนิทกับรองผู้ว่าฯกทม. และภายหลังมีการแก้ไขสัญญา ผ่อนปรนการตรวจสอบการก่อสร้างด้วย 5.กรณีบริษัทขายเครื่องจักรให้กทม.นำหัวหน้าเขตทั้ง 50 เขต ไปดูงานรถดูดไขมันที่ประเทศเยอรมันเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา จึงขอให้ตรวจสอบกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน และ 6.กรณีนายจุมพลเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะเยอรมันและฝรั่งเศส ซึ่งแต่ละครั้งจะมีบริษัทจ่ายค่าใช้จ่ายให้ อาจเข้าข่ายเอื้อประโยชน์บริษัทเอกชนในการซื้อเครื่อง จักรกลหรือไม่ ล่าสุดเดินทางไปเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา
นายวิลาศ กล่าวว่า การร้องเรียนป.ป.ช.ในครั้งนี้ เพื่อขอให้ตรวจสอบเพราะเอกสารหลักฐานบางอย่างป.ป.ช.มีอำนาจเรียกดู และอยากให้เรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงหลายกรณี เพราะเห็นว่ามีพฤติกรรมผิดปกติ บางเรื่องที่ทำ เรียกได้ว่าไม่โง่ก็โกง ตนพร้อมให้ปากคำต่อป.ป.ช. และหากมีสภาผู้แทนราษฎร ตนได้เป็นกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร ยืนยันจะเรียกสอบเรื่องร้องเรียนในกทม.ที่เหลืออีก เพราะที่ยื่นให้ป.ป.ช.ตรวจสอบเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
"จุมพล"พร้อมให้ตรวจสอบ
ที่หอศิลป์กรุงเทพมหานคร นายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯกทม กล่าวกรณีนายวิลาศยื่นร้องต่อป.ป.ช. ให้ตรวจสอบการทุจริตและร่ำรวยผิดปกติ จากกรณีบริหารงานในกรุงเทพฯหลายกรณีว่า เป็นหน้าที่ของป.ป.ช. ต้องตรวจสอบเอกสารที่นำไปยื่นว่าน่าเชื่อถือได้หรือไม่ ทั้งนี้ การเข้ามาดำรงตำแหน่งหรือลาออก ต้องชี้แจงบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.อยู่แล้ว ตนเป็นนักการเมืองก็พร้อมให้ตรวจสอบ ที่ผ่านมาตนได้แสดงบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. ตั้งแต่สมัยเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจและได้รายงานมาตลอด ส่วนการแต่งตั้งโยกย้าย ข้าราชการกทม.นั้น ตนไม่มีอำนาจแต่งตั้งใคร ผู้มีอำนาจคือผู้ว่าฯ และปลัดกทม. เมื่อถามว่าการที่นายวิลาศไปยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบเพราะมีปัญหาส่วนตัวหรือไม่ นายจุมพลกล่าวว่าไม่ทราบ
ครม.ทุ่ม 1.2 หมื่นล้านช่วยสวนยาง
วันที่ 3 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่า ครม.มีมติอนุมัติงบประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ชดเชยต้นทุนการผลิตเกษตรกรชาวสวนยาง โดยแบ่งให้เจ้าของสวนยาง 900 บาท คนกรีดยาง 600 บาท คิดเป็นสัดส่วน 60 ต่อ 40 ชดเชยให้เฉพาะเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ ส่วนผู้ไม่มีเอกสารสิทธิคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติจะเข้าไปดูแลเพื่อหามาตรการช่วยเหลือต่อไป
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบโครงการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง ด้วยการชดเชยรายได้เกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิถูกต้องไร่ละ 1,500 บาท รายหนึ่งไม่เกิน 15 ไร่ จำนวน 8.5 แสนครัวเรือน วงเงิน 13,132.50 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณรวมค่าบริหารจัดการโครงการ 382 ล้านบาท วิธีชดเชยให้เกษตรกร 1,500 ต่อไร่ แบ่งเป็น 2 ส่วน ชดเชยให้เจ้าของชาวสวนยาง 900 บาทต่อไร่ คิดเป็นสัดส่วน 60% และชดเชยคนกรีดยาง 600 บาทต่อไร่ คิดเป็นสัดส่วน 40% นายกฯ ยังขอให้การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) สภาการยางแห่งประเทศไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หารือเพื่อหาข้อสรุปมาตรการช่วยคนกรีดยางที่ไม่มีเอกสารสิทธิที่ถูกต้อง โดยให้พิจารณานำกองทุนที่เก็บมาจากการส่งออกยาง(เงินเซสส์) มาใช้ช่วยคนกรีดยาง
โยก"สุพจน์"กลับอธิบดีน้ำบาดาล
วันที่ 3 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมครม.ว่า ครม.เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกฯเสนอแต่งตั้ง นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี อนุมัติตามที่เลขาธิการนายกฯ ประธานกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เสนอแต่งตั้ง พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร เป็นกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพิ่มเติม อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอแต่งตั้ง นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เป็น อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
ทั้งนี้ นายสุพจน์ เคยเป็นอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล แต่มติครม.เมื่อเดือนต.ค. 2557 ถูกโยกให้ไปเป็น อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี
วันเดียวกัน นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดทส. ลงนามคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับรองอธิบดี เทียบเท่าระดับ ซี 9 กรมต่างๆ ในสังกัดทส. ที่มีตำแหน่งว่าง หลังรับสมัครสรรหา 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วยนายศักดา วิเชียรศิลป์ ผอ.สำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายสุวรรณ นันทศรุต ผอ.สำนักสิ่งแวดล้อมที่ 13 (ชลบุรี) สำนักงานปลัด ทส. เป็นรองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 (ตาก) กรมอุทยานฯ เป็นรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ และแต่งตั้งนายฉลอง ของเดิม ผอ.สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสจ.) ลำปาง เป็นผู้ช่วยปลัดทส. ซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่
10 พย.เตรียมสรุปแก้ปมสสส.
เวลา 16.30 น. วันที่ 3 พ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เสรี ตู้จินดา ประธานคณะกรรมการพิจารณาทบทวนการบริหารจัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวหลังประชุมคณะกรรมการว่า ได้เชิญตัวแทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และทพ.สุปรีดา อดุลยานนท์ รักษาการผู้จัดการสสส. เข้าชี้แจงประเด็นบริหารงาน โดยวันที่ 10 พ.ย. จะสรุปเพื่อเสนอรมว.สาธารณสุข ตัดสินใจว่าจะวางแนวทางแก้ปัญหาอย่างไรต่อไป ส่วนการแก้กฎหมายนั้นอาจมีทั้งการแก้ภาพใหญ่ คือแก้พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 หรือปรับแก้ภาพเล็ก คือแก้ระเบียบปฏิบัติตามพ.ร.บ. ที่ประชุมยังไม่ได้สรุปว่าจะใช้แนวทางไหน ต้องรอการประชุมครั้งหน้าซึ่งจะได้ข้อสรุปแน่นอน
นพ.เสรี กล่าวว่า จุดอ่อนที่สุดคือการบริหารจัดการการดำเนินงานกองทุน เหมือนอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่วนนิยามของคำว่า"สุขภาพ" นั้นเป็นเรื่องใหญ่ หากจะปรับแก้ต้องมาตีกรอบว่าสุขภาพที่สสส.ทำได้ต้องทำได้ในระดับใด หรือทำได้ในขอบเขตใดบ้าง แต่ตรงนี้ยังไม่ลงรายละเอียดแน่ชัด
ทั้งนี้ก่อนประชุมนายภาคภูมิ สุกใส ผู้ประสานงานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน และสมาชิกภาคีเครือข่ายกว่า 20 คน ยื่น 4 ข้อเสนอ รวมทั้งการขอให้สสส.เป็นองค์กรอิสระ โดยเฉพาะการบริหารงบฯขอให้ดำเนินการในลักษณะเดิม
ชี้อิทธิพลดาวตก-ผู้นำต้องระวัง
วันที่ 3 พ.ย. นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวถึงปรากฏการณ์ไฟร์บอลเมื่อคืนวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ปรากฏการณ์ลูกไฟตกแต่ละพื้นที่ลักษณะและทิศการตกไม่เหมือนกัน มีผลทั้งดีและไม่ดี ด้านดีคือทำให้คนในพื้นที่ตื่นเต้นอยากศึกษา ส่งผลกระตุ้นการศึกษาและทำให้คนใส่ใจ จึงเป็นเครื่องหมายแห่งการเตือนภัย ผู้บริหารประเทศจะได้สำรวจตนเองว่าสิ่งที่ทำอยู่ถูกต้องครบถ้วน สมบูรณ์หรือไม่ จะได้หาทางเปลี่ยนแปลงตนเอง ปรับปรุงแก้ไข ทำให้การเมือง การปกครอง การบริหารเดินในทางที่ดี สังคมดีขึ้นได้ ส่วนด้านไม่ดีตามท้องฟ้าแบบนี้คือเป็นนิมิตแห่งการเตือนภัย ตำราโหราศาสตร์เรียกว่าธรรมชาติ แต่คนสมัยก่อนอาจเรียกว่าเทวดานิมิตสำแดงให้เห็นด้วยความเอ็นดู สงสารมนุษย์ว่าจะเกิดเหตุอันตรายให้เตรียมตัวแก้ไข ปรับปรุงให้มันดีและระวังปัญหาที่จะเกิดขึ้น
นายภิญโญ กล่าวว่า ลูกไฟเกิดขึ้นตอนหัวค่ำในตำราบอกว่าการเตือนภัยนี้หรือภัยที่จะเกิดขึ้นตามมานี้จะกินเวลานาน และดาวที่ตกมามีสีเขียว จะพยากรณ์หมายถึง 1.ปัญหาด้านการเกษตร พืชผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรม 2.กองทัพ กองกำลังต่างๆ หรือขุมกำลังอย่างอื่น 3.ระวังเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ การสาธารณสุข เชื้อโรค สุขภาพของประชาชนส่วนรวม หรือเรียกว่าอนามัยของประเทศ และดาวตกหมายถึงผู้นำให้ระวังเรื่องสุขภาพ ตำแหน่งหน้าที่ ความเสียหาย และรักษาความปลอดภัย การสูญเสียที่เกิดกับผู้นำ
นายภิญโญกล่าวว่า ตอนนี้การเห็นลูกไฟในประเทศไทยเกิดขึ้นบ่อย ถือเป็นการย้ำเตือนว่าภัยจะเกิดขึ้นแน่นอน และตามมาด้วยเรื่องปัญหาอุปสรรคทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง เหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนมีหลายด้าน เช่น ดาวมฤตยูยกวาทัพลัคนาเมือง ดาวมฤตยูคือเทพแห่งการเปลี่ยนแปลง จะยกเข้าราศีเมษวันที่ 6 มี.ค. 2559-2566 คือช่วงการเปลี่ยนแปลงจะนาน อีกอย่างคือพระราหูสวนกับพระพฤหัส จะมีการสวนกัน กุมกัน ไล่ล่าไปทันกัน 3 ครั้งในปลายปี 2558 จำนวน 1 ครั้ง และปี 2559 จำนวน 2 ครั้ง ฉะนั้น การเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬารจะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีนี้ และฝากเตือนประชาชน ผู้นำ ควรรับฟังความเห็นผู้อื่น สำรวจและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง