Payut22


'กฤษฎา'โผไม่พลิก มท.แซด เป็นปลัดขาลอย 
กมธ.ขยายยกร่าง 30 วัน บิ๊กตู่โต้สอดแนมมือถือ อังคณาติดโผกสม.ใหม่ 

      'กฤษฎา' ฉลุย นั่งปลัดมหาดไทยตามโผ วิจารณ์ แซดถูกรายล้อมด้วยสิงห์ดำหวั่นเกิดสภาพปลัดขาลอย'บิ๊กตู่'ชี้ปรับทีมศก. เสนอความเห็นได้ แต่ขอคิดเอง โต้จ้างแฮ็กเกอร์อิตาลีสอดแนมคนใช้มือถือ-คอมพิวเตอร์ กมธ.ยกร่างฯย้ำปมตัดสิทธิ์ ไม่ได้เอาผิดย้อนหลัง 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' ชี้เฉพาะตัวการโกงเลือกตั้ง กรรมการบริหารพรรคไม่เกี่ยว ส่วนกรณีทุจริตคดีต้องถึงที่สุด แต่ไม่พูดถึงกรณีสมาชิก "111-109" คสช.อนุญาต 'วรเจตน์'ไปเยอรมัน ปล่อยชั่วคราว 'รินดา'หลังตร.ขอฝากขังผัดสอง กสม.เปิดรายชื่อว่าที่ 7 กสม.ชุดใหม่ 'อังคณา นีละไพจิตร'ติดโผด้วย

 

วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9002 ข่าวสดรายวัน 


เปิดงาน - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดตัวคู่มือสำหรับประชาชน และเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ ณ บริเวณด้านหน้าตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 21 ก.ค.

  

ครม.อนุมัติ 9 บิ๊กมหาดไทย 
       เวลา 09.00 น. วันที่ 21 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมครม. โดยนายกฯ และครม.พร้อมใจกันสวมใส่เสื้อโปโลสีฟ้า Bike For Mom เพื่อรณรงค์กิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 12 ส.ค. 2558 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 16 ส.ค.นี้ นายกฯสั่งการ ในครม.ว่า การประชุมครม.สัปดาห์หน้าขอให้ครม.นำจักรยานมาด้วย
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครม.มีมติแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 9 ตำแหน่ง ได้แก่ นายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย นายไมตรี อินทุสุต รองปลัดกระทรวง เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายจรินทร์ จักกะพาก รองปลัดกระทรวง เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รองปลัดกระทรวง เป็นอธิบดีกรมที่ดิน ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต ผวจ.สมุทรสาคร รักษาการรองปลัดกระทรวง เป็นอธิบดีกรมการปกครอง
     นายชยพล ธิติศักดิ์ ผวจ.นครสวรรค์ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผวจ.นราธิวาส เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายประทีป กิติเรขา ผวจ.อุบลราช ธานี เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นาย สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผวจ.ชัยนาท เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป

'กฤษฎา'ผงาด-ห่วงปลัดขาลอย
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายกฤษฎา จบคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นสิงห์ทองคนแรกที่ขึ้นสู่ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ผ่านมา นายกฤษฎา เป็นคนทำงาน มีฝีมือ ได้ชื่อเป็นคนมือสะอาดตั้งแต่รับราชการอยู่ในส่วนภูมิภาค ผ่านงานในพื้นที่ภาคใต้ มีประสบการณ์ในตำแหน่งสำคัญ ทำงานเข้าตาและใกล้ชิดผู้ใหญ่ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ยะลา และสงขลา จึงมี ผู้สนับสนุนให้ขึ้นสู่ตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองกระทั่งก้าวขึ้นเป็นปลัดกระทรวงได้
     อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยที่เหลือถูกยึดครองโดยสิงห์ดำ หรือผู้ที่จบจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เกือบทั้งหมด ทั้งกรมการปกครอง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมที่ดิน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รวมถึงรองปลัดกระทรวง ซึ่งตำแหน่งเหล่านี้ล้วนทำหน้าที่เสมือนแขนขาของปลัดกระทรวง แต่นายกฤษฎา เป็นสิงห์ทองเพียงคนเดียว จึงมีเสียงวิจารณ์แสดงความเป็นห่วงว่ากลไก ขับเคลื่อนงานของกระทรวงภายใต้การบริหารของนายกฤษฎา อาจมีปัญหาอุปสรรค จนกลายเป็นปลัดขาลอยหรือสะดุดล้มได้
      พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า มติครม.อนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแต่งตั้ง นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น รองปลัดกระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง 

ประยุทธ์แจงตั้งกก.กระตุ้นศก. 
      เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ แถลงหลังประชุมครม. ถึงความก้าวหน้างานด้านเศรษฐกิจว่า ถ้าเราพูดว่าไม่ดี เสียหาย ก็ไม่น่ามีอะไรดีขึ้น วันนี้เราพยายามทำทั้งระบบ ทั้งเศรษฐกิจระดับชาติในประเทศ ในอาเซียน เปิดตลาดไปเยอะแล้ว วันที่ 20 ก.ค.ลงพื้นที่จ.ระยอง ก็ดีใจเพราะผลไม้มีราคาสูงขึ้น มีคนไปเที่ยวแบบโฮมสเตย์กันจำนวนมาก น้ำที่จ.ระยองก็เยอะเพราะมีแหล่งน้ำ ฝนตกก็มีที่เก็บ อยากให้ตรงนี้เป็นบทเรียนว่าต้องสร้างแหล่งน้ำเยอะๆ จากภาครัฐและตัวเอง 
      เมื่อถามว่า การตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ มีเหตุผลอะไร นายกฯ กล่าวว่า ตนกังวล วันนี้มีการใช้งบประมาณหลายประเภทด้วยกัน 1.ค่าใช้รายปี-ประจำปีของรัฐตามงบประมาณ 2.งบเงินกู้ ซึ่งมีโครงการใหม่ๆ หลายโครงการ เป็นกังวลว่าบางโครงการใช้เงินไปมากน้อยอย่างไร ตรงนี้คือสิ่งที่รัฐบาลควรทำ ที่จริงเรากังวลมาตลอดอยู่แล้ว สมมติน้ำ 3 แสนกว่าล้านบาท วันนี้ทำได้แค่นั้นก็แค่นั้น เราจะไม่ผูกพันงบประมาณจนเต็มระบบ มันทำไม่ได้ อันไหนจำเป็นก็จำเป็น ที่เป็นโครงการความร่วมมือแม้กระทั่งความร่วมมือไทย-จีน ก็มีปลีกย่อยมากเพราะแยกคณะกันทำ เราเร่งได้อยู่แล้วแต่กระบวนการประชาพิจารณ์ไม่ใช่เรื่องง่าย

ปรับครม.เสนอมาเดี๋ยวคิดเอง
      เมื่อถามว่า การตั้งคณะกรรมการ เพราะห่วงเรื่องเศรษฐกิจมหภาคใช่หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ห่วงมาตลอด ตนไม่ได้สั่งงานเป็นชิ้น แต่สั่งงานในเชิงบูรณาการทั้งหมดอยู่แล้ว รัฐบาลนี้ดูคน 70 ล้านคนไม่ได้ดูแค่ 10 ล้านคน หรือดูแต่พวกไม่มี ฉะนั้นต้องดูทั้งมหภาค จุลภาค ดูหมด เศรษฐกิจแนวใหม่ต้องเสริมซึ่งกันและกัน อุตสาหกรรมเสริมอุตสาหกรรมที่ไม่มีมลพิษ การเกษตรต้องปรับเป็นเกษตรสมัยใหม่ เกษตรกรต้องเป็นสมาร์ทฟาร์เมอร์ สร้างตลาดระดับบน ระดับกลาง ระดับล่างในประเทศ นอกประเทศในชุมชน ชายแดนเศรษฐกิจพิเศษ วันนี้เอกสารเป็นปึกๆ เอาผลวิจัย เอางานที่เอกชนเสนอเข้ามาดูมาอ่าน สั่งการทุกวัน วันนี้ก็แจกครม.ไปดู ตรงกับที่เราทำอยู่แล้วแต่ตนอยากให้เอาตัวเลขเหล่านี้และผลวิจัยมาให้รับรู้ทั่วกันว่าเราทำไปบ้าง 
      เมื่อถามว่า ต้องมีการปรับทีมเศรษฐกิจเพื่อให้การบริหารดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปรับมา ปรับมาเลย เสนอมาตนจะรับ เดี๋ยวตนไปคิดเอง

โต้จ้างแฮ็กเกอร์สอดแนม
       เมื่อถามถึงกรณีเว็บไซต์เปิดโปงวิกิลีกส์ มีรายงานว่ากองทัพบกไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จ้างแฮ็กเกอร์จากอิตาลีสอดแนมข้อมูลจากผู้ใช้โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ นายกฯ กล่าวว่า ทำไมต้องเชื่อวิกิลีกส์ ที่ผ่านมาวิกิลีกส์โดนฟ้องมาก กฎหมายไทยเราก็มีและทำไมเราจึงต้องพึ่งแฮ็กเกอร์ 
     เมื่อถามว่า จะฟ้องร้องตามกฎหมายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อบ้านเรายังทำอะไรไม่ได้เลย และที่ระบุว่ามีการจ้างเมื่อสมัยที่ตนยังเป็นผบ.ทบ.นั้น ยืนยันว่าวิกิลีกส์นี้ตนไม่รู้จักและไม่ได้ทำ ไม่มีเหตุผลต้องทำและไม่ใช่หน้าที่ของตนด้วย หากไม่มีความผิดก็ไม่มีใครอยากเข้าถึงแหล่งข้อมูล ตนรู้ว่าสื่อไม่มีเจตนาแต่ขออย่าสร้างกระแส ถามว่าสื่อเชื่อในสิ่งที่ตนเข้ามายืนในวันนี้หรือไม่ หากเชื่อก็ต้องมาร่วมมือกัน หากไม่เชื่อตนก็ไม่อยู่ จะอยู่ให้เดือดร้อนทำไม 
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีสื่อเสนอข่าวอ้างรายงานวิกิลีกส์ ที่ระบุกองทัพบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซื้อโปรแกรมจากหน่วยสอดแนม (HT) จากอิตาลี มูลค่า 10 ล้านบาท เพื่อสอดแนมผู้ใช้โทรศัพม์มือถือและคอมพิวเตอร์
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงนโยบายด้านการต่างประเทศว่า วันที่ 23 ก.ค.จะมีการประชุมครม.ร่วม 2 ชาติคือไทยและเวียดนามอย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 3 มีหลายเรื่องที่จะหารือร่วมกัน เช่น การท่องเที่ยวโดยจะเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมถึงกันได้ทั้งรถยนต์และชายฝั่งโดยใช้เส้นทางเรือ ยังมีการเจรจาเรื่องการใช้ยานพาหนะข้ามแดน ที่ผ่านมามีปัญหาหมดจะนำทุกเรื่องมาพูดกัน

บ่จอยโดนถามเรื่องรธน. 
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกรณีคณะกรรมาธิ การ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีมติตัดสิทธิบุคคลที่ถูกถอดถอนในคดีทุจริตตลอดชีวิตว่า เป็นเรื่องของกฎหมายว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ตนไม่มีความเห็น เมื่อถามว่าคิดว่าอนาคตจะดีหรือไม่ถ้ากำหนดประเด็นนี้ไว้ในรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไปดูคนว่าดีหรือไม่ดี ต้องดูคนก่อน ถ้าได้คนดีก็ดี 
      "วันนี้ ไม่ใช่เสนอแต่เรื่องการเมือง เสนอว่านายกฯ มาจากการเลือกตั้ง เสนออยู่แค่นี้ มันยังไปไม่จบเลย ก่อนหน้านี้ประกาศไปแล้วการเป็นสมาชิกสปช. ให้พรรคการเมืองส่งคนเข้ามา ใครก็ได้ เขาบอกเขาไม่มา เขาไม่อยากอยู่ในความขัดแย้ง วันนี้บอกไม่รู้เรื่องเพราะเราไม่ถาม พูดอย่างนี้ได้อย่างไร พูดแบบนี้กับพูดแบบผม จะเชื่อแบบไหน ผมไม่รู้ วันนี้ตัวแทนเขาก็มีอยู่ แต่ส่งเข้ามางั้นๆ ตัวหลักๆ ไม่เข้ามา ก็มาโจมตีผมทุกวัน อย่ามาพูดอย่างนี้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

กมธ.ย้ำตัดสิทธิ์ไม่ย้อนหลัง
      เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายมานิจ สุขสมจิตร รองประธานกมธ.ยกร่างฯ คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม มีวาระรับรองรายงานการประชุมที่ค้างการพิจารณากว่า 20 เรื่อง ส่วนใหญ่ค้างมาจากการประชุมกมธ.ยกร่างฯ นอกสถานที่ที่พัทยา จ.ชลบุรี รวมทั้งจะพิจารณารายงานหมวดปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง ก่อนเข้าสู่วาระ นายมานิจกล่าวกรณีมีข่าววิจารณ์เรื่องประเด็นการตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตของนักการเมืองที่ทุจริตและให้มีผลย้อนหลังว่า เป็นการบิดเบือนและคิดแบบศรีธนญชัย ยืนยันว่าไม่ได้มีข้อห้ามหรือมีผลย้อนหลัง แต่เป็นข้อห้ามของผู้ที่กระทำผิดเพื่อไม่ต้องการให้คนไม่ดีเข้ามาสู่ระบบการเมือง 
     น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โฆษกกมธ.ยกร่างฯ ควรแถลงหรือให้ข่าวกับสื่อมวลชนได้เฉพาะประเด็นที่มีความชัดเจนแล้วเท่านั้น เพราะจากกระแสที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งที่ไม่ใช่ความเข้าใจที่ถูกต้อง

เลิศรัตน์ไล่ไปอ่านรธน.เอง 
     พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกกมธ. ยกร่างฯ ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนเกี่ยวกับการตัดสิทธิ์ผู้สมัครเลือกตั้งส.ส.ในมาตรา 111 (8) ที่บัญญัติว่าบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษา หรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือกระทำการทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรมจะไม่สามารถลงสมัครส.ส. ว่า ที่จริงทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่ชัดในรัฐธรรม นูญ ที่ผ่านมาบทบัญญัติในลักษณะนี้ก็อยู่ในรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550 
    เมื่อถามว่า พอยืนยันได้หรือไม่ว่าผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งจากเหตุถูกยุบพรรค และรับโทษห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาครบแล้ว 5 ปี จะกลับมาลงสมัครเลือกตั้งได้ พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า "ให้อ่านเอง ผมคงไม่ตอบ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของกมธ.ยกร่างฯที่ต้องตอบในรายละเอียดที่เกี่ยวกับตัวบุคคล หรือคณะบุคคล เพราะการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้นยกร่างในหลักการที่สำคัญ เพื่อให้เกิดการยึดถือในทางปฏิบัติ ถ้าไปยึดถือเรื่องตัวบุคคลก็จะตั้งคำถามไม่จบสิ้น"

ทำบันทึกในเจตนารมณ์รธน.
     นายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า กมธ.ยกร่างฯมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ในเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญว่าจะจำกัดสิทธิ์เฉพาะบุคคลที่เป็นตัวการทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรมเท่านั้น ส่วนกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์จากการกระทำของบุคคลที่เป็นตัวการ จะไม่ถูกตัดสิทธิ์ลงสมัครเลือกตั้ง เช่นเดียวกับผู้ที่เคยต้องคำพิพากษา หรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ กมธ.ยกร่างฯ จะบันทึกในเจตนารมณ์ว่าต้องเป็นกรณีที่บุคคลถูกคำพิพากษาถึงที่สุดว่า มีความผิดฐานทุจริตเท่านั้นถึงจะไม่มีสิทธิ์สมัครส.ส. แต่หากเป็นกรณีบุคคลถูกคำสั่งของป.ป.ช. ว่ามีความผิด โดยศาลยังไม่มีคำพิพากษาให้ถึงที่สุดจะยังมีสิทธิ์สมัครเลือกตั้งส.ส.ได้

กมธ.เพิ่มเวลาปรับแก้รธน. 30 วัน
      พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกกมธ. ยกร่างฯ ให้สัมภาษณ์ว่า กมธ.ยกร่างฯ มีมติเอกฉันท์ให้ขยายเวลาการทำงานออกไปอีก 30 วัน ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 2557 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ที่เปิดช่องให้ขยายกรอบเวลาทำงานไม่เกิน 30 วัน โดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ จะทำหนังสือถึงนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. บ่ายวันนี้ เพื่อแจ้งให้ที่ประชุมสปช.รับทราบต่อไป
      พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวถึงเหตุผลการขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน เนื่องจากต้องมีการ ยกร่างเนื้อหาในภาค 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดองใหม่ทั้งหมด เพื่อใช้ในการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องรอผลสรุปของกมธ.ปฏิรูปของสปช.ทั้ง 18 คณะมาพิจารณาด้วย รวมถึงต้องใช้เวลาเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการปรับแก้เนื้อหาต่อผู้ยื่นคำขอแก้ไขทั้ง 9 กลุ่มรับทราบ เบื้องต้นกมธ. ยกร่างฯ กำหนดวันชี้แจงการปรับแก้ไขรัฐธรรม นูญให้แก่ผู้ยื่นคำขอแก้ไขทั้ง 9 กลุ่ม วันที่ 17-19 ส.ค. และกมธ.ยกร่างฯจะต้องทบทวนเนื้อหา ทั้งการพิจารณาเรื่องบทเฉพาะกาล การจัดลำดับและอ้างอิงเลขมาตรา เพื่อให้ได้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์พร้อมบันทึกเจตนารมณ์ภายในวันที่ 22 ส.ค.และส่งให้สปช.พิจารณา 15 วัน จึงลงมติภายใน 3 วันหลังการพิจารณาคือช่วงวันที่ 5-7 ก.ย.นี้
       นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) กล่าวว่า สปช.จะรับทราบคำขอขยายเวลาการพิจารณาคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญจาก 60 วันเป็นไม่เกิน 90 วัน ของคกมธ.ยกร่าง ในการประชุมสปช.วันที่ 22 ก.ค. ซึ่งกมธ.ยกร่างฯจะต้องส่งร่าง รัฐธรรมนูญให้สปช.ภายในวันที่ 22 ส.ค.และสปช.จะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ระหว่างวันที่ 5-7 ก.ย.

กกต.ยังดิ้นขออำนาจแจกใบแดง 
       เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงว่า ที่ประชุมกกต.มีมติให้ทำจดหมายถึงกมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพบว่าตกประเด็นสำคัญคือรัฐธรรมนูญ 2550 ระบุว่าเมื่อศาลรับคำร้องใบเหลือง-ใบแดงจาก กกต.แล้ว ส.ส. ส.ว.ที่ถูกร้องต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่โดยทันที แต่รัฐธรรมนูญฉบับที่ยกร่างอยู่นี้ไม่ได้ระบุไว้ ดังนั้น กกต.จะเสนอเรื่องนี้ไปยังกมธ.ยกร่างฯ จะรวมถึงนายกฯ รองนายกฯและรัฐมนตรีเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะถ้าร่างฉบับนี้ไม่มีประโยคดังกล่าว ถ้าคนๆ นั้นเข้าสู่ตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ได้จะส่งผลเสียหายมาก อาจใช้ตำแหน่งหน้าที่ข่มขู่พยานยก ตัวอย่างกรณีการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค. 2550 คนที่กกต.ให้ใบแดงอยู่ในตำแหน่งประธานรัฐสภา กว่าจะถูกศาลให้ใบแดงต้องใช้เวลาถึง 7 เดือน จนถึงขณะนี้ผ่านมา 8 ปี คนที่เป็นพยานยังไม่สามารถกลับเข้าพื้นที่ได้ 
      นายสมชัย กล่าวว่า แม้จะหมดช่วงรับฟังความเห็นหรือปรับแก้แล้ว แต่ทราบว่ากมธ.ยกร่างฯลงมติขยายเวลา 30 วัน จึงอยากให้กมธ.ยกร่างฯทบทวนเรื่องต่างๆ ที่ค้างอยู่ ทั้งเรื่องที่กกต.เสนอไป เช่น ใบส้ม หรือขอคืนอำนาจให้ใบแดง รวมถึงกรณีการเพิ่มเติมถ้อยคำด้วย ดังนั้น เวลาที่เหลือยังมีเวลาให้คิดปรับแก้ให้เหมาะสม ไม่อยากให้กมธ.ยกร่างฯ ทำงานโดยไม่สามารถสร้างภาพความชัดเจนให้การเมืองไทย วิธีคิดของกมธ.ยกร่างฯ จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบจากประชาชนและฝ่ายต่างๆ เพื่อนำความเห็นไปทบทวน 

จี้แก้ไขสภาพ'แกว่ง-มัว-ธง'
      นายสมชัยกล่าวว่า ไม่อยากให้ประชาชนมองว่ากมธ.ยกร่างฯ คือ แกว่ง มัว ธง "แกว่ง" หมายถึงหลักคิดกลับไปกลับมา พอมีคนว่าเยอะๆ ก็กลับไปกลับมา เช่น ระบบเลือกตั้งแบบโอเพ่นลิสต์ การจับสลากส.ว.หรือกรณีคณะกรรมการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) ดังนั้น ถ้าจะแกว่งควรแกว่งในทางที่ดีงาม ถ้าหลายเรื่องปรับให้ดีขึ้น ภาพการแกว่งก็จะหายไป "มัว"คือคนในสังคมรู้สึกว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้ไม่สามารถทำให้เห็นภาพว่าการเลือกตั้งจะปราศจากการซื้อเสียง หรือทำให้คนซื้อเสียงเข้ามาไม่ได้ กมธ.ยกร่างฯ ต้องล้างภาพมัวออก ให้เกิดความชัดเจนว่ากติกาจัดการทุจริตได้ และ "ธง" อย่าทำให้ถูกมองว่ากมธ.ยกร่างฯมีธงหรือไม่ คือร่างที่ออกมาไม่ควรเข้าทางหรือทำให้ฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบ จำกัดสิทธิฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ แกว่ง มัว ธง แก้ได้ภายใน 1 เดือนนี้

สมาชิก'111-109'พ้นไปแล้ว
      นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกมธ. ยกร่างฯเห็นชอบให้ตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีพผู้ที่ถูกถอดถอน ว่า ในฐานะนักกฎหมาย การตัดสินคดีตามหลักสากลที่อาจารย์สอนมานั้นไม่ให้มีผลย้อนหลัง หากเป็นคุณก็ไม่เป็นไร แต่หากย้อนหลังในทางเป็นโทษหลังจากพ้นโทษมาแล้วนั้นไม่เคยมี เพราะกฎหมายควรทำให้เป็นที่ยอมรับทั้งภายในและนอกประเทศ ทั้งนี้ ไม่ขอวิจารณ์ถึงเจตนาในการเขียนเช่นนั้น เพราะถือเป็น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 
      เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่าการระบุเช่นนั้นเพื่อปิดทางน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และอดีตรัฐมนตรี รวมถึงพรรคเพื่อไทย ไม่ให้กลับมาเล่นการเมือง นายสมชายกล่าวว่า ไม่รู้เจตนาคนเขียนและไม่ได้คิดว่าจะปิดทางใครหรือไม่ แต่ที่คิดคือการเขียนกฎหมายต้องตามหลักสากล มีความถูกต้องชอบธรรม ส่วนสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109 ที่มีข้อสงสัยว่าอยู่ในข่ายด้วยหรือไม่นั้น บุคคลเหล่านั้นเขาพ้นไปหมดแล้ว จึงไม่ควรพูดถึงเพราะจบไปแล้ว หากมีการทำผิดขึ้นใหม่จึงจะมาว่ากันอีกครั้ง สมมติว่าคนหนึ่งขโมยของแล้วศาลตัดสินจำคุก 3 ปี เมื่อพ้นออกมาแล้วไปประกอบอาชีพ แต่ต่อมาบอกให้ไปรับโทษอีก 10 ปีนั้นทำไม่ได้

จาตุรนต์ อัดละเมิดหลักยุติธรรม 
      นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิ การ กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นการปิดทางอดีตนายกฯ รวมถึงอดีตรัฐมนตรีอีกหลายคนที่อาจถูกถอดถอนในอนาคต แสดงให้เห็นว่าผู้ที่วางกฎกติกายังจมอยู่กับการหาทางสกัดกั้น ทำลายล้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งในสังคมมีมากขึ้น การลงโทษเรื่องนี้มี 2 ส่วนคือ การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแล้วไปตัดสิทธิทางการเมืองอื่น รวมทั้งการลงสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อถูกถอดถอนแล้วยังถูกเพิกถอนสิทธิการเมือง ที่จำกัดสิทธิดำรงตำแหน่งต่างๆ ของผู้เคยถูกถอดถอน ซึ่งประเทศอารยะเขาไม่ทำกันง่ายๆ แบบไทยที่จำกัดสิทธิพลเมืองและสิทธิของความเป็นมนุษย์ ทั้งที่เป็นพลเมืองเสียภาษี แต่ไม่ให้มีสิทธิเลือกตั้งบุคคลเข้ามาบริหารประเทศหรือท้องถิ่น ถือเป็นระบบที่ป่าเถื่อนและละเมิดหลักยุติธรรม


ขึ้นศาล - นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ นักวิชาการคณะนิติฯเดินทางมาขึ้นศาลทหาร ในฐานะจำเลยในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. นอกจากนี้นายวรเจตน์ได้ขอเดินทางไปประเทศเยอรมัน ระหว่างวันที่ 27 ก.ค.-7 ส.ค.นี้ เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับกฎหมายด้วย เมื่อวันที่ 21 ก.ค.


      นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การเลือกมาปิดช่องทางโดยกำหนดเรื่องคุณสมบัติผู้เคยถูกถอดถอนไม่ให้มีคุณสมบัติทางการเมือง นอกจากถูกถอดถอนแล้วยังลงโทษตามมาด้วยการเพิ่มโทษตลอดชีวิตและมีการย้อนหลัง ขัดต่อหลักนิติธรรมอย่างร้ายแรง การอ้างว่าไม่ใช่การลงโทษทางอาญาสามารถทำได้นั้น เป็นประเทศเดียวที่อ้างแบบนี้ ประเทศอารยะเขาไม่ทำเพราะมองเป็นเรื่องร้ายแรง แต่ผู้มีอำนาจกลับเห็นว่าเรื่องนี้เล็กกว่าโทษปรับในคดีอาญา เพียงเพื่อทำลายฝ่ายหนึ่งเท่านั้น

ประสารชี้ '111-109' โดนบางคน
     เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุม สปช. มีน.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานสปช.คนที่ 2 เป็นประธาน ก่อนเข้าสู่วาระ นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิก สปช. หารือว่า ขณะนี้ประเด็นที่วิจารณ์กันมากคือเรื่องการตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตคนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งตนหารือกับนักกฎหมายและบอกไปว่าไม่ใช่การลงโทษย้อนหลัง แต่เป็นการกำหนดคุณสมบัติต้องห้ามทางการเมือง ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 กำหนดสิ่งเหล่านี้ไว้ว่าคนโกง คนที่ต้องคำพิพากษาจำคุก คนที่ให้ออกจากราชการและคนที่ถูกยึดทรัพย์ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง และบทบัญญัตินี้ยังเน้นย้ำคนที่กระทำความผิด แต่คนที่ติดร่างแหไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ฉะนั้นบ้านเลขที่ 111 และ 109 จะโดนเฉพาะตัวบุคคลไม่ใช่คนที่ติดร่างแห
     นายประสาร กล่าวว่า นอกจากนี้ยังเดินตามรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาตรา 35 ที่ระบุว่ากมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้ครอบคลุม โดยเฉพาะในข้อ 4 กลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและตรวจสอบมิให้ผู้เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบหรือเคยกระทำการอันทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม เข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างเด็ดขาด ความหมายคือถ้ามีความผิดฉกรรจ์ก็ต้องตลอดชีวิต เปรียบก็เหมือนแตงโมเน่า เน่าใน เน่าทั้งลูก เราจะเอามากินหรือไม่ จะทำให้ท้องเสีย อาการแบบนี้คืออาการของวัวสันหลังหวะที่ทำความผิดแล้วโวยวาย เชื่อว่าข้อบัญญัตินี้ประชาชนทั้งประเทศต้อนรับ มีแต่คนที่ทำความผิดไว้เท่านั้นที่เดือดเนื้อร้อนใจ

เปิดรายชื่อ 7 ว่าที่กสม.ชุดใหม่
     ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เผยแพร่ประกาศผลการสรรหากสม. ที่คณะกรรมการสรรหาได้พิจารณาคัดเลือกในวันนี้ โดยมีผู้ได้รับการคัดเลือก 7 คน 1.นางฉัตรสุดา จันทร์ดียิ่ง เลขานุการศาลเยาวชนและครอบครัวจ.สมุทรปราการ 2.นายบวร ยสินทร อดีตแกนนำเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน 3.นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรี 
      4.นายวัส ติงสมิตร ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม 5.นพ.ศุภชัย ถนอมทรัพย์ อาจารย์พิเศษคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี 6.นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ 7.นางอังคณา นีละไพจิตร นักเคลื่อนไหวสตรี ภรรยาของนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตทนายความที่หายสาบสูญไป 
       ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหา จะเสนอรายชื่อผู้ได้รับเลือกพร้อมความยินยอมของผู้นั้นต่อประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา เพื่อให้ดำเนินการตามมาตรา 206 (2) ของรัฐธรรมนูญ 2550 เสนอรายชื่อให้ที่ประชุมสนช.เห็นชอบภายใน 30 วัน หากเห็นชอบให้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ แต่หากที่ประชุมสนช.ไม่เห็นชอบให้ส่งรายชื่อกลับมายังคณะกรรมการสรรหา ถ้าคณะกรรมการสรรหายืนยันตามมติเดิมด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ ประธานสนช.ต้องนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งต่อไป 

สนช.ตั้งกมธ.สอบประวัติ 
     ด้านนางวิสา เบ็ญจมะโน กสม. เห็นว่า ขอแสดงความยินดีกับบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกเป็นกสม.ชุดใหม่ เมื่อดูจากรายชื่อมีความหลากหลาย ทั้งนักกฎหมาย แพทย์ และนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนที่ทำงานในพื้นที่ และความหลากหลายในเรื่องสัดส่วนชายหญิง ถือว่าการคัดเลือกครั้งนี้ตามหลักการปารีส เชื่อว่กสม.ชุดใหม่น่าจะมีแนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนที่แตกต่างและแปลกใหม่ รวมทั้งสานต่องานจากกสม.ชุดเดิมได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทยในปัจจุบันจะทำให้การทำหน้าที่ของ กสม.ชุดใหม่ยากกว่าเดิมหรือไม่นั้น เห็นว่าเราควรยึดหลักการสิทธิมนุษยชน ส่วนมุมมองของนานาชาตินั้น หากเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ เช่น ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ก็ต้องมีบทบาททำงานร่วมกับกสม. 
      นายยุทธนา ทัพเจริญ โฆษกกมธ.วิสามัญกิจการ สนช. หรือวิปสนช. เผยว่า ในการประชุมสนช.วันที่ 23 ก.ค. จะตั้งกมธ.วิสามัญขึ้นมา 1 ชุด เพื่อตรวจสอบประวัติความประพฤติทางจริยธรรมของผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็น กสม.ทั้ง 7 คน ภายใน 30 วัน 

สปช.ถกรายงานปรองดอง
     เวลา 18.40 น. ที่รัฐสภา มีการประชุม สปช. นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. เป็นประธาน พิจารณารับทราบรายงานและข้อเสนอแนะเบื้องต้นในการสร้างความปรองดองของคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สปช. ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน 
      สาระสำคัญของรายงานมีแนวทางสร้างปรองดอง 6 แนวทาง โดยเงื่อนไขการนิรโทษกรรมไม่หมายรวมถึงคดีทุจริตคอร์รัปชั่น คดีอาญาร้ายแรง และคดีมาตรา 112 รวมถึงจะไม่นิรโทษกรรมผู้ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง เบื้องต้นควรนิรโทษกรรมเฉพาะ ผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติเฉพาะคดีที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองเท่านั้น หลังจากนั้นจึงพิจารณาการนิรโทษกรรมในขั้นตอนต่อไป อาทิ แกนนำ โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องมีการสำนึกรับผิดต่อสาธารณะ 
       สมาชิก สปช.อภิปรายอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับรายงานว่าจะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ มีเพียงบางส่วนไม่เชื่อว่าทำได้ อาทิ นายวันชัย สอนศิริ ที่มองว่าคนยังไม่ปรองดอง หากเลือกตั้งเมื่อไรไฟจะลุกโชนขึ้นมาทันที ขณะที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ เสนอเรื่องการสร้างปรองดองให้ออกกฎหมายหยุดคดีไว้ก่อนแต่ไม่ใช่การนิรโทษกรรม และให้ปล่อยตัวผู้ถูกดำเนินคดีเป็นอิสรภาพ หากใครถูกจับอีกให้เอาเรื่องเดิมมาดำเนินคดีต่อ ส่วนนายนิรันดร์ พันธกิจ กล่าวว่า ต้องปรองดองให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง 

เห็นชอบก่อนส่งครม. 
      นางพะเยาว์ อัคฮาด ญาติผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ในฐานะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง กล่าวชี้แจงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า กระบวนการปรองดองยากมาก เพราะตนคือเหยื่อการเมืองรู้สึกเจ็บปวดแต่ต้องเก็บไว้ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ การปรองดองต้องเริ่มที่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบผ่านการสูญเสียจากเหตุการณ์ทางการเมือง การนิรโทษฯ ที่คณะกรรมการเสนอเกิดจากการไปพบทุกคนที่อยู่ในเรือนจำว่าต่างเดือดร้อน และพบด้วยว่าเมื่อเขาอยู่ในเรือนจำด้วยกันเขาไม่มีสี เพราะรู้ตัวแล้วว่าเป็นเหยื่อของการเมือง การนิรโทษฯ จะทำให้พวกเขาออกมาบอกต่อคนในสังคมว่า แม้เห็นต่างกันแต่อยู่ร่วมกันได้ 
      นายดิเรก ถึงฝั่ง ที่ปรึกษาคณะกรรมการ กล่าวสรุปว่า อยากเห็นคณะกรรมการสมาน ฉันท์แบบถาวร แต่ระยะเวลาการทำงานจะสั้นหรือยาวขึ้นกับสถานการณ์ เรื่องแบบนี้ไม่จบได้ใน 2-3 ปี จำเป็นต้องมีคนคอยเชื่อมเพื่อให้พูดคุยกันตลอดเวลาก่อนนำไปสู่การนิรโทษฯ ในที่สุด ซึ่งยืนยันชัดว่าไม่ต้องการสุดซอย ขอแค่ต้นหรือกลางซอยเท่านั้น และจะไม่แตะต้องคดีอาญา 
      ขณะที่นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานคณะกรรมการ กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญจะกำหนดให้มีองค์กรกลางคอยทำหน้าที่สร้างปรองดอง ซึ่งต้องมีนายกฯ อยู่ด้วย เพื่อคอยทำหน้าที่ปรองดองและปฏิรูป พร้อมกันนี้จะมีคณะกรรมการอิสระเสริมสร้างความปรองดอง (กอส.) 15 คน คอยทำหน้าที่อย่างเป็นรูปธรรม 
      หลังอภิปรายกว่า 3 ชั่วโมงที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบกับรายงานฉบับดังกล่าว เพื่อส่งต่อให้ครม.พิจารณาดำเนินการต่อไป ด้วยคะแน 162 ต่อ 5 งดออกเสียง 7 

คสช.อนุญาต'วรเจตน์'ไปเยอรมัน 
      เวลา 09.30 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม คณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ ครั้งที่ 2 คดีหมายเลขดำ 32 ก./2557 ที่อัยการทหารเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นจำเลยความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเรียกรายงานตัวตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 5/2557 ลงวันที่ 24 พ.ค.2557 และฉบับที่ 57/2557 ลงวันที่ 9 มิ.ย.2557 ซึ่งความผิดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยอัยการทหารยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2557 
      นายวรเจตน์ เดินทางมาถึงศาลทหารโดยมีประชาชนจำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจ รวมทั้ง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด 1 ใน 14 นักศึกษาที่ถูกจับกุมมาให้กำลังใจเช่นกัน โดย 2 ฝ่าย ทักทายพูดคุยเรื่องความเป็นอยู่ทั่วไป ก่อนนายวรเจตน์จะเข้าไปในศาลทหาร
      เวลา 10.30 น. นายวรเจตน์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า วันนี้ตามกำหนดเป็นการนัดสืบพยานโจทก์ปากที่ 2 คือ พ.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ แต่วันนี้พ.อ.ทรงวิทย์ ติดราชการ ฝ่ายอัยการโจทก์จึงเลื่อนการสืบพยานฝ่ายโจทก์ออกไปเป็นวันที่ 28 ต.ค. และจะนำพยานปากอื่นคือเจ้าหน้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 1 ขึ้นมาสืบพยานแทน พ.อ.ทรงวิทย์ก่อน 
      นายวรเจตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ตนยังขออนุญาตต่อศาลทหารขอเดินทางไปเยอรมนี วันที่ 27 ก.ค.-7 ส.ค. เพื่อศึกษาค้นคว้ากฎหมายวิธีการพิจารณารัฐธรรมนูญของประเทศเยอรมนี พร้อมทั้งไปศึกษาและดูตำราใหม่ๆ ด้วย ศาลทหารและคสช.อนุญาต แต่เมื่อเดินทางกลับมาแล้วจะต้องมารายงานตัวต่อศาลทหารภายใน 3 วัน

ปล่อยชั่วคราวสาวโพสต์หมื่นล. 
     เวลา 10.12 น. นางรินดา ปฤชาบุตร หรือหลิน อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบตาม พ.ร.บ.คอมพิว เตอร์ มาตรา 116 ทำให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน และมาตรา 348 ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจ เนื่องจากโพสต์ข้อความกล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ โอนเงินไปยังสิงคโปร์กว่าหมื่นล้านบาท ได้มารายงานตัวต่อศาลทหารหลังครบกำหนดผัดแรก 12 วัน 
      นางรินดา กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า มาตามที่ศาลทหารนัดและทนายความบอก ส่วนกำลังใจนั้นดีขึ้น เพราะสู้ข้างนอกก็ดีกว่าสู้ข้างใน เนื่องจากได้เห็นหน้าลูก ซึ่งเป็นคนเรารัก เรื่องนี้เป็นบทเรียนใช้ชีวิตให้รอบคอบและต้องระวังมากขึ้น อีกทั้งเชื่อว่ากรณีของตนนั้นเป็นกรณีที่พลาด ซึ่งไม่ได้เป็นกรณีที่ผิด 
      ต่อมาเวลา 12.30 น. น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐนันท์ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทีมทนายความของนางรินดา กล่าวภายหลังการรับฟังศาลทหารว่า พนักงานสอบสวนได้ยื่นขอฝากขังนางรินดา เป็นผัดที่ 2 ให้เหตุผลว่ายังต้องรอผลการตรวจสอบของกลาง และผลการตรวจทะเบียนประวัติอาชญากร ทางศาลทหารจึงอนุญาตฝากขังผัด 2 ต่อ แต่ก่อนหน้านี้นางรินดาทำเรื่องประกันตัวแล้วจึงใช้หลักทรัพย์ประกันตัวเดิม 1 แสนบาทปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมกำหนดเงื่อนไขเดิมคือห้ามแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ห้ามยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในสังคม หรือทำให้คนฝ่าฝืนกฎหมาย และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม ศาลทหาร นัดรายงานตัวผัด 3 ในวันที่ 29 ก.ค.นี้

คสช.ไม่ห้ามไปวันเกิดแม้ว 
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. เลขาธิการ คสช. ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวอดีตรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย เตรียมขออนุญาตไปต่างประเทศ เพื่อร่วมอวยพรวันคล้ายวันเกิดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ไม่ได้ห้าม และตอนนี้ยังไม่เห็นว่ามีการขออนุญาตเพื่อไปร่วมงานวันเกิดพ.ต.ท.ทักษิณ หากจะไปต่างประเทศต้องเป็นกิจที่มีเหตุผล เมื่อไปแล้วไม่ส่งผลกระทบหรือสร้างความเสียหาย ก็ไม่ได้ห้าม 
     เมื่อถามถึงกระแสข่าวทหารห้ามบางคนไปต่างประเทศ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ถ้าไปแล้วส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือไปร่วมกันคิดในทางไม่เรียบร้อย เราคงให้ไปไม่ได้ แต่ถ้าไปติดต่อธุรกิจ เยี่ยมบุตร ไม่เคยห้าม ทั้งนี้ต้องดูเหตุผลในการเดินทางด้วย ทหารให้โอกาสทุกคนและเชื่อว่าแต่ละคนทราบว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เช่น ไปประชุมประเทศนั้นประเทศนี้เพื่อให้รัฐบาลเดินต่อไม่ได้ ก็ไม่ควร ส่วนใหญ่ทหารให้ความร่วมมือเต็มที่ เพราะเราอยากให้เกิดความปรองดอง แต่จำเป็นต้องดู ขอให้ประเทศมีความสงบเรียบร้อย มีรัฐธรรมนูญ และมีการเลือกตั้งก่อน
     เมื่อถามว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขออนุญาตคสช.ไปต่างประเทศหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ใครก็ตามที่ศาลไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศก็ไปไม่ได้ หรือถ้ามีรายชื่อที่ถูกควบคุมอยู่ แม้ไม่ติดคำสั่งศาลก็ให้ไปไม่ได้ ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ได้ขออนุญาต คสช.ไปต่างประเทศ

บิ๊กต๊อกแจงขอยุ่นส่งกลับผู้ต้องหา
     พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการหารือกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้พูดคุยและขอความร่วมมือการส่งตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีไปที่ญี่ปุ่นกลับไทย เหมือนกับที่พูดคุยกับฝรั่งเศส เขารับทราบตามข้อเรียกร้องของทางการไทย จากนั้นเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นจะส่งเรื่องไปยังรัฐบาลญี่ปุ่น ส่วนทางการญี่ปุ่นจะให้ความหวังไทยหรือไม่นั้นไม่ทราบ เนื่องจากผู้ต้องหาส่วนใหญ่ต่างใช้กฎหมายผู้ลี้ภัยเพื่อคุ้มครอง 
      "เรายืนยันว่า ผู้หลบหนีมีฐานความผิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ดังนั้นการที่ผู้ต้องหาอ้างว่าลี้ภัยทางการเมืองนั้นไม่เป็นความจริง เราชี้แจงให้ทูตญี่ปุ่นรับทราบและเขาก็เข้าใจและจะเสนอต่อรัฐบาลญี่ปุ่นให้รับทราบต่อไป" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

ออกพรบ.โอนหมื่นล้าน-แก้แล้ง
      นายสมศักดิ์ โชติรัตนศิริ ผอ.สำนักงบประมาณ เผยหลังประชุมครม.ว่า คณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตในภาครัฐ (คตร.) รายงานต่อที่ประชุมว่า มีหน่วยงานที่ไม่สามารถทำสัญญาผูกพันในโครงการลงทุนประจำปีงบประมาณ 2558 อีก 3,100 ล้านบาท งบส่วนนี้จะรวมอยู่ในงบลงทุนที่ไม่สามารถสร้างภาระผูกพันได้ ภายในวันที่ 31 ก.ค.ตามมติครม. ซึ่งต้องออกพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายปี 2558 เพื่อให้งบส่วนนี้ไปอยู่ในงบกลางต่อไป รวมกับงบที่ คตร.เสนอล่าสุดแล้ว คาดจะมีงบที่ถูกโอนเข้าไปอยู่ในงบกลางรวมแล้วไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท 
      นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จะเสนอร่างพ.ร.บ. โอนงบฯ เข้าประชุมครม.ในวันที่ 4 ส.ค. ก่อนเสนอสนช. พิจารณาวันที่ 13 ส.ค. คาดจะออกเป็นกฎหมายได้วันที่ 20 ส.ค. จากนั้นจะนำงบทั้งหมดไปใช้ในโครงการต่างๆ ทั้งการช่วยเหลือด้านภัยพิบัติ ภัยแล้งและโครงการตามนโยบายของรัฐบาล นโยบายเร่งด่วนที่ต้องใช้ใน 2 เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2558
     นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีหน่วยงาน 130 กว่ากรม ที่แจ้งสำนักงบประมาณแล้วว่ามีโครงการลงทุนไม่สามารถทำสัญญาผูกพันได้ภายในวันที่ 31 ก.ค. รวมแล้วมูลค่าลงทุนรวม 1 หมื่นล้านบาท สัปดาห์หน้าสํานักงบประมาณจะเชิญทั้ง 130 หน่วยงานมาพูดคุยเพื่อให้กระบวนการออกพ.ร.บ.โอนงบฯ ดำเนินการได้ตามแผน ไม่ล่าช้า

เปิดศูนย์อำนวยความสะดวกปชช.
      เวลา 08.30 น. วันที่ 21 ก.ค. ที่หน้าตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดตัวคู่มือสำหรับประชาชน และเว็บไซต์ www.info.go.th ซึ่งเป็นศูนย์รวมข้อมูลตามคู่มือประชาชนของทุกหน่วยงานไว้ในจุดเดียว เพื่อสะดวกต่อการติดต่อราชการ รวมถึงหมายเลขสายด่วน 1111 ต่อ 22 เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ ภายหลังประกาศใช้พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ 2558 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 ก.ค. นี้ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวเปิดงาน 
     พล.อ.ประยุทธ์ไขกุญแจเป็นการปลดล็อกงานบริการไปสู่มิติใหม่ของการพิจารณาอนุมัติ อนุญาตของส่วนราชการเพื่อลดความล่าช้า ทำให้เกิดความโปร่งใส สะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ตรงเวลา พร้อมกล่าวเปิดงานว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานราชการพยายามทำทุกอย่างให้รวดเร็ว คนไทยใจร้อนจึงอยากให้ใจเย็นๆ ลงบ้าง วันนี้ทุกคนตั้งใจดูแลและให้บริการประชาชนเต็มที่ ขอฝากทุกคนขอให้พูดในสิ่งที่ดีๆ เพราะสิ่งดีๆ ยังมีมาก แต่กลับไปขุดคุ้ยขึ้นมากลบสิ่งที่ดีหมด กระทบต่อสิ่งที่ดีและกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวม
     จากนั้นนายวิษณุเป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ ร่วมกับภาคเอกชนและภาคราชการ ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถ.พิษณุโลก
     นายวิษณุ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์แจ้งให้ที่ประชุมครม.ทราบว่า พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกฯ มีผลบังคับใช้แล้ว ขอให้รัฐมนตรีเตือนข้าราชการในสังกัดให้เอาใจใส่ จะใช้หลายมาตรฐานตามอำเภอใจไม่ได้ เพราะการทำงานต้องเป็นไปตามคู่มือประชาชน ผลพลอยได้คือลดปัญหาทุจริต จากเดิมการซื้อความสะดวกจึงเกิดเรื่องใต้โต๊ะ ดังนั้นหากมีคู่มือที่กำหนดเวลาในบริการชัดเจนจะตัดปัญหาตรงนี้ได้มาก