- Details
- Category: การเมือง
- Published: Friday, 02 October 2015 14:33
- Hits: 4198
ชาวเน็ตฮึ่มถล่มอีก ไอซีทีวุ่น พลิ้วซิงเกิลเกตเวย์ หันใช้ชื่ออื่นแทน อ้างแค่ขั้นศึกษา ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เอกสารว่อน ข้อสั่งการนายกฯ ให้รีบดำเนินการ
รมว.ไอซีทีแถลงโต้ หลังเว็บหน่วยงานรัฐบาลถูกชาวเน็ตรุมโจมตี จนเดี้ยง ยัน 'ซิงเกิล เกตเวย์'ยังไม่ได้ข้อสรุป อยู่ระหว่างศึกษาหาข้อมูล ไม่มีนโยบายลิดรอนเสรีภาพการใช้อินเตอร์เน็ต พร้อมรับฟังข้อมูลทุกฝ่าย ด้าน 'สมศักดิ์เจียมฯ" โพสต์เฟซบุ๊ก งัดหลักฐานยันนายกฯ สั่งการให้ดำเนินการโดยเร็ว ไม่ใช่แค่ให้ศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อไทยสบช่องแถลงซัดดำเนินการมาตั้งแต่กลางปี ย้ำไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวเพราะสุ่มเสี่ยงละเมิดสิทธิประชาชน สำนักข่าวต่างประเทศตีข่าวอื้ออึง ระบุย้อนแย้งกับการสนับสนุนประชาคมโลกมีความเสมอภาคในการเข้าถึงข้อมูล ชาวเน็ตนัดอีกถล่มเว็บไซต์มหาดไทย-กลาโหม-กรมบัญชีกลาง
วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9074 ข่าวสดรายวัน
ไอซีทีวุ่น - นายอุตตม สาวนายน รมว.ไอซีที แถลงชี้แจงกรณีกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับระบบ "ซิงเกิลเกตเวย์" รวมตัวแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ จนทำให้เว็บไซต์หน่วยงานราชการหลายแห่งใช้การไม่ได้ แต่จะยังไม่เอาผิด เพราะไม่ใช่การตั้งใจโจมตีให้เสียหาย เมื่อ 1 ต.ค.
ไอซีทีวุ่น-ชาวเน็ตต้านซิงเกิลเกตเวย์
จากกรณีชาวเน็ตปฏิบัติการนัดถล่มเว็บไซต์หน่วยงานราชการ และเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากไม่พอใจรัฐบาลที่มีนโยบายจะควบคุมการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต โดยจะนำระบบซิงเกิลเกตเวย์มาใช้ในระบบไอซีที จนส่งผลให้มีเว็บไซต์เป้าหมายที่ระบบล่ม ไม่สามารถใช้งานได้รวมทั้งสิ้น 8 เว็บไซต์ ประกอบด้วย เว็บไซต์ mict.go.th ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เว็บไซต์ cattelecom.com ของ กสท เว็บไซต์ center.isocthai.go.th ของ กอ.รมน. เว็บไซต์ thaigov.go.th เว็บไซต์รัฐบาลไทย เว็บไซต์ opsd.mod.go.th สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เว็บไซต์ tot.co.th ของ ทีโอที เว็บไซต์ democrat.or.th ของพรรคประชาธิปัตย์ และเว็บไซต์ rtarf.mi.th กองบัญชาการกองทัพไทยนั้น
เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) นายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เปิดเผยว่า จากการประเมินผลการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของกระทรวงไอซีที เมื่อวันที่ 30 ก.ย. พบว่ามี ผู้ใช้งานเพิ่มถึง 1 แสนราย จากปกติคนเข้าเว็บไซต์ไอซีทีวันละ 6,000 ราย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ ทำให้การเข้าถึงเว็บไซต์เกิดความล่าช้า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ยังไม่อยากบอกว่าตั้งใจว่าโจมตีเว็บรัฐบาล สำหรับบางฝ่ายที่มีความกังวลกับแนวความคิดเรื่องการจัดตั้งซิงเกิลเกตเวย์
อ้างแค่เริ่มความคิด-ยังไม่ได้ข้อสรุป
นายอุตตม กล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้เห็นใจว่ามีผลกระทบกับผู้ที่ต้องการเข้าถึงบริการข้อมูลของภาครัฐผ่านเว็บไซต์ ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ดังกล่าว และขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนกับแนวคิดซิงเกิลเกตเวย์ ว่าช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอล และดูแลเยาวชนและสังคม แต่ไม่ใช่การไปควบคุม การใช้งานอินเตอร์เน็ตของประชาชน หรือลิดรอนละเมิดสิทธิประชาชน ยืนยันว่าตอนนี้ป็นแค่การเริ่มความคิดเท่านั้น หลังจากตนรับตำแหน่งประมาณ 1 เดือนยังไม่มีแผนงาน ยังไม่ได้สรุปใดๆ ว่าจะเป็นรูปแบบไหน และยังไม่ได้เสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการ
รมว.ไอซีทีระบุว่าแนวคิดดังกล่าวเริ่มจากนายกรัฐมนตรี เป็นคนให้แนวคิดว่า ให้ไปดูแลการใช้อินเตอร์เน็ตของเยาวชน เพราะเป็นห่วงเด็กและเยาวชนที่จะเข้าถึงเนื้อหาไม่เหมาะสม และยืนยันว่ายังไม่ได้ข้อสรุป และขออย่าใส่ใจกับคำว่าซิงเกิลเกตเวย์ เพราะยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ทำอะไรที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่จะพัฒนาให้คนใช้เกตเวย์ในด้านที่พัฒนา รวมถึงการใช้งานอินเตอร์เน็ตเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
"ส่วนกลุ่มที่เคลื่อนไหวถล่มเว็บราชการต่างๆ ด้วยการนัดเข้าไปใช้งานพร้อมกันจนทำให้เว็บล่มนั้น เบื้องต้นไม่ได้เอาผิด หากไม่มีคนร้องเรียน แต่ถ้ามีผู้ได้รับผลกระทบและฟ้องร้องมายังไอซีทีจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะถือว่ามีความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แม้จะมีกระแสว่าจะเกิดขึ้นอีกในบ่ายของวันที่ 1 ต.ค. หรือช่วงเวลาอื่นๆ" นายอุตตมกล่าว
ไม่อยากให้คำนี้-แต่ยังไม่มีคำใหม่
นายอุตตม กล่าวอีกว่า จากนี้ไม่อยากให้ใช้คำว่าซิงเกิลเกตเวย์ ถ้าคำนี้จะไปปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการใช้อินเตอร์เน็ตและโซเชี่ยลมีเดีย ส่วนนิยามใหม่คำว่าซิงเกิลเกตเวย์ตอนนี้ยังไม่มีนิยามใดๆ ทั้งสิ้น ซิงเกิลเกตเวย์ในส่วนของไอซีทีที่ต้องดูแลเป็นภารกิจหลักคือการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลไปสู่เศรษฐกิจดิจิตอล ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวทันคนอื่นได้ ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา ยังไม่ได้นำไปสู่ข้อยุติใดๆ ทั้งสิ้น
"ยินดีรับฟังจากทุกฝ่าย โดยมีแนวคิดที่จะเปิดเวทีรับฟังจากประชาชนและภาคธุรกิจ ยืนยันว่าตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งเป้าหมายใหญ่คือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ตอบรับโจทย์เศรษฐกิจดิจิตอล และไม่ได้พูดถึงเฉพาะแค่ความมั่นคง จึงอยากเคลียร์ในวันนี้ให้ทุกคนเข้าใจ หวังว่าวันนี้จะสร้างความเข้าใจอย่างชัดเจน ไม่ต้องห่วงว่ารัฐบาลจะเข้าไปลิดรอนสิทธิของประชาชน มิเช่นนั้นจะเป็นเรื่องที่ผิดมากๆ เราจะไม่ทำอยู่แล้ว สบายใจได้" นายอุตตมกล่าว
พลเมืองต้านเกตเวย์ลุยต่ออีก 6 เว็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันเดียวกันนี้ เฟซบุ๊กพลเมืองต่อต้าน Single Gateway : Thailand Internet Firewall ได้โพสต์นัดชาวเน็ตออกปฏิบัติถล่มเว็บไซต์หน่วยราชการ โดยระบุว่า เตรียมพร้อมออกปฏิบัติการ..... ปีศาจไร้ร่องรอย......อีก 10 นาที..... พิกัด..... 1.สำนักนายกรัฐมนตรี : http://www.thaigov.go.th 2.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ : http://center.isocthai.go.th 3.กระทรวงกลาโหม http://www.mod.go.th 4.กระทรวงมหาดไทย http://www.moi.go.th 5.กองทัพบก http://www.rta.mi.th และ 6.กรมบัญชีกลาง http://www.cgd.go.th/wps/portal/cgd
ปนัดดาอ้างประยุทธ์แค่ให้ศึกษา
ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความส่วนตัวถึงกรณีหลายฝ่ายไม่เห็นด้วยในเรื่องซิงเกิลเกตเวย์ โดยอ้างว่าเรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเพียงให้ศึกษาข้อเท็จจริงตามที่มีผู้นำเสนอในบริบทของความมั่นคง ซึ่งนายกฯยังไม่เคยพูดสักคำว่าจะใช้ระบบดังกล่าว แต่มีการนำไปพูดจาขยายผล ปัญหาสังคมวันนี้เกิดจากการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จ การสร้างข่าวลือ การให้ร้ายป้ายสี และการสร้างศัตรูทางการเมืองที่ถือเป็นภยันตรายต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย เราจึงควรมองที่ต้นเหตุของปัญหา ที่มาของข่าวลวงโลกที่ผลิตขึ้นโดยกลุ่มคนที่เห็นแก่ตัว ต้องแก้ที่บุคคลผู้เกี่ยวข้อง ทั้งผู้เป็นจุดก่อ- จุดสร้าง-จุดขยาย-จุดรับผิดชอบ และเพิ่มพูนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายกับอีกความร่วมมือระหว่างประเทศผ่านช่องทางทางการทูตที่เหมาะสม
ม.ล.ปนัดดาระบุว่า เป็นที่รู้กันดีว่า เมื่อต้องเผชิญปัญหาเรื่องความไม่เสถียร ล่มง่าย ติดไวรัส มัลแวร์หรือถูกแฮ็กจุดเดียว โอกาสที่จะกระจายไปทั่วประเทศย่อมมีสูง ปัญหาเหล่านี้จะทำให้ระบบอินเตอร์เน็ตโดยรวมของประเทศขาดความมั่นคงปลอดภัยและน่าเชื่อถือ และเป็นไปได้ว่าผู้ประกอบการและนักลงทุนที่ต้องการความปลอดภัยและความมีประสิทธิภาพของระบบอินเตอร์เน็ตอาจตัดสินใจย้ายไปใช้บริการนอกประเทศ ซึ่งกระทบกับเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ ทุกอย่างมีที่มาที่ไปที่อธิบายได้ ศึกษาไว้ย่อมไม่เสียหาย บุคคลจะพูดจาได้ทั้งสองซีกอย่างมีความรู้ความเข้าใจ เราไม่ควรเอาสิ่งที่ใหญ่กว่ามากไปแลกกับสิ่งที่เล็กกว่ามาก ความคุ้มค่าไม่น่าจะเกิดขึ้น
'สุวพันธุ์'รับ-ห่วงใยภัยไซเบอร์
ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯกล่าวว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลมีการประเมินว่าภัยคุกคามไซเบอร์มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่ความรุนแรงสุดโต่ง การทำลายสถาบัน อาชญากรรมข้ามชาติ และการแฮ็กข้อมูลสำคัญของ หน่วยงานภาครัฐ รวมถึงการทำลายระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งต่างเป็นภัยคุกคามจากต่างประเทศ
มว.สำนักนายกฯกล่าวต่อว่า ดังนั้นรัฐบาลจึงให้มีการศึกษาระบบที่จะป้องกันปัญหาเหล่านี้ ซึ่ง ซิงเกิลเกตเวย์เป็นเพียงระบบหนึ่งที่ได้ศึกษาเท่านั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องการศึกษาคือภาพใหญ่ ว่าจะปรับปรุงระบบอย่างไรให้มีการประกันว่ามีมาตรการป้องกันภัยคุกคามต่างๆ เหล่านั้น และยืนยันว่าจะไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล การดักข้อมูล หรือลดประสิทธิภาพการใช้อินเตอร์เน็ตแต่อย่างใด
'สมศักดิ์'ยันจัดตั้ง-ไม่ใช่ศึกษา
วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความใน เฟซบุ๊กส่วนตัว เเสดงความเห็นกรณีรัฐบาลออกมาให้ข้อมูลว่า นโยบาย"ซิงเกิลเกตเวย์" นั้น นายกฯไม่ได้สั่งให้ดำเนินการ เป็นเพียงการให้แนวทางศึกษาให้เห็นข้อเท็จจริงเท่านั้นว่าไม่เป็นความจริง
นายสมศักดิ์ ระบุว่า จากหลักฐานคำสั่งนายกรัฐมนตรี ขอให้สังเกตดีๆ ไม่มีคำว่า "ให้ศึกษา" อะไรเลย เพราะมันเป็นการตัดสินใจไปแล้วว่าจะ "จัดตั้ง"-ในภาษาระบบราชการนั้น ถ้าอยู่ในขั้นตอน "ให้ศึกษา" มันจะเขียนออกมาอีกแบบ ประเภท "ตามที่ครม.มีมติให้ศึกษาความเป็นไปได้ ..." อะไรแบบนั้น จาก "ข้อสั่งการ" ที่นำมาแสดงทั้งหมดนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องการตัดสินใจไปแล้วว่าจะทำ ไม่ใช่แค่ "ให้ศึกษา"อย่างที่ออกมาให้ข่าว
เริ่มต้นอ้างเด็กติดเกมส์ออนไลน์
พร้อมกันนี้ นายสมศักดิ์ยังเรียงตามลำดับเวลาการดำเนินการกรณีดังกล่าว ดังนี้
จาก "ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี" ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2558
"ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงศึกษาธิการร่วมกันกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในทางที่ไม่เป็นประโยชน์และก่อปัญหาต่อพฤติกรรมและคุณภาพในการเรียนรู้ของเด็ก เช่น การติดเกมส์ออนไลน์ การเข้าถึงสื่อที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการจัดตั้งซิงเกิลเกตเวย์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือควบคุมเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและการไหลเข้าของข้อมูลข่าวสารจากต่างประเทศผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตโดยให้ตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องออกกฎหมายเพิ่มเติม ก็ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไปด้วย"
ข้อสั่งการนายกฯให้เร่งรัดเดือนก.ค.
จาก "ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี" ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2558
"ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการจัดตั้งซิงเกิลเกตเวย์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือควบคุมเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและการไหลเข้าของข้อมูลข่าวสารจากต่างประเทศผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตตามมติคณะรัฐมนตรี (30 มิถุนายน 2558) โดยด่วนต่อไป"
จาก "ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี" ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2558
"กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานความคืบหน้าการจัดตั้งซิงเกิลเกตเวย์ เพื่อเป็นเครื่องมือควบคุมเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและการไหลเข้าของข้อมูลข่าวสารผ่านอินเทอร์เน็ต"
ให้ไอซีทีรับผิดชอบ-ดำเนินการ
จาก "ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี" ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2558
"ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (4 สิงหาคม 2558) ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาตรการและโครงการสำคัญต่างๆ เร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ซึ่งรวมถึงเรื่องการจัดตั้งซิงเกิล เกตเวย์ ที่ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีทราบภายในเดือนสิงหาคม 2558 นั้น ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เร่งรัดการดำเนินการเรื่องดังกล่าวและรายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบภายในเดือนกันยายน 2558 ต่อไปด้วย"
พท.ร่ายยาว-แฉความเป็นมา
วันเดียวกัน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อกรณีการจัดตั้งซิงเกิล เกตเวย์ ของรัฐบาลว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ให้กระทรวงไอซีทีร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการจัดตั้งซิงเกิล เกตเวย์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือควบคุมเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม และการไหลเข้าของข้อมูลข่าวสารจากต่างประเทศผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยให้ตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องออกกฎหมายเพิ่มเติมก็ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไปด้วยนั้น และให้กระทรวงไอซีที และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดตั้งซิงเกิล เกตเวย์ ตามมติครม.ดังกล่าวโดยด่วน
ต่อมาครม.มีมติเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาตรการและโครงการสำคัญต่างๆ เร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ซึ่งมติดังกล่าวได้รวมถึงเรื่องการจัดตั้งซิงเกิล เกตเวย์ ที่ให้กระทรวงไอซีทีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้นายกฯ ทราบภายในเดือนส.ค. ขณะที่กระทรวงไอซีทีรายงานความคืบหน้าให้ทราบภายในเดือนก.ย.นั้น
ระบุอันตราย-กระทบอินเตอร์เน็ต
ตามเหตุผลที่ครม.อ้าง ถึงแม้ว่าโครงการ ดังกล่าวภาครัฐจะสามารถควบคุมดูแลการใช้อินเตอร์เน็ตของประชาชนได้อย่างเบ็ดเสร็จ สามารถคัดกรองข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และปิดกั้นข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์ให้แก่ประชาชน รวมถึงสามารถใช้คุณลักษณะของระบบเพื่อควบคุมเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมได้อย่างสะดวก แต่โครงการดังกล่าวหากดำเนินการให้เกิดขึ้นจริง เชื่อได้ว่าจะส่งผลกระทบด้านลบอื่นๆ เช่นกัน เพราะจากข้อเท็จจริงที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจำนวนมากได้แสดงความเห็นไว้พบว่า เมื่อประเทศไทยเปลี่ยนวิธีการสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศจากหลายช่องทางเป็นช่องทางเดียว ข้อมูลจำนวนมากย่อมไหลเข้าออกในช่องทางเดียว เมื่อไรก็ตามที่ปริมาณข้อมูลมีจำนวนมาก เมื่อนั้นย่อมส่งผลให้ความเร็วในการให้บริการอินเตอร์เน็ตลดลง และเมื่อไรก็ตามที่ช่องทางสื่อสารช่องทางเดียวเกิดปัญหาทางเทคนิค หรือเกตเวย์ล่มใช้งานไม่ได้ ความผิดพลาดดังกล่าวอาจส่งผลให้ระบบอินเตอร์เน็ตล่มทั้งประเทศ
ถ้าเป็นเช่นนั้น เหตุการณ์ในลักษณะนี้ ย่อมส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อภาคธุรกิจ ผู้ลงทุนทั้งในและนอกประเทศย่อมขาดความมั่นใจและเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยในการใช้บริการระบบอินเตอร์เน็ตในประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยอาจขาดโอกาสที่จะยกระดับขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจดิจิตอลของอาเซียน
สุ่มเสี่ยงละเมิดสิทธิเสรีภาพคนไทย
นอกจากนั้น การที่ประเทศไทยเปลี่ยนไปใช้ระบบการสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศช่องทางเดียว หากผู้มีอำนาจดำเนินการควบคุมข้อมูลต่างๆ อย่างไม่เป็นระบบและขาดมาตรฐานที่ชัดเจน การดำเนินการ ดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิในความเป็นส่วนตัวของประชาชน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าในระบบการสื่อสารช่องทางเดียวนี้ หากผู้มีอำนาจมีความประสงค์จะตรวจสอบหรือปิดกั้นข้อมูลต่างๆ ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต และ โซเชี่ยลมีเดียในประเทศไทย ท่านก็ดำเนินการได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
จากเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว พรรคเพื่อไทยในฐานะของพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นและเติบโตมาตามกระบวนการประชาธิปไตยที่เคารพในสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการสื่อสารถึงกัน สิทธิในความเป็นส่วนตัวของพี่น้องประชาชนที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ ขอแถลงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว เพราะหากปล่อยให้มีการดำเนินการโครงการต่อไป พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีตามเหตุผลที่กล่าวไปแล้ว โดยเฉพาะการควบคุมข้อมูลต่างๆ ของรัฐ มีความสุ่มเสี่ยงที่จะละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่พึงมีและควรได้รับการคุ้มครองโดยปราศจากเงื่อนไข ตามหลักการของระบอบประชาธิปไตยอันเป็นสากล
สื่อเทศตีข่าว-ชี้สวนทางเสมอภาค
วันเดียวกัน บีบีซีได้รายงานกระแสต่อต้านโครงการจัดทำซิงเกิลเกตเวย์ของรัฐบาลไทย ส่งผลให้เว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐบาลไทยขัดข้องหลายแห่ง และก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากตามเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยผู้วิจารณ์หลายคนมองว่าเป็นจุดจบของความเป็นส่วนตัว
นายไมเคิล เดอ วาลล์ มอนต์โกเมอรี จากเว็บไซต์เวนเจอร์บีตส์ ระบุว่า โครงการจัดทำซิงเกิลเกตเวย์ของรัฐบาลไทยเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่น่าสนใจ ท่ามกลางกระแสตื่นตัวเรียกร้องความเสมอภาคด้านการใช้อินเตอร์เน็ตในเอเชียและทั่วโลก แม้แต่ประเทศอินเดียยังยอมยกเลิกร่างกฎหมายเซ็นเซอร์เครือข่ายสังคมออนไลน์ เนื่องจากถูกต่อต้านจากสาธารณะ โดยนายมอนต์โกเมอรีชี้ว่า เกตย์เวย์แห่งชาติเป็นพัฒนาการที่ทำให้สถานการณ์ด้านอินเตอร์เน็ตของไทยน่าเป็นห่วงอย่างมากในอนาคต
ขณะที่เว็บไซต์เทเลคอมเอเชียรายงานว่า การมีอยู่ของโครงการเกตเวย์แห่งชาติถือ เป็นความขัดแย้งต่อคำกล่าวของดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีไอซีทีของไทย ที่เคยกล่าวว่าต้องการเปลี่ยนให้ไทยเป็นศูนย์กลางไอทีของภูมิภาค และพัฒนาโครงข่ายการเชื่อมต่อให้ดีขึ้น
เครือข่ายพลเมืองเน็ตแฉล้วงข้อมูล
ด้านน.ส.สฤณี อาชวานันทกุล เครือข่ายพลเมืองเน็ต หรือ ไทย เนติเซ็น เน็ตเวิร์ก ให้สัมภาษณ์กับเทเลคอมเอเชียว่า เหตุผลเดียวที่รัฐบาลต้องการให้จัดโครงการซิงเกิลเกตเวย์ขึ้นคือ เพื่อที่จะสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ของคนไทยได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณมหาศาลและแลกมาด้วยความถดถอยด้านความเป็นส่วนตัวของประชาชน รวมทั้งยังส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ
"ทางการควรหยุดเสแสร้งว่าโครงการนี้ดีต่อเศรษฐกิจและประชาชน แล้วบอกประชาชนมาตรงๆ ว่ามีสิ่งใดที่ท่านไม่ต้องการให้พวกเรารู้ เห็น และทำไม" น.ส.สฤณี กล่าว
นอกจากนี้ ซี-เน็ต เว็บไซต์ไอทีชื่อดังยังชี้ให้เห็นถึงการจัดอันดับเสรีภาพทางอินเตอร์เน็ตของไทย โดยฟรีด้อม เฮาส์ ประเทศสหรัฐ อเมริกา เมื่อปี 2557 โดยไทยอยู่ที่อันดับ 52 จากทั้งหมด 65 ประเทศ ใกล้เคียงกับจีน อิหร่าน และปากีสถาน
'ไก่อู'พัลวันไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยน
วันเดียวกัน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนได้แถลงข่าวหลังการประชุมครม. กรณีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับซิงเกิล เกตเวย์ นั้นเป็นเพียงคำปรารภของนายกฯในที่ประชุมครม. ซึ่งเลขาฯครม.บันทึกการประชุมว่าเป็นมติครม.เพื่อรับทราบในเรื่องนี้ว่าเป็นเพียงการศึกษาเท่านั้น จะได้รู้ถึงข้อดีข้อเสีย แต่ปรากฏว่าสื่อกลับนำเสนอข่าวว่าโฆษกรัฐบาลชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่ามีประโยชน์ด้านความมั่นคง ป้องกันเว็บไซต์หมิ่นจากต่างประเทศ ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นการศึกษา ไม่ได้จัดทำเป็นโครงการ จึงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และจะเกิดขึ้นหรือไม่ยังตอบไม่ได้ แม้ไม่มีซิงเกิล เกตเวย์ ก็ยังมีกฎหมายอื่นที่สามารถตรวจสอบการกระทำ ความผิดทางโซเซียลหากตำรวจเห็นว่าผิด โดยดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย
"รัฐบาลเข้ามามีปัญหาเยอะอยู่แล้ว จะไปแกว่งเท้าหาเสี้ยนได้อย่างไร ถ้าเข้าใจที่ผมอธิบายทุกอย่างก็จะจบ ว่าเป็นเพียงการศึกษา ยังไม่มีการเริ่มต้นใดๆ ทุกวันนี้เรามีกฎหมายรองรับเกี่ยวกับโซเชียลอยู่แล้ว ในอดีตที่มีการโพสต์ข้อความว่า จะมีการก่อวินาศกรรม ในที่สุดเมื่อถูกจับตัวก็บอกว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่กฎหมายไม่มีรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงขอเตือนประชาชนอย่าไปหลงเชื่อข่าวที่ออกมาจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี ถ้าเข้าใจและเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราอธิบายว่าเป็นเรื่องจริงก็จะหมดคำถาม" โฆษกรัฐบาลกล่าว
ตร.ขู่งัดพรบ.คอมพ์เล่นงาน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.รักษาราชการแทนที่ปรึกษา (สบ 10) กล่าวว่าซิงเกิลเกตเวย์ เป็นนโยบายที่ทางรัฐบาลเพียงศึกษา ยังไม่ลงไปถึงว่าเป็นขั้นตอนการปฏิบัติ แต่ก็จะให้ข้อมูลหรือมีผู้ที่อาจจะเกิดความตกใจว่าจะไปจำกัดสิทธิ์ คงไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะเป็นแค่แนวทางศึกษา ยังไม่ได้นำมาใช้ สิ่งที่สำคัญและควรระวังมากที่สุดในการนำมาใช้ก็คือสิทธิของประชาชน ถ้าจะนำซิงเกิลเกตเวย์มาใช้ก็จะต้องศึกษาว่าทำยังไงที่จะใช้โดยไม่ต้องจำกัดสิทธิ์
"เราก็คงจะสกรีนคนที่มุ่งร้ายกับประเทศเรา เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะไปบล็อกแอพฯนู้นแอพฯนี้เข้ามาไม่ได้ ต้องเป็นแอพฯที่อันตรายจริงๆ หรือเป็นเว็บที่เป็นปัญหาจริงๆ ที่เราไม่ได้และมีปัญหาในขณะนี้คือเกี่ยวกับเรื่องการหมิ่นสถาบันต่างๆ เราไม่สามารถจะดำเนินการสกัดยับยั้งได้อย่างเด็ดขาด เพราะทุกคนก็เข้ามาทุกทาง คงไปมุ่งเน้นเรื่องความมั่นคงมากกว่า ถ้าเป็นลักษณะการทำระบบหรือฐานข้อมูลของคนอื่นใช้การไม่ได้หรือใช้ได้ช้าลง ก็เป็นไปตามมาตรา 10 ซึ่งตรงนี้ต้องดูอีกทีว่ามีเจตนาอย่างไร ว่าใช้อุปกรณ์อะไร ใช้แอพฯอะไรในการเข้ามาเรียกดูข้อมูล" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า ส่วนผู้ที่ออกมาต่อต้านระบบซิงเกิลเกตเวย์ ด้วยการรบกวนระบบหรือฐานข้อมูลเว็บไซต์ให้ทำงานช้าลง โดยเฉพาะการดำเนินการกับเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการ ยอมรับว่าเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เป็นหนึ่งที่โดนก่อกวน แต่ได้มีการเตรียมพร้อมป้องกันไว้แล้ว ซึ่งยืนยัน ว่าตำรวจสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปที่ ผู้ก่อกวนได้ และรู้ตัวผู้กระทำ จึงฝากเตือนให้หยุดพฤติกรรมลักษณะดังกล่าว เพราะเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ธุรกิจโทรคมฯโดดค้าน ชี้'ละเมิด' รัฐถอย'ซิงเกิลเกตเวย์'ไก่อู ยันไม่แกว่งหาเสี้ยน'ศุภชัย'นัดถกโชว์จุดยืน รมว.ไอซีทีแจง8เว็บล่ม เผยแสนรายรุมกดถล่ม
แจงเว็บล่ม - นายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดแถลงกรณีเว็บไซต์ไอซีทีและเว็บไซต์ราชการหลายแห่งถูกกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายซิงเกิล เกตเวย์ โจมตีจน ใช้งานไม่ได้ชั่วคราว ที่กระทรวงไอซีที เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม
ตร.เตือนกลุ่มต้านซิงเกิล เกตเวย์ ให้หยุดป่วนเว็บไซต์ รู้ตัวคนทำ แต่ยังไม่ดำเนินคดี ไอซีทีแถลงไม่เอาผิดคนก่อกวน ชี้แค่แสดงสัญลักษณ์คัดค้าน ยันอยู่ระหว่างศึกษา วอนสื่อเรียกชื่ออย่างอื่น เพื่อไทย-เจ้าสัว'ศุภชัย'ไม่เห็นด้วย ระบุละเมิดสิทธิ
@ ไอซีทีแถลงเว็บไซต์ถูกถล่ม
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แถลงกรณีช่วงค่ำวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์กระทรวงไอซีทีและเว็บไซต์ราชการหลายแห่งโดนกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยกันนโยบายซิงเกิล เกตเวย์ ของรัฐบาลที่มอบหมายให้กระทรวงไอซีทีดำเนินการเข้ามาปั่นป่วนโดยการกดรีเฟรช หรือกดปุ่มเอฟ 5 ส่งผลให้ความเร็วในการใช้งานเว็บไซต์ลดลงจนไม่สามารถเรียกเปิดดูหน้าเว็บไซต์ได้ว่า ปกติเว็บไซต์กระทรวงไอซีทีสามารถรองรับการใช้งานในเวลาเดียวกันได้ไม่เกิน 6,000 รายพร้อมกัน แต่ช่วงค่ำวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา มีผู้เข้ามาป่วนเว็บไซต์กระทรวงไอซีที โดยพบว่ามีผู้ใช้งานในเวลาเดียวกันสูงสุดถึง 100,000 ราย จึงกระทบต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์กระทรวงไอซีที
"การกระทำดังกล่าว ทางกระทรวงไอซีทีเห็นว่าเป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์ของผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายซิงเกิล เกตเวย์เท่านั้น ทางเราขอยืนยันว่าโครงการดังกล่าวกำลังอยู่ในช่วงศึกษา และจะไม่ไปกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน หรือทำให้การใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านเกตเวย์เดียวช้าลงอย่างแน่นอน ฉะนั้นจึงอยากให้ผู้ที่มาป่วนได้เห็นใจผู้ที่ตั้งใจเข้ามาใช้งานเว็บไซต์กระทรวงและเว็บไซต์ราชการอื่นๆ ด้วย เพราะถ้าท่านไม่อยากให้ใครลิดรอนสิทธิของท่าน ท่านก็ไม่ควรไปละเมิดสิทธิคนอื่นด้วยเช่นกัน" นายอุตตมกล่าว
@ ไม่เอาผิด-ขอสื่อเปลี่ยนชื่อ
นายอุตตม กล่าวว่า ผู้ที่เข้ามาโจมตีเว็บไซต์กระทรวงไอซีทีเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ทางกระทรวงไอซีทีจะไม่เอาผิดและจะไม่ถือว่าเป็นความผิด เนื่องจากเห็นว่าเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์วิธีหนึ่งเท่านั้น แต่หากมีผู้ใช้งานอื่นได้รับความเสียหายจากการใช้งานเว็บไซต์ไม่ได้ในช่วงเวลาดังกล่าว และฟ้องร้องขึ้นมา ทางกระทรวงก็จะเข้าไปตรวจสอบเช่นกัน อย่างไรก็ตามนโยบายซิงเกิล เกตเวย์ ขณะนี้อยู่ในช่วงขั้นตอนของการศึกษาพัฒนาปรับปรุง ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น จะมีการศึกษาพัฒนาและปรับปรุงต่อไปจนกว่าจะได้ข้อสรุปของข้อมูลในส่วนต่างๆ แต่ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าใช้เวลาเท่าใด โดยการศึกษาจะเน้นไปที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอลเป็นหลัก และจะไม่ไปกระทบสิทธิเสรีภาพใครแน่นอน มีแต่จะช่วยปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน
"ตอนนี้ซิงเกิล เกตเวย์ยังไม่มี ฉะนั้นต่อไปนี้อยากขอสื่ออย่าใช้คำว่าซิงเกิล เกตเวย์ในข่าว เพราะเราแค่ศึกษาอยู่เท่านั้น ส่วนจะใช้ชื่ออะไรยังไม่สามารถบอกได้ เพราะเรากำลังศึกษาอยู่เช่นกัน" นายอุตตมกล่าว และว่า นโยบายซิงเกิล เกตเวย์เกิดมาจากการปรารภของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ห่วงใยและต้องการให้เยาวชน เด็กไทย สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในอินเตอร์เน็ต เนื่องจากเวลานี้มีข้อมูลไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชนอยู่มากมาย จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาโครงการดังกล่าว
@ เร่งปรับปรุงระบบสกัดป่วน
นายศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. กล่าวว่า จากการที่ สรอ.เป็นผู้ดูแลการใช้งานเว็บไซต์ของรัฐที่ใช้บริการผ่านระบบคลาวด์ของภาครัฐ ที่ผ่านมาจึงพัฒนาระบบรองรับตามความเป็นจริง เช่น เว็บไซต์กระทรวงไอซีทีมีการใช้งานเฉลี่ย 6,000 รายพร้อมกัน ที่ผ่านมาจึงออกแบบรองรับปริมาณการใช้งานแค่ปริมาณดังกล่าว ขณะนี้ทาง สรอ.อยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบใหม่ให้เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์ที่โดนป่วนเว็บไซต์เช่นนี้อีก ทั้งในส่วนของเว็บไซต์กระทรวงไอซีทีและเว็บไซต์หน่วยงานราชการอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นายอุตตมแถลงข่าว ทาง พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์การแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ บรรยากาศระหว่างการแถลงข่าวเป็นไปด้วยความเคร่งเครียด และมีสื่อมวลชนมาทำข่าวกันอย่างคับคั่ง
@ ยันรบ.ไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยน
ต่อมา พล.ต.สรรเสริญให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า เรื่องซิงเกิล เกตเวย์เป็นเพียงคำปรารภของนายกฯต่อที่ประชุม ครม. โดยเลขาฯ ครม.บันทึกการประชุมว่า เป็นมติ ครม.เพื่อรับทราบในเรื่องนี้ว่าเป็นเพียงการศึกษาเท่านั้น เพื่อจะได้รู้ถึงข้อดีข้อเสีย แต่ปรากฏว่าสื่อกลับนำเสนอข่าวว่าโฆษกรัฐบาลชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่ามีประโยชน์ด้านความมั่นคง ป้องกันเว็บไซต์หมิ่นจากต่างประเทศ แต่ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นการศึกษาไม่ได้จัดทำเป็นโครงการ ดังนั้นจึงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"รัฐบาลเข้ามาก็มีปัญหาเยอะอยู่แล้ว จะไปแกว่งเท้าหาเสี้ยนได้อย่างไร ทุกวันนี้เรามีกฎหมายรองรับเกี่ยวกับโซเชียลอยู่แล้ว ขออย่าไปหลงเชื่อข่าวที่ออกมาจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี ถ้าเข้าใจและเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราอธิบายเป็นเรื่องจริง มันก็หมดคำถาม" พล.ต.สรรเสริญกล่าว
@ ตร.เตือนให้หยุดก่อกวน
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รักษาราชการแทนที่ปรึกษา (สบ 10) กล่าวว่า ยืนยันว่าระบบซิงเกิล เกตเวย์ยังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลของทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง และยืนยันว่าการใช้ระบบซิงเกิล เกตเวย์ จะไม่มีการปิดกั้นเว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์หรือจำกัดสิทธิของประชาชนอย่างแน่นอน เพราะหลักการใช้ระบบซิงเกิล เกตเวย์ เพื่อต้องการคัดกรองข้อมูลที่ส่งผลต่อความมั่นคง โดยเฉพาะการหมิ่นสถาบันผ่านสื่อสังคมออนไลน์
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า เว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่โดนก่อกวน แต่ได้มีการเตรียมพร้อมป้องกันไว้แล้ว ยืนยันว่าตำรวจสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังที่ผู้ก่อกวนได้ และรู้ตัวผู้กระทำ จึงฝากเตือนให้หยุดพฤติกรรมลักษณะดังกล่าว เพราะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แต่ตอนนี้ยังไม่ดำเนินคดีกับใคร
@ กองทัพบกมั่นใจป้องกันเว็บได้
พล.ต.ฤทธี อินทราวุธ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีทางทหาร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ไซเบอร์กองทัพ กล่าวถึงมาตรการการป้องกันเว็บไซต์ของกองทัพบก ภายหลังกลุ่มผู้คัดค้านโครงการซิงเกิล เกตเวย์รุมถล่มเว็บกระทรวง
ไอซีทีและหน่วยงานของรัฐบาลหลายเว็บไซต์ว่า เบื้องต้นได้รายงานให้ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ได้รับทราบแล้ว แต่ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพราะเชื่อมั่นว่ากองทัพบกสามารถรับมือกับปัญหาดังกล่าวได้ เพราะมีเครื่องมือด้านเทคนิคและจัดเจ้าหน้าที่ดูแล 7 วัน ตลอด 24 ชั่วโมง
พล.ต.ฤทธีกล่าวว่า เว็บไซต์ส่วนราชการหลายหน่วยงานที่ถูกโจมตีนั้น ส่วนใหญ่จะโดน DDOS แบบ Volumetric Attack (การโจมตีแบบสร้างช่องทางพร้อมกันในจำนวนมหาศาล) และ fragmentation (การกระจายตัวออกไปในวงกว้าง) ผลจากสืบสวนสอบสวนทั้งนี้ Volumetric Attack เป็นการโจมตีประเภทหนึ่งของ DDOS การโจมตีประเภทนี้จะสร้างการเดินทางจำนวนมหาศาล ส่วนแนวทางการป้องกันการโจมตีแบบนี้คือ Anycast (ระบบการจัดการคำร้องขอข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์) ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับที่ใช้การทำ CDN (content delivery network ระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยศูนย์ข้อมูลจำนวนมากที่เชื่อมต่อด้วยอินเตอร์เน็ต) ทำให้สามารถป้องกันการโจมตีได้
@ กอ.รมน.ไม่พบการก่อกวน
พล.ต.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าเว็บไซต์ http://center.isocthai.go.th/ ของ กอ.รมน. ถูกกลุ่มต่อต้านโครงการซิงเกิล เกตเวย์ เข้ามารุมถล่มจนไม่สามารถใช้งานได้ว่า ได้ตรวจสอบเว็บไซต์ของ กอ.รมน.แล้ว พบว่ายังเข้าใช้งานได้ตามปกติ รวมไปทั้งเครือข่ายของหน่วยงานส่วนกลางด้วย สำหรับมาตรการดูแลระบบเว็บไซต์ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยืนยันว่าไม่มีแจ้งรายงานการก่อกวนหรือการโจมตีทางไซเบอร์
@ เว็บถูกถล่มใช้งานได้ปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีเมื่อค่ำวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา เกิดกระแสในโซเชียลเน็ตเวิร์กต่อต้านซิงเกิล เกตเวย์ โดยมีการแชร์ข้อความจากเฟซบุ๊ก รวมพลเกมเมอร์บุกยึด CAT TOWER คืนจากม็อบ โดยนัดหมายให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเข้าเว็บไซต์กระทรวงไอซีที http://www.mict.go.th/ จากนั้นกดเรียกใหม่ หรือรีเฟรชด้วยปุ่มเอฟ 5 บนคีย์บอร์ดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กระทบต่อความเร็วในการเรียกเปิดใช้งานเว็บไซต์ของกระทรวงไอซีที ทำให้เว็บไซต์กระทรวงไอซีทีไม่สามารถใช้การได้ จากนั้นนัดหมายดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับเว็บไซต์อื่นๆ อาทิ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) http://center.isocthai.go.th/ เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล http://www.thaigov.go.th/ เว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรี http://www.1111.go.th/ เว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ http://www.cattelecom.com/site/th/main.php เว็บไซต์บริษัท กสท โทรคมนาคม http://www.cattelecom.com/site/th/main.php เว็บไซต์กระทรวงการคลัง http://www.mof.go.th/ รวมทั้งเว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ http://www.democrat.or.th/ นั้น ล่าสุดเว็บไซต์ต่างๆ ข้างต้นสามารถกลับมาใช้งานได้เป็นปกติแล้ว
@ เจ้าสัว'ทรู'ชี้ละเมิดสิทธิ
นายศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จุดยืนของสมาคมคือไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ดำเนินโครงการซิงเกิล เกตเวย์ เนื่องจากโครงการดังกล่าวถือเป็นการละเมิดสิทธิการเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต โครงการดังกล่าว จะต้องมาศึกษารายละเอียดก่อนว่าจะมีระดับในการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ มากน้อยเพียงใด โดยหากเป็นแบบประเทศจีนที่ปิดกั้นทุกช่องทาง จะมีหลายฝ่ายออกมาต่อต้านเป็นอย่างมาก เนื่องจากประเทศไทยไม่มีอำนาจเหมือนจีน
"ซิงเกิล เกตเวย์ ถ้าเป็นในเรื่องของความมั่นคง สิ่งที่จะนำไปสู่ความมั่นคงของประเทศก็คงต้องหาวิธีทางอื่นๆ ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นซิงเกิล เกตเวย์ เพราะจะต้องดูในเรื่องของความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการประกอบธุรกิจ หรือบุคคล ทางสมาคมจะมีการหารือกับสมาชิกและประกาศจุดยืนต่อไป" นายศุภชัยกล่าว
@ 'เพื่อไทย'แถลงจุดยืนคัดค้าน
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงไอซีที กล่าวว่า แม้ว่าโครงการซิงเกิล เกตเวย์ จะทำให้ภาครัฐสามารถควบคุมดูแลการใช้อินเตอร์เน็ตของประชาชนได้อย่างเบ็ดเสร็จ สามารถคัดกรองข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และปิดกั้นข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์ให้แก่ประชาชน รวมถึงควบคุมเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม แต่หากโครงการเกิดขึ้นจริง เชื่อได้ว่าจะส่งผลกระทบด้านลบอื่นๆ ตามมา เพราะจากข้อเท็จจริงที่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจำนวนมากได้แสดงความเห็นไว้พบว่า เมื่อเปลี่ยนวิธีการสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศจากหลายช่องทางเป็นช่องทางเดียว ข้อมูลจำนวนมากย่อมไหลเข้าออกในช่องทางเดียว ย่อมส่งผลให้ความเร็วในการให้บริการอินเตอร์เน็ตลดลง และอาจเกิดปัญหาทางเทคนิคหรือเกตเวย์ล่มใช้งานไม่ได้ ความผิดพลาดดังกล่าวอาจส่งผลให้ระบบอินเตอร์เน็ตล่มทั้งประเทศ และอาจจะส่งผลให้ประเทศไทยอาจขาดโอกาสที่จะยกระดับขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจดิจิตอลของอาเซียน
"พท.ในฐานะของพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นและเติบโตมาตามกระบวนการประชาธิปไตยที่เคารพในสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการสื่อสารถึงกัน สิทธิในความเป็นส่วนตัวของพี่น้องประชาชน ที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ ขอแถลงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว เพราะหากปล่อยให้มีการดำเนินการโครงการต่อไป เชื่อว่าจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี" น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
@ 'สมคิด'มั่นใจปีหน้าส่งออกฟื้น
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะเห็นบรรยากาศเศรษฐกิจดีขึ้น หลังจากรัฐบาลออกมาตรการทำให้มีเงินหมุนเวียนลงสู่ระบบเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งออกเริ่มปรับตัวดีขึ้น และการส่งออกจะเริ่มตีกลับขึ้นมาได้ในไตรมาสแรกปี 2559 ตามการฟื้นตัวของตลาดหลักสหรัฐและยุโรป ประกอบกับขณะนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังปรับยุทธศาสตร์ผลักดันการส่งออก หันไปเน้นเจาะตลาดกำลังซื้อสูง เช่น จีนที่มีเมืองใหญ่ กำลังซื้อสูง ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยกว่า 20 เมือง แต่ทูตพาณิชย์ไปประจำอยู่ไม่กี่คน ก็จะปรับกำลังใหม่ ส่งทูตพาณิชย์กระจายลงไปในตลาดจีน เจาะตลาดอย่างเข้มข้นมากขึ้น ขณะที่ตลาดตะวันออกกลางหลายตลาดก็มีศักยภาพ เช่น อิหร่าน ที่จะเริ่มเปิดตลาดตั้งแต่ต้นปีหน้า ทำให้สินค้าไทยสามารถเจาะตลาดอิหร่านได้อีกมาก เช่น ที่เพิ่งเข้าตลาดตะวันออกกลางได้คือ ค่ายรถโตโยต้า จึงทำให้โตโยต้ามั่นใจว่าไตรมาสสุดท้าย จะส่งออกได้ถึง 70,000 คัน
@ ถก'เจซีซี'ดึงญี่ปุ่นมาลงทุน
ต่อมานายสมคิดให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังนายอะกิระ มูราโคชิ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (เจซีซี) และคณะผู้บริหารหอการค้าเข้าพบว่า ได้สรุปให้เจซีซีทราบว่าไทยไม่มีสถานการณ์อะไรที่หนักหนาจนน่าเป็นห่วง และรัฐบาลโดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เข้ามาทำงานประมาณ 1 เดือน ในช่วงแรกได้พยายามให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น พร้อมแจ้งว่าไทยเพิ่มแรงจูงใจในการพัฒนาอุตสาหกรรมแบบกลุ่มคลัสเตอร์ และกระทรวงการคลังกำลังดูแลเรื่องการช่วยการดำเนินธุรกิจในไทยง่ายและสะดวกขึ้นในไม่ช้านี้
นายสมคิด กล่าวว่า ญี่ปุ่นพอใจมาก เนื่องจากญี่ปุ่นลงทุนในไทยมากที่สุดแห่งหนึ่ง สิ่งที่ต้องการให้นักลงทุนญี่ปุ่นมาลงทุนในไทย จะเน้นให้แรงจูงใจในกลุ่มที่สามารถต่อยอดเทคโนโลยีของไทยได้ หรือยกมูลค่าให้สูงขึ้น เช่น กลุ่มเกษตรแปรรูป ปิโตรเคมี และอาหาร ล้วนใช้วัตถุดิบในประเทศทั้งสิ้น แต่ขาดเทคโนโลยีและวิทยาการ จากเดิมขายได้ราคา 10 บาท จะเพิ่มเป็น 100 บาทได้ และต้องการให้นักลงทุนมาลงทุนเลย ไม่ต้องรอดูสถานการณ์ถึงปีหน้า โดยกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อยู่ระหว่างออกมาตรการพิเศษให้นักลงทุนที่ลงทุนเม็ดเงินจริงๆ ในช่วง 6 เดือนคือ ไตรมาส 4/2558 และและไตรมาส 1/2559
@ สนใจรถไฟเชื่อมตะวันออก-ตก
"ผมแจ้งนักลงทุนญี่ปุ่นทราบถึงการลงทุนในซุปเปอร์คลัสเตอร์ ไทยต้องการเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น ซึ่งตรงกับความต้องการของเจซีซีอยากให้รัฐช่วยเหลือ จะพาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ของญี่ปุ่นมาลงทุนในไทย โดยกลุ่มเอสเอ็มอีญี่ปุ่นจะมีเทคโนโลยีสูงมาก ตรงกับไทยต้องการพอดี ปลายพฤศจิกายนหรือต้นธันวาคมนี้ ผมจะเดินทางไปญี่ปุ่น ไม่แค่เป็นการเจรจาการค้า แต่อยากให้เป็นการเจรจาหลายกระทรวงร่วมกัน ระหว่างอุตสาหกรรม การค้า การท่องเที่ยว วิทยาศาสตร์ ให้มีลักษณะเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันทั้งเศรษฐกิจและสังคม จึงเสนอเขาให้ประสานกับทางการญี่ปุ่นด้วย" นายสมคิดกล่าว
นายสมคิดกล่าวว่า ยังได้หารือถึงเส้นทางรถไฟ ซึ่งนักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจมาก โดยเฉพาะเส้นทางตะวันตกเชื่อมตะวันออก หรืออีส-เวสต์คอร์ริดอร์ เส้นทางมาบตาพุด-กรุงเทพฯ-เพชรบุรี-ราชบุรี-กาญจนบุรี ออกไปถึงเมียนมา ระหว่างเส้นทางนี้จะมีโรงงานญี่ปุ่นจำนวนมาก โดยญี่ปุ่นมองว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก จึงได้แจ้งไปยังนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เร่งดำเนินการสำหรับเส้นทางนี้ โดยนักลงทุนญี่ปุ่นสามารถจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการพัฒนาเส้นทางรถไฟได้ โดยการรวมกลุ่มกันตั้งเป็นกลุ่มกิจการร่วมค้า แล้วยื่นข้อเสนอมาทางกระทรวงคมนาคม เจรจากันได้ว่าสนใจจะเข้ามาร่วมเส้นทางช่วงไหนหรือมีวิธีการดำเนินการอย่างไร
@ สรท.คาดทั้งปีติดลบร้อยละ 7
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาที่ติดลบ 6.69% สะท้อนเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว และยังมีแนวโน้มผันผวนสูง เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจจีนที่มีความรุนแรงสูง เศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน สรท.จึงคาดการณ์ว่าการส่งออก 4 เดือนสุดท้ายปีนี้ มูลค่าส่งออกเฉลี่ยจะไม่เกิน 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้การส่งออกเดือนกันยายน 2558 มีแนวโน้มติดลบ 8.6% และทั้งไตรมาส 3/2558 จะติดลบ 6% และเดือนตุลาคมจะติดลบ 9.2% เพราะเทียบ 2 เดือนเดียวกันนี้ของปี 2557 ที่ยอดส่งออกสูง แล้วมาติดลบลดลงในเดือนพฤศจิกายน หรือจะติดลบ 3% และเดือนธันวาคมจะติดลบ 3% ทำให้ทั้งไตรมาส 4/2558 จะติดลบ 5.2% และส่งผลส่งออกปี 2558 ขยายตัวติดลบกว่า 7% จากเดิม สรท.คาดไว้ว่าจะติดลบ 4.2% แต่จะมีการประกาศตัวเลขใหม่เดือนพฤศจิกายนนี้
@ เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง 9 เดือน
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) เดือนกันยายนที่ผ่านมา เท่ากับ 106.28 ลดลง 0.05% จากเดือนสิงหาคม ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 และลดลง 1.07% เทียบกับเดือนกันยายน 2557 ทำให้เฉลี่ย 9 เดือน ลดลง 0.90% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุเงินเฟ้อที่ยังลดลงต่อเนื่องเป็นผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้มลดลง ค่ากระแสไฟฟ้าปรับลดลง และราคาอาหารสด ผักและผลไม้บางชนิดลดลง ทั้งนี้ ยืนยันว่าแม้เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องขณะนี้ ไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะเมื่อหักกลุ่มน้ำมันและอาหารสดออกแล้ว เงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวก ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อไตรมาสสุดท้ายยังเป็นลบ แต่ลบในอัตราลดลง
นายสมเกียรติ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2558 ใหม่อยู่ที่ติดลบ 1.0% ถึงลบ 0.2% บนสมมุติฐานจีดีพีขยายตัว 2.5-3.5% ราคาน้ำมันดิบ (ดูไบ) เฉลี่ย 48-58 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 33-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากเดิมคาดการณ์ไว้บวก 0.6% ถึงบวก 1.3% บนฐานจีดีพีขยายตัว 3-4% น้ำมันดิบ (ดูไบ) เฉลี่ย 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 32-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จึงทำให้เงินเฟ้อไทยกลับมาติดลบอีกครั้งในรอบ 6 ปี นับจากปี 2552 ที่ติดลบ 0.9%
@ ฟิทช์คงเรตติ้งประเทศไทย
นายแอนดรูว์ คูลฮูน หัวหน้ากลุ่มจัดอันดับประเทศภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ฟิทช์ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยปี 2558 เหลือ 2.7% และปี 2559 จะขยายตัวได้ 3.5% ส่วนเศรษฐกิจโลกปี 2558 เติบโต 2.3% และปี 2559 เติบโต 2.7% ทั้งนี้ บรรยากาศทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้กลุ่มประเทศในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงประเทศไทย เจอกับความยากลำบากมากขึ้น
นายพาสันติ์ สิงหะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสถาบันการเงิน กล่าวว่า ฟิทช์ยังคงสถานะความน่าเชื่อถือด้านต่างประเทศในระยะยาวของประเทศไทยไว้ที่ระดับ BBB+ แนวโน้มอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable) เช่นเดิม โดยพิจารณาจากการตั้งสำรองหนี้ระหว่างประเทศ ส่วนประเด็นเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง หรือการกำหนดเลือกตั้งที่ล่าช้าออกไปจากเดิมนั้น ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงไปจากข้อมูลเดิมเมื่อปี 2556