- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 26 June 2014 15:43
- Hits: 5869
วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8611 ข่าวสดรายวัน
ขู่เลิกอีก ฝึกคอบร้าโกลด์ มะกันหั่นงบมั่นคงเพิ่ม คสช.วอนอียูทบทวนมติ อนุมัติแก้กฎหมายกบข. ขรก. 3 แสนเฮมีบำนาญ
แจงรอบ2- พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงสถานการณ์ต่างๆ แก่ผู้ช่วยทูตทหาร 15 ประเทศประจำประเทศไทย เป็นครั้งที่ 2 เพื่อให้เข้าใจถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของคสช. ที่บก.ทบ. เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. |
สหรัฐเตรียมออกมาตรการกดดันไทยอีก หั่นงบความมั่นคงเพิ่ม 150 ล้าน เล็งย้ายประเทศฝึก"คอบร้าโกลด์" บัวแก้วอ้างเป็นแค่ความเห็นส่วนตัวส.ส.มะกัน คสช.วอนทบทวน ชี้เกี่ยวข้องความมั่นคงภูมิภาค ผิดหวัง"อียู"ลดสัมพันธ์โดยไม่ดูข้อเท็จจริง ตร.ลุยประมูลสร้างโรงพัก สั่ง 181 แห่งเปิดประกวดราคาทันที ไฟเขียวแก้กฎหมาย"กบข." มีผลต้นธ.ค. ข้าราชการ 3 แสนเฮ กกต.ชี้"จารุพงศ์" ตั้งองค์กรเสรีไทย ไม่โยงยุบเพื่อไทย ศปป.บูรณาการกิจกรรมปรองดอง 1 ภาค 1 จังหวัด
สหรัฐเล็งตัดการช่วยเหลือไทยอีก
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. เอเอฟพีรายงานว่า นายสก็อต มาร์เซียล รองผู้ช่วยรัฐมนตรีของสำนักงานด้านกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า รัฐบาลสหรัฐจะตัดความช่วยเหลือแก่ประเทศไทยเพิ่มอีก โดยจะระงับเงินช่วยเหลือด้านความมั่นคง 4.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 150 ล้านบาท จากแต่ละปีที่เคยให้ความช่วยเหลือทั้งหมด 10.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงการฝึกอบรมตำรวจและการไปศึกษาดูงานของตำรวจระดับสูง และยังพิจารณาจะย้ายการซ้อมรบร่วมประจำปีคอบร้าโกลด์ไปประเทศอื่น ซึ่งการซ้อมรบร่วมคอบร้าโกลด์ ระหว่างกองทัพสหรัฐกับกองทัพไทยจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2524 มีทหารเข้าร่วม 13,000 นาย มาจากประเทศทั่วทั้งภูมิภาคที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐ และเวลานี้มีการเสนอให้ย้ายไปยังเมืองดาร์วิน ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีนาวิกโยธินสหรัฐประจำการอยู่แล้ว 2,500 นาย
นายมาร์เซียล กล่าวว่า ถ้าประเทศไทยไม่สามารถฟื้นฟูเสรีภาพและให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น จะมีคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ที่พยายามหาทางแสดงออกว่าไม่มีความสุข ถึงแม้เวลานี้จะยังไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาชัดเจนได้ แต่เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่แน่ใจว่าตนเองต้องการประชาธิปไตย และสหรัฐต้องการเห็นอย่างนั้นเช่นกัน และตนไม่คิดว่าจะมีประเทศมหาอำนาจภายนอกมามีอิทธิพลต่อไทยได้ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐหรือจีน
ทั้งนี้ สหรัฐประณามกองทัพไทยในทันทีที่กองทัพไทยเตือนไม่ให้สหรัฐเข้ามาแทรกแซงความวุ่นวายทางการเมือง โดยสหรัฐประกาศระงับความช่วยเหลือต่อไทยทันที 3.5 ล้านดอลลาร์หลังจากเกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.เพียงวันเดียว
บัวแก้วชี้ความเห็นส่วนตัวส.ส.
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการทบทวนความช่วยเหลือทางการทหารของสภาผู้แทนราษฎร ของสหรัฐ และการพิจารณาย้ายการซ้อมร่วม คอบร้าโกลด์ ว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2557 นายสก็อต มาร์เซียล ชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการการต่างประเทศด้านภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งมีนายสตีฟ ชาบ็อต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จากมลรัฐโอไฮโอ เป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการ เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทย
เนื้อหาของรายงานกล่าวถึงความสำคัญของไทยต่อสหรัฐ สถานการณ์การเมืองไทยก่อนการเข้ามาควบคุมอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การดำเนินการต่างๆ ของ คสช. ภายหลังวันที่ 22 พ.ค. 2557 การประเมินสถานการณ์และการทบทวนความร่วมมือทางการทหารบางประการ อาทิ การระงับความช่วยเหลือด้านความมั่นคงประมาณ 4.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ซึ่งเป็นความช่วยเหลือที่ได้ระงับไว้อยู่แล้ว) การยกเลิกการฝึก CARAT ระหว่างกองทัพเรือระหว่างไทย-สหรัฐ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในช่วงที่เกิดการเข้ามาควบคุมอำนาจของ คสช.
นายเสข กล่าวว่า การให้การดังกล่าวไม่มีการกล่าวถึงการย้ายการฝึกประจำปีคอบร้าโกลด์ ตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ดีช่วงถาม-ตอบ นายสตีฟ ชาบ็อต แสดงความเห็นส่วนตัวว่าหากสถานการณ์ในไทยยังไม่มีความสงบอาจพิจารณาย้ายสถานที่การฝึกคอบร้าโกลด์ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐรับทราบ แต่ไม่ถือว่าเป็นการแถลงเปลี่ยนแปลงสถานที่ฝึกหรือยึดเป็นนโยบายแต่อย่างใด
ทอ.ไม่มีปัญหายกเลิกฝึกร่วม
ที่หอประชุมกองทัพอากาศ พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. ในฐานะรองหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์กรณีสหรัฐจะตัดความช่วยเหลือเพิ่มและย้ายสถานที่ฝึกคอบร้าโกลด์ไปประเทศอื่นว่า เรื่องนี้พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ในฐานะรองหัวหน้าคสช.ฝ่ายความมั่นคงและต่างประเทศ เป็นผู้ดูแลอยู่ มาตรการแก้ปัญหากรณีต่างชาติลดการช่วยเหลือไทย ฝ่ายความมั่นคงดำเนินการร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ คิดว่าจะมีผลออกมาในเร็วๆ นี้ ส่วนตนจะพบกับเอกอัครราชทูตจีนหารือความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และเอกอัครราชทูตเกาหลีจะมาพบเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจเช่นกันและเชื่อว่านี่คือข่าวดี
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า การฝึกคอบร้าโกลด์เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายไม่ว่าเจ้าภาพที่อยู่ในท้องที่หรือฝ่ายสหรัฐ เชื่อว่าน่าจะคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันเป็นกรณีพิเศษมากกว่าการย้ายไปที่อื่นและจะไม่ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน เมื่อถามว่าหากย้ายการฝึกจริงจะส่งผลกระทบต่อกองทัพไทยหรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า กองทัพอากาศมีการฝึกกับมิตรประเทศอยู่แล้ว ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซียและอินโดนีเซีย จึงไม่น่ามีปัญหา
เมื่อถามว่าแรงกดดันจากต่างประเทศมีผลต่อการบริหารงานของคสช.หรือไม่ พล.อ.อ. ประจินกล่าวว่า เราพยายามทำความเข้าใจว่าคสช.ทำอะไรอยู่ หลังจากเราเห็นปัญหาและมาแก้ไขเพื่อให้ประชาชนอยู่ในบรรยากาศที่มีความสุข ทำกิจกรรมได้ตามปกติ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการออกธรรมนูญการปกครอง มีครม.ตามลำดับ สุดท้ายมีการปฏิรูปเพื่อหาหนทางที่ดีที่สุดให้กับประเทศ เมื่อกำหนดกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญออกมาใหม่ก็จะเป็นการเลือกตั้งที่สมบูรณ์ เชื่อว่าต่างประเทศจะเริ่มเข้าใจมากขึ้นและจะมีทิศทางเป็นบวก
ไม่ฟันธง"แม้ว"หนุนเสรีไทย
เมื่อถามย้ำว่า ปฏิกิริยาต่อต้านของต่างประเทศกดดันการทำงานของ คสช.หรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ก็มีบ้าง มีความกังวลมากขึ้นแต่จะทำให้ดีที่สุด ส่วนการเมืองภายในประเทศเชื่อว่าไม่น่าจะเชื่อมโยงกับการต่อต้านภายนอกประเทศ เมื่อถามว่ารัฐประหารปี 2549 มีปัญหากับสหรัฐหรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ช่วงนั้นสหรัฐก็กดดันแต่เมื่อทำความเข้าใจจนมีทิศทางที่ดีขึ้นในปี 2550 สถานการณ์ก็เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น
เมื่อถามถึงการตั้งองค์กรต่อต้าน คสช.จากต่างประเทศ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า เราพยายามทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายเพื่อให้สนับสนุนการทำงานของคสช. หวังที่จะทำงานและอยากให้ประชาคมโลกเข้าใจเหมือนกับสถานการณ์ที่เคยเป็นมาโดยเร็วเช่นกัน ส่วนที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงจัดตั้งองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย นั้นมีผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว คิดว่าจะมีความชัดเจนในเร็ววันนี้ ส่วนจะพัฒนาถึงการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นหรือไม่นั้น ไม่แน่ใจและไม่เข้าใจถึงกติกาว่าจะตั้งได้อย่างไรขอศึกษาก่อน
เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของนายจารุพงศ์ หรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนเพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้แสดงบทบาทที่ชัดเจนออกมามีแต่คนรอบข้าง ต้องดูผลกระทบที่ตามมาและทำอย่างไรถึงจะหันหน้ามาร่วมมือกันเพื่อเดินหน้าทำโรดแม็ปที่คสช.ได้วางไว้
คสช.แจงผช.ทูตทหาร 15 ปท.
เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษก คสช. เป็นประธานชี้แจงต่อผู้ช่วยทูตทหาร ถึงการเข้าควบคุมสถานการณ์และแนวทางบริหารประเทศของคสช. ครั้งที่ 2 มีผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าร่วมรับฟัง 15 ประเทศได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย ยูเครน อิสราเอล ญี่ปุ่น สิงคโปร์ กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย พม่า เวียดนาม โดยครั้งนี้มีผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชา ที่ติดภารกิจไม่ได้เข้าร่วมประชุมครั้งแรก มาเข้าร่วมรับฟังด้วยเนื่องจากจะมีการชี้แจงเรื่องการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว โดยมีพล.ต.ปณค แสงเทียน เจ้ากรมข่าวทหารบก เข้ารับฟังการชี้แจงด้วย
พ.อ.วีรชนชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยและการแก้ไขปัญหาพร้อมยกตัวอย่างการจับกุมอาวุธและบุคคลที่ร่วมขบวนการ "ขอนแก่นโมเดล" โดยระบุว่ากลุ่มคนดังกล่าวมีแผนจะก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน พูดถึงการทำงานที่ผ่านมา 1 เดือน โดย คสช.ได้ช่วยเหลือชาวนาเกี่ยวกับการรับจำนำข้าวจ่ายเงินไปแล้วกว่า 92,000 ล้านบาท รวมถึงการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถตู้ แท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่มี ผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องจนเกิดความไม่ปลอดภัยกับประชาชน ตั้งเป้าให้เห็นผลภายใน 1 เดือน เพื่อคืนความสุขให้กับประชาชน
พ.อ.วีรชนชี้แจงเรื่องข้อมูลการค้ามนุษย์ แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวและความคืบหน้าโครงการสร้างสมานฉันท์ และการปรองดองเพื่อคืนความสุขให้ประชาชนที่มีการจัดกิจกรรมในชุมชนต่างๆ รวมถึงการชี้แจงกรณีคณะรัฐมนตรีสหภาพยุโรป (อียู) ชะลอความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้วย
อียูไม่เข้าใจสถานการณ์ของไทย
เวลา 11.30 น. พ.อ.วีรชนกล่าวภายหลังชี้แจงทำความเข้าใจผู้ช่วยทูตทหารว่า หลังชี้แจงผู้ช่วยทูตทหารเชื่อในสิ่งที่เราอธิบาย โดยเฉพาะปัจจัยที่ทำให้คนไทยเกิดความสุข เราขอโอกาสให้คสช.ได้ทำงาน สิ่งที่ผู้ช่วยทูตทหารยังไม่เข้าใจและกังวลใจคือความชัดเจนในอนาคตข้างหน้าว่าเราจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อนำข้อมูลไปชี้แจงให้กับรัฐบาลและกองทัพของเขาทราบ ต้องยอมรับว่ารัฐบาลในต่างประเทศมีปัญหากับไทยในเรื่องแผนงานของ คสช.ที่เขายังไม่เข้าใจ
พ.อ.วีรชน กล่าวว่า กรณีอียูออกแถลงการณ์ประณามรัฐประหารและเรียกร้องให้กองทัพไทยคืนอำนาจการปกครอง โดยจัดเลือกตั้งให้ได้โดยเร็วที่สุด รวมถึงการเดินหน้าสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของ คสช. ซึ่งเรารู้สึกผิดหวังกับท่าทีของอียู วันนี้มีผู้ช่วยทูตในกลุ่มประเทศอียูมาร่วมฟังการชี้แจง ได้บอกให้เขาช่วยส่งผ่านและทำความเข้าใจถึงบรรยากาศภายในประเทศไทยให้กลุ่มประเทศสมาชิกอียูทราบ เพราะเรามองว่าการแสดงท่าทีดังกล่าวเป็นการตัดสินใจที่เกิดจากความไม่เข้าใจในสถานการณ์ในไทย ใช้ข้อมูลว่ามีทหารยึดอำนาจเท่านั้นก่อนประกาศลดความสัมพันธ์ โดยไม่ได้ศึกษาถึงข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีพัฒนาการอย่างไร
วอนมะกันทบทวนท่าที
พ.อ.วีรชน กล่าวว่า ส่วนกรณีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐลดอันดับการค้ามนุษย์ของไทยประจำปี 2557 จากระดับ 2 ลงมาต่ำสุดที่อันดับ 3 ได้บอกผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐว่าเราไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่รายงานของสหรัฐเป็นการเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือน เม.ย.2556 ถึง เม.ย.2557 ซึ่งเราพยายามแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องและขอให้สหรัฐพิจารณาเรื่องดังกล่าวใหม่อีกครั้ง หลังจาก คสช.มีนโยบายต่างๆ ออกไปสู่การปฏิบัติ อยากให้เปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและปัจจุบัน เพื่อให้สหรัฐพิจารณาปรับลดหรือเพิ่มอันดับใหม่อีกครั้ง ซึ่งไม่ได้บีบคั้นเอาคำตอบจากผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐ เพราะเขาคงให้คำตอบกับเราไม่ได้ แต่อยากให้นำความรู้สึกความห่วงใยไปชี้แจงให้รัฐบาลสหรัฐทราบและออกแถลงการณ์ใหม่อีกครั้ง
รองโฆษก คสช. กล่าวว่า ส่วนที่สหรัฐจะย้ายการฝึกคอบร้าโกลด์ไปประเทศอื่นนั้น ถือเป็นประเด็นและข้อห่วงใยที่เรารับทราบข้อมูลมาจึงอยากให้สหรัฐพิจารณาใหม่ เรายังยืนยันถึงข้อตกลงกับต่างประเทศที่ดำเนินการไปก่อนหน้านั้นว่ายังเป็นไปตามนั้น และชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์การเมืองเป็นเรื่องชั่วคราวและเป็นปัญหาส่วนหนึ่งที่อยู่ภายใน แต่เรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องถาวรและยั่งยืนที่จะต้องแก้ไข และไม่เกี่ยวข้องเฉพาะไทยเพียงประเทศเดียว แต่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงในภูมิภาค อยากให้สหรัฐแยกแยะเรื่องการเมืองก็ว่ากันไป ส่วนเรื่องความมั่นคงก็ต้องว่ากันตามรายละเอียด เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ ไม่ใช่ผลประโยชน์กับไทยเท่านั้นแต่ยังมีผลประโยชน์กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงผลประโยชน์ของสหรัฐเอง
เขมรพร้อมนำคนงานกลับไทย
พ.อ.วีรชนกล่าวว่า ได้ประเมินผลการชี้แจงในวันนี้รู้สึกพอใจ 85-90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 10 เปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องของการรู้หน้าและไม่รู้ใจ ประเมินไม่ได้ว่าเขาคิดเห็นอย่างไร แต่จากการสังเกตสีหน้าและคำพูดของผู้ช่วยทูตทหารของประเทศต่างๆ เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ มีการให้คำแนะนำ การมีส่วนร่วมและแสดงความเป็นห่วง ผู้ช่วยทูตทหารก็พอใจและบอกให้ คสช.ชี้แจงสถานการณ์ในไทยสัปดาห์ละครั้ง เพราะถือเป็นช่องทางที่มีประโยชน์กับประเทศไทยและประเทศต่างๆ อย่างไรก็ตาม หัวหน้า คสช.เน้นย้ำให้ชี้แจงและสร้างความมั่นใจต่อการทำงานของ คสช. รวมทั้งให้รอผลงานที่ป็นรูปธรรมชัดเจนว่า คสช.ได้พัฒนาประเทศในทางบวก ซึ่งผู้ช่วยทูตทหารอยู่ในไทยอยู่แล้วเขาทราบและเห็นถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในไทย
พ.อ.วีรชน กล่าวว่า วันนี้มีโอกาสพบกับ ผู้ช่วยทูตทหารของกัมพูชาได้ชี้แจงนโยบายเรื่องแรงงานต่างด้าว ถือเป็นความห่วงใยของหัวหน้า คสช. ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ไม่ว่ากระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน ผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชาก็เข้าใจและให้ความร่วมมือที่จะนำแรงงานเหล่านั้นกลับเข้ามาทำงานในไทยอีกครั้งหนึ่ง
อ้อนช่วยจับ"จารุพงศ์-จักรภพ"
รองโฆษก คสช. กล่าวว่า ส่วนการเคลื่อนไหวของนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ใช้ต่างประเทศเป็นฐานโจมตีการทำงานของ คสช.นั้น วันนี้ไม่ได้ขอร้องโดยตรงเพียงแต่ชี้แจงให้เห็นว่าสถานภาพของทั้ง 2 คนนั้นทำผิดกฎหมายไทยและมีหมายจับ ใครที่ดูแลให้ความช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกไม่ต้องคิดถึง คสช.หรือทหาร แต่ขอให้นึกถึงคนไทยทั้งประเทศ ระหว่างคุณค่าของ 2 คนนี้กับคนไทยทั้งประเทศ จะให้ความสำคัญกับคนกลุ่มไหนมากกว่ากัน ใครที่สำคัญที่สุด ทราบว่านายจักรภพจะไปปราศรัยที่ฮ่องกง แต่เบื้องต้นได้เปลี่ยนแปลงให้นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ไปขึ้นเวทีแทน ส่วนนายจารุพงศ์ไม่แน่ชัดว่าอยู่ประเทศไหน หัวหน้า คสช.มีนโยบายดำเนินการกับบุคคลดังกล่าวนี้ โดยขอความร่วมมือจากต่างประเทศใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องของกระทรวงการต่างประเทศ ประสานงานเพื่อขอความร่วมมือ
คสช.ทำเมินตั้ง"เสรีไทย"
พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช. ให้สัมภาษณ์ถึงนายจารุพงศ์ ตั้งองค์กรเสรีไทยว่า ไม่อยากให้สังคมให้น้ำหนักเรื่องนี้มากไปเพราะไม่อยู่ในระดับที่มีผลกระทบใดๆ การติดตามข่าวนี้คงเป็นแบบกว้างๆ ทั่วไปไม่เฉพาะเจาะจง ปกติถ้าพบมีประเด็นข่าวไหนมีผลต่อการรับรู้สังคมจริง ไม่ใช่ข่าวที่เน้นสร้างกระแสถึงจะชี้แจงให้ข้อมูลตามความเหมาะสม
"การเคลื่อนไหวยุยงปลุกปั่นให้คนกระด้างกระเดื่องโดยทำในต่างประเทศ ถือว่ามีข้อจำกัดในตัวเพราะหลายประเทศส่วนใหญ่จะไม่ยอมให้ใครมาเคลื่อนไหวแบบนี้ในประเทศตนเอง มิฉะนั้นอาจถูกมองว่าแทรกแซงภายในได้ ผิดมารยาท ที่สำคัญเชื่อว่าผู้บริโภคข่าวสารส่วนใหญ่มีวิจารณญาณ แยกแยะได้ และคงไม่ให้ความสำคัญหรือเชื่อถือในทุกข้อมูลข่าวสารที่ได้รับโดยเฉพาะผ่านโซเชี่ยลมีเดีย จึงไม่อยากให้ขยายผลสร้างกระแสจนเกินเหตุ" พ.อ.วินธัยกล่าว
เร่งชี้แจงสังคมโลก
พ.อ.วินธัย กล่าวกรณีอียูเรียกร้องให้ คสช.กำหนดกรอบเวลาการเลือกตั้งให้ชัดเจน ระงับการเยือนระหว่างสมาชิกพร้อมชะลอการร่วมลงนามกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน (PCA) จนกว่าไทยจะมีรัฐบาลที่สมบูรณ์ว่า ข้อสรุปดังกล่าวแม้จะยังไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หรือเรื่องอื่นๆ ตามที่หลายฝ่ายกังวล แต่ในด้านความรู้สึกและมุมมองภาพลักษณ์ทำให้ไทยต้องเร่งทำความเข้าใจเพิ่มเติมต่อสังคมโลก บางประเทศอาจมีข้อกำหนดในรูปแบบการแสดงออกหรือมีวัฒนธรรมการแสดงออกต่อเหตุการณ์ทำนองนี้ต่างกัน
พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ข้อห่วงใยจากที่ประชุมอียูแสดงว่าที่ประชุมอาจยังไม่ได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์เพียงพอ จากนี้จำเป็นต้องเร่งทำความเข้าใจเพิ่มเติม เพราะมั่นใจว่าในทุกประเด็นประเทศไทยอธิบายได้โดยใช้หลักเหตุผล และข้อเท็จจริงมาสนับสนุนให้เกิดการยอมรับ ซึ่งจะทำให้สังคมโลกเข้าใจและเห็นใจประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น
ตร.ลั่นดำเนินการขั้นเด็ดขาด
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. กล่าวถึงนายจารุพงศ์ ตั้งองค์กรเสรีไทยฯ เพื่อต่อต้านคสช.ว่า ตรวจสอบเบื้องต้นพบมีการดำเนินการนอกราชอาณาจักร จึงสั่งการให้พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร.ด้านความมั่นคง ติดตามความเคลื่อนไหวและพิจารณาว่าขัดข้อกฎหมายหรือไม่ หากพบเข้าข่ายความผิดใด ตำรวจจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ส่วนที่พญ. คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เสนอพิมพ์เขียวปฏิรูปสถาบันนิติวิทยาศาสตร์โดยแยกสถาบันนิติเวชวิทยาจาก ตร. มาร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์นั้น ทุกคนมีสิทธิเสนอความเห็นได้ แต่ส่วนตัวเห็นว่ามาตรฐานของสถาบันนิติเวชวิทยาเป็นไปตามมาตรฐานสากลและได้รับการยอมรับ การปฏิรูปโครงสร้างตร.ใหม่ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงสังกัดเพราะยังไม่ปัญหา อีกทั้งยังถือเป็นกลไกสำคัญในการพิสูจน์ทราบทางกฎหมายให้แม่นยำมากขึ้น โดยตร.พร้อมพัฒนาเครื่องมือและศักยภาพของสถาบันนิติเวชวิทยาอย่างต่อเนื่อง
สั่ง 181 โรงพักประกวดราคา
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า หลัง คสช.อนุมัติงบดำเนินโครงการสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรแต่ละจังหวัดที่การก่อสร้างสถานีตำรวจยังค้างอยู่ 181 แห่ง จัดประกวดราคาตามขั้นตอนทันที เพราะมีงบเหลือจากโครงการเดิม 2,400 ล้านบาท คาดว่าจะจัดจ้างได้ภายใน 2 เดือนและก่อสร้างเสร็จภายใน 1 ปี ส่วนที่เหลืออีก 215 แห่ง ได้เตรียมตั้งเสนอของบประมาณปี 2558-59 ไว้แล้ว 4,000 ล้านบาท หากได้รับอนุมัติงบ คาดว่าการก่อสร้างสถานีตำรวจทุกแห่งจะเสร็จภายในปี 2559 ขณะเดียวกันจะรวบรวมค่าเสียหายกรณีบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นต์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ผิดสัญญาก่อสร้างโครงการดังกล่าว ทั้งเงินค่าปรับ ค่าส่วนต่างการก่อสร้างและความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งต่อไป
ตร.สอบคำแถลงตั้ง"เสรีไทย"
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร.ด้านความมั่นคง กล่าวกรณีนายจารุพงศ์แถลงจัดตั้งองค์กรเสรีไทยฯ ต่อต้านคสช.ว่า พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. สั่งการให้ตนติดตามความเคลื่อนไหวและตรวจสอบคำแถลงการณ์เพื่อพิจารณาว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ เบื้องต้นมอบให้พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน ช่วยราชการรองผบช.น. นำแถลงการณ์มาถอดความเพื่อตรวจสอบและ ส่งให้ที่ประชุมกรรมการด้านกฎหมายบช.น. พิจารณาเพื่อวางมาตรการดำเนินการอีกครั้ง
ตั้งกก. 5 ชุดเอาผิดคดีมั่นคง
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ส่วนบุคคลที่ไม่มารายงานตัวตามคำสั่งของคสช. สั่งการให้พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รองผบช.ก. รรท.ผบก.ป. ออกคำสั่งบก.ป.ที่ 173/2557 เรื่องแต่งตั้งชุดปฏิบัติการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดคดีความมั่นคง โดยให้พล.ต.ต. นรบุญ จัดชุดปฏิบัติการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดฐานไม่มารายงานตัว และผู้ต้องหาตามหมายจับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นความผิดต่อสถาบัน ขึ้นมา 5 ชุด ประกอบด้วย พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผบก.ป. เป็นหัวหน้าควบคุมชุดปฏิบัติการฯ พ.ต.อ. อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผู้กำกับการ ผกก.1 ป. หัวหน้าชุดปฏิบัติที่ 1 พ.ต.อ.นิรันด์ นามสุวรรณ ผกก.2 ป หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 2 พ.ต.อ. วรวุฒิ คุณะเกษม ผกก.3ป. หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 3 พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4ป. หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 4 พ.ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผกก.5 ป. รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 4 พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผกก.6ป. หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5 และพ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผกก.ปฏิบัติการพิเศษฯ รรท.ผกก.ปฏิบัติการพิเศษบก.ป. รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวให้หัวหน้าชุดจัดกำลังตามความเหมาะสมเพื่อให้การปฏิบัติงานเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ มีอำนาจสืบสวนจับกุมในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง โดยเฉพาะความผิดต่อองค์ พระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 มาตรา 116 ความผิดเกี่ยวกับฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคสช. และความผิดอื่นๆ ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย
เปิด 60 ชื่อโดนหมายจับ
มีรายงานว่ามีการรวบรวมรายชื่อผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่งเรียก จำนวน 60 รายชื่อ เพื่อให้ชุดปฏิบัติการสืบสวนกองบังคับการปราบปราม ที่ตั้งขึ้น 5 ชุด ดำเนินการสืบสวนจับกุม ประกอบด้วย 1.นายสำราญ สายชนะ 2.น.ส.จิตรา คชเดช 3.ด.ต.พิพัฒน์ พรรณสุวรรณ์ 4.นายสิรภพ กรณ์อรุษ 5.นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ 6.นายธนเดช เอกอภิวัชร์ 7.นายณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม 8.นางหน่อย แดงเป้า 9.นายอรรถชัย อนันตเมฆ 10.นายยอดเยี่ยม ศรีมันตะ 11.นายสุนัย จุลพงศธร 12.น.ส.ณัฐ สัตยาภรณ์พิสุทธิ์
13.นายธีร์ บริรักษ์ 14.นายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล 15.น.ส.สุดา รังกุพันธุ์ 16.นายชัยอนันต์ ไผ่สีทอง 17.นายพฤทธิ์นรินทร์ ธนบริบูรณ์สุข 18.นายนิธิวัต วรรณศิริ 19.น.ต.ชนินทร์ คล้ายคลึง 20.นายศรัณย์ ฉุยฉาย 21.นายไตรรงค์ สินสืบผล 22.นายชฤต โยนกนาคพันธุ์ 23.นายวัฒน์ วรรลยางกูร 24.นางดารุณี กฤตบุญญาลัย
25.นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ 26.นาย สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ 27.นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ 28.นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล 29.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ 30.นายจรัล ดิษฐาอภิชัย 31.นายสงวน พงษ์มณี 32.นาย วิสา คัญทัพ 33.นางไพจิตร หรือ ไพจิตร อักษรณรงค์ 34.พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ 35.นายใจลล์ ใจ อึ๊งภากรณ์ 36.นายจักรภพ เพ็ญแข 37.นายพิษณุ พรหมสร
38.นายองอาจ ธนกมลนันท์ 39.นายอำนวย แก้วชมภู 40.นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน 41.นางจรรยา ยิ้มประเสริฐ 42.นายเอกภพ เหลือรา 43.นายเสน่ห์ ถิ่นแสน 44.นายภิเษก สนิท ธางกูร 45.นายสันติ วงษ์ไพบูรณ์ 46.นางมนัญชยา เกตุแก้ว 47.นางฉัตรวดี อมรพัฒน์ 48.นายจตุเทพ หรือ เลอพงษ์ วิไชยคำมาตย์ 49.นายทนง ศิริปรีชาพงษ์ 50.นายอุสมาน สะแลแมง
51.นายฉกาจ คหบดีรัตน์ 52.นายชัยพฤกษ์ สมานรักษ์ 53.นายรังสฤษฎิ์ ธิยาโน 54.นายชัชชาญ บุปผาวัลย์ 55.นายยงยุทธ บุญดี 56.น.ส.อัมรา วัฒนกูล 57.นายเกษมสันติ หรือ เกษมสันต์ จำปาเลิศ 58.นายนิทัช ศรีสุวรรณ 59.น.ส.นุ่มนวล ยัพราช และ 60.นายวิระศักดิ์ โตวังจร
ปล่อยตัว"จิตรา-ทอมดันดี"
เวลา 09.00 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ น.ส.จิตรา คชเดช นักสหภาพแรงงาน และนายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือนายพันทิวา ภูมิประเทศ หรือทอม ดันดี อดีตนักร้องและนักแสดง เดินทางมาแสดงตนต่อศาลทหารกรุงเทพตามกำหนดเวลา ในคดีฝ่าฝืนไม่รายงานตัวตามคำสั่งคสช. พนักงานสอบสวนกองปราบปรามยื่นคำร้องขออนุญาตศาลทหารฝากขังผลัดที่สอง 12 วัน วันที่ 26 มิ.ย.-7 ก.ค. เนื่องจากยังสอบพยานไม่เสร็จอีก 1 ราย รวมถึงต้องรอผลตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือและตรวจสอบประวัติอาชญากร
เวลา 11.00 น. ศาลทหารกรุงเทพ อนุญาตตามคำขอของพนักงานสอบสวนและมีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราวครั้งที่ 2 น.ส.จิตรา ทอม ดันดี ด้วยหลักประกันเงินสด 20,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามชุมนุมทางการเมือง ห้ามแสดงความคิดเห็นด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใด หรือทำเป็นหนังสือเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน และให้ผู้ต้องหามาวันที่ 7 ก.ค. นัดฟังคำพิจารณาว่าศาลจะให้ฝากขังผลัดต่อไปหรือไม่
ปล่อยตัว- นายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือทอม ดันดี มาแสดงตนต่อศาลทหารกรุงเทพฯ คดี ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. โดยกองปราบฯ ยื่นขอฝากขังผลัดที่ 2 ก่อนศาลทหารอนุญาตให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว |
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ และนายสุรสิทธิ์ น่วมศิริ 2 ผู้ต้องหาที่ถูกพนักงานสอบสวนขออนุญาตศาลฝากขังในรอบเดียวกับ น.ส.จิตรา และทอม ดันดี ได้รับอนุญาตปล่อยชั่วคราวด้วยหลักประกันเงินสด 10,000 บาทเช่นกัน
นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการกลุ่มนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน (กนส.) ทนายความผู้รับผิดชอบกล่าวว่า การยื่นขออำนาจศาลทหารคุมขังผลัดแรกเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ทอม ดันดี ยังไม่ได้รับอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว กนส.จึงยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 20,000 บาทในวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศาลอนุญาตให้ประกันตัว ทำให้การพิจารณาคำร้องขอฝากขังผลัดสองวันนี้ซึ่งศาลอนุญาตให้ประกันตัวไปแล้วนั้น จึงไม่ต้องนำตัวไปฝากขังอีก
เตรียมยื่นฝากขังอดีตส.ส.สงวน
เวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายสงวน พงษ์มณี อดีตส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.กรณีไม่เข้ารายงานตัวตามกำหนด มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทนายความ เข้าพบพ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เพื่อมอบตัวตามหมายจับ
นายสงวนกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. ตนไปอยู่ต่างประเทศตั้งใจว่าจะอยู่จนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ แต่หลังทราบข่าวผ่านสื่อว่าถูกศาลทหารออกหมายจับเนื่องจากไม่เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. จึงเดินทางกลับและติดต่อกับทนายเพื่อเข้ามอบตัว ที่ไม่ได้เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.เพราะคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิดและยังอยู่ต่างประเทศ ที่ผ่านมาไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ แล้ว ประกอบกับมีโรคประจำตัวหลายอย่างและต้องเตรียมเข้ารับการผ่าตัดที่ ลำคอ อย่างไรก็ตาม ทนายได้ประสานกับญาติ เตรียมหลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัวไว้แล้ว
พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะประสานทหารพระธรรมนูญเพื่อสอบปากคำและพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติอาชญากรรม ก่อนคุมตัวไปขออำนาจศาลทหารฝากขังวันที่ 26 มิ.ย.นี้
พม.แจงปม"โรฮิงยา"
ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงพม. กล่าวถึงสหรัฐลดอันดับสถานการณ์ค้ามนุษย์ของไทยอยู่ในระดับ 3 ต่ำสุด ว่า เป็นการประเมินของสหรัฐเพียงฝ่ายเดียว ที่ผ่านมาไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาอย่างเข้มข้นแต่เมื่อประเมินออกมาแล้วก็เป็นเครื่องเตือนว่าเราต้องเพิ่มความเข้มข้นในการแก้ปัญหาที่รุมเร้า ต้องร่วมมือทั้งแบบพหุภาคีและทวิภาคีกับประเทศในภูมิภาคเข้มข้นยิ่งขึ้น
นายวิเชียรกล่าวว่า จากรายงานพบว่าสถิติการดำเนินคดีและการคุ้มครองผู้เสียหายของเราเป็นที่ยอมรับ มีการระบุว่าไทยทำได้ดีขึ้น อยู่ในเกณฑ์ดีมีมาตรฐานสูง แต่ที่มีปัญหาคือแรงงานในอุตสาหกรรมประมง ซึ่งในรายงานเราถูกกล่าวหาว่าซื้อขายชาวโรฮิงยาให้เข้าไปทำงานในสถานประกอบการอุตสาหกรรมประมงและแช่แข็ง ชาวโรฮิงยาถูกกดขี่ ซึ่งประเด็นนี้ไม่มีใครฟังเราว่าไม่มีชาวโรฮิงยาอยู่ในสถานประกอบการ เพราะสถานประกอบการต่างๆ จะจ้างแรงงานพม่า ลาวและกัมพูชา อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนแรงงานที่มีบุคลิกคล้ายโรฮิงยา คือแรงงานจากบังกลาเทศ ซึ่งแรงงานเหล่านี้มีการว่าจ้างอย่างถูกต้อง ไม่ได้มาแบบใต้ดิน
เวลา 13.40 น. ที่สำนักงานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางปวีณา หงสกุล อดีตรมว.พม. แถลงเรื่องเดียวกันว่า ถือเป็นครั้งแรกที่เห็นหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน สถานประกอบการ ตื่นตัวออกมาตอบโต้และรวบรวมจัดทำข้อมูลเพื่อส่งให้สหรัฐ จึงขอให้ประสานกระทรวงการต่างประเทศและพม.เพื่อจัดทำข้อมูลให้รัฐบาลใช้เป็นแนวทางโต้ตอบ คสช.สามารถใช้วิกฤตเป็นโอกาสจับผู้กระทำความผิดค้ามนุษย์ เช่น ยาเสพติด และบ่อนการพนัน ทางมูลนิธิปวีณาฯยินดีให้ข้อมูลที่ประชาชนแจ้งและให้เบาะแสมาอย่างเต็มที่
คสช.ตีปี๊บผลงาน 1 เดือน
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช. กล่าวว่า เวลา 18.00 น. วันที่ 25 มิ.ย. มีการนำเสนอผลงานการทำงานในรอบ 1 เดือนของ คสช. โดยทีมประชาสัมพันธ์กองทัพบกเป็นผู้ผลิต เพื่อให้ประชาชนรับทราบในรูปแบบของสกู๊ปรายการโทรทัศน์ความยาว 30 นาที ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เป็น 2 ระบบทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เป็นการสรุปภาพรวมการบริหารราชการ การบังคับใช้กฎหมาย การดำเนินกิจกรรมสร้างความปรองดองในประเทศ อาทิ การดำเนินการของ ศปป. รวมถึงการเบิกจ่ายและการจัดทำงบประมาณประจำปี ทั้งนี้ เมื่อชี้แจงผ่านโทรทัศน์รวมการฯแล้ว คาดว่าจะไม่มีการแจกเป็นเอกสารอีก
ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า ส่วนพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.จะชี้แจงภาพรวมการทำงานครบ 1 เดือนผ่านรายการคืนความสุขให้คนไทย ที่ออกอากาศทุกคืน วันศุกร์ เวลา 20.30 น. อีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหัวหน้าคสช.
ศปป.จัดกิจกรรม 1 ภาค 1 จว.
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน. เผยว่า ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) มีแนวคิดจัดกิจกรรมแบบบูรณาการร่วมในระดับภาค สนับสนุนการปรองดองสมานฉันท์ โดยให้ ศปป.กอ.รมน.ภาค จัดกิจกรรมในจังหวัดที่มีความพร้อม (1 ภาค 1 จังหวัด) แบบบูรณาการทุกภาคส่วน โดย ศปป.กอ.รมน.ภาค 1 จัดที่ จ.สระบุรี, ศปป.กอ.รมน. ภาค 2 จัดที่ จ.นครราชสีมา, ศปป.กอ.รมน.ภาค 3 จัดที่ จ.พิษณุโลก และศปป.กอ.รมน.ภาค 4 จัดที่ จ.นครศรีธรรมราช
พ.อ.บรรพตกล่าวว่า รูปแบบของงานจัดให้มีเวทีกลางจัดกิจกรรมประชุมเสวนาพูดคุยระหว่างแกนนำ นักการเมือง ภาคประชาชน และผู้เห็นต่างเพื่อหาจุดร่วมที่จะช่วยให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า มีการแสดงดนตรี การละเล่นพื้นบ้าน กีฬา ออกบูธจำหน่ายสินค้าและสินค้าเกษตรราคาถูก สินค้าโอท็อป ส่วนสถานที่จัดกิจกรรมจะเป็นสถานที่สำคัญที่เข้าถึงประชาชนแต่ละภาคส่วนได้ กำหนดจัดกิจกรรมวันที่ 7-15 ก.ค. ใช้เวลาจัด 3-5 วัน เมื่อจัดครบทั้ง 4 ภาคแล้วจะจัดกิจกรรมใน กทม.ต่อไป
แบ่งงานเกาะติดสื่อเสนอข่าว
เวลา 10.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช. และหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อติดตามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ครั้งที่ 1/2557 ภายหลัง คสช.มีคำสั่งเฉพาะที่ 12/2557 แต่งตั้งคณะกรรมการ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักนายกฯและกรมประชาสัมพันธ์
ที่ประชุมพิจารณาปรับโครงสร้างอำนาจหน้าที่ในการทำงาน แบ่งเป็นด้านต่างๆ คือคณะติดตามข้อมูลด้านสื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ ให้ กสทช.เป็นประธาน, คณะติดตามข้อมูลด้านสื่อสิ่งพิมพ์ ตำรวจสันติบาลเป็นประธาน, คณะติดตามข้อมูลด้านข่าวสารสื่อสังคมออนไลน์ มีปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นประธาน, คณะติดตามข้อมูลด้านข้อมูลข่าวสารต่างประเทศมีปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน โดยคณะทำงานด้านต่างๆ มีหน้าที่ชี้แจงให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าใจบทบาทการทำงานของ คสช. รวมถึงระงับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่สร้างความเกลียดชังต่อสถาบัน ข้อมูลที่เป็นเท็จ และหากพบข้อมูลที่เป็นเท็จ กระทบต่อการทำงานของ คสช.ให้รายงานหัวหน้า คสช.ทราบทันที
ทั้งนี้ หากพบข้อสงสัยในการเผยแพร่ข่าวสารให้รายงานฝ่ายเลขานุการคณะทำงานฯทราบเพื่อประสานหน่วยงานต้นเรื่อง แก้ปัญหาและให้กรรมการด้านต่างๆ รายงานสรุปประจำสัปดาห์ เสนอหัวหน้า คสช.และประธานคณะกรรมการเพื่อติดตามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะรับทราบ
ปฏิรูปอยู่ระหว่างร่างกรอบ
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่อาคารศศนิเวศ มูลนิธิ Insight Foundation โดยศูนย์วิจัยข้อมูลการเมืองไทยร่วมกับมูลนิธิฟรีดริชเนามัน จัดเสวนาหัวข้อ "ยกเครื่องประเทศไทย โจทย์ใหญ่ปฏิรูปประเทศ" นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง นายจรัส สุวรรณมาลา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเสวนา
นพ.พลเดชกล่าวตอนหนึ่งว่า ตนได้เข้าไปประชุมกับคสช.เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา คสช.ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมา 1 ชุด เตรียมกรอบไว้ 4 ด้าน เศรษฐกิจ การเมือง สังคม กระบวนการยุติธรรม ทั้งหมด 11 ประเด็น ทีมที่ทำงานเป็นทหารนักวิชาการและอาจารย์ที่ไม่มีชื่อเสียง เขาตั้งหน้าตั้งตาอ่านเพราะไม่ได้เป็นเจ้าของประเด็น ข้างฝาห้องติดคำสัมภาษณ์ว่าใครให้สัมภาษณ์ไว้อย่างไร การทำงานของคณะปฏิรูปตอนนี้เนื้อหาสาระไม่ค่อยเท่าไร เป็นการขึ้นโครงไว้เพื่อส่งกรอบประเด็นให้สภาปฏิรูป รัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ระหว่างขึ้นกรอบประเด็นจะเชิญภาคประชาชนไปเชื่อมกัน ซึ่งต้องจบภายในวันที่ 30 ก.ค. เพื่อส่งต่อให้สภาปฏิรูปและสนช. การปฏิรูปไม่ใช่การปฏิรูปกฎหมายอย่างเดียวแต่ต้องปฏิรูปการบังคับใช้ด้วย โดยการขับเคลื่อนโดยภาคส่วนต่างๆ และปรับเปลี่ยนสำนึกวิธีคิด
ขรก.เฮแก้กฎหมายรับบำนาญ
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เผยว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. คณะที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. ที่มีนายวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน ประชุมเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.การกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 พ.ศ. .... นายวิษณุเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ดี มีประโยชน์ และ คสช.พร้อมสนับสนุนตามแนวทางที่เสนอ แต่เนื่องจากคณะที่ปรึกษาฯ เห็นว่าเป็นกฎหมายที่มีเป็นเทคนิคมาก ต้องใช้เวลาอธิบาย ประกอบกับกรมบัญชีกลางต้องมีเวลาเตรียมการในการปฏิบัติตามกฎหมายและเผยแพร่ทำความเข้าใจ จึงเห็นควรให้นำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเสนอ สนช. โดยจะจัดให้เป็นร่างกฎหมายฉบับแรกๆ ที่เข้าสู่สภา และกำหนดให้มีผลบังคับใช้ในต้นเดือนธ.ค.2557 ตามกำหนดการที่กรมบัญชีกลางวางไว้
นายมนัสกล่าวว่า กรมบัญชีกลางเสนอ ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรรับ หลักการแล้วแต่ยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2556 ทำให้ต้องเสนอร่างมายังคสช.อีกครั้ง หลังจากนี้กรมบัญชีกลางต้องจัดประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องต่างๆ อย่างเร่งด่วนแล้ว โดยเฉพาะฐานข้อมูลของข้าราชการที่มีสิทธิ์กลับไปรับบำนาญที่มีประมาณ 300,000 คน เพื่อให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน คาดว่าฐานข้อมูลจะเสร็จภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้
นายมนัสกล่าวว่า แนวทางตามร่างฯกำหนดระยะเวลาการแสดงความประสงค์จะใช้สิทธิใหม่ ดังนี้ ผู้รับบำนาญแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2558 และหากต้องคืนเงินส่วนต่างให้ชำระคืนแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิ.ย.2558 ส่วนข้าราชการผู้มีสิทธิแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2558 โดยสมาชิกภาพ กบข.จะสิ้นสุดในวันที่ 1 ต.ค. 2558 และจะได้รับเฉพาะเงินสะสมและผลประโยชน์ตอบแทนจากเงินสะสมจาก กบข.เท่านั้น สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขอื่นยังคงกำหนดไว้เหมือนเดิม และกรมบัญชีกลางจะประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป
ตั้งซูเปอร์บอร์ดใน 2 สัปดาห์
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการควบคุมกำกับรัฐวิสาหกิจ หรือ ซูเปอร์บอร์ด ตามนโยบายของคสช. ซึ่งจะมีโครงสร้างคล้ายกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีหัวหน้าคสช. หรือนายกฯ เป็นประธาน แต่โครงสร้างกรรมการจะให้ผู้ที่เกี่ยวกับรัฐวิสาหกิจด้านต่างๆ มาเป็นกรรมการ ซูเปอร์บอร์ดรัฐวิสาหกิจมีหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์การบริหารรัฐวิสาหกิจ ดูแลแต่งตั้งคนเข้ามาเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจต่างๆ ให้เหมาะสม และพิจารณาอนุมัติการลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เชื่อมโยงเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อน จะทำให้การบริหารรัฐวิสาหกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดว่าจะตั้งได้ใน 1-2 สัปดาห์นี้
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า การตั้งซูเปอร์บอร์ดเนื่องจากคสช.ต้องการปฏิรูปการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่ปรากฏว่ากรรมการของรัฐวิสาหกิจหลายแห่งยังไม่ยอมลาออก เพื่อเปิดทางให้กระทรวงการคลังแต่งตั้งคนที่มีความเหมาะสมเข้าบริหาร การมีซูเปอร์บอร์ดรัฐวิสาหกิจจะมีอำนาจถอดถอนและแต่งตั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น นอกจากนี้ซูเปอร์บอร์ดรัฐวิสาหกิจจะเข้ามาตรวจสอบโครงการต่างๆ ของรัฐวิสาหกิจที่มีมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป ก่อนอนุมัติให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการ ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) สั่งให้รัฐวิสาหกิจส่งโครงการดังกล่าวมาให้ สคร. พิจารณา แต่ในอนาคตจะโอนงานส่วนนี้ให้ซูเปอร์บอร์ดรัฐวิสาหกิจพิจารณา
รายงานข่าวกล่าวว่า กระทรวงการคลังสั่งการให้รัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการสรรหากรรมการผู้จัดการคนใหม่ หรือจะอนุมัติโครงการใหม่ ให้ชะลอไปก่อนเพื่อ รอการแต่งตั้งซูเปอร์บอร์ดรัฐวิสาหกิจขึ้นมาพิจารณาการแต่งตั้งกรรมการใหม่ในรัฐวิสาหกิจต่างๆ ให้เสร็จก่อน
เร่งสอบโครงการ 100 ล้าน
นายประสงค์ พูนธเนศ ผอ.สคร. เผยว่า สคร.ส่งหนังสือถึงรัฐวิสาหกิจให้ส่งข้อมูลโครงการลงทุนเกิน 100 ล้านบาทเข้ามาตรวจสอบภายใน 2 สัปดาห์ ขณะนี้มีส่งมาแล้ว 20 โครงการ กระทรวงการคลังจะตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างว่าถูกต้องหรือไม่ คาดจะใช้เวลาตรวจสอบเพื่ออนุมัติแต่ละโครงการได้ไม่เกิน 7 วัน ยังบอกไม่ได้ว่าโครงการที่เกิน 100 ล้านบาทมีกี่โครงการ ต้องรอให้ส่งข้อมูลมาครบถ้วนก่อน ซึ่งคสช.กำชับว่าการตรวจสอบต้องดูแต่ละโครงการกับมูลค่าการลงทุนว่าเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงต้องเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติด้วย
นายประสงค์กล่าวถึงข่าวมีบางรัฐวิสาหกิจลดขนาดโครงการลงทุนไม่ให้เกิน 100 ล้านบาท เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกตรวจสอบว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ไม่น่าเกิดขึ้น เนื่องจากจะเข้าข่ายทุจริตโครงการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่เป็นไปตามกระบวนการ หากสตง.ตรวจพบจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้ จะเร่งให้รัฐวิสาหกิจส่งข้อมูลมาให้เร็วที่สุด หากล่าช้าจะส่งผลให้การเบิกจ่ายลงทุนล่าช้าตามไปด้วย ยิ่งขณะนี้คสช.มีคำสั่งมายังกระทรวงการคลังให้เร่งเบิกจ่ายงบลงทุนปีงบประมาณ 57 ที่ยังเหลืออยู่จำนวนมากให้เร็วที่สุด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจปี 2557 ได้รับอนุมัติวงเงิน 3.46 แสนล้านบาท แต่เบิกจ่ายไปเพียง 7.17 หมื่นล้านบาท หรือร้อยละ 20.7 เท่านั้น
กกต.รับทราบ"จารุพงศ์"ออก
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการกกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง แถลงหลังการประชุมกกต. ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. ในฐานะนาย ทะเบียนพรรคการเมือง เห็นควรตอบรับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กรณีนายจารุพงศ์ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค มีผลนับแต่วันที่ 22 พ.ค. แต่พรรคเพื่อไทยได้รับหนังสือวันที่ 16 มิ.ย. ซึ่งกกต.ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 169 ที่ระบุว่าการแสดงเจตนาของบุคคลที่ไม่ได้อยู่เฉพาะหน้า ให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่การแสดงเจตนานั้นถึงมือผู้รับ มา เทียบเคียง จึงถือว่าการลาออกของนาย จารุพงศ์ มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. ที่พรรคเพื่อไทยได้รับหนังสือลาออก ซึ่งในทางทะเบียน การลาออกจะมีผลสมบูรณ์เมื่อนายทะเบียนฯ มีหนังสือแจ้งตอบรับไปยังพรรคเพื่อไทย และประกาศต่อสาธารณะ รวมทั้งในราชกิจจานุเบกษา
ตั้งเสรีไทยไม่เกี่ยวพรรค
นายธนิศร์กล่าวว่า การลาออกของนาย จารุพงศ์ ส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคทั้งคณะพ้นไปด้วยแต่ยังต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อตามข้อบังคับพรรคจนกว่าจะมีการประชุมใหญ่ แต่ขณะนี้ยังมีประกาศ คสช.ฉบับที่ 57 ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง พรรคเพื่อไทยจึงไม่สามารถจัดประชุมใหญ่ได้ ต้องให้ชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน ทั้งนี้ นายจารุพงศ์และกรรมการบริหารที่พ้นจากตำแหน่งต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของตนเอง คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ภายใน 30 วันนับแต่ได้รับหนังสือตอบรับจากนายทะเบียนฯ แจ้งด้วยตนเองหรือแจ้งเป็นเอกสารส่งถึงสำนักงานกกต.ได้ หากไม่ดำเนินการจะมีโทษตามพ.ร.บ.พรรค การเมือง มาตรา 112 จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อถามว่านายจารุพงศ์ ตั้งองค์กรเสรีไทยฯจะเป็นเหตุเชื่อมโยงให้ยุบพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายธนิศร์กล่าวว่า แม้ช่วงระหว่างวันที่ 22 พ.ค. ถึง 16 มิ.ย. จะยังถือว่านาย จารุพงศ์เป็นหัวหน้าพรรคอยู่แต่ต้องดูการ กระทำเป็นกรณีไป ซึ่งการตั้งองค์กรเสรีไทยเกิดขึ้นหลังวันที่ 16 มิ.ย. จึงไม่ใช่การกระทำของพรรค แต่หากพ้นจากตำแหน่งไปแล้วและตรวจสอบพบว่ามีสมาชิกพรรคเกี่ยวข้องหรือตัวพรรคสนับสนุนการกระทำของนายจารุพงศ์ อาจเป็นความผิดให้ร้องยุบพรรคได้
ตั้งกก.สอบงบสภา
รายงานข่าวจากรัฐสภา แจ้งว่า นายจเร พันธุ์เปรื่อง รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะรักษาราชการแทนเลขาธิการสภา มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณ เพื่อพิจารณาตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดจ้างนาฬิกาแบบแขวนผนัง, โครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องทำน้ำร้อน-น้ำเย็นหรือตู้น้ำ, โครงการจัดซื้อจัดจ้างปูหินอ่อนบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7, โครงการปรับปรุงห้องงบประมาณ, ห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร, ห้องแลกบัตรประชาชนผู้มาติดต่อราชการ, ห้องผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา, ห้องจำหน่ายของที่ระลึก,ห้องยุทธศาสตร์ และห้องน้ำอาคารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (กษาปณ์) ถนนประดิพัทธ์
คำสั่งดังกล่าวเป็นผลจากคำสั่งคสช. ฉบับที่ 69/2557 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุจริตประพฤติมิชอบ ประกอบกับการเสนอข่าวของสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการทุจิตในสำนักงานเลขาธิการสภา ทั้งนี้ กรรมการมี 8 คน มีนายวีระพันธ์ มุขสมบัติ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ เป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบโครงการที่พบการทุจริต เรียกบุคคลมาชี้แจงข้อเท็จจริง และนายจเร ยังแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ มีนางพรรณิภา เสริมศรี ที่ปรึกษาด้านกฎหมายเป็นประธาน
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีคสช.เน้นให้ส่วนราชการดูแลเรื่องทุจริตย่างเข้มแข็งนั้น ข้าราชการหลายส่วนวิจารณ์ถึงกรณีการจ้างข้าราชการระดับสูงที่เกษียณอายุราชการไปเมื่อเดือนก.ย.2556 ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ฐานะ ผู้ชำนาญการ และได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 50,000 บาท ทั้งที่ไม่มีภารกิจหรือกรอบการทำงานที่ชัดเจน ซึ่งส่วนราชการเคยเสนอให้นายจเร ทบทวนแล้วแต่ยังไม่มีข้อสรุป
สำหรับรายชื่อข้าราชการที่เกษียณอายุราชการและได้รับการว่าจ้าง ได้แก่ 1.น.ส. ศศิเพ็ญรัตน์ พลสนะ ผู้ชำนาญการด้านสังคม 2.นายนุกูล สัญฐิติเสรี ผู้ชำนาญการด้านการเมือง 3.นายทวีเกียรติ ชวลิตถวิล ผู้ชำนาญการด้านกฎหมาย 4.นายสมพล วณิคพันธุ์ ผู้ชำนาญการด้านต่างประเทศ
ทูตจีนเชื่อมั่นศก.ไทย
เวลา 14.00 น. ที่ห้องรับรองพิเศษ 1 กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. ในฐานะรองหัวหน้าคสช. ให้การต้อนรับ นายหนิง ฟู่ขุย (H.E. Mr.Ning Fukui) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และคณะ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ
ทูตจีนกล่าวว่าสถานการณ์ที่ผ่านมาส่ง ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีนอย่างมาก แต่หลัง คสช.เข้ามาบริหารจัดการและใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆ แม้เวลาเพียง 1 เดือนก็ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจว่าการพัฒนาด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีนจะมีทิศทางที่ดีขึ้น จึงเชื่อมั่นว่านักลงทุนจีนจะกลับมาดำเนินธุรกิจการค้าในเวลาอีกไม่นานนี้ ซึ่งภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.อ.ประจิน จะทำให้การค้าระหว่างไทยกับจีนที่หยุดชะงักลงกลับมาฟื้นตัวในเร็ววันนี้ ทางการจีนจะให้ความสำคัญด้านการค้าการลงทุนกับไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ด้านพล.อ.อ.ประจินกล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่ให้ความสำคัญและเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นกับไทย พร้อมอธิบายถึงขั้นตอนการ แก้ไขปัญหาตามแนวทางของหัวหน้าคสช. เพื่อให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ในเวลาอีกไม่นานนี้ โดยระบุว่า คสช.จะดูแลชาวต่างประเทศ และนักลงทุนต่างประเทศอย่างดี ตั้งใจและจริงใจเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมาเที่ยวไทย หากมีสิ่งใดเป็นปัญหาและอุปสรรคติดต่อระหว่างกัน ขอได้แจ้งให้ทราบเพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ดำเนินด้วยความราบรื่นและยั่งยืนตลอดไป
เขียนเสาปูนทำเนียบตีรบ.ปู
วันเดียวกัน มีการเผยแพร่ภาพในสังคมออนไลน์ เป็นข้อความเขียนด้วยลายมือบนเสาปูนสีขาวของทำเนียบรัฐบาล โจมตีบุคคลในรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สื่อข่าวจึงตรวจสอบพบว่ามีอยู่จริง ปรากฏอยู่บนเสาปูนสีขาวเชื่อมต่อระหว่างประตู 1 กับประตู 2 หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ข้อความเขียนด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงิน ใช้ถ้อยคำหยาบคายรุนแรงพาดพิงถึงผู้กระทำผิดข้อหาลักลอบค้าไม้พะยูงและผู้ที่มีกองกำลังติดอาวุธ รวมทั้งติดรูปหน้าคล้ายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่คสช.สั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกฯ และข้อความโจมตี อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ทำเนียบเข้าสำรวจภายหลังยังจุดเกิดเหตุแต่ไม่พบข้อความและรูปดังกล่าว
ยื่นคสช.จัดสรรโควตาสลากฯใหม่
เวลา 10.00 น. วันที่ 25 มิ.ย. ที่ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล นายมณเฑียร บุญตัน อดีตส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการปฏิรูประบบการบริหารจัดการสลากในประเทศไทยของวุฒิสภาปี 2556 พร้อมนายธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลากกินแบ่งรัฐบาล และตัวแทนภาคประชาชน 12 องค์กร เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อคสช. ผ่านปลัดสำนักนายกฯ นายสุขสวัสดิ์ สุวรรณวงศ์ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน ศูนย์บริการประชาชน เป็นตัวแทนรับมอบ
หนังสือเรียกร้องให้ปฏิรูปสลากกินแบ่งรัฐบาลให้เป็นสลากเพื่อสังคม หยุดขายเกินราคา พร้อมเสนอร่างกฎหมายปฏิรูปสลากฯและกฎหมายเพื่อคนพิการร่วม 4 ฉบับ ขอให้ปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมถึงยกเลิกโควตาการค้าสลากฯและจัดสรรใหม่ด้วยวิธีโปร่งใส และตรวจสอบการใช้จ่ายของสำนักงานสลากฯโดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในอำนาจของผู้อำนวยการ ซึ่งมียอดจำหน่ายแต่ละงวดมากถึง 72 ล้านฉบับ รายได้จากสลากปีละเกือบ 2 หมื่นล้านบาท
นายสมชาย ปัญญ์เอกวงศ์ ประธานฝ่ายส่งเสริมอาชีพและการจ้างงานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอให้คสช. ผลักดันร่างกฎหมายเพื่อคนพิการ 3 ฉบับ 1.ร่างพ.ร.บ.การจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ 2.ร่างพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะการนำหนังสือไปทำซ้ำหรือดัดแปลง ถือว่าไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ และ 3.ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และผลักดันปฏิรูปสลากฯอย่างยั่งยืน เพื่อคืนความสุขสู่ผู้มีรายได้น้อย ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ
มะกันขู่โยกคอบร้าโกลด์ กต.เร่งแจง แค่ความเห็น-ไม่ทำจริง 'บิ๊กจิน'กังวลถูกกดดัน ถกผช.ทูตทหารรอบ 2 ตร.เล็งเอาผิดจารุพงศ์ แยกประมูล 396 โรงพัก
ตร.ส่ง 60 รายชื่อให้กองปราบปรามตามจับไม่มารายงานตัว ตั้ง กก. 5 ชุดเกาะติดสื่อ
@ มะกันจ้องทบทวนคอบร้าโกลด์
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นายสก็อต มาร์เซียล รองผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกาฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออก เข้าให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมาธิการกิจการเอเชียแปซิฟิก ในกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ตามเวลาในวอชิงตัน กล่าวถึงการยึดอำนาจโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในประเทศไทยว่า มีแนวโน้มจะกินเวลายาวนานกว่าที่คาดกันไว้ และมากกว่าการรัฐประหารครั้งที่ผ่านมาเมื่อปี 2549 และระบุว่าทางการสหรัฐอเมริกากำลังพิจารณาว่าการซ้อมรบร่วมทางทหารประจำภูมิภาคภายใต้ชื่อรหัส คอบร้าโกลด์ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในประเทศไทย ที่ตามกำหนดแล้วจะมีขึ้นในราวเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีจะดำเนินไปตามปกติหรือไม่หลังการยึดอำนาจเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
"เดิมทีเรายังคงมีความหวังว่าหลังการรัฐประหารครั้งนี้จะเหมือนกับเมื่อปี 2549 ที่กองทัพถ่ายโอนอำนาจให้กับรัฐบาลพลเรือนค่อนข้างเร็ว และนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แสดงให้เห็นว่าการรัฐประหารในครั้งนี้ มีแนวโน้มยืดเยื้อนานกว่าครั้งหลังสุดนั้น" นายมาร์เซียลกล่าว โดยยอมรับกับคณะอนุกรรมาธิการด้วยว่า การรัฐประหารส่งผลให้สหรัฐอเมริกาตกอยู่ในสถานะยากลำบาก เนื่องจากไทยเป็นพันธมิตรสำคัญในภูมิภาคเอเชีย
@ เรียกร้องเร่งจัดเลือกตั้งโดยเร็ว
"ความท้าทายที่สหรัฐต้องเผชิญก็คือ ต้องแสดงออกให้ชัดเจนว่าเราสนับสนุนการกลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยและเสรีภาพพื้นฐานอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ต้องทำให้แน่ใจได้ว่าเราจะยังสามารถรักษาและทำให้มิตรภาพกับความเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงที่สำคัญนี้แนบแน่นขึ้นในระยะยาว" นายมาร์เซียลกล่าว และว่า ทางการสหรัฐอเมริกาคาดหวังว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติต่อการยึดอำนาจในครั้งนี้จะนำไปสู่การผ่อนคลายมากขึ้นและกลับคืนสู่ประชาธิปไตยได้โดยเร็ว ในขณะที่ทางการสหรัฐอเมริกาจะยังคงเรียกร้องให้ยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกและจัดการเลือกตั้งให้เร็วขึ้นกว่ากำหนดเวลาคลุมเครือ 15 เดือนที่ คสช.กำหนดไว้ต่อไป ยอมรับตามความสัตย์จริงว่ายากมากที่จะคาดการณ์ว่าคณะรัฐประหารจะอยู่ในอำนาจอีกยาวนานแค่ไหน แต่จนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จึงไม่สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
@ ชงย้ายที่ฝึกไปออสเตรเลีย
นายมาร์เซียลกล่าวว่า ทางการสหรัฐอเมริกาได้ระงับความช่วยเหลือที่เกี่ยวเนื่องกับงานด้านความมั่นคงให้กับประเทศไทยไปแล้ว 4.7 ล้านดอลลาร์ (ราว 150 ล้านบาท) หลังเกิดการรัฐประหารตามข้อบัญญัติในกฎหมายของสหรัฐอเมริกา และยกเลิกการติดต่อสัมพันธ์ในระดับสูง การซ้อมรบทางทหารบางรายการ รวมทั้งโครงการฝึกอบรมที่จัดให้กับทหารและตำรวจของไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ทางสหรัฐยังไม่ตัดสินใจเกี่ยวกับการซ้อมรบคอบร้าโกลด์ โดย นายมาร์เซียลย้ำว่ามีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง ไม่เพียงเฉพาะกับไทยและสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ยังสำคัญต่อภูมิภาคทั้งภูมิภาคอีกด้วย แต่นั่นคือสิ่งที่กำลังจับตาอยู่ และยังคงมีเวลาอีกเล็กน้อยที่จะพิจารณาเรื่องนี้
ทางด้านนายสตีฟ ชาบ็อท ส.ส.พรรครีพับลิกัน ประธานอนุกรรมาธิการ ในฐานประธานการประชุมเพื่อรับฟังข้อเท็จจริงครั้งนี้ เสนอว่าการฝึกทางทหารคอบร้าโกลด์ ควรย้ายไปฝึกในประเทศอื่น อย่างเช่นออสเตรเลีย โดยให้เหตุผลว่าการยังคงการซ้อมรบร่วมดังกล่าวในไทยและอนุญาตให้กองทัพไทยเข้าร่วมต่อไป อาจเป็นการส่งสัญญาณผิดๆ ออกไป
@ ยังไม่เคาะแซงก์ชั่นศก.ไทย
รอยเตอร์ระบุว่า นายมาร์เซียลยังเปิดเผยต่อที่ประชุมด้วยว่า สหรัฐอเมริกาก็ยังไม่ตัดสินใจเช่นเดียวกันว่าจะอาศัยอำนาจประธานาธิบดีแซงก์ชั่นทางเศรษฐกิจต่อไทย รวมทั้งการถอนการสนับสนุนไทยในองค์กรระหว่างประเทศอย่าง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก สามารถดำเนินการได้หลังจากรายงานสภาวะการค้ามนุษย์ล่าสุดชี้ว่าไทยล้มเหลวในการจัดการกับปัญหาค้ามนุษย์ในประเทศ ในเรื่องเดียวกันนี้ สำนักข่าวเอพีระบุว่า บรรดา ส.ส.รีพับลิกันและเดโมแครต ต่างแสดงความเห็นในที่ประชุมล้วนชื่นชมต่อไทยในฐานะพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาและเป็นประเทศที่สวยงามประเทศหนึ่ง แต่พร้อมกันนั้นก็สนับสนุนการตัดสินใจระงับการให้ความช่วยเหลือทางทหารและการซ้อมรบร่วมระหว่างกันหลังการรัฐประหาร
เอพีรายงานว่า นอกจากนี้ นายมาร์เซียลยังกล่าวด้วยว่า สหรัฐอเมริกายังไม่สามารถมีสัมพันธ์ปกติกับไทยได้จนกว่าประชาธิปไตยจะได้รับการฟื้นฟู ในการรัฐประหารครั้งที่ผ่านมากินเวลานานถึง 16 เดือน
@ ปรองดองต้องไม่หวาดกลัว
"เราไม่เชื่อว่า ความปรองดองที่แท้จริงสามารถเกิดขึ้นได้ผ่านความหวาดกลัว ความเห็นที่แตกต่างและประเด็นขัดแย้งหยั่งรากลึกกระพือให้เกิดความแตกแยกนั้น จะแก้ไขได้ต้องอาศัยประชาชนไทยผ่านกระบวนการประชาธิปไตยต่างๆ เท่านั้น" นายมาร์เซียลกล่าว พร้อมทั้งระบุว่า แผนขั้นตอนปฏิบัติการหรือโรดแมปของ คสช.นั้น ค่อนข้างคลุมเครือ อย่างไรก็ตาม นายมาร์เซียลกล่าวถึงการจับกุมผู้แสดงออกถึงการต่อต้านรัฐประหารว่า ส่วนใหญ่ของผู้ที่ถูกควบคุมตัวหลายร้อยคนได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน และทางสหรัฐอเมริกาไม่ได้รับรายงานว่า ผู้ถูกควบคุมตัวเหล่านั้นถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด แม้ว่าหลายคนในจำนวนนั้นจำเป็นต้องลงชื่อในเอกสารรับประกันว่าจะไม่กระตุ้นให้เกิดความไม่สงบขึ้นอีกต่อไปก็ตาม
เอพีรายงานว่า ในที่ประชุมนายชาบ็อท แสดงความกังขาว่าเงินช่วยเหลือทางทหารปีละราว 8 ล้านดอลลาร์ของสหรัฐอเมริกานั้น ไม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งเสริมค่านิยมประชาธิปไตยในกองทัพไทยแต่อย่างใด ในขณะที่นายดานา โรห์ราบัคเคอร์ ส.ส.รีพับลิกัน แสดงความเห็นในที่ประชุมคาดหวังมากกว่านี้จากประเทศไทย เพราะประเทศนี้เป็นประเทศที่สวยงามมหัศจรรย์อย่างยิ่ง หวังว่าในอนาคตอันใกล้ไทยจะไปเป็นเช่นนั้นอีกครั้ง
@ สื่อนอกชี้ไทยแตกต่างอียิปต์
ทางด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า หลังการรัฐประหาร สหรัฐอเมริกาได้สั่งระงับเงินช่วยเหลือไปทันที 3.5 ล้านดอลลาร์ และมีการระงับความช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 1.2 ล้านดอลลาร์ในเวลาต่อมาในโครงการอย่างเช่นการฝึกอบรมว่าด้วยอาวุธปืนต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย เป็นต้น
เอเอฟพีระบุว่า ส.ส.ในที่ประชุมแสดงความกลัวว่าจีนจะฉกฉวยโอกาสที่สหรัฐหันหลังให้กับไทยเข้าไปมีอิทธิพลแทน อย่างไรก็ตาม นายมาร์เซียลไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นดังกล่าวโดยแสดงความเชื่อมั่นว่า ไม่มีอำนาจภายนอกใดๆ มีอิทธิพลล้นเหลืออย่างนั้นต่อทางการไทย รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน
เอเอฟพี ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ท่าทีของสหรัฐอเมริกาต่อไทยมีความหนักแน่น แตกต่างกันอย่างมากกับท่าทีที่แสดงต่ออียิปต์ โดยชี้ว่าทางการวอชิงตันพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเรียกการโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี แห่งอียิปต์ว่าเป็นการรัฐประหาร และแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ได้ยกเลิกการระงับความช่วยเหลือทางทหารมูลค่า 572 ล้านดอลลาร์ต่ออียิปต์แล้วหลังจากจอมพลอับเดล ฟัตตาห์ อัล ซีซี อดีตผู้บัญชาการสูงสุดอียิปต์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบใหม่
@ คสช.ไม่หวั่นย้ายคอบร้าโกลด์
ที่หอประชุมกองทัพอากาศ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะรองหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์กรณีสหรัฐอเมริกาชะลอการช่วยเหลือ และอาจย้ายสถานที่ฝึกคอบร้าโกลด์จากประเทศไทยไปประเทศอื่นว่า เรื่องนี้ทางฝ่ายความมั่นคง โดย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ในฐานะรองหัวหน้า คสช.รับผิดชอบฝ่ายความมั่นคง และต่างประเทศเป็นผู้รับผิดชอบ คงจะมีความคืบหน้าในเร็วๆ วันนี้ อย่างไรก็ตาม การฝึกคอบร้าโกลด์เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นไทยหรือสหรัฐ เชื่อว่าผลประโยชน์ร่วมกันน่าจะคำนึงถึงเป็นกรณีพิเศษมากกว่าการโยกย้ายไปอยู่ที่อื่น จะไม่ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
เมื่อถามว่า หากมีการย้ายที่ฝึกคอบร้าโกลด์จะส่งผลกระทบต่อกองทัพไทยหรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ในส่วนของกองทัพอากาศมีการฝึกกับมิตรประเทศอยู่แล้ว ทั้งประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
@ "บิ๊กจิน"ขอประชาคมโลกเข้าใจ
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า คสช.จะพยายามทำความเข้าใจว่า คสช.กำลังทำอะไรอยู่ หลังจากเราเห็นปัญหาและมาแก้ไขเพื่อให้ประชาชนอยู่ในบรรยากาศที่มีความสุข สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการการออกธรรมนูญการปกครองมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามลำดับ จนสุดท้ายมีการปฏิรูปเพื่อหาหนทางที่ดีที่สุดให้กับประเทศ เมื่อมีการกำหนดกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญออกมาใหม่ก็จะเป็นการเลือกตั้งที่สมบูรณ์ ฉะนั้นเชื่อว่าในส่วนของต่างประเทศจะเริ่มเข้าใจมากขึ้นและจะมีทิศทางเป็นบวก
เมื่อถามว่า การปฏิวัติรัฐประหารปี 2549 มีปัญหากับทางประเทศสหรัฐ หรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ในช่วงนั้นทางประเทศสหรัฐ ก็มีการกดดันเช่นเดียวกัน แต่หลังจากนั้นเมื่อทำความเข้าใจกันจนมีทิศทางที่ดีขึ้นในปี 2550 จากนั้นสถานการณ์ก็เข้าสู่ภาวะปกติ คสช.เชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น เมื่อถามว่าแต่สถานการณ์ในปัจจุบันมีการตั้งองค์กรขึ้นมาต่อต้านการทำงานของ คสช.จากต่างประเทศนั้น พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า คสช.จะพยายามทำความเข้าใจและให้การสนับสนุนการทำงานของ คสช.ทุกฝ่าย หวังจะทำงานและอยากให้ประชาคมโลกเข้าใจเหมือนกับสถานการณ์ที่เคยเป็นมาโดยเร็วเช่นกัน
@ เผยข่าวดี"จีน-เกาหลีใต้"เข้าพบ
เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวของ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จัดตั้งเสรีไทยเป็นองค์กรต่อต้านรัฐประหารนั้น พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้อยู่ คิดว่าจะมีความชัดเจนในเร็ววันนี้ ส่วนจะพัฒนาไปถึงการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นหรือไม่นั้น ไม่แน่ใจ และไม่เข้าใจถึงกติกาว่าจะตั้งได้อย่างไร อยากจะขอไปศึกษาในประเด็นนี้ก่อน
เมื่อถามว่าปฏิกิริยาต่อต้านของต่างประเทศกดดันการทำงานของ คสช.หรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ก็มีบ้าง มีความกังวลมากขึ้น แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่าการเมืองภายในเชื่อมโยงกับการต่อต้านภายนอกประเทศหรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า การเมืองภายในประเทศไทยไม่น่าจะมี เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของ นายจารุพงศ์หรือไม่ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้แสดงบทบาทอะไรที่ชัดเจนออกมา มีแต่คนรอบข้าง เพราะฉะนั้นตรงนี้จะต้องดูถึงผลกระทบที่จะตามมาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงนี้ และทำอย่างไรถึงจะหันหน้าเข้ามาร่วมมือกันเพื่อเดินหน้าไปทำโรดแมปที่ทาง คสช.วางไว้ ส่วนมาตรการแก้ปัญหากรณีต่างชาติลดการให้ความช่วยเหลือประเทศไทยนั้น ฝ่ายความมั่นคงกำลังดำเนินการอยู่ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ คิดว่าจะมีผลออกมาในเร็วๆ นี้ วันที่ 25 มิถุนายนพบกับเอกอัครราชทูตจีน และหารือความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และในวันที่ 26 มิถุนายน ทางเอกอัครราชทูตเกาหลีก็จะมาพบเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจเช่นกันและเชื่อว่านี่คือข่าวดี
@ กต.ไม่กังวลมะกันตัดงบช่วย
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อต่างประเทศรายงานว่าสหรัฐอเมริกาจะระงับช่วยเหลือด้านงบประมาณเกี่ยวกับความมั่นคงแก่ไทย พร้อมทั้งจะย้ายสถานที่ฝึกคอบร้าโกลด์ไปยังประเทศอื่นนั้น เรื่องดังกล่าวไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรือกังวล เพราะยังไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด ทั้งนี้ เรื่องความช่วยเหลือทางทหารเป็นโครงการแลกเปลี่ยนตามกฎหมาย ส่วนการย้ายสถานที่ฝึกคอบร้าโกลด์นั้นยังไม่ได้มีการตัดสินใจว่าจะย้ายจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศจะชี้แจงเรื่องนี้อย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจและไม่ให้สังคมตื่นตระหนก
@ บัวแก้วแจงปัดย้ายคอบร้าโกลด์
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชนเกี่ยวกับการทบทวนความช่วยเหลือทางการทหารของสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกา และการพิจารณาย้ายการซ้อมร่วมคอบร้าโกลด์ ว่า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน (ตามเวลาท้องถิ่น กรุงวอชิงตันดี.ซี.) นายสก็อต มาร์เซียล รองผู้ช่วยรัฐมนตรี ของสำนักงานด้านกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ได้ชี้แจงต่ออนุกรรมาธิการการต่างประเทศ ด้านภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก มีนายสตีฟ ชาบ็อท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จากรัฐโอไฮโอ เป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทย เนื้อหาของรายงานกล่าวถึงความสำคัญของไทยต่อสหรัฐ สถานการณ์การเมืองไทยก่อนการเข้ามาควบคุมอำนาจของ คสช. การดำเนินการต่างๆ ของ คสช.ภายหลังวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 การประเมินสถานการณ์และการทบทวนความร่วมมือทางการทหารบางประการ อาทิ การระงับความช่วยเหลือด้านความมั่นคงประมาณ 4.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นความช่วยเหลือที่ได้ระงับไว้อยู่แล้ว การยกเลิกการฝึกกะรัตระหว่างกองทัพเรือระหว่างไทย-สหรัฐ กำหนดจัดช่วงที่เข้ามาควบคุมอำนาจของ คสช. การให้การดังกล่าวไม่มีการกล่าวถึงการย้ายการฝึกประจำปีคอบร้าโกลด์ ตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ดีในช่วงถาม-ตอบ นายสตีฟ ชาบ็อท ได้แสดงความเห็นส่วนตัวว่าหากสถานการณ์ในประเทศไทยยังไม่มีความสงบอาจพิจารณาย้ายสถานที่การฝึกคอบร้าโกลด์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐรับทราบ แต่ไม่ถือว่าเป็นการแถลงเปลี่ยนแปลงสถานที่ฝึกหรือยึดเป็นนโยบายของสหรัฐแต่อย่างใด
@ คสช.เรียกทูตทหารแจงรอบ2
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค ทีมโฆษก คสช. ได้เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย จำนวน 22 ประเทศ เข้ารับฟังการชี้แจงการเข้ามาควบคุมสถานการณ์และแนวทางบริหารประเทศของ คสช. เป็นครั้งที่ 2 มีผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศที่ประจำประเทศไทยเดินทางมาร่วม 15 ประเทศ ส่วนประเทศที่ไม่ได้เดินทางมาร่วม มี 7 ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศ แคนาดา สวีเดน จีน อินเดีย เกาหลีใต้ ปากีสถาน รัสเซีย
พ.อ.วีรชนให้สัมภาษณ์ว่า ได้ชี้แจงผลงาน 1 เดือนของ คสช. มีจับกุมอาวุธและบุคคลร่วมขบวนการขอนแก่นโมเดล กลุ่มคนดังกล่าวมีแผนจะก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน นอกจากนี้ยังพูดถึงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนา จ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวไปแล้วกว่า 92,000 ล้านบาท รวมถึงการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถตู้ แท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ตั้งเป้าให้เห็นผลภายใน 1 เดือน ดูจากภาพรวมเป็นบรรยากาศน่าประทับใจ ผู้ช่วยทูตแต่ละประเทศระบุว่า ให้ใช้ช่องทางทหารในการสื่อสารชี้แจงข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจ ทางผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ จะนำข้อมูลที่ได้รับทราบไปชี้แจงให้กับรัฐบาลและกองทัพของแต่ละประเทศได้รับทราบเช่นกัน เราได้สัมผัสถึงความตั้งใจและจริงใจ บรรยากาศทางทหารแตกต่างจากฝ่ายการเมือง คสช.ได้ฝากบอกไปยังผู้ช่วยทูตทหารในแต่ละประเทศหากมีอะไรสงสัยให้สอบถามได้โดยผ่านช่องทางนี้ คสช.อยากแสดงให้เขาเห็นถึงความจริงใจ เปิดเผยทุกเรื่องและพร้อมตอบคำถามในเรื่องที่สงสัย
@ ทูตฯห่วงความชัดเจนคสช.
พ.อ.วีรชนกล่าวว่า หลังการชี้แจงผู้ช่วยทูตทหารเชื่อในสิ่งที่ได้อธิบายไป สิ่งที่ผู้ช่วยทูตทหารยังไม่เข้าใจและกังวลใจคือความชัดเจนในอนาคตข้างหน้าว่า คสช.จะทำอย่างไรต่อไป เพื่อจะได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปชี้แจงให้กับรัฐบาลและกองทัพของเขาได้รับทราบ เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ารัฐบาลในต่างประเทศมีปัญหากับประเทศไทยในเรื่องของแผนงานของ คสช. เขายังไม่เข้าใจ
@ ใครช่วย"จารุพงศ์-จักรภพ"ผิด
พ.อ.วีรชนกล่าวกับผู้ช่วยทูตทหารถึงกรณีการเคลื่อนไหวของนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้า พท. ในฐานะเลขาธิการองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย และนายจักรภพ เพ็ญแข ได้ใช้ต่างประเทศเป็นฐานโจมตีการทำงานของ คสช.ว่า วันนี้ คสช.ก็ไม่ได้ขอร้องโดยตรง เพียงแต่ชี้แจงให้เห็นว่าสถานภาพของทั้ง 2 คนนั้น ทำผิดกฎหมายไทย และมีหมายจับ ใครดูแลและให้ความช่วยเหลือ หรืออำนวยความสะดวกย่อมมีความผิด ไม่ต้องคิดถึง คสช.หรือทหาร แต่ขอให้นึกถึงคนไทยทั้งประเทศว่าระหว่างคุณค่าของ 2 คนนี้กับคนไทยทั้งประเทศ อยากให้พิจารณาว่าจะให้ความสำคัญกับคนกลุ่มไหนมากกว่ากัน ใครที่สำคัญที่สุด ทราบมาว่าในส่วนของนายจักรภพ จะเดินทางไปปราศรัยที่ฮ่องกง แต่ได้เปลี่ยนแปลงให้นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมไปขึ้นเวทีแทน ส่วนนายจารุพงศ์ไม่แน่ชัดว่าอยู่ประเทศไหน หัวหน้า คสช.ได้มีนโยบายในการดำเนินการกับบุคคลดังกล่าวนี้ โดยขอความร่วมมือจากต่างประเทศ ใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องของกระทรวงการต่างประเทศในการประสานงานเพื่อขอความร่วมมือ
@ ไม่ให้ความสำคัญสร้างกระแส
พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงกรณีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ก่อตั้งเสรีไทยต่อต้านรัฐประหารว่า ไม่อยากให้สังคมให้น้ำหนักมากไป เพราะยังไม่อยู่ในระดับที่มีผลกระทบใดๆ การติดตามข่าวนี้คงเป็นเพียงแบบกว้างๆ ทั่วไป ไม่ได้เฉพาะเจาะจง ปกติถ้าพบมีประเด็นข่าวไหนมีผลต่อการรับรู้สังคมจริง ไม่ใช่ข่าวที่เน้นสร้างกระแสถึงจะมีการชี้แจงให้ข้อมูลตอบกลับไปตามความเหมาะสม การเคลื่อนไหวใดๆ ในลักษณะยุยงปลุกปั่น ให้คนกระด้างกระเดื่องแล้วไปกระทำในต่างประเทศถือว่ามีข้อจำกัดในตัว เพราะในหลายประเทศส่วนใหญ่ จะไม่ยอมให้ใครมาเคลื่อนไหวแบบนี้ในประเทศตนเองเช่นกัน มิฉะนั้นอาจถูกมองเป็นเรื่องการแทรกแซงภายในได้ ถือว่าผิดมารยาท ที่สำคัญยังเชื่อว่าผู้บริโภคข่าวสารส่วนใหญ่มีวิจารณญาณพอสามารถแยกแยะได้ และคงไม่ได้ให้ความสำคัญหรือเชื่อถือในทุกๆ ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ โดยเฉพาะผ่านทางโซเชียลมีเดีย จึงไม่อยากให้มีการขยายผลสร้างกระแสกันไปจนเกินเหตุ
@ คสช.ตั้งกก.5ชุดจับตาสื่อ
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝ่ายกิจการพิเศษ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อติดตามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ครั้งที่ 1/2557 ที่ตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาล ภายหลัง คสช.มีคำสั่งเฉพาะที่ 12/2557 ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักนายกรัฐมนตรี และกรมประชาสัมพันธ์ การประชุมมีการพิจารณาถึงการปรับโครงสร้างอำนาจหน้าที่ แบ่งออกเป็น 5 คณะ คือ คณะติดตามข้อมูลด้านสื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ ให้ กสทช.เป็นประธานคณะทำงาน
ขณะที่ด้านสื่อสิ่งพิมพ์ตำรวจสันติบาลจะเป็นประธานคณะทำงาน ด้านข่าวสารสื่อสังคมออนไลน์ มีปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นประธาน และด้านข้อมูลข่าวสารต่างประเทศมีปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน คณะทำงานมีหน้าที่ชี้แจงให้ประชาชนและสื่อมวลชนต่างๆ ได้เข้าใจการทำงานของ คสช. พร้อมกับระงับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารส่อไปในทางสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และข้อมูลที่เป็นเท็จ หากพบข้อมูลที่เป็นเท็จกระทบกับการทำงานของ คสช. ให้รายงานข้อมูลให้กับหัวหน้า คสช.ทราบทันที รวมทั้งจัดรายงานสรุปประจำวัน ประจำสัปดาห์ เสนอหัวหน้า คสช. และประธานคณะกรรมการเพื่อติดตามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะรับทราบ หากพบข้อสงสัยในการเผยแพร่ให้รายงานฝ่ายเลขานุการคณะทำงานทราบเบื้องต้นก่อนประสานหน่วยงานต้นเรื่องดำเนินการแก้ปัญหา
@ กอ.รมน.จัดปรองดองระดับภาค
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) มีแนวคิดจัดกิจกรรมแบบบูรณาการร่วมในระดับภาค สนับสนุนการปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป โดยให้ ศปป.กอ.รมน.ภาค จัดกิจกรรมในจังหวัดที่มีความพร้อม (1 ภาค 1 จังหวัด) แบบบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ รวมทั้งคืนความสุขให้กับประชาชน โดย ศปป.กอ.รมน.ภาค 1 จัดที่ จ.สระบุรี ศปป.กอ.รมน.ภาค 2 จัดที่ จ.นครราชสีมา ศปป.กอ.รมน.ภาค 3 จัดที่ จ.พิษณุโลก และ ศปป.กอ.รมน.ภาค 4 จัดที่ จ.นครศรีธรรมราช รูปแบบของงาน จัดให้มีเวทีกลางสำหรับจัดกิจกรรมการประชุมเสวนา/พูดคุย ระหว่างแกนนำ นักการเมือง ภาคประชาชน และผู้เห็นต่างเพื่อหาจุดร่วมช่วยให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า นอกจากนี้มีการแสดงดนตรี การละเล่นพื้นบ้าน กีฬา มีการออกบูธจำหน่ายสินค้าและสินค้าเกษตรราคาถูก ด้านสถานที่จัดกิจกรรมขึ้นอยู่กับการพิจารณาตามแต่ละจังหวัดตกลงใจ กำหนดจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 7-15 กรกฎาคมนี้ ใช้เวลาจัด 3-5 วัน เมื่อจัดกิจกรรมร่วมครบทั้ง 4 ภาคแล้ว จะจัดกิจกรรมในลักษณะบูรณาการดังกล่าวในกรุงเทพฯต่อไป
@ มท.ถกปลัดมอบนโยบายคสช.
ที่กรมโยธาธิการและผังเมือง นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับการขับเคลื่อนนโยบายของ คสช. ของกระทรวงมหาดไทยในวันที่ 26 มิถุนายน จะมีการประชุมกับปลัดจังหวัดทั่วประเทศที่วิทยาลัยปกครอง เพื่อมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนงานเร่งด่วนตามนโยบายของ คสช. ในช่วงบ่ายจะไปรับนโยบายกับหัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ คสช.ในการแก้ไขปัญหาทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ คสช.ให้ทุกกระทรวงไปจัดทำแนวทางแก้ไขปัญหา กระทรวงมหาดไทยได้วางโครงร่างไว้เสร็จแล้ว รอนำเสนอเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากหัวหน้าฝ่ายกฎหมายฯ เพื่อนำมาปรับปรุงและวางเป็นนโยบายสำคัญเพื่อประกาศเป็นแนวทางการทำราชการและการดูแลท้องถิ่นของกระทรวงมหาดไทยมีความเคร่งครัดมากขึ้น
@ ตร.หาหลักฐานเอาผิด"จารุพงศ์"
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม กล่าวกรณีนายจารุพงศ์ว่า ในส่วนของการดำเนินงาน ขณะนี้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. มอบให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.ในฐานะดูแลงานด้านความมั่นคงเป็นผู้ดูแลในเรื่องนี้
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) สั่งการให้ติดตามความเคลื่อนไหว และตรวจสอบคำแถลงการณ์ดังกล่าวด้วย เพื่อพิจารณาว่าคำแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ มอบหมายให้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการศึกษา (รอง ผบช.ศ.) ช่วยราชการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นำคำแถลงการณ์มาถอดความ เพื่อตรวจสอบว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ และจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าในที่ประชุมกรรมการด้านกฎหมาย บช.น.พิจารณา เพื่อความรอบคอบในการปฏิบัติงาน และการวางมาตรการดำเนินการอีกครั้ง
@ จัดชุดตามจับไม่มารายงานตัว
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สำหรับบุคคลที่ไม่มารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. สั่งการให้ พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) รรท.ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) ออกคำสั่งกองบังคับการปราบปราม ที่ 173/2557 เรื่อง แต่งตั้งชุดปฏิบัติการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดคดีความมั่นคง มอบหมายให้ พล.ต.ต.นรบุญจัดชุดปฏิบัติการสืบสวนจับกุม ผู้กระทำผิดฐานไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. และผู้ต้องหาตามหมายจับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ขึ้น 5 ชุด ประกอบด้วย พ.ต.อ.ประสพโชค
พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เป็นหัวหน้าควบคุมชุดปฏิบัติการฯ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผกก.1 ป. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติที่ 1 พ.ต.อ.นิรันด์ นามสุวรรณ ผกก.2 ป. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 2 พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณะเกษม ผกก.3 ป. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 3 พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4 ป. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 4 พ.ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผกก.5 ป. เป็นรองหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 4 พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผกก.6 ป. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5 และ พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษฯ รรท.ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษกองบังคับการปราบปราม เป็นรองหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าว ให้หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิจารณาจัดกำลังประกอบชุดปฏิบัติการตามความเหมาะสม เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ให้มีอำนาจทำการสืบสวนจับกุมในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร โดยเฉพาะความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ความผิดมาตรา 112 มาตรา 116 ความผิดเกี่ยวกับฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช. และความผิดอื่นๆ ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย
@ ตร.ส่ง60ชื่อให้กองปราบฯจับ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า มีการรวบรวมรายชื่อผู้ต้องหาตามหมายศาลทหาร ฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่งเรียกมี 60 รายชื่อ เพื่อให้ชุดปฏิบัติการสืบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ที่ตั้งขึ้น 5 ชุด ดำเนินการสืบสวนจับกุม ประกอบด้วย 1.นายสำราญ สายชนะ 2.น.ส.จิตรา คชเดช 3.ด.ต.พิพัฒน์ พรรณสุวรรณ์ 4.นายสิรภพ กรณ์อรุษ 5.นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ 6.นายธนเดช เอกอภิวัชร์ 7.นายณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม 8.นางหน่อย แดงเป้า 9.นายอรรถชัย อนันตเมฆ 10.นายยอดเยี่ยม ศรีมันตะ 11.นายสุนัย จุลพงศธร 12.น.ส.ณัฐ สัตยาภรณ์พิสุทธิ์ 13.นายธีร์ บริรักษ์ 14.นายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล 15.น.ส.สุดา รังกุพันธุ์ 16.นายชัยอนันต์ ไผ่สีทอง 17.นายพฤทธิ์นรินทร์ ธนบริบูรณ์สุข 18.นายนิธิวัต วรรณศิริ 19.น.ต.ชนินทร์ คล้ายคลึง 20.นายศรัณย์ ฉุยฉาย 21.นายไตรรงค์ สินสืบผล 22.นายชฤต โยนกนาคพันธุ์ 23.นายวัฒน์ วรรลยางกูร 24.นางดารุณี กฤตบุญญาลัย 25.นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ 26.นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ 27.นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ 28.นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล 29.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ 30.นายจรัล ดิษฐาอภิชัย 31.นายสงวน พงษ์มณี
32.นายวิสา คัญทัพ 33.นางไพรจิตร หรือไพรจิตร อักษรณรงค์ 34.พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ 35.นายใจลล์ ใจ อึ๊งภากรณ์ 36.นายจักรภพ เพ็ญแข 37.นายพิษณุ พรหมสร 38.นายองอาจ ธนกมลนันท์ 39.นายอำนวย แก้วชมภู 40.นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน 41.นางจรรยา ยิ้มประเสริฐ 42.นายเอกภพ เหลือรา 43.นายเสน่ห์ ถิ่นแสน 44.นายภิเษก สนิทธางกูร 45.นายสันติ วงษ์ไพบูรณ์ 46.นางมนัญชยา เกตุแก้ว 47.นางฉัตรวดี อมรพัฒน์ 48.นายจตุเทพ หรือเลอพงษ์ วิไชยคำมาตย์ 49.นายทนง ศิริปรีชาพงษ์ 50.นายอุสมาน สะแลแมง 51.นายฉกาจ คหบดีรัตน์ 52.นายชัยพฤกษ์ สมานรักษ์ 53.นายรัสฤษฎิ์ ธิยาโน 54.นายชัชชาญ บุปผาวัลย์ 55.นายยงยุทธ บุญดี 56.น.ส.อัมรา วัฒนกูล 57.นายเกษมสันติ หรือเกษมสันต์ จำปาเลิศ 58.นายนิทัช ศรีสุวรรณ 59.น.ส.นุ่มนวล ยัพราช และ60.นายวิระศักดิ์ โตวังจร
@ "สงวน พงษ์มณี"มอบตัว
ที่กองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสงวน พงษ์มณี อดีต ส.ส.ลำพูน เขต 1 พรรคเพื่อไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. กรณีไม่เข้ารายงานตัวตามกำหนด มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อมอบตัวตามหมายจับดังกล่าว
นายสงวนกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ไปอาศัยอยู่ต่างประเทศ แต่ขอไม่ระบุว่าเป็นประเทศใด นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตั้งใจว่าจะอยู่เมืองนอกไปจนกว่าประเทศไทยจะได้รัฐบาลใหม่ แต่หลังจากทราบข่าวผ่านทางสื่อมวลชนหลายแขนงว่าถูกศาลทหารออกหมายจับในความผิดดังกล่าว เนื่องจากไม่ได้เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา จึงเดินทางกลับประเทศ และติดต่อกับทนายความเพื่อเข้ามอบตัวในครั้งนี้
นายสงวนกล่าวว่า สาเหตุที่ไม่ได้เดินทางเข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.ก่อนหน้านั้น เป็นเพราะคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และยังอาศัยอยู่ในต่างประเทศ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ แล้ว แม้จะมีตำแหน่ง ส.ส.ลำพูน ก่อนที่ คสช.จะยึดอำนาจรัฐบาล ประกอบกับปัจจุบันมีโรคประจำตัวหลายอย่าง ต้องเตรียมพร้อมเข้ารับการผ่าตัดที่ลำคออีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทางทนายความได้ประสานกับญาติเตรียมหลักทรัพย์เพื่อยื่นขอประกันตัวไว้แล้ว