- Details
- Category: การเมือง
- Published: Friday, 31 July 2015 20:53
- Hits: 8984
เทือกแถลงหนุน คสช.อยู่ยาว พท.ชี้มีซ่อนเร้น เรียกร้องจับตา
'เทพเทือก'ประกาศหนุนรัฐบาล-คสช.อยู่ยาว ให้อยู่ทำปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ย้ำตัดขาดประชาธิปัตย์ไม่เล่นการเมืองแล้ว พร้อมตั้ง 'กษิต ภิรมย์' หัวหน้าทีมโต้ต่างชาติ เพื่อไทยหวั่นมีวาระซ่อนเร้น จี้ทุกฝ่ายช่วยกันจับตา เชื่อออกมาเคลื่อนไหวช่วงนี้ เพราะสปช.ใกล้ลงมติร่างรัฐธรรมนูญ 'ดิเรก ถึงฝั่ง'ซัดอย่าทำให้เป็นปัญหาเพิ่ม ต้องตามโรดแม็ป ไม่ยืดเยื้อ ด้านอดีตกลุ่ม 40 ส.ว.เด้งรับทันควัน เตรียมชงสปช.ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง วิปสปช.นัดถกกรอบคำถามประชามติ 6 ส.ค.นี้ 'สมชาย วงศ์สวัสดิ์'ให้ครูบาน้อยลงนะหน้าทอง เสริมมงคล กลัวฝันร้ายกลายเป็นจริง
วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9011 ข่าวสดรายวัน
หนุนคสช. - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เปิดตัวมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย พร้อมประกาศสนับสนุนคสช.ในการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ที่โรงเเรม อินเตอร์คอนติเนนตัล ราชประสงค์ เมื่อวันที่ 30 ก.ค.
ทร.แจงซื้อเรือดำน้ำ 3.6 หมื่นล.
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. พล.ร.อ.ณรงค์พล บางช้าง ผช.ผบ.ทร. ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ซึ่งได้รับมอบหมายจากผบ.ทร. ให้ทำเอกสารชี้แจงโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือ แบบชั้น Yuan Class S26T จำนวน 3 ลำ มูลค่า 36,000 ล้านบาท จากสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากนายกฯ สั่งชะลอโครงการ พร้อมให้กองทัพเรือชี้แจง 2 ประเด็น คือ 1.ชี้แจงความจำเป็นในการพิทักษ์ผลประโยชน์ทางทะเล และ 2.เหตุผลที่ต้องซื้อเรือดำน้ำจีน
เอกสารชี้แจง มีความยาว 9 หน้ากระดาษเอ 4 มีเนื้อหาหลักคือ กองทัพเรือจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำเข้าประจำการเพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศทางทะเล เนื่องจากปัจจุบันมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางทะเลมากขึ้นเรื่อยๆ และประเทศไทยมีผลประโยชน์ทางทะเล คิดเป็นมูลค่า 24 ล้านล้านบาทต่อปี และนับวันจะทวีมูลค่ามากขึ้น การมีเส้นทางเดินเรือที่ปลอดภัยจะส่งเสริมเศรษฐกิจมั่นคง
นอกจากพื้นที่อ่าวไทย มีการนำเข้า-ส่งออกสินค้าจำนวนมาก มีเรือสินค้าผ่านเข้าออกปีละ 15,000 ลำ มีความเสี่ยงสูงด้านภูมิศาสตร์ที่จะถูกปิดอ่าว หรือขัดขวางการใช้เส้นทางเดินเรือ เนื่องจากปากอ่าวมีความกว้าง 200 ไมล์ทะเล หรือ 400 กิโลเมตร หากถูกปิดอ่าว จะทำให้การขนส่งทางทะเลสายนี้หยุดชะงัก ส่งผลให้เศรษฐกิจเสียหาย และเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ รอบบ้าน มีเรือดำน้ำประจำการแล้ว ทำให้กองทัพเรือเสียเปรียบอย่างยิ่ง การเสริมสร้างกำลังทางเรือโดยเฉพาะเรือดำน้ำ จึงจำเป็นเพื่อให้มีกำลังทางเรือที่สมดุลทัดเทียมกันในภูมิภาค ทำให้กองทัพเรือมีขีดความสามารถครบทุกมิติคือ ผิวน้ำ ใต้น้ำ และในอากาศ เป็นการเตรียมพร้อมของกำลังรบ หากเกิดความขัดแย้งและสถานการณ์ที่อ่อนไหวระหว่างประเทศ
สภาพอ่าวไทยไม่ใช่อุปสรรค
สภาพภูมิศาสตร์ของอ่าวไทย ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติการของเรือดำน้ำปัจจุบัน การปฏิบัติการในเขตน้ำตื้นถือเป็นเรื่องปกติของเรือดำน้ำ ในอ่าวไทยมีน้ำลึกเฉลี่ย 50 เมตร จึงไม่ใช่อุปสรรค อีกทั้งการมองเห็นจากเครื่องบิน เมื่อเรือดำน้ำดำลึกกว่า 20 เมตร ก็ไม่สามารถมองเห็นได้
ในเอกสารชี้แจงว่า กองทัพเรือได้พิจารณาอย่างรอบคอบ จากข้อเสนอของประเทศต่างๆ 6 ประเทศ ก่อนตัดสินใจเลือกเรือดำน้ำรุ่น S26T จากจีน เพราะในวงเงิน 36,000 ล้านบาท ตามแพ็กเกจที่จีนเสนอ ทำให้กองทัพเรือบรรลุความต้องการ มีกองเรือดำน้ำที่สมบูรณ์แบบ และการจัดซื้อครั้งนี้ก็เป็นลักษณะ รัฐบาลต่อรัฐบาล หรือจีทูจี จึงมีรัฐบาลจีนให้ความมั่นใจในด้านคุณภาพและการสนับสนุน ถือว่ามีความคุ้มค่าอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติทางทะเลที่ยั่งยืนตลอดไป
ยันคุ้มค่า-ไม่ได้ใช้งบพิเศษ
ทั้งนี้ เรือดำน้ำรุ่น S26T มีระบบ AIP (Air Independent Propulsion) สามารถปฏิบัติการใต้น้ำได้นาน 21 วันโดยไม่ต้องโผล่ โอกาสที่จะถูกตรวจจับจึงต่ำมาก มีการติดตั้งระบบอาวุธที่ครบถ้วนหลายชนิดมาพร้อมกับเรือ เมื่อเทียบกับเรือดำน้ำประเทศอื่นที่อยู่ในน้ำได้อย่างมาก 4-5 วัน ต้องโผล่ขึ้นมาชาร์จแบตเตอรี่
ส่วนงบ 36,000 ล้านบาทนั้น กองทัพเรือใช้การผ่อนชำระ 7-10 ปี ไม่ใช่การจ่ายเงินก้อนเดียวทั้งหมด ตกปีละ 3,000-5,000 ล้านบาท ขณะที่กองทัพเรือจะได้รับมอบเรือมาใช้งานทั้ง 3 ลำ ภายในเวลา 6 ปี ถือเป็นเงื่อนไขที่กองทัพเรือได้ประโยชน์มาก และงบส่วนนี้มาจากงบที่กองทัพเรือได้รับจัดสรรประจำปีตามปกติ มิได้มาจากงบกลางหรืองบพิเศษของรัฐบาล
หากรัฐบาลไม่อนุมัติโครงการนี้ กองทัพเรือต้องพัฒนากองทัพเรือด้วยงบก้อนนี้ แต่เปลี่ยนเป็นการจัดหายุทโธปกรณ์ประเภทอื่นแทน เช่น เรือฟริเกต หรืออากาศยานปราบเรือดำน้ำ ซึ่งไม่สามารถทำให้กองทัพเรือบรรลุภารกิจที่สมบูรณ์ได้ เพราะไม่มียุทโธปกรณ์ใดทำงานแทนที่เรือดำน้ำได้
'เทือก'พร้อมหนุนรัฐบาล-คสช.
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย พร้อมด้วยนายถาวร เสนเนียม นายอิสสระ สมชัย นายวิทยา แก้วภราดัย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองประธานมูลนิธิฯ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขานุการมูลนิธิฯ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ผู้ช่วยเลขานุการฯ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายชุมพล จุลใส คณะกรรมการมูลนิธิฯ แถลงเปิดตัวมูลนิธิฯ โดยมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมด้วย อาทิ นายเทพไท เสนพงศ์ และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี
นายสุเทพ กล่าวว่า มูลนิธิฯได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะปฏิบัติตามกฎหมาย ให้ความร่วมมือกับคสช.และรัฐบาล ในการรักษาความสงบของบ้านเมืองและขับเคลื่อนประเทศไทย ตนในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิฯจะเริ่มงานทันที เชิญชวนประชาชนผู้มีอุดมการณ์ความคิดแบบเดียวกับพวกเรา มาร่วมเป็นเจ้าของมูลนิธิฯที่รักชาติรักแผ่นดิน โดยเราจะดำเนินการตามครรลองของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งพวกตนเป็นกรรมการชุดเริ่มต้น แต่เมื่อมีประชาชนเข้าร่วมครบ 1 ปี จะจัดเลือกตั้งกรรมการมูลนิธิฯใหม่ ระหว่างนี้เราจะฟังความคิดเห็นว่า จะดำเนินการมูลนิธิฯอย่างไร เรียกว่าเป็นมูลนิธิฯของมวลมหาประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ของพวกตนเพียง 11-12 คน
โวทำทุกอย่างปกป้องประเทศ
นายสุเทพ กล่าวว่า การเป็นเจ้าของไม่ใช่เป็นแต่ในนาม แต่ต้องสมัครใจแสดงความจำนง ทุกคนจะมีสิทธิมีเสียงเท่ากัน ซึ่งการบริจาคให้มูลนิธิฯ บางคนอาจจะ 300 บาท บางคน 3 แสนบาท แต่ทุกคนจะมีเสียงเท่ากัน หากจังหวัดไหนมีสมาชิกเยอะ จะตั้งสาขาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานต่อไป ยืนยันเงินของเรามีที่มา ไม่ใช่มูลนิธิฯที่เงินมาจากไหนไม่รู้ ไม่ใช่เงินจากต่างประเทศ แต่เป็นเงินของคนไทย ไม่ต้องสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลัง มีแต่คนเบื้องหน้า
"มูลนิธิฯจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน หากต้องเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องเราจะทำ เช่น ต่างประเทศ หรือองค์กรต่างๆ ที่ไม่เข้าใจคนไทย เราจะส่งคนไปชี้แจง หากประเทศใดเข้าใจผิด ตัดสินใจใดๆ ที่ส่งผล กระทบต่อประเทศไทย เราจะส่งตัวแทนไปอธิบายกับรัฐบาล กับสภา และสื่อมวลชนของประเทศนั้น เราไม่ต้องการเป็นปฏิปักษ์กับใคร แต่เรารักประเทศของเรา" นายสุเทพกล่าว
ย้ำต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
นายสุเทพ กล่าวว่า มูลนิธิฯจะเป็นศูนย์รวม รวบรวมข้อเสนอแนะแนวทางสร้าง สรรค์เพื่อการปฏิรูปประเทศ เปิดให้ทุกคนมีสิทธิเสนอความเห็น เราจะใช้สื่ออิเล็ก ทรอนิกส์ เปิดเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ อีเมล์ ทุก วันนี้เราไม่สามารถเปิดเวทีพูดคุย ไม่ต้องการเป็นอภิสิทธิ์ชนเพราะจะไปสร้างความวุ่นวายให้คสช. เราพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งคสช. ที่เป็นกฎหมาย ใครจะมาว่าไม่เป็นประชาธิปไตยไม่ใช่ เราอยู่ในประเทศนี้ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายประเทศนี้ เรา ไม่ต้องการให้ใครกล่าวหาว่า คสช.สองมาตรฐาน ยืนยันว่าเราไม่มีผลประโยชน์ในทางการเมือง และตนขอยืนยันเจตนารมณ์เดิมว่า เราต้องการให้มีการปฏิรูปก่อน เลือกตั้ง
เมื่อถามว่าหากการร่างรัฐธรรมนูญไม่ตรงกับแนวทางของมูลนิธิฯ การเคลื่อนไหวจะเป็นอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า พวกเราสืบทอดเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน ต้องการเห็นรัฐบาลนี้ปฏิรูปประเทศให้สำเร็จก่อนมีการเลือกตั้ง โดยไม่จำเป็นว่าต้องใช้เวลาเท่าไร ซึ่งกมธ.ยกร่างฯ คงตระหนักได้ว่าประชาชนคาดหวังอะไร ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างไร เราอยากเห็นกมธ.ยกร่างฯทำสำเร็จ แต่หากเห็นว่าผลักดันไปในแนวทางไม่ถูกต้อง เราก็ต้องเสนอความเห็นไปยังกมธ.ยกร่างฯ เราจะไม่เดินขบวนไป แต่เราจะส่งตัวแทนไปยื่นหนังสืออย่างเรียบร้อย
เมื่อถามว่าหากต้องทำประชามติรัฐ ธรรมนูญ นายสุเทพกล่าวว่า เป็นเรื่องของประชาชนทั้งประเทศ ต้องว่ากันเอง
ลั่นตัดขาดพรรคประชาธิปัตย์
เมื่อถามว่าคนกังวลว่ามูลนิธิฯจะเคลื่อนไหวทางการเมือง นายสุเทพกล่าวว่า เลิกกังวลได้ ตนจะทำมูลนิธิฯอย่างเปิดเผย วันนี้ก็จัดแถลงข่าวก่อนดำเนินงาน อยากให้ทุกคนติดตาม เราเป็นคนในศีลในธรรม หลายคนที่เป็นกรรมการก็เคยบวชมาแล้ว เราทุกคนจริงใจเปิดเผย ฝึกตัวเองให้ยึดแนวทางความสงบ
เมื่อถามถึงการขับเคลื่อนของมูลนิธิฯ จะเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นาย สุเทพกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ และขอยืนยันว่าไม่กลับไปเป็นนักการเมือง ไม่กลับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งต่อจากนี้แนวคิดของมูลนิธิฯ อาจไม่ตรงกับพรรคประชาธิปัตย์ ฉะนั้นอย่าเคลือบแคลง แต่สมาชิกมูลนิธิฯจะชอบพรรคไหนก็เป็นสิทธิ
ตั้ง'กษิต'หัวหน้าทีมโต้ต่างชาติ
เมื่อถามถึงแนวทางการชี้แจงต่างประเทศ นายสุเทพกล่าวว่า ได้เชิญ นายกษิต ภิรมย์ มาเป็นหัวหน้าทีมต่างประเทศ หากประเทศใดเข้าใจประเทศไทยผิด นายกษิตก็พร้อมไปชี้แจงทั้งในและต่างประเทศ
เมื่อถามว่ามีข้อห่วงกังวลว่าความขัดแย้งจะบานปลาย นายสุเทพกล่าวว่า เราจะร่วมมือกับทุกองค์กร เพื่อประโยชน์ของคนไทย เราไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น จะทำทุกอย่างให้ประเทศไทย ตามระบอบประชาธิปไตย เราจะเดินหน้าเทิดทูนสถาบันเพราะเราเป็นคนไทย ไม่มีคนดีที่ไหนมาเป็นศัตรูกับเราที่เป็นคนดี และหากรู้สึกว่าเราเป๋ไป ก็มาทักท้วง กันได้
เมื่อถามว่า มองการบริหารงานของรัฐบาลเป็นอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า มวลมหาประชาชนต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ขณะนี้แม่น้ำหลายสายกำลังทำงานอยู่ เราขอไม่วิจารณ์ งานเขายังไม่เสร็จ แต่เมื่อไรหากมีความเห็นต่างก็จะยื่นหนังสือไป ซึ่งที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวของ กปปส. ไม่เคยพูดเรื่องเวลา ไม่มีกรอบ เรานึกถึงผลสำเร็จเป็นสำคัญว่าต้องปฏิรูปให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเลือกตั้ง มิเช่นนั้น เราจะได้นักการเมืองแบบเก่าเข้า มาอีก
เตรียมชี้แจงปมขัดแย้งในปท.
ด้านนายกษิต กล่าวว่า นายสุเทพเป็น ผู้ทาบทามให้ตน ร่วมขับเคลื่อนงานของ มูลนิธิฯ ในด้านการต่างประเทศ ซึ่งตนยินดีเข้าร่วม และอาจลดบทบาทกับพรรคประชาธิ ปัตย์ลง ส่วนแผนงานเบื้องต้นที่จะดำเนินการ คือการหาข้อสรุปปัญหาความขัดแย้งของประเทศที่เกิดขึ้นตลอด 12 ปี เพื่อชี้แจงให้ต่างชาติเข้าใจว่าเหตุใดประเทศไทยจึงต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง และการเลือกตั้งที่ผ่านมามีปัญหาอย่างไร รวมถึงระบบรัฐสภาเสียงข้างมากที่ยังไม่มีหลักปฏิบัติที่เป็นสากล
นะหน้าทอง - นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ให้ครูบาน้อย เตชปัญโญ พระเกจิชื่อดังล้านนา วัดศรีดอนมูล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ทำพิธีลงนะหน้าทองทั่วร่างกายรวม 9 จุด เพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อวันที่ 30 ก.ค. |
นายกษิต กล่าวว่า การชี้แจงต่อต่างประเทศของมูลนิธิฯ จะไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลและคสช. การให้ข้อมูลจะเป็นลักษณะทำหนังสือชี้แจงในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมประชาธิป ไตยในอนาคต ทั้งนี้ จะไม่เข้าไปแทรกแซงงานของข้าราชการประจำหรือทำในส่วนที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ เนื่องจากมูลนิธิฯ ไม่ใช่กลไกที่อยู่ภายใต้อาณัติของรัฐบาลคสช.
ยันมูลนิธิไม่ใช่กลุ่มการเมือง
ด้านนายสาทิตย์กล่าวว่า ขณะนี้กรรมการมูลนิธิฯ ซึ่งลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิ ปัตย์ มีเพียงคนเดียวคือ นายสุเทพ ขณะที่กรรมการคนอื่นที่อุปสมบท ได้แก่ นายวิทยา นายอิสสระ นายพุทธิพงษ์ และนายเอกนัฏ ถือว่าพ้นจากความเป็นสมาชิกภาพโดยอัตโนมัติ ส่วนกรรมการที่ไม่ได้อุปสมบท ถือว่ายังคงเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ เนื่องจากยังไม่ได้ลาออก ส่วนทิศทางการเมืองของกรรมการหรือสมาชิกนั้น นายสุเทพเคยระบุว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคที่นอกเหนือจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส่วนการลงสมัครส.ส.หรือ ไม่นั้น ตนยังให้คำตอบไม่ได้เพราะเป็นเรื่องอนาคต ยังอีกยาวไกล
นายสาทิตย์ กล่าวว่า การก่อตั้งมูลนิธิตามระเบียบทางราชการ กำหนดว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และห้ามบริจาคเงินให้กับพรรคใดเท่านั้น ส่วนในอนาคตจะมีการแก้ไขระเบียบให้มูลนิธิทำงานการเมืองได้ และร่างรัฐธรรมนูญกำหนดให้มูลนิธิที่ผ่านการจัดตั้งถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นส.ว. ถือเป็นเรื่องที่ยังมาไม่ถึง ดังนั้น ยังให้คำตอบใดๆ ที่ชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นนี้ไม่ได้ ยืนยันว่ามูลนิธิฯ ไม่ใช่กลุ่มการเมือง แม้ผู้ร่วมก่อตั้งจะมาจากอดีตนักการเมืองก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการแถลงข่าว มีตัวเเทนของ คสช.คือ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายเสนาธิการ ประจำผู้บังคับบัญชา ช่วยราชการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) นำนายทหาร 13 นาย พร้อมกล้องและเครื่องบันทึกภาพและเสียง และยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ 20 นาย จากสน.ปทุมวัน เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ภูมิธรรมแนะทุกฝ่ายจับตา"เทือก"
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิ การพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีคสช.อนุญาตให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แถลงเปิดตัว มูลนิธิฯ ได้ว่า เวลานี้สังคมไทยเกิดความสับสน หาหลักยึดไม่ได้ กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนความสับสนของสังคมไทยยุคนี้ ซึ่งต้องนิยามความเห็นเรื่องการเมืองใหม่ว่าอย่างไร แค่ไหน เกี่ยวข้องกับการเมืองที่จะกระทำมิได้ตามเงื่อนไขข้อบังคับของ คสช.แค่ไหนทำได้ หรือขึ้นอยู่กับหน้าตาหล่อๆ ดำๆ แบบ กปปส.ทำอะไรก็ได้
นายภูมิธรรมกล่าวว่า พวกเราต้องไปศึกษาระเบียบของมูลนิธิใหม่ที่แถลงเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องการปฏิรูป ไม่ใช่เรื่องการเมือง จากนี้เป็นต้นไป ทุกฝ่ายคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดคงมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นอีกมากมายเกินกว่าจะคาดเดาได้
ชี้ต้องไม่กระทบโรดแม็ป
"วันนี้ทุกฝ่ายบอกประชาชนมาตลอดว่าจะเดินตามโรดแม็ป รีบผลักดันให้ประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติ ทุกฝ่ายพยายาม ไม่สร้างเงื่อนไขให้ประเทศเกิดปัญหาและสะดุด เพราะต้องการให้คืนสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ปัญหาของประเทศคลี่คลายและปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนได้รับการแก้ไข จากนี้ไปต้องจับตาดู อย่าให้มีเงื่อนไขใดๆ มากระทบ และทำให้การกลับคืนสู่ภาวะปกติได้รับการกระทบหรือสะดุด เพราะสิ่งที่ทุกฝ่ายควรคำนึงที่สุดคือ ปัญหาของประเทศ ไม่อาจรอได้ ที่สำคัญกว่านั้นทุกข์ของประชาชนที่ต้องการการคลี่คลาย ไม่ควรช้าสักวินาทีเดียว" นายภูมิธรรมกล่าว
'อ๋อย'หวั่นเคลื่อนไหวผิดกม.
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิ การ กล่าวถึงการแถลงข่าวของนายสุเทพว่า ถือเป็นสิทธิเสรีภาพอยู่แล้ว ไม่ควรตำหนิ คสช.ที่ปล่อยให้แถลง ถ้าจะมีปัญหาก็อยู่ที่การห้ามองค์กรหรือกลุ่มอื่นไม่ให้แถลงข่าวในช่วงที่ผ่านมา หวังว่าต่อไปบุคคลอื่นหรือองค์กรอื่นควรมีสิทธิเสรีภาพแถลงข่าวเช่นเดียวกัน ส่วนที่ระบุจุดยืนสนับสนุนให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งนั้น แสดงให้เห็นถึงความคงเส้นคงวาของนายสุเทพ ซึ่งมุ่งหมายอย่างนี้มาตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร และตนคงไม่วิจารณ์นายสุเทพ เพราะมักมีอะไรที่เหนือความคาดหมาย
นายจาตุรนต์กล่าวว่า แต่ถ้าพูดในแง่บ้านเมืองแล้ว ไม่รู้ว่านายสุเทพจะคงเส้นคงวาในวิธีการเคลื่อนไหวด้วยหรือไม่ ถ้ายังเหมือนเดิม แสดงว่าอาจจะทำให้อะไรที่ขัดต่อกฎหมายได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เพราะมีภูมิต้านทานต่อกฎหมายสูง เรื่องนี้คงต้องให้เป็นหน้าที่ของคสช. ไปพิจารณาหาทางดูแล หากจะเป็นปัญหาในอนาคต
ห่วงรธน.ไม่ผ่าน-มีสิทธิยืดเยื้อ
นายจาตุรนต์กล่าวว่า ส่วนที่นายสุเทพเลือกออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้นั้น ตน คาดการณ์ไม่ถูกเหมือนกัน แต่ถ้าดูจากสถานการณ์ มันใกล้เวลาที่ สปช.จะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งถ้าผ่านต้องนำสู่การลงประชามติ แต่ถ้าไม่ผ่านจะต้องร่างรัฐธรรม นูญใหม่ รวมกับนายสุเทพที่ต้องการให้ปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง นั่นอาจหมายถึงการทำให้กระบวนการเลือกตั้งยืดเยื้อออก ไปก็ได้
นายจาตุรนต์กล่าวว่า สิ่งที่น่าติดตามตอนนี้ จึงเป็นเนื้อหาสาระร่างรัฐธรรมนูญเพราะสุดท้ายแล้วจะไม่มีการแก้ไขให้แตกต่างจากต้นร่าง และจะเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ทำให้บ้านเมืองจมปลักกับความขัดแย้ง ไร้เสถียรภาพ ไร้ประสิทธิภาพ และทำให้คนทั้งประเทศเสียโอกาสอย่างมาก ถ้าหากปล่อยให้ร่างรัฐธรรมนูญแบบนี้ออกมา บ้านเมืองก็จะเสียหายอย่างนี้ไป อีกนาน
นปช.เชื่อมีวาระซ่อนเร้นอำพราง
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า การแถลงเปิดตัวมูลนิธิของนายสุเทพ ไม่ต่างกับการกระหน่ำรัวตีกลองศึกว่า ต่อไปนี้มวลมหาประชาชน กปปส. จะขับเคลื่อนทัพการเมืองรุดไปข้างหน้า เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้งให้ได้ ทุกฝ่ายก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับการเคลื่อนไหว อันซ่อนเร้นอำพรางของ กปปส.ภายใต้การอำนวยการของนายสุเทพกันต่อไป ที่บอกว่าไม่สร้างความขัดแย้งทางการเมือง เป็นเรื่องหลงละเมอเพ้อพกอย่างแท้จริง เพราะปฏิรูปทางการเมืองของนายสุเทพ มีคนเห็นด้วยแค่ไม่กี่คน คนที่ไม่เห็นด้วยก็ถูกมองเป็นฝ่ายตรงข้ามกับนายสุเทพ
'ดิเรก'ซัดอย่าสร้างปัญหาเพิ่ม
นายดิเรก ถึงฝั่ง รองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) กล่าวกรณีนายสุเทพย้ำต้องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งว่า การปฏิรูปสปช.ทำอยู่แล้ว ก็ควรทำตามโรดแม็ปของรัฐบาลแล้วนำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว ที่สปช.ทำอยู่ทุกวันนี้ก็คือการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ดังนั้น จึงไม่อยากให้มีปัญหาเพิ่ม หากทำตามโรดแม็ปที่กำหนดไว้แล้ว อะไรต่างๆ ก็จะดีขึ้น จึงไม่ควรให้เกิดการยืดเยื้อ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้เหมาะสมที่จะดำเนินการเรื่องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับนายสุเทพ แต่เป็นขั้นตอนการปฏิบัติงานของสปช.อยู่แล้ว การปฏิรูปสำคัญที่สุดเพราะเป็นงานหลักของสปช. ซึ่งตนกำลังศึกษาข้อมูลและแนวทาง อาจจะยื่นข้อเสนอนี้ให้กับที่ประชุมสปช.พิจารณาในสัปดาห์หน้า
ไพบูลย์ ชี้ถ้าไม่อคติ-รธน.ผ่านแน่
นายไพบูลย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการร่างรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการร่างรัฐธรรมนูญแล้ว เราได้ร่างรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของแต่ละฝ่าย แต่คงไม่ได้ตามที่ขอมาทั้งหมด เพราะเราต้องมองภาพรวมให้ครอบคลุม เราจะร่างตามใจใครไม่ได้ และเราทำดีที่สุดแล้ว ส่วนภาพรวมไม่ถึงกับพอใจทั้งหมดแต่ก็รับได้ สุดท้ายเชื่อว่าหากสปช.มองโดยไม่ใช้อคติ ร่างรัฐธรรมนูญนี้จะผ่านการโหวตได้ เพื่อส่งต่อให้ประชาชนตัดสินโดยการทำประชามติ แต่ถ้าหากไม่ผ่าน อาจทำให้ประชาชนมองว่ากมธ.ยกร่างฯและสปช.ไม่มีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย
วิปสปช.นัดถกกรอบประชามติ
นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสปช. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ(วิปสปช.)เปิด เผยว่า วันที่ 6 ส.ค.นี้ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. นัดประชุมวิปสปช. เพื่อพิจารณาการกำหนดแนวทางการหารือของสปช. ต่อประเด็นการกำหนดคำถาม 1 คำถาม ประกอบกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามที่รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดให้สิทธิสปช. ตั้งคำถามเพื่อนำไปทำประชา มติได้
นายอลงกรณ์กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าหลังจากงานส่งมอบพิมพ์เขียวการปฏิรูปประเทศในวันที่ 13 ส.ค.แล้ว สปช.จะนัดประชุมเพื่อหามติร่วมกันว่าสปช.จะร่วมส่งคำถามเพื่อทำประชามติหรือไม่ ซึ่งหากที่ประชุมเห็นชอบด้วย จะนัดประชุมอีกครั้ง คาดว่าจะเป็นวันเดียวกับที่มีการลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญส่งให้สปช.พิจารณา เพื่อให้เสนอคำถามและให้สมาชิกสปช.ลงมติตัดสิน
'สมชาย'ลงนะหน้าทอง-เสริมมงคล
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ก.ค. ที่วัดศรีดอนมูล ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมญาติและผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง ได้เข้ากราบนมัสการพระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อย เตชปัญโญ เจ้าอาวาส ซึ่งเป็นครูบาชื่อดังทางภาคเหนือ โดยนายสมชายแจ้งสาเหตุที่มาหาเนื่องจากเกิดนิมิตฝันบางอย่างแล้วรู้สึกไม่สบายใจมาก จึงตัดสินใจมาทำบุญ และขอครูบาน้อยประพรมน้ำมนต์ ให้ศีลให้พร และลงนะหน้าทอง เพื่อเป็นสิริมงคล
ทั้งนี้ ครูบาน้อยทำพิธีลงนะหน้าทองให้กับนายสมชายในแบบ 9 จุดที่ตัว หน้า หลัง และหน้าผาก แก้มซ้ายขวา ฝ่ามือทั้งสอง จากนั้นทำพิธีโดยใช้ไม้เท้าของหลวงปู่ทิมสัมผัสจุดทองเปลวทั้ง 9 เป่าคาถาที่กระหม่อม พร้อมผูกสายสิญจน์สีแดงที่ข้อมือของนายสมชายทั้ง 2 ข้าง และทางวัดได้มอบพระรูปหล่อครูบาน้อยให้นายสมชายด้วย
นายสมชาย เผยว่า ตอนนี้ตนอายุ 68 ปีแล้วและเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ฝันบางอย่าง ทำให้ไม่สบายใจและคิดว่าฝันนั้นจะเป็นความจริงด้วย จึงตัดสินมาหาครูบาน้อย เพื่อขอคำแนะนำ ซึ่งครูบาน้อยแนะนำให้ตนคิดดีเพื่อดีสู่ดี และปล่อยวาง อย่ายึดติด ทำใจให้สบาย ทุกอย่างก็จะดี ตนฟังแล้วรู้สึกสบายใจอย่างมาก
หนุนคสช.ปฎิรูปปท.ให้จบ'สุเทพ'ลั่น พท.ดักคอหวังยื้อเลือกตั้ง ตู่เตือนรบ.ระวังทุกขลาภ'อ๋อย-อ้วน'ให้เฝ้าจับตา'ไพบูลย์'ชูธงเชียร์'เทือก'ทร.แจง 5 ข้อซื้อเรือดำน้ำ
ทร.ยก 5 เหตุผลแจงซื้อเรือดำน้ำ 'สุเทพ'แถลงเปิดตัวมูลนิธิ กปปส. ร่วมมือ คสช.ขับเคลื่อน ปท. ย้ำปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง 'จตุพร'เตือนท่าทีปกป้อง คสช. ระวังเป็นทุกขลาภต่อ รบ. ชี้เหมือนเตี้ยอุ้มค่อมเพิ่มภาระ
มติชนออนไลน์ :
@ 'สุเทพ'แถลงเปิดตัวมูลนิธิกปปส.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 กรกฎาคม ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล บรรดาอดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย นายถาวร เสนเนียม นายอิสสระ สมชัย นายวิทยา แก้วภราดัย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองประธานมูลนิธิฯ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขานุการมูลนิธิฯ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ผู้ช่วยเลขานุการฯ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายชุมพล จุลใส คณะกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการแถลงข่าวเป็นไปอย่างเรียบร้อย มีทหารที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งมาสังเกตการณ์จากสังกัด พล.ม.2 จำนวน 13 นาย นำโดย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ และเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวน 20 นาย จาก สน.ปทุมวัน ดูแลการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย
@ ร่วมมือคสช.ขับเคลื่อนปท.
นายสุเทพ กล่าวว่า ที่ผ่านมามูลนิธิ กปปส.ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายและขึ้นทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะปฏิบัติตามกฎหมายให้ความร่วมมือกับ คสช.และรัฐบาลในการรักษาความสงบของบ้านเมืองและขับเคลื่อนประเทศไทย ที่ผ่านมามูลนิธิ กปปส.ได้ดำเนินการดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตจากการเสียสละเพื่อชาติและแผ่นดินทุกราย จัดเงินทุนให้ลูกกำพร้าทุกครอบครัว นำเงิน 2 ล้านบาทไปฝากให้เป็นทุนการศึกษา เงินทั้งหมดที่นำมาใช้เยียวยาเป็นเงินจากมวลมหาประชาชน ไม่ได้นำงบประมาณแผ่นดินมาใช้ ประการที่สอง ได้มีการรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนตระหนักคุณค่าวัฒนธรรมอันดีของชาติไทย โดยเฉพาะการบวชจัดบรรพชาอุปสมบทหมู่รวม 689 รูป จาก 58 จังหวัดทั่วประเทศไทย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่คนไทยเทิดทูนบูชากันทั้งประเทศ
@ ระดมคนร่วมบริจาคมูลนิธิ
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า สิ่งที่จะดำเนินการต่อไปนี้ คือเชิญชวนประชาชนผู้ที่มีอุดมการณ์ความคิดแบบเดียวกันมาร่วมกันเป็นเจ้าของมูลนิธิ โดยจะดำเนินการตามครรลองของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง พวกตนเป็นกรรมการชุดเริ่มต้น แต่ต่อมาเมื่อมีประชาชนเข้าร่วมครบ 1 ปีจะมีการจัดเลือกตั้งกรรมการมูลนิธิกันใหม่ โดยระหว่างนี้จะฟังความคิดเห็นว่าจะดำเนินการมูลนิธิอย่างไร เรียกว่า เป็นมูลนิธิของมวลมหาประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ของพวกตนเพียง 11-12 คน การเป็นเจ้าของไม่ใช่เป็นแต่ในนาม แต่ต้องสมัครใจแสดงความจำนง ทุกคนที่เข้ามาเป็นเจ้าของไม่ว่าฐานะจะแตกต่างกันอย่างไร แต่จะได้มีสิทธิมีเสียงเหมือนกันเท่ากัน ซึ่งการบริจาคให้มูลนิธิจะเป็นไปตามรายได้ในหนึ่งวันของแต่ละคน บางคนอาจจะ 300 บาท บางคนอาจจะ 3 แสนบาท แต่ทุกคนจะมีเสียงเท่ากัน หากจังหวัดไหนมีสมาชิกเยอะก็จะมีการตั้งสาขาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานต่อไป
@ ยันคสช.ไม่สองมาตรฐาน
"เงินของเรามีที่มาไม่ใช่มูลนิธิที่เงินมาจากไหนไม่รู้ ไม่ใช่เงินจากต่างประเทศ แต่เป็นเงินของคนไทยรักแผ่นดิน ไม่ต้องสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลัง มีแต่คนเบื้องหน้า มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน หากต้องมีการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องเราจะทำ เช่น ต่างประเทศ หรือองค์กรต่างๆ ที่ไม่เข้าใจคนไทย ประเทศไทย เราก็จะส่งคนของเราไปชี้แจง หากประเทศใดเข้าใจผิด ตัดสินใจใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เราจะส่งตัวแทนไปอธิบายกับรัฐบาล กับสภา และสื่อมวลชนของประเทศนั้น เราไม่ต้องการเป็นปฏิปักษ์กับใครทั้งสิ้น"
นายสุเทพ กล่าว และว่า มูลนิธิจะเป็นศูนย์รวมในการรวบรวมข้อเสนอแนะ เปิดให้ทุกคนมีสิทธิเสนอความเห็น โดยจะใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เปิดเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ อีเมล์ เพราะไม่สามารถเปิดเวทีพูดคุย ไม่ต้องการเป็นอภิสิทธิ์ชน เพราะจะไปสร้างความวุ่นวายให้ คสช. พร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่ง คสช.ที่เป็นกฎหมาย ไม่ต้องการให้ใครกล่าวหาว่า คสช.สองมาตรฐาน
@ ย้ำปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง
จากนั้นนายสุเทพเปิดให้สื่อมวลชนซักถาม โดยกำชับว่าอย่าถามเรื่องประเด็นทางการเมืองหรือถามเรื่องนอกเหนือจากมูลนิธิฯ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการร่างรัฐธรรมนูญไม่ตรงกับแนวทางของมูลนิธิฯ การเคลื่อนไหวจะเป็นอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ต้องการเห็นรัฐบาลนี้ปฏิรูปประเทศให้สำเร็จ ก่อนมีการเลือกตั้ง โดยไม่จำเป็นว่าต้องใช้เวลาเท่าไร ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญคงตระหนักได้ว่าประชาชนคาดหวังอะไร ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างไร หากเห็นว่าผลักดันไปในแนวทางไม่ถูกต้อง ก็ต้องเสนอความเห็นไปแต่จะไม่เดินขบวนไปจะส่งตัวแทนไปยื่นหนังสืออย่างเรียบร้อย
@ ไม่เล่นการเมือง-ไม่เกี่ยวปชป.
เมื่อถามว่า มีประชาชนยังกังวลว่ามูลนิธิฯจะเคลื่อนไหวทางการเมือง นายสุเทพกล่าวว่า เลิกกังวลได้ จะทำมูลนิธิอย่างเปิดเผย เพราะเป็นคนในศีลในธรรม หลายคนที่เป็นกรรมการเคยบวชมาแล้ว ทุกคนจริงใจเปิดเผย ฝึกตัวเองให้ยึดแนวทางความสงบ เมื่อถามถึงการขับเคลื่อนของมูลนิธิฯ เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่าไม่กลับไปเป็นนักการเมือง ไม่กลับพรรคประชาธิปัตย์ และต่อจากนี้แนวคิดขอมูลนิธิฯอาจไม่ตรงกับพรรคประชาธิปัตย์ ฉะนั้นอย่าเคลือบแคลง
เมื่อถามว่า แนวทางการชี้แจงต่างประเทศ นายสุเทพกล่าวว่า ได้เชิญนายกษิต ภิรมย์ มาเป็นหัวหน้าทีมต่างประเทศ หากประเทศใดเข้าใจประเทศไทยผิด นายกษิต ก็พร้อมจะไปชี้แจงทั้งในและต่างประเทศในประเด็นที่จะต้องทำความเข้าใจ ให้ต่างประเทศเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ไม่ใช่ไปในลักษณะล็อบบี้ยิสต์ เพราะล็อบบี้ยิสต์เป็นพวกที่ทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง
นายกษิต ภิรมย์ คณะทำงานของมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า นายสุเทพ เป็นผู้ทาบทามให้เข้าร่วมขับเคลื่อนงานของมูลนิธิฯ ในด้านการต่างประเทศ ภารกิจแรกของการขับเคลื่อนยังให้รายละเอียดไม่ได้ชัดเจน เนื่องจากต้องหารือกับคณะทำงานก่อน
@ 'ตู่'เตือนเป็นทุกขลาภต่อรบ.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ดีแล้วที่นายสุเทพสึกออกมา เพราะหากยังบวชอยู่แล้วเดินทางปราศรัยก็คงไม่เหมาะสม ดังนั้น คสช.ไม่ควรห้ามไม่ให้นายสุเทพแถลงข่าวและไม่ควรห้ามพูดเรื่องการเมือง เพราะไม่มีเรื่องใดที่ไม่เกี่ยวข้องทางการเมือง ทุกอย่างเป็นการเมืองมาตั้งแต่ต้น เมื่อนายสุเทพได้ออกมาประกาศจุดยืน ประชาชนจะได้ร่วมทางกับนายสุเทพ ที่ผ่านมาประชาชนที่ร่วมกับนายสุเทพมีความคาดหวังสูง ฉะนั้นความกดดันจึงอยู่ที่นายสุเทพ ต้องรอดูว่าจะมีการวางยุทธศาสตร์ในการเดินหน้าอย่างไร หากการเคลื่อนไหวครั้งนี้เพื่อปกป้องรัฐบาล ไม่แน่ใจว่าจะเป็นผลดีต่อรัฐบาลหรือไม่ เพราะรัฐบาลต่างระมัดระวังในท่าที การแสดงท่าทีเป็นเจ้าของ จึงจะเป็นทุกขลาภต่อรัฐบาล เนื่องจากจะยิ่งทำให้คนเห็นความเป็นมาของรัฐบาลนี้มากขึ้น
@ ระวัง'เตี้ยอุ้มค่อม'เพิ่มภาระ
นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลรับปัญหาไว้ค่อนข้างหนัก ทั้งการบินระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ ภัยแล้ง และปัญหาค้ามนุษย์ จึงไม่เชื่อว่าการประกาศตัวของนายสุเทพจะสามารถแบ่งเบาภาระของรัฐบาลได้ แต่จะกลายเป็นเตี้ยอุ้มค่อม เป็นภาระซึ่งกันและกันมากกว่า ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ ผบ.ทบ. ต่างรู้ดีว่าการประกาศตัวเป็นมิตรของนายสุเทพจะเพิ่มความยากลำบากให้รัฐบาลมากขึ้น
เมื่อถามว่า นายสุเทพต้องการสนับสนุนให้รัฐบาลอยู่ต่อปฏิรูปแล้วค่อยเลือกตั้ง นายจตุพรกล่าวว่า นายสุเทพรู้ดีถึงสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต การพูดที่สนับสนุนให้รัฐบาลอยู่นาน ไม่ได้เป็นผลดีต่อผู้ที่ได้รับเสียงเชียร์ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเดินตามการตัดสินใจของตัวเอง
@ 'อ๋อย'ดักคอเปิดทางคนอื่นด้วย
นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแถลงข่าวถือเป็นสิทธิเสรีภาพอยู่แล้ว ไม่ควรไปตำหนิ คสช.ที่ปล่อยให้มีการแถลง ถ้าจะมีปัญหาอยู่ที่การไปห้ามองค์กรหรือกลุ่มอื่นไม่ให้มีการแถลงข่าวในช่วงที่ผ่านมา หวังว่าต่อไปบุคคลอื่นหรือองค์กรอื่น ควรมีสิทธิเสรีภาพในการแถลงข่าวเช่นเดียวกัน ส่วนการตั้งมูลนิธิเป็นสิทธิตามกฎหมายสามารถทำได้ ดูจากวัตถุประสงค์แล้ว หลายเรื่องเป็นงานที่เหมาะสมกับการใช้มูลนิธิทำงาน เพียงแต่ว่ามีบางส่วนที่อาจจะเป็นเรื่องการเมืองได้ จะไม่สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยมูลนิธิ แต่เรื่องนี้ไม่น่าจะไปเคร่งครัดอะไรมาก ตราบใดที่เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ใช้สิทธิเสรีภาพทางหนึ่ง
@ จี้จับตาทำผิดกม.ไร้ขีดจำกัด
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการปฏิรูปที่บอกว่าจะสนับสนุนให้ปฏิรูปให้สำเร็จก่อนมีการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะใช้เวลาเท่าไรก็ตาม แสดงให้เห็นถึงความคงเส้นคงวาของนายสุเทพ ซึ่งมีความมุ่งหมายอย่างนี้มาตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร แต่ความมุ่งหมายนี้ ถ้าคนไทยยังเห็นต่างกันอยู่มากเรื่องการปฏิรูป คือมีทั้งที่เห็นว่าการปฏิรูปที่กำลังทำกันอยู่เป็นเรื่องดี ควรทำให้สำเร็จก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าไม่ควรเรียกว่าการปฏิรูป จะทำให้เกิดผลเสียต่อประเทศชาติอย่างร้ายแรง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เมื่อความเห็นที่แตกต่างนี้ สังคมไทยยังไม่มีวิธีการหาข้อยุติโดยสันติให้ได้ก่อน
"ผมคงไม่วิจารณ์อะไรคุณสุเทพมาก เพราะมักจะมีอะไรที่เหนือความคาดหมาย แต่ถ้าพูดในแง่บ้านเมืองแล้ว ขณะนี้ไม่รู้ว่าเมื่อนายสุเทพมีความคงเส้นคงวาในเรื่องการเมืองแล้ว จะมีความคงเส้นคงวาในวิธีการเคลื่อนไหวด้วยหรือไม่ ถ้าคงเส้นคงวาวิธีการเคลื่อนไหว หมายความว่าอาจจะทำให้อะไรที่ขัดต่อกฎหมายได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เพราะมีภูมิต้านทานต่อกฎหมายสูง เรื่องนี้คงต้องให้เป็นหน้าที่ของ คสช.ที่ใกล้ชิดและเกี่ยวข้องกับนายสุเทพเรื่อยมา จะต้องไปพิจารณาหาทางดูแล หากจะเป็นปัญหาในอนาคต" นายจาตุรนต์กล่าว
@ จับตาเคลื่อนไหว-เลือกตั้งยืดเยื้อ
เมื่อถามว่า มองหรือไม่ว่าทำไมนายสุเทพเลือกออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้ นายจาตุรนต์กล่าวว่า คาดการณ์ไม่ถูกเหมือนกัน แต่ถ้าจะดูจากสถานการณ์ในขณะนี้ เป็นช่วงใกล้เวลาที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งหมายถึงถ้าผ่านต้องนำไปสู่การลงประชามติ แต่ถ้าไม่ผ่านก็จะทำให้ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รวมกับนายสุเทพที่ต้องการให้ปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง นั่นอาจหมายถึงการทำให้กระบวนการเลือกตั้งยืดเยื้อออกไปก็ได้ ในช่วงนี้สิ่งที่น่าติดตามจริงๆ อาจเป็นเนื้อหาสาระร่างรัฐธรรมนูญ เพราะร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สุดท้ายแล้วจะไม่มีการแก้ไขอะไรให้แตกต่างจากต้นร่าง และจะเป็นร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่ง ทำให้บ้านเมืองจมปลักกับความขัดแย้ง ความไร้เสถียรภาพ ไร้ประสิทธิภาพ และจะทำให้คนทั้งประเทศเสียโอกาสอย่างมาก ถ้าหากปล่อยให้ร่างรัฐธรรมนูญแบบนี้ออกมา บ้านเมืองจะเสียหายอย่างนี้ไปอีกนาน
@ 'ภูมิธรรม'ให้จับตา'สุเทพ'
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เวลานี้สังคมไทยเกิดความสับสนหาหลักยึดไม่ได้ กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนความสับสนของสังคมไทยยุคนี้ต้องนิยามความเห็นเรื่องการเมืองใหม่ว่าอย่างไร แค่ไหน เกี่ยวข้องกับการเมืองที่จะกระทำมิได้ตามเงื่อนไขข้อบังคับของ คสช.แค่ไหนทำได้ หรือว่าขึ้นอยู่กับหน้าตาหล่อๆ ดำๆ แบบ กปปส.ทำอะไรก็ได้ พท.ต้องไปศึกษาระเบียบของมูลนิธิฯที่แถลงเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องการปฏิรูปไม่ใช่เรื่องการเมืองอย่างไร จากนี้ไปทุกฝ่ายคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดคงมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นอีกมากมายเกินกว่าจะคาดเดาได้
"วันนี้ทุกฝ่ายบอกประชาชนมาตลอดว่าจะเดินตามโรดแมป รีบผลักดันให้ประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติ ทุกฝ่ายพยายามไม่สร้างเงื่อนไขให้ประเทศเกิดปัญหาและสะดุด เพราะต้องการให้คืนสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ปัญหาของประเทศคลี่คลาย และปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนได้รับการแก้ไข จากนี้เป็นต้นไปต้องจับตาดู อย่าให้มีเงื่อนไขใดๆ มากระทบ และทำให้การกลับคืนสู่ภาวะปกติได้รับการ กระทบหรือสะดุด เพราะสิ่งที่ทุกฝ่ายควรคำนึงที่สุดคือ ปัญหาของประเทศไม่อาจรอได้ และที่สำคัญกว่านั้นทุกข์ของประชาชนที่ต้องการการคลี่คลาย ไม่ควรช้าสักวินาทีเดียว" นายภูมิธรรมกล่าว
@ นปช.ชี้'สุเทพ'เกมลั่นกลองศึก
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การประกาศเปิดตัวของสุเทพไม่ต่างอะไรกับการกระหน่ำรัวตีกลองศึก ว่าต่อไปนี้ กปปส.จะขับเคลื่อนทัพการเมืองรุดไปข้างหน้า เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้งให้ได้ ทุกฝ่ายก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับการเคลื่อนไหวอันซ่อนเร้นอำพรางภายใต้การอำนวยการของนายสุเทพกันต่อไป ที่บอกว่าไม่สร้างความขัดแย้งทางการเมือง เป็นเรื่องหลงละเมอเพ้อพกอย่างแท้จริง เพราะปฏิรูปทางการเมืองของนายสุเทพมีคนเห็นด้วยกี่คน คนที่ไม่เห็นด้วยก็ก่อรูปเป็นฝ่ายตรงข้ามหรือเป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองกับนายสุเทพตั้งแต่นายสุเทพประกาศตั้งมูลนิธิแล้ว
@ ปึ้งยัน'ทักษิณ'รักชาติ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เสนอให้คำปรึกษารัฐบาลด้านเศรษฐกิจ โดยบอกว่าแค่ไม่พูดให้ร้ายประเทศก็พอแล้วนั้นว่า เชื่อว่าคนที่เคยเป็นนายกฯทุกคนล้วนรักชาติ พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นคนหนึ่ง เมื่อเห็นประเทศมีปัญหาและสามารถช่วยอะไรได้ก็ยินดีให้คำปรึกษา แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปขอตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา ฉะนั้น คงไม่ต้องกรอกใบสมัครอะไรตามที่พูดกันเรื่อยเปื่อย วันข้างหน้าถ้า พล.อ.ประยุทธ์พ้นตำแหน่งไปแล้วประเทศเกิดปัญหา เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์มีความถนัดเช่นเรื่องของความมั่นคง อาจจะพูดแบบเดียวกันนี้ก็ได้
"วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณก้าวข้ามทุกอย่างหมดแล้ว พร้อมให้อภัยไม่ยึดติดอดีตและมองไปยังอนาคต สิ่งใดช่วยเหลือประเทศได้ก็พร้อมจะช่วย แต่ยังมีคนไม่น้อยตีความแบบผิดๆ เอาอคติตนเองเป็นที่ตั้ง จิตใจหมกมุ่น ก้าวไม่พ้น ปล่อยวางไม่ได้ พวกนี้เรียกว่าเหล่ากบในกะลา" นายสุรพงษ์กล่าว และว่า ขอฝากไปยังนายวิษณุด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีอดีตนายกฯคนไหนคิดทำร้ายประเทศ ไปด่าประเทศตัวเองให้คนต่างชาติฟัง แบบนั้นถือว่าใช้ไม่ได้ ฉะนั้นจึงไม่อยากให้นายวิษณุคิดอย่างนั้น
@ 'ดิเรก'เตือนเลื่อนโรดแมปเจอกดดัน
นายดิเรก ถึงฝั่ง รองประธาน กมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. กล่าวถึงข้อเสนอการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งว่า จริงๆ งานปฏิรูป สปช.กำลังดำเนินงานอยู่ก็ถือว่าเป็นการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งอยู่แล้ว ขณะนี้ กมธ.ปฏิรูปทั้ง 18 คณะดำเนินการเสร็จแล้ว วันที่ 7 กันยายนก็จบหมดหน้าที่แล้ว งานปฏิรูปต่างๆ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะเป็นผู้นำแนวทางการปฏิรูปดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติต่อไป จึงอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมปที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำหนดไว้ แล้วนำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว เพราะไม่อยากให้เกิดกระแสกดดันทั้งจากภายนอกและภายในประเทศขึ้นมาอีก โดยเฉพาะแรงกดดันที่มาจากภายนอกที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจภายในอย่างชัดเจน ยิ่งนานก็วันยิ่งเพิ่มปัญหามากขึ้นด้วย จึงไม่อยากให้มีปัญหาเพิ่ม หากทำตามกำหนดของโรดแมปแล้วอะไรๆ ก็จะดีขึ้น
@ ไพบูลย์เด้งรับปฏิรูปก่อนลต.
นายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้าการร่างรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการร่างรัฐธรรมนูญแล้ว กมธ.ได้ร่างรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของแต่ละฝ่าย แต่คงไม่ได้ตามที่ขอมาทั้งหมด เพราะต้องมองภาพรวมให้ครอบคลุม จะร่างตามใจใครไม่ได้ โดยที่ผ่านมาได้พยายามทำให้ดีที่สุดแล้ว ส่วนตัวคิดว่าภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ถึงกับพอใจทั้งหมดแต่ก็รับได้ เชื่อว่าหากสมาชิก สปช.มองโดยไม่ใช้อคติ ร่างรัฐธรรมนูญนี้จะผ่านการโหวตได้ แล้วจากนั้นนำร่างธรรมนูญส่งต่อไปให้ประชาชนตัดสินโดยการทำประชามติ แต่ถ้าหากไม่ผ่านอาจทำให้ประชาชนมองว่า กมธ.ยกร่างฯและ สปช.ไม่มีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย
นายไพบูลย์ยังกล่าวถึงกรณีนายสุเทพแถลงข่าวยืนยันเจตนารมณ์ต้องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งว่า คิดว่าในขณะนี้มีความเหมาะสมที่จะดำเนินการเรื่องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับนายสุเทพ แต่แนวทางดังกล่าวมีความสอดคล้องกับแนวทางของตน การปฏิรูปถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนเรียกร้องและสอดคล้องกับผลโพลหลายสำนักที่ออกมาก่อนหน้าที่ด้วย โดยเรื่องดังกล่าวถือเป็นงานหลักของ สปช. ตนในฐานะที่เป็น สปช. กำลังศึกษาข้อมูลเพื่อเสนอเป็นคำถามเพื่อนำไปทำประชามติ โดยจะถามประชาชนว่าควรจะให้มีการดำเนินการปฏิรูปประเทศ 2 ปี ก่อนจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ เข้าสู่ที่ประชุม สปช.พิจารณาในสัปดาห์หน้าต่อไป
@ 'เสรี'หนุนปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สปช. กล่าวว่า ส่วนตัวยืนยันหลักการนี้มาตั้งแต่แรกที่เข้ามาทำงาน การมี สปช.ต้องมีการปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและด้านอื่นๆ การเลือกตั้งเป็นเรื่องของการเมือง หากไม่สามารถปฏิรูปให้สำเร็จก่อน จะเกิดความแตกแยกเหมือนก่อนหน้านี้อีก และควรเดินไปในทิศทางเดียวกันกับรัฐบาลคือ เดินตามโรดแมปที่ได้กำหนดไว้ที่เกิดการรัฐประหาร ก็เพราะ คสช.อยากให้เกิดการปฏิรูปประเทศ ดังนั้นต้องกำหนดแนวทางการปฏิรูปรวมทั้งเป้าหมายให้ชัดเจน จากทั้งนโยบายของรัฐบาลและการออกกฎหมายของรัฐสภา ไม่เช่นนั้นคนจะสงสัยได้ว่าอะไรคือจุดที่การปฏิรูปสำเร็จแล้ว
@ ทร.ยก 5 เหตุผลซื้อเรือดำน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพเรือ (ทร.) ได้แจกเอกสารชี้แจงเกี่ยวกับโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือ หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งให้กองทัพเรือชะลอโครงการจัดซื้อจัดหาเรือดำน้ำแบบชั้น Yuan Class S26T จำนวน 3 ลำ มูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท จากสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมให้กองทัพเรือชี้แจง 2 ประเด็น คือ 1.ชี้แจงความจำเป็นในการพิทักษ์ผลประโยชน์ทางทะเล และ 2.ชี้แจงถึงเหตุผลที่ต้องซื้อเรือดำน้ำสาธารณะรัฐประชาชนจีนต่อสาธารณชน โดย พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) มอบหมายให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ (ผช.ผบ.ทร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ จัดทำเอกสารเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจถึงโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารชี้แจงโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือมีความยาว 9 หน้ากระดาษเอ 4 โดยมีเนื้อหาหลักๆ ประกอบด้วย 5 ข้อ คือ 1.ความจำเป็นในการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ 2.เรือดำน้ำกับความมั่นคงในสถานการณ์และภัยคุกคามปัจจุบัน 3.เรือดำน้ำกับผลประโยชน์ของชาติทางทะเล 4.เรือดำน้ำกับความเหมาะสมทางภูมิศาสตร์ และ 5.การพิจารณาคัดเลือกเรือดำน้ำของกองทัพเรือ รวมถึงภาพประกอบเกี่ยวกับกำลังเรือดำน้ำของชาติต่างๆ ในภูมิภาค เรือดำน้ำของประเทศเพื่อนบ้าน เส้นทางคมนาคมทางทะเล ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมถึงการเปรียบเทียบเรือดำน้ำกับความลึกของทะเล ขีดความสามารถของเรือดำน้ำ S26T และที่สำคัญคือระบบ Stirling Engine/AIP (Air Independent Propulsion) ที่สามารถดำน้ำนานได้ถึง 21 วัน
@ ตร.ภาค 8 ย้ายเข้าบ้านใหม่
ส่วนบรรยากาศที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (แห่งใหม่) บ้านท่าฉัตรไชย ต.ไม้ชาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทยอยเดินทางขนย้ายทรัพย์สิน ทั้งคอมพิวเตอร์ เอกสาร และอุปกรณ์สำนักงาน เข้ามายังตึกอำนวยการอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตั้งให้ทันแล้วเสร็จเปิดทำงานวันแรกในวันที่ 3 สิงหาคม ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่มีคำสั่งย้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนอำนวยการเข้ามาทำงานล่วงหน้าที่ตึกใหม่ ซึ่งตลอดเวลา 2 วันที่เหลือนั้นคาดว่าจะยังมีการเคลื่อนย้ายสิ่งของและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี อีกเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 จำนวน 16 นาย ที่เดินทางมาล่วงหน้าเพื่อดูแลความเรียบร้อยตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็เตรียมตัวเดินทางกลับไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 แห่งเก่า จ.สุราษฎร์ธานี สอบถามเจ้าหน้าที่บางนายกล่าวว่า ได้ลงชื่อไม่ขอย้ายมาด้วย เนื่องจากบ้านเกิดอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี และมีภาระครอบครัว ภรรยาและลูกๆ ไม่สามารถย้ายมาด้วยได้ จึงขอเลือกจะอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ถึงวันนี้พอผู้บังคับบัญชาเริ่มย้ายกองบัญชาการมา แม้จะย้ายมาแค่ส่วนอำนวยการก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน
@ 70-80%ขอย้ายล่วงหน้า
พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า อาคารสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 หลังเดิม ทางกองบังคับการตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี ได้ทำหนังสือถึงกรมธนารักษ์เพื่อขออนุญาตใช้เป็นสำนักงานของกองบังคับการตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี โดยจะย้ายจาก ต.ขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี เข้าไปอยู่แทน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมธนารักษ์ ส่วนกำลังตำรวจสังกัดตำรวจภูธรภาค 8 มีประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ได้ขอย้ายตำแหน่งไปลงที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี และกองบังคับการตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช มาแล้วร่วมปี หลังทราบว่าจะต้องมีการย้ายไปอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 8 มีการตั้งเกณฑ์พิจารณาโยกย้ายเพื่อความยุติธรรม โดยดูจากประวัติการรับราชการและอายุงานเป็นรายบุคคล
"หลายคนที่ขอย้ายก่อนหน้านี้มีเหตุผลภาระด้านครอบครัวต้องดูแลหรือมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว ซึ่งกองบังคับการตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี ไม่สามารถรับการขอย้ายได้ทั้งหมด เนื่องจากอัตรากำลังมีน้อยและการโยกย้ายแทนตำแหน่งที่ว่างในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ก็จะต้องใช้เกณฑ์พิจารณาเป็นรายๆ ไป" พล.ต.ต.อภิชาติกล่าว