- Details
- Category: การเมือง
- Published: Wednesday, 15 July 2015 14:49
- Hits: 4672
109 อุยกูร์ไม่ใช่ลี้ภัย จีนยันอีก สถานทูตออกโรง ใช้ข้อตกลงทวิภาคี-ส่งตัว! ในฐานะผู้หลบหนีเข้าเมือง สปช.ธวัชชัยเชียร์รบ.ทำถูก
ออกโรงปมปัญหาอุยกูร์สถานทูตจีนในไทยส่งเลขานุการเอกชี้แจงขั้นตอน ยืนยันทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ระบุ 109 ชาวมุสลิมอุยกูร์ที่รับตัวไปจากไทยไม่ใช่ผู้อพยพ แต่เป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ทั้งสองประเทศจึงมีอำนาจดำเนินการแบบทวิภาคี ยันผู้ที่ทำผิดกฎหมายร้ายแรงก็จะถูกไต่สวนลงโทษ ส่วนผู้ที่ไม่มีความผิดก็จะดำเนินการภายใต้กฎหมายของจีน โวยอย่าบิดเบือนเป็นเรื่องเชื้อชาติศาสนา ย้ำเชิญสมช.ของไทยไปติดตามความเป็นอยู่ ไม่เกี่ยวกับประเทศอื่นๆ สปช.ธวัชชัย-อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เชียร์ลั่นรัฐบาลทำถูกต้องแล้ว
วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8995 ข่าวสดรายวัน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลัง ประชุมครม. ถึงการเดินทางไปประเทศจีน เพื่อติดตามการปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับจีนว่า ตนและคณะจะเดินทางในวันที่ 15 ก.ค. เพื่อไปคุยกับทางการจีนในระดับนโยบาย และไม่รู้สึกเป็นห่วงกรณีความปลอดภัยของชาวอุยกูร์ เพราะทางการจีน และแต่ละประเทศ มีความรับผิดชอบและมีศักยภาพในการดูแลอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเดินทางเพื่อสังเกต การณ์ครั้งนี้จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ นายอนุสิษฐกล่าวว่า ทางการจีนยืนยันจะดูแลชาวอุยกูร์ให้ดีและยินดีให้ทางการไทยไปสังเกตการณ์ เพื่อประโยชน์ของประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ตนจะแถลงความคืบหน้าภายหลังจากเดินทางกลับมาจากจีนแล้ว
"อย่าเพิ่งตั้งคำถาม ผมกลับมาแล้วค่อยมาคุยกันจะดีกว่า ความพร้อมนั้นผมพร้อมอยู่แล้ว และยืนยันว่าเราเคารพสิทธิมนุษยชน เพียงแค่ว่าจะตีความอย่างไรไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ขณะเดียวกันจีนเองก็ต้องอธิบายผมว่า ที่ผ่านมาเราดำเนินการถูกต้องแล้ว" นาย อนุสิษฐกล่าว
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม.ไม่ได้หารือประเด็นนี้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ต้องการให้มีการขยายผล เพราะถือว่ารัฐบาลได้ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างถูกต้องแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาสากล เพราะไม่ทำอย่างนั้นกฎหมายก็จะถูกละเลย และกลับกลายเป็นว่าประเทศใดก็ตามที่มีเหตุร้ายขึ้น แล้วมีคนหลบหนีเข้ามายังไทย คนเหล่านั้นก็จะรู้สึกปลอดภัย เพราะเชื่อว่าจะไม่ถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดี จากนั้นไทยเองก็จะกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของผู้ก่อเหตุร้าย ดังนั้นวิธีการจัดการของรัฐบาลถือเป็นทางออกของปัญหา
ที่หอประชุมกองทัพเรือ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประเทศไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ไปยังประเทศจีนว่า ประเทศไทยต้องชี้แจงให้สังคมโลกเข้าใจถึงสิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว และเห็นด้วยที่รัฐบาลให้เลขาธิการสมช. เข้าไปดูการปฏิบัติของจีนที่จะดำเนินการกับชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยจะต้องนำผลการปฏิบัตินั้น มาชี้แจงให้สังคมโลกเข้าใจต่อไป แต่ทั้งนี้จะต้องระวังว่าการดำเนินการดังกล่าวจะไปกระทบต่อกิจการภายในของจีนด้วย อย่างไรก็ตาม มองว่ากระแสโลกให้ความสำคัญกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากขึ้น ซึ่งไทยจะต้องให้ความกระจ่างและตอบสังคมโลกให้ได้
ที่รัฐสภา พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 แถลงว่ากรณีที่ต่างชาติประณามไทยในการส่งชาวอุยกูร์ไปยังประเทศจีนนั้นอาจเป็นการจัดตั้งโดยมีกลุ่มทุนสนับสนุน เพื่อสร้างภาพลบให้รัฐบาลไทย ทั้งนี้เห็นว่าการดำเนินการของรัฐบาลเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ เป็น การจัดการตามหลักการจัดการผู้ร้ายข้ามแดน และเชื่อว่าต่อให้ทั่วโลกไม่ยอมติดต่อกับไทย แต่หากไทยได้คบหากับจีนและอินเดียที่มีพลังทางเศรษฐกิจ เชื่อว่าประเทศไทยยังขับเคลื่อนต่อไปได้
วันเดียวกัน ที่สถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย นายหยาง สือเฉา เลขา นุการเอก และผู้อำนวยการฝ่ายการเมือง สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" กรณีขัดแย้งหลังรัฐบาลไทยส่งชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเกียง-อุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน จำนวน 109 คน กลับประเทศเมื่อ 12 ก.ค. จนกลายเป็นชนวนก่อให้เกิดการบุกทำลายสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นคร อิสตันบูล ประเทศตุรกี ว่า เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่ามีสื่อมวลชนจับตาสถานการณ์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันได้ติดตามการชี้แจงของรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่อง กระทรวงต่างประเทศจีนถือโอกาสแถลงข้อเท็จจริงไปยังประชาชนชาวไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความเข้าใจร่วมกัน
นายหยาง กล่าวว่า ขอเน้นย้ำว่าทางการจีนได้พิสูจน์แล้วว่าชาวจีนอุยกูร์ที่เข้ามาในไทยเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย แม้สหรัฐอเมริกา ตุรกี และบางประเทศได้เรียกคนเหล่านี้ว่าผู้ลี้ภัย รวมถึงเรียกร้องให้ประเทศไทยหยุดการดำเนินการส่งตัวกลับ และอนุญาตให้ชาวอุยกูร์ที่เหลืออยู่ในไทย เดินทางไปยังประเทศที่มีความประสงค์จะไป ข้อเท็จจริงนี้อธิบายได้ง่ายมาก กล่าวคือถ้าคนที่ถูกส่งตัวกลับเป็นชาวตุรกี ทำไมต้องหลบหนีเข้ามาอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย และยังเรียกร้องว่าจะเดินทางไปตุรกี เป็นที่เห็นพ้องต้องกันว่า การใช้หนังสือเดินทางปลอม รวมทั้งวิธีการอื่นๆ ในการหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย เป็นพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
"จีนกับไทยจึงนำส่งคนเหล่านี้กลับจีน ซึ่งเป็นความร่วมมือปกติ ในการปราบปราม การอพยพและการหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิด กฎหมายโดยอาศัยสนธิสัญญาระหว่างประเทศและข้อตกลงทวิภาคี ทั้งยังเป็นความรับผิดชอบและพันธกรณีระหว่างประเทศที่ควรปฏิบัติ เป็นการบังคับใช้กฎหมายที่สุจริต ชอบธรรม การที่บางฝ่ายใช้ประเด็นนี้ประณามจีนและไทย ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลและมีเจตนาแอบแฝง ซึ่งจีนไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด" นายหยางระบุ
นายหยาง ยังกล่าวอีกว่า สังคมโลกควรมีความเข้าใจตรงกันในการบังคับใช้กฎหมายส่งกลับผู้ลักลอบเข้าเมืองไปยังประเทศต้นกำเนิด ซึ่งไม่ควรจะตำหนิได้ แต่มีรัฐบาลบางประเทศและกลุ่มอำนาจบางกลุ่มเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงดังกล่าว เพื่อประณามการบังคับใช้กฎหมายของทางการจีนและไทย เหมือนการให้ท้ายการหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และเป็นการฝ่าฝืนสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง มิหนำซ้ำ ยังจงใจทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นการเมือง ใช้ประเด็นเชื้อชาติ และศาสนาแทรกแซงกิจการภายใน เพื่อทำลายความมั่นคงและเสถียรภาพของจีน
สำหรับ ประเด็นที่มีรายงานว่าชาวมุสลิม อุยกูร์ถูกทางการจีนบังคับและละเมิดสิทธิทางศาสนา นายหยางกล่าวว่าขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ชนกลุ่มอุยกูร์เป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวใหญ่ของชนชาติจีนซึ่งประกอบด้วย 56 ชนกลุ่ม มีประชากรชาวอุยกูร์มากกว่า 10 ล้านคน ดำเนินชีวิตอยู่ในเขตซินเกียง อย่างเป็นสุข มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา และมีสิทธิเท่าเทียมกันกับชนกลุ่มอื่นๆ ตามรัฐธรรมนูญจีน ถึงอย่างนั้นองค์กรสิทธิมนุษยชนและสื่อบางแห่งโจมตีนโยบายชนกลุ่มและศาสนาของจีนด้วยอคติที่ไร้เหตุผล ซึ่งข้อสรุปเหล่านี้ไม่เป็นความจริง ไม่เป็นธรรม และ ไม่มีหลักฐานแต่อย่างได
"นอกจากนี้ถ้าพิจารณาจากผลงานการ พัฒนาเศรฐกิจและสังคมอัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจแล้ว ซินเกียงอยู่ใน 5 อันดับแรกของประเทศจีนที่สร้างผลงานโดดเด่นในการพัฒนา ทั้งวัฒนธรรม การศึกษา เทคโนโลยี และสาธารณสุข จึงอยากขอเชิญขวนให้คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวทำความรู้จักกับซินเกียงที่ แท้จริง" นายหยางกล่าว
เมื่อสอบถามถึงการดูแลชาวอุยกูร์ 109 คน ที่ทางการไทยส่งกลับไปยังจีน นายหยางระบุว่า สำหรับบุคคลผู้ต้องสงสัยว่ากระทำการผิดกฎหมายร้ายแรงจะถูกตรวจสอบ ดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายอย่างเป็นธรรม ส่วนบุคคลที่ไม่มีความสงสัยในการกระทำผิดต้องโทษ หรือมีพฤติกรรมผิดกฎหมายเพียงเล็กน้อย จะให้การดูแลตามความเหมาะสมและอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย ซึ่งทางการจีนยึดถือและปฏิบัติตามมาโดยตลอด ส่วนภาพการคุมตัวผู้หลบหนีเข้าเมืองด้วยการใช้ผ้าคลุมศีรษะโดยสารอยู่บนเครื่องบินนั้น จะสังเกตได้ว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบ ทั้งที่การดำเนินการในครั้งนี้สอดคล้องกับกฎหมาย วิธีคลุมศีรษะผู้ต้องสงสัยเป็นวิธี ที่หลายประเทศเลือกใช้ในการควบคุมตัว ผู้ต้องหา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความปลอดภัยของผู้ต้องสงสัย และผู้โดยสารคนอื่นๆ บนเครื่องบิน ไม่ได้หมายความว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือไร้มนุษยธรรมอย่างที่กล่าวอ้าง
นายหยาง กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้น ทางการจีนได้เชิญเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะเดินทางไปเยือนในวันที่ 15 ก.ค. นี้ โดยทั้งสองฝ่ายจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเชิงลึกเกี่ยวกับความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ และหารือถึงการดำเนินการต่อผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายชาวอุยกูร์ 109 คน ที่ส่งกลับจีน แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าองค์กรระหว่าง ประเทศอื่นๆ จะเข้าไปหรือไม่ ขณะที่นโยบายการแก้ปัญหาลักลอบการเข้าเมืองของชาวมุสลิมอุยกูร์ รวมถึงวิกฤตก่อการร้ายที่ประเทศจีนเผชิญหน้าหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และการให้การของชาวอุยกูร์ที่ระบุว่ามีแผนเดินทางไปเข้าร่วมกับกลุ่มมุสลิมสายสุดโต่งนั้น ทางการจีนตระหนักดีว่าการก่อ การร้ายเป็นภัยคุกคามโลก จีนมีนโยบายที่จะแก้ไขทั้งระบบตั้งแต่ต้นเหตุจนถึงปลายเหตุ ซึ่งสังคมโลกเองก็มีท่าทีเดียวกับจีนในการปราบปรามการก่อการร้าย แต่กรณีนี้จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีจุดมุ่งหมายจะเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายจริงหรือไม่
เมื่อถามว่า รัฐบาลจีนมีความกังวลต่อผล กระทบระหว่างประเทศที่อาจตามมาจาก กรณีนี้หรือไม่ เนื่องจากมีรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศจำนวนมากแสดงท่าทีไม่พอใจ รวมถึงตำหนิการส่งคืนผู้ลักลอบเข้าเมืองชาวอุยกูร์กลับไปยังจีนของรัฐบาลไทย นายหยางระบุว่าขึ้นอยู่กับกับว่าประเทศนั้นๆ จะมีมุมมองต่อเหตุการณ์นี้อย่างไร เนื่องจากจีนและไทยทำตามสนธิสัญญาและกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศครอบครัวใหญ่ของเอเชียแปซิฟิก จีนพร้อมบังคับใช้กฎหมายร่วมกับประเทศต่างๆ เพื่อปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะการลักลอบเข้าเมือง เพื่อเสถียรภาพและความมั่นคงของภูมิภาค พร้อมเรียกร้องขอให้สื่อมวลชนเสนอข่าวเชิงบวก และเป็นไปตามข้อเท็จจริง