WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

95ป


ตู่ให้เลิก'รากหญ้า' สั่งใช้คำ 'มีรายได้น้อย'แทน 
ไม่ให้แบ่งชนชั้น'ไก่อู'แจง-แค่มุข อ๋อยชี้'ประยุทธ์'คือประธานคปป. 'ป๋า'ชื่นชม'คสช.'ปรองดองได้แน่

        'บิ๊กตู่'ฮึ่มงัดมาตรา 44 ห้ามเรียก 'รากหญ้า' แต่ให้ใช้คำว่าคนที่มีรายได้น้อย มีการศึกษาน้อยแทน ระบุต้องยกระดับให้มีความเท่าเทียม ไม่มีแล้วการแบ่งชนชั้นวรรณะ รวมทั้งอำมาตย์ด้วย ด้าน'ไก่อู'โฆษกรัฐบาลแจงแทนนายกฯแค่ปล่อยมุข ประยุทธ์นำครม.-คสช.-ผบ.เหล่าทัพเข้าบ้านสี่เสา อวยพรวันเกิดพล.อ.เปรม ด้านป๋าออกปากชื่นชมทั้งคณะภูมิใจที่เสียสละ มั่นใจทำประเทศชาติปรองดองได้ บวรศักดิ์โวลั่นรธน.ใหม่ดีกว่าฉบับ 2540, 2550 โดยเฉพาะการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ เหมาะสำหรับประเทศไทยช่วงระยะเปลี่ยนผ่าน แจงวุ่นคปป.บัญญัติไว้เพื่อแก้วิกฤตประเทศ 'อ๋อย'ดักคอคสช.ฟันธงคนที่จะมานั่งเป็นประธานไม่พ้น'บิ๊กตู่' สปช.จังหวัดเชื่อถ้ารธน.โหวตผ่านจะแพ้ประชามติด่านสุดท้าย

 

วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9038 ข่าวสดรายวัน

 

 


อวยพร - พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดบ้านให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นำครม. คสช. และผบ.เหล่าทัพ เข้าอวยพรวันเกิดครบ 95 ปี ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ กทม. เมื่อวันที่ 26 ส.ค.

 

'ตู่'นำครม.-ผบ.เหล่าทัพอวย'ป๋า'

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 ส.ค. ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดบ้านพัก ให้ข้าราชการระดับสูง ทหาร ตำรวจ และนักธุรกิจ เข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 95 ปี ย่างเข้า 96 ปี โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม และครม. ประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายวิษณุ เครืองาม พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองผบ.ทบ. ในฐานะรมว.เกษตรและสหกรณ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น

       ขณะที่ผู้นำเหล่าทัพ อาทิ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน ในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผบ.ทบ. พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. พร้อมกับนายทหารระดับสูงเข้าร่วมอวยพร รวมถึงคู่ชิงแคนดิเดต ผบ.เหล่าทัพด้วย

'ป๋าเปรม'ดีใจ-ภูมิใจเป็นผู้เสียสละ

      พล.อ.ประยุทธ์ นำกล่าวอวยพรพล.อ.เปรมว่า ขออำนวยพรด้วยความรักและความเคารพ พล.อ.เปรม ซึ่งทุกคนตระหนักอยู่เสมอถึงการอุทิศตนเพื่อทำคุณประโยชน์กับประเทศชาติอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ดังนั้น เกียรติ ประวัติคุณงามความดี การดำรงตนอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรีและเป็นผู้มีความจงรักภักดียิ่งต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำให้เป็นที่เคารพยกย่อง เชิดชู และทุกคนได้ยึดพล.อ.เปรม เป็นต้นแบบทั้งการตอบแทนคุณแผ่นดิน ยึดถือความซื่อสัตย์สุจริต ความถูกต้องเป็นที่ตั้ง มุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มความสามารถ และขอให้พล.อ.เปรมมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์

ด้านพล.อ.เปรมกล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ตนภูมิใจ ดีใจและมั่นใจมาก ที่นายกฯ พล.อ. ประวิตรและเหล่าทัพได้แสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี ความเสียสละ ความจงรักภักดีให้ประชาชนได้เห็น ตราบใดที่เหล่าทัพยังดำรงไว้ซึ่งความเข้มแข็ง ความรักสามัคคี เป็นพี่เป็นน้องกัน ตราบนั้นมั่นใจว่าทั้งนายกฯ พล.อ.ประวิตรและคนอื่นๆ ที่ดูแลชาติบ้านเมืองจะทำได้ แม้จะยากเพียงใดก็ตาม มั่นใจว่าถ้าพวกเรายังดำรงความรัก ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมใจกันเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อมอบให้ประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และคนอื่นๆ จะนำความสุขคืนให้ประชาชน และเกิดความปรองดองในชาติได้แน่นอน

แนะให้รักกัน-จับมือกันทำงาน

      พล.อ.เปรม กล่าวว่า ขอให้ทุกคนร่วมมือกันอย่างนี้ รักกันอย่างนี้ตลอดไป เพราะจะสร้างเกียรติประวัติให้กองทัพ และรัฐบาล อีกทั้งเราจะมีความสุขบนความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบาก บนความเสียสละที่เรามีให้คนไทยทุกคน ตนขอชื่นชม และขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้มองเห็น ขอให้ประชาชนมองเห็นความเสียสละของพวกเรา ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในหน้าที่ที่ปรารถนา ทำให้ประเทศไทยเกิดความรัก สามัคคี ปรองดองกัน แม้จะมีความเห็นแตกต่างกันก็รักกันได้

"ผมมั่นใจในตัวผบ.เหล่าทัพ มั่นใจในตัวนายกฯ มั่นใจในตัวพล.อ.ประวิตร และมั่นใจทุกคนว่าจะทำสิ่งดังกล่าวได้ ขอให้ช่วยกันเพื่อนำทางสู่ความสำเร็จ เพราะจะเป็นของขวัญให้คนไทยทุกคน และถวายเป็นพระราช กุศุลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ประธานองคมนตรี กล่าว

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานวันเกิด พล.อ. เปรมได้มอบของที่ระลึกให้กับผู้ร่วมงานคือ หนังสือชื่อ "พอ หลักธรรมแห่งความพอเพียง" เป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และซีดีเรื่องเล่าเมืองสงขลา เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ของนายวิษณุ เครืองาม "28 ปี มูลนิธิประวัติศาสตร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" ขณะที่บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักและชื่นมื่นอย่างยิ่ง

      ทั้งนี้ หลังจากอวยพรจบ นายกฯ และรองนายกฯ เข้าไปพูดคุยกับพล.อ.เปรม เป็นการส่วนตัวภายในห้องรับรองประมาณ 20 นาทีก่อนเดินทางกลับ

 

เผยป๋าอวยพรให้ทำงานสำเร็จ

       เวลา 09.40 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดพล.อ.เปรมว่าท่านไม่ได้ห่วงอะไร แต่อยากให้มีความรัก สามัคคีกันในเหล่าทัพ ซึ่งแต่ละเหล่าทัพก็รัก สามัคคีกันอยู่แล้ว และหากเป็นแบบนี้จะทำให้ประเทศชาติเข้มแข็ง โดยพล.อ.เปรมห่วงใยในทุกเรื่อง อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้สำเร็จด้วยดี ได้ให้กำลังใจนายกฯ และครม.ทั้งหมด ทั้งนี้ ทุกคนก็ทุ่มเททำงานอยู่แล้ว ถึงอย่างไรต้องทำให้สำเร็จ ต้องอดทนทำเพื่อประชาชน

"ส่วนที่พล.อ.เปรมอยากให้ นายกฯและผมจับมือร่วมกันแก้ไขปัญหาประเทศชาตินั้น ผมจับมือกันอยู่แล้ว นายกฯกับผมไม่มีอะไรกัน จับมือร่วมกันทำงาน แต่สื่อพยายามเขียนข่าวให้ผมชกต่อยกันทุกวัน ผมไม่เคยขัดแย้งกัน ส่วนข้อคิดเห็นบางครั้งอาจจะตรงและไม่ตรงกันบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ส่วนใหญ่ไปด้วยกันได้ตลอด เพราะเราทำงานกันมาตั้งแต่เด็ก รู้ว่านิสัยใจคอแต่ละคนเป็นอย่างไร และทุกคนมุ่งหวังทำเพื่อประเทศชาติ และสถาบัน ประชาชน" พล.อ.ประวิตรกล่าว

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ส่วนการพูดคุยระหว่างพล.อ.เปรม กับ พล.อ.ประยุทธ์ และรองนายกฯ นานกว่า 20 นาทีนั้น กราบเรียนให้ทราบถึงความก้าวหน้าในการดำเนินการทั้งหมด ที่รัฐบาลทำในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งพล.อ.เปรมก็ไม่ได้เป็นห่วง พร้อมทั้งมั่นใจในตัวนายกฯ ที่ทุ่มเททำงานทุกอย่าง โดยนายกฯ พูดตลอดว่าไม่ต้องการอำนาจ แต่ทำทุกอย่างให้กับประชาชนและประเทศชาติเพื่อให้เกิดความมั่นคงและถาวร สิ่งที่ต้องการคือให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เรื่องเหล่านี้ นายกฯ ได้เรียนให้พล.อ.เปรมทราบ

 

บิ๊กป้อมโต้คปป.-ไม่ใช่รัฐซ้อนรัฐ

      เมื่อถามถึงกระแสคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ส่วนจะดำเนินการอย่างไรก็พิจารณากัน ใครมีอำนาจอย่างไรก็ใช้ไป สปช.ว่าอย่างไรก็ตามนั้น รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ไม่ได้ เพราะสปช.ต้องหมดวาระภายหลังลงคะแนนเสียง หากโหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ รัฐบาลและคสช.จะดำเนินการทุกอย่างตามโรดแม็ปและรัฐธรรมนูญชั่วคราว

เมื่อถามว่าได้พิจารณามาตราต่างๆ ในร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่อยากก้าวล่วงหน้าที่ของ สปช. ต้องปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ส่วนที่วิจารณ์ถึงคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) เป็นรัฐซ้อนรัฐนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ใช่ หน้าที่ของคปป.ไม่ซ้ำซ้อนกับฝ่ายการบริหาร แต่จะมาเกี่ยวข้องต่อเมื่อบ้านเมืองเดินต่อไปไม่ได้ ซึ่งเราไม่ต้องการให้เกิดการปฏิวัติอีก คปป.จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ ตามจุดมุ่งหมายที่เขาทำ ขึ้นมา หากเกิดความขัดแย้งจนต้องประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ยังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ คปป.จะเข้ามาดูแล ซึ่งนายกฯ เป็นประธาน คปป. อย่าคิดมาก ไม่มีปัญหา ถือเป็นเจตนาที่ดี ส่วนใครจะคิดอย่างไรก็ว่ากันไป

เมื่อถามว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า มีคนตั้ง 67 ล้านคน จะมาถามตนอย่างนี้ได้อย่างไร ใครอยากเขียนก็เขียนไป อย่ามาถาม ส่วนการปฏิรูปด้านต่างๆ ก็อยากให้ดำเนินการตามขั้นตอน เพราะในร่างรัฐธรรมนูญมี คปป.และคณะกรรมการปฏิรูปแห่งชาติอยู่แล้ว

 

กห.สั่งทำความเข้าใจกลุ่มต้านรบ.

ด้านพล.ต.คงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหม ซึ่งมีพล.อ.ประวิตรเป็นประธานว่า พล.อ.ประวิตรเน้นย้ำหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผบ.เหล่าทัพ ตามที่ตรวจพบเว็บไซต์หลักของหน่วยราชการอย่างน้อย 3 แห่งในจังหวัดต่างๆ ถูกแฮกโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ใช้ชื่อว่าฟาลากาทีม (Fallaga Team) มาจากตูนิเซีย พล.อ.ประวิตรจึงขอให้ช่วยกันสร้างความตระหนักและรู้ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศต่อกำลังพลทุกระดับ พร้อมกำชับหน่วยงานที่รับผิดชอบติดตาม เฝ้าระวัง กำหนดมาตรการเพื่อไม่ให้ส่งผล กระทบต่อระบบข้อมูลสำคัญและการปฏิบัติการของหน่วย

พล.ต.คงชีพกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรยังเน้นย้ำให้ช่วยกันสร้างความเข้าใจกับกลุ่ม ผู้คัดค้านและต่อต้านโครงการของรัฐบาล เพื่อไม่ให้รัฐบาลต้องหยุดหรือชะลอโครงการ จนเสียโอกาสพัฒนาประเทศ ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพสนับสนุนโครงการรัฐ หากมีการร้องขอเข้าร่วมชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มที่คัดค้านต่อต้านโครงการรัฐบาล เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และให้ประชาชนตระหนักถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการแก้ปัญหาประเทศให้ยั่งยืนต่อไป

 

บิ๊กนมชงเข้ากระทรวง-ลั่นทุ่มเท

       เมื่อเวลา 07.00 น. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัล ยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางเข้ากระทรวงเกษตรฯเป็นวันแรก เพื่อสักการะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลท้าวเวสสุวรรณ ศาลตายาย และพระพิรุณทั้ง 2 องค์

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ตนยังรับราชการทหารอยู่ เหลือเวลาอีก 1 เดือนจะเกษียณ จากนั้นจะทำงานในฐานะรมว.เกษตรฯเพียงอย่างเดียว จะทุ่มเททำงานเต็มที่ทั้ง 2 อย่างแต่จะเน้นทำงานให้กระทรวงเกษตรฯเป็นงานหลักตามแนวทางของรัฐบาล และสานต่อนโยบายที่อดีตรมว.เกษตรฯทำไว้ เท่าที่ดูข้อมูลได้วางรากฐานดีอยู่แล้ว ตนจะเข้ามาเพื่อเร่งรัดการทำงานให้กระชับขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลเกษตรกร เพราะที่ผ่านมาฐานข้อมูลเกษตรกรยังไม่ครอบคลุมทุกมิติ การช่วยเหลือจึงทำได้ยาก และข้อมูลต้องลึกกว่าใครทำอะไร อยู่ตรงไหน แต่ต้องดูว่าเดือดร้อนอย่างไร มีอาชีพเสริมหรือไม่ มีกี่คนในครอบครัว

รมว.เกษตรฯกล่าวว่า นโยบายที่จะทำให้สำเร็จคือ ลดต้นทุนการผลิตในทุกภาคเกษตรกร เช่น ข้าว บางพื้นที่พบว่ามีต้นทุนไม่เกิน 3 พันบาทต่อไร่ แต่ส่วนใหญ่พบว่าปลูกข้าวโดยใช้ต้นทุน 5 พันบาทต่อไร่ ยิ่งในภาวะราคาข้าวตามตลาดยังอยู่ที่ 6 พันกว่าบาทต่อตันก็เจ๊ง ดังนั้นจะลองทำดูให้ได้ ส่วน การแก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย ขาด การรายงานและไร้การควบคุม (ไอยูยู) เบื้องต้นมอบให้นายวิมล จันทรโรทัย รองปลัด กระทรวงเกษตรฯ ตั้งทีมงานดูรายงานความคืบหน้าไอยูยูของกรมประมงให้รอบคอบ ก่อนส่งให้สหภาพยุโรป(อียู) ภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้

 

ชงตั้งปลัดก.เกษตรฯ-อังคารหน้า

      ต่อมาพล.อ.ฉัตรชัยเปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 1 ก.ย.นี้จะเสนอให้มีการแต่งตั้งปลัดกระทรวงเกษตรฯคนใหม่แทนนายชวลิต ชูขจร ที่ครม.มีมติให้โอนไปรับตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษ ประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องรีบด่วน ที่ต้องทำให้เร็วที่สุด กระทรวงเกษตรฯไม่ควรขาดผู้บริหารระดับสูงนานเกินไป ปัญหา ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องขับเคลื่อนอย่างเป็นกระบวนการ โดยผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อนั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีความเหมาะสม มีความรู้ ความสามารถ มีความเป็นไปได้ทั้งบุคลากรภายในและนอกกระทรวง ที่สำคัญบุคคล ดังกล่าวต้องสามารถผลักดันนโยบายของ นายกฯได้

       พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่าการโยกย้ายนายชวลิตเป็นปัญหาที่สะสมมานาน ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคำสั่งนี้ และอีกอย่างนายชวลิตอยู่ในตำแหน่งปลัดกระทรวงมา 3 ปีแล้ว ใกล้ครบวาระที่ต้องเปลี่ยนแปลง ถือโอกาสดำเนินการไปเลย ส่วนการแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 นั้นต้องใช้ระยะเวลาพิจารณาดูความเหมาะสม เนื่องจากตอนนี้ยังไม่รู้จักใครเลย

 

เลขาฯครม.แจ้งรมต.ใหม่ยื่นบัญชี

      รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมครม.วันที่ 25 ส.ค. เลขาธิการครม.ชี้แจงให้ครม.ใหม่ รับทราบข้อปฏิบัติ อาทิ การยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช. โดยรัฐมนตรีใหม่ให้ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯครั้งเดียวภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เข้ารับตำแหน่ง ส่วนรัฐมนตรีที่ปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ให้ยื่นบัญชีรวม 3 ครั้งคือ 1.ยื่นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งเดิม วันที่ 19 ส.ค.-17 ก.ย. 2.ยื่นภายใน 30 วันนับแต่วันที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ นับตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.-23 ก.ย. และ 3.ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งเดิมมาแล้วครบ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.-17 ก.ย.2559

      สำหรับเอกสารที่ครม.ต้องยื่นต่อป.ป.ช. ประกอบด้วย 1.บัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินที่มีอยู่จริงในวันที่เข้ารับตำแหน่งหรือวันพ้นจากตำแหน่ง ทั้งของตนเอง คู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทรัพย์สินที่มอบหมายให้อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของบุคคลอื่น ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม 2.สำเนาหลักฐานที่พิสูจน์ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินในข้อ 1 และ 3.สำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมา

      นอกจากนั้น ยังแจ้งให้รับทราบถึงการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองและกรรมการของผู้ช่วยรัฐมนตรี ซึ่งรองนายกฯแต่งตั้งที่ปรึกษาได้ 1 คน รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมืองได้ 1 คน ประจำสำนักเลขาธิการนายกฯได้ 1 คน และกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีได้ 1 คน ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ตั้งที่ปรึกษาได้ 1 คน เลขานุการ 1 คน ส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการ ตั้งที่ปรึกษาได้ 1 คน และผู้ช่วยเลขานุการได้ 1 คน

 

บิ๊กตู่ลั่นใช้ม.44 ห้ามเรียก'รากหญ้า'

      ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีฯ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ปฏิรูปการศึกษา...สร้างอนาคตประเทศไทย" จัดโดย กมธ.ปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สปช. ตอนหนึ่งว่า ตนไม่คิดว่าปัญหาจะมีมาก ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 เข้ามาทำงาน พอแตะอะไรก็ต้องทำทั้งหมด ไม่รู้ที่ผ่านมาไปอยู่ตรงไหน จึงต้องปฏิรูปทั้งหมด ที่ผ่านมามีการแบ่งแยกหลายความคิด รัฐบาลจึงมีหน้าที่ต้องตัดสินใจ ดูแลเรื่องต่างๆ ทั้งหมด สิ่งที่พยายามทำวันนี้คือการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศและการปฏิรูปอีก 11 ด้าน

     "การเมืองก็เช่นกัน ถ้าต่างคนต่างทะเลาะก็เป็นปัญหา แต่ถ้าต่างคนต่างยอมรับว่าเป็นผลประโยชน์ของชาติ แม้จะเห็นไม่ตรงกัน แต่เมื่อเป็นประโยชน์ส่วนรวม เราต้องพร้อมร่วมมือเดินไปข้างหน้า ทำแค่นี้ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำไม่ได้ ทุกอย่างที่ผมทำ ผมต้องการเพียงแค่นี้ นักการเมือง ประชาชน หรือฝ่ายใดต้องร่วมมือพาประเทศเดินไปให้ได้ อะไรที่ขัดแย้งหรือเป็นปัญหาก็ค่อยๆ ทำกันไป ไม่ใช่จะเอาทุกอย่างทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ แล้วมันจะเดินไปตรงไหนได้ วันนี้ผมขออนุญาตใช้มาตรา 44 ไม่ให้ใครในประเทศนี้ ห้ามเรียกคนว่ารากหญ้า ให้เรียกว่าคนที่มีรายได้น้อย มีการศึกษาน้อย เราต้องยกระดับพวกเขาให้เท่าเทียม วันนี้บ้านเมืองเราไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นแล้ว ไม่มีอำมาตย์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น" นายกฯกล่าว

 

อัดนักการเมืองกลัวสืบทอดอำนาจ

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา ทำงานอย่างบูรณาการ ทำแผนใช้จ่ายงบประมาณ ต้องหารือร่วมกันก่อนนำเข้าที่ประชุมครม. ขนาดทำอย่างนี้ยังมีปัญหาพอสมควร เพราะรัฐบาลสนใจทุกเรื่อง ขณะที่ปัญหามีเป็นร้อยเรื่อง แต่ตนต้องทำให้เสร็จ นั่นแหละคือการเดินตามโรดแม็ป การที่สื่อนำเสนอข้อมูลพยายามสร้างความขัดแย้งต่างๆ เข้าใจว่าไม่ได้เจตนา ซึ่งตนก็ดุเดือดไปบ้าง อยากให้เข้าใจและทำให้ทุกอย่างหยุดลง

      นายกฯกล่าวว่า ต่างประเทศรบราฆ่าฟันกันมากี่ปี ไม่มีใครเข้ามาแบบนี้และทำได้แบบที่เราทำ ที่ผ่านมานักการเมืองให้ความร่วมมือดี เว้นแต่บางคนไม่รู้กลัวอะไรนักหนา กลัวจะอยู่นาน กลัวตนจะสืบทอดอำนาจ ซึ่งตนไม่เคยคิดมีอำนาจ ยิ่งคิดว่ามีอำนาจยิ่งจะหลงตัวเอง ตนมีอำนาจหน้าที่ทำงานเหมือนตอนที่เป็นผบ.ทบ. มีอำนาจไว้เพื่อปกครอง ผู้ใต้บังคับบัญชาแค่นั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อแสวงประโยชน์หรือสืบทอดอำนาจ ไม่เคยคิดอย่างนั้น การที่สื่อมองแบบนั้นอาจเป็นเพราะสื่ออยู่กับการเมืองมานาน อยู่กับอำนาจและผลประโยชน์ ถ้าตนต้องการอย่างนั้นคงไม่มาเพราะอายตัวเอง พ่อแม่ตนสอนให้เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต รักสถาบัน

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราทำแบบจริงใจ ลดอัตตาทุกมิติ บูรณาการทำงาน เพราะปัญหาหลายเรื่องหมักหมมมา สิ่งที่ต้องการคือให้ประเทศชาติไม่ขัดแย้ง โดยเฉพาะพวกที่สอนแบบสุดโต่ง ต้องแก้ไข ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าที่ไหน ถ้าสุดโต่งก็จะขัดแย้งกันอยู่แบบนี้ พูดถึงแต่เสรีภาพ แต่ไม่ฟังใคร หากนอกกรอบทั้งหมดประเทศก็ไปไม่ได้ ตนไม่ต้องการใช้อำนาจบังคับใคร แต่อยากให้ใช้จิตสำนึก ไม่ตกเป็นเครื่องมือหรือถูกใครชักจูงเหมือนที่ผ่านมา เพราะทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน

ยันเดินหน้าสร้างทางรถไฟแน่นอน

      นายกฯกล่าวว่าตนจะใช้อำนาจอย่างสร้างสรรค์และสร้างคนให้มีจิตสำนึกที่ดี ตนจะใช้กระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจนและเป็นธรรม แต่ต้องสอนให้คนรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ถ้าผิดก็ต้องรับการลงโทษ ไม่ใช่ปฏิเสธการถูกลงโทษทั้งที่มีความผิดชัดเจน จะมาปลุกระดมคนไม่ได้ ต้องรับผิดชอบตนเองและการกระทำของตัวเอง

นายกฯกล่าวว่า เราต้องสร้างความเข้าใจเรื่องการทำงานด้านต่างๆ เช่น ด้านพลังงาน วันนี้ทำใหม่เพราะมีคนที่ไม่เข้าใจอยู่แล้ว อีกทั้งยังคอยมีคนปลุกปั่น เราต้องทำให้ชัดเจนในครม. 3 หรือจะเปลี่ยนนายกฯง่ายที่สุด ใครเห็นควรให้เปลี่ยนบ้าง ทั้งนี้ รัฐบาลทำทุกอย่างเต็มที่ทุกวัน ตนไม่เคยหยุดคิด ไม่เคยหยุดสั่งครม. เราจะปล่อยให้ประเทศเดินหน้าช้าไปไม่ได้แล้ว เช่น เรื่องรถไฟที่ยังไม่เกิด มิหนำซ้ำยังมีอดีตนักการเมืองมาวิจารณ์เรื่องการลงทุนระหว่างไทย-จีน แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาทำงานกันยังไง แบ่งกัน 60/40 นักการเมืองพวกนั้นไม่เคยทำอะไรที่โปร่งใส เจรจากันไม่จบสิ้น แต่วันนี้ไม่ได้ ตนไปเจรจาเองระหว่างนายกฯกับนายกฯ ทุกอย่างมันจึงต้องเกิดขึ้น ถ้าไม่เกิดขึ้นก็ต้องมีครม. 4 เกิดขึ้น ขอถือโอกาสขู่ไปด้วย เราต้องทำให้เร็ว คนไทยใจร้อนทุกอย่างเลยไม่ทันใจ

       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่ารัฐบาลนี้ไม่ใช่พรรคการเมือง ทุกกระทรวงร่วมหัวจมท้ายกับตนหมด ลงเรือลำเดียวกัน จะเรือแป๊ะไม่แป๊ะ ตนไม่รู้ ตนไม่เคยเรียกเรือแป๊ะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯเรียกเอง บางคนบอกเรือแป๊ะจะล่มแล้ว มันไม่มีล่ม ตราบใดที่พวกเรายังอยู่เคียงข้างกันเสมอ ขอกำลังใจเท่านั้นเอง ตนทำใจขาดให้อยู่แล้ว

 

อ้าง"คปป."ต้องมีไว้เพื่อประเทศ

      นายกฯกล่าวว่า ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี เท่าที่ควร เราพยายามแก้ทุกอย่าง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มา 2 วันเริ่มปวดหัวแล้ว เรียกร้องกันเข้ามาเยอะ ที่ผ่านมา นายสมคิดอยู่กับตนมาตลอด เพียงแต่ตอนนี้เข้ามาทำเอง วันนี้ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน ตนจะอยู่หรือไม่อยู่ ไม่เป็นไร ไม่ต้องเล่นไพ่รอตำรวจ รอว่าเมื่อไรตนจะไป ตนไม่ต้องการอำนาจไว้ แต่ทำอย่างไรเราจะไปด้วยกัน ไม่ต้องมารอตนว่าจะไปเมื่อไร ถ้ารอก็จะไม่ไป แต่ถ้าบอกว่าจะช่วยกันและเดินไปด้วยกัน จะไปเอง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนการมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ(คปป.) ไม่ได้มีเพื่อตน แต่มีเพื่อประเทศ ถ้าไม่มีแล้วใครจะทำ วันนี้รัฐบาลที่ผ่านมาบางคนยังพูดว่าจะปฏิรูปอะไรกัน ทั้งที่พูดเรื่องปฏิรูปก่อนที่ตนจะเข้ามา แต่วันนี้กลับไม่รู้ว่าปฏิรูปอะไรบ้าง เรื่องการปรองดอง คดีต้องจบก่อน ไม่ใช่ตนไม่อยากปรองดอง แต่เพื่อประเทศชาติตนทำไม่ได้ ต้องถามคนตายดูบ้าง ถ้าย้อนกลับไปได้ อยากให้ทุกคนเห็นภาพที่ตนเคยเห็น ตอนนั้นรับไม่ไหวจริงๆ แต่ตนจะเลิกพูด เพราะเดี๋ยวจะไม่ปรองดอง

     นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่เราคิดวันนี้อยากให้ทุกคนรู้ว่าคปป.เป็นความหวัง โดยจะไม่ทาบทับกับอำนาจบริหาร ทำแต่เรื่องปฏิรูป จะกลัวอะไรกัน ก็แค่วางยุทธศาสตร์ประเทศ วางอนาคตประเทศชาติไว้ว่าจะเดินอย่างไร วางกรอบกว้างๆ และส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป การที่เขาพูดแบบนี้แสดงว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาคิดจะไม่ทำใช่หรือไม่ ทั้งนี้ประชาชนต้องไม่ถูกการเมืองชักนำให้สู้รบกันอีกต่อไป

 

'วิษณุ'แจงรมต.ที่เป็นขรก.

      ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงนายกฯ ให้แนะนำรัฐมนตรีบางคนยังดำรงตำแหน่งข้าราชการประจำด้วยว่า ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ตนได้เรียนให้รัฐมนตรีเหล่านั้นทราบว่าในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นวันเริ่มปีงบประมาณใหม่ ครม.จะไม่มีคนที่เป็นข้าราชการประจำอยู่ในคณะ หมายความว่าต้องช่วยจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนวันที่ 1 ต.ค. นี้ ซึ่งแจ้งในการประชุมครม.วันที่ 25 ส.ค.

      เมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ขัดขวางให้ข้าราชการประจำดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า การตั้งครม.เป็นเรื่องของนายกฯ เมื่อนายกฯ มีความมุ่งมั่นปรารถนาเช่นนี้แล้วใครจะขัดขืน อย่างไรก็ตาม ใช้วิธีประสานงานกัน เพราะครม.ที่ผ่านมาให้ดำรงตำแหน่งควบได้ เพราะตอนนั้นอาจจะหาคนเข้ามายาก เพราะมีเหตุบางอย่าง แต่วันนี้ปรับเข้าสู่ระบบได้แล้ว ต้องประสานกันให้เรียบร้อย

    เมื่อถามว่ามีรัฐมนตรีหลายคนหรือไม่ที่ยังอยู่ในราชการ นายวิษณุกล่าวว่า มีส่วนใหญ่ก็เป็นทหาร และม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ และปลัดสำนักนายกฯ ซึ่งตนเรียนแล้ว ม.ล.ปนัดดาก็ยินดี ส่วนนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก็ประสานไปเรียบร้อย

"1 ปีแรกมีความจำเป็น เพราะเป็นช่วง หัวเลี้ยวหัวต่อ บางคนอาจจะยังไม่มั่นใจ และการที่มีฐานราชการอยู่อาจทำงานได้มากกว่า แต่พอล่วงเลยมาถึงบัดนี้ผ่านมา 1 ปีแล้ว และเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจใหม่ สิ่งใดที่จะเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนได้ก็ต้องทำ การทุ่มเทของครม.ต้องมีให้เห็น ดังนั้น หากมัวพะวงว่ายังมีงานประจำอยู่ด้วย อาจจะขัดแย้งกับการทำงาน อีกทั้งยังมีเรื่องเวลาที่ขัดแย้งกันด้วย ก็คงไม่ถูก ดังนั้น หลักการมีอยู่เท่านี้ นี่คือดำริของนายกฯเอง" นายวิษณุกล่าว

 

โต้ครม.เปล่าดันคปป.ในรธน.ใหม่

     นายวิษณุกล่าวถึงกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญบัญญัติในร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 260 ให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) มาจากข้อเสนอของ ครม.ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะในร่างที่ 1 รัฐบาลเสนอให้ยุบรวมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูป เข้ากับคณะกรรมการดำเนินการเพื่อสร้างความปรองดองเท่านั้น แต่ไม่มีการพูดถึงการให้มีคณะกรรมการที่มีอำนาจพิเศษ รัฐบาลไม่มีส่วนๆ ใดกับกรณี ดังกล่าว ส่วนที่หลายฝ่ายให้ความเห็นไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจะมีผลต่อการโหวตของ สปช.หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ต้องไปถาม สปช.เอง ยืนยันว่าสปช.มีอิสระในการโหวต ยิ่งเมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวแล้ว เพราะไม่ว่าสปช.จะรับหรือไม่รับก็ถูกยุบทันที ก็เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกสองจิตสองใจ

"ผมยังไม่เห็นสัญญาณจากรัฐบาลที่ส่งไปยังสปช. เรื่องการโหวต มีแต่สัญญาณปลอมที่คนนั้นคนนี้มาพูด ผมได้ยินทั้งสองด้าน คนที่เอาด้วยกับรัฐบาลก็บอกให้รับ ถ้ารับแล้วจะได้เข้ามาเป็นนั้นเป็นนี่ กับที่ไม่รับ ทั้งหมดเป็นสัญญาณปลอมที่คนบางคนหวังอะไรแล้วเอาไปพูดและอ้าง แต่พอไล่ถามว่าใครเป็นคนให้สัญญาณก็ไม่มีใครตอบได้ ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์หลังจากรัฐบาลระบุอาจอยู่ถึงปี 2560 ทุกอย่างเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง" นายวิษณุกล่าว

 

เตรียมหารือกกต.ทำประชามติ

      นายวิษณุ กล่าวถึงการประชุมเตรียมจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ว่า วันลงประชามติ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยึดวันที่ 10 ม.ค. 2559 แต่อาจยืดหยุ่นบ้าง เพราะกฎหมายกำหนดให้แจกจ่ายรัฐธรรมนูญให้ได้ร้อยละ 80 ของครัวเรือนทั่วประเทศแล้วจึงกำหนดวัน จึงไม่ทราบว่าจะแจกจ่ายครบ 13 ล้านเล่มได้เมื่อใด แต่หากจำเป็นก็อาจจะเลื่อนไปวันที่ 17 หรือ 21 ม.ค. 2559 ส่วนงบประมาณ ขยับเพิ่มจาก 3,000 ล้านบาท เป็น 3,300 ล้านบาท เนื่องจากต้องเผื่อไว้ให้คำถามอื่นที่จะเพิ่มเข้ามา ต้องมีหีบ 2 ใบ และบัตรลงมติ 2 ชนิด เอกสารที่จะส่งให้กับประชาชน 13 ล้านเล่ม จะประกอบด้วยเอกสาร 3 ชุด 1.รัฐธรรมนูญ 2.สรุปเนื้อหารัฐธรรมนูญที่สำคัญ 3.คำอธิบายเกี่ยวกับคำถามพ่วง คือถามอย่างไร มีความหมายว่าอย่างไร เช่น หากถามว่าต้องการให้มีรัฐบาลแห่งชาติหรือไม่ ต้องอธิบายว่ารัฐบาลแห่งชาติแปลว่าอะไร

 

ห้ามรณรงค์ ให้รับไม่รับ-แต่พูดได้

     ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีผู้ไม่เห็นด้วยจะรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับระเบียบและวิธีการดูแลของ กกต. ซึ่ง กกต.จะจัดสรรให้ทั้ง 2 ฝ่ายแสดงความเห็น การรณรงค์เชื่อว่าทำไม่ได้ ทั้งรณรงค์ให้รับหรือไม่รับ แต่สุดท้ายจะมีวิธีปฏิบัติจนห้ามไม่ได้ อย่างรายการโทรทัศน์ที่เชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาร่วม ตรงนั้นเป็นการแสดงความเห็นไม่ใช่การรณรงค์ ส่วนที่ห้ามรณรงค์นั้น เพราะคำนึงถึงการห้ามชุมนุม แต่เส้นแบ่งระหว่างการรณรงค์กับการแสดงความคิดเห็นนั้นแยกแยะลำบาก เวลาใช้คำว่ารณรงค์ คนมักนึกถึงภาพคล้ายการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญจะทำแบบนั้นไม่ได้ แต่หากจัดให้แสดงความคิดเห็นฝ่ายสื่อ จะถูกกำหนดกติกาอยู่ คงไม่มีปัญหา ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กกต.จะดูแลให้เกิดความเท่าเทียม 2 ฝ่าย

      "คราวนี้จะออกมาให้รับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญ ผมว่าทำได้ มันไม่ได้แปลกประหลาดแต่ต้องไม่ตั้งเวทีปลุกระดม ถ้าพูดผ่านสื่อทำได้ เขาจะพูดอะไรก็ได้ ไม่มีบทลงโทษ เพราะเป็นการแสดงความเห็น เราห่วงว่าถ้าให้ตั้งเวทีจะมีฝ่ายที่ค้าน บ้านเมืองก็จะแตกแยก ผมมองเป็นภาพ รัฐบาลมองออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงบอกว่าทำไม่ได้เพราะกฎหมายห้าม โดยเฉพาะคำสั่ง คสช.ที่ห้ามชุมนุม" นายวิษณุระบุ

 

บวรศักดิ์ โวรธน.ใหม่ก้าวหน้าสุด

      ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จัดกิจกรรม "กมธ.ยกร่างฯพบสื่อมวลชน" เพื่อเปิดให้ซักถามประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ เริ่มจากคำถามว่า เหตุใดถึงคิดว่าคนไทยควรเลือกรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า ถือเป็นวิจารณญาณของผู้มีสิทธิเลือกตั้งพิจารณารัฐธรรมนูญในภาพรวมให้ได้ด้วยตัวเอง อย่าดูเฉพาะบางส่วน ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถือว่าก้าวหน้ากว่าฉบับปี 2540 และ 2550 ใน เรื่องสิทธิเสรีภาพ และก่อให้เกิดการปฏิรูปตามทุกฝ่ายเรียกร้องก่อนหน้าเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557

       "รัฐธรรมนูญนี้ต้องการแก้ปัญหาในอดีต จะเห็นว่าก้าวหน้ากว่าฉบับที่ผ่านๆ มา ก่อให้เกิดความสมหวัง ปฏิรูป ไม่ได้เป็นเพียงวาทกรรม ถ้าผมในฐานะประชาชนคนหนึ่ง จะใช้เหตุผลนี้รับ เพราะถ้าเป็นนักการเมืองจะให้ความสำคัญแก้ปัญหาอดีตน้อยกว่า ก้าวหน้าน้อยกว่า ไม่สนใจปฏิรูป เพราะฝ่ายการเมืองวิจารณ์ถึงโครงสร้างอำนาจ เช่น ส.ส. ส.ว. มายังไง คปป.มาแย่งอำนาจรัฐ ซึ่งไม่เกี่ยวกับประชาชน คิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเกณฑ์หลัก" นายบวรศักดิ์กล่าว

 

เหมาะกับไทยระยะเปลี่ยนผ่าน

     เมื่อถามว่า นิยามของรัฐธรรมนูญฉบับ นี้คืออะไร นายบวรศักดิ์ อธิบายว่า คือรัฐธรรมนูญที่เหมาะกับสภาพสังคมไทย ซึ่งมีการทุจริต ขัดแย้ง และถึงทางตัน จนจบด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญมา 2 ครั้ง อีกทั้งสังคมไทยภายใต้รัฐประหาร และปกครองด้วยรัฐธรรมนูญชั่วคราว เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะสร้างประชาธิปไตยเหมาะสมกับสังคมไทย และจะกลายเป็นประชาธิปไตยแบบอย่างเต็มที่แบบตะวันตก เมื่อพ้น 5 ปีไปแล้ว แต่ระหว่างนี้ ต้องสร้างประชาธิปไตยระยะเปลี่ยนผ่านจากระบอบรัฏฐาธิปัตย์ ด้วยการกำหนดให้มีคปป.มาทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปและกำกับการปฏิรูปไปได้ รวมทั้งสร้างความปรองดองคู่ขนานกับรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง

       นายบวรศักดิ์กล่าวว่า หากรัฐบาลปกติคุมสถานการณ์ไม่อยู่ ก็ใช้อำนาจพิเศษนั้นได้โดยไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญครั้งที่ 3 ภายใน 10 ปี ซึ่งองค์กรนี้มีแค่ชั่วคราว ไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มที่ แต่ถือว่ากึ่งๆ เพราะมีประธานสภา ประธานวุฒิสภา อดีตประธานสภาและประธานวุฒิสภา รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ 11 คน ฉะนั้น ประชาธิปไตยเปลี่ยนผ่าน 5 ปี เพื่อดูแลไม่ให้ประชาชนกลับไปฆ่ากัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางเสนอคำถามประชามติว่าประชาชนต้องการรัฐบาลปรองดองแห่งชาติหรือไม่ เพื่อให้ 2 พรรคใหญ่ได้ร่วมกันทำงาน อีกทั้งเพื่อผลักดันให้กลไกการปฏิรูป และส่งต่อประชาธิปไตยเต็มรูปแบบภายหลัง 5 ปีไปแล้ว หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านความเห็นชอบของสปช. และถ้าประชาชนเห็นด้วยในการทำประชามติก็จะเดินต่อ แต่ถ้าไม่เห็นด้วย ก็พร้อมเคารพต่อการตัดสินใจ

 

กมธ.ปฏิรูปยื่นจี้ส่งศาลรธน.

      นายนิรันดร์ พันทรกิจ กมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. แถลงว่า กมธ.ปฏิรูปการเมือง และกมธ.กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้ส่งหนังสือต่อนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.ผ่านสำนักเลขาธิการสปช. พร้อมแนบรายชื่อสมาชิก สปช.รวม 14 คนเรียบร้อยแล้ว เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นปัญหาความแล้วเสร็จของร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีคำปรารภ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ว่านรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือ 2550 มีคำปรารภ โดยเฉพาะร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ฉบับประชามติที่มีการเว้นว่างไว้ให้ใส่วันที่และข้อความหลังทำประชามติ

     นายนิรันดร์ กล่าวอีกว่า จึงต้องการให้ประธานสปช.ส่งเรื่องไปยังครม. และให้ครม.ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นเรื่องที่สมบูรณ์หรือไม่ เพื่อป้องกันเกิดปัญหาในอนาคต หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติแล้วมีบุคคลที่ไม่เห็นด้วย หยิบยกขึ้นมายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างนี้ไม่สมบูรณ์ อาจเสียเวลา เสียงบประมาณ และเสียเกียรติของสปช. ทั้งนี้ ถือว่าทั้ง 2 คณะได้ทำหน้าที่สมบูรณ์แล้ว จากนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของประธานสปช. ครม. และศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้พิจารณา เพราะหากเกิดอะไรขึ้นต้องตอบสังคมให้ได้

 

สปช.บุรีรัมย์เชื่อหลุดประชามติ

      นายทิวา การกระสัง สปช.บุรีรัมย์ กล่าวว่า การชี้แจงของกมธ.ยกร่างฯ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ยังทำให้สถานการณ์เป็นเหมือนเดิมคือ มีสมาชิกกลุ่มหนึ่งที่ตัดสินใจไปแล้วว่าจะโหวตรับและไม่รับ ส่วนอีกจำนวนหนึ่งที่จะเป็นกลุ่มชี้ขาด ยังไม่ตัดสินใจ โดยจะรอดูสถานการณ์บ้านเมืองประกอบการตัดสินใจ ตลอดจนแนวโน้มว่าหากรับแล้วจะผ่านการทำประชามติหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ท่าทีของทั้ง 2 พรรคใหญ่ ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญนี้ ตนเชื่อว่าหากผ่านสปช. ไปถึงชั้นทำประชามติ จะไม่ผ่านอย่างแน่นอน และทำให้เราเสียเวลา และงบกว่า 3,500 ล้านบาท ไปฟรีๆ

     นายทิวา กล่าวว่า มีอีกประเด็นที่ชี้ชัดว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยคือ ในมาตรา 165 ที่กำหนดว่าหาก ส.ส. ไม่สามารถเลือกนายกฯ ได้ภายใน 45 วัน ก็ให้ส.ส.สิ้นสภาพแล้วเลือกตั้งใหม่ ประกอบกับมาตราอื่นที่กำหนดให้การเลือกนายกฯ ของ ส.ส.ไม่จำเป็นต้องยึดมติพรรค ส.ส.มีอิสระในการเลือก ซึ่งสะท้อนว่า มาตราเหล่านี้มีเจตนาบีบให้เข้าล็อก ส.ส.ต้องเลือกนายกฯที่เป็นคนนอก เสียงของประชาชนที่เลือก ส.ส.ที่สังกัดพรรคจะไม่มีความหมาย เพราะ ส.ส.ไม่ต้องทำตามมติพรรค การซื้อตำแหน่งนายกฯ ไม่จำเป็นต้องซื้อเสียงประชาชน แต่ไปซื้อกับ ส.ส. 300 เสียง ก็ได้เป็นนายกฯแล้ว

 

สปช.ขอนแก่นชี้เสียงโหวตก้ำกึ่ง

      ด้านนายเอกราช ช่างเหลา สปช.ขอนแก่น กล่าวว่า เท่าที่ฟังกมธ.ยกร่างฯชี้แจง และอ่านร่างรัฐธรรมนูญแล้วรู้สึกเหมือนคนทั่วไป นอกจากประเด็นที่มา ส.ว. นายกฯและคปป. ตนรู้สึกว่ายังมีประเด็นอีกมากที่มีส่วนในการตัดสินใจ หากให้พูดในภาพรวม เชื่อว่าถ้าร่างนี้ประกาศใช้ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองเช่นนี้ จะมีผลต่อการบริหารจัดการ ต้องหาทางออกทางการเมืองในอนาคต มี ผลกระทบต่อการสร้างปรองดองและการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศพอสมควร ซึ่งมีเพื่อนสมาชิกสปช.ก็เห็นด้วยกับตน

     นายเอกราช กล่าวว่า การที่หลายฝ่ายประเมินว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านสปช.ไม่ต่ำกว่า 200 เสียงนั้น เป็นเพียงจินตนาการจากคนที่ชอบมโน และพูดเพื่อชี้นำสังคม แต่สปช.ส่วนใหญ่ที่ไม่ได้แสดงออกใดๆ ต่างมีธงในใจแล้ว ถ้าให้ตนประเมิน คิดว่าผลจะออกมาก้ำกึ่งกันมากระหว่างรับหรือไม่รับ จะมีเสียงห่างกันไม่เกิน 10 เสียงเท่านั้น

พท.เตือนสปช.ฟังเสียง"มาร์ค-ปู"

      วันเดียวกัน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่อดีตนายกฯ จากสองพรรคการเมืองใหญ่ ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ขับเคี่ยวกันมาตลอด แต่กลับมีความเห็นวิพากษ์ร่างรัฐธรรมนูญไปในทิศทางเดียวกันว่า หากร่างมีผลบังคับใช้จะก่อให้เกิดวิกฤตทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมเป็นอย่างยิ่ง นับเป็นความเห็นในประเด็นสำคัญที่ตรงกันเป็นครั้งแรกโดยไม่ได้นัดหมายและไม่เคยปรึกษากันมาก่อน เป็นความเห็นโดยสุจริตใจเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนโดยเฉพาะเศรษฐกิจปากท้องประชาชนเป็นสำคัญ เพราะถ้าเสถียรภาพทางการเมืองอ่อนแอ ไม่เข้มแข็ง ความลำบากยากแค้นทางด้านเศรษฐกิจจะมาสู่ประชาชนอย่างรวดเร็ว ซึมลึกและยาวนาน

      นายชวลิต กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนใช้วุฒิภาวะทางสติปัญญาแก้ปัญหา อย่าใช้อารมณ์ ควรให้เสถียรภาพทางการเมืองและทางเศรษฐกิจเป็นไปตามกลไกปกติในระบอบประชาธิปไตย ที่ยึดโยงกับประชาชนและนานาอารยประเทศ ที่เราผูกพันและสัมพันธ์อยู่ขอบคุณนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สปช. ที่วิญญาณนักศึกษาประชาธิป ไตยในอดีตกลับมาเข้าร่าง ให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเมืองซึ่งเป็นเรื่องถูกต้องและน่าจะตรงกับเสียงส่วนใหญ่ ปัญหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นปัญหาของคนไทยทุกคน ทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันยังไม่สายเกินแก้

 

วัฒนาสวนกลับบิ๊กตู่-แนะคว่ำร่าง

     นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ที่แสดงอาการผรุสวาทผสมข่มขู่ใส่นักการเมืองที่เสนอให้ สปช.คว่ำร่างรัฐธรรม นูญ บังเอิญตนยังไม่ได้แสดงความเห็น จึงขอร่วมกับนักการเมืองคนอื่นเสนอให้ สปช.ที่ยังพอมีสำนึกกตัญญูต่อประชาชน ช่วยกันลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่มีเนื้อหาปกป้องและเชิดชูเผด็จการนี้ อย่าให้อยู่เป็นอัปมงคลต่อประเทศไทย

       นายวัฒนา กล่าวว่า ในฐานะนักการเมืองคนหนึ่งที่เสนอให้ สปช.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ขอตอบนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากประชาชน 1.ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ บอกว่าพวกตนไม่มีสิทธิมาเสนอหรือเกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ ขอให้ความรู้เป็นวิทยาทานว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยทุกคน มีรัฐธรรมนูญเป็นกติกาของประเทศ คนไทยทุกคนจึงมีสิทธิวิจารณ์หรือแสดงความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญที่จะใช้บังคับกับพวกเขาได้โดยชอบ ขอให้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องของพล.อ.ประยุทธ์กับพรรคพวกที่ตั้งกันขึ้นมายก ร่างรัฐธรรมนูญฉบับสารพัดฉายานี้เท่านั้น

 

ยันทุกคนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์รธน.

      นายวัฒนากล่าวว่า 2.พล.อ.ประยุทธ์บอกว่ายอมให้พวกตนพูดก็เก่งแล้ว ปกติไม่ควรให้พูดนั้น ไม่เคยมีใครสั่งสอนหรือว่า สิ่งที่พวกตนหรือประชาชนพูดนั้นเป็นสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะวิพากษ์โดยสุจริต ที่ทุกคนมีส่วนได้เสียในร่างรัฐธรรมนูญตามทำนองคลองธรรม ที่สำคัญ สปช.ไม่ได้เป็นทหารบริการหรือคนที่พล.อ.ประยุทธ์จ่ายเงินเดือนให้ แต่ทุกคนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ซึ่งรวมตนด้วย จึงย่อมมีสิทธิวิจารณ์ ใครที่ควรหยุดพล่าม ก็ไปคิดเอาเอง

3.ที่พล.อ.ประยุทธ์ แสดงการข่มขู่หลายคนที่มีคดีความว่า ออกมาพูดไม่กลัวอะไรกันเลย เวลาโดนดำเนินคดีอย่าออกมาเรียกร้องโวยวายไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น พูดแบบนี้แปลว่าขณะนี้การดำเนินคดีถูกใช้เป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้าม พวกตนไม่สามารถพึ่งกระบวนการยุติธรรมในประเทศได้ต่อไปแล้ว

      นายวัฒนากล่าวว่า 4.ที่พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าวันนี้เราติดกับดักประชาธิปไตย กับดักความขัดแย้งและใช้ความรู้สึกตัดสิน เหล่านี้ต้องแก้ทั้งหมดนั้น ความจริงเราติดกับดักเผด็จการต่างหาก ส่วนความขัดแย้งและการใช้ความรู้สึกตัดสินนั้น เป็นรัฐบาลนี้ที่สร้างและตอกย้ำความขัดแย้งเพราะเห็นทุกคนที่คิดต่างเป็นฝ่ายตรงข้ามไปหมด สิ่งที่ต้องแก้ ต้องเริ่มจากหัวหน้ารัฐบาลที่เป็นต้นตอของปัญหา และ 5.ขอเรียนคนไทยทุกคนว่า ในโลกใบนี้ยังไม่มีเครื่องมือที่ทำให้คนรักหรือปรองดองกัน แต่มีเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ทำให้คนที่คิดไม่เหมือนกัน อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ เราเรียกเครื่องมือนั้นว่าประชาธิปไตยบนหลักนิติธรรม ซึ่งตนไม่สามารถหาได้จากร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่พูดถึงนี้ จึงขอมีส่วนร่วมเสนอให้ สปช.ลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่วมกับนักการเมืองอื่นๆ ด้วย และพร้อมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกคน เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับประชาชน

 

'จาตุรนต์'ดักคอ'คปป.'อำนาจล้น

      ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เท่าที่ฟังการวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาถึงวันนี้ ประเด็นใหญ่ที่มีปัญหาน่าจะมีประมาณ 10 ประเด็น แต่เรื่องที่แซงเรื่องอื่นๆ หมดคือ เรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ไม่เกิน 22 คนนี้ นอกจากกรรมการตามตำแหน่งแล้ว กรรมการอื่นจะเป็นกันไปจนกว่าจะลาออกหรือตายไป ผู้ทรงคุณวุฒิ 11 คนจะตั้งโดย สนช. ซึ่งในมาตรา 260 กับมาตรา 280 การลงมติเพื่อให้ คปป.สามารถใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ คล้าย คสช.ด้วยเสียง 2/3 หรือบังคับให้ ครม.ต้องนำนโยบายไปปฏิบัติด้วยเสียง 3/4 ย่อมทำได้ง่ายนิดเดียว ถ้านายกฯ มาจากการเลือกตั้ง บางสถานการณ์จะมีเสียงสนับสนุนเพียง 1 เสียง ส่วนผู้ที่ไม่มาจากการเลือกตั้งจะมีเสียงเกิน 2/3 หรือแม้แต่ 3/4 สบายๆ คปป.นี้ไม่ต้องรับผิดชอบต่อรัฐสภาหรือประชาชน ไม่มีใครตรวจสอบได้ จะมีสภาดำเนินการปฏิรูปฯ มาประเมินผล แต่ในการประชุมจะมีประธาน คปป.เป็นประธาน

 

เบ็ดเสร็จอยู่เหนือรัฐบาล-รัฐสภา

      นายจาตุรนต์ กล่าวว่า สภาปฏิรูปที่ว่านี้จะมีขึ้นตามกฎหมายที่ สนช.จะบัญญัติขึ้น เวลาที่ คปป.ลงมติกันแล้วว่าให้ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเข้าจัดการปัญหาบ้านเมือง หากต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ให้เป็นหน้าที่ของประธาน คปป. ตีความได้ว่ารวมถึงการปลดนายกฯ การยกเลิกกฎมายหรือการออกกฎหมายด้วย การที่ คปป.ลงมติใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเหนือฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติคือ การยึดอำนาจหรือรัฐประหารโดยไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญนั่นเอง ถ้าร่างรัฐธรรมนูญนี้ผ่านออกมาใช้ ประเทศจะชะงักงัน ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นจนกลายเป็นวิกฤต ไม่มีเสถียรภาพและไม่มีทางสร้างความยอมรับจากนานาชาติ ใครที่คิดว่ายอมให้รัฐธรรมนูญนี้ผ่านๆ ไป แบบขอไปที เพื่อจะได้มีการเลือกตั้งแล้วบ้านเมืองจะดีขึ้น ต้องคิดใหม่แล้ว ส่วนหวังว่าจะไปแก้ภายหลังนั้นเป็นการหลอกตัวเองแท้ๆ เขาเขียนชัดยิ่งกว่าชัดว่าแก้ไม่ได้

      นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เห็นข่าวพล.อ. ประยุทธ์ออกมาข่มขู่นักการเมืองที่เสนอให้ สปช.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญแล้วรู้สึกเศร้าใจ โดยเฉพาะเป็นช่วงที่ควรส่งเสริมให้คนพูดกันมากๆ เมื่อกมธ.ยกร่างฯ ได้เสนอ สปช.แล้วและได้เปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว ควรให้ทุกฝ่ายเสนอความเห็นกันให้มากๆ จึงจะเป็นประโยชน์ ประชาชนไทยทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความเห็นทั้งในทางเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ไม่ใช่จะมาบังคับกะเกณฑ์กันให้เห็นด้วยแต่ทางเดียว สำหรับนักการเมืองซึ่งอาสาเป็นตัวแทนประชาชน นอกจากมีสิทธิ์เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปแล้ว ยังต้องถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องแสดงความคิดเห็นอีกด้วย

 

ฟันธง'ประยุทธ์-ประธานคปป.'

     "อยากจะย้ำอีกครั้งว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้มีเนื้อหาเป็นเผด็จการที่สุด เลวร้ายที่สุดตั้งแต่เคยมีรัฐธรรมนูญมา แต่ที่เสนอความเห็นไปนั้น ต้องการสื่อสารถึงประชาชนทั่วไปมากกว่าจะเสนอต่อ สปช.เพราะดูแล้ว สปช.ไม่น่าจะมีอิสระในการตัดสินใจอะไรเท่าไหร่ ยิ่งพล.อ.ประยุทธ์มาพูดขู่นักการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแบบนี้ ก็ยิ่งป่วยการที่จะเสนออะไรกับ สปช.เพราะเท่ากับมีธงเสียแล้ว พล.อ.ประยุทธ์มักพูดว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย แต่กลับยกเอาเรื่องคนมีคดีมาขู่ว่าพวกมีคดี หลายคนออกมาพูดไม่กลัวอะไรกันเลย หมายความว่าการดำเนินคดีมีไว้เพื่อปิดปากคนหรืออย่างไร และถ้าแสดงความเห็นคัดค้านรัฐธรรมนูญแล้วจะโดนดำเนินคดีมากขึ้นอย่างนั้นหรือ นี้ไม่เท่ากับทำร้ายระบบยุติธรรมของประเทศไทยหรือ อย่าลืมว่าประเทศกำลังมีปัญหาการยอมรับจากนานาชาติอยู่" นายจาตุรนต์กล่าว

      นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า อ่านความเห็นพล.อ.ประยุทธ์แล้วย้อนมานึกถึงเรื่อง คปป.ในร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ทำให้เห็นเหตุผลอีกข้อหนึ่งที่ร่างรัฐธรรมนูญนี้จะเป็นอันตรายอย่างมาก คือเข้าใจว่าตามมาตรา 260 และมาตรา 280 มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ที่อาจได้เป็นประธาน คปป.ในอนาคตอาจไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพล.อ.ประยุทธ์นี่เอง

 

พท.เตรียมรณรงค์ในขั้นประชามติ

       รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย แจ้งว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย หารือถึงการพิจารณาลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของสปช. หาก สปช.พิจารณาลงมติรับ ทางพรรคคงต้องเตรียมการต่อสู้ในรูปแบบรณรงค์ เพื่อไม่ให้ประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ต้องดูข้อกฎหมายก่อนว่าทำได้มากน้อยเพียงใด เพราะหากจะให้ทำประชามติ แต่ไม่ยอมให้รณรงค์หรือพูดอะไรเลย ก็คงจะแย่มาก

      ด้านนางสดศรี สัตยธรรม อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญว่ามีหลายประเด็นถูกวิจารณ์มาก โดยเฉพาะคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ที่ไม่สอดคล้องกับหลักการสำคัญที่กมธ.ยกร่างฯ อ้างว่าจะให้ประชาชนเป็นใหญ่ แต่ คปป.มีลักษณะรัฐซ้อนรัฐ มีอำนาจอยู่เหนือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

 

'ไก่อู'แจงแทนบิ๊กตู่-แค่เปรียบ

      เมื่อเวลา 20.30 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ากรณีพล.อ.ประยุทธ์แสดงความคิดเห็นกรณีสื่อบางสำนักบางฉบับ นำถ้อยคำที่นายกฯปาฐกถาพิเศษเรื่องการปฏิรูปการศึกษา สร้างอนาคตไทย แล้วนำเสนอว่านายกฯจะใช้ ม.44 บังคับให้ใช้คำว่าผู้มีรายได้น้อยแทนคำว่ารากหญ้า ว่าเป็นการนำเสนอข่าวที่ไม่ตรงกับเจตนาของผู้สื่อสารและไม่ตรงกับสาระความเป็นจริง

       "การเชิญชวนหรือเรียกร้องให้ใช้คำว่า ผู้มีรายได้น้อยแทน คงไม่ถึงกับต้องใช้ม.44 จริงๆ คนโดยปกติที่ได้ฟังท่านนายกฯก็ทราบว่าเป็นเจตนาเพื่อให้ผู้ฟังสนุก คลายเครียด เป็นมุข อยากให้สื่อนำเสนอโดยพิจารณาบริบทอย่างถี่ถ้วน ไม่ควรสื่อความ หรือตีความผิดพลาด ปราศจากอารมณ์ขัน เพราะจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ และอาจทำให้สื่อสูญเสียความน่าเชื่อถือในการนำเสนอข่าว" พล.ต.สรรเสริญอ้าง

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!