- Details
- Category: การเมือง
- Published: Tuesday, 29 September 2015 14:36
- Hits: 4568
ทั้ง'วิษณุ'คัด-ผู้ใหญ่ชง สรุป 40 ชื่อ ส่งบิ๊กตู่เคาะ 21 อรหันต์ นายกโชว์อีก 2 เวทียูเอ็น กองเชียร์จี้คลีนคนโกง คดี'อ๋อย'รอกก.วินิจฉัย พิเชษฐโพสต์อัด'เทือก' ชทพ.ดัน'นิกร-ตือ'สปท.
'วิษณุ'พร้อมยื่นรายชื่อลุ้นเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ทาบทามแล้วกว่า 30 คน อ้างมีผู้ใหญ่ของบ้านเมืองส่งมาอีก 10 ชื่อ ให้'ประยุทธ์'เคาะเหลือ 21 คน ศาลอาญากรุงเทพใต้วินิจฉัยคดีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ของ'อ๋อย'ควรอยู่ในศาลยุติธรรม มิใช่ศาลทหาร
มติชนออนไลน์ :
@ 'บิ๊กตู่'แถลงเสมอภาคทางเพศ
เมื่อวันที่ 28 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติระดับผู้นำเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายหลัง ปี ค.ศ.2015 และการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 70 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 23 กันยายน-1 ตุลาคม 2558 โดยเมื่อเวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นที่ช้ากว่าไทย 11 ชั่วโมง) วันที่ 27 กันยายน ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถ้อยแถลงในการประชุม Global Leader"s Meeting on Gender Equality and Women"s Empoweverment : A Commitment to Action ระหว่างการประชุมสหประชาชาติระดับผู้นำเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายหลังปี ค.ศ.2015 (POST 2015 Summit) เพื่อยืนยันเจตนารมณ์และคำมั่นทางการเมืองของไทยในการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและการเสริมพลังสตรี เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าไทยยึดมั่นในสิทธิมนุษยชนเสมอ
@ ชูไทยการศึกษาเท่าเทียมทุกเพศ
พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า นายกฯกล่าวในนามของรัฐบาลไทยแสดงความยินดีกับรัฐบาลจีนและสหประชาชาติ โดยเฉพาะองค์การ UN Women ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ ปีนี้สำคัญเนื่องจากครบรอบ 20 ปีของปฏิญญาและแผนปฏิบัติการปักกิ่ง อีกทั้งยังเป็นปีที่ผู้นำได้ร่วมกันรับรองวาระการพัฒนาภายหลังปี ค.ศ.2015 รวมถึงเป้าหมายที่จะบรรลุความเสมอภาคระหว่างเพศ นายกฯยังระบุด้วยว่ารัฐบาลไทยมีนโยบายการศึกษาถ้วนหน้า ทำให้เยาวชนหญิงชายมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม สามารถบรรลุเป้าหมายในการขจัดความไม่เท่าเทียมทางเพศในการศึกษาทุกระดับได้ ไทยยังได้ปรับปรุงและพัฒนากฎหมายเพื่อส่งเสริมสิทธิและความเสมอภาคระหว่างเพศ คุ้มครองผู้หญิงจากความรุนแรงในครอบครัว การถูกล่วงละเมิดและคุกคามทางเพศในการทำงาน รวมทั้งดำเนินการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง มีมาตรการดูแลและฟื้นฟูผู้เสียหายที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้หญิงและเด็ก ล่าสุดไทยได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อคุ้มครองทุกคนจากการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศสภาพ
@ ไทยหนุนโลกยั่งยืนใน15ปี
เวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น วันที่ 27 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถ้อยแถลงในการประชุม UN Summit to adopt the Post 2015 Development Agendas เพื่อย้ำเจตจำนงทางการเมืองของไทยในการร่วมขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกสำหรับ 15 ปีข้างหน้า
พล.ต.วีรชน สรุปสาระสำคัญว่า นายกฯกล่าวยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยและคนไทยในการร่วมกับประชาคมโลกเพื่อบรรลุผลตามเป้าหมายของวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน และนายกฯยังกล่าวชื่นชมวาระการพัฒนาใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคน ถือว่าคนเป็นหัวใจของการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป เพราะมนุษย์คือสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นภัยร้ายแรงของมนุษยชาติ ต้องมีการตัดสินใจกันว่าเราจะยังคงบริโภคกันอย่างไม่ยับยั้งและมุ่งหวังแต่ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบใดๆ หรือจะเลือกอยู่อย่างยั่งยืนมุ่งเน้นชีวิตที่มีคุณภาพ พอเพียงและสมดุล
@ ยันกลับเลขายูเอ็นลต.กลางปี 60
พล.ต.วีรชนกล่าวว่า นายกฯยกปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสอนให้คนไทยมีเหตุผล รู้จักความพอดีสร้างความต้านทาน ทำให้ไทยผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง เช่น วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 หรือเหตุการณ์สึนามิ ทำให้ไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษได้เกือบทั้งหมด รวมทั้งการจัดทำวิสัยทัศน์ประเทศไทย พ.ศ.2558-2563 และแผนพัฒนาประเทศฉบับต่อไป (อ่านรายละเอียด น.2)
เวลา 18.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น วันที่ 27 กันยายน ที่ชั้น 27 อาคาร Secretariat สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ พล.อ.ประยุทธ์หารือทวิภาคีกับนายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ พล.ต.วีรชนเปิดเผยว่า นายกฯยืนยันกับเลขาฯสหประชาชาติว่า การดำเนินการต่างๆ ตามกรอบระยะเวลานั้นเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมไทย ให้ไทยได้ทำหน้าที่สมาชิกสหประชาชาติอย่างเต็มศักยภาพยิ่งขึ้น การที่ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ คสช.จะตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นคณะหนึ่งภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ สปช.ลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายใน 180 วัน และให้มีการลงประชามติ หากประชาชนเห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดังกล่าว ก็จะยกร่างกฎหมายลูกประกอบการเลือกตั้ง คาดว่าจะสามารถประกาศการเลือกตั้งทั่วไปได้ภายในกลางปี 2560
@ อาเซียนหนุนไทยในยูเอ็นเอสซี
พล.ต.วีรชนกล่าวว่า ส่วนการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกใหม่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) วาระปี ค.ศ.2017-2018 ของไทย โดยไทยเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของยูเอ็นเอสซีมาแล้วสมัยหนึ่ง เมื่อปี ค.ศ.1985-1986 ในการสมัครครั้งนี้ ไทยได้รับการรับรองและสนับสนุนจากทุกประเทศสมาชิกอาเซียน โดยการรณรงค์ของไทยมีพื้นฐานจากการทำงานที่ดีในงานทั้ง 3 ด้านของสหประชาชาติ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในประเด็นสันติภาพและความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ไทยสามารถทำหน้าที่เสมือนเป็นสะพานเชื่อม และสนับสนุนการทำงานร่วมกันมากขึ้นระหว่างประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ และประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก
@ ม็อบเชียร์"บิ๊กตู่"คลีนพวกโกง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาว่า กลุ่มคนไทยจากหลายรัฐในสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ รวมตัวกันบริเวณสถานที่ชุมนุม ทางการสหรัฐจัดไว้ให้ตรงหัวมุมถนน 47 ตัดกับถนนหมายเลข 1 เพื่อให้กำลังใจและแสดงการสนับสนุนรัฐบาลชุดปัจจุบัน ต่างทยอยเดินทางมาตั้งแต่เวลา 09.00 น. ซึ่งในช่วงที่มีผู้ชุมนุมมากที่สุดราวเที่ยงวัน มีจำนวน 500 คน กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลระบุว่าจะเดินทางมาชุมนุมกันอีกครั้งในวันที่ 28 กันยายน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'กปปส นิวยอร์ค PDRC NY' โพสต์วิดีโอคลิปสัมภาษณ์ผู้ชุมนุมที่เป็นสตรีมีอายุซึ่งสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริเวณหน้าสำนักงานสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่า "มาสนับสนุนท่านนายกฯ เป็นวันที่ 2 แล้ว (27 ก.ย.) พวกเราตั้งใจจะอยู่ต่อให้ครบทั้ง 3 วัน มาให้กำลังใจนายกฯ เพื่อให้ท่านคลีนพวกชาติชั่วออกไปจากแผ่นดินไทยให้หมด ตัดคอมันเลย คนไหนที่คดโกงแผ่นดิน" หนึ่งในผู้เข้าร่วมชุมนุมกล่าว
นอกจากนั้น ในช่วงบ่าย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ มีกำหนดพบปะหารือกับนายแอนโทนี บลิงเคน รมช.ต่างประเทศของสหรัฐ ที่สำนักงานคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ตั้งอยู่ที่ถนน 52 โดยเดินจากสำนักงานใหญ่สหประชาชาติผ่านถนนหมายเลข 1 ไปยังสำนักงานคณะผู้แทนถาวรไทยฯ เนื่องจากถนนถูกปิดเพราะนายบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐกำลังจะเดินทางมายังสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ทำให้ต้องเดินผ่านบริเวณกลุ่มคนไทยสนับสนุนรัฐบาลกำลังรวมตัวกันอยู่ เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นนายดอนที่เคยเป็นอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐและอดีตเอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก จึงได้เรียกชื่อ และมีการหยุดพูดคุยทักทายกันสั้นๆ นายดอนกล่าวขอบคุณที่มาให้กำลังใจก่อนจะถ่ายรูปคนไทย จากนั้นเดินต่อไปยังสำนักงานคณะผู้แทนถาวรไทยฯ ต่อไป
@ สหรัฐตระหนักความสัมพันธ์
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นายดอนได้พบปะหารือกับนายแอนโทนี บลิงเคน รมช.ต่างประเทศของสหรัฐ ที่เดินทางมาพร้อมกับนายแดเนียล รัสเซล ผช.รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ตามคำร้องขอที่จะให้มีการพบกันของฝ่ายสหรัฐ
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ฝ่ายสหรัฐตระหนักถึงคุณค่าของความสัมพันธ์และความเป็นพันธมิตรอันยาวนานกว่า 182 ปีที่มีกับไทย ทั้งบทบาทของไทยในภูมิภาคโดยเฉพาะในห้วงเวลาที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมถึงความร่วมมือกับไทยในประเด็นต่างๆ ในเวทีระหว่างประเทศ อาทิ เรื่องกองกำลังรักษาสันติภาพ ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ การโยกย้ายถิ่นฐาน และปัญหาการค้ามนุษย์
นายเสข กล่าวว่า การที่สหรัฐได้แต่งตั้งนายกลิน เดวีส์ เป็นผู้ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจทั้งจากประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี รวมถึงรัฐมนตรี มาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยคนใหม่ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของสหรัฐที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับไทยในทุกมิติ ความร่วมมือในประเด็นใดที่ดีอยู่แล้วก็สามารถทำให้ดียิ่งขึ้น เพราะเมื่อไทยกลับสู่ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งก็จะสามารถขยายความร่วมมือที่มีระหว่างกันต่อไป
@ ร่วมจัดซ้อมรบคอบร้าโกลด์
"ฝ่ายสหรัฐยืนยันว่า จะยังคงร่วมมือกับไทยจัดคอบร้าโกลด์ต่อไป พร้อมจัดการหารือยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐ (Thai-U.S. Strategic Dialogue) ครั้งที่ 5 ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหลังจากว่างเว้นไปหลายปีอีกด้วย" นายเสขกล่าว
นายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า การที่สหรัฐแต่งตั้งเอกอัครราชทูตคนใหม่ประจำประเทศไทยจะเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างความแตกต่างในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และจากที่ได้มีโอกาสพบกับท่านทูตเดวีส์มาแล้วหลายครั้งเชื่อว่าเขามีความมุ่งมั่นปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันดีขึ้นรอบด้าน
@ 'วิษณุ'ยัน'มีชัย'ไม่มียื่นเงื่อนไข
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีการทาบทามนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า "ขอยืนยันนายมีชัย ไม่ได้ยื่นเงื่อนไขใดๆ แต่ผมเป็นคนพูดเองเพราะนายมีชัยถามว่า มีใครใน กรธ.บ้าง ตอบไปว่า ผมก็ไม่ทราบ นายมีชัยจึงบอกกับผมว่าถ้าอย่างนั้นจะขอหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่งก่อน ไม่ได้เกี่ยง ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น แต่ก็ต้องรู้ว่านายมีชัยยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะฉะนั้นนายมีชัยจึงต้องขอทราบก่อนว่ามีใครบ้าง อย่างน้อยก็จะได้พอทราบว่า มีใครบ้าง หลากหลายด้านใดบ้างเท่านั้นเอง ผมยังได้บอกกับนายมีชัยด้วยว่า ถ้าท่านรับก็อาจจะเสนอใครบางคนเข้ามาให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาด้วยก็ได้ นายมีชัยก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นยังไม่พูดอะไรในตอนนี้ ขอเอาไว้พูดกับนายกฯอีกครั้งก่อน"
เมื่อถามว่า หากนายมีชัยไม่รับตำแหน่งประธาน กรธ.แล้วได้ทาบทามบุคคลอื่นอีกหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า "เราทาบทามไว้อีก 3-4 คน แต่ผมเปิดเผยชื่อไม่ได้ คงไม่เหมาะ ทุกคนคงมีข้อสงสัยคล้ายๆ กันทั้งนั้นว่ามีใครบ้าง เราก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการเลือก และมาบอกว่าคนนี้ตัวจริง คนนี้สำรอง เพราะต้องมาทำงานกันเป็นทีม เป็นคณะและเป็นงานสำคัญเร่งรัดด้วยระยะเวลา ดังนั้นต้องดูในเรื่องคุณสมบัติและอายุ เมื่อทำหน้าที่แล้วจะไม่สามารถไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อีก 2 ปี ด้วยประเด็นนี้จึงทำให้หลายคน ต้องคิด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลังจากนี้"
@ พร้อมส่งโผ30คนให้บิ๊กตู่เลือก
"แต่ก็จะเห็นว่ากระแสสังคม ไม่ว่าจะไปดำรงตำแหน่งใดก็ตามที่เป็นเรื่องของส่วนรวมเพื่อประเทศชาติแต่ก็จะมีคนห้ามไม่ให้เป็น เช่น คราวก่อนนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ เขาก็ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ให้เป็นกรรมการปฏิรูปด้านกฎหมาย พูดกันเสียจนนายบวรศักดิ์ต้องลาออกจากการสมัคร ถอนใบสมัคร นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ไม่เอ่ยชื่อ 3-4 คนนั้น หรือแม้แต่ 20 กว่ารายชื่อเหล่านั้นก็ยังต้องการที่จะขอดูก่อนจึงยังไม่ยุติ และยังไม่มีใครเลือกใครในวันนี้ หากนายมีชัยตอบรับที่จะเป็นแล้ว ถ้าได้คุยกับนายกฯหลังจากกลับมาจากต่างประเทศ ไม่รู้ว่านายกฯจะว่าอย่างไร แต่ถ้านายกฯบอกว่าจะเลือกรายชื่อนั้นรายชื่อนี้ ไม่รู้ว่าจะว่ากันอย่างไร ดังนั้นของอย่างนี้จึงต้องพิจารณาไปตามหลัก ว่าเจ้าตัวจะว่าอย่างไร" นายวิษณุกล่าว
เมื่อถามว่า รายชื่อที่กำลังดำเนินการทาบทามทั้งหมดมีถึง 40 คนหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ทาบทามประมาณไม่เกิน 30 คน แต่เท่าที่มีผู้ส่งชื่อมาให้พิจารณาอีกประมาณ 10 คน โดยมีผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองส่งมา เมื่อถามว่ามีนายทหารพระธรรมนูญอยู่ในรายชื่อการทาบทามหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ขอไม่ตอบคำถามดังกล่าว
@ ไม่ถึงขั้นปธ.กรธ.เลือกคนเอง
เมื่อถามว่า มีแนวโน้มว่านายมีชัยจะรับเป็นประธาน กรธ.ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ขอไม่ตอบคำถาม เพราะหากไม่ใช่แล้วจะหน้าแตก จึงไม่กล้าพูด ถามอีกว่าคนที่จะเป็นประธาน กรธ.สามารถเลือกทีมเข้ามาด้วยตัวเองใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น ไม่มีใครเกี่ยงในเรื่องดังกล่าว เพราะถึงที่สุดใน 20 รายชื่อนั้น คนจะมาเป็นประธานนั้นต้องย่อมอยากรู้ว่าใครบ้างที่จะเข้ามาเป็น เพื่อทราบว่าสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่ เนื่องจากมีกำหนดระยะเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญ ต้องเน้นที่การทำงานเป็นหมู่เป็นคณะ เช้ายันดึกดื่น ต้องใช้ความสมัครสมานสามัคคีทำงานไปด้วยกันดึกดื่นก็ต้องเห็นใจ
เมื่อถามว่า รายชื่อที่รวบรวมมาได้ก่อนที่จะพิจารณาให้เหลือ 21 คน จะต้องส่งให้นายมีชัยดูก่อนหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า "ผมไม่ได้ส่งให้นายมีชัย แต่จะต้องส่งให้นายกรัฐมนตรีได้ดู เพื่อให้นายกรัฐมนตรีได้นำไปใช้ประโยชน์ ผมยืนยันว่าผมไม่ได้ส่งให้นายมีชัย ที่กล้ายืนยันเพราะยังไม่มีการตอบรับเลยสักคน แต่ก็ถือว่าได้ทาบทามกันแล้ว"
@ ยันกรธ.ต้องเข้าใจโรดแมปคสช.
เมื่อถามว่า มีเหตุผลใดที่นายมีชัยจะไม่รับตำแหน่งประธาน กรธ. นายวิษณุกล่าวว่า "ตรงนี้ผมไม่ทราบ เพราะถ้าผมถามท่าน ท่านก็คงจะย้อนเอาว่าต้องมีเหตุผลด้วยหรือ" เมื่อถามว่า หากนายมีชัยได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์แล้วจะสามารถประกาศรายชื่อ กรธ.ได้เลยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เชื่อว่านายกฯคงต้องใช้เวลาในการพิจารณาบ้าง จากนั้นก็ต้องดำเนินการจัดพิมพ์แล้วจึงประกาศ คงไม่ประกาศทันทีที่นายกฯกลับมาถึงประเทศไทย
เมื่อถามว่า หากนายมีชัยยอมรับเป็นประธาน กรธ.แล้วจะสามารถร่นระยะเวลาการร่างรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ เพราะนายมีชัยเองก็อยู่ร่วมใน คสช.มาตั้งแต่ต้นแล้ว นายวิษณุกล่าวว่า นายมีชัยทราบการทำงานของ คสช. แต่งานนี้คืองานของ กรธ. ไม่ใช่กรรมการ คสช. ดังนั้นต้องพูดรวมทั้ง 21 คน อย่างมากก็ต้องบอกให้ 21 คนทราบถึงโรดแมปของรัฐบาลและของ คสช.
@ ชี้สัตวแพทย์ก็ยังร่างรธน.ได้
เมื่อถามว่า ประธาน กรธ.จำเป็นต้องเป็นนักกฎหมายหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า "จะซักไซ้ทำไม สัตวแพทย์ยังสามารถเป็นได้ อย่าทำเป็นเล่นไป รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ พล.อ.ดักลาส แมกอาร์เธอร์ อดีตผู้บัญชาการรบภาคพื้นแปซิฟิกในสมัยสงครามสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นคนร่าง กรรมการร่างยังมีสัตวแพทย์ที่หามาจากในสนามรบอยู่เลย ก็ยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน"
เมื่อถามว่า แล้วสำหรับประเทศไทยจะมีอาชีพอื่นเข้าร่วมหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ของไทยเลือกกันมาก คัดกันมาก สุดท้ายก็อยู่ไม่ยืด อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบว่ามีอาชีพใดบอกได้เพียงว่าเป็นสัมมาอาชีพ ทั้งนี้ นายวิษณุกล่าวในตอนท้ายว่า "ขอให้สื่ออดทนกันหน่อย อีกไม่ถึง 7 วันก็จบแล้ว"
@'พรเพชร'ไล่ขยับโรดแมปเร็วขึ้น
เมื่อเวลา 11.35 น. ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์กรณีการแต่งตั้งสมาชิก สนช.ให้ครบ 220 คน ตามที่รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 กำหนดว่า การแต่งตั้งก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องนำชื่อขึ้นโปรดเกล้าฯ ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยที่จะให้สมาชิก สนช.มีครบจำนวน และหากได้ผู้ที่เหมาะสมมาช่วยงานก็จะดี เพราะงานในปีหน้าจะเป็นงานที่หนักมาก
นายพรเพชร ยังกล่าวถึงแผนโรดแมป 6-4-6-4 ว่าเป็นการประเมินระยะเวลาตามกฎหมายและตามประสบการณ์ของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เห็นว่าทำได้ตามกรอบเวลา และยังขยับให้เร็วขึ้นได้ประมาณ 1 เดือน ในช่วงการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญของ สนช. เพราะ สนช.สามารถใช้ระยะเวลาหลังยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จและรอการทำประชามติไปศึกษาและประสานองค์กรอิสระเพื่อเตรียมทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญไว้ เมื่อร่างกฎหมายเข้ามาจะสามารถพิจารณาได้เร็วขึ้นได้ แต่จะไม่เร่งรีบจนทำให้เกิดความเสียหาย
นายพรเพชร กล่าวต่อว่า ที่มีข่าวว่า คสช.จะทาบทาม พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญและอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ให้เป็นประธาน กรธ. หากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษา คสช. ไม่รับนั้น ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ มีแต่ได้ยินว่า คสช.ไปขอให้นายมีชัยเป็นประธาน กรธ. ทราบว่านายมีชัยแบ่งสู้มากกว่าแบ่งรับ ขอให้รอดูหลังนายกฯเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกาในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ก่อน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ สนช.ไม่ติดใจว่าจะตั้ง สนช.เข้าเป็น กรธ.หรือไม่ เห็นว่าหากมี สนช.ร่วมเป็น กรธ.จะทำให้เข้าใจในรัฐธรรมนูญที่ร่างมาง่ายขึ้น แต่ทั้งหมดอยู่ที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจ
@ "อมร"แนะตัดพวกปล่อยโผสปท.
นายอมร วาณิชวิวัฒน์ อดีต สปช. กล่าวถึงกระแสข่าวเรื่องโผรายชื่อของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้นที่จะเป็นผู้เคาะรายชื่อจริง แต่เมื่อมีการเผยแพร่รายชื่อผ่านสื่อออกมา ได้ตรวจสอบกับหลายฝ่ายพอจะทราบต้นตอของโผที่ออกมา ซึ่งรายชื่อไม่ตรงกันในแต่ละโผ โดยได้รับการยืนยันอย่างหนักแน่นจากผู้เกี่ยวข้องที่เชื่อถือได้ ว่าโผรายชื่อจริงๆ นั้น ยังไม่มีใครทราบนอกจากนายกฯ ถือเป็นความลับอย่างที่สุด การที่มีโผเผยแพร่ด้วยสมการอย่างง่าย โดยใช้ตัวประธาน กมธ.แต่ละคณะเป็นตัวตั้ง เชื่อว่าไม่น่าจะง่ายเช่นนั้น เพราะศักยภาพหรือผลงานของกรรมการที่ทำงานจริงหลายชุด ต้องยอมรับว่าถูกขับเคลื่อนโดยคณะอนุกรรมาธิการชุดต่างๆ เป็นหลัก การเรียงรายชื่อดังกล่าวน่าจะไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องและตรงกับความเป็นจริง ดังนั้นหากตรวจสอบมีผู้ที่กระทำการในลักษณะแอบอ้างหรือสร้างโผสมมุติ เป็นต้นคิดวิธีการที่ไม่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ สมควรคัดชื่อออกตั้งแต่วินาทีนี้เพราะมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ สร้างภาระความสับสนวุ่นวายให้กับกระบวนการคัดเลือกอย่างยิ่ง
@ ชทพ.ส่ง"นิกร-สมศักดิ์"นั่งสปท.
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ชทพ. เปิดเผยว่า ชทพ.ได้สรุปส่งตัวแทนของพรรค จำนวน 2 คน คือ นายนิกร จำนง ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ชทพ. และตน เข้าร่วมเป็น สปท. ส่วนจะได้รับเลือกให้ร่วมเป็น สปท.ทั้งสองคนเลยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ คสช.
ที่โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส หลานหลวง นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีการทาบทามให้ร่วมเป็นสมาชิก สปท.หลังเกษียณอายุราชการว่า ยังไม่มีการทาบทาม แต่หากทาบทามก็ต้องพิจารณาว่าเมื่อเข้าไปแล้วจะทำงานได้เต็มที่หรือไม่ ที่ผ่านมามีเวลาน้อยและทำงานหนัก ถ้าให้ไปทำงานต่อในจุดไหนแล้วเกิดประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศได้ก็จะทำ
@ "อ๋อย"รับฟังคำวินิจฉัยอำนาจศาล
เมื่อเวลา 09.10 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหามีความผิดฐานขัดคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 37 และ 38 เนื่องจากไม่เข้ารายงานตัวและกระทำการยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบหรือละเมิดกฎหมายแผ่นดินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 รวมถึง พ.ร.บ.กระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ได้เดินทางมารับฟังเรื่องการวินิจฉัยเขตอำนาจศาล หลังทำเรื่องขอให้ศาลทหารกรุงเทพส่งเรื่องวินิจฉัยชี้ขาดเขตอำนาจศาลให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดว่าคดีอยู่เขตศาลทหารหรือศาลอาญา ก่อนจะดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีได้ตามขั้นตอนต่อไป รวมถึงศาลทหารกรุงเทพได้ขอความเห็นจากศาลอาญา หากศาลอาญาเห็นตามศาลทหาร คดีจะดำเนินการต่อไปในศาลทหาร แต่หากศาลอาญาเห็นแย้งว่าควรอยู่ในการพิจารณาของศาลอาญา จะต้องเข้าคณะกรรมการร่วมระหว่างศาลทหารกับศาลอาญา เพื่อชี้เขตอำนาจศาลว่าจะอยู่ในการพิจารณาคดีของศาลใด
@ ศาลชี้อยู่ในอำนาจศาลยุติธรรม
เวลา 11.00 น. นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความนายจาตุรนต์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการรับฟังคำสั่งศาลว่า ศาลทหารกรุงเทพได้นัดฟังคำสั่งคำร้องของนายจาตุรนต์ที่ขอให้ศาลทหารส่งสำนวนให้ศาลอาญากรุงเทพใต้พิจารณาทำความเห็นตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ.2542 มาตรา 10 คณะทนายความของนายจาตุรนต์ได้เดินทางมาฟังคำร้องว่า คดีไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลทหารเพราะศาลยุติธรรมเห็นว่าคดีนายจาตุรนต์อยู่ในอำนาจศาลยุติธรรม ทั้ง 3 ข้อหา และจะดำเนินการในศาลทหารไม่ได้ พร้อมทั้งออกคำวินิจฉัยเป็นเอกสารเห็นว่าบรรดาคำสั่งใดๆ ที่ คสช.ออกคำสั่งมาเป็นโทษต่อจำเลยนั้น โดยหลักของกฎหมายอาญาว่ากฎหมายจะออกมาให้มีผลบังคับย้อนหลังต่อกระบวนพิจารณาให้เป็นโทษต่อจำเลยทางอาญานั้นไม่ได้
นายนรินท์พงศ์ กล่าวต่อว่า จากความเห็นของศาลอาญากรุงเทพใต้มีความแตกต่างจากศาลทหารกรุงเทพ ดังนั้น ทางศาลทหารจะส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลทำการพิจารณา และมีคำวินิจฉัยชี้ขาดต่อไปคำวินิจฉัยออกมาจะถือเป็นที่สุด จากนี้ไปกระบวนการพิจารณายังไม่ดำเนินการใดๆ คาดว่าจะใช้เวลาพอสมควร
@ "จาตุรนต์"ขอบคุณศาลรับคำร้อง
นายจาตุรนต์กล่าวว่า คดีดังกล่าวมีความคิดเห็นตั้งแต่ระยะเวลาแรกๆ ที่มีการพิจารณาคดีว่าน่าจะอยู่ในขอบเขตอำนาจของศาลพลเรือน นั่นคือศาลยุติธรรม จึงทำเรื่องร้องต่อศาลทหารกรุงเทพให้พิจารณาเรื่องเขตอำนาจของศาล เพราะเห็นว่าไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และกติการะหว่างประเทศ อีกทั้งวันเวลาที่เกิดเหตุ และวันเวลาออกคำสั่ง พึงอยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม เพราะฉะนั้นต้องขอขอบคุณศาลทหารกรุงเทพที่รับคำร้องดังกล่าวไว้ และส่งไปให้ศาลอาญากรุงเทพ วันนี้ผลออกมา เมื่อศาลอาญากรุงเทพใต้เห็นว่าคดีนี้เป็นอำนาจของศาลพลเรือน ดังนั้น เรื่องก็ต้องไปสู่คณะกรรมการ ขณะเดียวกันต้องขอบขอบคุณศาลอาญากรุงเทพใต้ด้วยที่พิจารณาให้ความเป็นธรรมกับตนอีกขั้นหนึ่ง หลังจากนี้ต้องรอคณะกรรมการไม่รู้จะใช้เวลานานเท่าใด
@ ย้ำเคลื่อนไหวต่อแต่ไม่ขัดกม.
นายจาตุรนต์กล่าวต่อว่า ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากการแสดงความคิดเห็น ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในฐานะประชาชน และนักการเมืองคนหนึ่งที่พึงมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน ดังนั้น จะทำแบบนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งคำนึงถึงเงื่อนไขการประกันตัวอย่างเคร่งครัด และไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ยุยงปลุกปั่นให้คนทำผิดกฎหมาย หรือพูดในสิ่งที่ผิดกฎหมายความมั่นคง ขอย้ำว่าตราบใดที่ยังเป็นประชาชนและนักการเมืองคนหนึ่งที่พึงมีสิทธิ ตามกฎหมาย และข้อตกลงระหว่างประเทศก็จะทำต่อไป สำหรับการแสดงความคิดเห็นที่ผ่านมาก็เคยไปแสดงความคิดเห็นรวมกับศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) มาแล้ว แต่พบว่าได้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย เพราะเวลาเสนอความคิดเห็นจริง เรื่องก็หายไปเหมือนถูกเก็บเข้าลิ้นชักหมด
เมื่อถามถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศยกเลิกพาสปอร์ต นายจาตุรนต์กล่าวสั้นๆ ว่า "ผมจะแจ้งให้ทราบ และจะพูดอีกครั้งเร็วๆ นี้"
@ "พิเชษฐ"โพสต์ถึง"เทพเทือก"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ให้สัมภาษณ์ในลักษณะสนับสนุนสูตรพิสดารของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และมีการกล่าวถึงพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยว่าตีตนไปก่อนไข้ หลังจากมีข้อเสนอให้จดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ พร้อมสนับสนุนให้สมาชิก กปปส. เข้าร่วมเป็น สปท.ได้
นายพิเชษฐจึงโพสต์ว่า "ขุยไผ่ฆ่าต้นไผ่" ตามด้วยประโยคต่อมาว่า "เปิดหมดไส้หมดพุง เข้าใจหรือยัง" จากนั้นได้โพสต์ในเพจเดียวกันต่อว่า "หรือ 69 ปี ปชป.ใกล้จบแล้ว สงสารพรรค ปชป.ครับ" นอกจากนี้ ยังมีแฟนเพจแสดงความเห็นว่า "แปลกที่ทำไมอยู่กับประชาธิปัตย์มานาน ไม่คิดรักบ้านเกิด ปกป้องบ้านเลย อนาถใจ" นายพิเชษฐเขียนตอบว่า "หรือ 69 ปี ปชป.ใกล้จบแล้วสงสารพรรค ปชป.ครับ" เมื่อมีผู้แสดงความเห็นว่า "เผาบ้านตัวเอง ยิ่งกว่า ฆาตกร" นายพิเชษฐจึงแสดงความเห็นว่า "หอกข้างแคร่ ปชป."
มีผู้แสดงความคิดเห็นอีกว่า "ทำไมต้องทำตัวแบบนั่นนะเสียความรู้สึกจังเลยคะนาย" นายพิเชษฐตอบว่า "ล้างพรรคการเมืองเก่า เพื่อให้กลุ่มการเมืองใหม่ที่เตรียมไว้ได้เกิดเต็มตัว" และแสดงความเห็นอีกครั้งว่า "ล้างพรรคการเมืองเก่าแก่ เพื่อให้กลุ่มการเมืองใหม่ที่เตรียมไว้ได้เกิดเต็มตัว รายการต่อไปคือการตั้งรัฐบาลในค่ายทหารอีกครั้ง"