WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Tooฟเขยว


บิ๊กตู่เปิดไฟเขียว เทือกคึก แถลงมูลนิธิกปปส.
แต่ห้ามพูด-โยงการเมือง ปัดข้อเสนอทักษิณกุนซือ เย้ยลืมชื่อบุคคลนี้ไปแล้ว "พลเมืองโต้กลับ"อุทธรณ์ คดีฟ้องคสช.-ข้อหากบฏ

      ไฟเขียว'เทพเทือก'เปิดโรงแรมแถลงข่าวตั้งมูลนิธิกปปส. 'บิ๊กตู่-คสช.' มีข้อแม้ห้ามพูดเรื่องการเมือง ลั่นสั่งจับตาใกล้ชิด ด้านลูกเลี้ยง สุเทพยันไม่มีเกี่ยวข้องการเมืองแน่ ไม่ขัด คำสั่งคสช. ขณะที่เพื่อไทยจ้องไม่กะพริบมาตรฐานเดียวกับกลุ่มอื่นหรือไม่ ด้านประยุทธ์ปัดข้อเสนอทักษิณนั่งที่ปรึกษาให้รัฐบาล เย้ยซ้ำลืมชื่อนี้ไปแล้ว ยันไม่ได้รับแจ้งจาก'สมคิด' ว่าไม่เอาเก้าอี้รัฐมนตรี-ร่วมคณะรัฐมนตรี พลเมืองโต้กลับยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลอาญากรณีไม่รับฟ้องคสช.ล้มการปกครอง


วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9010 ข่าวสดรายวัน


ฟ้องรัฐประหาร - กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดย"พ่อน้องเฌอ"นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ นำเอกสารหลักฐานมาอุทธรณ์กรณียื่นฟ้องคณะรัฐประหาร ในความผิดมาตรา 113 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 29 ก.ค.

 

บิ๊กตู่ปลื้มขรก.อุตสาหกรรม
    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 ก.ค. ที่กระทรวงอุตสาหกรรม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าครั้งที่ 4/2558 ที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม นางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้การต้อนรับ และรายงานภาพรวมอุตสาหกรรมในปี 2558 ที่คาดว่าจีดีพี ภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัวร้อยละ 2-3 ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยรวม และเสนอให้นายกฯ กำหนดให้ปี 2559 เป็นปีแห่งการเพิ่มผลิตภาพของประเทศ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ
      จากนั้น เวลา 12.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม โดยกล่าวชื่นชมการดำเนินงานของกระทรวงอุตสาหกรรม บางเรื่องต้องให้เวลาข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำงานด้วย ที่สำคัญต้องเข้าใจวัฒนธรรมและธรรมเนียมการปฏิบัติของข้าราชการ เพราะเขาต้องรักษากฎกติกาให้มากที่สุด จะพลาดพลั้งไม่ได้ ถ้าจะพลาดพลั้งก็เพราะใครเป็นคนสั่งให้เขาทำพลาด และโทษต่างๆ ก็ตกที่ข้าราชการประจำ ก็ต้องเห็นใจและเราต้องปรับความเข้าใจทั้งหมด ช่วงนี้เป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่อนาคต ที่รุ่งโรจน์ ฉะนั้นอย่าไปฟังคนที่ออกมาพูด ที่เคยอยู่มาแล้วและไม่ทำ ทำไม่สำเร็จแล้วมาพูดว่าเราอยู่ทุกวัน ก็ไปว่าคนพวกนั้นบ้าง คนทำงานโดนทุกวันมันไม่ได้

โวลั่น-ทำงานเร็วกว่าทุกรัฐบาล
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำงานต่อจากนี้ทุกคนต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ ประชาชน ทุกคนต้องเตรียมพร้อมเพราะในวันหน้า การเมืองตามระบอบประชาธิปไตยเขาต้องมาอยู่ แล้ว ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร เราต้องเร่งสร้างประเทศให้เข้มแข็ง ไม่ว่านักการเมือง ข้าราชการ ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศนี้ทั้งนั้น เราจะมาทำลายประเทศนี้กันทำไม ที่ผ่านมาเราก็แย่อยู่แล้ว วันนี้ต้องช่วยกันเร่งทำทุกอย่างให้ดีขึ้นโดยเร็ว ยอมรับว่ามันไม่ทันใจ ไม่เหมือนกลับไปบ้าน นอนตื่นขึ้นมาแล้ว เอาตังค์จากกระเป๋าซ้ายย้ายไปกระเป๋าขวาแล้วจบ มันไม่ใช่ การทำงานมีหลายกระทรวง หลายหน่วยงาน กฎหมายกี่พันฉบับก็ต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง แต่ต้องเร็ว เข้มงวดว่าจะลดขั้นตอนตรงไหนได้บ้าง ต้องร่วมมือมาคุยกัน แต่มันอาจติดขัดบ้างและข้าราชการก็ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ พอกดปุ๊บแล้วจะออกมาเลยแต่ถือว่ารัฐบาลนี้ทำเร็วที่สุดกว่าทุกรัฐบาล

ไฟเขียวเทือกเปิดตัวมูลนิธิกปปส.
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกปปส. และประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน จะแถลงข่าวเปิดตัวมูลนิธิในวันที่ 30 ก.ค.นี้ว่า ต้องมาขออนุญาตคสช.ซึ่งจะเป็นผู้พิจารณา ทุกคนที่จะเคลื่อนไหวต้องขออนุญาตคสช. อันไหนที่ให้ได้ก็ให้ ไม่ใช่ให้เพราะเป็นพวกกัน ซึ่งการพิจารณาต้องใช้กติกาเดียวกัน ถ้านายสุเทพพูดมาไม่เสียหาย ตนก็ให้ และคสช.มีเจ้าหน้าที่ดูอยู่แล้ว ถ้ามันเกินความสามารถ คสช.ก็จะถามมาที่ตน แต่ตัดสินใจได้ก็ให้เขาตัดสินใจ แต่บางคนชอบไปรวมหัวกันแล้วพูดในสิ่งไม่ดี อย่างนี้มันสมควรหรือไม่ ถ้าเขาพูดว่าจะแถลงทำประโยชน์ในมูลนิธิต่างๆ ก็ว่ามา แต่หากจะพูดเรื่องการเมืองก็ไม่ให้
     ผู้สื่อข่าวถามว่านายสุเทพจะแถลงท่าที ของมูลนิธิเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวคู่ขนานการปฏิรูปประเทศ ตรงนี้ทำได้หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของมูลนิธิ ซึ่งมีอีกหลายร้อยมูลนิธิก็ทำกันและไปเสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ไม่ใช่เสนอมาที่ตน เพราะตนได้มอบงานด้านการปฏิรูปให้สปช.ไปแล้ว หากเป็นเรื่องกฎหมาย ก็มอบให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดำเนินการไปแล้ว บทบาทของตนวันนี้คือการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล อย่าเอามาตีกัน อันนี้โชคดีที่ตนตอบได้ทุกเรื่อง ถ้าเป็นคนอื่นเขาไม่ตอบ
       เมื่อถามว่า กังวลกับการเคลื่อนไหวของมูลนิธิมวลมหาประชาชนหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ยอมรับว่า ก็กังวล เพราะคนที่ยังไม่รู้เรื่องไม่ค่อยรู้ตัวเองยังเยอะอยู่ พวกนี้มันเปลี่ยนไม่ได้แล้ว ลำบากที่เปลี่ยนไม่ได้ เป็นหน้าที่ทุกคนดูกันว่าจะเอาอย่างไร เมื่อเขาอยากมีประชาธิปไตย ก็ดู จะเลือกเขาเข้ามากันอีกหรือไม่ ก็ว่ากันมา ตนไม่อยากพูด

ปัดรับข้อเสนอแม้ว-ลั่นลืมชื่อแล้ว
     เมื่อถามว่านายสุเทพ ยื่นหนังสือขอให้ระงับการย้ายกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 จากจ.สุราษฎร์ธานี ไปจ.ภูเก็ต พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องทำวันนี้เลยหรือ เมื่อทำหนังสือขอปั๊บ ต้องระงับย้ายวันนี้เลยหรืออย่างไร เป็นเรื่องของตำรวจพิจารณา เหตุผลการย้ายว่าอย่างไร ซึ่งตนยังไม่รู้เลยของเก่าย้ายด้วยเรื่องอะไร 
      เมื่อถามว่า เห็นว่าเดินหน้าทำเพื่อประชาชนทันทีที่สึกในวันแรก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ทำไป นี่จะเร่งให้กปปส.ทำงานให้เสร็จเร็วอีกหรือเปล่า เร่งตนยังไม่พอหรือ เขาเสนอเรื่อง มา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็รับไปพิจารณา เรื่องการย้าย ใครรับผิดชอบก็ตำรวจ ที่เขาย้ายอยู่ในแผนการพัฒนาตำรวจหรือเปล่า
      เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาคสช.ด้านเศรษฐกิจ แจ้งกับนายกฯว่าไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ในการปรับ ครม.ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ใครแจ้ง ผมยังไม่เห็นเลย ไม่รู้เรื่องว่าจะรับหรือไม่รับ ยังไม่เห็นว่าผมจะตั้งใครเข้ามาเลย ที่มีข่าวออกมาขอถามว่า ใครแจ้ง แล้วแจ้งกับใคร ผมยังไม่รู้เรื่องลย เขาแจ้งผ่านสื่อมาหรือ ข่าวเรื่องนี้มาจากไหน แหล่งข่าวเป็นใคร ประเภทแหล่งข่าวสภากาแฟของพวกสื่อ อย่าไปสนใจมากนัก มันพูดเรื่อยเปื่อย ตั้งได้ทุกวัน ถ้ามีข่าวปลดนายกฯ เมื่อไหร่แล้วค่อยมาถามผม"
       ผู้สื่อข่าวถามถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เสนอตัวเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับรัฐบาลนี้ พล.อ.ประยุทธ์ หันมาหาผู้สื่อข่าวแล้วทำท่าเป็นไม่ได้ยิน ก่อนยกมือป้องหู พร้อมถามกลับว่า "ใครนะ ผมลืมชื่อนี้ไปแล้ว" ก่อนจะเดินออกจากวงให้สัมภาษณ์ไปทันที

วิษณุ แขวะทักษิณ-แค่พูดกับไม่พูด
  ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ เสนอตัวพร้อมเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจกับรัฐบาลว่า จะให้ตนว่าอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ยื่นใบสมัคร แต่เสนอตัวซึ่งเราก็รับทราบ คำถามว่าเข้ามาทำได้หรือไม่นั้น เป็นการพูดถึงคุณสมบัติ แต่ปัญหาเรื่องแบบนี้ไม่มีคุณสมบัติเข้ามาเกี่ยว ใครที่มีเจตนาดีทำได้ ไม่ต้องเป็นอะไรก็ช่วยงานได้ ช่วยติดต่อเป็นปากเสียงให้กับประเทศ ไม่พูดให้ร้ายประเทศ 2 อย่างเท่านี้ก็พอแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ทำได้ 
      เมื่อถามว่า ตอนนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ทำตามที่นายวิษณุ ระบุแล้วหรือยัง รองนายกฯ กล่าวว่า "ผมจะไปรู้หรือ" เมื่อถามถึงการลาสิกขาของนายสุเทพ โดยมีการวิจารณ์ว่าเป็น การบวชหนีศาลหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ
       ต่อข้อถามว่า พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดเสนอขอพระราชทานอภัยโทษให้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ อดีตส.ส.อุดรธานี ที่ถูกพิพากษาจำคุก 1 ปี ฐานหมิ่นประมาท นายวิษณุกล่าวว่า ตามขั้นตอนต้องขอผ่านพัศดีเรือนจำ เสนอถึงกระทรวงยุติธรรม จากนั้นกระทรวงยุติธรรมจะทำความเห็นเสนอขึ้นตามลำดับ ซึ่งนายพร้อมพงศ์ มีสิทธิขอพระราชทานอภัยโทษได้และทุกคนมีสิทธิทั้งนั้น บางคนถูกลงโทษปรับโดยไม่ได้จำคุกยังขออภัยโทษ ส่วนจะผ่านหรือไม่ ตนไม่รู้

บิ๊กโด่งชี้ถ้าไม่พูดการเมืองก็โอเค
    ที่ขส.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการติดตามการเคลื่อนไหวของนายสุเทพพร้อมพวกว่า ฝ่ายความมั่นคงต้องรักษาความเรียบ ร้อยให้ได้ ไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม ขอให้ระลึกถึงความสงบของประเทศ กรณีนายสุเทพนัดแถลงข่าววันที่ 30 ก.ค.นั้น เราต้องดูว่าถ้าพบปะพูดคุยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองและไม่ก่อให้เกิดความไม่เรียบร้อย ก็ไม่มีปัญหา 
      ผบ.ทบ. กล่าวว่า ขณะที่กรณีครูอาจารย์ ตนเห็นว่าก็มีการจัดสัมมนาเชิงวิชาการกันจำนวนมาก จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตไปแล้ว แต่ต้องเป็นไปตามกรอบที่คสช.กำหนด ต้องไม่เกี่ยวกับการเมืองและก่อให้เกิดความไม่สงบ ถ้าไม่เป็นไปตามนี้ เราก็ไม่อนุญาตให้ดำเนินการ ตนขอให้ทุกฝ่ายที่จะแสดงออก ขอให้ระมัดระวังด้วย เพราะคสช.ต้องรักษากฎระเบียบให้เป็นมาตรฐาน เท่าเทียมกัน และอยากให้เข้าใจว่าทุกอย่างดำเนินตามปกติอย่างดี

ถ้าเป็นงานมูลนิธิก็ไม่มีปัญหา
      เมื่อถามว่าเห็นหนังสือขออนุญาตจัดงานแถลงมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อความปรองดองหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ยังไม่เห็น ถ้าเห็น ตนจะดูรายละเอียดว่ามีลักษณะงานแบบใด ถ้าเป็นมูลนิธิที่สร้างสรรค์สิ่งดีก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีรูปแบบที่ไม่เหมาะสม ก็คงไม่ให้ดำเนินการ
     เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงจะติดตามเป็นพิเศษหรือไม่ เนื่องจากนายสุเทพเคยเคลื่อน ไหวสร้างความวุ่นวายให้ประเทศ เลขาธิการคสช. กล่าวว่า "ต้องปฏิบัติเหมือนกันทุกฝ่าย เพราะในภาพรวมเราต้องรักษาความสงบสุขของประเทศให้ได้ แต่ไม่ได้เพ่งเล็งอะไร เราติดตามทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ผมขอย้ำว่าอะไรที่ทำให้เกิดความไม่สงบ ต้องระงับไว้ คงจะยอมให้ไม่ได้"

เอกนัฏอ้างเทือกแค่คุยผ่านสื่อ
       ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขานุการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุถึงการแถลงข่าวของนายสุเทพ ในวันที่ 30 ก.ค. เวลา 10.00 น. ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ราชประสงค์ ห้องพินนาเคิล 4-5 ชั้น 4 ว่า นายสุเทพและคณะกรรมการมูลนิธิจะพูดคุยกับสื่อ เพื่อประชาสัมพันธ์แนวทางการทำงานของมูลนิธิ ในการสนับสนุนการปฏิรูปตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน ยืนยันว่ามูลนิธิจัดตั้งถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อสานต่อภารกิจที่จะผลักดันการปฏิรูปอย่างสร้าง สรรค์และเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม จะไม่มีการสร้างเงื่อนไขใดๆ ที่นําไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง และไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าขับเคลื่อนการปฏิรูปตามแผนงานของ คสช. ดังนั้น ถ้าจะเรียกมวลมหาประชาชนมาฟังข้างเวทีบนถนนเหมือนเช่นเคยคงไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ จึงขอเชิญมวลมหาประชาชนติดตามข่าวสารผ่านสื่อ

ก่อแก้วใจกว้าง-แนะคสช.เปิดทาง
      วันเดียวกัน นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำนปช. กล่าวถึงการเตรียมแถลงข่าวการดำเนินงานของมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูป วันที่ 30 ก.ค.นี้ว่า การแถลงของนายสุเทพ จะทำให้สาธารณชนรับรู้ว่าจะทำอะไรต่อไป ไม่ว่าเรื่องสังคม สิ่งแวดล้อมหรือการเมือง โดยเฉพาะประเด็นที่ระบุจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จะจริงหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่เชื่อในสิ่งที่นายสุเทพพูด แต่พร้อมรับฟังและติดตามต่อไป 
      นายก่อแก้ว กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตคือหากคสช.จะอนุญาตนายสุเทพ โดยอ้างว่าไม่เกี่ยวกับการเมืองจะเป็นบรรทัดฐานให้กลุ่มอื่นๆ ที่จะแถลงข่าวหรือเคลื่อนไหวในเรื่องอื่น เช่น กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การเรียกร้องให้ตรวจสอบความไม่ถูกต้องในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ทำได้เช่นเดียวกันหรือไม่ เพราะคสช.จะถูกตั้งคำถามว่าปฏิบัติต่อทุกกลุ่มเหมือนกันหรือไม่ ดังนั้น ควรเปิดให้กลุ่มอื่นได้แถลงเพื่อจะได้ทราบว่าจะเสนออะไรกับสังคม หากกลุ่มใดให้ข้อมูลแล้วเรียกร้องจนเกินจุดที่พอดี คสช.สั่งระงับกลุ่มนั้นๆ ที่จะเคลื่อนไหวในอนาคตได้

พท.ชี้วัดใจมาตรฐานเดียวหรือไม่
      "ผมเห็นด้วยที่จะอนุญาตนายสุเทพ ให้แถลงข่าว เพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ของประชาชน และไม่อยากให้มองว่าการแถลงใดๆ จะเป็นปัญหาทั้งหมด ขณะเดียวกันการที่นายสุเทพเคยเคลื่อนไหวนำมวลชนมาก่อน การแถลงครั้งนี้จะถูกจับตามองว่าจะส่งผลอะไรต่อการเมือง จึงฝากถึงนายสุเทพ ที่พูดก่อนหน้านี้ว่าจะไม่ยุ่งการเมือง ขอให้รักษา คำพูดด้วย เพราะไม่อยากให้ถ่มน้ำลายใส่ตัวเองในอนาคต การบอกจะทำงานมูลนิธิ หากเป็นเรื่องจริงก็ขอชื่นชม แต่ห่วงว่าวันข้างหน้าหากการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้ว นายสุเทพเกิดไม่ชอบจะออกมานำมวลชนต่อต้านอีก" นายก่อแก้วกล่าว 
      ด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบล ราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแถลงของนายสุเทพ แม้จะใช้เรื่องของมูลนิธิมาเป็นหัวข้อ แต่ในมุมมองของคนทั่วไป ก็เกี่ยวโยงกับการเมือง ดังนั้นการเคลื่อนไหวดังกล่าว จึงวัดใจผู้ดูแลความมั่นคงว่าจะมีมาตรฐานอย่างไร และจะมีวิธีดำเนินการอย่างไรหากมีอีกกลุ่มที่จะออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับนายสุเทพ 

พลเมืองโต้กลับอุทธรณ์ฟ้องคสช.
       ที่งานอุทธรณ์-ฎีกา ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายอานนท์ นำภา ทนายความและสมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับ รวม 4 คน เข้ายื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลอาญาที่ไม่รับฟ้องคดีหมายเลขดำ อ.1805/58 กรณีวันที่ 22 พ.ค. นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ และสมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับ รวม 15 ราย ร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. กับพวก ซึ่งเป็นคณะคสช.รวม 5 คน เป็นจำเลยที่ 1-5 ฐานเป็นกบฏ ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญหรือ ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำการสะสมกำลังพล หรืออาวุธหรือสบคบกันเพื่อเป็นกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 กรณีเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 คสช.เข้ายึดและควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ 
     ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ศาลอาญามีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีดังกล่าว เนื่องจากรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 บัญญัติให้ยกเว้นความผิดและความรับผิดการกระทำทั้งหลายในการยึดอำนาจและการควบคุมอำนาจปกครองแผ่นดินของหัวหน้าคณะและคสช.ไว้ จึงพ้นจากความรับผิดโดยสิ้นเชิง 
     ในการอุทธรณ์ของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ระบุว่า ขอให้ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษากลับคำสั่งของศาลอาญา โดยรับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาและพิพากษาต่อไป เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม 
      ทั้งนี้ ศาลอาญารับคำอุทธรณ์ไว้ในสารบบความเพื่อมีคำสั่งต่อไปว่าจะรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้หรือไม่

ทนายอานนท์ชี้เหตุอุทธรณ์
      ด้านนายอานนท์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซีว่าตนและสมาชิกกลุ่ม ได้เดินทางไปยื่นอุทธรณ์คดีที่กลุ่มได้ยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพวก ซึ่งเป็นสมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.รวม 5 คน ในข้อหากบฏ เป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลอาญา ที่มีคำสั่งไม่รับฟ้องไปเมื่อวันที่ 29 พ.ค.
      ทั้งนี้ นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ สมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับ และพวก ซึ่งเป็นกลุ่มพลเมืองโต้กลับ รวม 15 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.กับคนที่เหลือที่ประกอบด้วยพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ในข้อหาร่วมกันใช้กำลังขู่เข็ญประทุษร้ายและล้มล้างเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ อันเป็นความผิดฐานกบฏ และยังได้ออกคำสั่งในนามคสช.หลายฉบับ อันเป็นการละเมิดสิทธิ์และเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน ทำให้โจทก์ทั้ง 15 คนได้รับความเสียหาย จึงขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 113 และ 114

"เต้น"แนะคสช.คืนต้นทุนประเทศ
      ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ตนเข้าใจรัฐบาลว่าทำเต็มที่ทั้งเรื่องค้ามนุษย์ ประมง หรือการบิน แต่รัฐบาลต้องเข้าใจความจริงเช่นกันว่าน้ำหนักในการอธิบายความบนเวทีระหว่างประเทศวันนี้เป็นอุปสรรคใหญ่ ตนพูดมาตลอดว่าประชา ธิปไตยเป็นต้นทุนของประเทศ เมื่อไทยขาดต้นทุนนี้ ทุกอย่างก็ยากไปหมด ส่วนที่นายกฯ บอกมีเรือดำน้ำต่างชาติจะได้เกรงใจนั้น เท่าที่เห็นหลายประเทศถึงมีขีปนาวุธ แต่ไม่มีประชาธิปไตย ก็ไม่ได้รับการยอมรับ 
     นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สิ่งที่น่าห่วงคือ 90 วันที่รอผลการพิจารณาเรื่องบอยคอตของสหรัฐนั้น ใกล้เคียงกับที่ไอยูยูพิจารณาเรื่องประมง สถานการณ์เหมือนอยู่ในวงล้อม อำนาจต่อรองของไทยซึ่งน้อยอยู่แล้วจะยิ่งน้อยลงอีก ประกอบกับช่วงนั้นการเมืองในประเทศ จะชัดเจนทั้งร่างรัฐธรรมนูญและผลการลงมติของสปช. ถ้าออกมาแบบทำกันเองแล้วจงใจคว่ำกันเองบนเรือแป๊ะ เพื่อให้รัฐบาลอยู่ต่อ ก็ไม่เหลือความชอบธรรมใดๆ ไปอธิบายกับต่างประเทศ หรือหากเนื้อหาล้าหลังจนแพ้ประชามติ เท่ากับประชาชนปฏิเสธคสช. ผู้มีอำนาจจะอ้างรัฐธรรมนูญชั่วคราวต่ออายุก็มีปัญหาความชอบธรรมอยู่ดี
      "ผมไม่มีความคิดว่าเราต้องเดินตามประเทศไหนทุกฝีก้าว แต่ความจริงที่อยากให้รัฐบาลตระหนักคือการคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด เท่ากับคืนโอกาสให้ประเทศไทย การปฏิรูปไม่สำเร็จในเร็ววันนี้ จึงอย่าใช้เป็นข้ออ้างรักษาอำนาจต่อไป มั่นใจว่าประชาชนพร้อม แต่สงสัยว่าใครกันแน่ที่ไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตย" นายณัฐวุฒิกล่าว

กมธ.ชงเลือกตั้งใน 90 วัน-ก.ย.59
      เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ เป็นประธาน ได้พิจารณาการร่างเจตนารมณ์เป็นรายมาตราของร่างรัฐธรรมนูญ และบทเฉพาะกาล ทั้งนี้ ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันที่จะแก้ไขระยะเวลาการยกร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง และร่างพ.ร.บ. ว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง จากเดิมให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต้องทำให้เสร็จภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่สนช.ได้รับร่างกฎหมายจากกมธ.ยกร่างฯ เปลี่ยนเป็น 90 วัน เนื่องจากเกรงว่าเวลา 60 วัน อาจจะไม่เพียงพอต่อการทำงาน ซึ่งเดิมจะจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญควบคู่กับร่างรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ จึงจำ เป็นต้องขยายวันเพิ่มเติมออกไป เพื่อพิจารณากฎหมายให้รอบคอบ
     กมธ.ยกร่างฯ ยังห็นร่วมกันว่าควรให้มีการเลือกตั้งส.ส. ภายใน 90 วัน และดำเนินการให้ได้มาซึ่งส.ว.ภายใน 150 วัน นับตั้งแต่ประกาศใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ คาดว่าการเลือกตั้งส.ส. น่าจะมีขึ้นในช่วงเดือน ก.ย.2559 และจะมีรัฐบาลชุดใหม่ประมาณต้นปี 2560 อย่างไรก็ตาม ครม. และคสช. จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปและยังมีอำนาจโดยสมบูรณ์ทุกประการจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่

21 ส.ค.-ได้ร่างรธน.ฉบับสมบูรณ์
      สำหรับ เนื้อหาการปฏิรูปและการสร้างความปรองดองนั้น กมธ.ยกร่างฯ ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องสัดส่วนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง แต่เห็นว่าในช่วงระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านของประเทศ ควรกำหนดให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ มีอายุการทำงาน 4 ปี
      นอกจากนี้ ที่ประชุมยังกำหนดกรอบการทำงานของการร่างรัฐธรรมนูญด้วย โดยในสัปดาห์หน้า วันที่ 5 ส.ค. จะนัดประชุมกมธ.ยกร่างฯ เพื่อพิจารณาบันทึกเจตนารมณ์รายมาตราให้เสร็จภายในวันที่ 11 ส.ค. จากนั้นวันที่ 13-14 ส.ค. จะทบทวนเนื้อหาและการเชื่อมโยงของแต่ละมาตราทั้งหมดให้มีความสอดคล้องกัน 
      ส่วนวันที่ 17-19 ส.ค. กมธ.ยกร่างฯ ได้เชิญตัวแทนของผู้ยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 9 กลุ่ม มารับฟังเหตุผลในการปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ โดยทั้ง 9 กลุ่ม จะไม่มีสิทธิขอแก้ไขได้อีก ไม่ว่าจะเป็นที่มา นายกฯ การได้มาซึ่งส.ส. และส.ว. โดยคาดว่ากมธ.ยกร่างฯ จะเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ให้สปช. พิจารณาในวัน 21 ส.ค. ต่อไป

สปช.เตรียมรายงานแผนปฏิรูป
      ด้านนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงการทำงานตามกรอบเวลาที่เหลืออยู่ของสปช.ว่า ได้เร่งขับเคลื่อนในทุกด้านให้เสร็จก่อนที่จะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญจะส่งมาให้ สำหรับแผนปฏิรูปประเทศนั้น เมื่อสปช. ให้ความเห็นชอบแล้ว จะนำส่งครม. ต่อไป ส่วนตัวเห็นว่าการปฏิรูปบางเรื่องต้องใช้เวลา และเมื่อ สปช. หมดวาระลง จะมีสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศมาพิจารณาและดำเนินการต่อ แต่บางประเด็นที่มีข้อสั่งการทางกฎหมายนั้น 
     นายเทียนฉาย กล่าวว่า ตนเห็นว่าสภาขับเคลื่อนฯ ไม่น่าจะมีอำนาจสั่งการ ควรเป็นอำนาจของ ครม. ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนติดตามแผนการปฏิรูป ที่สปช. จะมีการรายงานในวันที่ 13 ส.ค. นี้ ที่โรงแรมเซ็น ทาราศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!