- Details
- Category: การเมือง
- Published: Wednesday, 26 August 2015 13:53
- Hits: 5062
ฟัดกันนัว สปช.ถกปมควํ่ารธน. 'บิ๊กตู่'ทูลฯแล้ว โผนายพลทหาร ครม.ตั้ง 5 ปลัด ป๋าเปิดบ้านวันนี้ เติ้งให้ไฟฉายปู
'บิ๊กตู่'ยอมรับ ทูลเกล้าฯ ย้ายทหารแล้ว 'บิ๊กหมู'ขึ้นผบ.ทบ.'บิ๊กติ๊ก'นั่งปลัดกลาโหม ครม.ไฟเขียวตั้งปลัดกระทรวง 'สุวรรณา'ปลัดยธ. ปลัดเกษตรฯ โดนเด้งกลางอากาศ 'บิ๊กตู่'ฉุนนักการเมืองชงคว่ำรธน. ลั่นวันนี้นักการเมืองไม่เกี่ยว ฮึ่ม'อย่ามาพูดขัดแย้งกับผม' เติ้งปัดวิจารณ์ เกรงใจ'บวรศักดิ์''ปู'ค้าน-หนุนแก้ก่อนนำใช้ มาร์คเชียร์สปช.คว่ำร่างเลย ด้านสปช.ฉะกันเดือดถึงขู่ฟ้อง'วันชัย' หึ่งรอสัญญาณคสช.ก่อนโหวต 'ป๋าเปรม'เปิดบ้าน ให้เฉพาะประยุทธ์และคณะเข้าอวยพร
วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9037 ข่าวสดรายวัน
ส่องทาง - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าอวยพรวันเกิดย้อนหลัง ครบ 83 ปี นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ ที่พรรคชาติไทยพัฒนา โดยนายบรรหารมอบไฟฉายเป็นที่ระลึก บอกเอาไว้ช่วยส่องทางสว่าง เมื่อวันที่ 25 ส.ค.
ครม.'ตู่ 3'ถ่ายภาพหมู่
เมื่อเวลา 08.10 น. วันที่ 25 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมครม.ประยุทธ์ 3 ได้ร่วมกันถ่ายรูปบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งรัฐมนตรีส่วนใหญ่ได้พูดคุยอย่างเป็นกันเอง การถ่ายภาพหมู่ในครั้งนี้ขาดเพียงพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ซึ่งติดภารกิจที่ประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ นายกฯ ได้ยกมือไหว้และขอบคุณรัฐมนตรีทุกคนที่มาร่วมทำงานในครั้งนี้
จากนั้นเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุมครม.ก่อนเข้าวาระว่า ขอต้อนรับรองนายกฯและรัฐมนตรีใหม่ ขอให้ทุกอย่างประสบความสำเร็จด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ต้องปรับการทำงานให้ต่อเนื่องและขับเคลื่อนต่อไป โดยครม.ชุดนี้จะเหนื่อยกว่าช่วงที่ผ่านมา เพราะเป็นช่วงรอยต่อ ต้องทำทุกอย่างให้จับต้องได้และเป็นรูปธรรม จึงต้องช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายใหม่ตามแนว ทางมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ซึ่งจะชี้แจงการทำงานให้ทุกคนอีกครั้ง ส่วนที่ครม.อยู่ได้ ทุกวันนี้เพราะประชาชนยอมรับและให้โอกาส ขอย้ำอีกครั้งว่าดีใจที่ทำงานร่วมกัน
อยากให้เรียกครม.ชุด 2
พล.อ.ประยุทธ์ แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า วันนี้ประชุมครม.ชุดใหม่ครั้งแรก ได้มอบนโยบายการทำงานเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องจากการปรับ ครม.ครั้งที่ 1 และ 2 ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 แต่ความจริงน่าจะเรียกว่า ครม.ชุด 2 มากกว่า เพราะการปรับก่อนหน้านี้เพิ่ม รมช.เข้ามาเท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจและตนอยากให้มีเพียงชุดที่ 2 เท่านั้นถือว่าเต็มที่แล้ว สำหรับครม.ชุดที่ 1 ได้คิดและทำมามากพอสมควร ทั้งหลักการและกฎหมาย โครงสร้างทางเศรษฐกิจ จึงจำเป็น ต้องใช้วิธีขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ทุกอย่างต้องได้ข้อยุติที่ชัดเจนให้ได้ภายในปี 2559 ตามโรดแม็ปที่วางไว้ ซึ่งได้ย้ำไปแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ในที่ประชุม ครม.ยังพูดถึงเศรษฐกิจที่ต้องเดินหน้าต่อ ซึ่งตรงกับสิ่งที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รอง นายกฯ ด้านเศรษฐกิจคิดไว้ เร่งสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านเศรษฐกิจการค้า การลงทุน ทั้งนักธุรกิจไทยและต่างประเทศ ซึ่งได้รับรายงานว่าหลายประเทศพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลนี้ในลักษณะลงทุนร่วม ซึ่งเราได้พิจารณาเรื่องพ.ร.บ.ร่วมทุน อะไรที่ทำได้จะเร่งทำ แต่ทุกอย่างต้องตามระเบียบทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่และถนนมอเตอร์เวย์ ต้องเกิดขึ้นในปีนี้
ลั่นวันนี้มีพรรคตนพรรคเดียว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ได้แบ่งงานเป็นกระทรวงโดยให้นายสมคิด ดูกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมดไปรวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศ จะได้บูรณาการทั้งหมด และจะแยกออกมาให้รองนายกฯคนอื่นดูแล, พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ ดูแลกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงแรงงาน, พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม วันนี้ไม่มีแบ่งพรรค มีแต่พรรคเดียว พรรคของตน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ส่วนที่เอาทหารมาเป็นรมว.พลังงานเพราะเขาทำหน้าที่ตรงนี้มาอยู่แล้ว เรื่องการสร้างความเชื่อมั่น และเป็นคตร.มาก่อน ซึ่งตนไว้ใจ เป็นเรื่องสร้างความเข้าใจ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ นั่นคือเหตุผลที่ตนเอาทหารไปอยู่ ไม่เช่นนั้นจะให้ใคร ถ้าไว้ใจให้นักการเมืองมากกว่าตน ก็รอแล้วกัน ยืนยันว่าทหารวันนี้ไม่ใช่ทหารแบบเดิม ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เราเข้ามาเราต้องศึกษา
ขอกำลังใจให้รมต.ใหม่
"ขอให้สื่อให้กำลังใจรัฐมนตรีใหม่ด้วย อย่าเพิ่งไปติติงมากนัก ปัญหาเก่าๆ ก็จะแก้ไขและเร่งทำความเข้าใจมากขึ้น อันไหนทำได้ ทำไม่ได้ สิ่งไหนที่ต้องทำใหม่ ต้องให้เวลาคิดบ้าง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าสื่อต้องระมัดระวัง บางทีการเผยแพร่คำพูดของอดีตนักการเมือง อดีตรัฐบาลเก่า ซึ่งเขาไม่เคยแก้ปัญหาได้ ในทำนองปรามาสรัฐบาลหรือคสช. ซึ่งตนคิดว่าไม่เป็นธรรมกับตน ขอร้องสื่ออย่าไปขยายความคำพูดเหล่านี้มากนัก แม้ตนจะห้ามสื่อไม่ได้ก็ตาม
ลั่นตั้งใครไว้'รบ.'หน้าย้ายได้หมด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า วันนี้ที่ประชุม ครม. แต่งตั้งปลัดกระทรวง 4-5 กระทรวง ตามที่เสนอมา ขอร้องว่าอย่ามองว่าตนตั้งคนหรือใครขึ้นมา ตั้งผบ.ทบ. ตั้งตำรวจ เป็นการแชร์อำนาจ ตนไม่จำเป็นต้องแชร์อำนาจ เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องต่อรอง ไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ ฉะนั้นการตั้งคนเข้ามาดำรงตำแหน่ง ก็ตั้งตามเหตุผล ตามระเบียบที่เขาทำขึ้นมา หลายคนบอกว่าแต่งตั้งเพื่อปกป้องตน ไม่เป็นความจริง สำหรับเลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) คนใหม่ เป็นไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร สถานการณ์ตอนนี้ไม่ปกติ วันนี้ไม่ปกติเพราะตนยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าเมื่อใดตนไม่มายืนตรงนี้ แปลว่าปกติ ส่วนประธาน คตร. คนใหม่ ต้องรู้เรื่องงบประมาณ ซึ่ง น่าจะทหาร พลเรือนจะเอาใคร
"ผมมีประชาชนที่เข้าใจและให้กำลังใจผม ฝากความหวังให้ผมทำงานให้เขา ก็ทำได้จนกว่าผมจะไม่มีเวลาทำ ทุกอย่างจะทำตามโรดแม็ป และไม่ว่าใครจะเป็นทั้งตำรวจ ทหารที่ตั้งขึ้นก็เอาปัญหาเก่ามาดูว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งต้องดูผลงานของคนที่ตั้งขึ้นใหม่ เราไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ ใครที่ผมแต่งตั้งขึ้นมาวันนี้ รัฐบาลหน้าซึ่งมาจากการเมืองเขาก็ย้ายหมดนั่นแหละ ไม่ต้องกลัว คนที่รัฐบาลนี้แต่งตั้ง ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องไปพร้อมรัฐบาล ถ้าจะมาบอกว่าเราทำเพื่อหวังผลที่จะอยู่ต่อไประยะยาว ยืนยันว่าผมไม่ได้หวัง พูดมาหลายครั้งแล้ว ผมไม่ประสงค์ที่จะต่อท่ออำนาจ เพราะผมไม่เคยรู้สึกว่าผมมีอำนาจ อำนาจของผมมาจากประชาชน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เผยทูลเกล้าฯโผทหารแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2558 ว่า ตนได้ลงนามขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมเรียบร้อยแล้ว และใครจะเป็นก็เหมือนกัน
เมื่อถามว่าถ้าไม่ใช่ชื่อพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ก็คงไม่เป็นปัญหา พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า จะเป็นหรือไม่เป็น ก็ไม่เป็นไร ตนไม่เห็นเดือดร้อน สื่อจะทำให้มันวุ่นวายอะไร น้องชายตนเขาก็ไม่ได้อะไร เขาก็แล้วแต่ ความจริงทุกคนก็ดำรงตำแหน่งได้ทั้งหมด แต่สถานการณ์แบบนี้มันควร เป็นอย่างไร ใครอาวุโสกว่ากันตรงไหน ถนัด หรือเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ ทุกคนรู้ตัวกันอยู่แล้ว
น้องบิ๊กตู่นั่งปลัดกลาโหม
"อย่าไปกังวลว่า เป็นน้องของผม ซึ่งผมเคยพูดแล้วว่า เป็นน้องผมมันผิดอะไร เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่จะเสนอขึ้นมา ผมเห็นด้วยก็เซ็นกลับไป เรื่องก็จบ ไม่มีปัญหา จะตั้งใครก็ต้องฟัง แต่ถ้าผมทำในสิ่งที่ไม่ดีงาม มีผลประโยชน์แบบนี้ก็ไม่มีใครฟังผม ถึงแม้จะตั้งเองก็ตาม เหมือนกับที่ผมมายืนตรงนี้ เพราะคนอื่นเขาทำในสิ่งที่แก้ปัญหาไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารตำแหน่งสำคัญในปีนี้ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผบ.ทบ. ได้รับการเสนอขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ส่วนพล.อ. ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายของพล.อ. ประยุทธ์ จะไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม
'สุวรรณา'ผงาดปลัดยธ.
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลการประชุมครม.ว่า ในที่ประชุมครม.มีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงตามที่แต่ละหน่วยงานเสนอมา ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นต้นไป ประกอบด้วย นายวิสูตร ประสิทธิ์ศิริวงศ์ รองเลขาธิการก.พ. เป็น เลขาธิการ ก.พ., นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม, น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เป็น เลขาธิการกกอ.
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็น ปลัดกระทรวงคมนาคม, ม.ล.ปุณฑริก สมิติ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็น ปลัดกระทรวงแรงงาน, นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นปลัดกระทรวงการคลัง, นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) เป็นรองผอ.สำนักงบประมาณ
เด้งกลางอากาศปลัดเกษตร
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า และเห็นชอบโอนข้าราชการพลเรือนสามัญ ดังนี้ นาย ชูเกียรติ รัตนชัยชาญ ที่ปรึกษานายกฯฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการนายกฯ (สลน.) ไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ ก.พ.ร., นายกุลิศ สมบัติศิริ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นอธิบดีกรมศุลกากร 2.นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และนายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกฯ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายชวลิต ขณะนี้อยู่ระหว่างการไปดูงานจัดแสดงงานเอ็กซ์โปแสดงนวัตกรรมภาคเกษตรของไทย ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และจะกลับถึงประเทศไทยในวันที่ 26 ส.ค.นี้
ด้านนายชวลิต ชูขจร ปลัดเกษตรฯ กล่าวว่า ไม่น้อยใจที่ถูกย้าย เป็นปลัดมาถึง 3 ปีก็เผื่อใจไว้อยู่แล้ว ปรับเปลี่ยนครั้งนี้ถือเป็นจังหวะที่ดีที่ครม.เศรษฐกิจจะได้ปรับทีมใหม่ให้ทำงานคล่องตัวมากขึ้นและทำงานเป็นทีม อย่างไรดียืนยันการถูกปรับไม่เกี่ยวข้องกับกรณีทุจริตการดำเนินโครงการแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้ง ซึ่งเป็นเรื่องตั้งแต่ปี 2547 และอัยการไม่มีคำสั่งฟ้อง หากเป็นกรณีดังกล่าวก็น่าจะปรับตนออกจากตำแหน่งตั้งแต่ช่วงคสช. เข้ามาทำหน้าที่แล้ว
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า สำหรับรัฐมนตรีที่ยังดำรงตำแหน่งข้าราชการประจำด้วยอีกตำแหน่งหนึ่งนั้น นายกฯ ได้สั่งการให้ไปลาออกจากตำแหน่งข้าราชการประจำ เพื่อให้คงตำแหน่งรัฐมนตรีไว้เพียงตำแหน่งเดียว สำหรับรมต.ที่ยังคงดำรงตำแหน่งข้าราชการประจำด้วยนั้นคือ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมและเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯและปลัดสำนักนายกฯ
'ตู่'ฉุนนักการเมืองวิจารณ์รธน.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ถึงร่างรัฐธรรมนูญว่า วันที่ 6 ก.ย.นี้ ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน คณะกรรมการขับเคลื่อนที่ตั้งขึ้นมา 200 คนจะนำพิมพ์เขียวนี้มาดูว่าสิ่งไหนทำได้ ไม่ได้ หรือต้องเพิ่มเติม หรือนำออกบางส่วน เขาจะพิจารณาเอง และต้องเข้าสู่การพิจารณาของสนช.ด้วย เพราะต้องออกเป็นกฎหมายว่าจะปฏิรูปอะไรบ้าง
เมื่อถามว่า นักการเมืองเสนอให้สปช.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เขาไม่มีสิทธิ์มาเสนอใคร และสื่อจะไปขยายความให้เขาทำไม กระบวนการในวันนี้ นักการเมืองไม่เกี่ยว ให้พูดนี่ก็เก่งแล้ว ปกติไม่ให้พูดอยู่แล้ว พวกมีคดีหลายคนออกมาพูด ไม่กลัวกันเลย คดีความมีเยอะไปหมดกลับไม่กลัวสักอย่าง คนเหล่านี้ในเมื่อพูดแรงกับตนก็ต้องแรงกลับ อย่าปฏิเสธกฎหมายแล้วกันเวลาโดนดำเนินคดี อย่ามาเรียกร้องโวยวายไม่ได้รับความเป็นธรรม ผิดก็คือผิด ซึ่งทำตัวเองทั้งหมด
ลั่นอย่ามาพูดขัดแย้งกับผม
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะห้ามนักการเมืองพูดหรือแสดงความเห็นกับการลงมติร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ถึงกับต้องห้าม แต่เมื่อถึงเวลา ตนจัดการเอง วันนี้ต้องสอนให้ประชาชนคิด ทำไมต้องให้ใครมาชี้นำ ทุกวันนี้ตนพูดสร้างความเข้าใจ เบื่อบ้างไม่เบื่อบ้าง ถ้าทนฟังก็จะเข้าใจว่าตนต้องการอะไรและทำอะไรอยู่ แต่ถ้าไม่ฟังกัน มันก็จบ เช่นเดียวกัน ถ้าคนพวกนี้มาพูดแล้วสื่อไม่ฟัง มันก็จบ จะให้เขาพูดอยู่ทำไม
"หลายคนบอกว่า จะไม่ลงเลือกตั้ง ก็ดี อย่าลงมาแล้วกัน รอดูไอ้คนเหล่านี้ มันจะไม่ลงจริงหรือไม่ ฉะนั้นอย่ามาพูดขัดแย้งกับผม วันหน้าจำคำพูดตัวเองเอาไว้ว่าจะไม่ลงรับเลือกตั้ง บันทึกเอาไว้ด้วย ในประวัติศาสตร์ พูดแล้วต้องทำตามนั้น ผมไม่ได้ขัดแย้ง โดยโรดแม็ปยังเป็นอยู่อย่างนั้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
'วิษณุ'ป้องกก.ยุทธศาสตร์
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า กรณีร่างรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ในมาตรา 260 ยังไม่รู้สึกเพราะยังไม่เห็นอิทธิฤทธิ์ว่ามาตราดังกล่าวเป็นอย่างไร ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเนื้อหาของร่างฯ
เมื่อถามว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เหมือนให้อำนาจซ้อนอำนาจ เพราะรัฐบาลใหม่ดูเหมือนไม่มีอำนาจเลย นายวิษณุกล่าวว่า มีในส่วนการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วน คปป.ไม่มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินเพราะอำนาจจะไปถึงเขาเมื่อมีวิกฤตสุดขีดเท่านั้น
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงข้อทักท้วงเรื่องคำปรารภในร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ว่า จำเป็นต้องมี แต่ยังไม่จำเป็นต้องมีในขั้นตอนนี้ ไม่เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาจะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมก็ต้องมาแก้กันใหม่ เพื่อให้เข้ากับเหตุการณ์ในวันนั้น เขาจึงไปเขียนไว้ตอนที่เสร็จแล้ว มีรายละเอียดและเขียนในภายหลังได้ ส่วนการโหวตร่างรัฐธรรมนูญไม่สามารถเลื่อนได้ หรืออย่างมากต้องไม่เกินวันที่ 7 ก.ย.นี้
ยอมรับมีส่วนคล้ายคอมมิวนิสต์
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงสมาชิกพรรคเพื่อไทยระบุมาตรา 260 ที่บัญญัติให้มี คปป.นั้น มีเฉพาะประเทศที่ปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ ว่า ไม่เหมือนกัน แม้อาจจะมีส่วนคล้ายกัน หากดูให้ดี คปป.มีบทบาทสำคัญ 2 ประการ คือทำเรื่องปฏิรูปและปรองดอง ไม่ได้ทำเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน การที่ต้องทำเรื่องปฏิรูปและปรองดองเพราะ กมธ.ยกร่างฯ เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะไม่มีเวลาและไม่สนใจทำเรื่องเหล่านี้ ส่วนเรื่องปรองดองหากดำเนินการได้เลยก็ไม่จำเป็นต้องมีคปป. แต่ กมธ. ยกร่างฯ ไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะทำได้ และถ้าเกิดวิกฤตขึ้นรัฐบาลใช้กฎหมายพิเศษ รวมทั้งกฎอัยการศึกแล้วไม่ได้ผล แสดงว่ารัฐบาลหมดหนทางจัดการกับวิกฤต คปป.จึงจะเข้ามาแก้วิกฤตนั้น ส่วนจะแก้ได้หรือไม่ตนยังไม่ทราบ
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า องค์ประกอบของ คปป.เต็มไปด้วยผู้มีอำนาจในการแก้ปัญหา จึงคิดว่าหากคนเหล่านี้มานั่งคุยกันอาจได้ข้อสรุปที่เป็นทางออก ถือเป็นอำนาจตามบทเฉพาะกาลในช่วงวิกฤต แต่ถ้า คปป.ใช้อำนาจโดยที่ยังไม่ถึงเวลาอันควรแล้วมีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ คปป.จะมีความผิด ดังนั้น คปป.ต้องปรึกษากับประธานศาลรัฐธรรมนูญและประธานศาลปกครองสูงสุด นี่คือมาตรการอย่างหนึ่ง เหมือนฝรั่งเศสมีมาตรา 16 ในรัฐธรรมนูญ ให้อำนาจนายกฯ จัดการทุกอย่างที่จำเป็น
ไม่เชื่อมีวิกฤตให้คปป.ออกมา
เมื่อถามว่าการให้ คปป.เข้ามาแก้ปัญหาช่วงวิกฤตเท่ากับเปิดช่องให้คนไม่หวังดีสร้างวิกฤตเพื่อให้คปป.จัดการหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้เปิดช่อง เพราะก่อนจะถึงวิกฤตจะใช้กฎหมายธรรมดา คิดว่าน่าจะเอาอยู่แล้ว ขอให้เชื่อว่าการชุมนุมจะไม่ไปถึงขั้นที่ คปป.ต้องออกมาจัดการง่ายๆ เว้นแต่ยึดสนามบิน หรือเกิดระเบิดในหลายแห่งจนรัฐบาลควบคุมไม่อยู่ ทั้งหมดนี้เป็นบทเฉพาะกาลบังคับใช้ในเวลา 5 ปี มีหลักประกันว่าต้องใช้ในช่วงวิกฤตจริง และการที่มีประมุขฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการร่วมอยู่ใน คปป.ถือเป็นการคานอำนาจกันเอง
เมื่อถามว่า หลายมาตราเหมือนให้สืบทอดอำนาจ เช่น มีส.ว.สรรหา 123 คน ส.ว.เลือกตั้ง 77 คน นายวิษณุกล่าวว่า หลังเลือกตั้งแล้วจะต้องถอดสลักเหล่านี้ออกให้หมด ส่วนที่สมาชิก สปช.เตรียมเสนอทำประชามติให้รัฐบาลอยู่ปฏิรูปอีก 2 ปีนั้นรัฐบาลรู้ว่างานปฏิรูปไม่มีทางทำสำเร็จใน 4 หรือ 5 ปี แต่รัฐบาลจะเดินเข้าสู่โรดแม็ปโดยมีการเลือกตั้ง ปฏิรูปได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น หากจะบอกว่าปฏิรูปให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเลือกตั้ง คงต้องรอไปอีก 70 ปี คำตอบของรัฐบาลในเรื่องนี้คือ ปฏิรูปไปบ้างแล้วค่อยทยอยส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป
รับยังกังวลร่างรัฐธรรมนูญ
"ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ผมกังวลเช่นกัน กังวลว่ามาตรการอะไรก็อาจเอาไม่อยู่ เพราะคนเราถ้าคิดจะรุนแรงก็ทำได้โดยคาดไม่ถึง อย่างกรณีระเบิดที่แยกราชประสงค์ ดังนั้น ผมพยายามเข้าใจกมธ.ยกร่างฯ แต่ยังไม่เข้าใจและตั้งใจสอบถามว่าเป็นเจตนาแท้จริงของ กมธ.ยกร่างฯ หรือไม่ว่า การร่างเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนั้นได้จริงหรือไม่ เช่น คปป. ถ้าวันหนึ่ง กมธ.ยกร่างฯ บอกว่าต้องการให้เป็นซูเปอร์บอร์ด ซูเปอร์เพาเวอร์ โปลิตบูโรจริง จากนั้นค่อยมาวิจารณ์กัน" นายวิษณุกล่าว
นายวิษณุกล่าวต่อว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้คงไม่ถึงขั้นนางงามเหมือนที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ อยากให้มอง แต่คงมิสอะไรสักอย่าง ไม่ถึงขั้นมิส ยูนิเวิร์ส พยายามเดาเจตนาของ กมธ.ยกร่างฯ เช่น ที่บอกว่ายุบสภาแล้วให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่ อาจไม่ไว้ใจนักการเมือง ซึ่งตนไม่เห็นด้วย ทำไมถึงคิดว่าข้าราชการประจำนั่งแทนรัฐมนตรีจะดีกว่า อย่างน้อยรัฐมนตรีมีอะไรที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคม หากปลัดกระทรวงมานั่งแทนย่อมไม่มีอะไรต้องรับผิดชอบ
นายวิษณุ กล่าวว่า การเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในระบอบประชาธิปไตย เพราะมีเงื่อนไขว่าการเลือกตั้งต้องบริสุทธิ์ยุติธรรม เปิดกว้าง หากคิดแต่จะเลือกตั้งก็ไม่เรียกว่าเป็นประชาธิปไตย เพราะต้องดูเป้าหมายว่าเลือกผู้แทนเข้าไปทำอะไร ตนไม่ได้กลัวการเลือกตั้ง แต่กลัวเลือกแล้วประเทศกลับมาเหมือนเดิม ดังนั้น กมธ.ยกร่างฯ จึงสร้างกลไกให้มีองค์กร เช่น คปป.เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย
'เติ้ง'เกรงใจปื๊ด-ปัดวิจารณ์รธน.
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงร่างรัฐธรรมนูญว่า ตนยังไม่ได้อ่านแม้แต่มาตราเดียว ไม่ได้สนใจด้วย จะออกอย่างไรก็ปล่อยไป เพราะไปบังคับไม่ได้ ถ้าประกาศใช้ก็ต้องปฏิบัติตาม ส่วนจะถูกต้องหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตนไม่ยุ่งเกี่ยว ลึกๆ ไม่อยากพูด เพราะเกรงว่านายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯจะไม่สบายใจ เพราะเป็นเพื่อนกัน อะไรที่เป็นประชาธิปไตยตีความได้หลายแง่หลายมุม เขาบอกเป็นประชาธิปไตย แต่เราบอกว่าไม่ใช่ เอาเป็นว่ารับกันเมื่อไรก็ลงสู่สนามเลือกตั้ง ส่วนลงแล้วจะได้หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ นายบรรหารกล่าวว่า ยังมีข้อกังขาอยู่ จะวิจารณ์ไปทำไมเพราะไม่เกิดประโยชน์ พูดไปเขาก็ไม่แก้ให้ ส่วนกระแสว่าจะรับและไม่รับร่างนั้น ตนไม่รู้ มันอยู่ที่คนจะรับหรือไม่ ถ้าไม่รับก็ตกไป ถ้ารับก็ประกาศใช้แล้วต้องทำประชามติ เมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 ปี 2550 กับร่างปัจจุบันฉบับไหนดีกว่ากัน นายบรรหารกล่าวว่า ไม่อยากพูด แต่ของตนดีกว่า
ไม่อยากยุ่งเดี๋ยวคสช.เล่นงาน
เมื่อถามว่ามีเสียงวิจารณ์ว่าอนาคตอาจเกิดรัฐบาลบุฟเฟต์คาบิเนต ทำให้การเมืองขาดเสถียรภาพ นายบรรหารกล่าวว่า สายป่านจวนจะขาดอยู่แล้ว จะให้ทำอย่างไร เพราะนักการเมืองยุ่งอะไรไม่ได้ ยุ่งอะไรมากก็ไม่ได้เดี๋ยว คสช.ก็เล่นงาน ต้องรอดูต่อไปในอนาคต ถ้าบ้านเมืองวุ่นวายก็ค่อยมาแก้ไขกัน แต่คง ไม่วุ่นวาย
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายกังวลอาจจะไม่มีการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้ นายบรรหารกล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกัน เขาจะอยู่นานแค่ไหนก็ไม่รู้ ส่วนข้อวิจารณ์ว่าร่างจะผ่านประชามติหรือไม่นั้น เราไม่รู้ใจประชาชนว่าจะรับหรือไม่ เช่น การโหวตเลือกนายกฯจะทำกันอย่างไร ในร่างรัฐธรรมนูญเขียนว่าต้องใช้เสียง 2 ใน 3 อย่างนี้เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การ เมืองบ้านเรา จะเรียกว่าเดินหน้าหรือถอยหลังก็ตอบไม่ได้ ของเรามันเดินไปแล้วก็ถอยมา อยู่กันอย่างนี้จะให้ทำอย่างไร ตนอายุมากแล้วไม่สนใจแล้ว คราวหน้าก็ไม่ลงเลือกตั้งแล้ว
เมื่อถามว่าถ้าแบบนี้ลูกพรรคก็หายหมด นายบรรหารกล่าวว่า "ไม่หาย ผมก็ยังอยู่ ยังกุมบังเหียนอยู่ จะหายไปไหน"
ปูหนุน'คสช.-สปช.'แก้รธน.
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงร่างรัฐธรรมนูญว่า จากที่ฟังนักวิชาการหลายคน และอย่างที่ตนเขียนไว้ในเฟซบุ๊กว่า เป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือการให้อำนาจและสิทธิประชาชนตัดสินใจ แต่ร่างรัฐธรรมนูญก็ไม่มีอำนาจที่ยึดโยงประชาชนเลย จึงน่าเป็นห่วง ส่วนตัวคิดว่ารับไม่ได้เสมือนประชาชนอยู่ในบ้านไม่ได้รับความสุขสบาย จึงหวังว่าผู้เกี่ยวข้องจะรับฟังเสียงวิจารณ์จากประชาชน สื่อมวลชนและผู้รู้ที่วิเคราะห์ร่างรัฐธรรมนูญไว้ มองว่าคสช.และสปช.มีอำนาจแก้ไขอยู่แล้ว ถ้าได้พิจารณาและหาทางออกก็เป็นสิ่งที่ดี ในช่วงนี้ การที่เราไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นประชาธิปไตย ทำให้บ้านเมืองหยุดชะงัก ในฐานะที่ตนมาจากการเลือกตั้งเราก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ร่างรัฐธรรมนูญนี้เดินหน้า
เมื่อถามว่าหากเดินหน้าทำประชามติ พรรคเพื่อไทยจะรณรงค์ให้คว่ำร่างหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ยังไม่อยากพูดถึงตรงนั้น แต่เราอยากมองว่าร่างรัฐธรรมนูญเดินหน้าอย่างไรมากกว่า ไม่อยากให้วิจารณ์ว่าจะรับหรือไม่รับ เพราะจะกลับมาสู่วังวนเดิม นับหนึ่งใหม่ ประเทศเราเสียเวลามาเยอะแล้ว แทนที่จะแข่งขันกับต่างประเทศพัฒนาเศรษฐกิจ จึงอยากให้มีทางออกแก่ประชาชนบ้าง หรืออาจพิจารณาสิ่งที่ดีๆ ในรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมาหรือนำมาปรับปรุงแก้ไขตามที่มีเสียงวิจารณ์ ทั้งนี้ อยากให้มีโรดแม็ปทางเดินที่ชัดเจน ไม่อยากให้ทุกอย่างลากยาวไป เพราะยิ่งลากยาว ความเจ็บปวดจะตกอยู่ที่ประชาชน วันนี้ปัญหาปากท้องของเกษตรกรน่าเห็นใจ ผู้ที่มีรายได้น้อยมีสายป่านสั้น ไม่สามารถทนกับสภาวะต่างๆ ได้ก็ควรแก้ไข
ปัดวิจารณ์-ขอให้ยึดหลักการ
เมื่อถามว่า จะมีสปช.บางส่วนจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างรัฐธรรมนูญ น.ส. ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไม่ขอพูดถึง แต่ขอพูดในหลักการว่ารัฐธรรมนูญต้องยึดโยงกับประชาชน ถ้ารัฐธรรมนูญไม่เหมาะกับประเทศ จะเกิดปัญหาอีก ไม่อยากให้วงจรนั้นกลับมา
เมื่อถามว่า มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นร่างที่ล้างบางนักการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนไม่เข้าข่ายที่จะวิจารณ์ได้เพราะถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ขอพูดในฐานะประชาชนว่าอยากให้เสาหลักของฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ มีอำนาจถ่วงดุลกันเองเพื่อให้เกิดความสมดุลมากกว่าเข้าไปก้าวก่ายในแต่ละส่วน และที่สุดการตัดสินใจใดๆ ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม นี่คือสิ่งที่ประชาชนเห็น
เมื่อถามว่าอยากฝากถึงครม.ชุดใหม่อย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ครม.ชุดใหม่นั้น ประชาชนก็คาดหวัง สิ่งที่เร่งทำคือการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ผู้มีรายได้น้อยที่เดือดร้อน อยากให้เร่งแก้ไขเพื่อให้บังเกิดผลที่ทุกคนคาดหวังไว้ ที่สำคัญต้องทำให้เกิดเงินในกระเป๋าของประชาชน
มาร์คติงยื่นถาม'คำปรารภ'
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับครม.ประยุทธ์ 3 ว่า เปลี่ยนทีมเศรษฐกิจที่มีลักษณะอนุรักษนิยมน้อยลง เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องกำลังซื้อให้มากขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่คงไม่ได้รื้อทุกสิ่งที่ทำมา เป็นความพยายามจะเรียกความเชื่อมั่นและประคับประคองเศรษฐกิจ แต่ถ้าเปลี่ยนบุคคลโดยไม่เปลี่ยนนโยบาย ปัญหาจะยังคงอยู่ เท่าที่ทราบนายสมคิดหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ มุ่งประเด็นเพิ่มกำลังซื้อ จึงน่าจะปรับเปลี่ยนนโยบายในระดับหนึ่ง ต้องยอมรับความจริงว่าจะทำให้การแก้ปัญหาถูกตรงจุดมาก แต่ต้องระวังอย่าให้กลับไปสู่ประชานิยมที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งมาตรการสนับสนุนประกันรายได้หรือให้สวัสดิการที่เหมาะสม จะเป็นแนวทางที่ดี ต้องเริ่มทำให้เร็วที่สุด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงสปช.บางกลุ่มจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เนื่องจากไม่มีคำปรารภว่า การทักท้วงเรื่องนี้เคยทำแล้วครั้งหนึ่งในปี 2540 ซึ่งมีบทสรุปแล้วว่าคำปรารภเขียนล่วงหน้าไม่ได้ ไม่ควรนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นหลัก แต่ขอให้ดูสาระของรัฐธรรมนูญ เพราะการใส่เนื้อหาเรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) เป็นการสร้างปัญหารัฐซ้อนรัฐ ทำให้เกิดความขัดแย้งในอนาคต เป็นปัญหาต่อระบอบประชาธิปไตย สิ่งที่เขียนอยู่ไม่ได้บอกว่าการปฏิรูปคืออะไร ขึ้นอยู่กับคปป. นอกจากนี้ยังมีบทบัญญัติบังคับรัฐบาลได้
หนุนสปช.คว่ำร่างรธน.เลย
"จะเกิดความขัดแย้งมากขึ้นเพราะรัฐบาลจะพยายามแก้รัฐธรรมนูญ ขณะที่คปป.จะขัดขวาง เพราะกระทบต่อตัวเอง แล้วใช้อำนาจที่มีมาบังคับ ซึ่งจะยิ่งเกิดความขัดแย้งมากขึ้น จึงอยากให้สปช.คว่ำรัฐธรรมนูญฉบับนี้" นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่อยากให้สปช.ผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ไม่ใช่เพราะจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ แต่เพื่อปรับปรุงเนื้อหาในรัฐธรรมนูญให้ดีก่อนทำประชามติ เพราะหลายเรื่องไปได้ ปัญหาเรื่องคปป.ซึ่งมีช่องโหว่ในอนาคต จึงไม่ควรนำความขัดแย้งไปสู่จุดการทำประชามติหรือหลังเลือกตั้ง จึงเห็นว่าสปช.ต้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนี้ทันที ซึ่งการปรับปรุงเนื้อหาไม่จำเป็นต้องใช้เนื้อหาตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว แค่เชิญทุกฝ่ายมาหารือพร้อมบอกเป้าหมายกับสังคมที่ชัดเจนว่าต้องการปฏิรูปอย่างไร และจะให้มีกลไกอะไรมากำกับดูแลที่ดีกว่าทำให้เกิดรัฐซ้อนรัฐ เชื่อว่าน่าจะเสร็จได้ภายใน 2-3 เดือน จากนั้นจึงทำประชามติ เสียเวลาอีก 2-3 เดือนก็ไม่เป็นปัญหา ถ้าพวกตนเห็นแก่ตัวอยากกลับไปเป็นผู้แทนฯ คงบอกให้รีบผ่านเพื่อให้มีเลือกตั้ง
ปื๊ดนำทีมร่างถก'สปช.'
นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. กล่าวกรณีกมธ.ปฏิรูปการเมืองและกมธ.ปฏิรูปกฎหมายฯ จะยื่นหนังสือถึงประธานสปช. ส่งเรื่องไปยังครม.เพื่อส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยกรณีร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่มีคำปรารภถือเป็นร่างที่เสร็จสมบูรณ์หรือไม่ ว่า การพิจารณาต้องดูมูลเหตุประเด็นของปัญหาหากดำเนินการโดยไม่มีมูลเหตุ ประชาชน 60 กว่าล้านคนจะเสียหาย ทุกคนมีสิทธิจะยื่นเรื่องมาให้ตนแต่จะเข้าท่า มีเหตุมีผลหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หน้าที่ของตนไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์แต่มีหน้าที่ใช้ดุลพินิจ ส่วนร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่มีคำปรารภจะเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่สมบูรณ์หรือไม่ตนไม่ทราบรายละเอียด
ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ คอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จัดโครงการสัมมนาระหว่างสมาชิก สปช. นำโดยนายเทียนฉาย และคณะกรรมาธิ การ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญบางส่วน นำโดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ. ยกร่างฯ โดยให้สมาชิกสปช.ซักถามประเด็นสำคัญหลักการในร่างรัฐธรรมนูญ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและข้าราชการที่ไม่เกี่ยว ข้องเข้าร่วมรับฟังและบันทึกภาพ
อ้าง'คปป.'ทำตามเจตนารมณ์คสช.
รายงานข่าวแจ้งว่า นายบวรศักดิ์ เปิดใจกับสมาชิกสปช.ตอนหนึ่งว่า การทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญได้ใช้ความรู้ความตั้งใจ รวมถึงความพยายามในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และไม่กังวลต่อการตัดสินใจเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญของสมาชิก สปช.ที่จะมีขึ้น หากสปช. ได้ตัดสินเนื้อหาโดยมโนสำนึกและวิจารณญาณ หรือเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญมีความหวังดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งประเด็น เล็กๆ น้อยๆ ที่เคยมีก่อนหน้านั้น ตนขอกราบขออภัย จากนั้นเป็นลำดับการชี้แจงของกมธ.ยกร่างฯ ต่อประเด็นสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นายบรรเจิด สิงคะเนติ กมธ.ยกร่างฯ ได้ชี้แจงถึงการบัญญัติให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ(คปป.) เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่คสช.ประกาศถึงเหตุผลการเข้ามาเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ที่ได้รับเจตจำนงของประชาชนที่ต้องการให้การปฏิรูปประเทศให้สำเร็จ การกำหนดให้มีคปป. เพื่อเป็นหลักประกันว่าการปฏิรูปและการปรองดองที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่รากฐาน และลดความเหลื่อมล้ำจะเกิดขึ้นจริง ส่วนอำนาจพิเศษที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลเป็นเพียงการกำหนดให้มาแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งเกิดภาวะรัฐล้มเหลว
บวรศักดิ์อโหสิกรรม'วันชัย'
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายหลังนาย วันชัย สอนศิริ สปช. แถลงคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ ระหว่างรับประทานอาหารร่วมกันของกมธ.ยกร่างฯ และสปช. นายบวรศักดิ์ ได้ถามหานายวันชัยและเดินไปหาพร้อมระบุว่า "ขออโหสิกรรมให้แก่นายวันชัย อาจเป็นเพราะชาติที่แล้วเราสองคนได้มีเวรกรรมต่อกัน" จากนั้น นายบวรศักดิ์ เดินออกจากห้องกินข้าว เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม นายบวรศักดิ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ได้โกรธอะไรกันและได้อโหสิกรรมพร้อมแจ้งให้นายวันชัยทราบไปเรียบร้อยแล้ว
ต่อมาเวลา 17.50 น. นายบวรศักดิ์กล่าวภายหลังการชี้แจงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญต่อสปช.ว่า พอใจกับการชี้แจงในครั้งนี้ แต่มีบางคนที่ยังคงรู้สึกเหมือนเดิมอยู่
สปช.รอฟังสัญญาณ'คสช.'
รายงานข่าวจากกมธ.ยกร่างฯเผยว่า ภายหลังพูดคุยกับสปช.แล้ว ยืนยันว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านความเห็นชอบในการลงมติในวันที่ 6 ก.ย.แน่นอน เว้นแต่คสช.มีสัญญาณให้สปช.มีความเห็นเป็นอย่างอื่น ส่วนการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ที่ถูกโจมตีอยู่ขณะนี้ ยืนยันว่า ครม.เป็นผู้เสนอ กมธ.ยกร่างฯนำมาปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของครม. เพื่อแก้วิกฤตการเมืองที่อาจเกิดช่องว่างขึ้นได้ในอนาคต
ขู่ฟ้องคนคว่ำร่างรธน.
ด้านนายวันชัย สอนศิริ สปช. ให้สัมภาษณ์กรณีการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เชื่อว่าสมาชิกสปช.จะมองประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ เพราะรู้แล้วว่าหากปล่อยให้รัฐธรรมนูญนี้ผ่านออกไปวิกฤตจะเกิดขึ้นแน่นอน อีกทั้งเนื้อร้ายที่ปรากฏในนี้คือคปป. แม้กมธ.ยกร่างฯจะยืนยันว่าร่างคปป.เพื่อแก้วิกฤตต่างๆ ได้ แต่จากการดูเนื้อหาด้วยความรอบคอบแล้ว เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจริงๆ คสช. หรือบุคคลที่มีอำนาจเข้ามาเป็นคปป.จะไม่สามารถเข้ามาสานต่อการปฏิรูปได้และไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ รวมทั้งจะเกิดความขัดแย้งกับผู้ที่มีอำนาจกลุ่มเก่ากับกลุ่มใหม่ เห็นว่าไม่ควรให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านไปโดยเด็ดขาด คาดว่าสัปดาห์หน้าเป็นต้นไปน่าจะมีความชัดเจนว่าใครเห็นด้วยกับผมบ้าง แต่ในฐานะผู้เคลื่อนไหวมั่นใจว่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่นายสิระ เจนจาคะ สมาชิกสปช. กล่าวว่า ถ้านายวันชัยลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ อย่างที่ประกาศไว้จริง ตนและประชาชนจำนวนหนึ่งจะดำเนินการฟ้องแพ่ง 1,000 ล้านบาท ในฐานที่จงใจให้เกิดความเสียหายแก่ชาติบ้านเมือง เพราะนำภาษีประชาชนนำมาดำเนินการให้สปช.และกมธ.ยกร่างฯจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ
กกต.ชี้ห้ามรณรงค์รับไม่รับ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เป็นประธานประชุมร่วมกับตัวแทนกมธ.ยกร่างฯ กกต. และกรมการปกครอง เพื่อหารือถึงแนวทางทำประชามติหากสปช.ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นเวลา 15.40 น. นาย ศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. เปิดเผยภายหลังหารือกว่า 2 ชั่วโมงว่า หากสปช.รับร่างรัฐธรรมนูญ ขั้นตอนจากนั้น สปช.ต้องส่งร่างพร้อมประเด็นคำถามประชามติอื่นให้ครม.พิจารณา สนช.ก็เช่นกัน ซึ่งครม.จะพิจารณาว่าจะใช้คำถามไหนหรือจะไม่เอาคำถามใดเลย หากไม่มีคำถามอื่น จะเหลือเพียงคำถามว่าจะรับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญคำถามเดียว
นายศุภชัย กล่าวว่า สำหรับวันทำประชามตินั้น เดิมกำหนดไว้วันที่ 10 ม.ค. 2559 ซึ่งสามารถขยับได้ ขึ้นอยู่กับส่งร่างรัฐธรรมนูญได้ร้อยละ 80 จากครัวเรือนทั้งหมด หรือ 13.3 ล้านครัวเรือน จากทั้งหมดมี 16.58 ล้านครัวเรือนเมื่อใด ส่วนงบประมาณที่กำหนดไว้ 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีขยับขึ้นนิดหน่อยตามเนื้องาน สำหรับรณรงค์ชี้นำการลงประชามตินั้น ไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะให้รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ หากมีกลุ่มใดรณรงค์เรื่องประชามติ จะขัดต่อคำสั่งคสช.ฉบับที่ 7 ที่ห้ามชุมนุมทางการเมือง
สนช.ติงกมธ.ก้าวล่วงอำนาจ
ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) แถลงผลการประชุมวิปสนช.ว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ได้รับสำนวนชี้มูลความผิดคดีถอดถอนนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล จากป.ป.ช. กรณีร่ำรวยผิดปกติ จากการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นบ้านเลขที่ 5/5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ตั้งแต่ปี 2541 มูลค่า 16 ล้านบาท เมื่อครั้งเป็นรมช.ศึกษาธิการ โดยสนช.จะประชุมนัดแรกในวันที่ 17 ก.ย. เพื่อกำหนดกรอบวันแถลงเปิดคดี
นพ.เจตน์ กล่าวอีกว่า วิปสนช.ยังหารือถึงร่างรัฐธรรมนูญที่ส่งถึงสนช.ด้วย โดยเฉพาะมาตรา 276 ที่กำหนดให้กมธ.ยกร่างฯ ดำเนินการยกร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.ที่สำคัญ แต่ในมาตรา 276 วรรคสองและวรรคสาม ให้กมธ.ยกร่างฯ จัดส่งเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และกำหนดบุคคลมาร่วมเป็นกมธ.สามัญพิจารณาพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ทำให้สงสัยว่าจะก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติและไม่ไว้ใจสนช.หรือไม่ ส่วนเรื่องคำถามประชามติ สนช.กำหนดวันประชุมเพื่อพิจารณาในวันที่ 8 ก.ย.
'ตู่'เยือนฟิลิปปินส์-ถกการค้า
วันที่ 25 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการเยือนประเทศฟิลิปปินส์ วันที่ 27-28 ส.ค.นี้ ตามคำเชิญของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โดยจะติดตามประเด็นที่ผู้นำทั้งสองหารือกันไว้ในการประชุมหลายเวทีว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง ซึ่งการไปคุยครั้งนี้จะแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการเกษตร การค้าการลงทุน ความร่วมมือด้านการบริหารจัดการแรงงาน และเรื่องการศึกษา
พล.ต.วีรชน กล่าวว่า ครม.เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสิงคโปร์ ว่าด้วยการเข้าร่วมของกองทัพสิงคโปร์ ในการฝึกคอบร้าโกลด์ เพื่อต่ออายุการฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นเวลา 5 ปี ที่ผ่านมาทำสัญญาตกลงมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งฉบับปัจจุบันจะหมดอายุในวันที่ 1 ก.ย.นี้ จึงต้องต่ออายุประเด็นนี้ไปอีก 5 ปี เพื่อใช้เป็นกรอบในการปฏิบัติการร่วมกันและจะลงนามในโอกาสที่ผบ.สส.จะเดินทางเยือนสิงคโปร์ วันที่ 31 ส.ค.-2 ก.ย.นี้
ครม.อนุมัติกม.ชุมนุมสาธารณะ
วันที่ 25 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ครม.อนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวิธีการแจ้งการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... และร่างประกาศสำนักนายกฯ เรื่อง เครื่องมือควบคุมฝูงชน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอครม.ตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
สาระสำคัญ 1.กำหนดวิธีการแจ้งการชุมนุมสาธารณะ ให้ผู้แจ้งแจ้งเป็นหนังสือต่อผู้รับแจ้ง (หัวหน้าสถานีตำรวจท้องที่ที่ชุมนุมสาธารณะ) ตามแบบท้ายประกาศ โดยให้แจ้งก่อนเริ่มชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง โดยแจ้งด้วยวิธีหนึ่งวิธีใด ดังนี้ เช่น แจ้งโดยตรงต่อผู้รับแจ้ง แจ้งทางโทรสาร หรือแจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
2.เครื่องมือควบคุมฝูงชน กำหนดหลักการปฏิบัติของเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ ผู้ควบคุมสถานการณ์ หรือข้าราชการตำรวจซึ่งได้มอบหมาย ต้องหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง กรณีการปฏิบัติใดที่จำเป็นต้องใช้กำลังเข้าแก้ไขสถานการณ์ สามารถดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ตามสมควรแก่เหตุ และยุทธวิธีการใช้กำลังตามความจำเป็น โดยเลือกใช้เครื่องมืออุปกรณ์ควบคุมฝูงชนวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือหลายวิธีพร้อมกันให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่นโล่ใส กระบองยาง แก๊สน้ำตาชนิดสเปรย์ อุปกรณ์ส่งคลื่นเสียงรบกวนพิเศษระยะไกลชนิดพกพา ลูกขว้างแบบควัน
ป๋าเปิดบ้านรับเฉพาะคณะ'บิ๊กตู่'
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 26 ส.ค. เวลา 09.00 น. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จะเปิดบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. นำครม.เข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดครบ 95 ปี โดยมีผู้นำเหล่าทัพ อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงานและปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผอ.ทอ. พร้อมนายทหารระดับสูงเข้าร่วมอวยพร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามปกติทุกปี นายกฯ และครม.พร้อมผบ.เหล่าทัพ จะมาร่วมรับประทานอาหารเช้าที่สโมสรทหารบก ก่อนเข้าไปอวยพรพร้อมกัน แต่ปรากฏว่าปีนี้สโมสรทหารบกเดิม ถูกทุบทิ้งเพื่อก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่าและหอประชุมกองทัพบกแห่งใหม่ เบื้องต้นนายกฯ และครม.รวมถึงผบ.เหล่าทัพ จะร่วมรับประทานอาหารเช้าและพักคอยที่ห้องรับรอง ภายในบ้านพักสี่เสาฯ สำหรับนายทหารระดับ 5 เสือของแต่ละเหล่าทัพ จะรับประทานอาหารเช้าและพักคอยที่ห้องรับรอง ภายในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ก่อนไปสมทบกับคณะของนายกฯ เพื่อร่วมอวยพรในเวลา 09.00 น.
พล.ท.พิษณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิพล.อ.เปรม กล่าวยอมรับว่า ในวันที่ 26 ส.ค. พล.อ.เปรมได้เปิดบ้านสี่เสาฯ ให้นายกฯ และครม. ผบ.เหล่าทัพเข้าอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดเพียงคณะเดียว ในเวลา 09.00 น. สำหรับบุคคลอื่นๆ ที่ต้องการจะอวยพร ขอให้ส่งเป็นการ์ดอวยพรมาเนื่องจากสถานที่ไม่เอื้ออำนวย เพราะสโมสรทหารบกเทเวศร์เก่าถูกทุบทิ้ง อยู่ระหว่างการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่าของกองทัพบก อาจไม่สะดวกกับผู้ที่มา ตลอดจนพื้นที่ภายในบ้านพล.อ.เปรม ค่อนข้างคับแคบ อาจรองรับบุคคลได้ไม่ทั่วถึง สำหรับสุขภาพของพล.อ.เปรมขณะนี้ขอให้รอดู วันที่ 26 ส.ค.ก็จะเห็นเอง
"ปู"นำพท.อวยพรวันเกิด"เติ้ง"
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่พรรคชาติไทยพัฒนา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมด้วยพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายวราเทพ รัตนากร นายสามารถ แก้วมีชัย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล นายชวลิต วิชยสุทธิ์ นายอุดมเดช รัตนเสถียร นำกระเช้าดอกไม้เข้าอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดย้อนหลังครบรอบ 83 ปี ของนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้นายบรรหารมีสุขภาพแข็งแรง และยังเป็นตัวแทนมอบกระเช้าดอกไม้ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และกระเช้าดอกไม้ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯด้วย
นายบรรหาร กล่าวกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า รู้จักกับพ.ต.ท.ทักษิณมานาน และได้พูดคุยทำงานร่วมกันมา แต่อนาคตของการเมืองไม่แน่นอน ขอเอาใจช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ ให้มีโอกาสได้กลับมา และกลับมาโดยสวัสดิภาพด้วย ฝากบอกพ.ต.ท.ทักษิณด้วยว่า ยังระลึกและคิดถึงอยู่ตลอดเวลา ส่วนนายสมชายเป็นคนดีมากเพราะได้ดำเนินการโครงการไนท์ซาฟารีที่จ.เชียงใหม่ได้ลุล่วง อีกทั้งเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ถ้อยทีถ้อยอาศัย เป็นนายกฯที่ดีมากคนหนึ่งในประเทศไทย ในโอกาสที่นายสมชาย ไม่สบายขออวยพรให้หายเจ็บไข้โดยเร็ว รักษาสุขภาพให้ดี และมีความเจริญงอกงามไปตลอด
จากนั้นพล.ต.ท.วิโรจน์ มอบกระเช้าดอกไม้อวยพรในนามพรรคเพื่อไทย โดยนายบรรหารกล่าวตอบว่า พล.ต.ท.วิโรจน์เคยเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยมาก่อน ขอให้มีความเจริญก้าวหน้า และในอนาคตหากมีการเลือกตั้ง ขอให้พรรคเพื่อไทยลงสู่สนามเลือกตั้ง และขอให้ได้รับชัยชนะด้วย
ทั้งนี้ นายบรรหารได้มอบไฟฉายให้เป็นของที่ระลึก โดยกล่าวกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า "ให้นายกฯเอาไว้เป็นทางส่องสว่าง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การมาที่พรรคชาติไทยพัฒนาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในครั้งนี้ เป็นที่ จับจ้องของสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะหมายเลขทะเบียนรถของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากให้โชคหลายครั้งแล้ว รถโฟล์กตู้สีเทาเข้มที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งมา ป้ายทะเบียน ฮพ 3621 กรุงเทพมหานคร
'ตู่'ยันมีระบบป้องกันแฮ็กเว็บ
วันที่ 25 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า ฟาลากาทีม (Fallaga Team) แฮ็กข้อมูลในเว็บไซต์หน่วยงานภาครัฐแล้วเผยแพร่ภาพชาวโรฮิงยาถูกเมียนมาทารุณ ว่า ได้รับรายงานแล้ว และสั่งให้ตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ใครเป็นผู้กระทำ ส่วนข้อมูลในประเทศไทยบางอย่างก็ไม่ได้มีความลับมากขนาดนั้น อะไรที่เป็นความลับ มีระบบป้องกันไม่สามารถแฮ็กเข้ามาได้ ที่มีข่าวไปนั้นถือว่าไม่สำคัญเท่าไร อย่างไรก็ดีจากนี้ต้องหามาตรการเพิ่มเติม เช่น เครื่องมือป้องกันดูแลเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับโซเชี่ยลมีเดีย เพราะทุกคนรู้ว่าเราไม่สามารถดูแลได้ตรงนี้ พยายามใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ช่องว่างทางเครื่องมือที่ไม่ทันสมัยเหมือนประเทศอื่น โดยใช้วิธีเปิดเว็บไซต์จากต่างประเทศแล้วปล่อยเข้ามาตรงนี้ ไม่รู้กี่ร้อยช่องทาง เราไม่สามารถคอนโทรลได้
"ต้องเห็นใจ เราพูดเรื่องนี้ทุกคนก็บอกว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เส้นแบ่งมันนิดเดียว ระหว่างการละเมิดกับการป้องกันความสงบในบ้านเมือง ถ้าเข้าใจกันตรงนี้ เส้นแบ่งก็ไม่ทาบทับกันอยู่แล้ว อย่างการละเมิดกฎหมายอื่น เช่น การละเมิดสถาบัน มันทำมาจากต่างประเทศทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ซ่องสุมที่โน่นที่นี่รู้หมด ไอ้พวกที่พูดเยอะตรงนี้ อาจารย์โน้นอาจารย์นี้รวมหัวกันอยู่ต่างประเทศ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์กำชับให้เห็นถึงความสำคัญของความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับไอซีที และกำชับฝ่ายความมั่นคงกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ให้ดูแลเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นพิเศษ ส่วนไอซีทีจะดูในรายละเอียดต่อไป คิดว่ามีหลายจุดที่สามารถปรับปรุงให้ตรวจสอบเรื่องความมั่นคงเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้เว็บไซต์ได้ รวมถึงการตรวจสอบเว็บไซต์ที่เข้าข่ายหมิ่นด้วย อย่างไรก็ตามจะประสานกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงดูแลในเรื่องต่างๆ ต่อไป
กลุ่มชาวสวนยางรุดเชียร์'บิ๊กตู่'
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสมัชชาสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นำผู้นำเกษตรกร 80 คน จาก 64 จังหวัดทั่วประเทศ เข้าพบ เพื่อขอบคุณที่รัฐบาลผ่าน พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางกว่า 1.2 ล้านครัวเรือนได้รับประโยชน์สูงสุด และขอให้รัฐบาลดูแลเกษตรกรโดยไม่จำเป็นต้องใช้นโยบายประชานิยม แต่ขอให้ใช้กลไกการตลาด หาตลาดรองรับสินค้าเกษตรทุกชนิด ส่งเสริมอาชีพและหาเทคโนโลยีให้แก่เกษตรกร พร้อมให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์
โดยนายบุญส่ง นับทอง ตัวแทนสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย และกลุ่มสมัชชาสถาบันเกษตรกรฯ ได้ยื่นข้อเรียกร้อง ให้ชดเชยรายได้เกษตรกรที่ขาดทุนจากการขายยางพารา ทบทวนมาตรการทวงคืนผืนป่าโดยไม่ให้มีผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อย ให้ส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศ ขอให้ตั้งธนาคารยางให้เป็นธนาคารชาวสวนยาง และขอให้นายอำนวย ปะติเส อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ มาช่วยประสานงาน เพื่อเป็นที่ปรึกษานายกฯ ด้านยางพารา เนื่องจากเข้าใจปัญหาเรื่องยางพารามาตลอด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวยืนยันว่า นายอำนวยอาสาช่วยงานอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่มตัวแทนเกษตรกรโดยเฉพาะชาวสวนยางพารา ได้เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกฯผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนั้นยังมีปลัดกระทรวงสาธารณสุขนำคณะและองค์กรภาคีเครือข่ายเข้าพบนายกฯ เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 12 ขณะเดียวกัน นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ นำหัวหน้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เข้าพบนายกฯ เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงาน 'Lanna Expo 2015'โดยนายกฯ ร่วมเขียนลายบนร่มกระดาษสาที่นำมาจัดแสดง ข้อความว่า 'Stronger Together Our Home Our Country'
เป่าปรี๊ดออกสตาร์ต ครม.'บิ๊กตู่3'
คึกคักน่าดูสำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกหลังมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ครม.ชุดที่ 3 ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ครั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญๆ หลายกระทรวง โดยเฉพาะงานด้านเศรษฐกิจที่ยกโขยงปรับใหม่ทั้งคณะ
วันอังคารที่ 25 สิงหาคม ถือเป็นวันประชุม ครม.ครั้งแรก จึงเป็นฤกษ์งามยามดีที่หัวหน้ารัฐบาลอย่าง "บิ๊กตู่" จะเรียกคณะเสนาบดีทั้งใหม่และเก่ารวมทั้งหมด 34 คน มาถ่ายภาพหมู่หน้าตึกไทยตู่ฟ้าอย่างพร้อมเพรียง
จะขาดก็แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอย่าง "บิ๊กต๊อก" พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ที่ติดภารกิจต้องเดินทางไปต่างประเทศ
ช่วงเช้าวันอังคารที่ 25 สิงหาคม บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลจึงคึกคักเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารสถานที่ ทำเนียบรัฐบาล จัดเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายภาพหมู่ตั้งแต่เช้ามืด เริ่มจากการเตรียมอัฒจันทร์สำหรับช่างภาพจากสำนักข่าวต่างๆ ที่ทยอยกันมาเรียกว่าล้นอัฒจันทร์เลยทีเดียว จากนั้นจึงปูพรมสีแดงสดสะอาดตา แล้วนำเก้าอี้มาวางเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อรอรับ "ครม.ประยุทธ์ 3"
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯใหม่แกะกล่อง เดินทางถึงทำเนียบก่อนใครเพื่อนในเวลา 07.00 น. แล้วเดินเข้าห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 การมาทำงานแต่เช้าของ "สมคิด" ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่เขารับหน้าที่รัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เมื่อจะได้เวลารวมตัวถ่ายภาพหมู่ "สมคิด" อีกนั่นแหละ เป็นคนแรกๆ ที่เดินมารอใกล้ๆ บริเวณจุดถ่ายรูป โดยมี สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ เดินมาสมทบ ก่อนจะหยุดคุยกันหน้าสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า
ไม่นานนักวงพูดคุยก็ขยายเพิ่มขึ้น เมื่อ ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ "บิ๊กจิน"พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ ก็เข้ามาร่วมวงสนทนากับเพื่อนๆ รัฐมนตรีใหม่ด้วย
ขณะที่รองนายกฯใหม่อีกคนคือ "บิ๊กเข้" พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย เดินออกจากห้องทำงานใหม่ที่ตึกบัญชาการ 1 เพื่อจะมุ่งหน้าไปยังวงสนทนานั้น
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องหยุดชะงักลงเมื่อเพลงชาติดังขึ้น "บิ๊กเข้" หยุดอยู่กลางถนนยืนทำความเคารพเพลงชาติ
เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีเวลา 08.05 น. "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินนำหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เหลือออกมาจากที่รวมพลอีกด้านคือตึกสันติไมตรี มีรัฐมนตรีเดินตามกันมาเป็นกลุ่มใหญ่ มีน้องรักอย่าง "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินประกบอยู่ด้านหลัง จากนั้นทั้งฝ่ายที่เดินมากับคณะของ พล.อ.ประวิตร และฝ่ายของนายสมคิด ได้นั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้
ไม่นานนัก "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็มาถึง ทุกคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยทักทายอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะถ่ายรูปครั้งประวัติศาสตร์ร่วมกัน
หลังจาก ครม.ประยุทธ์ 3 ร่วมถ่ายภาพหมู่เป็นที่เรียบร้อย "บิ๊กจิน" เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยน ครม.ครั้งนี้ นึกว่าตัวเองจะได้พัก แต่เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์อยากให้เข้ามาช่วยงาน จึงต้องหยุดคิดเรื่องพักผ่อนไปก่อน อย่างไรก็ตาม คิดว่าจะมีการปรับ ครม.อีกครั้งแน่นอน
ก่อนที่ "บิ๊กจิน" จะหยอดมุขฮากับนักข่าวว่า "การทำงาน 1 ปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกหนักใจพอสมควร เอากลับไปนอนฝันทุกคืนเลยนะ"
ขณะที่ "บิ๊กโย่ง" พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานป้ายแดง เล่าว่า ได้เดินทางไปยังกระทรวงพลังงานครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมกับมอบนโยบายให้ข้าราชการกระทรวง
"ผมบอกนักข่าวที่โน่นว่า นักข่าวทำเนียบน่ารักทุกคน อยากให้เขาเป็นอย่างนั้นบ้าง แต่ดูแล้วเขาก็ดุเหมือนกันนะ ขนาดวันแรกแค่มอบนโยบายยังถาม ซัดกันหนักเลย" บิ๊กโย่งออกตัว
ส่วนบรรยากาศการประชุม ครม.ประยุทธ์ 3 ครั้งแรก เป็นไปอย่างคึกคัก ไม่ต่างจากบรรยากาศการถ่ายภาพหมู่ในช่วงเช้า โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้จัดเตรียมข้าวมันไก่และก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดเป็นมื้อเที่ยงต้อนรับ ครม.ใหม่
"บิ๊กตู่" เปิดใจกับ ครม.ชุดใหม่ว่า ขอแสดงความยินดีกับ ครม.ใหม่ทั้งหมด แต่ไม่อยากให้เรียกว่า ครม.ประยุทธ์ 3 เพราะแท้จริงแล้วคือประยุทธ์ 2 เพราะเพิ่งมีการปรับใหญ่ครั้งแรก และขอมอบนโยบายและแผนงานให้
รัฐมนตรีแต่ละคนทำงานให้ครบถ้วน การที่มีนายทหารใน ครม.จะไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน โดย ครม.ชุดนี้จะพยายามทำงานให้ดีที่สุด
ในส่วนของการแบ่งงานให้รองนายกฯทั้ง 6 คนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า การแบ่งงานแต่ละด้านนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะดูแลกระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
"บิ๊กเจี๊ยบ" พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม
ขณะที่ พล.ร.อ.ณรงค์ดูแลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
พล.อ.อ.ประจินดูแลกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
นายสมคิดจะดูแลกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงอุตสาหกรรม
สุดท้าย นายวิษณุ เครืองาม จะดูแลกระทรวงยุติธรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และสำนักงานราชบัณฑิตฯ
ทั้งนี้ ผลงาน "ครม.ประยุทธ์ 3" จะสอบผ่านหรือไม่ จะทำให้สภาพการณ์ทุกอย่างดีกว่าที่ผ่านมาหรือไม่ ทั้งภาคการเมือง สังคม และโดยเฉพาะเศรษฐกิจ คงต้องให้เสียงประชาชนเป็นผู้ตัดสินต่อไป
ทูลเกล้าฯ'โผทหาร'แล้ว 'บิ๊กตู่'แจง ผบ.ทบ.อาวุโสเหมาะสม บิ๊กหมูผงาด-บิ๊กติ๊กปลัด'5 เสือทัพบก'ใหม่ยกแผง ครม.แต่งตั้งซี11รวด5คน สมชัยคุมคลัง-'สุวณา'ยธ.
'พล.อ.ประยุทธ์'เผยทูลเกล้าฯบัญชีแต่งตั้งนายทหารแล้ว สะพัด'บิ๊กหมู'ยังเหนียวแน่นเก้าอี้ ผบ.ทบ. 'บิ๊กติ๊ก'ปลัดกลาโหม ตั้ง 5 ปลัดกระทรวง 'สมชัย'คุมคลัง 'สุวณา' ยธ.
มติชนออนไลน์ :
@ 'บิ๊กตู่'ปัดตั้งขรก.แชร์อำนาจ
เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 25 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการแต่งตั้งข้าราชการและปลัดกระทรวงต่างๆ ว่าที่ประชุม ครม.มีการแต่งตั้งปลัดกระทรวง 4-5 กระทรวง เป็นไปตามที่มีการเสนอขึ้นมา
"ขอร้องว่าอย่ามองว่าผมตั้งคนหรือใครขึ้นมา ตั้งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตั้งตำรวจ เป็นการแชร์อำนาจ ผมไม่จำเป็นต้องแชร์อำนาจเพราะเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องการต่อรอง ไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์ เพราะฉะนั้น การตั้งคนเข้ามาดำรงตำแหน่งก็ตั้งตามเหตุผล สิ่งที่ควรจะเป็นตามระเบียบที่ทำขึ้นมา หลายคนออกมาบอกว่าแต่งตั้งเพื่อปกป้องผม ไม่เป็นความจริง ไม่ต้องให้ใครมาปกป้องผมหรอก ปกป้องประเทศชาติดีกว่า เพราะผมไม่ได้ทำความเลวอะไร จึงไม่จำเป็นต้องมีใครมาปกป้อง ผมมีประชาชนที่เข้าใจผม ให้กำลังใจผม สามารถฝากความหวังให้ผมทำงานให้เขาก็สามารถทำได้จนกว่าผมจะไม่มีเวลาทำ ทุกอย่างก็จะทำตามโรดแมป และไม่ว่าใครจะเป็นก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหารที่ตั้งขึ้นมาก็มีการเอาปัญหาเก่ามาดูว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ซึ่งจะต้องดูผลงานของคนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ว่ามีผลงานปรากฏหรือไม่ ทำอะไรได้บ้าง ถ้าเราทบทวนตั้งแต่ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และหลังจากนั้นทุกอย่างแตกต่างกันนั่นคือเป้าหมายในการทำงาน เราไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ ใครที่ผมแต่งตั้งขึ้นมาวันนี้ รัฐบาลหน้าที่มาจากการเมือง เขาก็ย้ายหมดนั่นแหละ"
พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
@ ทูลเกล้าฯแต่งตั้งนายทหารแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2558 ตนได้ลงนามนำขึ้นทูลเกล้าฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และใครจะเป็นก็เหมือนกัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าไม่ใช่ชื่อ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ก็คงไม่เป็นปัญหา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "จะเป็นหรือไม่เป็นก็ไม่เป็นไร ผมไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร สื่อจะทำให้มันเกิดความวุ่นวายอะไร น้องชายผมเขาก็ไม่ได้อะไร เขาก็แล้วแต่ ความจริงแล้วทุกคนก็ดำรงตำแหน่งได้ทั้งหมดนั่นแหละ แต่สถานการณ์แบบนี้มันควรจะเป็นอย่างไร ใครอาวุโสกว่ากันตรงไหน ถนัดหรือเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันหรือไม่ ทุกคนเขารู้ตัวกันอยู่แล้ว อย่าไปกังวลกันว่าเป็นน้องของผม ผมเคยพูดแล้วว่าเป็นน้องของผมมันผิดอะไร แล้วมันตรงไหนจากที่ผมพูด ผมยังไม่ได้บอกว่าเขาจะเป็นอะไรสักหน่อย เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่จะเสนอขึ้นมา ผมเห็นด้วย ผมก็เซ็นกลับไป เรื่องก็จบ ไม่มีปัญหา จะตั้งใครก็ต้องฟัง แต่ถ้าผมทำในสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม มีผลประโยชน์แบบนี้ ก็ไม่มีใครฟังผมอยู่ดี ถึงแม้จะตั้งเองก็ตามก็เหมือนกับที่ผมมายืนตรงนี้ เพราะคนอื่นเขาทำในสิ่งที่แก้ปัญหาไม่ได้"
@ ครม.ไฟเขียวแต่งตั้ง 5 ปลัดใหม่
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ครม.มีมติแต่งตั้งข้าราชการ ได้แก่ นายวิสูตร ประสิทธิ์ศิริวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แต่งตั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ. นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นเลขาธิการ สกอ. นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นปลัดกระทรวงคมนาคม ม.ล.ปุณฑริก สมิติ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นปลัดกระทรวงแรงงาน และนายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นปลัดกระทรวงการคลัง
@ เด้งปลัดกษ.นั่งผู้ตรวจพิเศษ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ครม.ยังได้อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอโอนข้าราชการพลเรือนสามัญในสังกัดไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในประเภทบริหารระดับสูง 2 ราย 1.โอนนายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ไปเป็นอธิบดีกรมศุลกากร 2.โอนนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ไปเป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และยังมีคำสั่งย้ายนายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เป็นผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เพื่อประโยชน์ของทางราชการ ตามข้อ 1 วรรคสาม ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงยินยอมในการโอนแล้ว ส่วนตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรฯจะมีการพิจารณาแต่งตั้งต่อไป
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังรับโอนนายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไปเป็นเลขาธิการ ก.พ.ร. นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ที่ปรึกษาสำนักงบ
ประมาณ เป็นรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ สำนักนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ ครม.มีมติแต่งตั้งนายชวลิตให้ไปเป็นผู้ตรวจราชการพิเศษฯนั้น นายชวลิตอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากงานมหกรรม "เอ็กซ์โป มิลานี" เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยกระทรวงเกษตรฯได้เป็นตัวแทนไทยจัดงานนิทรรศการจำลองอาคารแสดงประเทศไทยในงานมหกรรมดังกล่าว
@ "ชวลิต"ไม่น้อยใจพ้นปลัดเกษตร
เย็นวันเดียวกัน นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากประเทศอิตาลี ระหว่างปฏิบัติภารกิจงานกระทรวงเกษตรฯว่า ไม่ได้น้อยใจที่ถูกย้ายออกจากตำแหน่ง ที่ผ่านมาทำงานเต็มที่ เป็นปลัดกระทรวงมาถึง 3 ปี เผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าจะถูกปรับเปลี่ยน ที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯคนเก่าบอกว่าอาจต้องมีการปรับเปลี่ยน ให้เตรียมตัวไว้ การปรับครั้งนี้ถือเป็นจังหวะที่ดี ที่ทีมเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาลจะได้ปรับทีมใหม่ให้ทำงานคล่องตัวมากขึ้นและทำงานเป็นทีม ยืนยันว่าการถูกปรับไม่เกี่ยวข้องกับกรณีทุจริตโครงการแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้ง เมื่อปี 2547 ซึ่งอัยการไม่มีคำสั่งฟ้อง หากเป็นกรณีดังกล่าวน่าจะมีการปรับออกจากตำแหน่งตั้งแต่ช่วง คสช.เข้ามาแล้ว
"รัฐมนตรีคนใหม่เป็นคนทำงานตรงไปตรงมา การถูกปรับออกจากตำแหน่งน่าจะช่วยให้การทำงานดีขึ้น ส่วนตัวไม่มีการฝากงานอะไรใหม่ โดยจะเข้าไปสรุปงานของกระทรวงทั้งหมดให้รัฐมนตรีทราบเพราะต้องทำงานตามปกติ" นายชวลิตกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรฯแจ้งว่า นายชวลิตว่าจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยวันที่ 26 สิงหาคม และจะเข้ารายงานการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรฯต่อ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่จะเข้าทำงานวันแรก พร้อมมอบนโยบายให้กับข้าราชการระดับสูง โดยนายชวลิตยืนยันว่าจะทำงานในหน้าที่จนกว่าจะมีการโปรดเกล้าฯลงมาแล้ว
@ ปลัดหญิงแรงงานไม่หนักใจ
ที่กระทรวงแรงงาน ม.ล.ปุณฑริก กล่าวว่า หลังจากนี้จะเดินหน้าทำงานตามนโยบายของรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และสานงานต่อจากนายนคร ในด้านความมั่นคง ระบบประกันสังคม ความปลอดภัย โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากข้าราชการทุกหน่วยงานของกระทรวง ส่วนการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ต้องทำงานตามแนวทางของรัฐมนตรีที่มีความรู้ทางด้านนี้ ทั้งนี้ไม่หนักใจที่เป็นปลัดหญิงคนแรกของกระทรวง เพราะที่ผ่านมาก็เคยทำงานหนักทั้งด้านการค้ามนุษย์ในสมัยเป็นรองปลัดกระทรวง
@ ยันเลือก'ผบ.ทร.'คัดคนดี
ด้าน พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปี 2558 ในส่วนของกองทัพเรือว่า ทางกองทัพเรือจัดทำและดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาบุคคลด้วยการจะคัดเอาคนดีที่สุดที่อยู่ใน 5 เสือกองทัพเรือ เนื่องจากเป็นตำแหน่งหลักอยู่แล้ว ในเมื่อขึ้นมาถึงจุดนี้ได้แสดงว่าต้องมีศักยภาพ และเป็นคนดีทุกคนจึงขึ้นมาถึงจุดนี้ ตนก็เสนอให้ รมว.กลาโหมพิจารณาก็เท่านั้น ในขณะเดียวกันบุคคลที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.ทร.คนต่อไปก็ต้องมาสานต่อนโยบาย แต่เอาเข้าจริงๆ นโยบายเป็นหลักปฏิบัติที่ไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลงอะไรนัก อาจจะมีนโยบายบางจุด เฉพาะด้านออกมา คิดว่าถ้าใครขึ้นมาเป็น ผบ.ทร.ก็สามารถบริหารกิจการกองทัพเรือได้
@ ชี้ซื้อ'เรือดำน้ำ'เสนอสิ่งดีที่สุด
เมื่อถามว่า ผบ.ทร.คนต่อไปจำเป็นต้องผลักดันเรือดำน้ำ พล.ร.อ.ไกรสรกล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะโครงการดังกล่าวกำลังเสนอให้รัฐบาลพิจารณาอยู่ว่าจะอนุมัติหรือไม่ ถ้าไม่อนุมัติ ก็ต้องยกเลิก หรืออาจจะผลักดันต่อในปีงบประมาณถัดไป ทั้งนี้ขอย้ำว่าเราเสนอสิ่งที่ดีที่สุดตามกรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ งบประมาณ 36,000 ล้านบาท ถือว่าดีที่สุด และตอบโจทย์ที่สุดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ถ้าโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำไม่ได้ในปีงบประมาณ 2558 จะไม่ทันในการดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ ผบ.ทร.กล่าวว่า ก็มีส่วน การต่อเรือวันนี้ไม่ได้ในวันสองวัน แต่ความจริงจะได้ประมาณ 5-6 ปี ในทำนองเดียวกันกำลังพลต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเรือดำน้ำ
@ บิ๊กหมูคั่วผบ.ทบ.-บิ๊กติ๊กปลัดกห.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายพล ประจำปี 2558 ที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คนที่ 39 ต่อจาก "บิ๊กโด่ง"
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม (กห.) และ ผบ.ทบ. ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนั้น มีคู่แคนดิเดตที่ชิงตำแหน่ง 2 คน คือ "บิ๊กหมู" พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผช.ผบ.ทบ. 2 (ตท.14) กับ "บิ๊กติ๊ก" พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผช.ผบ.ทบ. 2 (ตท.15) น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ ล่าสุดกระแสข่าวยืนยันแนวโน้ม "บิ๊กหมู" พล.อ.ธีรชัยจะได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป เนื่องจากเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.14 ของ พล.อ.อุดมเดช และอาวุโสมากกว่า พล.อ.ปรีชา และยังเป็นนายทหารในกลุ่มของ "บูรพาพยัคฆ์" ที่ได้รับการสนับสนุนจาก "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม โดย พล.อ.ปรีชาคาดว่าจะไปเป็นปลัด กห. แทน "บิ๊กบี้"
พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัด กห. (ตท.13) ที่จะเกษียณอายุ และได้รับโปรดเกล้าฯเป็น รมว.แรงงาน
@ ขยับ'บิ๊กโชย'ขึ้นเสธ.ทบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หาก พล.อ.ธีรชัยเป็น ผบ.ทบ. จะทำให้ตำแหน่ง 5 เสือ ทบ.ต้องเปลี่ยนไปด้วย โดยตำแหน่งรอง ผบ.ทบ.จะเป็นของ "บิ๊กตุ่ย" พล.อ.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก (ตท.14) เพื่อนรุ่นเดียวกับ พล.อ.ธีรชัย ขณะที่ตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ.ก็จะเป็นของ "บิ๊กแกละ" พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (ตท.17) และผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) กับ "บิ๊กเจี๊ยบ" พล.ท.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) (ตท.16) ขณะที่ตำแหน่ง เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) จะขยับ "บิ๊กโชย" พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.16) มาเป็น เสธ.ทบ. ซึ่งจะเป็นเลขาธิการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ลธ.รมน.) โดยตำแหน่ง พร้อมทั้งจะเป็นรองเลขาธิการ คสช.อีกด้วย