- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 22 October 2015 12:09
- Hits: 3705
ชายหมูอุ้มรองผู้ว่า สวนปชป. 'มาร์ค'นัดเคลียร์'ปู'โดนสั่งเบรก! ทอดผ้าป่าที่อุดร ฎีกาคุกปราโมทย์ คดีหมิ่น'ทักษิณ'
'มาร์ค'นัด'ชายหมู' เคลียร์ปมโฉ่กทม. อ้างปชป.ไม่ขัดแย้งกัน เพราะเป็นการตรวจสอบธรรมดา ด้าน'สุขุมพันธุ์'ป้อง 2 รองผู้ว่าฯไม่ต้องโชว์พาสปอร์ต-ไม่ปลดพ้นตำแหน่ง สวนอดีตส.ส.ร่วมพรรค ยันทำงานไม่เล่นสงครามวาจา ด้าน"ยิ่งลักษณ์"ชมตลาดเช้าหนองคาย-โชว์เมนูทำไข่กระทะแทน หลังถูกทหารขอร้องสั่งห้าม-ยกเลิกงานทอดผ้าป่าที่อุดรธานี ก่อนกลับกรุงรุดไหว้พระหลวงพ่อองค์ตื้อที่ท่าบ่อ ท่ามกลางประชาชนที่มาให้กำลังใจ 'ประยุทธ์'นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ปลื้มผลพูดคุยตัวแทนชาวสวนยางลงตัวแก้ปัญหาทั้งระบบ ด้านประธานกรธ.ทำหนังสือถึงพรรคเพื่อไทยขอฟังความเห็นแนวทางยกร่างรัฐธรรมนูญ 'ภูมิธรรม'พร้อมให้ความร่วมมือ ยืนยันแถลงการณ์ของพรรคต้องเปิดโอกาสรับฟังข้อคิดเห็นทุกฝ่าย
22 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9094 ข่าวสดรายวัน
แห่เซลฟี่ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปเที่ยวชมวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขงชายแดนไทย-ลาว ที่วัดผาตากเสื้อ อ.สังคม จ.หนองคาย และร่วมถ่ายภาพเซลฟี่กับประชาชน เมื่อวันที่ 21 ต.ค.
ยิ่งลักษณ์ชมตลาดเช้าทำไข่กระทะ
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 21 ต.ค. น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ พร้อมคณะผู้ติดตาม เดินทางมายังตลาดสดโพธิ์ชัย เขตเทศบาลเมืองหนองคาย โดยทักทายกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายสินค้า ซึ่งมีผู้ชื่นชอบมารอต้อนรับพร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจด้วย โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มายังร้านกาแฟไข่กระทะภายในตลาด และทดลองทำไข่กระทะ เมนูอาหารเช้ายอดฮิตของชาวหนองคาย โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สอบถามวิธีการทำไข่กระทะ พร้อมระบุว่าจะนำกลับไปทำรับประทานเองที่บ้าน
สำหรับ ร้านดังกล่าว เป็นร้านที่น.ส. ยิ่งลักษณ์ เมื่อครั้งเป็นนายกฯ และมาปฏิบัติภารกิจที่จ.หนองคาย จะแวะมารับประทานไข่กระทะเป็นประจำ จากนั้นคณะทั้งหมดร่วมกันรับประทานอาหารเช้า ก่อนเดินทักทายประชาชน ซึ่งมีประชาชนมาขอถ่ายรูปจำนวนมาก
ไหว้หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อที่ท่าบ่อ
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายสมชาย เดินทางไปกราบหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ บ้านน้ำโมง ต.ท่าบ่อ จ.หนองคาย และเดินทางต่อไปยัง วัดผา ตากเสื้อ อ.สังคม จ.หนองคาย แล้วจึงเดินทางกลับเข้า จ.อุดรธานี ขึ้นเครื่องบินเดินทาง กลับ กทม.
เวลา 11.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์และ คณะ แวะรับประทานอาหารอีสานที่ร้านอาหารชื่อดัง ในอ.สังคม จากนั้นเดินทางไปไหว้พระสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่วัดผาตากเสื้อ อ.สังคม ก่อนจะเดินทางมายังตลาดผ้า นาข่า ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี ท่ามกลางชาวบ้านกว่า 300 คน โดยมีอดีตนักการเมืองพรรคเพื่อไทย เช่น นายอนันต์ ศรีพันธ์ นางเทียบจุฑา ขาวขำ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และนายขวัญชัย ไพรพนา มารอต้อนรับ ทันทีที่มาถึง กลุ่มชาวบ้านตะโกนต้อนรับด้วยความดีใจ โผเข้าสวมกอด ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก มอบดอกไม้สีแดง ผ้าพันคอสีแดง ก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินชมตามร้านและทักทายชาวบ้านที่มารอต้อนรับแน่นขนัดไม่ต่างจากสมัยเป็นนายกฯ และได้แวะซื้อข้าวจี่ และข้าวหลามด้วย
ปลื้มชาวบ้านเก็บภาพโปสเตอร์ไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเดินผ่านร้านค้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เจอภาพเก่าที่เจ้าของร้านถ่ายเก็บไว้สมัยเป็นนายฯ ก็ดีใจ ขอดูและเซ็น ชื่อลงไว้ในภาพให้กับเจ้าของร้านพร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และเดินมาถึงช่วงกลางตลาด น.ส.ยิ่งลักษณ์ยิ้มดีใจเมื่อได้เห็นแผ่นภาพโปสเตอร์ขนาด 1X1 เมตร มีภาพของน.ส. ยิ่งลักษณ์ นายทักษิณ และนายขวัญชัย พร้อมข้อความ "บ้านนี้ต้องการให้ทักษิณ กลับประเทศไทย" ขณะที่ชาวบ้านขอร้องให้ถ่ายภาพร่วมกันตรงจุดนี้
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีหลายร้านที่ติด รูปน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายทักษิณ ไว้บริเวณบ้าน และมีชาวบ้านสวมเสื้อสีแดงที่หน้าอก มีภาพเหมือนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ โผเข้าสวมกอดด้วยความดีใจ และถ่ายภาพด้วยเป็นที่ระลึก
จากนั้นคณะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปกราบไหว้พระใหญ่ พระพุทธศรีรัตนมหามงคลนาคาเทวี สูง 20 เมตร ภายในวัดนาคาเทวี ข้างตลาดผ้านาข่า แล้วเดินตลาดทักทายชาวบ้านที่มารอเกือบ 500 คน อย่างเป็นกันเอง ส่วนใหญ่เข้ามาขอถ่ายรูปและให้กำลังใจต่อสู้คดี ก่อนจะเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติอุดรธานี เพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯในเวลา 17.00 น.
ห้ามทอดผ้าป่า-จนท.ประกบแจ
รายงานข่าวจากคนใกล้ชิดอดีตนายกฯ เปิดเผยว่า เดิมน.ส.ยิ่งลักษณ์ นายสมชาย และพี่สาว ต้องการไปร่วมทำบุญทอดผ้าป่าที่วัดในจ.อุดรธานี วันที่ 20-21 ต.ค. โดยวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา คณะของอดีตนายกฯเดินทาง ถึงสนามบินอุดรธานี จากนั้นเดินทางไป จ.หนองคายเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และนมัสการเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย ก่อนกลับมาพักที่โรงแรมที่พักในจ.อุดรธานี แต่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร แจ้งให้ทราบว่ามีคำสั่งห้ามไม่ให้อดีตนายกฯทำกิจกรรมใดๆ ทั้งนี้ ได้มีกำลังทหารและตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบ คอยติดตามความเคลื่อนไหวตลอดระยะเวลาที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ใน จ.หนองคาย
สำหรับ โปรแกรมการเดินทางร่วมทำบุญทอดผ้าป่าที่จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งจากอดีต ส.ส.ในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้ประสานงานระบุว่าทหารจากค่ายประจักษ์ศิลปาคม มีคำสั่งให้ยกเลิกงานทอดผ้าป่า ที่อดีตนายกฯ จะเดินทางไปทำบุญ โดยให้เหตุผลว่าไม่เหมาะสม ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องอยู่ในจ.หนองคาย อีก 1 วัน ซึ่งตลอด 1 วันในจ.หนองคาย ยังคงมีเจ้าหน้าที่ทหารคอยติดตามจำนวนมาก แม้แต่เรือลาดตระเวนในลำน้ำโขง เรือนปข. ก็เข้าร่วมติดตามสังเกตการณ์ด้วย
'บิ๊กตู่'หัวโต๊ะประชุมแก้ราคายาง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานประชุม คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ หรือกนย. ครั้งที่ 3/2558 มี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายอำนวย ปะติเส ที่ปรึกษารมว.เกษตรฯ นายสุนทร รักษ์รงค์ นายกสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัด ภาคใต้ ในฐานะผู้แทนเกษตรกรสวนยาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
นายกฯ กล่าวในที่ประชุมว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับแก้ปัญหาสินค้าเกษตร ไม่เฉพาะยางพารา แต่รวมถึงข้าว ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง สับปะรด เราต้องคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมประกอบ นอกเหนือจากเรื่องราคา ปัจจุบันยางพาราส่วนใหญ่จะส่งออกไปขายต่างประเทศ แต่เมื่อเศรษฐกิจโลกไม่พร้อมรับซื้อได้เท่าเดิม จึงต้องปรับแนวทางให้หันกลับมาใช้ยางพาราในประเทศมากขึ้น ส่วนความคืบหน้าตั้งโรงงานยางพาราเต็มรูปแบบจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ตามนโยบายรัฐบาล แม้ตนจะไม่ได้ทำอาชีพปลูกยางพารา แต่หวังว่าแนวทางที่วางไว้จะแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนได้ ขอขอบคุณ ภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ และเกษตรกรที่มาร่วมประชุม ซึ่งทราบข่าวดีว่าทุกฝ่ายทำความเข้าใจระหว่างกันเรียบร้อยแล้ว
ปลื้มพูดกันเข้าใจ-ชี้ข้อตกลง WTO
จากนั้นเวลา 11.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมกนย.ว่า ที่ประชุมหารือหลายเรื่องในการพัฒนาปฏิรูปโครง สร้างการผลิตและจำหน่ายยางพาราให้มีความยั่งยืน จะได้ไม่เกิดข้อขัดแย้ง โดยพูดถึงการสร้างความเข้มแข็ง ปรับต้นทุนการผลิต การตลาด การใช้ยางในประเทศ ซึ่งได้สั่งการให้กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม พิจารณาการใช้ยางสร้างถนน ดูว่าถนนเส้นใดบ้างต้องการใช้ยาง ปัญหาคือราคายางสำหรับก่อสร้างถนนนั้นสูงขึ้น จึงต้องดูตามความเหมาะสม ยืนยันว่าจะใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาใช้ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังพูดถึงการส่งเสริมการใช้ยางทำมาที่นอน สนาม ฟุตซอล เพราะทำถุงมืออย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ส่วนการใช้ยางทำสนามกีฬามีปริมาณมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอุตสาหกรรมการผลิตยางในประเทศ กำลังทำโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมเมืองยาง หรือรับเบอร์ซิตี้อยู่
"ที่ประชุมคุยกันดีมาก ทุกกลุ่มมาพูด กันหมด พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ได้ออกมาแล้ว และพอใจที่ทุกคนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ทั้งในคณะกรรมการตามนโยบายยางของกฎหมายใหม่ และคณะอนุกรรมการต่างๆ วันนี้ไม่มีปัญหาแล้ว โดยวันที่ 20 ต.ค.มีการหารือถึงกลางดึก จึงได้ ข้อยุติ ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ และรับปากกันว่าจะเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร ผู้ผลิตยาง ผู้กรีดยางด้วย วันนี้ต้องพูดถึง 3 ส่วนทั้งเจ้าของสวน คนรับจ้างทำ และผู้กรีดยางที่ต้องดูแล แต่เรื่องการชดเชยเป็นอันตรายต่อข้อตกลงองค์การการค้าโลก(WTO) การชดเชยราคาส่วนต่างมากๆ ใช้ไม่ได้แล้ว ที่ผ่านมาก็ถูกจับตาดูเหมือนกันจึงต้องหามาตรการอื่น ช่วยสร้างความเข้มแข็ง ให้เขาช่วยตัวเองได้เมื่อราคายางตก เช่น การปลูกพืชเสริม การเลี้ยงสัตว์ เชื่อมโยงการตลาดทั้งชุมชนท้องถิ่น ภูมิภาค ไปสู่ประชาคมโลก" นายกฯกล่าว
'บิ๊กนมชง'เผยชดเชยส่วนต่างไม่ได้
ด้านพล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า รัฐบาลมีโครงการส่งเสริมอาชีพเสริมของเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งได้รับความสนใจมากถึง 5 หมื่นรายจากเดิมตั้งเป้าไว้ 3 หมื่นราย จึงต้องขยายเวลาจนถึงปลายปีนี้และเพิ่มวงเงินขึ้นอีก 2 พันล้านบาท จากเดิมมีอยู่ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนการอุดหนุนชดเชยราคาต่างๆ นั้น ที่ประชุมหารือและตกลงร่วมกันทุกภาคส่วนทั้งเกษตรกร คนกรีดยาง และเจ้าของสวนยาง ได้ข้อยุติและเห็นตรงกันว่าไม่สามารถชดเชยส่วนต่างราคาได้ เพราะอาจมีปัญหาและอาจไม่ตรงตามความต้องการของเกษตรกรที่แท้จริงได้ แต่จะเน้นสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตของเกษตรกร เพื่ออยู่อย่างยั่งยืนต่อไปได้
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า นายกฯให้ตนเป็นประธานประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรต่างๆ ภายในสัปดาห์หน้าที่กระทรวงเกษตรฯ และนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.ในสัปดาห์ถัดไป ซึ่งจะช่วยเหลือได้อย่างแท้จริงและตรงความต้องการของเกษตรกร รวมทั้งไม่ผิดกติกาต่างๆ และเชื่อว่าการทำงานภายใน 2 สัปดาห์นี้จะดำเนินการได้รวดเร็วและเห็นผลเป็นรูปธรรมได้ภายในปีนี้
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ขณะนี้มีพื้นที่ปลูกยางลดลง ส่วนสต๊อกยางพาราที่มีอยู่ ตนรายงานต่อนายกฯแล้ว ซึ่งในส่วนนี้มีเงื่อนไขและพันธสัญญาที่จะขายให้กับบริษัทต่างๆ ที่มีอยู่แล้วและจะยังเดินหน้าต่อไป และหาก มีมาตรการที่ตรงตามความต้องการของเกษตรกรที่หารือในสัปดาห์หน้า เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ ก็จะดีขึ้น เรื่องการชดเชยนั้นเกษตรกรก็ยอมรับและคุยร่วมกันว่าเราไม่อยากทำอะไรที่ผิดกฎหมาย หรือเรื่องที่จะถูกจับตาจากต่างประเทศ ซึ่งมีตัวอย่างอยู่แล้ว เช่น เรื่อง IUU ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่ควรทำ ซึ่งเกษตรกรเข้าใจดีและบอกว่าไม่เอาแล้วที่จะมาชดเชยราคา แต่มาคุยกันว่าจะให้ช่วยเหลืออย่างไร ให้ตรงความต้องการและครอบคลุมทุกมิติ
แกนม็อบยางยันมีสิทธิ์แสดงออก
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องราคา ทางกระทรวงเกษตรฯมีแผนงานและการหาตลาดเพิ่มแล้ว ยังจะพูดคุยในเรื่องการติดตามสัญญาต่างๆ ที่มีพันธกรณีอยู่แล้วโดยจะเร่งรัด เพื่อดึงปริมาณยางจากตลาดไปส่วนหนึ่ง ส่วนพ.ร.บ.การยาง ก็มีข้อยุติและจะเดินหน้าต่อภายในวันที่ 11 พ.ย.นี้ จะทำให้องค์กรเกี่ยวกับยางขับเคลื่อนต่อไปได้ และหากทำไปพร้อมๆ กันทั้งหมด สถานการณ์จะดีขึ้นและการประชุมวันนี้เป็นมิติที่ดีที่ทุกคนร่วมกันและจริงใจแก้ปัญหา และเข้าใจว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวจากกลุ่มเกษตรกร
ขณะที่นายสุนทรกล่าวว่า การแสดงออกต่างๆ ที่อยู่ในกรอบ เกษตรกรชาวสวนยางมีสิทธิแสดงออก ส่วนมาตราการต่างๆ ที่ตกลงกันทั้งนายกฯและรมว.เกษตรฯ สิ่งที่เราเรียกร้องคือการช่วยเหลือ ซึ่งชัดเจนว่าหากใช้ประเด็นส่วนต่างอาจขัดกับประเด็นของWTO จึงมีมติว่าอะไรที่ไม่ก่อให้เกิดความหนักใจต่อรัฐบาล ความช่วยเหลือดังกล่าวได้หยุดเลือดที่ไหลของเกษตรกรชาวสวนยาง โดยเฉพาะคนกรีดยางที่ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือมาก่อน ส่วนรายละเอียดความช่วยเหลือนั้น ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ภาคเกษตรกรก็ใช้วิธีให้เขาสะท้อนมาว่าต้องการอะไรไม่ใช่การกำหนดจากข้างบน
วิษณุแจงจ.ม.ธานินทร์ชงปฏิรูป
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการคัดเลือกรายชื่อคณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จำนวน 5 คนว่า ในที่ประชุมกรรมการสรรหานั้น ไม่มีการอภิปรายถึงบุคคล เพียงแค่ลงคะแนนเลือกเท่านั้น ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้คือส่งรายชื่อทั้ง 5 คนไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบ ซึ่งสนช.จะตั้งกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ก่อนจะลงมติโหวต เป็นลักษณะเดียวกับการลงมติเห็นชอบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)ที่ผ่านมา หากมีบุคคลที่สนช.ลงมติไม่เห็นชอบรายชื่อใด ก็ต้องสรรหาใหม่อีกครั้ง เริ่มจากเปิดรับสมัครใหม่ ซึ่งผู้สมัครรายเดิมสามารถสมัครใหม่ได้ ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่า 1 ใน 5 รายชื่อนั้นเป็นบุคคลใกล้ชิดรัฐบาลหรือคสช. นายวิษณุกล่าวว่า 'ก็ไม่แปลก ก็มันใช่'
นายวิษณุ กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์มอบให้พิจารณาจดหมายส่วนตัวของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรีและอดีต นายกฯ ที่ส่งข้อเสนอแนวทางการปฏิรูปมาว่า เห็นจดหมายแล้ว นายกฯส่งมาที่ตน แต่ นายกฯไม่ได้กำชับเป็นพิเศษ เล่าให้ที่ประชุมครม.ฟังว่าเนื้อหาโดยสรุปในจดหมายเป็นอย่างไร
อ้างไม่ได้มีแต่ความเห็นธานินทร์
"เข้าใจว่านายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ก็ได้รับจด หมายดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งรัฐบาลอาจจะหยิบข้อเสนอใดข้อเสนอหนึ่งของนายธานินทร์มาพิจารณาและดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีแค่ข้อเสนอของนายธานินทร์เท่านั้น ไม่ว่าใครส่งข้อเสนอมารัฐบาลก็รับพิจารณา แต่เผอิญไม่เป็นข่าว" นายวิษณุกล่าว
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 20 ต.ค.มีมติรับทราบ ในหนังสือขอรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญของนายมีชัยที่ทำถึงนายกฯ เพื่อที่กรธ.จะได้นำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของครม.ไปประกอบการพิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป ทั้งนี้ หนังสือของนายมีชัยเป็นการดำเนินการตามมาตรา 39/1 วรรคสอง ของรัฐธรรม นูญชั่วคราว ที่บัญญัติให้กรธ.รับฟังความคิดเห็นจากคสช. ครม. สนช. และประชาชน ภายในเวลาที่กรธ.กำหนด
เผยทุกเหล่าทัพมีศูนย์ไซเบอร์
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม เรียกประชุมศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ(ศมบ.) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี เข้าร่วม
พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ทุกเหล่าทัพมีศูนย์ไซเบอร์ เพราะเราได้ให้ความสำคัญด้านนี้ โดยมีหน้าที่ป้องกันภัยคุกคามภายนอกประเทศ ติดตามสถานการณ์ ทั้งนอกประเทศ อาเซียน และในประเทศ ต้องทำอย่างจริงจังให้เป็นรูปธรรม ให้เป็นไปตามนโยบาย นายกฯ ในส่วนของกลาโหมก็มี โดยเฉพาะศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ โดยมีพล.อ.ประวิตรเป็นผอ.ศูนย์ดังกล่าว ดูแลครอบคลุมเรื่องไซเบอร์ด้วย เพราะมีกระทรวงไอซีทีมาร่วม หน่วยงานไซเบอร์ ของกระทรวงกลาโหมตั้งอยู่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ศรีสมาน
สภาเข้ม-ตรวจยิบที่ประชุม 5 สาย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า พล.อ.ปัณณทัต กาญจนวสิต หัวหน้าแผนกบริหารงานกลาง คสช. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ คสช. เข้าตรวจพื้นที่ห้องประชุมรัฐสภา และห้องรับรองนายกรัฐมนตรี ครม. และสมาชิกคสช. เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ระหว่างครม. คสช. สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรม นูญ(กรธ.) ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ นอกจากนี้ยังวางมาตรการรักษาความปลอดภัยรอบพื้นที่รัฐสภา จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 20 นาย เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วดูแลความเรียบร้อยภายนอกรัฐสภา ตำรวจสันติบาลดูแลความปลอดภัยโดยรอบพื้นที่อาคารรัฐสภา และตำรวจรัฐสภาดูแลความปลอดภัยในอาคารรัฐสภา อย่างไรก็ตาม คณะเจ้าหน้าที่คสช.จะเข้าตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งในวันที่ 27 ต.ค.นี้ด้วย
พท.ย้ำกรธ.ต้องเปิดรับฟังทุกฝ่าย
วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าประธานกรธ. ทำหนังสือถึงพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ขอให้พรรคร่วมเสนอแนะข้อคิดเห็น ต่อการร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กรธ.ดำเนินการ ซึ่งพรรคพร้อมให้ความร่วมมือแสดงความ คิดเห็น โดยยังคงยึดหลักการที่พรรคเคยออกแถลงการณ์ ทั้งในส่วนที่เคยเสนอต่อนาย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกมธ.ยกร่างฯ รวมทั้งแถลงการณ์ฉบับล่าสุด ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะต้องเปิดรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย แก้ไขปัญหาของประเทศได้ ต้องเป็นประชาธิปไตยที่นานาชาติยอมรับ ทั้งนี้ พรรคจะเสนอข้อคิดเห็นเป็นจดหมายเปิดผนึก ส่งตรงถึงนายมีชัยได้ประมาณสัปดาห์หน้า
ไข่กระทะ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทดลองทำไข่กระทะ เมนูอาหารเช้ายอดฮิตของคนหนองคาย ที่ตลาดสดโพธิ์ชัย เขตเทศบาลเมืองหนองคาย โดยมีประชาชนมาให้กำลังใจและขอร่วมถ่ายรูปจำนวนมาก เมื่อวันที่ 21 ต.ค. |
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรม นูญพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าสำหรับข้อเสนอแนะร่างรัฐธรรมนูญที่นายมีชัยทำหนังสือ ขอความเห็นในส่วนของพรรคนั้น พรรคจะยังคงยืนในหลักการเดิมที่เคยเสนอแนะถึงนายบวรศักดิ์ ไปก่อนหน้านี้ โดยจะเสนอเพิ่มเติมในประเด็นว่าหากฉบับใหม่ทำประชามติแล้วไม่ผ่าน ขอให้นำรัฐธรรมนูญปี 40 มาใช้เลือกตั้งแทน โดยปรับบทเฉพาะกาลเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไม่ได้กำหนดว่าหากประชามติไม่ผ่านแล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ เมื่อเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยก็ตั้งส.ส.ร.ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่
ติงองคมนตรีเกี่ยวข้องการเมือง
นายสามารถ กล่าวว่า ส่วนที่นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี ส่งจดหมายส่วนตัวเสนอแนะแนวทางการปฏิรูปถึงนายกฯนั้น ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับกำหนดไว้ชัดเจนว่าไม่ให้องคมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องและต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างชัดเจน ตนเห็นว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะอาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้
ที่รัฐสภา นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษก กรธ. แถลงภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้กรธ.พิจารณาเนื้อหาในหมวดสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา 32-42 ซึ่งกรธ.ยึดแนวนโยบายที่นายมีชัยได้วางกรอบไว้คือ ร่างรัฐธรรมนูญในแบบฉบับของ กรธ. อาจนำประเด็นที่มีอยู่เดิมไปบัญญัติไว้ในหมวดใหม่หรือนำไปไว้ในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งที่ผ่านมามีการกำหนดสิทธิหลายแบบของบุคคลที่อยู่ภายในรัฐนั้นๆ โดยสิทธิต่างๆ นี้ทางรัฐจะต้องดูแล เช่น การได้รับการดูแลเอาใจใส่สวัสดิการด้านต่างๆ ซึ่งที่ประชุมกรธ.หารือว่ากรณีดังกล่าวควรเป็นหน้าที่ของรัฐที่ควรมีให้กับประชาชนหรือบุคคลในรัฐมากกว่า ไม่ควรเป็นเรื่องของสิทธิ จึงย้ายประเด็นดังกล่าวไปอยู่ในหมวดใหม่ที่จะบัญญัติขึ้นคือ หมวดหน้าที่ของรัฐ ที่รัฐต้องดำเนินการจัดการสวัสดิการและเรื่องต่างๆ ให้กับประชาชน
กรธ.ยันไม่ปิดกั้นความคิดของสนช.
นายอมรกล่าวว่า ประเด็นดังกล่าว สมาชิก กรธ.ได้ยกตัวอย่างของนักวิชาการที่เคยนำเสนอผ่านคณะกรรมการปฏิรูปการเมืองของสปช. ว่าในอดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนำประโยชน์ของงบประมาณ ซึ่งเป็นเงินภาษีไปวางแนวนโยบาย และอ้างว่าเป็นนโยบายของตัวเอง ซึ่งข้อเท็จจริงมันเป็นหน้าที่ที่รัฐต้องจัดการดูแลให้กับประชาชนที่อยู่ภายในรัฐนั้น ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาของฝ่ายการเมืองแอบอ้างนำสิ่งที่กำหนดไว้ในรัฐ ธรรมนูญไปเป็นนโยบายของพรรคการเมือง จึงบัญญัติให้เป็นหน้าที่ของรัฐโดยตรง ทั้งนี้ ประเด็นที่จะเป็นหน้าที่ของรัฐประกอบด้วย การศึกษา สาธารณสุข สวัสดิการทางสังคม การเดินทาง เสรีภาพการรวมกลุ่มของประชาชน การสงเคราะห์ผู้พิการ เป็นต้น
นายอมร กล่าวว่า จากนี้กรธ.จะหารือนอกรอบ เนื่องจากกรธ.ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาหลายชุด เพื่อให้กระบวนการทำงานไม่เสียเวลา จึงเปิดให้กรธ.แต่ละคนได้พูดคุยร่วมกันก่อนจะเข้าประชุมกัน ส่วนการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนร่วมกับสนช. ในวันที่ 31 ต.ค.และ 1 พ.ย.นั้น เบื้องต้นยังไม่ชัดเจนว่าจะมีสมาชิกกรธ.ร่วมลงพื้นที่ด้วยหรือไม่ เนื่องจากทราบว่ากรธ.หลายคนติดภารกิจ แต่กรธ.จะไม่ปิดกั้นการรับฟังความคิดเห็นจากสนช. หากมีโอกาสหรือกรธ.คนใดไม่ติดภารกิจก็คงร่วมลงพื้นที่ไปด้วยในโอกาสต่อไป
'วัฒนา'ชี้แจงโครงการจำนำข้าว
วันเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีต รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าวว่า ขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้เพื่อให้สังคมได้ใช้ดุลพินิจพิจารณา ว่า เป็นโครงการประชานิยมที่ทำความเสียหายให้ประเทศอย่างย่อยยับอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวหาหรือไม่ หรือเป็นการสมคบคิดของอีกฝ่ายเพื่อทำลาย น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย โดยชี้แจงเป็น 9 ข้อ สรุปว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการเพื่อประโยชน์สาธารณะด้านเศรษฐกิจ ไม่ใช่โครงการเพื่อการพาณิชย์ที่ไม่สามารถเอากำไรขาดทุนมาชี้วัดดังที่หลายฝ่ายรวมทั้ง ป.ป.ช.พยายามบิดเบือนวัตถุประสงค์โครงการ
นายวัฒนาเปรียบเทียบโครงการจำนำข้าวกับโครงการประกันราคาพืชผลทางการเกษตรในรัฐบาลประชาธิปัตย์ ว่ามีข้อดี-เสียต่างกัน การประกันราคาให้ชาวนาขายข้าวเปลือกกับโรงสีเอง หากขายได้ต่ำกว่าราคาประกันรัฐจะชดเชยส่วนที่ขาดแต่ไม่เกิน ตันละ 2,000 บาท ข้อดีคือรัฐไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงเรื่องราคา การขายและการเก็บรักษา ผลักภาระให้ชาวนาไปแบกรับความเสี่ยงแทน ข้อเสียคือชาวนาไม่มีโอกาสที่จะได้รับเงินค่าข้าวเปลือกที่ตันละ 10,000 บาทตามที่รัฐประกันไว้ โครงการรับจำนำข้าว กำหนดราคาประกันข้าวเปลือกเจ้าไว้ที่ตันละ 15,000 บาท ชาวนาต้องจำนำและส่งมอบข้าวเปลือกไว้กับรัฐ ข้อดีคือชาวนาไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงด้านราคา และจะได้รับเงินค่าข้าวเปลือกตามราคาที่รัฐกำหนด ข้อเสียคือรัฐเป็นผู้แบกรับความเสี่ยงด้านราคา มีภาระในการเก็บรักษาและการระบายสินค้าที่รับจำนำไว้
โอนตรงเข้าบัญชีชาวนา-ไม่มีหล่น
นายวัฒนาระบุว่า ธ.ก.ส.เป็นผู้จ่ายเงินค่าข้าวเปลือกให้กับชาวนา โดยโอนเงินผ่านบัญชีของชาวนาที่เปิดไว้กับธนาคาร เงินที่รัฐบาลจ่ายให้กับชาวนาไม่ว่าจะเป็นโครงการอะไรก็ตามล้วนทำตามวิธีนี้ ชาวนาได้รับเงินตามโครงการที่รัฐช่วยเหลือทุกบาททุกสตางค์ ไม่มีการตกหล่น จึงตอบข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.ที่อ้างว่าโครงการนี้ผู้ได้รับประโยชน์เป็นเพียงบุคคลบางกลุ่ม ไม่ครอบคลุมเกษตรอย่างทั่วถึงซึ่งเป็นความเท็จ โครงการประกันราคา 2 ปี จ่ายเงินให้ชาวนา 130,455 ล้านบาท เป็นการจ่ายขาดที่รัฐไม่ได้ข้าวเปลือกกลับมา และชาวนาได้รับเงินไม่เกินตันละ 2,000 บาท ส่วนโครงการรับจำนำข้าว 3 ปี จ่ายเงินให้กับชาวนาไป 870,018 ล้านบาท รัฐได้ข้าวเปลือกมาเป็นการแลกเปลี่ยนและชาวนาได้เงินค่าข้าวเปลือกตันละ 15,000 บาท
นายวัฒนา ระบุด้วยว่า หลังการช่วยชาวนาจากนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องระบายข้าวสารที่รับจำนำไว้เพื่อลดการสูญเสียให้มากที่สุด เพราะการระบายต้องเป็นไปตามราคาตลาด จึงได้ราคาต่ำกว่าตอนรับซื้อหรือรับจำนำทั้งสิ้นซึ่งเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากยิ่งนานสินค้าก็จะยิ่งเสื่อมสภาพมากขึ้นจะขายให้เท่าทุนหรือสูงกว่าที่รับซื้อมาย่อมเป็นไปไม่ได้ เช่น รัฐบาลนี้รับซื้อยางจากชาวสวนยางที่กิโลกรัมละ 63.15 บาท แต่ขายให้จีนกิโลกรัมละ 42 บาท ต่ำกว่าที่รับซื้อมากิโลกรัมละ 21 บาท โดยไม่รวมค่าฝากเก็บหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ขายไป 200,000 ตัน ก็จะขาดทุนอย่างน้อย 4,200 ล้านบาท หรือที่รัฐบาลนี้ประมูลขายข้าว 11 ครั้ง 4.66 ล้านตัน ได้เงินมา 5.06 หมื่นล้านบาท เท่ากับขาดทุนไปอย่างน้อย 6.52 หมื่นล้านบาท
ชี้ถ้าปูผิด-มาร์คกับบิ๊กตู่ก็ผิดด้วย
"การที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จ่ายเงินจากโครงการประกันราคาข้าวไป 1.3 แสนล้านบาท หากจะนำเอาเรื่องขาดทุนมาเป็นเหตุฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายกฯยิ่งลักษณ์แล้วก็จะต้องดำเนินคดีกับพล.อ.ประยุทธ์และนายอภิสิทธิ์ด้วยเช่นกัน" นายวัฒนากล่าว
นายวัฒนา กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวให้ผลประโยชน์กับชาวนาสูงสุด ส่งผลดีมายังระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ จึงเป็นคำตอบที่เหตุใดพรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามพรรคเพื่อไทยคัดค้านและพยายามทุกวิถีทางที่จะล้มเลิกโครงการ รับจำนำข้าว เพราะยิ่งชาวนาได้รับการดูแลปกป้องผลประโยชน์มากขึ้นเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งหมดโอกาสที่จะกลับมามากขึ้นเท่านั้น ตนในฐานะอดีต รมว.พาณิชย์ยืนยันว่าถ้าเราได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะเลือกที่จะแบกรับภาระความเสี่ยงเรื่องราคาไว้แทนชาวนาด้วยการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวต่อไป
มาร์คโต้ปชป.ขัดแย้ง-ถกชายหมู
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยการตรวจสอบหลายกรณีในการบริหารงานของกรุงเทพมหานครว่า อดีตส.ส.ได้มารายงานการตรวจสอบให้ทราบแล้ว ถือเป็น การทำหน้าที่ตรวจสอบตามปกติ ยืนยันว่าไม่ใช่ความขัดแย้ง ตนจะนัดม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. มาหารืออีกครั้ง ทราบว่ากลับจากมาเลเซียแล้ว
เมื่อถามว่าตรงนี้ถือเป็นความขัดแย้งกันเองภายในพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าไม่ใช่ และในพรรคไม่มีความขัดแย้งใดๆ กรณีนี้มีคนร้องเรียนเข้ามาก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบตามปกติ
วิลาศบี้ 2 รองผู้ว่าฯอีก-ท้าออกทีวี
ด้านนายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี 2 รองผู้ว่าฯกทม. ชี้แจงเรื่องการบริหารงานและการเดินทางไปต่างประเทศว่า ตนขอเชิญ 2 รอง ผู้ว่าฯกทม. มาออกรายการโทรทัศน์พร้อม กับตน ช่องไหนก็ได้ให้เลือกมาเพราะเดี๋ยว จะหาว่าตนเตี๊ยมข้อมูลกับรายการ จะได้ไม่ต้องพูดกันคนละทีและตอบคำถามให้ตรงประเด็น ทั้งกรณีไปต่างประเทศปีละครั้ง ขอให้เอาพาสปอร์ตส่วนตัว(เล่มแดง) และพาสสปอร์ต ราชการ(เล่มสีน้ำเงิน) ทุกเล่ม ที่มีมาด้วย นอกจากนี้จะได้ชี้แจงถึงการจัดซื้อที่ส่อไม่โปร่งใสในโครงการต่างๆ ด้วย
"ทราบว่ามีรายการทีวีหลายช่องติดต่อไปรองผู้ว่าฯกทม.ทั้ง 2 แต่ได้รับคำตอบเหมือนกันคือยังไม่พร้อม ผมก็ไม่อยากไปพูดซ้ำในรายการทีวีต่างๆ ผมจะได้เอาเวลาไปทำงานตรวจสอบข้อร้องเรียนอื่นๆ อีก ยืนยันว่ากรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งภายในพรรค เพราะเป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบตามข้อ ร้องเรียนที่ได้รับเอกสารและข้อมูลมา" นายวิลาศ กล่าว
ชายหมูป้อง-ไม่ทำสงครามวาจา
ที่ศาลาว่าการกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงกรณีอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เพื่อรายงานเรื่องกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี)ของกทม. ที่มีปัญหาเรื่องประสิทธิ ภาพและเรื่องราคา เพื่อให้เกิดความโปร่งใส พร้อมให้ปลดรองผู้ว่าฯกทม.ที่ดูแลกล้อง ซีซีทีวีว่า มีหน่วยงานและองค์กรตรวจสอบหลายองค์กร แต่จะให้มาทำสงครามวาจา ไม่ทำ เพราะเป็นคนทำงาน ถ้าพบว่าเป็นจริง ก็ให้องค์กรมาตรวจสอบ ตนพร้อมให้ ความร่วมมือ แต่ขณะนี้ยังไม่มีองค์กรใด มาขอตรวจสอบ มีเพียงการกล่าวหาลอยๆ เท่านั้น
ผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากับพรรคประชาธิปัตย์ ตนกับหัวหน้าพรรคโทรศัพท์สายตรงกันตลอด อีกทั้งเพิ่งกลับจากประชุมผู้นำอาเซียน เมื่อคืนวันที่ 20 ต.ค.ด้วย ส่วนการปลดรองผู้ว่าฯกทม.นั้น หัวหน้าพรรคตอบไปแล้วว่าขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้ว่าฯกทม. ซึ่งก็ตามนั้น
งง-จะขอตรวจพาสปอร์ตกันหรือ
ส่วนที่นายวิลาศขอท้าดูพาสปอร์ตของรองผู้ว่าฯกทม. ที่เดินทางไปต่างประเทศ บ่อยนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่าเป็นเรื่องส่วนตัวรองผู้ว่าฯ กทม. เวลาไปต่างประเทศ ก็เสนอเรื่องผ่านมาอยู่แล้ว บ้านเมืองเรียบร้อยแล้วยังจะมาตรวจสอบพาสปอร์ตเลยหรือ ขอให้เคารพการทำงานด้วย อีกทั้งการไปต่างประเทศบ่อยครั้ง งานไม่ได้เสียหาย อย่างไรก็ตาม ไม่อยากตอบโต้ เพราะต้องการทำงาน ถ้าอยากตรวจสอบก็เชิญมาตรวจสอบได้ทันที
นายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่าการเดินทางไปราชการต่างประเทศ สามารถตรวจสอบได้ที่กองการต่างประเทศ สำนักปลัดกรุงเทพฯ ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศส่วนตัวก็เป็นเรื่องส่วนตัว
นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ตนไม่มีอะไรจะพูด เพราะทางนั้นพูดไปหมดแล้ว แต่ขอให้ผู้ใหญ่นำข้อเท็จจริงไปตรวจสอบ
สภากทม.ขยับสอบปมข้อสงสัย
ที่ศาลาว่าการ กทม. ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการกล่าวหาจากภายในกลุ่มการเมืองพรรคเดียวกันเอง แต่สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ กทม.มาก ดังนั้น สภาจะตรวจสอบปมปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะมีคณะกรรมการรับผิดชอบติดตามการทำงานของฝ่ายบริหารและฝ่ายประจำ เช่น คณะกรรมการศึกษา โยธา จราจร และสาธารณสุข ครอบคลุมทุกหน่วยงานของ กทม. คณะกรรมการแต่ละชุดมีสิทธิ์เรียก ผู้เกี่ยวข้องมาตรวจสอบวิธีจัดซื้อจัดจ้างในกรณีที่มีข่าวเสียหาย ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศ ควรไปในกรณีที่จำเป็นหรือถูกรับเชิญเท่านั้น ไม่ใช่นึกอยากไปก็ไป ควรยึดนโยบายของรัฐบาลที่พยายามลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศทุกหน่วยงาน
"ความเสียหายเกิดขึ้นกับกทม.ในภาพรวม ดังนั้นผู้เสียหายจะต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้เกิดความโปร่งใสด้วย ส่วนจะเป็นเกมการเมืองหรือไม่ ควรไปทำความเข้าใจในพรรคให้เรียบร้อย ทั้งนี้ สภากทม.จะติดตามตรวจสอบต่อไป" ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์กล่าว
ฎีกายืนจำคุก"ปราโมทย์"หมิ่นแม้ว
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ต.ค. ที่ห้องพิจารณา 807 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.1747/2549 ที่พรรคไทยรักไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายปราโมทย์ นาครทรรพ แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.), บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ (ศาลยกฟ้องในชั้นไต่สวน), นายขุนทอง ลอเสรีวานิช อดีตบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และนายปัญจภัทร อังคสุวรรณ ผู้ดูแลเว็บไซต์ผู้จัดการ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณาและดูหมิ่นผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328, 393
สืบเนื่องจากวันที่ 17-25 พ.ค. 2549 จำเลยทั้ง 5 ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างวาระ โดยร่วมกันตีพิมพ์และเผยแพร่โฆษณาบทความ "ยุทธศาสตร์ฟินแลนด์ : แผนการเปลี่ยนแปลงการปกครองไทย?" ของจำเลยที่ 1 ลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันและเว็บไซต์ โดยใส่ร้ายโจทก์ให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า บทความที่จำเลยที่ 1 เขียนบทความเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ รวม 5 ตอน ลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และเผยแพร่ในเว็บไซต์ เขียนพาดพิงถึงโจทก์ทำนองว่ามีนโยบายที่ต้องการทำลายระบบราชการไทย การสร้างระบบการเมืองพรรคเดียว และล้มล้างสถาบันเบื้องสูง แต่ชั้นพิจารณา จำเลยที่ 1 กลับไม่นำสืบว่าโจทก์ทั้งสองกระทำการล้มล้างการปกครองแต่อย่างใด ขณะที่ท้ายบทความยังให้ประชาชนต่อต้านโจทก์ทั้งสองที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 2 เม.ย.49 ซึ่งไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต
ส่วนจำเลยที่ 4 เป็น บ.ก.ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา น.ส.พ.ผู้จัดการรายวัน มีหน้าที่กลั่นกรองเนื้อหาก่อนตีพิมพ์ จึงเชื่อว่าจำเลยที่ 4 มีส่วนรู้เห็นและทราบว่าบทความดังกล่าวมีเนื้อหาดูหมิ่นโจทก์ด้วย ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และ 4 คนละ 1 ปี และปรับคนละ 100,000 บาท แต่จำเลยที่ 1 เป็นนักวิชาการ นักประชาธิปไตยและจำเลยที่ 4 เป็นนักหนังสือพิมพ์ เคยสร้างคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ ที่กระทำผิดเพราะต้องการปกป้องสถาบันที่เคารพ ประกอบกับจำเลยทั้งสองไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และให้จำเลยทั้งสองร่วมกัน โฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์รายวัน 5 ฉบับ เป็นเวลา 7 วันติดต่อกันด้วย ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 5
ต่อมาจำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดตามฟ้องที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นชอบแล้วจึงพิพากษายืน แต่ในส่วนจำเลยที่ 4 เห็นว่ายังไม่มีมูลว่ากระทำการที่เป็นความผิด จึงพิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้นทุกข้อ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกา เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษายืนให้จำคุก 1 ปี และปรับ 100,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี และให้โฆษณาคำพิพากษาย่อในน.ส.พ.ผู้จัดการ ไทยรัฐ เดลินิวส์ บ้านเมือง มติชน เป็นเวลา 7 วันติดต่อกันด้วยอักษรขนาดปกติ โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องเคารพคำตัดสินของศาล นายทักษิณถูกใส่ร้ายในเรื่องนี้มาหลายปี ซึ่งไม่เป็นความจริง ไม่เคยทำปฏิญญาใดๆ ถือเป็นอุทาหรณ์และบทเรียนว่าในทางการเมืองนั้น ควรนำความจริงมาพูดกัน การใส่ร้ายกันด้วยความเท็จควรยุติได้แล้ว เพราะสังคมไม่ได้ประโยชน์ แต่ผู้ถูกใส่ร้ายได้รับความเสียหาย