- Details
- Category: การเมือง
- Published: Wednesday, 12 August 2015 13:28
- Hits: 9356
โผผบ.ตร. เน้น'สถานการณ์พิเศษ' บิ๊กตู่เปิดสเป๊กชัดเจน เน้นฝีมือ-แก้ปัญหาได้ ตั้งผบ.ทบ.ใหม่ก็ด้วย
นายกฯเปิดสเป๊ก'ผบ.ทบ.-ผบ.ตร.'คนใหม่ เน้นมีฝีมือรับสถานการณ์พิเศษ-บ้านเมืองที่ยังไม่เรียบร้อยได้ ต้องดูผลงาน-การปฏิบัติหน้าที่-ความเหมาะสมด้วยไม่ใช่คิดแค่ว่าเป็นคนของใคร ยันอายุราชการเหลือ 1 หรือ 2 ปีไม่มีผล ถ้ามีอะไรทำไม่เสร็จก็ส่งไม้ต่อให้ผบ.คนใหม่ได้ เผยสมัยเป็นผบ.ทบ.ก็รับช่วงต่อจากบิ๊กป้อม- บิ๊กป๊อก ทำให้มีความผูกพันทั้งส่วนตัวและเชื่อมั่นศรัทธา อัดอดีตตำรวจทำลายเกียรติยศตำรวจ-ทหาร ส่วนการตั้งผบ.ทบ.ต้องรอ บิ๊กโด่งเสนอชื่อ-อยู่ใน 5 เสือทบ. ด้านสมยศเผยยังไม่ตัดสินใจเลือกใครเป็นพิเศษ แถมไม่อาจเดาใจ-รอหารือกับนายกฯ ยันผบ.ตร.คนใหม่จะตรงตามใจบิ๊กตู่แน่นอน
วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9022 ข่าวสดรายวัน
พร้อมหน้า - 5 รองผบ.ตร.ร่วมโต๊ะอย่างพร้อมหน้า ระหว่างตบเท้าอวยพรวันเกิดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่ามกลางกระแสข่าวผบ.ตร.เตรียมหารือนายกฯเพื่อแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่เร็วๆ นี้
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในร.1 รอ. ถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงการแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ว่า 'ทำไม เกี่ยวข้องกับสื่อหรือไม่'
เมื่อถามต่อว่า เพราะเกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นหน้าที่ของผบ.ตร.คนเดียวหรืออย่างไร อยู่ที่ระบบ ผบ.ทบ. ผบ.ทอ. ก็ทำไมไม่ถาม ทำไมต้องสนใจกันนัก ถ้าสร้างระบบได้ ใครจะมาเป็นก็ได้ ไม่ใช่ไปทำลายเกียรติยศเขา มีบางคนที่เป็นอดีตตำรวจ ทำลายตำรวจด้วยกันยังไม่พอ ยังทำลายทหารด้วยกันอีก ตนไม่อยากเอ่ยชื่อ
เมื่อถามว่า คนที่มีอายุราชการ 1 หรือ 2 ปี มีผลต่อการแต่งตั้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เมื่อถามว่าจะต้องทำงานเรื่องการปฏิรูปประเทศด้วยหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ย้อนถามว่า แล้วทำไม ผบ.ทบ.คนปัจจุบันก็เป็นแค่ปีเดียวเหมือนกัน และถ้ามีอะไรที่ยังไม่เสร็จก็ส่งไม้ต่อกัน ผบ.คนใหม่ก็มาทำต่อ ที่ผ่านมาตนรับช่วงต่อมาเหมือนกันตั้งแต่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นี่แหละที่เรียกว่าความผูกพันทั้งส่วนตัวและเชื่อมั่นศรัทธา ที่ต้องทำเพื่อกำลังพลและลูกน้อง ต่อชาติบ้านเมือง อะไรที่เป็นอนาคตหรือปัญหาแก้ทั้งหมด
"ไม่ใช่คิดแค่ว่าวันนี้ผมจะปลดใครหรือจะตั้งใคร ผมไม่ได้คิดเรื่องเหล่านี้ เพราะกลไกมีอยู่แล้ว ที่ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม วันนี้มีสถานการณ์พิเศษ บ้านเมืองไม่เรียบร้อย จะแต่งตั้งใครต้องพิจารณาตรงนี้เข้ามาด้วย ทั้งผลงานและการปฏิบัติตนที่ผ่านมา วันนี้ต้องทำอะไรและวันหน้าต้องทำให้บ้านเมืองสงบอย่างไร อยากให้คิดตรงนี้ ไม่ใช่คิดแต่ว่าคนนั้นคนนี้เป็นคนของใคร ถ้าผมตั้งแบบนั้นอยู่ไม่ได้จนถึงทุกวันนี้หรอก" พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
ต่อข้อถามว่า รวมถึงตำแหน่งผบ.ทบ.คนใหม่ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน บอกแล้วว่าผบ.ทบ.คนใหม่ต้องมาจาก 5 เสือทบ. โดยผบ.ทบ.คนปัจจุบัน เป็นผู้เสนอชื่อ ก่อนจะเอาเข้าคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารระดับชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหมที่มี 7 คน นอกจากนี้ต้องพิจารณาความอาวุโส ความสามารถ ความเหมาะสมด้วย ไม่ใช่เลือกส่งเดช เอาใครมาก็ไม่รู้ ต้องเป็นคนในกองทัพบกอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในห้องรับรองของมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผู้ที่ร่วมรับประทานอาหารและพูดคุยในโต๊ะวีไอพีกับพล.อ.ประวิตร ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. และนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. โดยใช้เวลาพูดคุยกว่า 40 นาที ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. สมยศ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือก.ต.ช. ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ ยังไม่มีการพิจารณาเลือกผบ.ตร.คนใหม่ เนื่องจากตนยังไม่ตัดสินใจเลือกบุคคลใดเป็นพิเศษ และไม่สามารถเดาใจพล.อ.ประยุทธ์ ได้ว่ามีบุคคลใดอยู่ในใจหรือไม่ เนื่องจากยังไม่ได้หารือกัน โดยยืนยันว่า ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผบ.ตร.คนต่อไป จะตรงตามใจนายกฯ แน่นอน และก่อนจะเสนอชื่อบุคคลใดจะหารือกับนายกฯก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าพล.อ.ประยุทธ์พูดเหมือนกับว่าสัปดาห์นี้น่าจะรู้แล้ว พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ก็หวังให้เป็นเช่นนั้น
เมื่อถามว่า นายกฯบอกว่ามีผบ.ตร.คนใหม่ในใจแล้ว เป็นคนเดียวกับที่ผบ.ตร.คิดไว้หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตนไม่อาจเดาใจพล.อ.ประยุทธ์ได้ แต่ถ้าใจท่านคิดอย่างไร ตนก็คิดอย่างนั้น คิดตามใจท่าน แต่ตอนนี้ยังไม่มีชื่อใครในใจ
เมื่อถามอีกว่า นายกฯยังไม่ได้พูดคุยกับ ผบ.ตร. เพื่อให้ใจตรงกัน พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ยังไม่ได้หารือในส่วนนี้ เมื่อถามว่าถ้าเกิดผบ.ตร.เสนอชื่อต่อที่ประชุมก.ต.ช. แล้วไม่ตรงกับนายกฯ พล.ต.อ.สมยศกล่าวพร้อมกับหัวเราะว่า คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ต้องคุยกันก่อนจะเสนอชื่อให้ที่ประชุม เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้พูดคุยกัน
เผยสเปก'ตามใจบิ๊กตู่' ตั้ง"ผบ.ตร.' 14 สิงหา'บิ๊กอ๊อด'ชงชื่อ นายกชี้'ผบ.ทบ.'ยึดอาวุโส 'ยธ.'จบถอดยศ'แม้ว'วันนี้'ทหาร-ตร.'เบิร์ธเดย์'ป้อม'กมธ.'ยืดรื้องบ'ภาษีบาป'
'บิ๊กอ๊อด'เปรยมีคำตอบ ผบ.ตร.คนใหม่ในใจ ก่อนประชุม ก.ต.ช. 14 ส.ค. พร้อมตามใจนายกฯจะเลือกใคร ผู้นำเหล่าทัพทั้งทหาร-ตำรวจ ตบเท้าอวยพรวันเกิด"บิ๊กป้อม"ครบ 70 ปี
@ บิ๊กป้อมเปิดบ้านรับอวยพรวันเกิด
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 10 สิงหาคม ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1.รอ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดมูลนิธิให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือนระดับสูงและทหารคนสนิท พร้อมอดีตข้าราชการ
เข้าอวยพรเนื่องในวันคล้ายเกิดครบรอบ 70 ปี วันที่ 11 สิงหาคม อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ ส่วนข้าราชการในเหล่าทัพ อาทิ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มนายทหารและตำรวจระดับสูงเข้าร่วม รวมทั้งนายทหารกองทัพภาคที่ 1 โดยเฉพาะกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) หรือกลุ่ม "บูรพาพยัคฆ์" มาร่วมงานทุกหน่วย ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรได้ต้อนรับแขกเหรื่อ
อย่างทั่วถึง พร้อมมอบกระเป๋าอเนกประสงค์และพระเครื่องเหนือพรหม รุ่นพรหมเหนือโลก ให้กับผู้ร่วมงาน ขณะที่ยังสวมเฝือกอ่อนมือซ้ายจากอุบัติเหตุเดินสะดุดล้มเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
@ "บิ๊กโด่ง"นำผบ.เหล่าทัพตบเท้า
ต่อมา พล.อ.อุดมเดช นำคณะข้าราชการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เตรียมทหารรุ่น ต่างๆ กล่าวอวยพร ว่า "ผมขอถือโอกาสอันเป็นมงคลนี้ร่วมแสดงมุทิตาจิตแด่ พล.อ.ประวิตร ด้วยความเคารพรักเป็นอย่างยิ่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกผมได้ประจักษ์ถึงความวิริยะอุตสาหะ ความทุ่มเทเสียสละ พร้อมทั้งอุดมการณ์อันแน่วแน่ของท่านที่ได้สร้างความมั่นคง ความเข้มแข็ง ความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน ตลอดจนความมุ่งมั่นในการพิทักษ์รักษาและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ การดำเนินงานของพวกเราทั้งปวงจึงทำไปเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนโดยแท้จริง รวมทั้งสร้างคุณประโยชน์ให้ส่วนรวมนานัปการ พวกผมขอยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่สนองนโยบาย พล.อ.ประวิตรที่มอบให้แก่ข้าราชการกระทรวงกลาโหมอย่างดีที่สุด จะยึดถือแนวทางของท่านในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อพัฒนาชาติบ้านเมืองเป็นปึกแผ่น มั่นคงยิ่งขึ้นไป"
@ เจ้าภาพชี้ 1 ปีทำงานผ่านไปเร็ว
พล.อ.ประวิตรได้กล่าวกับผู้ที่มาร่วมอวยพรว่า "ขอขอบคุณ พล.อ.อนุพงษ์ ที่มาอวยพรเนื่องจากมีความอาวุโสสูงสุด รวมถึง พล.อ.อุดมเดช และน้องๆ เพื่อนๆ พร้อมทั้งผู้ร่วมงานที่รักทุกคนที่แสดงน้ำใจไมตรีมอบให้กับผม ในวันคล้ายวันเกิดเมื่อปีที่แล้วจำได้ว่ามายืนจุดนี้ มีน้องและเพื่อนมาอวยพร ตอนนั้นได้พูดถึงนายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ไว้มาก เกี่ยวกับความเสียสละของท่านที่ทำเพื่อประเทศชาติ ตอนนั้นผมยังไม่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ซึ่ง 1 ปีผ่านไปไวมาก มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป ปีนี้ได้เข้ามาอยู่ในรัฐบาลทำงานมาเกือบ 1 ปี ทำงานร่วมกับน้องๆ ตลอดจนร่วมกับท่านนายกฯ เห็นได้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเราทุกคน โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหมได้ทุ่มเทเสียสละอย่างยิ่งเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขต่อไป พวกเราผ่านพ้นมาได้ ผมคิดว่าคงต้องอาศัยน้องๆ และข้าราชการทั้งหมดจำเป็นต้องทุ่มเทเสียสละให้กับนายกฯ เพื่อทำให้บ้านเมืองของเราเดินไปข้างหน้าให้ได้ เพราะสถานการณ์โลก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจเป็นอุปสรรคมากมาย ทำให้เกิดปัญหาที่เราต้องแก้ไข"
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า "ปีที่แล้วผมอายุ 69 ปี พรุ่งนี้ (11 สิงหาคม) ผมจะอายุ 70 ปีเต็ม ถือว่าอายุมากแล้ว พวกน้องๆ จะต้องเติบโตขึ้นมา ดูแลรักษาบ้านเมือง ช่วยกันให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองให้ได้ภายใต้การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนหรือเออีซี ผมอยากฝากน้องๆ และข้าราชการทุกคนต้องช่วยกันทำให้ประเทศชาติและสถาบัน เพราะพระองค์ท่านทรงเหน็ดเหนื่อยมามากแล้ว รวมถึงอีกหลายพระองค์ที่เสียสละเพื่อประเทศชาติมาตลอด ดังนั้น เราจะต้องรักษาให้ได้ ผมขอให้เราช่วยกัน หวังอย่างยิ่งว่าในวันเกิด 70 ปีของผม จะทำให้พวกเราร่วมมือร่วมใจทำให้ประเทศชาติ" พล.อ.ประวิตรกล่าว
@ เหล่าแคนดิเดตร่วมงานคับคั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งานอวยพรวันเกิดครบรอบ 70 ปี ของ พล.อ.ประวิตร มีบรรดาข้าราชการระดับสูงที่เป็นแคนดิเดตหรือมีลำดับชื่อชิงตำแหน่งสำคัญในส่วนผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ เข้าร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง อาทิ กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ เสนาธิการทหาร กับ พล.อ.วลิต โรจนภักดี รองเสนาธิการทหาร ที่มีโอกาสลุ้นเป็นม้ามืดในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม หรือเป็นรอง ผบ.ทบ., กองทัพบก พล.อ.ธีรชัย
นาควานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) และ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผช.ผบ.ทบ. ต่างลุ้นในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.), กองทัพเรือ พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ (ผช.ผบ.ทร.) กับ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ เสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ทั้ง 5 คน ที่มีรายชื่อชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนต่อไป ประกอบด้วย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน และ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ทั้งหมดต่างนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารด้วยกัน
@ บิ๊กป้อมชูกำปั้นโชว์"ไม่ถอดใจ"
ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ได้ตอบคำถามถึงอาการเจ็บที่มือว่า'ไม่เจ็บแล้ว' ผู้สื่อข่าวยังสอบถามถึงนัยยะในคำกล่าวขอบคุณอวยพรวันเกิดที่ระบุว่าอายุ 70 ปีแล้ว อายุมากขึ้น น้องๆ ก็เติบโตขึ้นมาดูแลบ้านเมือง ฝากน้องๆ ต้องช่วยกัน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ไม่มี ไม่มี ไม่ถอดใจ" พร้อมชูกำปั้นให้สื่อมวลชนดูว่ายังแข็งแรงอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ พล.อ.ประวิตร จะเริ่มทำงานตามปกติ เข้าประชุม ครม. และประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช.
@ "ประยุทธ์"บอกเอา"หัวใจ"มาให้
เวลา 09.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าอวยพร พล.อ.ประวิตร โดยนำแจกันดอกไม้และกระเช้าผลไม้มอบให้ผู้สื่อข่าวถามว่าในวันนี้มีของขวัญชิ้นใดมอบให้ พล.อ.ประวิตรเป็นพิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบอย่างอารมณ์ดีว่า "หัวใจ"
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อมา ว่า "ในฐานะที่ พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ใหญ่ เป็นทั้งอดีตผู้บังคับบัญชาที่ผมเคารพนับถือมากตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทั้งยังเป็นพี่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก พอจบการศึกษามาไปรายงานตัวกับ พล.อ.ประวิตร ตั้งแต่เป็นผู้บังคับกองร้อยและเป็นผู้หมวด อยู่กองร้อยเดียวกับ พล.อ.ประวิตร ท่านสอนมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งใดก็ตามที่ดีๆ ผมได้รับการสั่งสอนมาจากพี่ๆทั้งหมด ถ้าสิ่งใดที่ไม่ดีเป็นเรื่องส่วนตัวของเราเอง วันนี้ผมได้มาอวยพรท่านในฐานะที่เป็นพี่ที่รัก เพราะการเป็นพี่เป็นน้องแค่วันเดียวหรือชั่วโมงเดียวก็เป็นทั้งชีวิต ดังนั้น เราต้องเคารพซึ่งกันและกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และซื่อสัตย์ซึ่งกันและกัน"
"วันนี้ผมมาหารือกับ พล.อ.ประวิตร และนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แต่ไม่ได้มาหารือกันว่าจะอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อ คุยกันว่าการปฏิรูปในระยะต่อไปจะทำกันอย่างไร ที่ผ่านมาปีหนึ่งเป็นช่วงระยะต้น และจะทำต่ออยู่ในระยะที่ 2 จะนำสิ่งที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทำมา จะดำเนินการได้แค่ไหน แต่ไม่อยากจะให้รื้อกันทั้งระบบ ไม่อยากจะอยู่ต่อ แต่ถามว่าทำไมต้องทำให้พวกท่านด้วย อย่างที่บอกว่าประเทศไทยอยู่เหมือนไก่ในเทศกาลตรุษจีน ไปไหนไม่ได้หรอก พอถึงเวลาถูกเชือดหมด ดังนั้น เราควรเอาสิ่งที่ไปเห็นมามาพัฒนาประเทศได้อย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า ถึงกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียที่ระบุถึง คสช. สั่งคว่ำร่างรัฐธรรมนูญว่า "อย่างที่ผมบอก ถ้าไม่อ่านเลยก็โง่ ถ้าเชื่อมากก็บ้า"
@ เลือกผบ.ทบ.มีเกณฑ์พิจารณา
พล.อ.ประยุทธ์ ยังตอบคำถามถึงความคืบหน้าการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ว่า "ทำไมสื่อต้องสนใจเรื่องนี้มากนัก ใครจะเป็นก็ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ต้องสร้างระบบให้ได้และไม่ใช่ไปทำลายเกียรติยศของเขา มีอดีตตำรวจคนหนึ่งทำลายเกียรติของตำรวจด้วยกันเองยังไม่พอ ยังทำลายเกียรติของทหารอีก"
เมื่อถามว่า อายุราชการเหลือ 1 ปี มีผลต่อการพิจารณาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่เกี่ยวกันในกรณีของตำแหน่ง ผบ.ทบ. อยู่ในตำแหน่งเพียงปีเดียวก็มีหลายคน แต่ละคนสร้างสรรค์งานเอาไว้ สิ่งใดทำไม่เสร็จส่งต่อให้คนใหม่ อย่างผมรับช่วงต่อจาก พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เรียกว่าความผูกพันทั้งเรื่องส่วนตัว ความเชื่อมั่นศรัทธาในการทำให้กำลังพล ลูกน้อง และประเทศชาติ ไม่ได้คิดทีละเรื่องว่าจะตั้งหรือจะปลดใคร กลไกจะมีการพิจารณาตามความเหมาะสม วันนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ บ้านเมืองไม่เรียบร้อย การพิจารณาว่าจะตั้งใครต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ไปด้วย รวมถึงผลงาน การปฏิบัติตน วันนี้จะทำอย่างไร และวันข้างหน้าจะทำให้บ้านเมืองสงบอย่างไร อย่าคิดว่าใครเป็นคนของใคร"
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เป็นเหตุผลที่ใช้ในการเลือก ผบ.ทบ. ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "เรื่องนี้มีขั้นตอนกำหนดไว้อยู่โดยเลือกจาก 5 เสือ ทบ. นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล จะต้องพิจารณาถึงความอาวุโส ความสามารถและความเหมาะสม ไม่ใช่ไปเลือกใครส่งเดช ที่สำคัญต้องมาจากกองทัพบก ถึงอย่างไรการแต่งตั้งทหารต้องมาจากทหาร ไม่ได้มาจากตำรวจ"
@ ลั่นไม่ใช้ความรู้สึกถอดยศ"แม้ว"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบคำถามเรื่องความคืบหน้าการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก แล้วหลบหนีหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งสิ้น 5 หมาย ว่า "กำลังกลั่นกรองอยู่ มีกรอบกฎหมายในการดำเนินการ วันนี้ก็คุยกันและให้กระทรวงยุติธรรมไปดู ไม่อยากผลีผลาม ไม่อยากใช้ความรู้สึกทำงาน เพราะปัญหาจะเกิดต่อไป ทั้งนี้ ไม่ได้เข้าข้างเขา ที่ต้องพูดเรื่องนี้เอง ทบทวนว่ามันติดขัดตรงไหน จากที่เราคิดว่ากฎหมายตำรวจเดิม 7 ข้อที่เขียนไว้บังคับใช้กับตำรวจที่อยู่ในราชการเท่านั้น"
เมื่อถามว่า การถอดยศจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่ใช่ แต่เป็นความผิดที่เขาไปพูดจาเสียหาย ตอนนั้นเกิดกระแสกดดันเลยผลีผลามกันมากเกินไป ไม่ต้องการช่วยใครเพราะช่วยใครไม่ได้ ขอได้เห็นใจเจ้าหน้าที่บ้าง เพราะทำงานท่ามกลางความกดดัน และความรู้สึกของคนไม่ได้ เพราะคนมีสองกลุ่มที่เห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย"
@ เปรียบปชต.ไทยเหมือนลูกโป่ง
เมื่อถามว่า เหตุที่ประเทศสิงคโปร์พัฒนามากเพราะมีผู้นำที่อยู่ในอำนาจต่อเนื่อง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า "จะถามเรื่องนี้ทำไม จะมาหาเรื่องให้ผมไปเกี่ยวข้องกับเรื่องสืบทอดอำนาจหรือมีผลประโยชน์อีกใช่หรือไม่ ถามว่าได้ประโยชน์ตรงไหน วันนี้ทำงานอย่างเต็มที่แก้ไขปัญหาและบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งยังต้องเตรียมอนาคตของประเทศ ผมคิดว่าคนไทยแตกแยกกัน มันเหมือนกับลูกโป่งที่ปล่อยลมจนหมดแล้ว เมื่อสมัยโบราณเขาอยู่ในกรอบ และค่อยๆ ปล่อยลมจะกลายเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากลถาวร แต่ตอนนี้ปล่อยลมกันหมดเลย ทุกคนไม่ได้คิดว่ากฎหมายอยู่ที่ไหน เอาความรู้สึกมาทำงาน หากเป็นแบบนี้ก็อยู่ไม่ได้ ไม่ว่าจะจัดตั้งมากี่คณะก็ทำไม่ได้"
@ "บิ๊กโด่ง"ให้เดินตามโรดแมป
เวลาประมาณ 10.00 น. ที่วัดพิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน กทม. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. กล่าวกรณีกระแสข่าวสมาชิก สปช.บางส่วนจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ระบุความชัดเจนแล้วว่าต้องดำเนินการตามกรอบของกฎหมายเป็นไปตามโรดแมป คงพยายามให้ทุกท่านได้มีความเข้าใจ เข้าใจว่าบางท่านอาจมีความปรารถนาให้มีอะไรก่อนเลือกตั้ง แต่ไม่อยากกล่าวลงลึกมากนัก แต่จะพยายามทำความเข้าใจกับทุกคนเพื่อขอความร่วมมือ ขอให้รู้ว่ารัฐบาลมีการจัดคณะกรรมาธิการต่างๆ ที่จะดูแลการปฏิรูป โดยมี สปช.เป็นหลัก ขณะเดียวกันภายหลังรวบรวมข้อมูลค่อนข้างจะสมบูรณ์แล้ว คงต้องเสนอไปตามลำดับขั้น
พล.อ.อุดมเดชกล่าวต่อว่า รัฐบาลตั้งใจอย่างเต็มที่และกองทัพเป็นกลไกอันหนึ่งของรัฐบาลที่ดูแลเรื่องความมั่นคง ส่วนใหญ่แล้วมีความเข้าใจแต่อาจมีบ้างไม่เข้าใจหรือคิดเห็นต่างไปบ้าง ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ก็ยังดำเนินการอยู่ ประกอบกับ คสช.ดูแลตรงนี้พยายามทำงานต่างๆ ที่มีแผนงานรองรับ จะเชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาออกความคิดเห็น จะได้รับฟังและนำมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์ของการดำเนินงานของทางรัฐบาลต่อไป
เมื่อถามว่าความเคลื่อนไหวในการขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศของนักการเมือง พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า มีอยู่ตลอดเวลา จะไปไหนอย่างไรที่อยู่ในความดูแล เมื่อขออนุมัติมาก็ไม่เคยขัดข้องอะไร ขอให้มีความชัดเจนและเมื่อไปแล้วจะต้องไม่เป็นสิ่งที่กระทบกระเทือนต่อความสงบเรียบร้อย
@ สปช.นัดโชว์ผลงานปฏิรูป 13 ส.ค.
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธาน สปช.คนที่ 1 และ น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธาน สปช.คนที่ 2 ร่วมกันแถลงข่าวพิธีมอบผลงาน สปช.ในงาน สปช.รายงานประชาชน เรื่อง "เปลี่ยนประเทศไทยกับ สปช." โดยนายเทียนฉายกล่าวว่า สปช.ทำหน้าที่มาถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ตามที่รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดภารกิจของ สปช.ต้องสิ้นสุดลงทันทีหลังส่งร่างรัฐธรรมนูญให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะนี้รอหนังสือตอบรับจากนายกฯ ซึ่งพิธีการส่งมอบจะจัดขึ้นในวันที่ 13 สิงหาคม ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชประสงค์ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป
นายเทียนฉาย กล่าวว่า จะส่งมอบวาระปฏิรูปทั้ง 11 ด้านที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูป สปช.ทุกคณะรวบรวมประเด็น หลังจาก สปช.ส่งมอบรายงานให้ ครม.แล้ว จะจัดทำฉบับประชาชนแจกจ่ายให้ประชาชนและสื่อมวลชน จะเป็นคนละชุดกับที่ส่งมอบให้ ครม. เพราะฉบับที่ส่งให้ ครม.ต้องมีเหตุผลของสมาชิกอธิบายประกอบด้วย
เมื่อถามถึงกระแสข่าว สปช.จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ นายเทียนฉายกล่าวว่า ไม่เห็นกระแสข่าวแต่ข่าวลือคือข่าวลือ อย่าเอามาเป็นสาระ บ้านเมืองสำคัญกว่านั้นมาก กระแสข่าวที่เป็นคนพูดเพียงคนเดียว ถือเป็นเอกสิทธิ์ ของสมาชิกที่จะใช้วิจารณญาณหวังว่าจะเห็นการวิเคราะห์รัฐธรรมนูญด้วยเหตุและผล สมาชิกควรจะรู้ว่าควรจะตัดสินอย่างไร มั่นใจว่า สปช. 249 คน รวมถึงตนด้วยจะลงมติโดยอิสระ
@ "บวรศักดิ์"แจงขั้นตอนลงมติ
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จะส่งร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ สปช.จะมีเวลาศึกษาร่าง 15 วัน และลงมติภายในวันที่ 5-7 กันยายน จะไม่มีการอภิปรายใดๆ ทั้งสิ้น ลงมติเพียงอย่างเดียวว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แม้ว่า สปช.จะสิ้นสุดไปตามรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ที่แก้ไขแล้วก็ตาม แต่งานของ สปช.ไม่ได้หมดไปเพราะในร่างรัฐธรรมนูญมีภาค 4 ว่าด้วยการปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง นำสิ่งที่ สปช.ทั้ง 11 ด้าน 18 คณะ เสนอมาบัญญัติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีถึง 29 มาตรา
"ถ้า สปช.ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญทุกอย่างต้องจบลง ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 21 คน คสช.จะเป็นผู้แต่งตั้ง ต้องมาดูว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะนำเรื่องปฏิรูปอะไรบ้างที่ สปช.ทำไว้ไปใส่ในร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่าน สปช.แล้ว ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะต้องพิจารณากฎหมาย 6 ฉบับภายใน 90 วัน ได้แก่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยความปรองดอง และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติ" นายบวรศักดิ์กล่าว
@ ไม่กลัวเสียของแต่ทำให้ยืดเวลา
เมื่อถามนายบวรศักดิ์ในฐานะประธาน กมธ.ยกร่างฯ กังวลว่าร่างรัฐธรรมนูญจะถูก สปช.คว่ำหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ไม่มีอะไรกังวลทั้งสิ้น ถ้าร่างผ่านก็ไปทำประชามติ ถ้าไม่ผ่านก็ยุบทั้ง กมธ.ยกร่างฯและ สปช.ทุกอย่างรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) กำหนดไว้แล้ว ทุกอย่างไม่มีความแน่นอน
เมื่อถามอีกว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะเสียของหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ในฐานะประธาน กมธ.ยกร่างฯอยากให้ผ่าน แต่ถ้าสมาชิก สปช.ส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ผ่าน ก็รับได้ ไม่ใช่เรื่องเสียของแต่จะทำให้เวลายืดยาวออกไปอีก
@ กมธ.ยกร่างฯยืดอายุภาษีบาป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม กมธ.ยกร่างฯได้พิจารณาทบทวนบทเฉพาะกาล มาตรา 281 (1) เกี่ยวกับการให้ 3 องค์กร ได้แก่ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ได้รับการจัดเก็บค่าภาษีและธรรมเนียมเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ (ภาษีบาป) ได้อีกไม่เกิน 4 ปี นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกาศใช้ แต่จากการพิจารณารายละเอียดและข้อมูลต่างๆ ทาง กมธ.ยกร่างฯจึงได้ปรับแก้ไขบทบัญญัติให้ทั้ง 3 องค์กรสามารถรับภาษีบาปต่อไปได้โดยไม่มีการกำหนดอายุเวลา แต่กำหนดเงื่อนไขให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 3 องค์กรให้เสร็จสิ้น ภายใน 2 ปีนับแต่วันที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกาศใช้ รวมทั้งให้คณะกรรมการประเมินผลแห่งชาติแต่งตั้งองค์กรอิสระเพื่อมาประเมินผลงาน 3 องค์กรดังกล่าว เพื่อให้การบริหารเงินและงบประมาณขององค์กรมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการก่อตั้ง
นอกจากนี้กำหนดให้ทั้ง 3 องค์กรไปกำหนดเงินเพดานขั้นสูงสุดที่จัดเก็บหรือจัดสรรได้ในแต่ละปีให้เกิดความชัดเจน จะไม่ยึดรูปแบบเดิมที่แต่ละองค์กรได้เพิ่มมาตามเปอร์เซ็นต์ อาทิ สสส.ได้ 2 เปอร์เซ็นต์ของรายได้การจัดเก็บภาษีบาปในแต่ละปี เป็นต้น รวมทั้งให้มีการจัดสรรงบประมาณการใช้เงินและเพิ่มการตรวจสอบมากขึ้นด้วยการให้ทั้ง 3 องค์กรรายงานจำนวนเงินเหลือจ่ายในแต่ละปีต่อ ครม. ส.ส. และ ส.ว.ด้วย
แหล่งข่าวจาก กมธ.ยกร่างฯเปิดเผยว่า จากนี้ไปทาง กมธ.ยกร่างฯยังไม่อนุญาตให้มีการใช้ภาษีบาปกับองค์กรอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่จะให้องค์กรเหล่านั้นไปใช้วิธีการจัดสรรงบประมาณตามปกติหรือ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี
@ รายงานงบคงเหลือให้"ครม.-รัฐสภา"
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ที่ประชุม กมธ.ยกร่างฯเห็นชอบให้คงหลักการที่บัญญัติไว้คือการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินต้องเข้าสู่ระบบของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีในทุกกรณี แต่จะไม่ให้มีผลกระทบต่อองค์กรที่มีอยู่ก่อนที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ จะต้องมีการแก้กฎหมายขององค์กรที่อยู่ก่อนรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีระบบควบคุม ตรวจสอบที่รัดกุมมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบทบัญญัติมาตรา 281 มีสาระสำคัญดังนี้ ในวาระเริ่มแรกมิให้นำบทบัญญัติดังต่อไปนี้มาใช้บังคับกับกรณีต่างๆ ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้ (1) มิให้นำบทบัญญัติมาตรา 190 วรรคสี่ มาใช้บังคับกับหน่วยงานซึ่งมีกฎหมายให้จัดเก็บและจัดสรรเงินจากผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรืออากรอยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ แต่ต้องดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดเพดานขั้นสูงสุดที่ให้จัดเก็บหรือจัดสรรได้ และต้องมีกลไกการติดตามประเมินผลจากกรรมการประเมินผล ซึ่งเห็นชอบโดยคณะกรรมการประเมินผลแห่งชาติ เพื่อให้มีการบริหารการเงินและงบประมาณขององค์กรดังกล่าวมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด รวมทั้งต้องมีรายการจัดสรรงบประมาณภายในหน่วยงานที่ใช้จ่ายจากเงินดังกล่าวและเงินเหลือจ่ายแต่ละปี ต่อคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสองปีนับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้
@ "ศรีสุวรรณ"จี้สอบจริยธรรม"วันชัย"
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายศรีสุวรรณ จรรยา อุปนายกและเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.ผ่านนายคณพล ตุ้ยสุวรรณ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมือง และรับเรื่องราวร้องทุกข์ สภาผู้แทนราษฎร ในฐานะ ผอ.ศูนย์รับฟังความเห็น สปช. กรณีสมาชิก สปช.มีพฤติการณ์หรือการกระทำที่ขัดต่อข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมฯและอื่นๆ
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า สมาชิก สปช.หลายคน อาทิ นายวันชัย สอนศิริ สปช. ได้ให้ข่าวต่อสาธารณะสนับสนุนการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญหลายครั้ง ต้องการให้ประธาน สปช.ใช้อำนาจตั้งกรรมการสอบจริยธรรมนายวันชัยและสมาชิก สปช.ที่ออกมาสนับสนุนการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยทราบมาว่ามีสมาชิก สปช.ประมาณ 10 คนลงเรียนในหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.) ของสถาบันพระปกเกล้า มีตารางเรียนทุกวันจันทร์และอังคาร ทับซ้อนกับเวลาประชุม สปช. ถือเป็นการคอร์รัปชั่นเวลาราชการ ก็จะยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณาต่อไป
@ 'สมยศ'มีผบ.ตร.คนใหม่ในใจ
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวกรณีการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ว่า ยังไม่มีการหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และในฐานะเป็นประธาน ก.ต.ช.
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์เหมือนพูดว่าสัปดาห์นี้น่าจะรู้แล้ว พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า หวังให้เป็นเช่นนั้น เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีบอกว่ามี ผบ.ตร.คนใหม่ในใจแล้ว เป็นคนเดียวกับที่ ผบ.ตร.คิดไว้หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ไม่อาจเดาใจ พล.อ.ประยุทธ์ได้
"แต่ถ้าใจท่านคิดอย่างไร ผมก็คิดอย่างนั้นแหละ คิดตามใจท่าน แต่ตอนนี้ยังไม่มีชื่อใครในใจ มีแต่อาจไม่ตรงใจกับนายกรัฐมนตรี" ผบ.ตร.กล่าว
@ ตามใจนายกฯจะเลือกใคร
เมื่อถามว่านายกฯพูดคุยกับ ผบ.ตร.เพื่อให้ใจตรงกันหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ยังไม่ได้หารือในส่วนนี้ อย่างไรคงไม่มีเรื่องที่เสนอชื่อไม่ตรงใจกันหรอก ต้องมีการคุยก่อนเสนอชื่อให้กับที่ประชุม เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกัน
"ผมพร้อมเสนอชื่อรอง ผบ.ตร.เพื่อคัดเลือกเป็น ผบ.ตร.คนใหม่แล้ว ได้อ่านรายงานวิสัยทัศน์ของรอง ผบ.ตร.ทั้ง 5 คน เห็นว่าทุกคนเป็นคนเก่ง เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งทั้งสิ้น ตอนนี้มีคนอยู่ในใจแล้วแต่ขอไม่เปิดเผย และก่อนจะประชุม ก.ต.ช.จะต้องพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ก่อน ไม่ให้เกิดความเห็นไม่ตรงกันในที่ประชุม เชื่อว่าวันที่ 14 สิงหาคมนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อย มั่นใจว่าที่ประชุม ก.ต.ช.จะมีมติเห็นชอบตามรายชื่อ ผบ.ตร.ที่ผมเสนอขึ้นไป จะตรงกับใจนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น คิดว่าตรงหรือไม่ตรงก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าผมตามใจท่านนายกฯดีกว่า เพราะบอกว่าจะเป็นคนแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ด้วยตัวเอง" พล.ต.อ.สมยศกล่าว
@ "เอก-จักรทิพย์"ชิงผบ.ตร.คนใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรอง ผบ.ตร.ที่อยู่ในข่ายได้รับการแต่งตั้งจากกระแสข่าวที่ผ่านมามี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งมีอาวุโสสูงสุด ไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่จบจากโรงเรียนวัดนวลนรดิศ
ศิษย์โรงเรียนเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากนี้ยังมีสัญญาใจกันเมื่อการแต่งตั้งปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการแต่งตั้ง พล.ต.อ.สมยศเป็น ผบ.ตร. โดยให้ พล.ต.อ.สมยศดำรงตำแหน่งก่อน จากนั้นจะพิจารณา พล.ต.อ.เอกในปีนี้ ส่วนรอง ผบ.ตร.ที่มีโอกาสได้รับการเสนอชื่ออีกคนหนึ่งคือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ซึ่งจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 36 (นรต.36) และได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประวิตร
@ ถามกฤษฎีกาข้อสงสัยถอดยศ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศยังได้กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมติดตามดูแลการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า "หลังจากคณะกรรมการพิจารณาถอดยศตำรวจที่ได้ตั้งขึ้น มี พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล ที่ปรึกษา (สบ10) เป็นประธาน มีความเห็นถึงผม ผมก็ได้ส่งความเห็นกลับไปยังสำนักงานกำลังพล (สกพ.) หน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างเป็นทางการในการสรุปผลหรือนำความคิดเห็นของคณะกรรมการชุดต่างๆ มาสรุป เมื่อ สกพ.สรุปว่ายังมีประเด็นข้อกฎหมายบางประเด็นต้องตรวจสอบว่า ตร.สามารถดำเนินการถอดยศได้หรือไม่ อย่างไร เมื่อมีประเด็นข้อโต้แย้งหรือสงสัยในประเด็นกฎหมาย ผมจึงได้ทำบันทึกถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อซักถามในข้อคิดเห็นหรือข้อกฎหมายซึ่งไม่แน่ใจว่าสามารถปฏิบัติได้หรือไม่"
"ได้ทำบันทึกถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในวันนี้ผมก็ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร ซึ่งได้ถามเรื่องดังกล่าวและชี้แจงไปตามที่กล่าวมาแล้ว" พล.ต.อ.สมยศกล่าว
@ ชี้อย่านำเรื่องเก่ามาเปรียบเทียบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตร.เคยสอบถามความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกาหลายครั้งในประเด็นอำนาจการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งได้คำตอบว่าเป็นสิทธิและอำนาจที่ ตร.สามารถทำได้ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า จะนำแต่ละเรื่องมาเทียบเคียงกันไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องเดียวกันอีกทั้งไม่ใช่เรื่องที่ใช้กฎหมายตัวเดียวกัน เรื่องของการถอดยศตำรวจต้องนำระเบียบการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 มาพิจารณาว่าสามารถนำมาบังคับใช้ได้หรือไม่กับกรณีนี้ หากกฤษฎีกาบอกว่านำมาใช้ได้ก็ตอบมา ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจและอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทำจดหมายเปิดผนึก จึงต้องมาพิจารณาอีกครั้ง
เมื่อถามกรณี พล.อ.ประยุทธ์ สั่งให้กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการแทน พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา จะได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมมาประชุมหารือกันจะได้ข้อสรุปโดยเร็ว
@ บิ๊กอ๊อดย้ำไม่เคยยื้อถอดยศแม้ว
"ที่ผ่านมา ตร.ไม่ได้ยื้อเวลาหรือขยายเวลา ผมทำด้วยความรอบคอบตามขั้นตอน การตัดสินใจยึดกฎหมายเป็นสำคัญ ผมไม่สามารถไปเร่งรัดทางกฤษฎีกาได้ แต่หลังการเข้ามาดำเนินการของ รมว.ยุติธรรม อาจทำให้เรื่องนี้เร็วขึ้น ผมเห็นด้วย แต่สุดท้ายแล้วอยู่ที่การประชุมหารือของ พล.อ.ไพบูลย์ จะให้ ตร.ดำเนินการ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ อาจใช้อำนาจสั่งให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการเลยก็ได้" ผบ.ตร.กล่าว และว่า จะส่ง พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล ที่ปรึกษา (สบ10), พล.ต.ท.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี และ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล เข้าหารือในวันที่ 11 สิงหาคม
@ "บิ๊กต๊อก"เรียกทุกฝ่ายถก 11 ส.ค.
เวลา 11.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ดำเนินการติดตามเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ได้เรียกคณะทำงานฝ่ายกฎหมายหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยวันที่ 11 สิงหาคม เวลา 15.30 น. ได้เชิญคณะกรรมการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ของ ตร.มาประชุมร่วมคณะทำงานฝ่ายกฎหมายกระทรวงยุติธรรม พร้อมเชิญ สำนักงานกฤษฎีกาเข้าร่วมหารือ ได้สั่งให้คณะทำงานทุกคนที่เกี่ยวข้องเตรียมเอกสารชี้แจงให้ครบ จะได้ดูว่าตามระเบียบปฏิบัติแล้วสามารถทำได้หรือไม่ ที่ผ่านมาติดขัดตรงไหน ก่อนรายงานผลให้ พล.อ.ประยุทธ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์มีการพูดคุยการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ กับ ผบ.ตร. แต่ติดตรงหลักการที่ว่าต้องทำในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นตำรวจ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ผบ.ตร.ก็ต้องมาชี้แจงรายละเอียดให้ทราบ อำนาจหน้าที่เป็นของ ตร.