- Details
- Category: การเมือง
- Published: Tuesday, 24 June 2014 11:48
- Hits: 4545
ยุติร่วมมือ-งดเยือนไทย 'อียู'กดดัน จี้เลือกตั้ง-เลิกคุมคนต้าน กต.ผิดหวัง เรียกทูตแจง เทือกปูดใช้ 1.4 พันล.ล้มปู คสช.เตรียมโชว์ผลงาน 1 ด.
มติชนออนไลน์ :
วงประชุม รมต.ต่างประเทศกลุ่ม'อียู'ใช้มาตรการลงโทษยุติเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระงับลงนามข้อตกลง เสนอให้กลับคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว 'คสช.'เตรียมสรุปผลงานนำความสุขคืนประชาชนรอบ 1 เดือน
@'คสช.'ประชุมสางงานทุกฝ่าย
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 23 มิถุนายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบหมายให้ พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร เลขาธิการ คสช. เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าส่วนงานที่รับผิดชอบของ คสช. ที่ประชุมดังกล่าวมีการรายงานผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานรักษาความสงบเรียบร้อยที่ยังคงมีการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อาวุธและกระสุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งติดตามปัญหาการค้ามนุษย์เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ส่วนงานด้านความมั่นคง สังคมจิตวิทยา เศรษฐกิจ อีกทั้งงานด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เนื้อหาหลักๆ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.)
โดยมีการจัดตั้ง ศปป.ครบทุกจังหวัด รวมทั้งการจัดกิจกรรมปรองดองอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมแผนงานเสวนาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานต่อไป
@ จัดตารางการประชุมแน่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อุดมเดชกล่าวในที่ประชุมถึงกลุ่มที่ออกมาต่อต้านการทำงานของ คสช. ด้วยการนั่งกินแซนด์วิชและอ่านหนังสือนั้น ทาง คสช.ฝากให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องใช้ดุลพินิจหามาตรการดำเนินการที่เหมาะสม ให้พิจารณาเป็นกรณีว่ามีความจำเป็นต้องเข้าจับกุมทันทีหรือไม่ เนื่องจากอยู่ในที่สาธารณชน หรือจะพิจารณาบันทึกภาพไว้ก่อนแล้วค่อยดำเนินการภายหลัง แต่หากไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดห่วงว่าสถานการณ์จะเกิดบานปลายลุกลามได้
"จากนี้เป็นต้นไปหัวหน้า คสช.ได้ปรับรูปแบบการประชุมของ คสช. กำหนดให้ทุกวันอังคารกับวันพฤหัสบดีเป็นการประชุมป ระจำวันของกองบัญชาการกองทัพบก ส่วนการประชุมติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าของงานฝ่ายต่างๆ ของ คสช. กำหนดให้ประชุมทุกวันจันทร์กับวันศุกร์ และการประชุมใหญ่ของ คสช.หรือเทียบเท่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดให้เป็นทุกวันพุธ" พล.อ.อุดมเดชกล่าวในที่ประชุม
@ เตรียมสรุปงานในรอบ1เดือน
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงผลงานของ คสช.ในโอกาสบริหารงานครบรอบ 1 เดือนว่า มีการเตรียมทำรายงานนำเสนอต่อสื่อมวลชนในเร็วๆ นี้ จะสรุปภาพรวมทั้งหมดของผลงานที่ดำเนินการไป ทั้งนี้ งานด้านความสงบเรียบร้อย การนำความสุขคืนประชาชนและเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน มีความคืบหน้าค่อนข้างมากในหลายด้านหลายมิติ จะรายงานให้ทราบโดยรูปแบบการนำเสนอทั้งเอกสารและวิดีโอ เป็นภาษาไทยและอังกฤษ
เมื่อถามว่าหัวหน้า คสช.พึงพอใจโครงการใดเป็นพิเศษหรือไม่ ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า คิดว่าผลงานที่ผ่านมาทั้งหมดได้รับความร่วมมือร่วมใจจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นโครงการคืนความสุขสู่ประชาชน มีการดำเนินการหลายภาคส่วนและทุกภูมิภาค เป็นความร่วมมือจากคนทั่วประเทศที่จะทำให้คืนสู่ประเทศชาติของเราในช่วงเวลานี้ เชื่อว่าหัวหน้า คสช.มีความยินดีที่หลายโครงการมีความคืบหน้าอย่างมาก แต่สิ่งสำคัญคือความร่วมมือของทุกฝ่ายที่ทำให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้ และกลไกของประเทศเดินหน้าไปได้อย่างเต็มที่อย่างที่ได้เห็นใน 1 เดือนที่ผ่านมา และเป็นที่สนใจของต่างชาติหลังจากที่มีการยุติชะงักมานาน คิดว่ากลไกของรัฐได้รับการถูกปลดแล้ว คสช.จึงอยากให้ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ หากมีความคืบหน้าทาง คสช.ก็คงมีความยินดีและอยากให้ความคืบหน้านั้นดำเนินต่อไป
@ ยกผลงานคืนความสุขโดดเด่น
เมื่อถามว่าผลงานที่โดดเด่นของ คสช.ในช่วงเวลา 1 เดือนนี้มีอะไรบ้างนั้น ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า คงเป็นการคืนความสุขให้กับประชาชน สร้างบรรยากาศเอื้อต่อการปรองดองของประชาชน มีความสงบ แล้วนำไปสู่ระยะที่ 2 ที่เป็นเรื่องของการปฏิรูป และผลงานอีกส่วนหนึ่งคือการคลี่คลายปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งเงินในโครงการรับจำนำข้าว ช่วยเหลือเกษตรกรที่เดือดร้อนจากผลผลิต และช่วยเหลือเรื่องยางพาราที่ทำต่อจากรัฐบาลที่แล้วที่ทำไว้ส่วนหนึ่งแล้ว รวมถึงเรื่องเงินช่วยเหลือล่าช้าไปหลายปีของเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติ และเรื่องของความปลอดภัย ความสงบ มีการจับอาวุธสงครามและปราบปรามการบุกรุกป่าไม้ รวมถึงยาเสพติดที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวต่อว่า ยังมีเรื่องงบประมาณปี 2557 ที่ยังใช้ไม่หมด จะมีการเร่งรัดการเบิกจ่ายและใช้อย่างโปร่งใส และงบประมาณปี 2558 มีแผนการดำเนินการชัดเจน การขับเคลื่อนที่แต่ก่อนติดขัด สามารถเดินหน้าได้เต็มที่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความโปร่งใส ทุกอย่างที่ทาง คสช.กำลังดำเนินการอยู่สามารถตรวจสอบได้ อะไรที่มีความเคลือบแคลงของประชาชน ทาง คสช.จะหยิบยกมาพิจารณาก่อนดำเนินการต่อไป หากรายละเอียดไม่พอจะต้องทบทวนกันใหม่ หากไม่มีความชัดเจนก็จะต้องเปลี่ยนไปทำโครงการอื่นที่เร่งด่วนกว่าและชัดเจนกว่า
ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวถึงนิด้าโพลให้คะแนนการบริหารงานของ คสช.ถึง 8.8 ว่า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของประชาชน สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นต่างๆ ในช่วงนี้ รวมถึงเรื่องหุ้น คิดว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ต้องขับเคลื่อนต่อไปอย่างเต็มที่ เวลา 1 เดือนที่ผ่านมาทุกหน่วยงานก็ทำอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า โพลและผลการทำงานของ คสช.มีผลตอบรับดีเช่นนี้จะเป็นแรงหนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะขึ้นนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ง่ายขึ้นหรือไม่ ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดคุยถึง ทุกฝ่ายโดยเฉพาะ คสช.กำลังมุ่งเน้นถึงการทำงานในช่วงระยะที่ 1 มากกว่า
@ ฝากขัง"บ.ก.ลายจุด"ผลัดสอง
เมื่อเวลา 10.10 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพ พนักงานสอบสวนควบคุมตัว นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด แกนนอนวันอาทิตย์สีแดง เดินทางมาเพื่อขออำนาจศาลทหารกรุงเทพ ฝากขังผลัดสองเป็นเวลา 12 วัน หลังจากถูกฝากขังผลัดแรกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯครบกำหนดไปแล้ว โดยนายสมบัติ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 3 ข้อหา คือ 1.ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 2.กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และ 3.ไม่ไปรายงานตัวตามประกาศเรียกตัวของ คสช.
ต่อมาเวลา 10.45 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 3 องค์คณะตุลาการศาลทหารนั่งบัลลังก์ พิจารณาคำร้องขอฝากขังนายสมบัติผลัดสองเป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน-5 กรกฎาคม 2557 โดยพนักงานสอบสวนยืนยันต่อศาลว่า มีความจำเป็นต้องขอควบคุมตัวเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากลายนิ้วมือและหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมตามฐานความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ด้านนายสมบัติได้ลุกขึ้นคัดค้านคำขอฝากขังว่า กระบวนการต่างๆ ของพนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องสอบสวนตนแล้ว จึงไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องขอฝากขังผลัดสองอีก จากนั้นองค์คณะตุลาการศาลจึงพิจารณาโดยเห็นชอบตามคำขอของพนักงานสอบสวน อนุญาตให้ฝากขังนายสมบัติผลัดสองเป็นเวลา 12 วัน
@ ทนายยื่น4แสน-ชวดประกันตัว
นายอานนท์ นำภา ทนายความนายสมบัติ จึงดำเนินการเรื่องขอให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราวทันทีโดยยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 4 แสนบาท พร้อมคำร้องประกอบว่า นายสมบัติพร้อมยุติบทบาท ไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ หากได้ประกันตัวก็จะกลับมาทำงานเพื่อสังคมและอยู่ดูแลลูกสาวกับครอบครัว และขอให้ศาลออกเงื่อนไขผู้ต้องหาพร้อมจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมบัติเดินทางมาขึ้นศาลทหารวันนี้ในชุดผู้ต้องขัง สวมกุญแจมือ และตัดผมสั้นเกรียน โดยระหว่างการพิจารณาคดี นายสมบัติยังคงมีแววตามุ่งมั่นเช่นเคย ก่อนถูกควบคุมตัวไปคุมขังต่อยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในเวลา 11.50 น. ขณะที่ภรรยาและญาติที่มาร่วมฟังการพิจารณาคดี รีบเดินทางตามไปสมทบทันที
จากนั้นเวลา 14.20 น. นายอานนท์เปิดเผยว่า ศาลไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายสมบัติ เนื่องจากผู้ต้องหาถูกจับกุมตัวตามหมายจับเกรงว่าจะหลบหนี ทางทีมทนายจะหาแนวทางขอประกันตัวกันต่อไปว่าจะเพิ่มหลักทรัพย์ และหาพยานบุคคลมายืนยันว่าจะไม่หลบหนีเพิ่มเติมหรือไม่ในการขออนุญาตฝากขังของพนักงานสอบสวนในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแจ้งความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ จ.ร้อยเอ็ด นั้น เป็นคนละกรณีกันต้องไปขึ้นศาลยุติธรรม ซึ่งนายสมบัติได้ถูกข้อกล่าวหาแล้ว แต่ยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
@ กต.ชี้กระบวนการตรวจสอบ"โรส"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการติดตามตัว น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือ โรส ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการจับกุม และขณะนี้ตั้งรกรากอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ ล่าสุดยังมีการเรียกร้องให้เพิกถอนหนังสือเดินทางหลังมีข่าวว่ายังคงถือสัญชาติไทย ว่ากรณีการขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดนต้องพิจารณาตามสนธิสัญญาที่มีอยู่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และอัยการสูงสุด (อสส.) จะต้องหารือกันต่อไป ส่วนที่เรียกร้องให้ถอนหนังสือเดินทางของ น.ส.ฉัตรวดีนั้น เมื่อมีหมายศาลขอให้เพิกถอน กระทรวงการต่างประเทศก็จะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้ สำหรับการถือสัญชาติยังมีกระบวนการที่ต้องใช้เวลายืนยันเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยื่นขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศที่มีความตกลงระหว่างกัน จะต้องพิจารณาด้วยว่าสิ่งที่ถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายไทย มีฐานความผิดตามกฎหมายอังกฤษด้วยหรือไม่ ฉะนั้น ในขณะนี้จึงต้องพิจารณาช่องทางตามกฎหมายอื่นประกอบกันไปด้วย
ขณะที่ น.ส.ฉัตรวดี หรือโรส ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า ขณะนี้กำลังพักผ่อนอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส และจะเดินทางต่อไปยังนอร์เวย์เพื่อพบกับเพื่อนเสื้อแดง ส่วนหนังสือเดินทางอังกฤษที่ถืออยู่ได้รับการต้อนรับทุกประเทศ
@ ศาลถอนหมายจับ"ขรรค์ชัย"
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ. นำหนังสือร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. และ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป. ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ฝ่าฝืน คสช. โดยไม่เข้ารายงานตัวภายในกำหนดเวลา ที่พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนขออนุมัติหมายศาล ต่อมาศาลทหารกรุงเทพได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 28 คน ไว้แล้ว ประกอบด้วย 1.นายขรรค์ชัย บุนปาน 2.นายใจลส์ใจ อึ๊งภากรณ์ 3.นายจักรภพ เพ็ญแข 4.นายพิษณุ พรหมสร 5.นายเนติ วิเชียรแสน 6.นายองอาจ ธนกมลนันท์ 7.นายอำนวย แก้วชมภู 8.นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน 9.นางจรรยา ยิ้มประเสริฐ 10.นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ 11.นายเสน่ห์ ถิ่นแสน 12.นายภิเษก สนิทธางกูร 13.นายสันติ วงษ์ไพบูลย์ 14.นางมนัญชยา เกตุแก้ว 15.น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือโรส 16.นายจุติเทพ หรือเลอพงษ์ วิไชยคำมาตย์
17.นายทนง ศิริปรีชาพงษ์ 18.นายอุสมาน สะแลแมง 19.นายฉกาจ คหบดีรัตน์ 20.นายชัยพฤกษ์ สมานรักษ์ 21.นายรังสฤษฎิ์ ธิยาโน 22.นายชัชชาญ บุปผาวัลย์ 23.นายยงยุทธ บุญดี 24.นายอัมรา วัฒนกูล 25.นายเกษมสันติ จำปาเลิศ 26.นายนิทัช ศรีสุวรรณ 27.น.ส.นุ่มนวล ยัพราช และ 28.นายวิระศักดิ์ โตวังจร
ต่อมาเวลา 12.30 น. พ.ต.อ.ประสพโชค เปิดเผยกรณีศาลทหารกรุงเทพ ออกหมายจับ นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) นั้น ล่าสุด นายฐากูร บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ได้จัดส่งเอกสารประกอบด้วยใบรับรองแพทย์ และหนังสือชี้แจงว่า ขณะนี้ นายขรรค์ชัยมีอาการป่วย ผ่าตัดหัวใจ นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นเหตุให้ไม่สามารถเข้ารายงานตัวตามกำหนดได้
พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเอกสารที่นำมาชี้เเจงพบว่านายขรรค์ชัย ไม่มีเจตนาหลบหนีหรือฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. แต่อย่างใด เอกสารที่ส่งมาถือว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่เป็นสาระสำคัญในคดีจึงนำประกอบสำนวน พร้อมรวบรวมหลักฐานส่งศาลทหารกรุงเทพฯ เพื่อขอถอนหมายจับนายขรรค์ชัย ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ศาลทหารกรุงเทพ ได้อนุมัติเพิกถอนหมายจับนายขรรค์ชัยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ผู้แทนของนายนิทัช ศรีสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ถูกศาลทหารออกหมายจับ ในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ได้นำหลักฐานแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่สามารถรายงานตัวต่อ คสช.ตามกำหนด เข้ายื่นต่อ รอง ผบก.ป. จึงมีการทำคำร้องต่อศาลเพื่อขออนุมัติถอนหมายจับนายนิทัช อีกด้วย โดยศาลพิจารณาแล้วได้อนุมัติถอนหมายจับตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ
@ ตำรวจจับตากิจกรรม24มิ.ย.
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ. ช่วยราชการ บช.น. พ.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ รอง ผบ.พล.ม.2 รอ. พร้อมด้วย รอง ผบช.น.และ ผบก. ร่วมประชุมประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับผู้ชุมนุมแสดงสัญลักษณ์ต่อต้าน คสช. รวมทั้งสรุปการทำงานทหารและตำรวจ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า การประเมินสถานการณ์ทุกอย่างเรียบร้อยดี มีผู้ที่ความคิดเห็นต่างแสดงกิจกรรมประปราย เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ดำเนินการตามขั้นตอนไม่ใช้ความรุนแรงปฏิบัติตามกฎหมายจากเบาไปหาหนัก ใช้วิธีควบคุมตัวหรือเชิญตัวไปพูดคุยปรับเปลี่ยนทัศนคติทำความเข้าใจก็ได้ผลเป็นอย่างดี เมื่อทหารได้พูดคุยแล้วก็เข้าใจดีใช้เวลาไม่นาน จากนั้นปล่อยตัวไป
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า กรณีที่จะมีการผู้ชุมนุมหรือแสดงกิจกรรมทำพิธีต่างๆ ในวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง วันที่ 24 มิถุนายน โดยกลุ่มคนเหล่านี้ทำกิจกรรมเช่นนี้ทุกๆ ปี บริเวณหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า และวัดพระศรีมหาธาตุ ซึ่งไม่ใช่หมายความว่าปีนี้มี คสช.แล้วก็มาทำกิจกรรมเป็นกรณีพิเศษ ทหารและตำรวจจะประเมินว่า เป็นกิจกรรมตามปกติไม่ได้มีเจตนาที่จะต่อต้าน คสช.แต่อย่างใดหรือไม่
พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า จากการประเมินพบว่าผู้ชุมนุมต่างๆ ลดน้อยลง มีความเข้าใจเมื่อทหารและตำรวจเข้าไปพูดคุย สาเหตุคงเนื่องมาจากโพลหลายๆ สำนัก สำรวจความคิดเห็นประชาชนแล้ว ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน คสช.เนื่องจากมีประโยชน์ ประเทศชาติเกิดความสงบสุข มีความรัก ความสามัคคี และปรองดองเกิดขึ้นในชาติ จึงให้การสนับสนุนให้โอกาสและเวลาคณะ คสช.ได้ทำงาน โพลสำนักต่างๆ ชี้ชัดสูงถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์
"ฉะนั้น ผู้ชุมนุมหรือผู้ที่มีความเห็นต่างต้องพิจารณาว่าประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนการทำงานของ คสช. แต่คนกลุ่มเล็กๆ ที่เห็นต่างจะมีกิจกรรมหรือกระทำการใดๆ นั้น อาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในสังคม ถ้าการกระทำใดที่ไม่เป็นการผิดกฎหมายอย่างชัดเจนยืนยันว่าทหารและตำรวจจะไม่ใช้วิธีการรุนแรงหรือใช้กำลัง แต่จะใช้วิธีพูดคุยทำความเข้าใจปรับทัศนคติตามนโยบายของหัวหน้า คสช." รอง ผบ.ตร.กล่าว
@ ให้ภาพละ500ช่วยจับต้านคสช.
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ขณะนี้ใช้กำลังทหารและตำรวจมาหลายสัปดาห์แล้ว กำลังหารือกับฝ่ายทหารเพื่อปรับลดกำลังทหารและตำรวจลง แต่จะมีการวางกำลังทหารและตำรวจในจุดสุ่มเสี่ยงต่อการชุมนุม หรือแสดงสัญลักษณ์ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเสริม หากพี่น้องประชาชนได้ถ่ายรูปการแสดงกิจกรรมของกลุ่มคนที่ในเชิงสัญลักษณ์ต่อต้าน คสช. โดยส่งรูปมาให้ตนตามที่อยู่ดังนี้ "พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. 10330" ถ้าภาพดังกล่าวใช้ดำเนินการกับกลุ่มคนเหล่านั้นได้ จะให้รางวัลภาพละ 500 บาท แต่ถ้ามีหลายภาพจะคัดเอาภาพที่ดีที่สุด จะให้ทีมงานส่งเงินไปให้ หรือระบุบัญชีธนาคารก็ยิ่งดีจะได้โอนเงินให้ นับเป็นการสร้างแนวร่วมภาคประชาชนในการแก้ปัญหาที่ต้องการเห็นความสงบสุขเกิดขึ้นในชาติ
ผู้สื่อข่าวถามกรณี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. มอบหมายให้ดูแลคดีระเบิด อาวุธสงคราม และแรงงานต่างด้าว รวมทั้งคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเมืองนั้น พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เพื่อให้การสอบสวนดำเนินการอย่างถูกต้องและไปในทิศทางเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพลได้ออกคำสั่งให้รวมสำนวนการสอบสวนไปที่กองบังคับการปราบปราม นอกจากนี้ ให้ท้องที่เกิดเหตุส่งพนักงานสอบสวนมาร่วมทำการสอบสวน เป็นการรวบรวมสำนวนเพื่อสะดวกในการสืบสวนส อบสวน รวมทั้งดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน มีหน่วยงานประกอบด้วย บช.น. บช.ก. บช.ภ.1 และ บช.ภ.2 ให้ความสำคัญคดีทุกคดีที่เกิดขึ้น
@ หมอพรทิพย์ถกบิ๊กต๊อกสางคดี
เมื่อเวลา 10.00 น. พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เข้าพบ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าส่วนงานกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. หลังจากมีคำสั่ง คสช.ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า ได้พูดถึงแนวทางการทำงานของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเนื้อหางานที่ผ่านมาให้ฟัง โดย พล.อ.ไพบูลย์บอกว่าขอให้มีการแก้ไขในสิ่งที่เป็นปัญหาในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นระเบียบกฎหมาย โครงสร้างการบริหารจัดการ เพื่อให้การดำเนินการทางคดีให้เกิดความยุติธรรมสูงสุด ทั้งนี้ พล.อ.ไพบูลย์บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ต้องการให้คดีต่างๆ ที่ค้างอยู่ได้ทำงานเดินต่อไปได้ หลังหยุดไปในช่วงเหตุทางการเมือง 1 ปีที่ผ่านมา การทำงานของสถาบันในตอนนั้นไม่เป็นไปตามปณิธานของการตั้งหน่วยโดยแยกนิติวิทยาศาสตร์ของตำรวจออกมา อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการลงรายละเอียดรายคดี
วันเดียวกัน พญ.คุณหญิงพรทิพย์มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Khunying Porntip Rojanasunan ระบุว่า "Integrity-Brave to do good thing ยามนี้นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตที่รับราชการมา หากใครต้องการทำสิ่งที่ดีให้แผ่นดินต้องกล้าทำแม้ไม่มีตำแหน่ง แม้อยู่ตำแหน่งเล็ก หรือแม้ไม่มีใครเห็นก็ตาม
@ "อียู"ยุติเยือนไทย-ระงับลงนาม
วันเดียวกัน ที่ประชุมของคณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) ณ กรุงลักเซมเบิร์ก ประเทศลักเซมเบิร์ก ได้ประชุมพร้อมแถลงการณ์ถึงผลสรุปการประชุมที่มีต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จำนวน 5 ข้อ ดังต่อไปนี้
1.สหภาพยุโรปและประเทศไทยมีความผูกพันแน่นแฟ้นต่อกันมาเป็นเวลานานทั้งในด้านการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองฝ่าย
2.ด้วยเหตุนี้ ทางคณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปจึงได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ในประเทศไทยในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาด้วยความกังวลเป็นอย่างยิ่ง คณะรัฐมนตรีได้เรียกร้องให้ผู้นำทหารดำเนินการเรื่องที่เร่งด่วนที่สุดในการคืนสู่กระบวนการทางด้านประชาธิปไตยที่มีความชอบธรรมและคืนการปกครองตามหลักรัฐธรรมนูญผ่านทางการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือและทุกฝ่ายมีส่วนร่วม คณะรัฐมนตรียังได้ขอให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจสูงสุด โดยจะต้องให้ความเคารพต่อสิทธิมนุษยชนและยึดมั่นต่อสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทหารปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวทางการเมืองทั้งหมด รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจับกุมที่มีเหตุผลทางการเมืองและยกเลิกการควบคุมสื่อ
3.การประกาศของผู้นำทหารที่ผ่านไม่นานนั้น ยังไม่ได้ให้หลักประกันที่น่าเชื่อถือในการกลับคืนสู่การปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญ อันเป็นสิ่งจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้ จะต้องให้สถาบันทางด้านประชาธิปไตยต่างๆ สามารถกลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่เพื่อเป็นหลักประกันการคุ้มครองและสวัสดิภาพของประชาชนทุกคน
4.ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว สหภาพยุโรปมีความจำเป็นที่จะต้องทบทวนการทำงาน โดยให้มีการระงับการเยือนอย่างเป็นทางการระหว่างกัน สหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกจะไม่ลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ (Partnership and Cooperation Agreement) กับประเทศไทย จนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และความตกลงอื่นๆ จะได้รับผลกระทบตามสมควร โดยประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปได้เริ่มทบทวนความร่วมมือทางทหารกับประเทศไทย
5.การมีแผนดำเนินการที่น่าเชื่อถือในการกลับสู่การปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญโดยเร็ว การมีการเลือกตั้งอันน่าเชื่อถือและทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างจริงจังเท่านั้นที่จะสามารถทำให้สหภาพยุโรปให้การสนับสนุนต่อไปได้ คณะรัฐมนตรีจึงได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการทบทวนความสัมพันธ์กับประเทศไทยและอาจพิจารณาดำเนินมาตร
การอื่นๆ ต่อไปตามสถานการณ์
เอเอฟพีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้ประกาศแผนโรดแมปก่อนหน้านี้ว่าจะตั้งรัฐบาลขึ้นภายในเดือนกันยายนนี้เพื่อดูแลให้มีการปฏิรูปทางการเมือง ก่อนที่จะเข้าสู่ระยะสุดท้ายคือจัดการเลือกตั้งขึ้นใช้เวลาประมาณ 1 ปี โดยเอเอฟพีชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับกระบวนการดังกล่าว และยืนยันว่าประเทศไทยที่ผ่านเหตุการณ์รัฐประหารมาแล้วหลายครั้งในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ต้องการกองทัพที่เข้มแข็งเพื่อช่วยทำให้ประเทศชาติมีความมั่นคง หลังจากต้องเผชิญกับเหตุประท้วงรุนแรงจากกลุ่มการเมืองที่เห็นต่างมานานหลายเดือนแล้ว
@ คสช.ยันทำเต็มที่หากอียูลดระดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ คณะทำงานโฆษก คสช. กล่าวถึงการประชุมตามวงรอบประจำเดือนของคณะรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอียูทั้ง 28 ชาติ ซึ่งบางฝ่ายคาดว่าอาจจะมีการทบทวนในเรื่องกรอบความร่วมมือในทุกมิติว่า ทาง คสช.รอความชัดเจนมากกว่านี้จึงยังไม่มีมาตรการหรือการเตรียมพร้อมใดออกมา แต่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้อยู่แล้ว มีการสร้างความเข้าใจมาตั้งแต่ตอนที่ คสช.เข้ามาแล้ว นอกจากนี้ทูตของไทยในประเทศสมาชิกอียูมีการสร้างความเข้าใจ ชี้แจงและกลับมารายงานให้แก่ คสช.ตลอด คสช.ทำเต็มที่แล้ว ในเรื่องที่อียูต้องการกรอบเวลาการดำเนินการที่ชัดเจน และเมื่อไหร่จะไปสู่การเป็นประชาธิปไตย เชื่อว่าในเดือนตุลาคมทุกอย่างจะเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ตอนนี้ยังบอกอะไรไม่ได้ ส่วนกระแสข่าวต่างๆ ทั้งเรื่องของธรรมนูญชั่วคราว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสภาปฏิรูปฯนั้น ขอให้รับฟังจาก คสช.เท่านั้น ที่ออกมาเป็นเพียงกระแสเท่านั้น
@ กต.นัดหารือทูตอียูในไทย
เมื่อเวลา 12.00 น. นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวกรณีข่าวอียูเตรียมจะทบทวนกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ กับไทยว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายให้เอกอัครราชทูตประจำกรุงบรัสเซลส์ ติดตามผลการประชุม
"ไทยขอให้อียูเข้าใจสถานการณ์การเมืองของไทย และสนับสนุนโรดแมปเพื่อนำไปสู่การสร้างความปรองดอง จัดตั้งสภานิติบัญญัติ สภาปฏิรูป ขับเคลื่อนนำสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย โดยในวันที่ 24 มิถุนายน เวลา 10.00 น. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะหารือกับนายเฆซูส มิเกล ซานส์ เอกอัครราชทูตแห่งสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ที่ห้องบัวแก้ว กระทรวงการต่างประเทศ" นายเสขกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ตอบโต้แถลงการณ์ของอียู ระบุว่า "ไทยขอแสดงความผิดหวังต่อมาตรการของอียูที่ไม่มองพัฒนาการรอบด้าน และขอเรียกร้องให้ทบทวนมาตรการเพื่อรักษาความสัมพันธ์และผลประโยชน์ในระยะยาว"
@ "สุเทพ"ทอล์กโชว์เผย"เบื้องลึก"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ฉบับวันจันทร์ที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้รายงานข่าว พาดหัวว่า Suthep in talks with Prayuth "since 2010" เนื้อหาข่าวขึ้นต้นระบุว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กล่าวในงานเลี้ยงดินเนอร์เพื่อหารายได้ที่จัดขึ้นที่แปซิฟิก คลับ เนื้อหาระบุว่า นาย
สุเทพเป็นผู้แนะนำหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ทำอย่างไรถึงจะถอนรากถอนโคนอิทธิพลของระบอบทักษิณมาตั้งแต่ปี 2553
นายสุเทพยอมรับเป็นครั้งแรกว่า ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกี่ยวกับเรื่องนี้มาตั้งแต่เกิดเหตุรุนแรงทางการเมืองขึ้นเมื่อปี 2553 ทั้งนี้ บางกอกโพสต์ระบุว่า คำกล่าวของนายสุเทพแสดงให้เห็นว่า การโค่นล้มรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการเตรียมการมาตลอด รวมทั้งในช่วงก่อนหน้าเกิดการรัฐประหาร ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมอยู่ในเวลานั้น
@ ติดต่อกับ"ประยุทธ์"ทางไลน์
บางกอกโพสต์รายงานว่า นายสุเทพกล่าวถึงเบื้องหลังการยึดอำนาจของกองทัพดังกล่าวกับบรรดาผู้สนับสนุน กปปส. เกือบ 100 คน ในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นภายใต้ชื่อ "ดินเนอร์กับกำนันสุเทพ" ระบุด้วยว่า ได้ติดต่อโดยตรงกับ พล.อ.ประยุทธ์อย่างสม่ำเสมอผ่านทางไลน์และแอพพลิเคชั่นแชตอื่นๆ
ก่อนการประกาศกฎอัยการศึก พล.อ.ประยุทธ์บอกผมว่า "คุณสุเทพกับมวลมหาประชาชนผู้สนับสนุนเหนื่อยเกินไปแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่กองทัพจะรับหน้าที่ทำภารกิจต่อไป" นายสุเทพกล่าว พร้อมกับเปิดเผยด้วยว่า ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์มาตั้งแต่เหตุการณ์จลาจลทางการเมืองเมื่อปี 2553 ว่าทำอย่างไรถึงจะถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณแล้วจับมือกันปฏิรูปประเทศ, ต่อต้านคอร์รัปชั่น และสลายสีเสื้อทางการเมืองซึ่งแบ่งแยกประเทศไทย
@ เม็ดเงิน1.4พันล้านจัดชุมนุม
"เราใช้เงินไปเกือบ 1,400 ล้านบาท ไปกับการเคลื่อนไหวของเราในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เงินจำนวนนี้ 400 ล้าน มาจากครอบครัวและเพื่อนๆ ของแกนนำผู้ประท้วง อีก 1,000 ล้านบาท มาจากเงินบริจาคจากผู้สนับสนุน" นายสุเทพกล่าว
หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ยังรายงานข่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ นายสุเทพเคยเลื่อนงานเลี้ยงเพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้สนับสนุนสมาชิก กปปส.ที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะไม่ต้องการให้ คสช.ตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากขณะนั้นยังมีการประกาศกฎอัยการศึกอยู่ ขณะนี้ กปปส. ได้จัดตั้งมูลนิธิขึ้นมาเพื่อผลักดันให้เกิดการปฏิรูปขึ้นในประเทศ ผู้ที่เข้าร่วมในงานเลี้ยงดังกล่าวได้บริจาคเงินเพื่อสมทบเป็นทุนเริ่มต้นในการก่อตั้งมูลนิธินี้ด้วย
นายสุเทพกล่าวในงานอีกว่า กปปส. เตรียมจัดงานดินเนอร์ขึ้นในทุกๆ วันเสาร์ และจะใช้แปซิฟิก คลับ เป็นสำนักงานของมูลนิธิดังกล่าว พร้อมกับประกาศว่าจะไม่หวนกลับไปเล่นการเมืองอีก มูลนิธิดังกล่าวจะให้ความช่วยเหลือผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตพร้อม กันนั้นก็จะผลักดันข้อเสนอของ กปปส.ต่อกองทัพ
"นับตั้งแต่นี้ต่อไป เราจะทำหน้าที่เหมือนองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ที่จะทำหน้าที่ศึกษาวิจัย เราจะไม่มีส่วนเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองใดๆ" นายสุเทพกล่าว โดยเสริมด้วยว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมากองทัพได้รับรู้วัตถุประสงค์ของ กปปส.แล้ว ตอนที่ กปปส.พยายามกดดันข้าราชการพลเรือนและทหารให้เข้ามาร่วมเคลื่อนไหวด้วยกัน กองทัพได้นำเอาข้อเสนอหลายอย่างของ กปปส.ไปใช้อย่างเช่น มาตรการเพื่อช่วยเหลือชาวนา โดยนายสุเทพได้เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนให้การสนับสนุนกองทัพด้วย
@ คสช.ปฏิเสธข่าว"บิ๊กตู่"คุย"สุเทพ"
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คสช. กล่าวแถลงปฏิเสธการนำเสนอข่าวพาดหัวใหญ่ของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ที่นำเสนอข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้มีการสื่อสารในลักษณะแบบส่วนตัวกันในช่วงที่ผ่านมาว่า ยืนยันไม่เคยมีการพูดคุยหรือมีสื่อสารเป็นการส่วนตัว หรือส่งข่าวใดๆ ทั้งสิ้น ข่าวที่ออกมาอาจมีการคลาดเคลื่อนไป ที่ผ่านมามีเพียงการรับมอบหมายจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายก