WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8615 ข่าวสดรายวัน


ไขก๊อกปธ.บอร์ดสลาก ราฆพ'ยื่น!
จ่อเด้งอีกชุด-กก.รสก. คสช.ปัดข่าวฮุนเซนโวย ยันหนุนแก้ปมแรงงาน สั่งตามล่าอีก'อั้มเนโกะ'


ถวายในหลวง - ประชาชนและเจ้าหน้าที่ร่วมกันทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 987 รูป บริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กทม. เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.

       'ราฆพ'ลาเก้าอี้ประธานกองสลาก ยันกรณีโยกย้ายไม่เกี่ยวสลากเกินราคา ซูเปอร์บอร์ดเร่งตั้งกก. รัฐวิสาหกิจแทนเก้าอี้ว่าง เผยเล็งปรับบอร์ดรัฐวิสาหกิจล็อตใหญ่ กระทรวงพาณิชย์เร่งจัดทำงบประมาณปี '58 เน้นกระตุ้นส่งออกดึงเงินเข้าประเทศ ลดค่าครองชีพ โฆษก คสช.ปัดข่าวฮุนเซนโวยไทยละเมิดสิทธิแรงงานกัมพูชา ชี้ข่าวคลาดเคลื่อน ยันเขมรหนุนไทยจัดระเบียบแรงงาน เร่งประสานความเข้าใจ กกต.เดินหน้าถกอำนาจตามกฎหมายก่อนลุยงาน ปลัดกลาโหมเชิญประธานกกต.ร่วมถก หาดใหญ่โพลเผยชาวบ้านหนุนบิ๊กตู่นั่งนายกฯ ด้านนิด้าโพลระบุประชาชนไม่กังวลท่าทีสหรัฐ-สหภาพยุโรปต้านรัฐประหาร ลดอันดับปราบปรามค้ามนุษย์ หนุ่มใหญ่ยื่นกระดาษประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐ จี้หยุดแทรกแซงไทย พล.ต.ต.อำนวยชี้ไม่เข้าข่ายความผิด ตร.เล็งประสานฮ่องกงส่งตัวจักรภพ เพ็ญแข เตรียมจับอีกราย'อั้ม เนโกะ'ไม่รายงานตัว

ซูเปอร์บอร์ดเร่งตั้งกก.รสก.

      วันที่ 29 มิ.ย. นายประสงค์ พูนธเนศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เลขานุการคณะกรรมการและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (ซูเปอร์บอร์ด) เปิดเผยว่าคาดว่าภายในสัปดาห์นี้ซูเปอร์บอร์ดจะประชุมนัดแรก ซึ่งจะต้องเร่งหารือการตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจต่างๆ ให้เหมาะสม โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจหลายแห่งที่กรรมการลาออกไปก่อนหน้านี้แต่ยังไม่มีการแต่งตั้งคนแทนเข้าไป นอกจากนี้ จะเสนอให้ซูเปอร์บอร์ดพิจารณาสิทธิประโยชน์ของกรรมการให้เหมาะสมมากขึ้น โดยขณะนี้ สคร.ให้กรรมการแต่ละรัฐวิสาหกิจไปพิจารณาว่ากรรมการแต่ละแห่งควรมีผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง และส่งกลับมาให้ สคร.พิจารณาภายในสัปดาห์นี้ เพื่อสรุปรายงานให้ซูเปอร์บอร์ดพิจารณา

ยันไม่แตะโบนัส 8 เดือน

      นายประสงค์กล่าวว่า ทั้งนี้ซูเปอร์บอร์ดจะไม่พิจารณาปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะเงินโบนัส เพราะมีหลักเกณฑ์การจ่ายที่ชัดเจนอยู่แล้ว โดยการจ่ายเงินโบนัสของรัฐวิสาหกิจนอกตลาดหลักทรัพย์ขึ้นอยู่กับการประเมินผลงานแต่ละปีซึ่งไม่เกิน 8 เดือน แต่รัฐวิสาหกิจ ที่ไม่มีกำไรจะไม่สามารถจ่ายเงินโบนัสพนักงานได้ ขณะที่รัฐวิสาหกิจในตลาดหลัก ทรัพย์ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการ โดยจะพิจารณาผลการดำเนิน ของรัฐวิสาหกิจเป็นตัวกำหนดในการจ่ายเงินโบนัสเป็นสำคัญ

      ผู้อำนวยการ สคร.กล่าวต่อว่า การพิจารณาโครงการของรัฐวิสาหกิจที่มูลค่าเกิน 100 ล้านบาทขณะนี้มี 20 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นโครงการของโรงงานยาสูบและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ สคร.ที่ดูแลรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งพิจารณารายละเอียด ยังไม่สามารถบอกได้ว่าโครงการดังกล่าวมีความเหมาะสมและดำเนินการลงทุนถูกต้องหรือไม่

เล็งปรับบอร์ดรสก.ล็อตใหญ่

      รายงานข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสำคัญๆ อีกหลายแห่ง เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เนื่องจากมีคนใกล้ชิดฝ่ายการเมืองเก่าอยู่จำนวนมากและยังไม่ยอมลาอออก นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจบางแห่งจะเปลี่ยนทั้งชุดเพื่อความรวดเร็ว ไม่เปลี่ยนทีละคนสองคนเหมือนที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ สคร. และนายประสงค์ทำเรื่องนี้ต่อเนื่องถึงดึกเป็นเวลาหลายสัปดาห์ การดำเนินการดังกล่าวถูกเก็บเป็นความลับ ที่ผ่านมา มีการปรับคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในเป้าหมายของ คสช.ไปหลายแห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย การบินไทย ปตท. และการท่าอากาศยานไทย 

ราฆพไขก๊อกประธานกองสลาก

      รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเผยด้วยว่า นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล แจ้งออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการสลากฯ กับนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลังแล้ว คาดว่าจะมีผลภายในสัปดาห์นี้ ทำให้ระหว่างนี้ตำแหน่งดังกล่าวต้องกลับมาอยู่ในความรับผิดชอบของปลัดกระทรวงการคลัง แต่ที่ผ่านมานายรังสรรค์เป็นประธานและกรรมการในรัฐวิสาหกิจครบทั้ง 3 แห่ง ส่งผลให้ตำแหน่งดังกล่าวจะต้องมอบหมายให้บุคคลอื่นรับผิดชอบแทน คาดว่าในเร็วๆ นี้จะมีการหารือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อกำหนดบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาดูแลและเดินหน้านโยบายการขายสลากไม่ให้เกินราคา

      ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นนายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร หรือพล.ท. อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เพื่อเข้ามาดูแลการแก้ปัญหาสลากแพง แต่มองว่าสำนักงานสลากฯ อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง ควรจะเป็นคนของกระทรวงเข้าไปควบคุมสำนักงานสลากฯ จะเหมาะสมกว่า

ยันไม่เกี่ยวปมสลากเกินราคา

     นายราฆพ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตนได้แจ้งออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการ สลากฯ กับปลัดกระทรวงการคลังซึ่งรับทราบแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีบุคคลที่เหมาะสมมารับหน้าที่ประธานคณะกรรมการ สลากฯ แทน เพื่อสนองนโยบายกระทรวงการคลัง โดยมองว่าบุคคลที่จะมารับตำแหน่งดังกล่าวจะต้องมีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ เพื่อเข้ามาพัฒนาสำนักงานสลากฯ ได้เต็มที่ ขณะที่การโยกย้ายจากอธิบดีกรมศุลกากรมาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังนั้นไม่ได้หนักใจหรือกดดันแต่อย่างใด รวมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาสลากขายเกินราคาอย่างแน่นอน เพราะปัญหาดังกล่าว สำนักสลากฯ พร้อมทำตามนโยบาย คสช. ตนพร้อมทำงานทุกตำแหน่ง การมารับหน้าที่ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังนั้นก็พร้อมทำงานเต็มที่

สมชัยเริ่มงานอธิบดีกรมศุลกากร

     จากกรณีที่ คสช. มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงการคลัง โดยให้นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มาเป็นอธิบดีกรมศุลกากร แทนนายราฆพ ศรีศุภอรรถ ซึ่งถูกโยกมาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังนั้น นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ จะเข้าทำงานตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร ถือเป็นการกลับไปรับตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากรอีกครั้ง จึงไม่หนักใจในการทำงาน งานแรกที่จะเข้าไปดำเนินการคือการจัดเก็บรายได้ปี 2557 ของกรมศุลกากรให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 131,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดรายได้ภาษีในช่วง 7 เดือนของปีงบประมาณ 2557 จัดเก็บรายได้รวม 62,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 14,500 ล้านบาท สาเหตุที่รายได้ต่ำกว่า เป้าหมายเนื่องจากการนำเข้าลดลง และที่ผ่านมาเอกชนขาดความเชื่อมั่นด้านการลงทุน หากในอนาคตความเชื่อมั่นเริ่มดีขึ้น รัฐบาลมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งต้องนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ จะทำให้ยอดภาษีศุลกากรสูงขึ้น

พาณิชย์เร่งจัดทำงบฯปี 58

      ที่กระทรวงพาณิชย์ นายบุญฤทธิ์ กัลยาณมิตร ผู้ตรวจราชการ ในฐานะโฆษกประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เรียกหน่วยงานสังกัดกระทรวงพาณิชย์ทั้งหมดเข้าประชุมเพื่อหารือการจัดทำงบประมาณ 2558 เป็นวาระเร่งด่วน ภายหลังเข้ารับตำแหน่งใหม่แทนนางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ซึ่ง คสช. มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภารกิจจัดทำงบประมาณถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่มีกรอบเวลากำหนดชัดเจนไว้ต้องเสนอสำนักงบประมาณต่อไป จากกรอบเวลากำหนดที่ คสช.ให้ส่งงบประมาณปี 2558 ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แต่กระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ คสช.กำหนดให้ จึงขอยืดหยุ่นระยะเวลาออกไปและคาดว่าสัปดาห์นี้จะสรุปตัวเลขงบประมาณที่แน่ชัดและส่งให้ได้

เน้นกระตุ้นส่งออก-ลดค่าครองชีพ

      นายบุญฤทธิ์กล่าวต่อว่ากรอบงบประมาณปี 2558 ที่เป็นตัวเลขชัดเจนยังไม่มีออกมา งบประมาณที่กระทรวงพาณิชย์จัดทำ เป็นไปตามนโยบายของคสช. เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ กระตุ้นการส่งออกสินค้าที่จะต้องดึงเงินตราเข้าสู่ประเทศ กรณีที่ คสช.ให้ชะลองบประมาณที่ใช้ไปแล้วนั้นไม่เกิดผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจมากนัก เช่น งบประมาณสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ งบประมาณก่อสร้างอาคาร ปรับปรุงและตบแต่งอาคาร โดยให้เน้นกิจกรรมที่จับต้องได้ให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

      นายบุญฤทธิ์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จัดทำงบประมาณภายใต้การดำเนินงาน 2 เรื่องหลัก คือ 1.การลดค่าครองชีพให้ประชาชน 2.การช่วยเหลือรัฐวิสาหกิจ ลูกค้าเอสเอ็มอี อาทิ จัดกิจกรรมเพื่อดูแลผู้ประกอบการสินค้าโอท็อป รวมถึงการจัดแสดงสินค้าเพื่อกระตุ้นการบริโภค

ตร.ประสานฮ่องกงส่งตัวจักรภพ

      พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่ศาลทหารออกหมายจับนายจักรภพ เพ็ญแข กับพวกรวม 8 คนว่า สืบเนื่องจากการที่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจจับกุมอาวุธสงครามได้จำนวนมาก และ จากการขยายผลสืบสวนสอบสวนมีการพาดพิงถึงนายจักรภพ ว่ามีส่วนรู้เห็นและเชื่อมโยงกับอาวุธดังกล่าวกว่า 10 คดี จึงนำไปสู่การออกหมายจับ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลต่อไป หากพาดพิงถึงใครเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนขอหมายจับต่อไป ล่าสุดทราบว่าขณะนี้นายจักรภพอยู่ที่ฮ่องกง หลังจากนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะประสานงานไปยังอัยการสูงสุดและกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอตัว นายจักรภพเป็นผู้ร้ายข้ามแดนต่อไปในสัปดาห์หน้า

เร่งตามจับอีกราย"อั้ม เนโกะ"

       พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่าขณะนี้มอบหมายให้พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผบ.ตร. รักษาราชการแทนผบช.น. และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.ศ.ช่วยราชการ บช.น. เร่งติดตามผู้ที่ขัดขืนไม่รายงานตัวตามคำสั่งคสช. หนึ่งในนั้นมีนายศรัณย์ ฉุยฉาย หรืออั้ม เนโกะ โดยจะจัดตั้งชุดพิเศษเพื่อดำเนินการจับกุมบุคคลดังกล่าว ส่วนกรณีนายศรัณย์ยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่นั้นกำลังในเจ้าหน้าที่ติดตามว่าเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ใด โดยเช็กผ่านไลน์และเฟซบุ๊กที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่

มั่นใจไร้ขอนแก่นโมเดล

      ด้านพล.ต.ประวิทย์ หูแก้ว เสนาธิการ กกล.รส. กองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่าในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องขอนแก่นโมเดล เป็น สิ่งที่แสดงให้เห็นว่ามีขบวนการต่อต้านและเตรียมการทำร้ายประชาชน แต่เป็นเพียงการเริ่มต้น ปัจจุบันนี้ทาง คสช. มีโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในทุกพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจตั้งแต่แกนนำและประชาชนทุกภาคส่วน ได้รับผลตอบรับอย่างดีและมั่นใจว่าประเทศไทยจะปราศจากขอนแก่นโมเดล จากภาพรวมสถานการณ์ใน 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประชาชนให้ความร่วมมือและพร้อมไปสู่ขั้นสภาปฏิรูป ส่วนกรณีที่นายจักรภพจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขอนแก่นโมเดลหรือไม่นั้นกำลังดำเนินการอยู่ เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหา 20 คนที่อยู่ในกระบวนการยังเชื่อมโยงไปไม่ถึง

หาดใหญ่โพลเผยหนุนบิ๊กตู่นายกฯ

      ผศ.ดร.กอแก้ว จันทร์กิ่งทอง รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา มหา วิทยาลัยหาดใหญ่ เผยผลสำรวจหาดใหญ่โพลพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.63 เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ รองลงมา ร้อยละ 10.51 นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี

     ทั้งนี้ ประชาชนคาดหวังให้แก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นในการปฏิรูปประเทศไทยมากที่สุด ร้อยละ 56.25 รองลงมาร้อยละ 48 ระบุปฏิรูปนักการเมือง ร้อยละ 32.75 ปฏิรูปการศึกษา ร้อยละ 30.25 ปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร้อยละ 25.75 ปฏิรูปโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ และร้อยละ 17.75 ปฏิรูปหนี้สินและความยากจนของเกษตรกร 

       ในประเด็นการปฏิรูปประเทศ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 96.68 ต้องการให้ปฏิรูปกระบวนการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ซื้อเสียง รองลงมาร้อยละ 96.16 กำหนดบทลงโทษการคอร์รัปชั่นที่รุนแรง ร้อยละ 94.62 มีบทลงโทษขั้นเด็ดขาดสำหรับผู้ซื้อสิทธิ์ขายเสียง ร้อยละ 94.04 สร้างโอกาสในการศึกษาของเยาวชนอย่างเท่าเทียม ร้อยละ 93.09 ให้สิทธิ์ประชาชนฟ้องคดีทุจริตคอร์รัปชั่น และร้อยละ 91.19 การลงทุนระบบชลประทานเพื่อให้ทุกชุมชนเข้าถึงแหล่งน้ำ

แนะลดราคาน้ำมันคืนสุขคนไทย

      ผลสำรวจระบุด้วยว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 78.75 คาดหวังให้ คสช.คืนความสุขให้คนไทย ด้วยการการลดราคาก๊าซและน้ำมันอย่างเป็นธรรม รองลงมา ร้อยละ 74.5 แก้ปัญหาค่าครองชีพแพง และร้อยละ 54.50 ลดราคาค่าไฟฟ้า ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 72.87 เห็นว่าการขึ้นราคาพลังงานและค่าไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพมาก นอกจากนี้ร้อยละ 49.60 เห็นว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชน ร้อยละ 34.67 ระบุเป็นปัจจัยเกี่ยวกับโครงสร้างราคาน้ำมันที่ไม่เป็นธรรม และร้อยละ 15.73 อัตราการเก็บภาษีต่างๆ

นิด้าโพลเผยคนไม่กังวลท่าทีสหรัฐ

     ด้าน'นิด้าโพล' สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง "ความกังวลใจของประชาชนต่อท่าทีของนานาชาติกับการทำรัฐประหารในประเทศไทย" ระหว่างวันที่ 25-26 มิ.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 1,251 หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามถึงความกังวลใจต่อท่าทีสหรัฐอเมริกาในการตอบโต้การทำรัฐประหารในประเทศ ไทยด้วยการระงับความช่วยเหลือทางด้านความมั่นคงและทางทหาร ร้อยละ 55.96 ระบุว่าไม่กังวลใจเลย รองลงมา ร้อยละ 18.78 ค่อนข้างกังวลใจ ร้อยละ 16.47 ไม่ค่อยกังวลใจ มีเพียงร้อยละ 8.55 ที่กังวลใจมาก และร้อยละ 0.24 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

      เมื่อถามถึงความกังวลใจต่อท่าทีของสหภาพยุโรปในการตอบโต้การทำรัฐประหารในประเทศไทยด้วยการระงับการลงนามข้อตกลงระหว่างประเทศ และระงับการมาเยือนไทยของเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป ร้อยละ 51.24 ระบุว่าไม่กังวลใจเลย รองลงมา ร้อยละ 21.74 ค่อนข้างกังวลใจ ร้อยละ 15.75 ไม่ค่อยกังวลใจ มีเพียงร้อยละ 10.95 ที่ระบุว่ากังวลใจมาก และร้อยละ 0.32 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

ชี้'อาเซียน-จีน'คือ มิตรประเทศ

     ด้านความกังวลใจต่อการที่สหรัฐปรับลดอันดับประเทศไทยสู่ระดับต่ำสุดในรายงานการค้ามนุษย์ 2014 ร้อยละ 38.93 ระบุว่า ไม่กังวลใจเลย รองลงมา ร้อยละ 27.10 ค่อนข้างกังวลใจ ร้อยละ 19.90 กังวลใจมาก ร้อยละ 13.19 ไม่ค่อยกังวลใจ และร้อยละ 0.88 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ เมื่อถามถึงประเทศหรือกลุ่มประเทศที่น่าไว้วางใจและเป็นมิตรกับประเทศไทยมากที่สุด ร้อยละ 41.09 ระบุว่ากลุ่มประเทศอาเซียน รองลงมา ร้อยละ 32.69 ระบุว่าจีน ร้อยละ 11.91 ญี่ปุ่น ร้อยละ 3.12 สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 1.84 ออสเตรเลีย ร้อยละ 1.20 กลุ่มสหภาพยุโรป ร้อยละ 0.72 ระบุประเทศอื่นๆ ร้อยละ 1.12 ระบุว่าไม่มีประเทศใดเลยที่น่าไว้วางใจ ร้อยละ 6.31 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

หนุ่มใหญ่ยื่นกระดาษประท้วงมะกัน

     วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศ ไทย ถ.วิทยุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในและนอกเครื่องแบบรวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานทูตเฝ้ารักษาการณ์จำนวนมาก โดยมีพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. คอยดูแลและควบคุมสถานการณ์ หลังมีข่าวกลุ่มมวลชนนัดมารวมตัวกันเพื่อจะขอเข้าไปปลดธงชาติสหรัฐอเมริกา เนื่องจากไม่พอใจกรณีที่สหรัฐเข้ามายุ่งเกี่ยวกับประเทศไทยมากเกินไป

     กระทั่งเวลา 14.15 น. ปรากฏหนุ่มใหญ่แจ้งชื่อว่า ดร.เทพ เวชวิสิฐ์ ขับขี่จักรยานยนต์มายื่นกระดาษให้เจ้าหน้าที่สถานทูต 2 แผ่น แผ่นแรกเป็นรูปอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน แผ่นที่ 2 เป็นรูปล้อเลียนอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน พร้อมกล่าวกับเจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวว่า "อเมริกา คุณอย่ามายุ่งกับเมืองไทยมากเกินไป พวกเราอยู่กันมาหลายปีก็ไม่มีอะไร เมื่อคนไทยทะเลาะกันและจะฆ่ากันตาย ทหารก็ออกมารักษาความสงบ เพื่อไม่ให้คนไทยฆ่ากัน อย่ามายุ่งกับเมืองไทยให้มากเกินไป ดูสิที่ไปยุ่งกับอิรัก ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ขอร้องเถอะ อย่ามายุ่งกับเมืองไทยให้มากเลย" ใช้เวลานาน 10 นาทีก่อนเดินทางกลับ

อำนวยชี้ไม่เข้าข่ายความผิด

       พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า หลังจากมีข่าวกลุ่มความเคลื่อนไหวได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและดูแลความปลอดภัย ต่อมามีดร.เทพเข้ามายื่นกระดาษ 2 แผ่นดังกล่าวก่อนเดินทางกลับโดยไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายใดๆ เป็นเพียงการแสดงท่าทีไม่พอใจต่อกรณีเข้ามาแทรกแซงการดำเนินกิจการภายในประเทศของไทย และเรียกร้องให้สหรัฐยุติพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งพฤติกรรรมของชายคนนี้ไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดทางกฎหมายที่ห้ามชุมนุมทางการเมือง เนื่องจากเป็นเพียงการแสดงออกถึงความไม่พอใจเท่านั้น และ เชื่อว่าการชุมนุมทางการเมืองจะลดลงอย่างต่อเนื่อง

วินธัยปัดข่าวฮุนเซนโวยไทย

      พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อไทยอ้างการรายงานข่าวของพนมเปญโพสต์ถึงการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีฮุนเซนแห่งกัมพูชา วิจารณ์การทำงานของทางการไทยเรื่องแรงงานละเมิดสิทธิแรงงานชาวกัมพูชาว่า จากการตรวจสอบทุกช่องทางแล้วเป็นการรายงานที่คลาดเคลื่อน เพราะในข้อเท็จจริงกัมพูชาเห็นด้วยและสนับสนุนแนวทางการจัดระเบียบของไทยซึ่งจะเป็นผลดีในภาพรวม อย่างไรก็ตามจากการประสานกับทางกัมพูชาสำหรับข่าวที่คลาดเคลื่อนดังกล่าวทางกัมพูชาจะให้โฆษกรัฐบาลชี้แจงอย่างเป็นทางการโดยเร็ว เพื่อให้สังคมเข้าใจได้อย่างถูกต้อง

บัวแก้วแจงสุนทรพจน์ฮุนเซน

     นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเกี่ยวกับการจัดการปัญหาแรงงาน ของคสช. ว่า เป็นข่าวที่คลาดเคลื่อน นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชามิได้เชิญเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชาไปร่วมประชุมเพื่อปรึกษาหารือในเรื่องดังกล่าวเป็นการเฉพาะ แต่มีการกล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในงานวันต่อต้านยาเสพติดโลก ที่เกาะเพชร กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.

     นายเสข กล่าวว่า ส่วนที่มีการระบุว่าการส่งแรงงานกลับของทางการไทยโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทำให้เกิดความผิดพลาดและเป็นการละเมิดสิทธิแรงงานในการขนส่งแรงงานกัมพูชากลับในช่วงแรกนั้น การเดินทางกลับของแรงงานกัมพูชาเกิดจากความตื่นตระหนกต่อข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงว่าทางการไทยจะกวาดล้างจับกุม และความตื่นกลัวความผิดของนายจ้างที่จ้างแรงงานผิดกฎหมายไว้ จึงขนส่งแรงงานไปปล่อยตามเส้นทางกลับ ทางการไทยเพียงแต่บังคับใช้กฎหมายตามปกติโดยไม่ได้มีการ กวาดล้างจับกุมแรงงานผิดกฎหมายแต่อย่างใด หรือเพ่งเล็งแรงงานสัญชาติหนึ่งสัญชาติใดเป็นพิเศษ ขณะที่แรงงานกัมพูชาจำนวนมากได้ไปมอบตัวกับทางการไทย ซึ่งได้จัดยานพาหนะอำนวยความสะดวกไปส่งแรงงานที่จุดผ่านแดนถาวรต่างๆ โดยมิได้เปรียบเทียบปรับหรือดำเนินคดีในข้อหาเป็นแรงงานผิดกฎหมายแต่อย่างใด และเป็นการปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมทุกประการ 

ยกหนังสือบิ๊กตู่ย้ำสิทธิแรงงาน

     โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้น ทางการไทยพร้อมสอบสวนให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและดำเนินการกับผู้กระทำความผิด โดยกระทรวงการต่างประเทศประสานสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ขอให้ดำเนินการส่งรายชื่อและข้อมูลของแรงงานดังกล่าวแล้ว

     นายเสข กล่าวด้วยว่าระหว่างกล่าวถ้อย แถลงนายกรัฐมนตรีกัมพูชายังได้อ่านข้อความส่วนหนึ่งของหนังสือที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. มีถึงนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่าประเทศไทยไม่มีจุดประสงค์ในการใช้กำลังหรือออกกฎระเบียบขับไล่แรงงานต่างด้าวออกจากประเทศไทย และนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้แสดงการสนับสนุนการดำเนินการของ คสช. ที่จะออกมาตรการเพื่อรับรองสิทธิและสุขภาพของแรงงานต่างด้าวจะได้รับการคุ้มครองในประเทศไทย ทั้งนี้ คสช. กำลังจะดำเนินการทำให้แรงงานผิดกฎหมายเป็นแรงงานถูกกฎหมาย จึงต้องใช้โอกาสนี้เพื่อให้แรงงานที่ประสงค์ไปหางานทำในประเทศไทยเป็นแรงงานถูกกฎหมาย

ส่งสีหศักดิ์ถกฮุนเซน-ฮอร์นัมฮง

      นายเสข กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 1-2 ก.ค.นี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติราชการแทนรมว.ต่างประเทศมีกำหนดเดินทางเยือนกัมพูชา โดยจะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีกัมพูชา รวมถึงนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในโอกาสดังกล่าวจะหารือความร่วมมือการดูแลแรงงานเพิ่มเติมด้วย ยืนยันว่าไทยและกัมพูชามีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดนับตั้งแต่เริ่มมีข่าวลือเผยแพร่ในช่วงต้นเดือนมิ.ย. โดยเป็นการติดต่อและหารือระหว่าง คสช. นำโดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด เสนาธิการทหาร และเจ้ากรมยุทธการทหาร กับกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ที่เป็นจุดประสานงานหลัก ทั้งยังประสานใกล้ชิดกับเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ที่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและพบหารือกันในทุกระดับหลายครั้ง เพื่อแก้ปัญหาจนสามารถบรรเทาสถานการณ์ลดความตื่นตระหนกในหมู่แรงงานลงได้แทบทั้งหมดในขณะนี้ 

ย้ำความสำคัญแรงงานเพื่อนบ้าน

      นายเสข ย้ำว่าประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญของแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งกัมพูชาที่เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของไทย ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างไทย - กัมพูชาและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ฉะนั้นหน่วยงานไทยพร้อมจะดูแลและให้ความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของแรงงานต่างด้าวอย่างเต็มที่ตามกฎหมายของไทย ในการนี้ขอให้แรงงานและหน่วยงานของกัมพูชา รวมทั้งนายจ้างและหน่วยงานของไทยร่วมกันอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการส่งออกและนำเข้าแรงงานถูกกฎหมายให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพให้มากที่สุดต่อไป

กกต.เร่งถกกฎหมายก่อนลุยงาน

      นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่าในการประชุมกกต. วันที่ 3 ก.ค.นี้ ที่ประชุม กกต.จะหารือประเด็นการแก้ไขกฎหมาย ระเบียบประกาศที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ของกกต. หลังจากที่ก่อนหน้านี้กกต.มอบหมายให้รองเลขาธิการกกต.แต่ละด้านไปศึกษาประเด็นการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของกกต. อาทิ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และ การได้มาซึ่งส.ว. พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ว่ามีข้อดี ข้อเสีย จุดบกพร่องหรือควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร และอยากให้เพิ่มเติมประเด็นใดลงไป เพื่อให้การทำงานของกกต.มีประสิทธิภาพ ประสบความสำเร็จและเข้มแข็งยิ่งขึ้น น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนมากขึ้น

      "ประเด็นใหญ่คือการเตรียมพร้อมเรื่องการแก้ไขกฎหมาย เพราะถ้าไม่มีกฎหมาย กกต.ก็จะทำงานไม่ได้ ขณะนี้กกต.พยายามเตรียมความพร้อมทุกอย่างไว้ หากประเทศชาติ บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ประชาชนสามัคคีปรองปรอง เกิดการปฏิรูปประเทศตามโรดแม็ปและแนวทางที่คสช.กำหนดไว้เมื่อใด กกต.จะเดินหน้าไปตามขั้นตอนทันที" เลขาธิการ กกต.กล่าว 

ปลัดกลาโหมนัดถกปธ.กกต.

    รายงานข่าวจากสำนักงาน กกต.แจ้งว่า ในวันที่ 30 มิ.ย. พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เชิญนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. และคณะไปปรึกษาหารือเกี่ยวกับแนวทางการปฏิรูปกฎหมายที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ กกต. ที่กระทรวงกลาโหม ไม่ว่าจะเป็นพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ว่ามีแนวทางอย่างไร 

เรืองไกรแนะปปช.ส่งใบรับเรื่อง

      นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าอยากเสนอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งใบรับเรื่องมาให้ ผู้ร้องเรียน หลังจากผู้ร้องส่งเรื่องร้องเรียนไปทางไปรษณีย์ เพราะใบรับเรื่องจะบอกข้อมูลเรื่องที่เราส่งว่าอยู่ในเลขที่เท่าไร เพื่อผู้ร้องจะได้ติดต่อสอบถามความคืบหน้าของเรื่องที่ร้องไปได้ ซึ่งป.ป.ช.ไม่เคยส่งใบรับเรื่องมาให้ ไม่เหมือนผู้ตรวจการแผ่นดิน เวลาที่ตนส่งไปรษณีย์เขาจะส่งใบรับเรื่องกลับมา จึงอยากให้ป.ป.ช. ปรับปรุงเรื่องดังกล่าวด้วย บางครั้ง ป.ป.ช.จะแจ้งเป็นหนังสือตอบกลับมาว่าเรื่องที่ร้องไปยกคำร้องไปแล้ว ตนก็แปลกใจเพราะ ป.ป.ช.ไม่เคยเรียกตนไปสอบหรือให้ข้อมูล แต่กลับยกคำร้องโดยไม่ทราบเหตุผล เหมือน ป.ป.ช.คิดเองทำเอง จากนั้นก็ยกคำร้องไป หรือบางเรื่องก็เงียบหายไป อาทิ กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ร้องให้ตรวจสอบการแสดงบัญชีทรัพย์สินการกู้เงินจากธนาคารอิสลาม และกู้เงินจากบริษัทศรีสุบรรณฟาร์มมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท แต่ไม่ปรากฏคู่บัญชีการกู้เงินที่ควรมีทางด้านเดบิตประเภทบัญชีทรัพย์สิน หรือกรณีการเขียนหนังสือของนายวิชา มหาคุณ โฆษกและกรรมการ ป.ป.ช.ก็เงียบไป ไม่มีการตอบรับว่าเป็นอย่างไร และไม่ทราบว่ามาตรฐานการทำงานของ ป.ป.ช. เป็นอย่างไร

มท.เร่งปราบยาเสพติดทุกพื้นที่

     นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่าตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่ง คสช. ที่ 41/2557 ลงวันที่ 31 พ.ค. เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด เพื่อให้การปราบปรามยาเสพติดเป็นไปอย่างมีประสิทธิ ภาพ ลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคม โดยมอบหมายให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดของทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ปราบปราม จับกุมผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้นำเข้าและส่งออกรวมทั้งผู้สมคบและสนับสนุนช่วยเหลือการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้ได้ผลอย่างจริงจังในทุกพื้นที่ กระทรวงมหาดไทยจึงกำหนดมาตรการเร่งรัดปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดโดยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ดำเนินการปราบปราม ยาเสพติดในทุกพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชนอย่างจริงจัง จัดชุดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น โดยสนธิกำลังทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อส. ลงพื้นที่ปราบปรามและจับกุมผู้กระทำผิดคดียาเสพติด การหาข่าว การใช้มาตรการยึดทรัพย์สินกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างเข้มข้น ควบคุมตรวจสอบจัดระเบียบสังคม สถานบริการ สถานประกอบการหอพัก ร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต โต๊ะสนุ้กเกอร์ โรงงาน สถานประกอบการอื่นให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ให้ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดกฎหมายทั้งเรื่องยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายที่อื่น

จัดชุดเฉพาะกิจเคลื่อนที่เร็ว

      นายวิบูลย์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชนเป้าหมายที่มีปัญหายาเสพติด จำนวน 3,250 หมู่บ้าน ซึ่งเป็นหมู่บ้านแพร่ระบาดรุนแรงให้จังหวัดจัดทำแผนดำเนินงานในหมู่บ้าน/ชุมชน และจัดชุดปฏิบัติการลงพื้นที่เพื่อปิดล้อม ตรวจค้นพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน เป้าหมาย โดยให้ดำเนินมาตรการเร่งรัดปราบปรามช่วงเร่งด่วน 30 วัน (9 มิ.ย. - 8 ก.ค.) เพื่อปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดอย่างเด็ดขาด รวมทั้งจัดตั้งชุดเฉพาะกิจผสม (พลเรือน ทหาร ตำรวจ) อำเภอละ 1 ชุด จังหวัดละ 2 ชุด สำหรับเคลื่อนที่เร็วไว้ช่วยเหลือหน่วยงานปกติที่มีหน้าที่ปราบปราม

จี้คสช.ปฏิรูป'กิจการสลากฯ'

     เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. นายธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงกรณีสำนักงานสลากฯ ยอมรับว่าการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา 80 บาท ไม่สามารถทำได้ภายในงวดวันที่ 1 ก.ค.นี้ว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบหมายให้พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้ามาแก้ไขปัญหาสลากแพง ถือเป็นเรื่องดี แต่คสช.ไม่ควรฟังข้อมูลจากสำนักงานสลากฯ เพียงฝ่ายเดียว เพราะสิ่งที่สำนักงานสลากฯ ท่องเป็นคาถาประจำตัวคือปัญหาสลากแพงจะแก้ได้โดยการออกหวยออนไลน์หรือการพิมพ์สลากเพิ่ม ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด แท้จริงแล้วเกิดจากปัญหาโควตาการขายสลากที่ไม่เป็นธรรม กระจุกตัวอยู่ที่ผู้ค้ารายใหญ่ไม่กี่ราย ไม่กระจายไปสู่ผู้ค้ารายย่อยอย่างแท้จริง ทำให้เกิดการบวกราคาเพิ่มเป็นทอดๆ

      "การออกมายอมรับว่าสลากงวดวันที่ 1 ก.ค. ไม่สามารถทำอะไรได้ ต้องรองวดหน้า และล่าสุดที่บอกว่าจะทำให้ราคาสลากอยู่ที่ 80 บาท ได้เพียงที่จุดซื้อขายหน้ากองสลากเท่านั้น ทำให้ผู้ค้ารายย่อยที่ไม่มีโควตาต้องมาซื้อสลากไปขายต่อในราคาที่แพงอยู่เหมือนเดิม เท่ากับไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย ไม่เข้าใจว่าทำไมกองสลากไม่กล้าแตะที่โควตาการขายสลาก ให้สลากกระจายไปถึงมือผู้ค้ารายย่อยเป็นส่วนใหญ่โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง" นายธนากรกล่าว และว่าขอเรียกร้องไปยังบอร์ดสำนักงานสลากฯ ให้ลาออกทั้งคณะเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และเปิดทางให้ คสช.ปฏิรูปกิจการสลากทั้งระบบ

วอนซื้อรถเมล์ชานต่ำเพื่อผู้พิการ

       เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. นายธีรยุทธ สุคนธวิท เลขานุการเครือข่ายรถเมล์เพื่อประชาชนที่ทุกคนขึ้นได้ ซึ่งการรณรงค์ผ่าน www.change.org/bus4all ให้กระทรวงคมนาคมจัดซื้อรถเมล์ชานต่ำ โดยมีประชาชนทั่วประเทศร่วมลงชื่อกว่า 2.6 หมื่นคน กล่าวว่า ในวันที่ 30 มิ.ย. เวลา 10.00 น. ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ซ.ราชวิถี 7 เครือข่ายรถเมล์ฯ จะแถลงข่าวเรื่อง "ฟื้นฟูกิจการรถเมล์ : จัดซื้อรถเมล์ที่ทุกคนขึ้นได้" ด้วยการล้มร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) การจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีของกระทรวงคมนาคม เนื่องจากทีโออาร์ดังกล่าวส่อไปในทางทุจริตเหมือนมีการล็อกสเป๊ก เพราะหลังจากที่องค์การขนส่งมวลชน (ขสมก.) แก้ทีโออาร์ถึง 10 ครั้ง แต่สุดท้ายก็ย้อนกลับไปที่ฉบับแรกที่อนุมัติให้จัดซื้อรถเมล์จำนวน 3,183 คัน แบ่งเป็นรถปรับอากาศซึ่งเป็นเมล์ชานต่ำ 1,524 คัน ส่วนรถร้อน 1,659 คัน ยังเป็นรถชานสูงที่มีเสากั้น ซึ่ง ผู้พิการและบุคคลที่ใช้รถเข็นไม่สามารถใช้ได้ โดยขสมก.เสนอให้ติดลิฟต์ ซึ่งจะทำให้ผู้พิการที่ใช้รถเข็นตกเป็นจำเลยของสังคม เพราะรถติดลิฟต์ใช้เวลาเข้าออกเกือบ 3 นาที ขณะที่รถเมล์ชานต่ำใช้เวลาแค่ 20 วินาทีเท่านั้น

      "ขอคัดค้านรถเมล์ติดลิฟต์ และขอให้กระทรวงคมนาคมจัดซื้อรถเมล์ชานต่ำแทน เพื่อเป็นรถเมล์ที่ทุกคนใช้ร่วมกันได้ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการ คนป่วย คนชรา หญิงตั้งครรภ์ ภาษีของคนไทยที่ต้องจัดซื้อรถเมล์โครงการนี้จำนวนหลายหมื่นล้านบาท ควรเป็นประโยชน์ต่อคนทุกคน" นายธีรยุทธกล่าว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!