- Details
- Category: การเมือง
- Published: Friday, 14 August 2015 21:57
- Hits: 11056
บิ๊กติ๊ก เปิดใจนั่งผบ.ทบ. พร้อม 100% ลั่นเลือดทหารทั้งบ้าน 'บิ๊กตู่'รับปรับใหญ่ครม. ปัดทาบ'ศุภชัย-สุรินทร์'รู้ชื่อผบ.ตร.คนใหม่วันนี้ 10โมงโหวต- 248 สส.มีเฮ
'บิ๊กติ๊ก'พร้อม 100% นั่ง ผบ.ทบ. 'สมยศ'อ้างชงใครนั่ง ผบ.ตร.ตอบคำถามได้ ย้ำตามใจนายกฯตลอด'บิ๊กตู่'ฉุนข่าวปรับ ครม. ปัดทาบ'สุรินทร์-ศุภชัย-ประสาร'ร่วม ครม.ยันปรับทุกกระทรวงเพื่อความเหมาะสม 'เทียนฉาย'ชี้การทำงาน สปช.ไม่เสียของ
@ 'บิ๊กตู่'ฉุนกระแสข่าวปรับครม.
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ทั้งนี้ก่อนการประชุมผู้สื่อข่าวได้ถามถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีกระแสข่าวเชิญนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียนเข้าร่วม ด้วยจริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสั้นๆ ว่า "เลอะเทอะ"
ต่อมาเวลา 11.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอีกครั้งเมื่อถามถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า "ทำไมอีกเล่า ที่มีการเขียนว่าจะมีนายศุภชัย พานิชภักดิ์ เข้ามานั้น ไม่มีหรอก ดอกเตอร์ๆ อะไร ไม่มี ใครไปบอกมาล่ะ ผมยังไม่ได้พูดสักคำ ยังไม่ได้นึกถึงใครสักคน"
@ ปัดทาบ'สุรินทร์'ร่วมครม.
เมื่อถามว่า ได้มีการทาบทามนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ บ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่ต้องทาบ ทำไมต้องทาบ" เมื่อถามว่า มีการเปลี่ยนตำแหน่งเก้าอี้ รมว.การต่างประเทศด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ทำไม เกลียดเขาหรืออย่างไร ทำไมสื่อเกลียดใครกันบ้าง มี รมว.การต่างประเทศ รมว.คมนาคม เกลียดเขากันหรืออย่างไร" เมื่อผู้สื่อข่าวแย้งว่า ไม่ใช่เรื่องการเกลียด แต่เป็นเรื่องความเหมาะสมและกระแสเรียกร้องจากประชาชน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้อนถามด้วยสีหน้าขึงขังว่า "ทำไมกระแสว่าอย่างไร กระแสที่ว่าเขาไม่ดีคือตรงไหน ตอบมา ถ้าไม่บอกแล้วจะปรับด้วยเหตุผลอะไรว่ะ" ผู้สื่อข่าวระบุว่า การปรับ ครม.อาจเป็นเพราะสถานการณ์บังคับเช่นเรื่องเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "สถานการณ์อะไร แล้วเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา รอบโลกเศรษฐกิจเขาตกหรือไม่ เขามีปัญหาหรือไม่ล่ะ แล้วเขาปรับใครสักคนหรือไม่ ผมก็กำลังดูอยู่" ผู้สื่อข่าวระบุว่าอย่างสิงคโปร์กำลังจะปรับ ครม. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ก็ปรับสิ ปรับก็ปรับ แล้วผมไม่ได้บอกว่าผมไม่ปรับนี่นา แล้วอย่างไร มันจะเป็นจะตายกันหรืออย่างไร"
@ ชี้มีคนตอบรับ-พร้อมพ้นเก้าอี้
เมื่อถามว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้มีในส่วนกระทรวงด้านเศรษฐกิจทั้ง 8 กระทรวงใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "จะว่าอะไร ผมปรับได้ทั้งหมดแหละ มาถามอะไรผมล่ะ" เมื่อถามย้ำว่า ตามหลักการจะปรับเฉพาะด้านเศรษฐกิจใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ปรับทุกกระทรวง แต่สิ่งดีๆ เขาก็ทำเหมือนกัน รู้กันหรือเปล่าว่าเขาทำอะไรดีๆ กันบ้าง ไม่รู้กันใช่ไหม"
เมื่อถามว่า เหตุผลของการปรับทุกกระทรวงมาจากอะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ความคิดของผมก็คือปรับตามความเหมาะสม ทำไมมันไม่เหมือนที่ผ่านมาหรือ ความแตกต่างที่เกิดขึ้นสื่อจะได้ด่าน้อยลง" เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าปรับทั้งหมดเป็นการพูดจริงหรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "การปรับมันก็ต้องมีการหมุนไปหมุนมา ถามแบบนี้มันบ้าหรือเปล่า เมื่อปรับตรงนี้ ตรงนั้นก็ต้องกระเทือน ก็ต้องหมุนตรงนี้ไปตรงนั้น ปัดโธ่ ส่วนจะทูลเกล้าฯได้เมื่อไหร่นั้น ยังไม่รู้ แต่ผมพร้อมตลอด พร้อมคือคนที่จะให้เป็นเขารับ และคนที่อยู่เดิมเขายอมไป แต่ก็มีบางคนที่พร้อมรับและพร้อมจะไปตั้งนานแล้ว แต่วันนี้ยังไม่มีใครรู้อะไรทั้งสิ้น แต่เขาเบื่อกันทั้งนั้น โดยเฉพาะสื่อมวลชน"
@ แย้มมีโยก-เปลี่ยนกระทรวงคุม
เมื่อถามว่าจะมีคนนอกเข้ามาด้วยหรือไม่ นอกจากสลับเก้าอี้กัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "คนนอกคืออะไร ก็ต้องมีคนนอกเข้ามา ถ้าบอกว่ามีกระแสให้เอาคนในออก แล้วถ้าไม่เอาคนนอกเข้ามาจะเอาใครมาเป็น บางคนก็ออก บางคนก็เข้า บางคนก็หมุนย้ายกระทรวงก็ปรับอย่างนี้มั้ง แล้ววันหน้าขอให้จำเอาไว้ ถ้ามีการปรับจริงๆ แล้วมันไม่ดีขึ้นมาอีก อย่ามาด่ากันนะ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามเสียงดัง และพยายามเดินออกจากวงสัมภาษณ์ แต่หันผิดด้านและเมื่อหันกลับมา ผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำอีกว่าตกลงไม่มีชื่อนายสุรินทร์ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่รู้ ไม่มี" รวมถึงปฏิเสธรายชื่อนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีต รมว.การต่างประเทศ พร้อมกล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า "ผู้ว่าการ ธปท.จะมีได้อย่างไร"
@ 'สมหมาย'ถูกปรับจะไปตีกอล์ฟ
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ไทยจำเป็นต้องสร้างความมั่นคงทางการเมืองเพื่อให้เศรษฐกิจเชื่อมั่น โดยคนสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นคือตัวของนายกฯ ไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถ้านายกฯตั้งสติให้ดีตอนนี้ ยังไม่สายแม้เหลือเวลาไม่มาก แต่ก็ยังไม่สาย ส่วนตัวไม่ได้กังวลว่าจะถูกปรับออกหรือไม่ถูกปรับ ก็จะทำงานเต็มที่ ถ้ายังอยู่ก็ทำงานต่อไป ถ้าต้องถูกปรับออกจะไปตีกอล์ฟ โดยเรื่องปรับ ครม.ควรจะมีความชัดเจน เพื่อให้ความเชื่อมั่น เพราะข่าวปรับ ครม.ทำให้ต่างชาติลังเล ดังนั้นถ้าจะปรับก็ปรับๆ ไปเลยจะได้จบ เพราะตอนนี้ข่าวปรับ ครม.ทำให้ดูเหมือนการเมืองกำลังป่วนอีกรอบ มันไม่ดีกับประเทศ
@ 'ฉัตรชัย'โยนนายกฯตัดสิน
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ในระหว่างเดินทางไปประเทศปากีสถาน ว่า "ยังไม่ทราบว่าจะโดนโยกไปไหน" โดยนิสัยนายกฯจะไม่มีการเรียกคุยส่วนตัว ท่านจะปรับท่านก็จะมีเหตุผลความเหมาะสมของท่าน ผมไว้ใจท่าน"
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นายกฯเป็นคนตัดสินใจ จะเปลี่ยนใครก็อยู่ที่ความเหมาะสม ตนไม่มีปัญหา จะทำหน้าที่ไปจนวันที่จะไม่ได้ทำแค่นั้นเอง
ผู้สื่อข่าวรายงาน การปรับ ครม.ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเศรษฐกิจเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะ พล.อ.ฉัตรชัยจะหลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ช่วงเวลาการปรับ ครม.จะไล่เลี่ยกับการประกาศโยกย้ายนายทหารประจำปี
@ นายกฯฉุนใช้ 300 ล.ออกกม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การปฏิรูปจะถูกส่งต่อไปยังรัฐบาลในอนาคต และคนที่จะมาดูตรงนี้จะเป็นส่วนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ นี่คือเหตุว่าทำไมต้องมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เพราะการมีรัฐบาลมาเลือกตั้งอย่างเดียวจะทำหรือไม่ คงไม่ทำเพราะยังพูดกันอยู่ว่าไม่เห็นจะต้องปฏิรูปอะไรเลย การปฏิรูปคือ 1.สิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น ทั้งการค้า การลงทุน เขตเศรษฐกิจพิเศษให้เป็นรูปธรรม นั่นคือสิ่งที่จะปฏิรูป มีสิ่งใหม่ๆ เกิดเป็นรูปธรรม 2.การแก้ไขสิ่งที่เป็นปัญหาของชาติบ้านเมือง และแก้ไขคือการทำได้สั่งปากอย่างเดียว ต้องแก้ไขกฎหมายไปด้วย
"มีบางคนออกมาเปรียบเทียบว่า รัฐบาลนี้ออกกฎหมายร้อยกว่ากฎหมาย ใช้งบประมาณไป 300 กว่าล้านบาท มันเขียนอย่างนี้ไปได้ยังไงวะ ผมอยากจะรู้ใช้สมองส่วนไหนเขียนออกมาฮะ เป็นค่าเบี้ยเลี้ยง ก็ไปหารกับกฎหมาย รู้หรือไม่ว่ากฎหมายฉบับหนึ่งมีผลประโยชน์กับคน 70 ล้านคน มันมีมูลค่าวัดได้ตรงไหน ผมถามกฎหมาย 100 กว่าฉบับที่ออกมา ถามว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมาออกได้หรือไม่ ทำไมไม่เขียนอย่างนี้ ทำไมไม่มองตรงนี้กันบ้าง ผมไม่เข้าใจ มันเหมือนกับที่เขาเรียกว่า ไม่มีตรรกะในการคิด การเขียน การวิจารณ์ มันไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
@ ไม่ตอบรับร่วมกก.ยุทธศาสตร์
เมื่อถามว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ ตามมาตรา 260 ที่กำหนดคุณสมบัติเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีเข้าร่วม มีโอกาสหรือไม่ที่นายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจเข้าร่วมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ เขาเขียนว่าอย่างไร เขาเขียนว่ามีนายกรัฐมนตรีโดยตำแหน่งมิใช่หรือ ใครเป็นนายกฯล่ะ ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ส่วนคุณสมบัติที่ระบุว่ามีอดีตนายกรัฐมนตรีด้วย และเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เข้าร่วม จะตัดสินใจเข้าร่วมคณะกรรมการดังกล่าวหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า "ยังไม่รู้เลย แล้วแต่อารมณ์ผมถ้าเบื่อมากๆ ก็ไม่อยากเป็นอะไรทั้งนั้น" เมื่อถามว่า ทำเพื่อชาติ นายกฯกล่าวว่า "ไม่มีเพื่อชาติ เธอยังไม่ทำเพื่อฉันเลย ให้ฉันทำคนเดียว"
@ 'วิษณุ'อ้างโยนหินถามทาง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่เคยได้ยินเรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ ขอดูตัวร่างให้ชัดเจนก่อนจึงค่อยให้ความเห็น ที่ผ่านมาได้เจอนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็กล่าวว่ายังต้องพิจารณาทบทวนอีกหลายเรื่อง แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เมื่อถามว่าการกระทำนี้เป็นการโยนหินถามทางหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า บางครั้งก็อาจจำเป็นต้องโยนหินทางถาม เพราะต้องการรับฟังความเห็นประชาชน เริ่มต้นหากเสนออะไรใหม่ๆ แปลกๆ ประชาชนอาจไม่เคยรู้มาก่อน ก็ต้องโยนหินถามให้เขารู้ และตนไม่คิดว่ารับนโยบายนี้มาจาก คสช. เรื่องนี้ต้องไปถามทาง กมธ.ยกร่างฯเอง
@ สมบัติจวกไม่เป็นปชต.
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปการเมือง สปช. กล่าวว่า กมธ.ยกร่างฯต้องออกแบบให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นหนทางในการแก้ไขวิกฤตหรือออกจากความขัดแย้ง ไม่ใช่ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ที่ไม่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยขึ้นมา เพราะกรรมการชุดนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเหมือนรัฐบาล แต่ กมธ.ยกร่างฯกลับกำหนดให้มีอำนาจทางฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติได้ ส่วนรัฐบาลปรองดองแห่งชาติก็เห็นว่าไม่มีความจำเป็น เนื่องจากการตรวจสอบจะทำได้ยาก และหากต้องการจะสร้างกลไกสร้างความปรองดองจริง ก็ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพียงฉบับเดียวก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯหรือรัฐบาลปรองดองแห่งชาติแทน
@ 'ตู่'โวยยึดอำนาจรัฐบาล
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านรายการมองไกลผ่านทางยูทูบตอนหนึ่งว่า ข้อเสนอตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติคือการตั้งคณะยึดอำนาจรัฐประหารตามรัฐธรรมนูญมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่ต่างอะไรกับ คสช.มีอำนาจควบคุมรัฐบาล เพราะจากเดิมหากยึดอำนาจต้องฉีกรัฐธรรมนูญ จากนั้นก็เขียนรัฐธรรมนูญชั่วคราวขึ้นมา แต่ข้อเสนอนี้ที่ระบุว่า หาก ครม.ไม่สามารถบริหารงานได้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯมีอำนาจใช้มาตรการที่จำเป็นจัดการกับสถานการณ์ให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว มีอำนาจสั่งการระงับยับยั้ง ทั้งทางนิติบัญญัติและทางบริหารถือเป็นที่สุดชอบด้วยกฎหมายเป็นเวลา 5 ปี หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านมาถึงขั้นตอนการทำประชามติ ขอให้ประชาชนล้มด้วยการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
@ 'ณัฐวุฒิ'ชี้เปิดทางนายกฯคนนอก
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นภายใต้แนวคิดรัฐบาลปรองดองคือการกำหนดคณิตศาสตร์การเมืองให้รัฐบาลต้องมีเสียงในสภาไม่น้อยกว่า 360 เสียง จากทั้งหมด 450 เสียง ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นอย่างนั้นได้พรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทั้งนี้ ยังไม่ต้องพูดเรื่องอุดมการณ์หรือแนวทางการเมืองที่แตกต่างกันแบบคนละขั้ว เพราะแค่มองซื่อๆ ตามข้อเสนอของนายบวรศักดิ์ก็จะเห็นภาพว่าสูตรนี้ง่ายอย่างยิ่งที่จะติดล็อกเพราะตกลงกันไม่ได้เรื่องตัวนายกรัฐมนตรี เพราะถ้าเสียงไม่ถึง 360 เสียงก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่พอรวมเสียงกันได้ หากพรรคใหญ่พรรคหนึ่งหรืออาจมีพรรคเล็กร่วมด้วยเล่นแง่ พื้นที่ของนายกฯ คนนอกจะปรากฏขึ้นทันที และสถานการณ์ขัดแย้งจะเกิดขึ้นพร้อมกันไปด้วย
นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ความคิดเรื่องนี้น่าจะมาจากความอยากให้รัฐธรรมนูญผ่านประชามติ มองว่าคนอยากปรองดองเลยจะได้ลงมติรับรัฐธรรมนูญ แต่ที่น่าคิดก็คือ ไปกำหนดว่าเสียงรัฐบาลต้องถึง 4 ใน 5 เป็นไปได้ว่าเป็นการเปิดทางนายกฯคนนอก การกำหนดเสียงไว้เช่นนั้นโอกาสที่พรรคการเมืองจะเป็นนายกรัฐมนตรีคงลำบาก ล้วนแล้วแต่สวนทางกับวิถีทางประชาธิปไตยทั้งสิ้น
@ กกต.พร้อมทำประชามติ
นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำประชามติว่า สำหรับการทำประชามติจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ สปช.ลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 กันยายน โดยเบื้องต้น ทาง กกต.ได้มีการเตรียมความพร้อมในทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็นสถานที่จัดพิมพ์บัตร วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งบุคลากรที่จะมาดำเนินการออกเสียงประชามติ แม้การทำประชามติในครั้งนี้จะมีมากกว่า 1 คำถาม ทาง กกต.ก็ไม่หนักใจ โดยคำถามทั้งหมดต้องชัดเจนไม่ชี้นำ ไม่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ส่วนระยะเวลาที่ให้ทำประชามติไม่เกิน 120 วัน ก็ยืนยันว่าเพียงพอ เพราะเอกสารร่างรัฐธรรมนูญที่ กกต.จะจัดส่งให้แต่ละครัวเรือน หากพิมพ์เสร็จจะทยอยส่งให้แต่ละครัวเรือนไปทำการศึกษาทำความเข้าใจทันที ดังนั้นการจัดทำประชามติในวันที่ 10 มกราคม 2559 ไม่น่าจะมีการขยับออกไปแล้ว
@ 'เทียนฉาย'ยันสปช.ไม่เสียของ
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เอ 2 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จัดงาน สปช.รายงานประชาชน เรื่องเปลี่ยนประเทศไทยกับ สปช. (NRC Blueprint for Change) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดวิสัยทัศน์ยุทธศาสตร์การปฏิรูปประเทศ สรุปผลงาน และส่งมอบวาระการปฏิรูป 37 ประเด็น และ 6 วาระพัฒนา แก่รัฐบาล นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวเปิดเสวนาในหัวข้อเปิดใจ ปฏิรูปอะไร ตอนหนึ่งว่า สปช.จะได้รับร่างรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 22 สิงหาคม และ 15 วันหลังจากนั้นให้มีมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบประมาณวันที่ 7 กันยายน จากนั้น สปช.จะสิ้นสภาพหมดวาระไปตามกฎหมาย แต่วิญญาณของการปฏิรูปยังอยู่ใน สปช.ทุกคน เพราะเราวางหลักและเดินเรื่องนี้มา ซึ่งเชื่อว่าทุกคนจะติดตามดูและทำหน้าที่สุนัขเฝ้าบ้านให้การปฏิรูปที่ สปช.คิดไม่สูญหาย และที่ สปช.คิดมาต้องไม่เสียของ
@ ปัดปฏิรูปสืบทอดอำนาจ
นายเทียนฉายกล่าวต่อว่า การปฏิรูปไม่ใช่แก้ปัญหาแล้วจบวันนี้ แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ผ่านมาเพื่อไม่ให้สะสมไปถึงอนาคต วิธีที่ สปช.ทำยอมรับว่าเป็นเบี้ยหัวแตก เพราะถ้ารอทำการให้เสร็จสิ้นทีเดียว หลายเรื่องได้ทยอยส่งไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐบาลก็ได้เดินหน้าไปแล้วบางเรื่อง ยืนยันว่าไม่มีแผนปฏิรูปใดดำเนินการแล้วจบทันที แต่ต้องศึกษาเพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยน ซึ่งเชื่อว่าจะนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะกรอบของร่างรัฐธรรมนูญมีหมวดของการปฏิรูปอยู่ ซึ่งมีข้อผูกพันให้รัฐบาลนี้หรือรัฐบาลในอนาคตต้องปฏิบัติ และไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ อย่างไรก็ตาม การทำงานของ สปช.กับ กมธ.ยกร่างฯไม่ได้เป็นแฝดกัน แต่ความสัมพันธ์เราใกล้ชิดและลึกซึ้งยากจะอธิบาย
"ถ้าถามว่าการปฏิรูปจะมีทางสู่ความสำเร็จหรือไม่ ผมว่ามี แต่อนาคตถ้าปัญหากลับมาคงไม่รุนแรงแบบเดิม ผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะรู้แล้วว่าแต่ละคนมีส่วนร่วมในปัญหามากหรือน้อย จึงถึงจุดที่ทุกคนควรคิดเองว่าประเทศจะบอบช้ำอีกไม่ได้แล้ว ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกัน แม้ผืนน้ำอาจดูเรียบ แต่ใต้น้ำอาจมีคลื่น ถ้าทุกคนช่วยกันผมเชื่อว่าจะประเทศดีได้" ประธาน สปช.กล่าว
@ เคาะคำถามประชามติ 18 ส.ค.
นายเทียนฉาย กล่าวว่า ที่หลายฝ่ายมองว่า ส.ว.สรรหาชุดแรกที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งนั้น เป็นพื้นที่รองรับ สปช.เพื่อแลกกับการให้ลงมติผ่านร่างรัฐธรรมนูญนั้น หากมองตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ สปช.มีสิทธิที่จะเข้าไปนั่งในสถาขับเคลื่อนได้ แต่อดีต ส.ว.หรือบุคคลอื่น ก็มีสิทธิเช่นกัน เมื่อถามว่า คำถามประชามติให้ตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติของนายบวรศักดิ์จะเสนอเข้าวิป สปช. นายเทียนฉายกล่าวว่า สปช.จะนัดประชุมในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ เพื่อมีมติพิจารณาคำถามประชามติของ สปช.ให้เหลือเพียงคำถามเดียว ก่อนนำไปขอมติในวันลงมติร่างรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าข้อเสนอของสมาชิก สปช.ให้เปิดประชุม สปช.หลังวันที่ 22 สิงหาคม เพื่อทำความเข้าใจร่างรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถทำได้ แต่ถ้าเป็นการปรึกษาหารือโดยไม่เปิดสภาก็ทำได้ แต่หากจะทำการเปิดสภาก็จะมีความเสี่ยงที่จะมีผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
@ บุญเลิศชงญัตติประชุมสปช.
นายบุญเลิศ คชายุทธเดช สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยว่า ตนพร้อมสมาชิก สปช. จำนวน 23 คน ได้เสนอญัตติต่อนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. ผ่านนายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สปช. (วิป สปช.) ขอให้ สปช.พิจารณาศึกษาทำความเข้าใจเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ โดยในญัตติเป็นการเสนอให้ประธาน สปช. จัดให้มีการประชุม สปช. หลังวันที่ 22 สิงหาคม เป็นวันที่ สปช.จะได้รับร่างรัฐธรรมนูญจาก กมธ.ยกร่างฯ เพื่อให้สมาชิกได้อภิปรายศึกษาทำความเข้าใจร่างรัฐธรรมนูญร่วมกัน และเกิดความเข้าใจแบบองค์รวมในการใช้ประกอบการตัดสินใจก่อนลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีฐานรองรับความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งจะไม่ปล่อยให้สมาชิกนำร่างรัฐธรรมนูญกลับไปนั่งศึกษาเองตามลำพัง ส่วนจะกำหนดวันประชุมขึ้นอยู่กับประธาน สปช.จะพิจารณาตามข้อบังคับ
@ สปช.ผุด 2 คำถามประชามติ
นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) แถลงผลการประชุมวิป สปช. ว่าที่ประชุมมีการพิจารณาประเด็นคำถามประชามติที่สมาชิกเสนอมาทั้งหมดในขณะนี้ 2 ญัตติ ญัตติที่ 1 เสนอโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิก สปช. และ กมธ.ยกร่างฯ กับนายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา สมาชิก สปช. ที่เสนอว่า ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการให้มีการปฏิรูปประเทศ 2 ปี ก่อนเลือกตั้ง และญัตติที่ 2 เสนอโดยนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ สมาชิก สปช.และ กมธ.ยกร่างฯ กับนายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิก สปช.ที่เสนอว่า ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการมีกลไกป้องกันและขจัดความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงหลังการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยอย่างน้อยใน 4 ปีแรกหลังใช้รัฐธรรมนูญให้มีรัฐบาลปรองดองเพื่อการปฏิรูป ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดไม่น้อยกว่าสี่ในห้าของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร (360 คน จาก 450 คน) การลงมติในการตั้งคำถามประชามติกำหนดไว้ว่าจะต้องทำภายในวันเดียวกันกับวันที่ลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาญัตติของนายบุญเลิศ แต่ที่รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ฉบับแก้ไขกำหนด หลังจากวันที่ สปช.รับร่างรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน จากนั้นจะต้องลงมติว่ารับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญภายใน 3 วัน โดย สปช.จะไม่มีการประชุมใดๆ ทั้งสิ้น แต่หากสมาชิกจะนัดประชุมกันอย่างไม่เป็นทางการก็สามารถกระทำได้
@ 'บิ๊กติ๊ก'พร้อม 100%นั่งผบ.ทบ.
พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีลุ้นได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คนใหม่ว่า ขอปฏิเสธที่จะกล่าวถึง ไม่อยากพูดถึงเรื่องโผแต่งตั้ง ผบ.ทบ.คนใหม่
"ผมคงบอกหรือพูดอะไรเวลานี้ไม่ได้เลย และไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้รับการแต่งตั้งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหม เวลานี้ยังบอกอะไรไม่ได้จริงๆ วันนี้บอกได้เพียงว่ามีชื่อของผมอยู่ในโผ ผบ.ทบ.เท่านั้น ต้องรอผลการพิจารณาที่จะมีขึ้นหลังวันที่ 15 สิงหาคมนี้"
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ทบ. มีความพร้อมในการรับตำแหน่งใหญ่ของกองทัพบกแค่ไหน พล.อ.ปรีชากล่าวว่า "หากผมได้รับเลือกก็มีความพร้อมเต็ม 100% ความเป็นทหารผูกพันอยู่ในสายเลือด
ผมเติบโตในครอบครัวทหาร คุณพ่อเป็นทหาร ทั้งพี่ชาย (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) มาถึงตัวของผม และน้องชายอีกคน ก็รับราชการทหารทั้งหมด" พล.อ.ปรีชากล่าว
@ 'สมยศ'เป็นเด็กดีทำตามนายกฯ
ขณะที่ในส่วนของการตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่นั้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ ต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ในวันที่ 14 สิงหาคมว่า ยังไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ ส่วนกระแสข่าวจะโยกรอง ผบ.ตร.ไปรับตำแหน่งในปลัดกระทรวงอื่นนั้น ข่าวก็คือข่าว มีข่าวแบบนี้ทุกปี ต้องถามว่าเป็นไปตามนั้นหรือไม่ อย่าเพิ่งไปเชื่อเลย ทุกคนคิดไปคนโน้นบอกที คนนั้นบอกที คนรักใครเชียร์ใครก็ปล่อยข่าวกันไป บางทีปล่อยให้คนอื่นตื่นตระหนกกลัวไป
"ผมยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ข่าวที่ออกมาบางอย่างไม่อยู่ในอำนาจผม ผมไม่เกี่ยว บางสิ่งบางอย่างผู้บังคับบัญชาไม่ต้องบอกผมทุกเรื่อง อาจจะบอกจนวินาทีสุดท้ายก็ได้ ตอนนี้ยังไม่ได้รับการบอกเล่าอะไรทั้งสิ้น ชื่อ ผบ.ตร.อยู่ในใจ พรุ่งนี้ผมต้องเสนอรอง ผบ.ตร.ท่านใดท่านหนึ่งใน 5 คนนี้ให้ ก.ต.ช.พิจารณา ถ้าเสนอใครผมต้องมีเหตุผลประกอบว่าเพราะอะไรถึงเสนอคนนี้ ต้องมีเหตุผลว่ามีความรู้ความสามารถเชี่ยวชาญเหมาะสมอย่างไร และพร้อมตอบข้อซักถามของคณะกรรมการเมื่อท่านถามว่าเพราะอะไรถึงเสนอคนนี้ ผมตามใจท่านนายกรัฐมนตรีตลอดเวลา ตามใจท่านทุกเรื่อง เป็นเด็กดี เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดี" ผบ.ตร.กล่าว
@ 'อดุลย์'ยันปลัดพม.ปั้นคนในขึ้น
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) แคนดิเดตชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าจะถูกโยกย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดทางให้ พล.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ว่า มีข่าวปรากฏ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้ ตอนนี้ยังไม่มีใครมาทาบทามหรือพูดคุยแต่อย่างใด การพิจารณาคงเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาจะใช้ดุลพินิจในการพิจารณา ตนไม่อาจก้าวล่วงหรือพูดในส่วนนี้ได้ ทั้งนี้ชีวิตที่ผ่านมารับราชการตำรวจมาตลอด หากปีสุดท้ายต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานอื่นก็ไม่ได้หวั่นไหวหรือกังวลแต่อย่างใด ยืนยันจะทำหน้าที่ตำรวจให้ดีที่สุด
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงกรณีแต่งตั้งโยกย้ายปลัดกระทรวง พม. มาแทนที่นายวิเชียร ชวลิต ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ โดยมีกระแสระบุถึงคนนอกกระทรวงเข้ามานั้นว่า ต้องเป็นคนทำงานข้างใน โดยดูทั้งหมด ตั้งแต่ความสามารถ ผลงานเป็นที่ประจักษ์ และได้รับการยอมรับจากคนในกระทรวง
@ 'สรรเสริญ'รับเซ็นลาออกจริง
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการเซ็นใบลาออกจากตำแหน่งรองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี โดยคาดว่าเพื่อรับตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ยอมรับว่ามีการเซ็นเอกสารจริง แต่ไม่ได้อ่านรายละเอียดในเอกสาร ซึ่งการทำงานของทหารจะต้องเป็นไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และไม่มีลับลมคมใน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนอยู่ระหว่างลาพักงานเป็นเวลา 2 วัน เพื่อเข้าการรักษาอาการไข้หวัดและขณะนี้อยู่ในระหว่างการพักฟื้นร่างกายให้หายเป็นปกติ และยืนยันว่าการลาพักงานในครั้งนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเซ็นใบลาออกแต่อย่างใด
@ 'สนช.'แถลงปิดคดีถอด 248 ส.ส.
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมพิจารณาดำเนินการกระบวนการถอดถอนอดีต ส.ส.จำนวน 248 คนออกจากตำแหน่ง กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว. ตามมาตรา 6 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) 2557 ประกอบมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 โดยเป็นการรับฟังคำแถลงการณ์ปิดสำนวนด้วยวาจาของของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย คือ ป.ป.ช. ผู้กล่าวหา และอดีต 248 ส.ส. ผู้ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหามีเพียงนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นตัวแทนแถลงปิดสำนวนด้วยวาจาในนามพรรคเพื่อไทย ขณะที่อดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา ขอแถลงปิดสำนวนเป็นลายลักษณ์อักษรแทน
นายสามารถในฐานะตัวแทนผู้ถูกกล่าวหา กล่าวแถลงปิดสำนวนว่า ยืนยันว่าการเสนอญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มี ส.ว.ทำด้วยความสุจริตโดยไม่มีอะไรแอบแฝง ทั้งนี้ ภายหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการแถลงปิดสำนวนของคู่กรณีแล้ว นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 ได้แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อกำหนดวันลงมติในวันที่ 14 สิงหาคม เวลา 10.00 น.
@ 248 ส.ส.ส่อรอดแนว 38 ส.ว.
รายงานข่าวแจ้งว่า การลงมติ สนช.ถอดถอนอดีต ส.ส. 248 คน ในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ซึ่งตามข้อบังคับการประชุมต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 เสียงของจำนวนสมาชิก สนช.ทั้งหมด 220 คน หรือไม่น้อยกว่า 132 เสียง โดยทิศทางของการออกมติส่วนใหญ่เห็นว่า สำนวนดังกล่าวมีฐานความผิดเดียวกันกับสำนวนของอดีต ส.ว. 38 คน แต่เมื่อ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลอดีต ส.ส. 248 คน แล้วส่งมาให้ สนช.ดำเนินการถอดถอน จึงทำให้ สนช.ต้องดำเนินตามขั้นตอนให้จบ ไม่สามารถจำหน่ายคดีได้ตามที่อดีต ส.ส.เรียกร้อง แม้ว่า สนช.สายทหารบางส่วนอยากจะลงมติถอดถอน เนื่องจากความไม่พอใจการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนของอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) บางคนที่ผ่านมา แต่เกรงว่าถ้าผลออกไม่เหมือนกัน จะกลายเป็น 2 มาตรฐาน และจะอธิบายต่อสังคมไม่ได้ จึงคาดหมายกันว่าเสียงถอดถอนมีไม่ถึง 100 เสียง