- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 04 October 2015 15:43
- Hits: 6805
รัฐบาลโต้-ไม่ได้ แอบถ่าย บิ๊กตู่ จับมือโอบามา ยันผู้นำมะกันตั้งใจเข้ามาทัก คสช.ตั้งจักรทิพย์-บิ๊กหมูเลขา ย้ำ 5 ตค.ได้กรธ.-สปท.ครบแน่
โฆษกรัฐบาลยัน 5 ต.ค.นี้ได้ชื่อครบทั้ง กรธ.-สปท. 'บิ๊กตู่' ไม่สบายใจข่าวกดดัน 'มีชัย' รับเก้าอี้ประธานร่างฯ เพื่อไทยเชื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ประกาศคว่ำขันสมาชิกโผล่ร่วมวงสปท. ยันเกาะติดยกร่างรธน. ถ้าไม่ชอบมาพากลจะออกมา วิจารณ์ดังๆ ปชป.มาแปลก หนุนตั้ง คปป.เป็นองครักษ์พิทักษ์รธน. 'เสี่ยตือ' ชี้ต้องฟังเสียงประชาชน รัฐบาลโต้แอบถ่าย 'บิ๊กตู่' จับมือ 'โอบามา' ยันปธน.สหรัฐจงใจเข้ามาทักทาย ทหารเรียก 'เซีย'การ์ตูนนิสต์เข้าพบ คสช.ปรับเก้าอี้ ตั้ง 'บิ๊กหมู' นั่งเลขาฯ 'สมยศ' หลุด'จักรทิพย์' เข้ามาแทน'
วันที่ 04 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9076 ข่าวสดรายวัน
อุทิศถวาย - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และภริยา เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตร น้อมอุทิศถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระสังฆราช เนื่องในโอกาสครบ 102 ปี แห่งประสูติกาล ที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 3 ต.ค.
ไก่อูย้ำ 5 ตค.ได้ชื่อกรธ.-สปท.
วันที่ 3 ต.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอบรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากเข้าพบและพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาตัดสินใจของนายมีชัย ว่าจะตอบรับหรือไม่รับ ข่าวที่ออกมาทำให้พล.อ.ประยุทธ์รู้สึกไม่สบายใจกับข่าวที่ปรากฏ เพราะจะเป็นการไปกดดันนายมีชัย โดยที่ข้อเท็จจริงนายกฯให้เกียรตินายมีชัยในการตัดสินใจ และในการพูดคุยกันสองคนก็ไม่ได้คาดคั้นที่จะต้องได้รับคำตอบจากนายมีชัยในทันที
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การประชุมคสช.วันที่ 5 ต.ค. เวลา 09.00 น. โดยอยู่ระหว่างพิจารณาสถานที่ว่าใช้ทำเนียบรัฐบาลหรืออาคารรับรองเกษะโกมล นาย มีชัยในฐานะสมาชิกคสช.จะเข้าร่วมด้วยและจะให้คำตอบในที่ประชุมในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่จะกำหนด 30 วัน ที่หัวหน้าคสช.ต้องคัดเลือกกรธ.หลังจากที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่การสรรหาสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการทาบทามและสรรหาบุคคลที่เหมาะสม ตามที่นายกฯสั่งการในที่ประชุมครม.ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชา สหประชาชนที่สหรัฐอเมริกา จะถูกนำมาพิจารณาและคัดเลือกได้ในวันเดียวกันแน่นอน จะมีการพิจารณาภายในกรอบเวลาวันที่ 5 ต.ค. ทั้งกรธ.และสปท.แน่นอน
'มีชัย'ไม่สมมตินั่งปธ.กรธ.
ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิกคสช. ตอบคำถามทางเว็บไซด์ มีชัยไทยแลนด์ (www.meechaithailand.com) ที่มีผู้ตั้งคำถามว่าถ้ามีโอกาสได้เป็นประธานกรธ.อยากจะร่างรัฐธรรมนูญให้ออกมาเป็นแบบไหน รวมทั้งมีเรื่องอะไรที่อยากจะร่างเป็นพิเศษหรือไม่ โดยนายมีชัยตอบคำถามนี้สั้นๆ ว่า "ไปสมมุติทำไม"
พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวนายมีชัย ตอบรับตำแหน่งประธานกรธ. เป็นที่เรียบร้อยหลังเข้าพบและพูดคุยพล.อ.ประยุทธ์ ว่าในข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นไปตามที่ระบุว่าตอบรับอย่างที่เป็นข่าว และขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการพูดคุยหารือกันเท่านั้น โดยวันที่ 5 ต.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นประธานในการประชุมคสช.ก่อน จึงจะให้คำตอบชัดเจนในเรื่องดังกล่าว
'วิษณุ'ย้ำทาบเอง 4 คน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เผยว่าเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับบุคคลที่มีรายชื่อถูกพิจารณาร่วมเป็นกรธ. ที่คสช.ได้คัดเลือกไว้จำนวน 4 คน ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ในขณะนี้ ว่าหากเชิญมาเป็นกรธ.จะขัดข้องหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดไม่ได้ขัดข้อง แต่จะได้รับการคัดเลือกเป็นกรธ.หรือไม่นั้น ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ ส่วนการพูดคุยระหว่างนายมีชัย ฤชุพันธุ์ กับพล.อ.ประยุทธ์เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา ไม่ทราบว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง
พท.เชื่อมีการตกลงกันแล้ว
นายสามารถ แก้วมีชัย สมาชิกพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ระบุนายมีชัยจะให้คำตอบว่าจะรับเป็นประธานกรธ.ในการประชุมคสช.วันที่ 5 ต.ค.นี้ว่า เชื่อว่านายมีชัยกับผู้มีอำนาจคงมีการพูดคุยกันมาแล้ว และที่ปรากฏเป็นข่าวออกมามองว่าเป็นเพราะนายมีชัยต้องการให้สาธารณชนรับรู้ว่าที่เข้ามาทำหน้าที่เพราะนายกฯขอร้อง ทั้งที่ผ่านมาร่างรัฐธรรมนูญมีหลายฉบับที่นายมีชัยเข้าไปมีส่วนร่วมโดยผ่านทางคนใกล้ชิดเข้าไปดำเนินการ โดยที่นายมีชัยไม่ต้องลงมาแสดงบทบาทเอง แต่ครั้งนี้หากลงมาแสดงด้วยตัวเอง ผลผลิตที่ออกมาจะเป็นบทพิสูจน์ให้สังคมรับทราบความคิดเห็นของนายมีชัย สะท้อนจากการผลักดันร่างรัฐธรรมนูญว่าจะออกมามีทิศทางอย่างไร
นายสามารถ กล่าวว่า ส่วนนายมีชัยจะตอบรับหรือไม่รับไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่สาระสำคัญคือประชาชนให้ความสนใจคือเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิป ไตยและเป็นที่ยอมรับของประชาชนหรือไม่ มีวาระซ่อนเร้นหรือเขียนเพื่อประโยชน์ของบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ รวมทั้งการบริหารเวลาในการยกร่างฯ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานถึง 20 เดือน หากมีการจัดการเวลาที่เหมาะสม ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้เมื่อยกร่างเสร็จแล้วนำไปถามประชาชนทันทีไม่มี สปช.มาช่วยกลั่นกรอง ดังนั้น ความรับผิดชอบของผู้ยกร่างฯครั้งนี้จึงมากกว่าครั้งที่ผ่านมา จึงต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบและคิดถึงหลักการที่ถูกต้อง
เกาะติดยกร่างรธน.ใกล้ชิด
นายสามารถ กล่าวว่า เราไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยที่จะให้นายมีชัยมาทำหน้าที่ประธานกรธ. เพราะให้ความสำคัญกับเนื้อหามากกว่า แต่หากเข้ามาแล้วเกิดความคลุมเครือในการทำงานว่ายึดหลักการ หรือหลักของผู้มีอำนาจ สังคมที่จับตามองจะเห็นได้เอง ในส่วนของพรรคเราติดตามใกล้ชิดและจะวิจารณ์เสียงดังๆ หากเห็นว่ามีเรื่องใดที่ไม่ชอบมากล และจะกระตุ้นให้ประชาชนในสังคมร่วมกันติดตามการทำงานของกรธ.ด้วย ยอมรับว่าประธานกรธ.มีภาระหนักที่ต้องทำงานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงใจในการทำงาน ว่ายึดมั่นในหลักของกฎหมาย คิดถึงอนาคตของลูกหลาน และต้องการแก้วิกฤตของบ้านเมืองอย่างแท้จริง เพื่อให้ประชาชนที่เฝ้าติดตามเรื่องนี้และยังมีความระแวงสงสัยในตัวบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ได้เห็นถึงความตั้งใจจริง เพราะกติกาบ้านเมืองที่จะนำไปสู่ประชาธิปไตยนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะที่ผ่านมาเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดวิกฤตปัญหามาแล้วในอดีต
คว่ำขันสมาชิกพรรคนั่งสปท.
นายสามารถ กล่าวถึงการพิจารณาสมาชิก สปท. ที่มีข่าวว่ามีสมาชิกพรรคการเมืองใหญ่รวมถึงเพื่อไทยแสดงเจตนาต้องการเข้ามาร่วมเป็นสปท.ว่า พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนและแนวทางการทำงานที่ชัดเจน และระบุไปแล้วว่าจะไม่เข้าร่วม ส่วนสมาชิกคนใดต้องการจะไปเราไม่ได้ห้ามเพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ควรลาออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อให้เกิดความสบายใจซึ่งกัน ในเมื่อมีจุดยืนการทำงานต่างกัน เมื่อไปแล้วต้องรับผิดชอบอนาคตทางการเมืองของตัวเอง ไม่ใช่ลาออกไปแล้ววันหนึ่งเมื่อเกิดการเลือกตั้งแล้วเห็นกระแสของพรรคเป็นที่ยอมรับ แล้วจะเปลี่ยนกลับมายืนจุดเดียวกับพรรคเพื่อร่วมงานกันอีกอย่างนั้นคงไม่ใช่ เพราะสมาชิกที่เขาทำงานมีหลักการแน่วแน่คงไม่สบายใจ
"บุคคลที่มีชื่อปรากฏเป็นข่าวบางคนเช่น พ.ต.อาณัณย์ วัชโรทัย เขาลาออกจากสมาชิกพรรคไปเป็นสปช.ก่อนแล้ว ส่วนจะไปเป็นสปท.หรือไม่ตนไม่ทราบ ส่วนคนอื่นที่มีกระแสข่าวว่าจะลาออกก็ยังไม่เห็นลาออก ขอย้ำว่าพรรคไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจ แต่หากไปแล้วก็คงคว่ำขันอย่ากลับมา" นายสามารถกล่าว
ชี้ฉบับ"มีชัย"ไม่ต่างฉบับ"ปื๊ด"
นางธิดา โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ เตรียมเลือกนายมีชัย เป็นประธานกรธ. ว่า เชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะร่างขึ้นจะไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน ที่ผ่านมานายมีชัยมีความเป็นเนติบริกรมาโดยตลอด ไม่เคยแสดงตัวว่าต้องการเขียนรัฐธรรมนูญในรัฐบาลที่มาจากประชาชน อย่าคิดว่าเมื่อนายมีชัยมาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญประชาชนแล้วจะยอมรับ ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคลแต่อยู่ที่ผู้มีอำนาจ ต่อให้นำเทวดามาร่างก็ต้องเป็นไปตามนั้น หมายถึงในรัฐธรรมนูญต้องมีองค์กรที่คอยควบคุมการทำงานของรัฐบาล เช่น คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังโยนดินถามทางอยู่เพราะต้องการอยากให้มี
นางธิดากล่าวว่า สมมตินายมีชัยต้องการเขียนให้เป็นสากลแต่เรือแป๊ะสั่งแล้วจะเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร พิมพ์เขียว ที่มีอยู่ในความคิดของผู้มีอำนาจจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ รัฐธรรมนูญที่จะร่างก็จะออกมาไม่ต่างจากฉบับของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการ ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเนื้อหายังเหมือนเดิม
แรมโบ้อีสานแยกนปช.แล้ว
นางธิดา กล่าวว่า สำหรับการมีคปป.พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องทราบว่าก่อนหน้านี้มีคนอยู่หลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย จึงอย่าเอาแต่มุมมองของตัวเองโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชน เพราะผู้ยึดอำนาจมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น การปรองดองหรือการปฏิรูปควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลปกติ ผู้มีอำนาจอย่าทำแทนประชาชน หากศึกษาคำพูดของนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ในระหว่างการประชุมสหประชาชาติครั้งที่ผ่านมา ก็จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร สหประชาชาติสนับ สนุนการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยประชาชน ไม่ใช่บนบ่ารัฏฐาธิปัตย์ แม้รัฐบาลจะปรารถนาดีแต่เป็นความปรารถนาดีตามความคิดตามอัตวิสัยของตัวเอง ไม่ได้สำเร็จความคิดผู้อื่นโดยรอบ และการที่บอกว่า คปป.จะเข้ามาประคองบ้านเมืองในระยะเปลี่ยนผ่านนั้นถือว่าไม่ไว้ใจประชาชน
นางธิดา กล่าวถึงกระแสข่าวว่า นาย สุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช.และอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย มีชื่อติดโผเป็น สปท.ว่า นายสุภรณ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ นปช.แล้ว เพราะมีแนวความคิดแตกต่างกันออกไป โดยได้แยกตัวออกจาก นปช.ไปแล้วและมีแกนนำเป็นของตัวเอง นับแต่นั้นเป็นต้นมานายสุภรณ์จึงไม่ถือว่าเป็นแกนนำนปช.การเข้าร่วม สปท.จึงเป็นไปในนามส่วนตัว ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน สำหรับโควตากลุ่มการเมืองในสปท.เรายืนยันในหลักการเดิมคือไม่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐประหาร ซึ่งหากใครต้องการเข้าร่วม สปท.ก็ไม่ถือว่าเป็น นปช.อีกต่อไป
ปชป.ชี้อำนาจคปป.ต้องระบุชัด
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีพรรคประชาธิปัตย์ส่งสมาชิกพรรคเข้าร่วมเป็น สปท. ว่า ต้องบอกว่าไม่ได้เป็นการเสนอในนามพรรคเพราะพรรคไม่สามารถประชุมได้ แต่เมื่อมีการสอบถามมาว่าพรรคต้องการส่งใคร เราก็เสนอทั้ง 2 คนเข้าไป เพราะอย่างที่ทราบทั้ง นายถวิล ไพรสณฑ์ และนายกษิต ภิรมย์ มีความคิดเรื่องการปฏิรูปชัดเจนมาตลอด และมีประสบ การณ์ในเรื่องนี้อย่างโดดเด่น ทั้งนี้การมี สปท. เราก็ต้องการเห็นการให้ความสำคัญเรื่องการปฏิรูปอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการปฏิรูประบบราชการ การปฏิรูประบบการเลือกตั้ง การปฏิรูปตำรวจ การปฏิรูปสื่อ ซึ่งทั้ง 2 คนมีจุดยืนเรื่องนี้ชัดเจน
นายชวนนท์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่นายกฯ ยังคงต้องการให้มี คปป.อยู่ในรัฐธรรมนูญโดยหวังให้เกิดการปรองดองนั้น ตนเห็นด้วยหากต้องการให้ คปป.มาทำหน้าที่เพื่อการปรองดอง ก็ต้องไม่ใช่มามีอำนาจแบบรัฐซ้อนรัฐเหมือนเก่า คือ ถ้ามีต้องขีดเส้นหน้าที่ อำนาจ คปป.ให้ชัดเจน ส่วนว่าหากมี คปป.แล้วจะทำให้การปรองดองสำเร็จหรือไม่นั้นคงต้องดูยุทธศาสตร์ของ สปท.ก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะอย่างที่ทราบ สปท. และคปป.ทำงานสัมพันธ์กัน และต้องดูแต่ละประเด็นที่เกี่ยวข้อง
ชูคปป.องครักษ์พิทักษ์รธน.
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง รายชื่อ กรธ.ที่จะชัดเจนในวันที่ 5 ต.ค. ว่า คนที่จะเป็นกรธ.ต้องเป็นคนที่มีรู้เรื่องรัฐธรรมนูญ รวมทั้งต้องรอบรู้เรื่องประวัติ ศาสตร์ไทยอย่างชัดเจน และรับรู้รับทราบปัญหาของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบันว่ามีการทุจริตเชิงนโยบาย มีกระบวนการบิดเบือนอำนาจศาล มีการใช้อำนาจโดยมิชอบ เพื่อให้คนเหล่านี้มาออกแบบรัฐธรรมนูญให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้ ให้มีประชาธิปไตยที่ยั่งยืนสามารถตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตนไม่ได้สนใจว่าใครจะมาเป็นประธาน กรธ. แต่องค์ประกอบทั้ง 21 คน ต้องครบอย่างที่บอกไปแล้ว
นายวิรัตน์ กล่าวว่า กรธ.ทั้ง 21 คน ควรเอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นตัวตั้ง และทำให้คปป.เป็นองครักษ์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ให้มีอำนาจเหนือรัฐบาล เหนือรัฐสภา 2-3 กรณี เกี่ยวกับสถาบันหลักและความมั่นคง เช่น การบ่อนทำลายรัฐธรรมนูญ ล้มรัฐธรรมนูญ ทำลายสถาบันของชาติ รวมถึงเพิ่มอำนาจให้ประชาชนมีอำนาจตรวจสอบได้ผ่านคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีการคุ้มครองพยานเหล่านี้ด้วย หากกรธ.ร่างรัฐธรรมนูญออกมาอย่างนี้ได้ ก็เชื่อว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านและนำไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งจะไม่เกิดโรดแม็ปที่รัฐบาลวางไว้
อย่าเอานักวิ่งมานั่ง สปท.
ส่วนรายชื่อบุคคลที่จะมานั่งใน สปท.ทั้ง 200 คน นายวิรัตน์กล่าวว่า ขอให้นายกฯ ดูคนให้ครอบคลุม อย่าเอานักวิ่งเต้นเข้ามา เพราะนักวิ่งเต้นบางคนไม่ทำหน้าที่ ควรเอาคนที่รักบ้านรักเมืองจริงๆ มาทำงาน ส่วนว่าอาจมีทหารเข้ามาเป็นสปท. จำนวนมากนั้น ตนเห็นว่าก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ ต้องเอาทหารที่ไว้ใจได้ ไม่ใช่เอามารองรับอำนาจของคสช.อย่างเดียว เสียดายเงินเดือน ถ้าเอาเข้ามาเพื่อเตรียมขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศตนก็รับได้ แต่ต้องทำหน้าที่ให้คุ้มกับเงินเดือนที่ต้องจ่าย
เสี่ยตือ ชี้มีคปป.ต้องฟังสังคม
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุถึงความจำเป็นที่จะต้องมี คปป. ว่า ก็แล้วแต่มุมมอง พล.อ.ประยุทธ์อาจจะคิดเช่นนี้ได้ แต่สังคมและคนโดยส่วนรวมยังเป็นสิ่งที่ต้องรับฟังด้วยเช่นกัน ถ้าประชาชนส่วนใหญ่เห็นสอดคล้องก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าประชาชนสะท้อนออกมาเหมือนเมื่อก่อนจะโหวตรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา ก็จะอาจเป็นประเด็นที่ทำให้ยากต่อการยอมรับได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ไม่เคยมีมาก่อน จึงต้องรับฟังเสียงสะท้อนเพื่อหาแนวทางปรับปรุงให้ประชาชนส่วนใหญ่รับได้
ส่วนที่ระบุว่า คปป.จำเป็นต้องมีเพื่อเลิกการรัฐประหารนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า เมื่อตอนเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 ก็คิดว่าจะเป็นการยึดอำนาจครั้งสุดท้าย แต่ก็เกิด 6 ต.ค. 2519 ขึ้นมา จากนั้นก็ยังเกิดเหตุ การณ์พฤษาคม 2535 ก็ยังคิดว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว แต่ปี 2549 ก็เกิดขึ้น จนเกิดขึ้นครั้งล่าสุดอีก ตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีสูตรสำเร็จ หรือไม่มีมาตรการใดที่จะป้องกันการรัฐประหารได้ นอกจากการสร้างประชาชนรุ่นใหม่ จัดการศึกษาให้มีความเข้าใจในระบอบและความเป็นไปเรื่อง ประชาธิปไตย
กองเชียร์บิ๊กตู่ตะโกนสู้ๆ
เวลา 07.00 น. ที่วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์และสามเณร 150 รูป เพื่อน้อมอุทิศถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในโอกาสครบ 102 พรรษา นับแต่ประสูติการ 3 ต.ค. และครบ 2 ปีแห่งการสิ้นพระชนม์ บริเวณถนนพระสุเมรุ แขวงพระนคร
เมื่อเสร็จภารกิจ นายกฯ พร้อมภริยาเดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ ระหว่างที่ขบวนรถจะเคลื่อนออกมีประชาชนบางส่วนส่งเสียงตะโกนให้กำลังใจ "นายกฯ สู้ๆ" ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้ลดกระจกรถทำมือสัญลักษณ์ "ไอเลิฟยู" ทักทายตอบ
รบ.โต้แอบถ่ายรูปจับมือโอบามา
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์การนำเสนอภาพและบทความระบุมีความพยายามของทางการไทยเจรจาให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ จับมือทักทายและถ่ายรูปกับนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่า การพบปะและจับมือทักทายระหว่างพล.อ.ประยุทธ์กับประธานาธิบดีสหรัฐ เกิดก่อนการประชุมสุดยอดเกี่ยวกับกองกำลังรักษาสันติภาพในกรอบของสหประชาชาติที่สหรัฐเป็นเจ้าภาพ ซึ่งไทยได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมด้วย โดยระหว่างรอผู้นำประเทศต่างๆ ที่ยังมาไม่ถึง ผู้นำแต่ละชาติจะมีการพูดคุยและทักทายกันก่อนจะเข้าห้องประชุมเป็นปกติ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีสหรัฐซึ่งยืนพูดคุยกับผู้นำประเทศอื่นอยู่กลางห้องหันมาเห็นนายกรัฐมนตรีของไทยยืนอยู่ จึงตั้งใจเดินตรงเข้ามาจับมือทักทายและกล่าวขอบคุณที่มาเข้าร่วมประชุมและถ่ายรูปร่วมกัน จากนั้นรมว.ต่างประเทศสหรัฐ ที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องหันมาเห็น ก็เดินตรงเข้ามาทักทายพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมทั้งจับมือ แสดงความยินดีต้อนรับและขอบคุณในการเข้าร่วมประชุมเช่นกัน และถ่ายรูปกับพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งผู้ติดตามสามารถถ่ายรูปได้ เนื่องจากไม่มีการประกาศห้ามหรืออนุญาตเฉพาะช่างภาพที่เป็นทางการเท่านั้น ภาพที่ออกมาจึงไม่ใช่การแอบถ่าย
"ยืนยันและย้ำว่า ไม่มีการล็อบบี้ ไม่มีเจรจาอะไรทั้งสิ้นอย่างที่มีการวิจารณ์ ในการประชุมแต่ละสถานที่จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน เช่น งานเลี้ยงตอนเย็น มีการจัดสถานที่ในการถ่ายรูปโดยช่างภาพอาชีพ และห้ามผู้ติดตามถ่ายรูปเอง ผมก็ให้ความร่วมมือและยอมรับกติกา จุดไหนถ่ายได้จึงได้ถ่าย ส่วนที่มีการวิจารณ์ต่างๆ คงไม่ไปชี้แจงมองว่าเป็นเรื่องหยุมหยิม เราโตเกินกว่าจะเก็บมาคิด เพราะเชื่อว่าคนดูข่าวเขารู้และพิจารณาได้ว่าหากประธานาธิบดีสหรัฐเขาไม่ยอมให้ถ่ายก็ทำไม่ได้ และเราในฐานะผู้ติดตามก็รู้และมีกติกาการทำงานจึงอยากให้ทุกฝ่ายใช้วิจารณญาณในการพิจารณาอย่าตัดสินด้วยอคติ ให้มองในมุมกลับกับท่าทีที่สหรัฐเขามีต่อไทยว่าการเดินเข้ามาทักทายไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นการจงใจเข้ามาพูดคุย" พล.ต.วีรชนกล่าว และว่า การประชุมครั้งนี้ท่าทีของประธานาธิบดีสหรัฐดูผ่อนคลาย มีมิตรภาพและเห็นถึงความพยายามในการทำงานของรัฐบาล ต่างจากเมื่อครั้งการประชุมเอเปกที่ผ่านมาอย่างชัดเจนซึ่งตีความได้สองอย่างคือ สหรัฐมีมารยาทที่ดีมาก ในฐานะเจ้าภาพในการจัดประชุมจึงแสดงท่าทีขอบคุณ กับเขามีสัมพันธ์ที่ดีกับเรามากขึ้น
เรียกการ์ตูนเซียเข้าพบ
นายศักดา เอียว หรือเซีย การ์ตูนนิสต์ชื่อดังแห่งไทยรัฐ เผยว่าทางฝ่ายทหารได้ติดต่อผ่านตำรวจท้องที่ขอเชิญตัวเข้าพบในวันที่ 3 ต.ค. เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ บังเอิญว่าอยู่ต่างจังหวัดจึงขอเลื่อนเป็นวันอาทิตย์ที่ 4 ต.ค. เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบกหรือบก.ทบ. โดยจะเดินทางไปพร้อมกับนายสุนทร ทาซ้าย บรรณาธิการไทยรัฐ และผู้สื่อข่าวสายทหาร ไม่แน่ใจว่าการเรียกตัวเนื่องจากเรื่องอะไร แต่อาจจะมาจากการวาดการ์ตูนที่สะท้อนปัญหาการเมือง ตนเองก็พร้อมที่จะพูดคุยทำความเข้าใจกัน
ตั้ง"บิ๊กหมู"เป็นเลขาฯคสช.
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ หัวหน้าคสช. ลงนามในประกาศคสช.ฉบับที่ 1/2558 เรื่องแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งในคสช. ความว่า เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคสช.เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิ ภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 42 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 หัวหน้าคสช. จึงมีประกาศดังต่อไปนี้ 1.ให้ยกเลิกประกาศคสช.ฉบับที่ 122/2557 เรื่องแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งในคสช.ลงวันที่ 11 ก.ย. 57
2.แต่งตั้งให้บุคคลดังต่อไปนี้ดำรง ตำแหน่งในคสช. 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคสช. 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองหัวหน้าคสช. 3.พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นรองหัวหน้าคสช. 4.พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย เป็นรองหัวหน้าคสช. 5.พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นรองหัวหน้าคสช.
6.พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นรองหัวหน้าคสช. 7.พล.อ.อุดมเดช สุตบุตร เป็นสมาชิกคสช. 8.พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นสมาชิกคสช. 9.พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา เป็นสมาชิกคสช. 10.พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ เป็นสมาชิกคสช.
11.พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ เป็นสมาชิก คสช. 12.พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง เป็นสมาชิก คสช. 13.พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นสมาชิกคสช. 14.นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็น สมาชิกคสช.
15.พล.อ.ธีรชัย นาควานิช เป็นเลขา ธิการคสช.
และ 3.ให้สำนักเลขาธิการคสช. ทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคสช. ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2558 ประกาศ ณ วันที่ 23 ก.ย. 2558
แจ้งความ;วิชา'ข้อหาหมิ่น
เวลา 10.00 น. พ.ต.ท.โภคิน วงศ์ประมวลผล อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 หมู่ 4 ต.ดอนมูล อ.สูงเม่น จ.แพร่ นายตำรวจ นอกราชการเข้าแจ้งความต่อร.ต.อ.อมร ขว้างแป้น พนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ แจ้งความให้ดำเนินคดีกับนายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. และอนุกรรมการ นายโสภณ วงศ์สิโรจน์กุล นายสุวัชร์ สุดใจ นายเกรียงไกร เจริญวงษ์ นายณัฏฐชัย ว่องสิทธิโรจน์ นาย วรวิทย์ ทิพย์ธรรมธาราผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ฐานความผิดร่วมกันหมิ่นประมาทใส่ความเท็จ ทำให้เสียชื่อเสียงถูก ดูหมิ่นและถูกเกลียดชังด้วยการโฆษณา และร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงและทรัพย์สิน หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจน ผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ตามป.อาญา มาตรา 326, 328, 309 และ 83
พ.ต.ท.โภคิน กล่าวว่า ตนเป็นผู้ที่ตกอยู่ในวังวนของความเละเทะของวงการตำรวจที่มีการเมืองเข้าแทรก มีการกลั่นแกล้ง และในที่สุดต้องถูกไล่ออกจากราชการ เรื่องเข้าสู่ป.ป.ช.เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรศรีเทพ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม โดยเมื่อ วันที่ 7 ส.ค. พ.ศ. 2543 ตนทำคดีฆาตกรรมมีคนถูกยิงตาย ศพอยู่ที่โรงพยาบาลศรีเทพ จึงออกไปชันสูตรพลิกศพร่วมกับแพทย์ ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ รวบรวมพยานหลักฐาน แต่ป.ป.ช.กล่าวหาว่าตนสรุปสำนวนโดยปกปิดข้อมูลจริง เบี่ยงเบนคดี ซ่อนเร้น แก้ไขเอกสารอันเป็นสาระสำคัญแห่งคดี และได้ทำความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ที่ผ่านมาได้ต่อสู้เพื่อขอความเป็นธรรมมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดมาตรา 157 ต้องสูญเสียทั้งหน้าที่การงาน ชีวิตครอบครัว
โปรดเกล้าฯบำเพ็ญกุศล"สังฆราช"
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ ในการบำเพ็ญพระกุศลครบ 102 พรรษา 3 ตุลาคม 2558 และพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการบำเพ็ญพระกุศลครบ 2 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ระหว่างวันที่ 3-25 ต.ค. 2558
ในเวลา 07.00 น. บริเวณถนนพระสุเมรุ หน้าวัดบวรนิเวศวิหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา, นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ, ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ, นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ, นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และประชาชน ร่วมตักบาตรพระสงฆ์ 150 รูป เพื่อน้อมอุทิศถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสครบ 102 พรรษา และครบ 2 ปีแห่งการสิ้นพระชนม์ โดยมีสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พรหมคุตโต) รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานรับบาตร จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายพานพุ่มสักการะหน้าพระรูปสมเด็จพระสังฆราช บริเวณหน้า ตำหนักเพ็ชร และถวายพวงมาลัยสักการะพระศพหน้าพระโกศสมเด็จพระสังฆราช
พระราชรัตนมงคล (มนตรี อภิมันติโก) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กล่าวว่าสำหรับพระรูปเหมือนสมเด็จพระสังฆราชที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้วัดบวรนิเวศวิหารหล่อพระรูปขึ้น เพื่อประดิษฐานยังวัดบวรนิเวศวิหารนั้น สมเด็จพระวันรัตได้เลือกพระรูปฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงถ่ายรูปสมเด็จพระสังฆราช ขณะมีพระราชปฏิสันถาร ที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2528 ขณะทรงดำรงสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระญาณสังวร โดยสมเด็จพระสังฆราชประทับนั่งขัดสมาธิด้านหลังเป็นเสื่อรำแพน ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปทรงหล่อพระรูปสมเด็จพระสังฆราช ณ ลานพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ในวันที่ 24 ต.ค. เวลา 13.30 น.
เพื่อไทยหนุนรีบตอบรับ เชียร์'มีชัย'ลุยเอง-ร่างรัฐธรรมนูญ บิ๊กตู่ปรามอย่ากดดัน'วิษณุ'ช่วยทาบ 4 กรธ. ยันเดดไลน์ 5 ตค.ครบ ตั้งบิ๊กหมูนั่งเลขาคสช.
'ไก่อู'เผยมีชัยยังไม่รับนั่งประธาน กรธ.อยู่ระหว่างตัดสินใจ ชี้บิ๊กตู่ห่วงกดดันข่าวตอบรับ ลั่น 5 ต.ค.ได้ชื่อครบ
มติชนออนไลน์ :
@ ชาวบ้านตะโกนเชียร์'บิ๊กตู่'
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 3 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์และสามเณร จำนวน 150 รูป เพื่อน้อมอุทิศถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ หลังจากเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 ตุลาคม ได้คุยกับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช. เพื่อทาบทามเข้ามานั่งในตำแหน่งประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ทั้งนี้ก่อนขึ้นรถเดินทางกลับมีประชาชน 4 คนยืนรอแล้วตะโกนให้กำลังใจในการทำงาน โดย พล.อ.ประยุทธ์โบกมือทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
@ 'วีรชน'โต้ข่าวถ่ายรูปบิ๊กตู่คู่'โอบามา'
พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการนำเสนอภาพ พล.อ.ประยุทธ์จับมือกับนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ พร้อมมีการระบุว่าทางเจ้าหน้าที่ของไทยเป็นผู้เจรจาเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ถ่ายรูปกับนายบารัค โอบามา และภาพที่ออกมาเป็นภาพที่ไม่เป็นทางการและไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายว่า สื่อที่นำเสนอมีเจตนาที่ไม่ดี เพราะความจริงที่มีการประชุมรัฐบาลไทย ในฐานะที่ผู้นำได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรม ที่มีเจ้าภาพคือนายบารัค โอบามา ซึ่งก่อนเข้าประชุมมีการถ่ายรูปโดยช่างภาพ Professional (มืออาชีพ) โดยผู้นำหลายประเทศมีผู้ติดตามเข้าร่วมประชุมด้วย ได้ยืนรอเพื่อถ่ายภาพ
ในระหว่างนั้นผู้นำแต่ละประเทศทักทายพูดคุย โดยผู้ติดตามได้ถ่ายรูปไว้ ไม่ใช่การแอบถ่าย และไม่ได้เป็นปัญหา เพราะไม่ได้ห้ามถ่ายรูป
@ ยันผู้นำมะกันเดินมาทักทาย
"ระหว่างนั้น พล.อ.ประยุทธ์ยืนอยู่ด้านข้างของห้อง นายบารัค โอบามา ยืนอยู่กลางห้อง เมื่อนายบารัค โอบามาเห็น พล.อ.ประยุทธ์ยืนอยู่ จึงเดินเข้ามาทักทายและขอบคุณที่มาเข้าร่วมประชุมในการรักษาสันติภาพ โดยใช้เวลาไม่นาน จากนั้นนายบารัค โอบามา ได้ทักทายผู้นำประเทศอื่น และผู้ติดตามก็ได้ถ่ายรูปเช่นกัน" พล.ต.วีรชนกล่าว และว่า ระหว่างนั้น นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง หันมาเห็น เดินมาทักทาย พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมทั้งจับมือแสดงความยินดี ต้อนรับและขอบคุณ ซึ่งทุกคนก็ถ่ายรูป ยืนยันว่าไม่มีการเจรจาเพื่อขอถ่ายรูปตามที่มีการนำเสนอ เพราะแค่การถ่ายรูปทำไมจะต้องเจรจา แต่ละที่ประชุมมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน อย่างเช่นงานเลี้ยงตอนเย็น มีการจัดสถานที่ในการถ่ายรูปโดยช่างภาพ Professional และห้ามผู้ติดตามถ่ายรูปเอง ซึ่งตนได้ให้ความร่วมมือและยอมรับกติกา จุดไหนถ่ายได้จึงได้ถ่าย
@ บิ๊กตู่ห่วง'มีชัย'กดดันข่าวตอบรับ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำหนด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อนำเสนอข่าวนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช. ตอบรับเป็นประธาน กรธ.ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะนายมีชัยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับ จากข่าวที่ออกมาทำให้ พล.อ.ประยุทธ์รู้สึกไม่สบายใจ เพราะเป็นการไปกดดันนายมีชัย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ให้เกียรตินายมีชัยในการตัดสินใจ อีกทั้งในการพูดคุยกันสองคน ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์และนายมีชัยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้คาดคั้นที่จะต้องได้รับคำตอบจากนายมีชัยในทันที
"ดังนั้น ในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ เวลา 09.00 น.จะมีการประชุม คสช. โดยกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะใช้สถานที่ทำเนียบรัฐบาลหรือบ้านเกษะโกมล ซึ่งนายมีชัยเป็นหนึ่งในสมาชิก คสช.ด้วย จะให้คำตอบในที่ประชุม เพราะตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้หัวหน้า คสช. เป็นผู้คัดเลือก กรธ. และต้องเลือกให้ได้ภายใน 30 วันหลังจากที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่ชาติ (สปช.) ลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ คือภายในวันที่ 5 ตุลาคม" พล.ต.สรรเสริญกล่าว และว่า การสรรหาสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) พล.อ.ประยุทธ์เคยสั่งการและแจ้งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกาแล้ว โดยให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการทาบทามและสรรหาบุคคลที่เหมาะสม ดังนั้น รายชื่อของทั้ง 2 คณะจะได้ภายในวันที่ 5 ตุลาคมอย่างแน่นอน
@ วิษณุยกหูทาบ4กรธ.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม โทรศัพท์พูดคุยกับบุคคลในรายชื่อว่าที่ กรธ.ที่ คสช.ได้คัดเลือกไว้ 4 คน โดยระบุว่าหากเชิญให้เป็น กรธ. จะขัดข้องหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด ส่วนจะได้รับการคัดเลือกเป็น กรธ.หรือไม่นั้นต้องอยู่ที่การตัดสินใจของ คสช. จึงไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ในขณะนี้
"ส่วนการพูดคุยระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับนายมีชัยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดว่านายมีชัยตัดสินใจอย่างไร เพราะวันดังกล่าวติดภารกิจในต่างจังหวัดพอดี" นายวิษณุกล่าว
@ มีชัยไม่สมมุตินั่งประธานกรธ.
ผู้สื่อข่าวงานว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช. ได้ตอบคำถามในเว็บไซต์ มีชัยไทยแลนด์ ที่มีผู้ตั้งคำถามไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ถ้าอาจารย์มีชัยมีโอกาสได้เป็นประธาน กรธ. อาจารย์อยากจะร่างรัฐธรรมนูญให้ออกมาเป็นแบบไหนครับ? รวมทั้งอาจารย์มีเรื่องอะไรที่อยากจะร่างเป็นพิเศษไหมครับ ทางนายมีชัยตอบเพียงสั้นๆ ว่า ไปสมมุติทำไม
@ ไร้กมธ.ยกร่างนั่งกรธ.ได้แค่ที่ปรึกษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อ กรธ.ที่จะมีการพิจารณาในวันที่ 5 ตุลาคมนั้น รอคำตอบรับจากนายมีชัยในตำแหน่งประธาน กรธ. ทั้งนี้มีกระแสข่าวว่าจะไม่มีกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ มาทำหน้าที่ กรธ. แต่จะมีบางคนได้รับเลือกเป็นที่ปรึกษา กรธ.
สำหรับรายชื่อ สปท.ที่ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายกษิต ภิรมย์ และนายถวิล ไพรสณฑ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค พรรคภูมิใจไทยส่งนายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภา พรรคพลังชลส่งนายสันตศักย์ จรูญงามพิเชษฐ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนาส่ง พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีต สปช. พรรคชาติไทยส่งนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และนายนิกร จำนง กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้า
@ เปิดชื่ออดีตทหารนั่งเพียบ
ขณะที่อดีตทหารเกษียณอายุราชการมีชื่อเป็น สปท. ประกอบด้วย พล.อ.นพดล ฟักอังกูร อดีตเจ้ากรมเสมียนตรา พล.อ.รณชัย มัญชุสุนทรกุล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.ท.ปรีชาญ จามเจริญ อดีตหัวหน้าสำนักตุลาการทหาร ตุลาการพระธรรมนูญ และหัวหน้าศาลทหารสูงสุด พล.อ.วิเชียร ศิริสุนทร ผอ.ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคง พล.ร.อ.ประสาน สุขเกษตร อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ พล.อ.ประสูตร รัศมีแพทย์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.ปราการ ชลยุทธ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.วิวรรธน์ สุชาติ อดีตรองเสนาธิการทหารบก พล.ท.เสริมศักดิ์ นิยะโมสถ อดีตรองเสนา ธิการทหารบก พล.ท.สุทัศน์ จารุมณี อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก พล.ต.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ธนศักดิ์ เก่งถนอมม้า อดีตรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ พล.อ.อ.ศิวเกียรติ์ ชเยมะ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.ทวิเดช อังศุสิงห์ อดีตหัวหน้า คณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ ผู้บังคับบัญชา และ พล.อ.อ.เผด็จ วงษ์ปิ่นแก้ว อดีตผู้บัญชาการควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ
@ อดีตสปช.คัมแบ๊กนั่งสปท.
สำหรับอดีต สปช.มีชื่อ อาทิ พล.อ.พลพล มณีรินทร์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก พล.ท.ฐิติวัจน์ กำลังเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ท.นคร สุขประเสริฐ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก นายอนุสิษฐ คุณากร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และนายเชิดศักดิ์ สันติ วรวุฒิ อดีตผู้อํานวยการสํานักข่าวกรองแห่งชาติ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ น.ส.ทัศนา บุญทอง นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง นายฐิติ วุฑฒิโกวิทย์ นายดิเรก ถึงฝั่ง นายดำรงค์ พิเดช พล.ท.เดชา ปุญญบาล นายธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายทิวา กระสัง นายนิมิต สิทธิไตรย์ นายนิรันดร์ พันทรกิจ นายบุญถิ่น มั่นเกษวิทย์ พล.ต.ต.ปรีชา สมุทระเปารยะ นายเสรี สุวรรณภานนท์ พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย
@ ปชป.หนุนมีคปป.ในรธน.
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีตโฆษกรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงต้องการให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) อยู่ในรัฐธรรมนูญโดยหวังให้เกิดการปรองดอง ว่า เห็นด้วยหากต้องการให้ คปป.มาทำหน้าที่เพื่อการปรองดอง แต่ไม่ใช่มามีอำนาจแบบรัฐซ้อนรัฐเหมือนก่อน คือ ถ้ามีต้องขีดเส้นหน้าที่ อำนาจ คปป.ให้ชัดเจน
"หากมี คปป.แล้วจะทำให้การปรองดองสำเร็จหรือไม่นั้น ตรงนี้ต้องดูยุทธศาสตร์ของ สปท.ก่อนจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะอย่างที่ทราบ สปท. คปป.ทำงานสัมพันธ์กัน ต้องดูแต่ละประเด็นที่เกี่ยวข้อง" นายชวนนท์กล่าว
@ แนะเอารธน.ฉบับปื๊ดเป็นตัวตั้ง
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง รายชื่อ กรธ. ที่จะชัดเจนในวันที่ 5 ตุลาคมว่า คนที่จะเป็น กรธ.ต้องรู้เรื่องรัฐธรรมนูญ รวมทั้งต้องรอบรู้เรื่องประวัติศาสตร์ไทยอย่างชัดเจน และรับรู้รับทราบปัญหาของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน ว่ามีการทุจริตเชิงนโยบาย มีกระบวนการบิดเบือนอำนาจศาล มีการใช้อำนาจโดยมิชอบ เพื่อให้คนเหล่านี้มาออกแบบรัฐธรรมนูญให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้ ให้มีประชาธิปไตยที่ยั่งยืนสามารถตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตนไม่ได้สนใจว่าใครจะมาเป็นประธาน กรธ. แต่องค์ประกอบทั้ง 21 คน ต้องครบอย่างที่บอกไปแล้ว
"ทั้งนี้เห็นว่า กรธ.ทั้ง 21 คน ควรเอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นตัวตั้ง และทำให้ คปป.เป็นองครักษ์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ให้มีอำนาจเหนือรัฐบาล เหนือรัฐสภา 2-3 กรณี เกี่ยวกับสถาบันหลักและความมั่นคง เช่นการบ่อนทำลายรัฐธรรมนูญ ล้มรัฐธรรมนูญ ทำลายสถาบันของชาติ รวมถึงเพิ่มอำนาจให้ประชาชนมีอำนาจตรวจสอบได้ผ่านคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ โดยคุ้มครองพยานเหล่านี้ด้วย หาก กรธ.ร่างรัฐธรรมนูญออกมาอย่างนี้ได้ ก็เชื่อว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านและนำไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งจะไม่เกินโรดแมปที่รัฐบาลวางไว้" นายวิรัตน์กล่าว
นายวิรัตน์กล่าวถึงรายชื่อบุคคลที่จะมานั่งใน สปท.ทั้ง 200 คนว่า ขอให้นายกรัฐมนตรี ดูคนให้ครอบคลุม อย่าเอานักวิ่งเต้นเข้ามา เพราะนักวิ่งเต้นบางคนไม่ทำหน้าที่ ควรเอาคนที่รักบ้านรักเมืองจริงๆ มาทำงาน ส่วนว่าอาจมีทหารเข้ามาเป็น สปท. จำนวนมากนั้น ตนเห็นว่าก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ต้องเอาทหารที่ไว้ใจได้ ไม่ใช่เอามารองรับอำนาจของ คสช. อย่างเดียว
@ พท.เชื่อ'มีชัย'คุยผู้มีอำนาจแล้ว
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยว่านายมีชัยจะให้คำตอบว่าจะรับเป็นประธาน กรธ. ในการประชุม คสช.วันที่ 5 ตุลาคม ว่า เชื่อว่านายมีชัยกับผู้มีอำนาจ คงคุยกันมาแล้ว ที่ปรากฏเป็นข่าวออกมามองว่า เป็นเพราะนายมีชัยต้องการให้สาธารณชนรับรู้ว่าที่เข้ามาทำหน้าที่เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ขอร้อง
"ทั้งที่ผ่านมาร่างรัฐธรรมนูญมีหลายฉบับที่นายมีชัยเข้าไปมีส่วนร่วมโดยผ่านทางคนใกล้ชิดเข้าไปดำเนินการ โดยที่นายมีชัยไม่ต้องลงมาแสดงบทบาทเอง แต่ในครั้งนี้หากลงมาแสดงด้วยตัวเอง ผลผลิตที่ออกมาจะเป็นบทพิสูจน์ให้สังคมรับทราบความคิดเห็นของนายมีชัย โดยสะท้อนจากการผลักดันร่างรัฐธรรมนูญว่าจะออกมามีทิศทางอย่างไร" นายสามารถกล่าว และว่า นายมีชัยจะตอบรับหรือไม่รับไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่สาระสำคัญคือประชาชนให้ความสนใจคือเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยและเป็นที่ยอมรับของประชาชนหรือไม่ มีวาระซ่อนเร้นหรือเขียนเพื่อประโยชน์ของบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ รวมทั้งการบริหารเวลาในการยกร่างฯ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานถึง 20 เดือน หากจัดการเวลาที่เหมาะสม ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้เมื่อยกร่างเสร็จแล้วนำไปถามประชาชนทันทีไม่มี สปช.มาช่วยกลั่นกรอง ดังนั้นความรับผิดชอบของผู้ยกร่างจึงมากกว่าครั้งที่ผ่านมาจึงต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบและคิดถึงหลักการที่ถูกต้อง
@ เกาะติดร่างรธน.-วิจารณ์เสียงดัง
นายสามารถกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยที่จะให้นายมีชัยมาทำหน้าที่ประธาน กรธ.เพราะให้ความสำคัญกับเนื้อหามากกว่า แต่หากเข้ามาแล้วเกิดความคลุมเครือในการทำงานว่ายึดหลักการหรือหลักของผู้มีอำนาจ สังคมที่จับตามองจะเห็นได้เอง ในส่วนของพรรคติดตามใกล้ชิดและจะวิจารณ์เสียงดังๆ หากเห็นว่ามีเรื่องใดที่ไม่ชอบมาพากล จะกระตุ้นให้ประชาชนในสังคมร่วมกันติดตามการทำงานของ กรธ.ด้วย
ยอมรับว่าประธาน กรธ.มีภาระหนักที่ต้องทำงานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงใจในการทำงานว่ายึดมั่นในหลักของกฎหมาย คิดถึงอนาคตของลูกหลาน และต้องการแก้วิกฤตของบ้านเมืองอย่างแท้จริง เพื่อให้ประชาชนที่เฝ้าติดตามเรื่องนี้และยังมีความระแวงสงสัยในตัวบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ ได้เห็นถึงความตั้งใจจริง เพราะกติกาบ้านเมืองที่จะนำไปสู่ประชาธิปไตยนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะที่ผ่านมาเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดวิกฤตปัญหามาแล้วในอดีต
@ ย้ำเพื่อไทยร่วมสปท.ต้องออก
นายสามารถกล่าวถึงการพิจารณา สปท. ที่มีข่าวว่ามีสมาชิกพรรคการเมืองใหญ่รวมถึงเพื่อไทยแสดงเจตนาต้องการเข้ามาร่วมเป็น สปท.ว่า พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนและแนวทางการทำงานที่ชัดเจนและระบุไปแล้วว่าจะไม่เข้าร่วม ส่วนสมาชิกคนใดต้องการจะไปก็ไม่ได้ห้ามเพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ควรลาออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อให้เกิดความสบายใจซึ่งกันและกัน ในเมื่อมีจุดยืนการทำงานต่างกัน เมื่อไปแล้วต้องรับผิดชอบอนาคตทางการเมืองของตัวเอง ไม่ใช่ลาออกไปแล้ววันหนึ่งเมื่อเกิดการเลือกตั้งแล้วเห็นกระแสของพรรคเป็นที่ยอมรับแล้วจะเปลี่ยนกลับมายืนจุดเดียวกับพรรคเพื่อร่วมงานกันอีกอย่างนั้นคงไม่ใช่ เพราะสมาชิกที่เขาทำงานมีหลักการแน่วแน่คงไม่สบายใจ
"บุคคลที่มีชื่อปรากฏเป็นข่าวบางคนเช่น พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย ลาออกจากสมาชิกพรรคไปเป็น สปช.ก่อนแล้ว ส่วนจะไปเป็น สปท.หรือไม่ ผมไม่ทราบ ส่วนคนอื่นที่มีกระแสข่าวว่าจะลาออกยังไม่เห็นลาออก ขอย้ำว่าพรรคไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจแต่หากไปแล้วคงคว่ำขันอย่ากลับมา" นายสามารถกล่าว
@ แนะรบ.เจ้าภาพคุยแก้ขัดแย้ง
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ได้ดูรายการคืนความสุขให้ประชาชนของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีประเด็นสำคัญทางการเมืองประเด็นหนึ่ง คือ ท่านพูดต่อเนื่องจากการให้สัมภาษณ์สื่อที่สหรัฐอเมริกา ในเรื่องที่ท่านอยากเห็นคนไทยที่เห็นต่าง หันหน้าคุยกัน ยุติความขัดแย้ง เดินหน้าประเทศร่วมกัน stronger together แสดงว่าท่านมุ่งมั่นเอาจริงกับเรื่องนี้แล้ว ถือเป็นสัญญาณครั้งสำคัญที่ออกจากปาก พล.อ.ประยุทธ์
"ส่วนตัวเห็นด้วยและสนับสนุนการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหา ความขัดแย้ง เพราะแม้กระทั่งในสงครามระหว่างประเทศ ยังมีการหยุดยิงเพื่อเจรจาสงบศึก นี่คนไทยด้วยกันเองแท้ๆ ขัดแย้งกันมาเป็นสิบปี จนประเทศชาติ ประชาชนบอบช้ำขนาดนี้ ทำไมจะจัดการพูดคุยกันไม่ได้" นายชวลิตกล่าว และว่า เพื่อให้งานในเบื้องต้นได้เริ่มขึ้น ขอนำความเห็นเดิมที่เคยเสนอแนะไว้ว่า 1.รัฐบาลควรเป็นเจ้าภาพในการจัดการพูดคุย เพราะเป็นผู้บริหารประเทศ ประการสำคัญการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เป็นวัตถุประสงค์หลักของ คสช. ตั้งแต่วันยึดอำนาจ 2.การจัดพูดคุย ไม่ควรมีเงื่อนไขใดๆ เป็นอุปสรรค 3.การสร้างบรรยากาศในการพูดคุย รัฐบาลและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ควรให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ใช้หลักนิติรัฐ นิติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติต่อฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง จนทำให้เห็นว่าถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
@ ธิดาดักคอมีชัยร่างแบบเนติบริกร
นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะนำนักกฎหมายฝีมือเยี่ยมอย่างนายมีชัยมาเป็นประธาน กรธ. แต่เชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะร่างขึ้นจะไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน เนื่องจากที่ผ่านมานายมีชัยทำงานรับใช้อำนาจเผด็จการ มีความเป็นเนติบริกรมาโดยตลอด ทั้งยังไม่เคยแสดงตัวว่าจะต้องการเขียนรัฐธรรมนูญในรัฐบาลที่มาจากประชาชน ดังนั้นจึงอย่าคิดว่าเมื่อนายมีชัยมาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญประชาชนแล้วจะยอมรับ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่กรอบของผู้มีอำนาจ ซึ่งต่อให้นำเทวดามาร่างต้องเป็นไปตามนั้น หมายถึงในรัฐธรรมนูญต้องมีองค์กรที่คอยควบคุมการทำงานของรัฐบาล เช่น คปป. ซึ่งขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์กำลังโยนหินถามทางอยู่เพราะต้องการอยากให้มี
"สมมุตินายมีชัยต้องการเขียนให้เป็นสากล แต่เรือแป๊ะสั่งแล้วจะเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร พิมพ์เขียวที่มีอยู่ในความคิดของผู้มีอำนาจจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ รัฐธรรมนูญที่จะร่างจะออกมาไม่ต่างจากฉบับของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) ซึ่งเนื้อหายังเหมือนเดิม ดังนั้นอย่าไปหวังประชาธิปไตยจากคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจจากประชาชน เพราะมันเป็นไปไม่ได้" นางธิดากล่าว
@ ชี้มีคปป.ถือว่าไม่ไว้ใจประชาชน
นางธิดากล่าวว่า สำหรับ คปป. พล.อ. ประยุทธ์จะต้องทราบว่าก่อนหน้านี้มีคนอยู่หลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย จึงอย่าเอาแต่มุมมองของตัวเองโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชน เพราะผู้ยึดอำนาจมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น การปรองดองหรือการปฏิรูปควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลปกติ ผู้มีอำนาจอย่าทำแทนประชาชน
"หากศึกษาคำพูดของนายบารัค โอบามา ในระหว่างประชุมสหประชาชาติครั้งที่ผ่านมา จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร สหประชาชาติสนับสนุนการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยประชาชน ไม่ใช่บนบ่ารัฏฐาธิปัตย์ที่ยึดอำนาจ แม้รัฐบาลจะปรารถนาดี แต่เป็นความปรารถนาดีตามความคิด ตามอัตวิสัยของตัวเอง ไม่ได้สำเร็จความคิดผู้อื่นโดยรอบ การที่บอกว่า คปป.จะเข้ามาประคองบ้านเมืองในระยะเปลี่ยนผ่านนั้นถือว่าไม่ไว้ใจประชาชน" นางธิดากล่าว
@ แจงนปช.ไม่เกี่ยวข้องกับแรมโบ้
นางธิดากล่าวถึงกระแสข่าวที่มีชื่อของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน อดีตแกนนำ นปช.และอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ติดโผเป็น สปท.ว่า นายสุภรณ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ นปช.แล้ว เพราะมีแนวความคิดแตกต่างกันออกไป โดยได้แยกตัวออกจาก นปช.แล้วตั้งกองกำลังของตัวเองตั้งแต่ช่วงที่มีการชุมนุมบริเวณถนนอักษะเมื่อปี 2557 และแกนนำส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย
"ดังนั้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานายสุภรณ์จึงไม่ถือว่าเป็นแกนนำ นปช. การเข้าร่วม สปท.จึงเป็นไปในนามส่วนตัว ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน สำหรับโควต้ากลุ่มการเมืองใน สปท. เรายังยืนยันในหลักการเดิมคือไม่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐประหาร หากใครต้องการเข้าร่วม สปท. ก็ไม่ถือว่าเป็น นปช.อีกต่อไป" นางธิดากล่าว
@ 'ตือ'แนะ'บิ๊กตู่'คปป.ไม่มีสูตรสำเร็จ
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุถึงความจำเป็นที่จะต้องมี คปป.ว่า แล้วแต่มุมมอง พล.อ.ประยุทธ์อาจจะคิดเช่นนี้ได้ แต่สังคมและคนโดยส่วนรวมยังเป็นสิ่งที่ต้องรับฟังด้วยเช่นกัน ถ้าประชาชนส่วนใหญ่เห็นสอดคล้องก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าประชาชนสะท้อนออกมาเหมือนเมื่อก่อนจะโหวตรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา จะอาจเป็นประเด็นที่ทำให้ยากต่อการยอมรับได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ไม่เคยมีมาก่อน จึงต้องรับฟังเสียงสะท้อนเพื่อหาแนวทางปรับปรุงให้ประชาชนส่วนใหญ่รับได้
"ที่ระบุว่า คปป.จำเป็นต้องมีเพื่อเลิกการรัฐประหารนั้น เมื่อตอนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 คิดว่าจะเป็นการยึดอำนาจครั้งสุดท้าย แต่ก็เกิด 6 ตุลาคม 2519 ขึ้นมา จากนั้นก็ยังเกิดเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ยังคิดว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว แต่ปี 2549 ก็เกิดขึ้น จนเกิดขึ้นครั้งล่าสุดอีก คิดว่าเรื่องนี้ไม่มีสูตรสำเร็จ หรือไม่มาตรการใดที่จะป้องกันการรัฐประหารได้ นอกจากการสร้างประชาชนรุ่นใหม่ จัดการศึกษาให้มีความเข้าใจในระบอบและความเป็นไปเรื่องประชาธิปไตย" นายสมศักดิ์กล่าว
@ เชิญ'เซียไทยรัฐ'ปรับทรรศนะ
วันเดียวกันมีรายงานข่าวแจ้งว่าตำรวจ สน.บางซื่อ ได้รับการประสานจากทางทหารให้เชิญตัว นายศักดา เอียว หรือ "เซีย" การ์ตูนนิสต์ของไทยรัฐไปปรับทัศนคติ
นายศักดา เผย "มติชน" ว่าจะเข้าพบทหารในวันที่ 4 ตุลาคม เวลา 10.00 น. พร้อมนายสุนทร ทาซ้าย บรรณาธิการไทยรัฐ และผู้สื่อข่าวสายทหารของไทยรัฐ ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน
ส่วนสาเหตุที่ถูกเชิญ นายศักดาเผยว่าไม่แน่ใจ อาจมาจากเขียนการ์ตูนสะท้อนการเมือง แต่ตนเองพร้อมที่จะพูดคุยทำความเข้าใจกัน
@ แม้วโพสต์รูปคู่อุ๊งอิ๊งดับข่าวลือ
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เมื่อเร็วๆ นี้เกิดกระแสข่าวว่านายทักษิณถูกจับกุมตัวที่สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายทักษิณได้เดินทางมาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยมีอุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กเดินทางมาหา ทางนายทักษิณได้โพสต์ภาพคู่กับบุตรสาวผ่านอินสตาแกรมพร้อมระบุข้อความว่า ลูกสาวคนเล็กมาหาที่ลอนดอนทำให้หายเหงาไปได้เยอะครับ เป็นการยืนยันว่าไม่ได้ถูกจับกุมตัวตามข่าวลือดังกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับแต่นี้ไม่เหมือนเดิม
คอลัมน์ โครงร่างตำนานคน
การเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อประชุมร่วมผู้นำสมาชิกสหประชาชาติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสนใจสำหรับ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา"
ความเป็นผู้นำประเทศที่มาจากการรัฐประหาร ทำหน้าที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควบเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ทำให้แม้จะสามารถควบคุมสถานการณ์ภายในประเทศได้อย่างเด็ดขาด ทำให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบ ไม่วุ่นวายด้วยความเคลื่อนไหวที่พร้อมจะใช้ความขัดแย้งมาสร้างความรุนแรงในประเทศเหมือนที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะผู้นำควบคุมสถานการณ์ภายในประเทศได้อย่างเป็นที่ยอมรับของประชาชนกลุ่มหนึ่ง แม้จะมีบางกลุ่มที่ยังกังขาอยู่บ้าง แต่เป็นความสงสัยที่ควบคุมการแสดงออกได้
มีความเคลื่อนไหวบ้างบางครั้งแต่ที่สุดแล้วภาพรวมยังสะกดให้อยู่ในความเรียบร้อย
แรงกดดันภายในประเทศไม่ใช่ปัจจัยที่ชวนให้หนักใจ
แต่เพราะความเป็นผู้นำที่มาจากรัฐประหาร อันเป็นความหวาดระแวงว่าท่าทีของโลกประชาธิปไตยเสรีไม่น่าจะให้การยอมรับ
ดังนั้น ไม่ว่าการถูกตัดสิทธิทางการค้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกไปในตลาดประเทศตะวันตก การถูกตั้งแง่เรื่องสิทธิมนุษยชน และการค้ามนุษย์ที่หนักขึ้น การถูกลดความน่าเชื่อถือในการบริหารธุรกิจการบิน และอื่นๆ ส่งผลให้ถูกวิจารณ์ว่ารัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารเป็นแรงกดดันที่ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบในเวทีโลก
ทำให้การส่งออก และการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศหดตัวลงในระดับน่ากังวล
กระทั่งในบางห้วงเวลามีการปล่อยข่าวออกมาในเชิงประเทศตะวันตกไม่ออกวีซ่าให้ผู้บริหารประเทศไทย
เหล่านี้หากจะบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่กังวลคงไม่ใช่
เพราะไม่มีผู้นำประเทศยุคสมัยใดที่เชิดหน้าท้าการไม่ยอมรับจากมหาอำนาจด้วยหัวใจไม่แคร์อย่างแท้จริง
ด้วยถึงที่สุดแล้วจะเป็นแบบปากบอกไม่สน แต่หางตาคอยชำเลืองว่าจะมีใครเหลียวมามองด้วยความใส่ใจบ้างหรือไม่แทบทั้งนั้น
คนเป็นผู้นำ การได้รับการยอมรับจากนานาชาติเป็นเรื่องใหญ่ในความรู้สึก
ความหวั่นไหวย่อมมีอยู่ไม่ว่าจะแสดงออกให้เห็นหรือไม่ก็ตาม
ทว่าวันนี้ดูเหมือนความไหวหวั่นที่ว่าเหมือนจะล้างหายไปจากใจ "ท่านผู้นำ" แล้ว
สหรัฐเปิดรับการไปเยือนอย่างเต็มที่ โลกให้บทบาทอันชวนน่าปลาบปลื้มกับประเทศไทยในยุคสมัยเช่นนี้
การเดินทางไปประชุมยูเอ็นที่ก่อนเดินทางมีความกังวลมากมาย กลับกลายเป็นเรื่องราวที่เรียกเสียงแซ่ซ้องกระหึ่มด้วยความยินดีปรีดาต่อความสำเร็จของ "พล.อ.ประยุทธ์"
"ไม่มีเสียงที่แสดงความกังขาต่อการนำจากเวทีโลก"
และนี่คือจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ด้วยหมายถึงศักยภาพการนำของ "พล.อ.ประยุทธ์" ได้พัฒนามาสู่จุดที่สามารถเดินหน้าด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่
เชื่อมั่นจาการควบคุมสถานการณ์ภายในประเทศให้อยู่ในความสงบได้อย่างมีคุณภาพยิ่งยวด
เชื่อมั่นสามารถเสนอภาพการยอมรับและให้เกียรติจากนานาชาติได้อย่างเต็มภาคภูมิ ลบข้อสงสัยทั้งหลายทั้งสิ้นได้หมดจด
ความรู้สึกเดิมๆ ก่อนหน้านั้นไม่เหลือแล้ว....