- Details
- Category: การเมือง
- Published: Wednesday, 29 July 2015 12:35
- Hits: 6540
ร่วมซ้อมปั่นกับบิ๊กตู่ อุ๋ยยิ้มได้ ไม่กลัวโดนเจาะยาง เทือกสึก-ค้านย้ายบช.ภ. 8 ทันที นัดแถลง 30 กค.-คสช.สั่งจับตา ทร.ตีปี๊บ-วอนเชียร์'เรือดำน้ำ'
'บิ๊กตู่' นำครม.ซ้อมปั่นจักรยาน 'หม่อมอุ๋ย'อารมณ์ดี ลั่นไม่กลัวถูก เจาะยาง ปัดตอบกระแสปรับครม. ดึง 'สมคิด' นั่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ'เทพเทือก'สึกปุ๊บ เคลื่อนไหวปั๊บ ยื่นค้านย้ายที่ทำการ บช.ภาค 8 จาก สุราษฎร์ฯไปภูเก็ต นัดแถลงจุดยืน 30 ก.ค. คสช.ส่งเจ้าหน้าที่จับตา กมธ.ยกร่างฯ ถกวาระองค์กรตามรธน. ให้กกต.หมดอายุยกทีม ป.ป.ช.-ศาลรธน.พ้นเป็นรายคน แนวร่วมกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ชุมนุมหน้ากงสุลไทยในแอลเอ จี้รัฐบาลหยุดดำเนินคดี 14 น.ศ.-ปล่อยนักโทษการเมือง กองทัพเรือเร่งตีปี๊บจัดซื้อเรือดำน้ำ
วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9009 ข่าวสดรายวัน
ซ้อมปั่น - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซ้อมปั่นจักรยานเตรียมพร้อมกิจกรรมไบค์ ฟอร์ มัม โดยระหว่างทางพูดคุยทักทายกับม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ที่มีข่าวว่าอาจถูกปรับพ้นครม. ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 28 ก.ค.
'อุ๋ย'ชื่นมื่นร่วม'บิ๊กตู่'ซ้อมปั่นจยย.
เวลา 09.00 น. วันที่ 28 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงต่างๆ บางส่วนร่วมซ้อมปั่นจักรยานในกิจกรรม "Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่" ภายในทำเนียบ
น่าสังเกตว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ที่มีกระแสข่าวจะถูกปรับพ้นครม.ครั้งนี้ ได้ซ้อมปั่นจักรยานเกาะกลุ่มเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.สำนักนายกฯ โดยก่อนเริ่มซ้อมปั่น ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวหยอกล้อกับผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี โดยถูกกระเซ้าว่าเติมลมยางมาดีหรือยัง กลัวใครจะเจาะยางหรือไม่ ม.ร.ว. ปรีดิยาธรยิ้มพร้อมกล่าวว่า ตนเช็กลมยางมาดีแล้ว ไม่กลัวใครมาเจาะ มีแต่สื่อที่มาเที่ยวเจาะลมยางตน
ขณะที่นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ที่มีข่าวอาจจะถูกปรับออกจากตำแหน่ง กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อถูกผู้สื่อข่าวแซวว่าเหนื่อยกับข่าวปรับครม.แล้วยังต้องมาเหนื่อยการปั่นจักรยานอีกว่า "แค่นี้สบาย เข้าไปในห้องครม.เหนื่อยกว่านี้อีก"
นายกฯมอบแถลงส่งออก-สยบลือ
จากนั้นเวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานครม. โดยมีรัฐมนตรีขาดประชุมคือ พล.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่ลาป่วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาปกรณ์ รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ที่ติดภารกิจต่างประเทศเช่นเดียวกับพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ที่ติดภารกิจที่ประเทศแอฟริกา
ภายหลังการประชุมครม. เวลา 13.50 น. ระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์รับประทานอาหารกลางวัน ได้มอบหมายให้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร พร้อมกับนายจักรมณฑ์ ผาสุกวณิช รมว.อุตสาหกรรมและนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์เศรษฐกิจ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นทั้งด้านการส่งออกและด้านต่างๆ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าการที่นายกฯ มอบหมายให้ม.ร.ว.ปรีดิยาธรลงมาแถลงข่าวครั้งนี้เหมือนเป็นการกลบกระแสข่าวการปรับครม. และถือเป็นครั้งแรก หลังมีกระแสข่าวที่นายกฯ มอบหมายให้ม.ร.ว.ปรีดิยาธรลงมาแถลง
หม่อมอุ๋ยไม่รู้ดึง'สมคิด'ร่วมครม.
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการแถลงข่าว พล.อ.ประยุทธ์ลงมาและยกมือโบกปฏิเสธการแถลงข่าวการประชุมครม. ซึ่งปกตินายกฯจะเป็นผู้แถลงข่าวเองทุกครั้ง พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่าให้เข้าไปฟังม.ร.ว.ปรีดิยาธรแถลง ก่อนจะเดินจากตึกบัญชาการ 1 ขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยไม่ตอบ คำถามใดๆ
ขณะที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวถึงกระแสการปรับครม.ว่า ตอนนี้ยังสบายใจและที่ผ่านมาก็ทำงานด้วยความมั่นใจมาตลอด ดูจากวันนี้รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่จะมีการปรับครม.ช่วงเดือนก.ย.หรือไม่นั้น ตนไม่มีทางรู้ ยืนยันทำงานเต็มที่ ขณะเดียวกันกระแสข่าวที่จะดึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา คสช. มาเข้าร่วมในครม.ด้านเศรษฐกิจแทนนั้น เป็นสิ่งที่ตนไม่ทราบและไม่อยากคาดเดา
"อนุพงษ์"พร้อมถ้าถูกปรับออก
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงข่าวปรับครม.ส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐมนตรีหรือไม่ว่า การปรับครม.เป็นอำนาจนายกฯ นายกฯยังไม่เคยพูดเลย ถ้าเราไปลือกันก็อาจมีผลต่อความเชื่อมั่นของคนด้วย คิดว่าต้องรอนายกฯ ตนไม่กล้าละลาบละล้วงถาม เป็นอำนาจของนายกฯ ซึ่งจะเป็นผู้ประเมินว่างานของรัฐบาล กระทรวงใดเป็นอย่างไร ทำได้อย่างที่นายกฯ ต้องการหรือไม่ คนอื่นอย่าไปพูด ตนก็พูดไม่ได้ เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยถือว่าสอบผ่านหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ไม่ผ่านก็พร้อมไป ถ้าเขาไม่ให้อยู่ก็ไป
ส่วนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกฯ ระบุพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจหากต้องการให้ช่วย พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เขาจะเข้ามาได้หรือ ตนไม่มีความเห็น กรณีพ.ต.ท.ทักษิณน่าจะทำไม่ได้มันติดขัดกฎหมาย ถามว่าตามกฎหมายแล้วมาได้หรือไม่ ถ้ามาได้ก็มา ขณะนี้รัฐบาลกำลังดูแลและแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งประเมินว่าน่าจะดีขึ้น ต้องใช้เวลาหน่อยคิดว่าไม่น่าเลวร้าย
ครม.เมินถก"แม้ว"อาสาช่วยศก.
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ที่ประชุมครม.ไม่มีการพูดถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ระบุพร้อมช่วยให้คำแนะนำเรื่องเศรษฐกิจกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุมว่าไม่ต้องการให้คุยเกี่ยวกับประเด็นการเมือง เพราะวันนี้ก้าวข้ามผ่านความขัดแย้งไปแล้วในระดับหนึ่งและตั้งใจจะปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาขัดแย้ง ด้วยการวางรากฐานต่างๆ ไว้ อะไรที่เป็นความขัดแย้งเดิมๆ ต้องก้าวข้ามไปให้ได้
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุถึงสื่อมวลชนว่ารัฐบาลรับฟังการวิจารณ์ของสื่อแต่สื่อต้องคิดว่าสื่อต่างชาติเฝ้าดูอยู่ด้วย หากเขียนรายงานอย่างมีเหตุผลตามข้อเท็จจริงก็เป็นเรื่องดี ถ้าตำหนิหรือประณามเพียงอย่างเดียวจะสร้างความไม่เชื่อใจต่อประเทศอื่น เพราะจะนำข่าวจากสื่อของเราไปวิพากษ์วิจารณ์ ขณะนี้ประเทศต้องขับเคลื่อนด้วยกลไกทุกเฟือง โดยเฉพาะสื่อที่ต้องทำให้สังคมรู้ว่ารัฐบาลต้องใจทำจริงๆ อย่างไรก็ตาม การแสดงความเห็นของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ทำให้รัฐบาลกังวล ไม่ท้อแท้ ไม่ลดทอนความเชื่อมั่น
พท.ยันพร้อมช่วยรัฐบาลแก้ศก.
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ถึงกระแสข่าวปรับครม.ว่า เป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจ ตนเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมซึ่งไม่ดีเลย ดังนั้นการแก้ไขอะไรเพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้นไม่ว่าจะอยู่ข้างไหนหรือฝ่ายไหน ทุกคนอยากให้เศรษฐกิจดีขึ้น ขอฝาก คนที่มีอำนาจตัดสินใจด้วยว่าจะทำอะไร ก็รีบๆ ดำเนินการ
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพ.ต.ท.ทักษิณระบุพร้อมให้คำปรึกษาด้านเศรษฐกิจเพียงแค่รัฐบาลขอมาว่า เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณพูดในแง่ของประเทศ คงสะท้อนความเป็นห่วงโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ เข้าใจว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ของประเทศ ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณและพวกเราก็พร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว
'ภูมิธรรม'ปัดพูด'เจ๊หน่อย'เบอร์ 1
เมื่อถามว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ชี้แจงถึงกระแสข่าวกรณีจะไปร่วมงานกับ คสช.หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์ชี้แจงแล้วว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีอะไร เพราะคุณหญิงสุดารัตน์ มาตามระบอบประชาธิปไตยซึ่งได้ยืนยันในหลักการนี้
ส่วนที่มีข่าวพรรคเพื่อไทยจะผลักดันคุณหญิงสุดารัตน์ ขึ้นเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไปนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้เพราะประเทศมีปัญหามาก นานาชาติก็ยังไม่ยอมรับเรา จึงไม่มีนักการเมืองคนไหนมาพูดเรื่องแบบนี้ในเวลานี้เพราะกติกายังไม่ชัด จะมีเลือกตั้งหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ยังประชุมพรรคไม่ได้ ในฐานะที่ตนดูแลพรรคขณะนี้ยืนยันว่าเรื่องนี้ยังไม่ถึงเวลา สิ่งสำคัญของพรรคคือต้องรอกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย เอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องควรเร่งร่างกติกาคือรัฐธรรมนูญและคืนกติกาที่เป็นประชาธิปไตยให้ประชาชนอย่างเร็วที่สุด
รุดเยี่ยม - นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ และคณะ เข้าเยี่ยมนาย พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ อดีตส.ส.อุดรฯ ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 1 ปี จากกรณีหมิ่นประมาทอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. |
'เทือก'สึกลุยภาคปชช.-สู้คดี
เวลา 05.30 น. ที่วัดไตรธรรมารามพระอารามหลวง ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี พระสุเทพ ปภากโร พระเชน อาภาธโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พระชินวรณ์ จันทสาโร หรือนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ และพระ ธีรภัทร หรือนายธีรภัทร พริ้งศุลกะ ได้มาพบ พระธรรมวิมลโมลี เจ้าคณะภาค 16 เพื่อ ลาสิกขา โดยมีอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และแกนนำกปปส.มาร่วม อาทิ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นาย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ พร้อมญาติและผู้นำท้องถิ่นร่วม 100 คน จากนั้นนายสุเทพและ คณะ ได้ไปยังสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา เพื่อตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง
นายสุเทพกล่าวว่า หลังจากนี้จะร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยในรูปแบบภาคประชาชน รวมถึงต่อสู้คดีที่มีอยู่จำนวนมาก แม้จะบวชเป็นพระไม่ได้บวชเพื่อหนีคดี ทุกคดีตนมีความพร้อมแต่ก็กังวลใจอยู่ และไม่อยากให้มีการนิรโทษกรรมให้กับตน แม้บางข้อกล่าวหามีโทษสูงถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตก็ตาม รวมถึงผู้ที่โดนคดีหมิ่นเบื้องสูงและคดีร้ายแรงอย่างอื่นก็ไม่ควรนิรโทษกรรม ควรเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่ประชาชนทั่วไปที่ร่วมต่อสู้ทางการเมืองควรนิรโทษกรรมให้ ทั้งนี้ รายละเอียดการดำเนินการด้านอื่นๆ วันที่ 30 ก.ค.นี้จะแถลงให้ทราบ
นายสุเทพ ยังระบุถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยว่า ควรนำคำสอนของท่านพุทธทาส ที่เคยอ่านตอนที่ยังคบกันดีอยู่ ที่บอกว่าอย่ายึดมั่นถือมั่นและคำสอนตามหลักพุทธศาสนานำมาใช้ เพื่อให้เกิดความสงบสุขของประเทศในอนาคต
ยื่นค้านทันที-ย้ายบช.ภาค 8
จากนั้นเวลา 11.30 น. นายสุเทพ พร้อมคณะประมาณ 10 คน เดินทางไปกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ยื่นหนังสือคัดค้านการย้ายสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 จากจ.สุราษฎร์ธานี ไปยังสำนักงานแห่งใหม่ที่ จ.ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้เป็นต้นไป ต่อพล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผบช.ภ.8 โดยมี พล.ต.ต.วิศณุ ม่วงแพรสี รองผบช.ภ.8 เป็นผู้รับหนังสือแทน
ในหนังสือระบุคัดค้านการย้ายสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 เนื่องจากข้าราชการชั้น ผู้น้อยกว่า 200 นาย ได้รับผลกระทบ อีกทั้งที่ตั้งสำนักงานแห่งใหม่ไม่ได้เป็นจุดศูนย์ กลางของการคมนาคม และหากจะย้ายไป จ.ภูเก็ตจริงๆ ควรให้โอกาสข้าราชการชั้น ผู้น้อยที่ไม่สมัครใจมีโอกาสย้ายไปประจำตามสภ.ต่างๆ จึงอยากให้ ผบช.ภ.8 ทบทวนคำสั่งดังกล่าว
ตร.แจงเหตุผลย้ายกองบัญชาการ
พล.ต.ท.เดชา ผบช.ภาค 8 กล่าวว่า ได้รับรายงานจากพล.ต.ต.วิศณุ ที่รักษาราชการแทนตนที่ติดราชการแล้ว มองว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สาเหตุที่ต้องย้ายในวันที่ 29 ก.ค.นั้น เนื่องจากใกล้วันหยุดราชการและเป็นวันหยุดยาว ซึ่งเห็นว่าที่ทำการได้สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว จึงให้ขนย้ายเข้าที่ทำการใหม่และเปิดทำการใน วันที่ 3 ส.ค.นี้
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.และ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวกรณีนายสุเทพยื่นหนังสือต่อผบช.ภาค 8 คัดค้านการย้ายกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 จากจ.สุราษฎร์ธานี ไปอยู่ จ.ภูเก็ตว่า ได้รับรายงานแล้ว เหตุผลที่ย้ายเนื่องจากที่เดิมมีปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้ง ขณะที่ทำการใหม่สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับจังหวัดใกล้เคียง อาทิ พังงา ชุมพร และสถานที่กว้างขวาง รองรับประชาชนที่มาติดต่อราชการได้สะดวก นอกจากนี้สภาพแวดล้อมโดยรวมดีเหมาะเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการแห่งใหม่
เวลา 17.30 น. นายสุเทพโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ ลาสิกขาแล้วเมื่อเช้าวันที่ 28 ก.ค. โดยบวชมาทั้งหมด 1 ปี 30 วัน ได้ไปงานทำบุญ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่ามากว่า 500 วัด ทำบุญเผื่อทุกคน สึกจากพระก็จะมาทำงานมูลนิธิ ไม่กลับไปลงสมัครรับเลือกตั้งอีกแล้ว แต่จะทำงานการเมืองภาคประชาชน ร่วมกับพี่น้องมวลมหาประชาชน เพื่อประโยชน์ของชาติ ประโยชน์ของแผ่นดินต่อไป
คสช.ส่งคนฟัง'สุเทพ'แถลง
นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส. ให้สัมภาษณ์ว่า วันเดียวกันนี้ ได้ยื่นเอกสารขออนุญาตแถลงข่าววันที่ 30 ก.ค. ต่อคสช.เรียบร้อยแล้ว เรื่องที่จะแถลงนั้นอยู่ในเงื่อนไขของ คสช. อีกทั้งรูปแบบการแถลงข่าวก็จะมุ่งเน้นให้กลุ่มคนที่ติดตาม กปปส.ได้รับทราบถึงกิจกรรมและให้โอกาสร่วมบุญร่วมกุศล กับทางมูลนิธิ ขอให้สบายใจได้ว่าไม่มีเรื่องการเมืองอย่างแน่นอน
ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก ในฐานะรองเลขาธิการคสช. กล่าวว่า เบื้องต้นทราบจากข่าวว่านายสุเทพจะแถลงเกี่ยวกับมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ถือเป็นเรื่องมูลนิธิ หากไม่เกี่ยวกับการเมืองก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต เพราะตามคำสั่งของ คสช. ระบุว่าการจัดกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองต้องขออนุญาต คสช.ก่อน
เสธ.ทบ. กล่าวว่า กรณีนายสุเทพตนจะส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตามความเคลื่อนไหวและสังเกตการณ์ว่าเนื้อหาที่พูดสุ่มเสี่ยงเรื่องการเมืองหรือไม่ หากพบมีเรื่องการเมืองต้องขอร้องให้หยุดแถลงข่าวเพราะบ้านเมืองต้องการความปรองดอง การเคลื่อนไหวที่ จะส่งผลกระทบขอให้เบาๆ กันหน่อย ที่ผ่านมา ตนขอร้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ ใสเกี้อ เลขาฯนปช. เหมือนกัน ซึ่งคสช. ไม่อยากไปละเมิดใครหรือปิดกั้นมากนัก เพื่อให้ทุกฝ่ายได้แสดง ออกแต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม จะเห็นว่านายกฯได้ผ่อนคลายให้มากแล้ว เพื่อให้ขยับตัวกันได้บ้าง
ยันไม่สองมาตรฐาน
พล.อ.ฉัตรเฉลิม กล่าวว่า ที่ผ่านมาทุกคนทราบถึงขั้นตอนดี หากจัดกิจกรรมที่สุ่มเสี่ยงจะเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือไม่แน่ใจว่าเกี่ยวหรือไม่ก็ทำหนังสือขออนุญาต คสช.เพื่อพิจารณาได้ แต่หากมั่นใจว่าไม่เกี่ยวข้องไม่มีเรื่องการเมืองก็จัดกิจกรรมได้ เหมือนที่มีหลายกลุ่มจัดกิจกรรมนี้ก็ทำได้ อย่ามองว่า คสช.ดำเนินการ 2 มาตรฐาน เราปฏิบัติกับคนทุกกลุ่ม ทุกพวก มาตรฐานเดียวทั้งหมด
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ความเคลื่อนไหวของนายสุเทพ หลังจาก ลาสิกขานั้น ในส่วนงานความมั่นคงจะประเมินสถานการณ์เป็นระยะ โดยนายกฯ ระบุว่าเรื่องความเคลื่อนไหวยังมีอยู่ตลอด ฉะนั้นอยากให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม รับทราบว่าเมื่อมีความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้นต้องใช้ความระมัดระวัง ใช้เหตุผลและ หลักการ จะทำอะไรต้องทำความเข้าใจกับประชาชน อย่าเดินหน้าเพียงอย่างเดียว โดยละเลยการทำความเข้าใจ
'วรชัย'ชี้สึกมีนัย
นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของนายสุเทพ ที่บอกจะสร้างอาชีพ ผลักดันให้อาชีวะมีคุณภาพจบมามีงานทำ แต่เมื่อไม่กี่วันมีนักศึกษาอาชีวะและนักศึกษารามคำแหงกลุ่มหนึ่งออกมาต่อต้านนักศึกษาที่เรียกร้องประชาธิปไตย ไม่ทราบว่านายสุเทพ สึกออกมาแล้วจะเป็นแบบหัวหน้ากลุ่มกระทิงแดงที่จบชีวิตไปแล้วหรือไม่ จังหวะการสึกเวลานี้มองว่านายสุเทพ ยืนอยู่ข้าง พล.อ.ประยุทธ์ และออกมาปกป้องรัฐบาลตลอดเวลา แม้เรื่องเรือดำน้ำก็ให้การสนับสนุน การออกมาครั้งนี้คงมีนัยเพราะนายสุเทพประกาศชัดเจนว่าจะไม่ลงผู้แทนฯ ไม่เล่นการเมือง แต่คงมีนัยที่จะลงมาปกป้องรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นได้
กมธ.ให้กกต.พ้นตำแหน่งยกทีม
เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ทำหน้าที่ประธาน มีวาระพิจารณาร่างบท บัญญัติรัฐธรรมนูญในส่วนบทเฉพาะกาล ซึ่งการดำรงอยู่ในตำแหน่งขององค์กรตามรัฐธรรมนูญในวันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สำหรับการดำรงอยู่ในตำแหน่งของบุคคลที่ดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการในองค์กรอิสระ ซึ่งตามหลักการจะไม่ไปตัดสิทธิการดำรงอยู่ของเดิมขององค์กรอิสระในขณะนี้ และจะให้อยู่ในตำแหน่งจนครบวาระตามเดิม โดยในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งทำงานเป็นทีมจะให้อยู่ในตำแหน่งตามวาระและให้พ้นจากตำแหน่งไปพร้อมกัน หรือเรียกว่า "มาเป็นทีม ไปเป็นทีม" คือให้ดำรงตำแหน่งไปจนครบวาระที่เหลืออยู่
งานแรก - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. เข้ายื่นหนังสือถึงผบช.ภาค 8 ให้ทบทวนการย้ายสำนักงานบช.ภาค 8 จากจ.สุราษฎร์ธานี ไปอยู่ จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 28 ก.ค. หลังทำพิธีลาสิกขาในช่วงเช้าวันเดียวกัน |
ขณะที่องค์กรตามรัฐธรรมนูญอื่นๆ เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลรัฐธรรมนูญ จะให้อยู่จนครบวาระของแต่ละบุคคลตามเดิม หรือเรียกว่า "มาเดี่ยว ไปเดี่ยว" หากต้องมีการสรรหาบุคคลเพื่อเข้ามาเป็นกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่าง จะให้บุคคลที่เข้ามาแทนอยู่ในวาระที่เหลือของบุคคลเดิม เช่น นาย ก. มีวาระ 6 ปี ปรากฏว่านาย ก.ขอลาออกในปีที่ 4 ทำให้เหลือวาระ 2 ปี ดังนั้นคนที่เข้ามาแทน นายก.จะดำรงตำแหน่งได้แค่ 2 ปีที่เหลือ เป็นต้น ส่วนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ที่เพิ่งได้รับการสรรหาเข้ามาใหม่ ทางกมธ.ยกร่างฯจะไม่ไปตัดสิทธิบุคคลเหล่านี้และจะให้อยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ
ปัดบทเฉพาะกาลต่ออายุตัวเอง
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกกมธ.ยกร่างฯ กล่าวถึงข่าวกมธ.ยกร่างฯ จะเขียนบทเฉพาะ กาลให้กมธ.ยกร่างฯสิ้นสุดวาระการทำหน้าที่เท่ากับสนช. เนื่องจากในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้สนช.และกมธ.ยกร่างฯ ต้องจัดทำร่างพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญคู่กันว่า ยืนยันว่ากมธ. ยกร่างฯไม่ได้ต่ออายุให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งและสิ้นสุดวาระไปพร้อมกับสนช. เบื้องต้นในบทเฉพาะกาลยังคงให้กมธ.ยกร่างฯปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเพื่อจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ ที่จำเป็น โดยให้กมธ.ยกร่างฯสิ้นสุดลงในวันเปิดประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรก หรือเปิดประชุมสภา ผู้แทนราษฎร ภายหลังเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งยึดตามร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกที่เขียนไว้
นายเจษฎ์ โทณะวณิก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อยุติแต่มีการหารือกันบ้างแล้ว หากตกลงกันได้เราจะบัญญัติเรื่องนี้ไว้ในบท เฉพาะ กาล ส่วนจะขัดกับรัฐธรรมนูญชั่วคราวหรือไม่นั้น ต้องดูที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญกำหนด การสิ้นสุดของกมธ.ยกร่างฯอย่างไร หากไม่ได้กำหนดชัดเจนเหมือนการสิ้นสุดของ สปช.ที่จะหมดไปเมื่อลงมติร่างรัฐธรรมนูญแล้วนั้น กมธ.ยกร่างฯ สามารถบัญญัติเรื่องนี้ไว้ได้
ประชามติไม่ผ่านก็ต้องพ้นหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วาระของกมธ.ยกร่างฯ มีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 39 ว่ากรณีสปช.สิ้นสุดลง โดยกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญยังไม่สิ้นสุดลง ให้กมธ.ยกร่างฯปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เว้นแต่จะมีประชามติไม่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ในกรณีเช่นนั้นให้กมธ.ยกร่างฯสิ้นสุดลง นับแต่วันประกาศผลออกเสียงประชามติ แต่ในกรณีที่ประชามติให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ให้กมธ. ยกร่างฯ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเพื่อจัดทําร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอื่นที่จําเป็นเสนอต่อสนช. และเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้ว การปฏิบัติหน้าที่ของกมธ.ยกร่างฯให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้นั้น
ในกรณีสปช. สิ้นสุดลงโดยกมธ.ยกร่างฯยังไม่สิ้นสุดลง หากกมธ.ยกร่างฯ พ้นจาก ตําแหน่งระหว่างนั้นไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้กมธ. ยกร่างฯที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดยให้ถือว่ากมธ.ยกร่างฯ ประกอบด้วยกมธ. ยกร่างฯเท่าที่เหลืออยู่ และให้หัวหน้าคสช. แต่งตั้งกมธ.ยกร่างฯแทนตําแหน่งที่ว่างโดยเร็ว
พรบ.ปฏิรูปปท.มี 30 มาตรา
นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ รองประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 6 ในฐานะประธานอนุกมธ.ศึกษาเตรียมการจัดทำร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ เผยว่า หลังจากที่ประชุมอนุกมธ.ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมในการปฏิรูปแต่ละด้าน เพื่อให้กมธ.ปฏิรูปแต่ละด้านของสปช.พิจารณานั้นขณะนี้ได้รับข้อเสนอปฏิรูปจากกมธ.ปฏิรูป 18 คณะครบถ้วนแล้ว โดยการปฏิรูปแต่ละด้านได้บัญญัติไว้ 6-12 อนุมาตรา คาดว่าร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการปฏิรูปประเทศจะมี 30 มาตรา โดยอนุกมธ.เตรียมพิจารณาทบทวนทั้งฉบับอีกครั้งในสัปดาห์แรกของเดือนส.ค.นี้ และคาดว่าจะส่งเอกสารศึกษาเตรียมการจัดทำร่างพ.ร.บ.ให้กมธ. ยกร่างฯได้ภายในวันที่ 7 ส.ค.นี้
ร่างกม.ปฏิรูปสื่อถึงมือ'เทียนฉาย'
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ รองประธานกมธ.ปฏิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ สปช. เผยว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.กมธ.ปฏิรูปสื่อฯ ที่มีนายจุมพล รอดคำดี เป็นประธาน ได้ส่งรายงานและร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ และส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ฉบับที่ปรับปรุงและแก้ไขตามข้อเสนอและความเห็นของสปช. รวมถึงภาคส่วนต่างๆ ไปยังนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช.เพื่อให้พิจารณาส่งรัฐบาลดำเนินการแล้ว
นายวสันต์ กล่าวว่า ทั้งนี้มี 5 ประเด็นที่ที่ประชุมยกมาพิจารณาและบางเรื่องมีมติแก้ไข 1.เปลี่ยนชื่อเรียกขอใบรับรองการประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนเป็นบัตรประจำตัวผู้ประกอบวิชาชีพ 2.คำว่า สวัสดิการและสวัสดิภาพของผู้ประกอบวิชาชีพ ที่คงไว้ตามบทบัญญัติเดิม แต่ได้เขียนคำนิยามให้มีความหมายที่ชัดเจน คือคำว่าสวัสดิภาพ หมายถึงความปลอดภัย การได้รับการดูแลความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงการเดินทางด้วย ขณะที่สวัสดิการจะหมายถึงรายได้
3.เงินประเดิมเพื่อจัดตั้งสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติ ที่ประชุมได้ยืนตามบทบัญญัติเดิมที่ช่วงแรกของการก่อตั้ง รัฐต้องจัดสรรเงินทุนประเดิมให้ เงินทุนประเดิมดังกล่าวไม่ใช่การแทรกแซงการทำหน้าที่ และได้เขียนความหมายให้ครอบคลุมด้วยว่าการจัดตั้งองค์กรตามกฎหมายต้องไม่มีการไปขอเงินจากรัฐเพิ่มเติม 4.กรรมการจริยธรรม ได้ปรับการทำหน้าที่ตรวจสอบด้านจริยธรรมผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ โดยให้เป็นหน้าที่ของกรรมการจริยธรรมโดยตรง จากเดิมเป็นอำนาจของกรรมการกำกับโดยภาคประชาชน
5.โครงสร้างและที่มาของกรรมการสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติ ได้คงจำนวนและที่มาไว้ตามร่างกฎหมายเดิม คือมี 15 คน ระยะเริ่มแรกให้มาจากการสรรหาจากวิชาชีพ 8 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ 6 คน และจากองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค 1 คน และได้เขียนรายละเอียดว่า ในระยะยาวหรือ 3-4 ปี กรรมการสภาฯที่มาจากผู้แทนวิชาชีพนั้น ให้ใช้การเลือกตั้งแทนการสรรหา คำนึงสัดส่วนของผู้ประกอบวิชาชีพในภูมิภาคด้วย
จี้ปล่อยนักโทษการเมือง-เลิกฟ้องนศ.
วันเดียวกัน เว็บไซต์ประชาไท ภาคภาษาอังกฤษ รายงานการชุมนุมประท้วงที่ด้านหน้าสถานกงสุลไทย ในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยผู้ชุมนุมราว 50 คน เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเพิกถอนข้อหาของนักศึกษา 14 คน ที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลก่อนหน้า และให้ปลดปล่อยนักโทษทางการเมืองที่ถูกคุมขังทันที ซึ่งการประท้วงดังกล่าวจัดขึ้นโดยกลุ่มเอ็นเกจ (ENGAGE) ที่มีความเชื่อมโยงกับขบวนการประชาธิปไตยใหม่ของไทย (New Democracy Movement) พร้อมยื่นจดหมายเรียกร้อง 5 ข้อ ผ่านสถานกงสุลดังกล่าว
ข้อเรียกร้อง ได้แก่ 1.ยกเลิกมาตรา 44 ที่มอบอำนาจพิเศษให้หัวหน้าคสช. 2.ขอเรียกร้องให้พลเรือนที่ถูกดำเนินคดีขึ้นศาลพลเรือน ไม่ใช่ศาลทหาร 3.เรียกร้องให้ยกเลิกประกาศคสช. ฉบับที่ 7/2557 เรื่อง การห้ามชุมนุมทางการเมืองและประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 4.เรียกร้องให้ยุติการข่มขู่คุกคามประชาชนและนักศึกษากลุ่มข้างต้น และ 5.เรียกร้องให้เพิกถอนข้อหาทั้งหมดต่อนักโทษการเมือง รวมทั้งนักศึกษาทั้ง 14 คน ที่เป็นสมาชิกของขบวนการประชาธิปไตยใหม่
ครม.เปิดกงสุลใหญ่ออสซี่ที่ภูเก็ต
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมครม. ว่า ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอจ้างนายเฉลิมพล ทันจิตต์ เอกอัครราชทูตไทยประจำสวิตเซอร์แลนด์ เป็นลูกจ้างชั่วคราวกรณีพิเศษ หลังครบเกษียณอายุราชการเป็นเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 ต.ค.2558 โดยให้ได้รับ ค่าจ้างเท่ากับเงินเพิ่มพิเศษสำหรับข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับตามตำแหน่งเอกอัครราชทูต
นอกจากนี้ ครม.อนุมัติตามที่รัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลีย เสนอขอเปิดสถานกงสุลใหญ่เครือรัฐออสเตรเลีย ที่จ.ภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจ.ภูเก็ต กระบี่ และพังงา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และอนุมัติตามที่รัฐบาลสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ เสนอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ประจำประเทศไทย มีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย พร้อมแต่งตั้ง นายสตีเฟน เฉิงเซี่ยนซี เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ฯ
'อำพน'ปธ.สถาบันพัฒนาพื้นที่สูง
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า แต่งตั้ง นายอำนวย กาจีนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง 5 คน เนื่องจากชุดเดิมครบวาระ 3 ปี ในวันที่ 29 ก.ค.นี้ ได้แก่ 1.นายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการ 2.นายอุณารุจ บุญประกอบ 3.นางมิ่งขวัญ วิชยา รังสฤษดิ์ 4.นายสุทัศน์ ปลื้มปัญญา 5.นาย อัชพร จารุจินดา เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.เป็นต้นไป
ศาลรวมสำนวนคดีปิดล้อมปตท.
เวลา 14.00 น. ที่ห้องพิจารณา 807 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมและตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.831/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นพ.ระวี มาศฉมาดล แกนนำกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย (กคป.) พร้อมพวกซึ่งเป็นแนวร่วมผู้ชุมนุม กคป.รวม 56 คน ฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, ร่วมกันบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215, 216, 362 และ 365, ร่วมกัน ฝ่าฝืนพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และขัดขืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ จากกรณีวันที่ 13 ม.ค. 2557 นพ.ระวีกับพวกนำผู้ชุมนุมและรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงไปปิดล้อมและบุกรุกเข้าไปในพื้นที่สำนักงานบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สาขาใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต โจมตีการทำงานของรัฐบาล
วันนี้ นพ.ระวี พร้อมพวก เดินทางมายังศาลอาญา อัยการโจทก์แถลงต่อศาลขอรวมสำนวนคดีหมายเลขดำ อ.2549 /2558 ซึ่งเป็นจำเลย 29 คน ที่นำตัวมาฟ้องในภายหลังเข้ารวมกับสำนวนคดีนี้ด้วย เนื่องจากมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ศาลอธิบายคำฟ้องให้จำเลยรับทราบแล้ว จำเลยทั้งหมดปฏิเสธข้อกล่าวหาเนื่องจากจำเลยบางคนไม่ได้ร่วมชุมนุม ทำหน้าที่เพียงดูแลเครื่องขยายเสียง ขณะที่จำเลยบางส่วนเข้าร่วมชุมนุมตามสิทธิของรัฐธรรมนูญแต่ไม่ได้บุกรุกเข้าในตัวอาคาร พร้อมขออนุญาตให้สืบพยานลับหลังจำเลย
ศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้รวมสำนวนคดีได้ โดยให้คดีหมายเลขดำ อ.831/2557 เป็นสำนวนหลัก และให้เรียงลำดับเป็นจำเลยที่ 1-85 ตามลำดับ และอนุญาตให้สืบพยานลับหลังจำเลยได้ โดยนัดพร้อมอีกครั้งวันที่ 23 ก.ย. เวลา 13.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้พนักงานอัยการยื่นฟ้องจำเลยทั้งหมด 4 ชุด รวมจำเลยที่ยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว 85 คน จากจำนวนผู้ต้องหาที่ร่วมชุมนุมและถูกจับกุม 138 คน
ทร.เร่งแจงสาธารณะ-ซื้อเรือดำน้ำ
วันที่ 28 ก.ค. ที่หอประชุมกองทัพเรือ (ทร.) พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง ผู้ช่วย ผบ.ทร. ในฐานะประธานคณะกรรมการโครงการจัดหาเรือดำน้ำ กล่าวถึงการจัดทำเอกสารชี้แจง ต่อสาธารณชนต่อกรณีจัดซื้อเรือดำน้ำ หลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม สั่งการให้ ทร.เร่งทำความเข้าใจว่า รายละเอียดของเอกสารมี 2 แผ่นขนาดเอ 4 ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นว่าทำไม ทร.ต้องมีเรือดำน้ำ รวมถึงความคุ้มค่า เพื่อเผยแพร่ความรู้และสร้างความรับรู้ต่อสาธารณชน หลังจากนี้กองทัพเรือจะทยอยชี้แจงต่อสื่อมวลชนและเผยแพร่ในเวทีการบรรยายต่างๆ ตามนโยบายของพล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยสนับสนุนเพราะเรือดำน้ำถือเป็นยุทโธปกรณ์ที่สำคัญ ส่วนกระแสด้านต่างๆ ขณะนี้เริ่มดีขึ้น
เมื่อถามว่าจะทันต่อการพิจารณาในครม.ชุดนี้หรือไม่ พล.อ.ร.ณรงค์พลกล่าวว่า คาดว่าทันและน่าจะทันในช่วงปีงบประมาณนี้ด้วย ทร.ซื้อเรือดำน้ำเพราะจำเป็นและต้องเริ่มปีนี้ เนื่องจากกว่าจะได้เรือดำน้ำมาใช้ต้องรออีก 6 ปี ไม่ใช่ซื้อปุ๊บได้ปั๊บ รวมถึงต้องฝึกคนด้วย รวมแล้วคาดว่าจะใช้เวลาทั้งหมด 8 ปีถึงจะสัมฤทธิผล
"หากยิ่งช้าทุกอย่างก็จะช้าไปเรื่อยๆ ค่าเงินก็จะเปลี่ยนไปมา เราไม่รู้สถานการณ์ความมั่นคงทางทะเลว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือจะมีอะไรเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ตอนนี้เรามีผลประโยชน์ทางทะเลมูลค่า 24 ล้านล้านบาทต่อปี และเชื่อว่าต่อไปจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นต้องมีเรือดำน้ำ" พล.ร.อ.ณรงค์พลกล่าว
'เด็จพี่'มีสิทธิ์ยื่นฎีกา'อภัยโทษ'
เวลา 15.00 น. วันที่ 28 ก.ค. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและรมว.คลัง นายสาโรจน์ หงษ์ชูเวช ผอ.พรรค นายการุณ โหสกุล อดีตส.ส.กทม. เดินทางมาเยี่ยมพร้อมนำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นมาให้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรค และนายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ อดีตส.ส.อุดรธานี บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น เนื่องจากมีครอบครัวและญาติพี่น้องของทั้ง 2 ฝ่ายมาเยี่ยมพร้อมหน้า แกนนำได้พูดคุยและให้กำลังใจทั้งคู่ ซึ่งทั้งสองคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมบอกว่ามีกำลังใจดี
นายภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์หลังเข้าเยี่ยมว่า ทั้งคู่มีกำลังใจดี คนในพรรคไม่ทอดทิ้งกันหลังจากนี้พรรคจะเร่งดำเนินการในเรื่องต่างๆ เพื่อช่วยเหลือให้เร็วที่สุด เพราะคนของเราเข้าไปอยู่ในนั้นย่อมไม่ดี ที่ห่วงคือสุขภาพของทั้ง 2 คน โดยเฉพาะนายเกียรติอุดม ที่มีโรคประจำตัว
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ทนายความของทั้ง 2 คนกำลังศึกษาระเบียบ ขั้นตอนและกฎเกณฑ์เพื่อร่างฎีกายื่นขอพระราชทานอภัยโทษ จากนั้นญาติ ทนายความหรือเจ้าตัวต้องเป็นผู้ยื่นเรื่องไปยังกรมราชทัณฑ์ หากผ่านเกณฑ์กรมจะเสนอเรื่องไปยังรมว.ยุติธรรมเพื่อให้พิจารณาต่อ คาดว่าจะใช้เวลาพอสมควร
นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษว่า ผู้ต้องขังเด็ดขาดทุกคนยื่นขอพระราชทานอภัยโทษได้ตามปกติ ซึ่งผู้ต้องขังยื่นเองได้ หรือญาติก็ทำได้ แต่มีข้อจำกัดว่าต้องจำคุกเท่าไร อย่างไร กรมราชทัณฑ์ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์เท่านั้นจากนั้นส่งเรื่องให้ รมว.ยุติธรรมถวายความเห็น เสนอไปยังสำนักพระราชวังตามขั้นตอนปกติ สุดท้ายแล้วเป็นพระราชอำนาจ
นายวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้นายพร้อมพงศ์และนายเกียรติอุดม ที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นั้น ยังไม่ได้รับการจัดชั้นนักโทษ ต้องอยู่ในเรือนจำ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย จึงจะได้รับการประเมินจัดชั้นเพื่อรับสิทธิผู้ต้องขัง เช่น การลดวันต้องโทษ การพักโทษ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบเรือนจำ