WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

aToo10


นศ.รุกต่อ จี้เลิกมาตรา 44 
บิ๊กป๊อกวอนยุติเคลื่อนไหว จับสาวปทุมฯกุโอนหมื่นล. 'บิ๊กตู่'ชี้เชื่อมโยงกลุ่ม'นปช.'

      14 น.ศ.ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เดินหน้าจี้ คสช.เลิกใช้มาตรา 44 ประกาศร่วมมือ ทุกองค์กรเรียกร้องปชต.อย่างสันติวิธี 'บิ๊กป๊อก'วอนหยุดเคลื่อนไหว ขู่เอาผิดคนอยู่เบื้องหลัง ตร.นัดแถลงคดีสาวปทุมฯ มือโพสต์กุข่าว 'บิ๊กตู่' โอนหมื่นล้านไปสิงคโปร์ พบเชื่อม โยงกลุ่มนปช. 'มาร์ค'ยินดีรับคำเชิญ ศปป.ร่วมเวทีปรองดอง สนช.สรุปคดี'ครูหยุย'ทำท่าปาดคอหลังลงมติถอดถอน 'ยิ่งลักษณ์' ไม่ผิดจริยธรรม อ้างแค่ตกใจ กมธ.ยกร่างฯ แก้ที่มานายกฯ ห้ามนั่งยาวเกิน 8 ปี นายกฯ คนนอกต้องมีส.ส.ในสภาหนุน 2 ใน 3

 

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8990 ข่าวสดรายวัน

 


เซลฟี่ - คณะเยาวชนลุ่มแม่น้ำโขงถ่ายภาพเซลฟี่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างเข้าเยี่ยมคารวะที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 ก.ค.

 

 

นศ.แถลงจุดยืน-อัดจนท.กดดัน

      หลังจาก 14 นักศึกษากลุ่มขบวนการประชา ธิปไตยใหม่ ได้รับการปล่อยตัวจากการถูกคุมขังเป็นระยะเวลา 12 วันที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง ในข้อหายั่วยุ ปลุกปั่น และขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)นั้น 

       เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่ตึกโดมบริหาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต มี 12 นักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ขาดเพียงน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว กับนายรัฐพล ศุภโสภณ ร่วมกันแถลงถึงแนวทางการเคลื่อนไหวกิจกรรมเรียกร้องสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยต่อไป ท่ามกลางการสังเกต การณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบราว 20 นาย

       นายรังสิมันต์ โรม ตัวแทนกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่กล่าวว่า หลังจากศาลทหารยกคำร้องฝากขังผัดที่ 2 ของพนักงานสอบสวน และนำไปสู่การปลดปล่อยเป็นอิสรภาพของ 14 นักศึกษา เมื่อเช้าตรู่วันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ทำให้เกิดการถกเถียงในสังคมถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในแวดวงนักศึกษา นักวิชาการ ศิลปิน นักเขียน ตลอดจนประชาชนทั่วไป แต่อีกด้านหนึ่งกลับมีเสียงชื่นชมต่อคสช.ที่ใช้ไม้นวม ลดท่าทีที่แข็งกร้าวต่อนักศึกษา รวมไปถึงการที่ศาลทหารมีความเมตตาต่อ 14 นักศึกษาในกรณีการยกคำร้องขอฝากขังในผัดที่ 2 ทั้งๆ ที่ยังคงมีเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของรัฐ ลงไปเยี่ยมเยียนสอบถาม ในเชิงกดดันต่อผู้ปกครองของเรา 

 

ปล่อยตัว-ไม่รู้สึกเป็นธรรม

      นายรังสิมันต์กล่าวว่า จุดยืนแนวทางการต่อสู้ของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ขอเรียกร้องดังนี้ 1.ในกรณีการคุมขัง 14 นักศึกษา นักกิจกรรม ขบวนการประชาธิปไตยใหม่จำนวน 12 วัน ตั้งแต่กลางดึกวันที่ 26 มิ.ย. จนถึงเช้าตรู่ของวันที่ 8 ก.ค. เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน สิทธิพลเมืองที่ประชาชนพึงมี เนื่องจากเป็นการฝากขังโดยไม่มีการสอบสวนแต่อย่างใด 

      ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการยกคำร้องของศาลทหารในผัดที่ 2 ก็มิได้เป็นเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกว่าได้มีความเป็นธรรมเกิดขึ้นแต่อย่างใด เพราะความอยุติธรรมได้เกิดขึ้นตั้งแต่การแจ้งข้อกล่าวหาด้วยมาตรา 44 การออกหมายจับด้วยศาลทหาร การเข้าจับกุมโดยไม่แสดงตัวและหมายจับ และการฝากขังโดยไม่มีการสอบสวน จนทำให้ 14 นักศึกษา นักกิจกรรม ต้องสูญเสียอิสรภาพถึง 12 วัน ทั้งนี้ยังคงมีเพื่อนของเราที่ยังมีอาการบาดเจ็บจากการ กระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ

 

ย้ำสู้ต่อ-เรียกร้องปชต.

      นายรังสิมันต์ กล่าวว่า 2.ขอเรียกร้องและตอกย้ำให้สาธารณชนได้ตระหนักว่า มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ไม่อาจเรียกว่ากฎหมาย ตรงกันข้ามกลับเป็นสิ่งที่ควบคุมและขัดขวางเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนที่ต้องการออกมาบอกกล่าวปัญหาต่างๆ ที่ตนเองได้รับ ดังเช่นเคยเกิดขึ้นในทุกๆ รัฐบาลก่อนหน้านี้ จึงขอเชิญชวนให้สาธารณชนร่วมส่งเสียงประกาศให้รัฐบาล คสช. ยกเลิกการใช้มาตรา 44 โดยเร็ว

     3.การขับเคลื่อนกิจกรรมของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ต่อจากนี้ ยืนยันที่จะเคลื่อน ไหวต่อไปในฐานะนักศึกษา นักกิจกรรม นักประชาธิปไตย ในการลงพื้นที่ศึกษาเรียนรู้ตลอดจนร่วมต่อสู้กับขบวนการชาวบ้าน ขบวนการประชาชนอื่นๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และในภูมิภาคต่างๆ และเราขอประกาศว่าเราพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกองค์กรที่มีจุดยืนในการเรียกร้องประชาธิปไตย ตามหลักการ 5 ประการคือ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม การมีส่วนร่วม และสันติวิธี ต่อไป

 

ปลุกกระแส-จี้เลิกม.44

     นายรังสิมันต์กล่าวว่า ที่ผ่านมาคนทางรัฐบาลออกมาพูดว่าเราถูกจ้างมา มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง หรือเชื่อมโยงองค์กรต่างประเทศ โดยไม่มีหลักฐานเลย อยากฝากไปถามองค์กรเหล่านั้นเป็นใคร มีหลักฐานอะไร คณะรัฐประหารมีความพยายามใส่ร้ายป้ายสีสร้างความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงแบบที่นักศึกษา 6 ตุลาคม 2519 เคยเจอมาก่อน

"หากรัฐบาลจะพูดคุย การพูดคุยต้องอยู่บนความถูกต้อง รัฐบาลต้องยอมรับว่าตัวเองอยู่ในสถานะที่ผิดกฎหมาย และยกเลิกมาตรา 44 ส่วนการเคลื่อนไหวต่อไปมีแน่ แต่ขอเก็บไว้ก่อน ที่บอกจะให้เคลื่อนไหวในกรอบนั้น ที่ผ่านมาทำกิจกรรมกินแซนด์วิชยังถูกจับ เป็นกิจกรรมในชีวิตประจำวันก็ทำไม่ได้ จึงไม่รู้ว่ากรอบของคสช.คืออะไร" นายรังสิมันต์กล่าว

 

ตะโกนไล่"คสช.ออกไป"

      นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เพื่อนบางคนที่ไม่ได้มาร่วมแถลงข่าววันนี้เพราะมีอาการป่วยจากการถูกคุมขังในเรือนจำ โดยเฉพาะน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ที่บาดเจ็บจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งยังถูกนำไปขังรวมกับผู้ป่วยวัณโรค ซึ่งมีโอกาสที่จะติดเชื้อ รวมถึงมีอาการกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันติดตามอาการด้วย

ด้านนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน กล่าวว่าเราจะไม่หยุด เราอยากให้รัฐบาลรอเราบ้าง เราจะสร้างความสุขเอง เหมือนที่รัฐบาลบอกให้เรารอโรดแม็ป ถึงเวลาที่ประชาชนจะกำหนดอนาคตตัวเอง สู้โดยก้าวข้ามพรรคพวก เป็นการต่อสู้ยกระดับก้าวข้ามความคิดทางการเมืองที่หลากหลาย คุณจะเชิญเราไปพูดคุยยังไงก็ได้ เราจะบอกว่า "คสช.ออกไป"

หลังการแถลงข่าวจบลง กลุ่มนักศึกษาได้ตะโกนว่า"คสช.ออกไป" 3 ครั้ง อย่างกึกก้อง

 

"บิ๊กโด่ง"ลั่นต้องสร้างความเข้าใจ

      พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงการปล่อยตัวกลุ่มนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ว่า ต้องทำความเข้าใจกับตัวนักศึกษาและผู้ปกครอง แต่บางคนไปบิดเบือนกล่าวหาเจ้าหน้าที่ไปข่มขู่ ซึ่งไม่ถูกต้อง นายกฯบอกแล้วว่าพยายามแก้ไข อยากให้เรื่องสงบ และไม่ให้ความสนใจในเรื่องนี้ เพราะคนส่วนใหญ่ต้องการความสงบเรียบร้อย ตนไม่อยากพูดบ่อย เพราะจะกลายเป็นการจุดประเด็น ซึ่งเราจะพยายามสร้างความเข้าใจ เราไม่มีสิทธิ์โกรธใคร รัฐบาลใจเย็นที่จะแก้ปัญหาให้ได้ ถ้านักศึกษาบอกว่าจะทำต่อไป เราก็ต้องบอกว่าจะพยายามทำให้เขาเข้าใจให้ได้ ให้มาร่วมมือให้ได้ ถ้าไม่ได้ประเทศชาติก็พัง 

       "จะมาบอกว่าไม่เห็นเป็นไรเลยจะเคลื่อน ไหวต่อไป ซึ่งการทำแบบนี้ หรือผู้ที่บอกว่าใจปรารถนาดีกับประเทศ ก็ต้องเข้าใจว่าควรสนับสนุนหรือไม่อย่างไร จะมาบอกว่านักศึกษายังเป็นเด็กเยาวชน ไม่ควรรับโทษทัณฑ์ ซึ่งก็ใช่และเป็นอีกแง่มุมหนึ่ง แต่ในโอกาสและสถานการณ์แบบนี้หากปล่อยเลยๆ จะก่อตัวบานปลาย ไม่ดีต่อประเทศชาติ ซึ่งมันตอบปัญหาด้วยตัวของมันเองว่าจะต้องมีปัญหาต่อไป หากยังเป็นแบบนี้ ดังนั้นอย่าทำอะไรเลย" พล.อ.อุดมเดชกล่าว

วอนอจ.อย่าส่งเสริมทางไม่ดี

      พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ที่สำคัญนายกฯ ไม่สบายใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ ผู้หลักผู้ใหญ่หรืออาจารย์ผู้ใหญ่ที่ออกมาเตือนสติอาจารย์บางคนซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจ แต่บางคนไปมองในแง่มุมไม่ครบ และมองผลเพียงส่วนเดียวว่าเยาวชนไม่ควรได้รับโทษ ซึ่งเราเข้าใจดี แต่กรุณามองภาพความมั่นคงกว้างๆ ไม่เช่นนั้นประเทศเราจะมีปัญหา รัฐบาล และคสช. จะประคับประคองบ้านเมือง และต้องปฏิรูปให้เสร็จสมบูรณ์เพื่อให้พื้นฐานแน่นหนา เป็นมาตรฐานเพื่อให้ประเทศอยู่ต่อไป หากไม่มองภาพกว้าง ปัญหาจะเกิดขึ้น 

      "ขอกราบเรียนอาจารย์บางคนขอให้เข้าใจและร่วมมือกัน อย่าส่งเสริมในทางไม่ดี และขอขอบคุณอาจารย์ผู้ใหญ่ที่เตือนสติลูกศิษย์ และคิดว่าทุกคนควรทำความเข้าใจและพากันไปในทางที่ดี และนักศึกษา ขอให้เรียนหนังสือเพื่อก้าวต่อไป มีอาชีพอนาคต หากชีวิตตัวเองดี ส่วนรวมก็จะดี และประเทศชาติจะดีไปด้วย บางคนมองรัฐบาลไม่ลึกซึ้งว่ารัฐบาลไม่ได้หวังอะไร แต่อยู่เพื่อปูพื้นฐานที่มั่นคงและเป็นรากฐานต่อไปในอนาคตเท่านั้น" พล.อ.อุดมเดชกล่าว

 


สู้ต่อ - ตัวแทน 14 นักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ที่เพิ่งถูกปล่อยตัวออก จากเรือนจำ ประกาศเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันติต่อไป ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 9 ก.ค.

 

"บิ๊กป๊อก"ให้หยุดเคลื่อนไหว

      ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาด ไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนักศึกษากลุ่มขบวน การประชาธิปไตยใหม่ทั้ง 14 คน ยืนยันจะเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยต่อว่า อยากทำความเข้าใจกับกลุ่มนักศึกษาซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์ว่าขณะนี้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย หากมีใครละเมิดหรือทำผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดี ไม่สามารถละเว้นได้ และตนยิ่งไม่เห็นด้วยหากการเคลื่อนไหวนั้นเพื่อสร้างกระแสหรือก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้น จึงอยากให้กลุ่มนักศึกษาเข้าใจว่าขณะนี้เราทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอให้การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ และเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง 

      "หากนักศึกษายังคงเคลื่อนไหวต่อ และยิ่งมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจ ปัญหาความขัดแย้งจะวนกลับมาอีก ดังนั้นอย่าทำเลย ขอให้รอ ส่วนจะมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักศึกษาหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจะตรวจสอบเพื่อเอาผิดต่อไป" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

 

ปชป.ชี้เบื้องหลังกลุ่มดาวดิน

      นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และกิจกรรมพิเศษภาคอีสาน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความจริงกลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหวส่วนใหญ่มีเจตนาดี แต่จากการข่าวหลายทางชี้ถึงเบื้องหลังกลุ่มนักศึกษาดาวดิน บางคนบอกว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังเป็นกลุ่มฝ่ายซ้ายหรืออดีตพรรคคอมมิวนิสต์ในเขตภาคอีสาน และกลุ่มนี้ยังพยายามต่อไปที่จะสถาปนาการปกครองที่ตนเองนิยมชมชอบโดยหันมาใช้วิธีเดิมๆ ใช้เยาวชนที่บริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือ

     นายภูมิสรรค์ กล่าวว่า ตนมีโอกาสพบผู้อาวุโสอดีตพรรคคอมมิวนิสต์ที่หันมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ตามนโยบาย 66/23 หลายคนที่เคยออกมาปกป้องศาล ปกป้องสถาบันจากกองกำลังติดอาวุธที่ปรากฏในสมัยรัฐบาลในอดีต คนเหล่านี้ปรารภว่าพวกนั้นสูญเสียอุดมการณ์ไปให้กับทุนนิยมสามานย์ แต่ยังคงใช้ชนชั้นกรรมาชีพเป็นเครื่องมือเดินเกม และยังบอกอีกว่าปัจจุบันไม่มีแล้วพวกคอมมิว นิสต์ในไทย เหลือแต่พวกคอมมิชชั่น ตนจึงอยากวิงวอนให้เยาวชนที่มีหัวใจประชาธิป ไตยที่แท้จริงใช้สติ ใช้วิจารณญาณว่าในโลกความเป็นจริงเป็นอย่างไร และผู้ใดที่ทำร้ายแผ่นดินเกิดของเรามาต่อเนื่อง

 

นศ.มหาสารคามจี้เลิกต้านรบ.

       เวลา 11.30 น. ที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กก.รส.) จังหวัดมหาสารคาม อาจารย์ นิสิตและนักศึกษา จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามกว่า 50 คน นำโดยนายวิรัติ ปานศิลา ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นายสมาน ศรีสะอาด รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ และลงชื่อเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลยุติความเคลื่อนไหวต่อต้านคสช. ไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้อยู่เบื้องหลัง

แถลงการณ์ระบุว่า มหาวิทยาลัยมหาสาร คาม และมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ ได้ประกาศจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช.และรัฐบาลในทุกกรณี รวมถึงกรณีมีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ต้องดูสถานการณ์ด้วยว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไร ยืนยันจะไม่สนับสนุนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ต่อต้านรัฐบาล ซึ่งกลุ่มอาจารย์หรือนิสิต นักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ทั้งทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือในนามกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ถือเป็นการกระทำส่วนบุคคล ทางมหาวิทยาลัยจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น

 

อจ.เชื่อเป็นเรื่องผลประโยชน์

      นายสุทธิพงศ์ หกสุวรรณ อาจารย์มหา วิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า นักวิชาการ นักศึกษา ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางประชาธิป ไตยถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ต้องดูด้วยว่าสภาวะนี้เหมาะสมหรือไม่ หากใช้อุดมการณ์โดยบริสุทธิ์ใจคงไม่มีใครว่า แต่ต้องใช้ปัญญารับฟังและดูด้วยว่าครูอาจารย์มีเบื้องหลังอย่างไร ใครก็รักประเทศชาติ แต่การเคลื่อน ไหวต่างๆ อาจถูกชักนำโดยครูอาจารย์ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง ซึ่งบางคนมีเบื้องหลังผูกพันนักการเมือง ผูกพันกับองค์การต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องของผลประโยชน์ กิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นแค่มองก็รู้แล้วว่าจัดขึ้นเพื่ออะไร 

     "จากนี้ไป 2 มหาวิทยาลัยจะดูแลกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย ไม่นิ่งเฉยเพิกเฉย บ้านเมืองก็จะสงบ ที่ผ่านมากลุ่มอาจารย์ที่มีความเห็นทางการเมืองคล้ายๆ กันออกมาเคลื่อนไหว ไม่อยากให้สื่อให้ความสำคัญมากนัก ใช้ความเป็นกลางให้ข้อมูลอย่าโน้มน้าว เรื่องเล็กจะได้ไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่" นายสุทธิพงศ์ กล่าว

 

จับมือกุข่าวนายกฯโอนหมื่นล.

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้ร่วมกันจับกุม นางรินดา ฤชาบุตร หรือหลิน อายุ 45 ปี เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง อยู่ที่ 40/1229 หมู่บ้าน พฤกษาบี ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาโพสต์ข้อความในโซเชี่ยล มีเดียกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและภรรยาโอนเงิน 1 หมื่นล้านบาทไปสิงคโปร์ โดยจับกุมตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา 

       พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทหารใช้มาตรา 44 เข้าจับกุมตัวผู้หญิง อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นแนวร่วม นปช. ได้ที่ จ.ปทุมธานี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้คุมตัวเพื่อสอบสวนต่อ แต่ไม่ขอระบุสถานที่ คาดว่าใช้เวลาไม่นาน และในวันเดียวกันนี้จะมีการขอหมายจับต่อไป สำหรับเรื่องนี้ต้องขยายผลเชื่อมโยงต่อ เพราะน่าจะมีผู้ที่ร่วมกระบวนการอยู่ ตอนนี้จึงไม่สามารถบอกรายละเอียดอะไรได้มาก เพราะเกรงว่าคนร้ายจะไหวตัวทัน 

 

เชื่อมโยงหลายกลุ่มป่วน

       ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้จับกุมผู้โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จที่กล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ และภรรยาโอนเงิน 1 หมื่นล้านบาทไปสิงคโปร์แล้ว ทราบว่าเป็นหญิงสาว 1 คน แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ขณะนี้ การจับกุมได้ยึดอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโพสต์ คาดว่าจะหาหลักฐานจากอุปกรณ์ที่ยึดได้เหล่านี้ เบื้องต้นรับรายงานว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความคนแรก และน่าจะเชื่อมโยงกับกลุ่มที่โพสต์ข้อความปฏิวัติซ้อน ร่วมถึงหมิ่นสถาบันก่อนหน้านี้ และน่าจะโยงใยอยู่ในชาร์ตเดียวกับเครือข่ายของนายเอนก ซานฟราน ผู้ต้องหาคดีหมิ่นและคดีระเบิดศาลอาญาที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศด้วย

ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า เบื้องต้นผู้นี้มีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ขณะนี้หญิงคนนี้อยู่ในการควบคุมของทหาร ซึ่งตำรวจได้เข้าร่วมสอบปากคำผู้โพสต์รายนี้แล้ว เบื้องต้นน่าจะรับสารภาพ อย่างไรก็ตามคาดว่าวันที่ 10 ก.ค. ผบ.ตร.จะแถลงรายละเอียดการจับกุม อีกครั้ง 

 

"บิ๊กอ๊อด"ชี้ส่งทั้งในไทย-ตปท.

     พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า ฝากเตือนประชาชนโดยเฉพาะวัยรุ่นที่คึกคะนองชอบโพสต์ข้อความเท็จหรือทำให้ผู้อื่นเสียหายและสร้างความสับสนตื่นตระหนกตกใจ เป็นความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ฉะนั้นถ้ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เป็นหน้าที่ของตำรวจต้องดำเนินคดี

    พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ข้อความที่โพสต์ มีทั้งส่งจากในประเทศและข้อความที่ส่งจากต่างประเทศ ในส่วนข้อความที่ส่งจากในประเทศ เราควบคุมหรือติดตามจับกุมได้ แต่ถ้าส่งจากต่างประเทศและส่งไปมาหลายทอด เรายังไม่สามารถควบคุมและคัดกรองได้ ตราบใดที่ไทยยังมีช่องทางส่งข้อความเข้าถึง 12 ช่องทาง ประเทศที่เจริญแล้ว อาทิ สิงคโปร์ หรือประเทศในตะวันออกกลาง เขาใช้ระบบซิงเกิ้ลเกตเวย์ เข้าช่องทางเดียวและมีระบบที่คัดกรองข้อความที่ไม่ดี ไม่เหมาะทิ้งโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้คนนั่งเฝ้า ตนเสนอรัฐบาลหลายครั้งแล้วว่าควรจัดให้มีระบบซิงเกิ้ลเกตเวย์ในไทย

 

ลั่นใครจะบ้าโอนเงินขนาดนั้น

     "ตำรวจไม่อยากบังคับใช้กฎหมายในเรื่องไร้สาระ ซึ่งเรื่องปฏิวัติซ้อน เรื่องนายกฯโอนเงินไปเป็นหมื่นล้าน ประชาชนหรือสื่อเองก่อนจะเผยแพร่และเปิดเผยข้อมูลต้องใช้ดุลพินิจไตร่ตรองก่อน ต้องคิดว่าใครจะบ้าโอนเงินเป็นหมื่นล้าน ตรงนี้มีหน่วยงานในและนอกประเทศจับจ้องหรือติดตามการเคลื่อนย้ายของเงินที่ผิดปกติ อย่างสหรัฐมีหน่วยงานพิเศษคอยตรวจสอบการเคลื่อนย้ายเงิน เพราะเขาหวาดระแวงเรื่องก่อการร้าย ถ้าน้องๆ หรือใครถามผม ไม่ต้องใช้ส่วนสูงๆ ให้ใช้ส่วนต่ำๆ ของร่างกายคิดแล้วว่าเป็นไปไม่ได้" พล.ต.อ.สมยศกล่าว

     เมื่อถามว่าจากการจับกุม 14 นักศึกษาทำให้มีการโพตส์ข้อความแบบนี้เยอะขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่คนไทยต้องใช้ดุลพินิจ ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา บ้านเมืองเรามีความขัดแย้งอยู่บนท้องถนน แบ่งฝ่าย เหตุการณ์พัฒนาเหมือนจะเกิดเหตุการณ์คนไทยเข้าทำร้ายกัน ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้นำคสช. เข้ามายุติปัญหาตรงนี้ ใครเคยคิดบ้างว่าต่อจากนั้นจะเกิดเหตุการณ์อย่างไร ใครจะเข้ามาเป็นผู้แก้ ซึ่งนายกฯบอกว่าเข้ามาชั่วขณะหนึ่ง มีโรดแม็ปชัดเจน นายกฯอยู่เพื่อแก้ปัญหาให้คนไทย ปัจจุบันก็ไม่มีการชุมนุม ไม่มีปัญหา เศรษฐกิจดีขึ้น แต่ถ้าคนไทยยังคิดไม่ออกหรือคิดไม่เป็น อยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีกก็เอา

 

"บิ๊กตู่"แฉมือโพสต์มีภาพกับนปช.

     ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.กล่าวถึงการจับกุมแนวร่วมนปช. มือโพสต์ปล่อยข่าวกล่าวหาโอนเงินหมื่นล้านไปยังบัญชีในสิงคโปร์ว่า จับมาได้แล้ว ทำไมเขาต้องรายงานตนทุกเรื่องเลยหรือ เรื่องนี้จะมีการแถลงข่าวว่าเกี่ยวโยงกับกลุ่มใด ขอให้รอฟัง ให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเขาทำงานบ้าง ถ้าตนพูดคนเดียว สื่อจะไม่สนใจคนอื่น แล้วก็บอกว่าเขาไม่ทำงาน ต่อจากนี้ตนจะให้คนอื่นพูดเยอะขึ้น ไม่อย่างนั้นสื่อฟังคนคนเดียวก็บอกว่ารองนายกฯ หรือรัฐมนตรีไม่ทำงาน นายกฯทำงานคนเดียว แต่ที่ตนพูดเพราะพูดเสียงดัง และกล้าพูดกับสื่อ 

ผู้สื่อข่าวถามว่าคนปล่อยข่าวเชื่อมโยงกับกลุ่มนักศึกษาหรือกลุ่มการเมืองอื่นที่เคลื่อนไหวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ตอนนี้ใครเคลื่อนไหว นักศึกษาเคลื่อนไหวก็เป็นนักศึกษา มีใครอีก ผู้ต้องหาที่จับตัวได้มีความเชื่อมโยง โดยมีภาพกับกลุ่มนปช. เท่านั้นแหละ จบเดี๋ยวไปดูรูปเขา แล้วเขาสารภาพว่าอยู่กลุ่มไหน ให้รอฟังการแถลงข่าว เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น เขาสารภาพแล้วก็จบ ทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งหลายคนก็ให้อภัยไป หลายคนก็เมตตา แต่ยังทำซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ ความเมตตามันก็จำกัดเหมือนกัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

หนุนนักการเมืองแข่งโชว์กึ๋น

       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) เชิญนักการเมืองร่วมออกรายการโทรทัศน์เพื่อสร้างบรรยากาศของความปรองดองว่า ไม่ใช่แต่เรื่องปรองดอง เป็นแนวคิดของคณะทำงานให้แต่ละฝ่ายเข้ามาพูดคุย ซึ่งรายการดังกล่าว ตนอยากให้สื่อกรุณาฟังให้จบว่าที่ตนให้มาพูดกันนั้น มีใครบ้าง 1.อดีตรัฐบาล 2.สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) 3.บุคคลสำคัญในแวดวงต่างๆ ที่ไม่ใช่รัฐบาล ให้ฟังเขาแสดงปัญญาออกมาว่ามันถูกหรือผิด อย่ามองกันแต่ในแง่อะไรก็ไม่รู้ 

      นายกฯ กล่าวว่า ตนต้องการให้เรียนรู้ว่าคนเหล่านี้วันหน้าจะมาเป็นรัฐบาล ฟังไว้ว่าเขาพูดถูกหรือผิด ทำได้หรือไม่ได้ มีส่วนร่วมในความเสียหายหรือไม่ ถ้าพูดแต่ปัญหาอย่างนี้อย่างนั้นแล้วไม่ได้ทำ อย่ามาพูดกับตน ไม่อยากฟัง ส่วนประชาชนจะคิดแบบที่ตนหรือไม่ ไม่รู้ 

 

ฝากสื่อถามกล้ามาพูดมั้ย

     "เขาจะพูดเรื่องอะไร กลับไม่ฟังเขา ฟังแต่ว่าทำอย่างนี้เพื่อปรองดอง มันคนละความหมาย ประเทศไทยเดินหน้าไม่ได้เพราะไอ้แบบนี้แหละ มันคิดไม่ตรงกันเลย คิดสิ่งที่สร้างสรรค์เหมือนผมในการพยายามสร้าง สรรค์ แต่ผมไม่บังคับ สื่ออยากจะดูก็ดู แต่ถ้าไม่ดูแล้วมาพูดแบบที่จั่วหัวอย่างเดียว ว่าใครพูดกันวันนี้จบ แสดงว่ารัฐบาลจะเกี้ยเซี้ยแค่นี้เอง ถ้าอย่างนั้นผมเป็นนักข่าวเองก็ได้ ผมลาออกจากนายกฯมาเป็นนักข่าว ตีทุกหนังสือ พิมพ์ให้ตกหมดเลย แล้วจะเขียนข่าวให้สนุกกว่านี้อีก ผมไม่ได้ดูถูกนะ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

      เมื่อถามว่านอกจากอดีตนายกฯอย่างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่จะเชิญไปร่วมพูดคุยในรายการเดินหน้าปฏิรูปในวันที่ 13 ก.ค. ที่ออกอากาศทาง ททบ.5 จะเชิญใครอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบอย่างมีอารมณ์โมโหว่า พูดอยู่เมื่อกี้ว่าเขาจะมาหรือไม่ ยังไม่รู้เลย เขาจะมาไหม จะกล้ามาพูดไหม ไปถามเขาให้หน่อย ไปเขียนหนังสือพิมพ์ถามเขาบ้าง ทีตอนมาเขียนด่าว่าตนกลับเขียนได้ แต่กลับไม่กล้าเขียนแตะต้องคนอื่น

 

"มาร์ค"รับคำท้า-รอเทียบเชิญ

     นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยมีการประสานหรือมีหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ มีแต่เชิญไปออกรายการโทรทัศน์ร่วมกับนายธีรยุทธ หล่อเลิศรัตน์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กับนายต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ ในประเด็นปฏิรูประบบราชการ ซึ่งได้ตอบรับจะไปแสดงความเห็นเรื่องการปฏิรูปราชการแล้ว และถ้ามีหนังสือมา ตนก็ยินดีไปร่วมรายการดังกล่าว

     นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลควรขยายพื้นที่แสดงความคิดเห็นให้มากขึ้นเพื่อคืนสังคมเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะขณะนี้เป็นการเปิดพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ คสช. แต่ยังถือเป็นเรื่องดีที่ยังเปิดพื้นที่ เชื่อว่าในที่สุด คสช.จะเปิดพื้นที่เพิ่มขึ้นเพื่อเดินหน้าสู่โรดแม็ป ระยะที่ 3 ตามที่เคยระบุไว้ 

 

ยันไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับ"ปู"

      "ยืนยันว่าผมไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับน.ส. ยิ่งลักษณ์ แต่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาล และคัดค้านการบริหารที่ขาดธรรมาภิบาลจนทำให้ชาติเสียหาย จึงไม่อยากให้ผู้มีอำนาจตั้งโจทย์ว่าใครเป็นคู่ขัดแย้งกับใคร แต่ขอให้ดูที่ต้นเหตุของปัญหาว่าเกิดจากการบริหารที่ไม่ชอบธรรมของรัฐบาลขณะนั้น ไม่ใช่เรื่องประชาชนทะเลาะกัน หรือแย่งชิงอำนาจทางการเมือง" นายอภิสิทธิ์กล่าว

      นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สปช. กล่าวว่า แนวคิดของศปป. ที่จะเชิญนายอภิสิทธิ์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกรายการเดินหน้าปฏิรูป หาก 2 ฝ่ายตอบรับคำเชิญ จะเป็นนิมิตหมายที่ดี ถ้า 2 ฝ่ายอยากให้บ้านเมืองมีทางออก น่าจะต้องมาร่วมเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่วิชาการ แต่เป็นเรื่องสุดยอดทางการเมือง ยิ่งใหญ่ไม่น้อยกว่าเรื่องใดๆ ที่ต้องใช้ความใจกว้างพร้อมเสนอทางออกร่วมกัน เห็นว่าเรื่องนี้มีแต่มุมข้อดี ยังไม่เห็นข้อเสีย

 

สนช.สรุปคดีครูหยุยแค่ตกใจ

      เวลา 10.00 น. นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 เป็นประธานการประชุมสนช. พิจารณารายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการจริยธรรม สนช. กรณีการร้องเรียนนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย สมาชิกสนช. แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในลักษณะเยาะเย้ยด้วยการแสดงท่าทางยกมือขึ้นปาดคอตัวเอง ภายหลังทราบผลการลงมติของสนช.ในการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ ในโครงการรับจำนำข้าว ตามที่ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือเต่านา ร้องเรียน โดยที่ประชุมสนช.ขอประชุมลับการพิจารณาดังกล่าวโดยใช้เวลา 30 นาที ภายหลังการประชุมลับ นายพีระศักดิ์แจ้งต่อที่ประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าการกระทำของนายวัลลภไม่ได้เป็นการฝ่าฝืนหรือกระทำขัดต่อข้อบังคับการประชุมว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสนช.

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมลับมีการรายงานให้ที่ประชุมทราบว่า นายวัลลภแสดงพฤติกรรมตามที่มีการร้องเรียนมาจริงแต่ไม่มีเจตนาที่จะเยาะเย้ยถากถาง หรือส่อเสียดน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเพียงการตกใจที่เห็นผลคะแนนถอดถอนออกมาสูงมาก จึงแสดงท่าทางดังกล่าวออกมา ซึ่งเป็นการทำเพียงครั้งเดียวและจบ ไม่มีการแสดงอาการเยาะเย้ยต่อเนื่อง จึงไม่เข้าข่ายผิดประมวลจริยธรรมสนช. สมาชิกในที่ประชุมสนช.ก็ไม่มีใครติดใจเรื่องดังกล่าว โดยเห็นตามผลสรุปที่คณะกรรมการจริยธรรมเสนอมา

 

กมธ.ปรับแก้ที่มานายกฯ

      เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา โดยพิจารณาหมวดคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาตรา 171 มีปรับถ้อยคำเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งของนายกฯ จากเดิมใช้คำว่าติดต่อกันเกินกว่า 2 วาระมิได้ เป็นติดต่อกันเกินกว่า 8 ปี เนื่องจากหากเขียนคำว่าวาระ อาจเกิดการตีความในความหมายของคำว่าวาระ ที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและนำไปโยงกับวาระหรืออายุของสภา 

       ขณะที่ประเด็นที่มานายกฯ ได้นำมาตรา 172 และ 173 มารวมกัน และปรับถ้อยคำว่าด้วยบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งส.ส.ให้มีความชัดเจนมากขึ้น โดยต้องได้รับเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ส่วนกรณีที่มีข้อกำหนดให้เมื่อพ้น 30 วันนับแต่มีการเลือกนายกฯ ไม่มีบุคคลใดได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบตามเกณฑ์ ได้เพิ่มบทบัญญัติให้ประธานสภา นำชื่อของผู้ได้รับคะแนนเสียงข้างมากซึ่งต้องเป็นส.ส.เท่านั้น ทูลเกล้าฯแต่งตั้ง

 

โละทิ้งส.ว.สอบคุณสมบัติรมต.

     ส่วนมาตรา 174 ว่าด้วยให้นายกฯ นำชื่อผู้ซึ่งจะเป็นรัฐมนตรีส่งให้ประธานวุฒิสภาเพื่อจัดประชุมวุฒิสภาเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ ที่ประชุมกมธ.ยกร่างฯ ได้ตัดออกทั้งมาตรา เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขมาตรา 130 วรรคสอง ที่พิจารณาเสร็จแล้วก่อนหน้านี้ มาตรา 175 ว่าด้วยคุณสมบัติของรัฐมนตรี ที่ประชุมได้ปรับถ้อยคำของ (6) ว่าด้วยการแสดงสำเนาภาษีเงินได้ย้อยหลัง 3 ปี ให้ไปอยู่ในส่วนของการตรวจสอบเมื่อรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง

     สำหรับ มาตรา 154 (5) ได้ปรับบทบัญญัติว่าด้วยการยืนยันร่างกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนซึ่งสภาตีตก โดยต้องใช้การทำประชามติตัดสินให้ได้ข้อยุติ ให้เป็นส.ส. ส.ว. หรือสมาชิกทั้งสองสภารวมกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ร้องขอให้ประธานรัฐสภา พิจารณาตามข้อบังคับการประชุม แทนมาตรา 159 (2) ว่าด้วยพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยครม. กมธ.ยกร่างฯได้พิจารณาตัดออก

 

เปิดช่องส.ส.ซักฟอก

      จากนั้น กมธ.ยกร่างฯ พิจารณาในหมวดที่ 4 คณะรัฐมนตรี มาตรา 181 มีสาระสำคัญว่าด้วย นายกฯ อาจเสนอขอความไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินจากสภาผู้แทนราษฎรได้ เมื่อประธานสภารับเรื่องแล้ว ให้จัดประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาลงมติภายใน 7 วัน นับแต่วันที่นายกฯ ยื่นเรื่องดังกล่าว แต่นายกฯ จะเสนอขอความไว้วางใจตามมาตรานี้ เมื่อมีการเข้าชื่อกันเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ แล้วไม่ได้ โดยที่ประชุมได้ตัดประเด็นที่มีปัญหาว่าด้วย เมื่อนายกฯ เสนอขอความไว้วางใจตามมาตรานี้ ส.ส.จะยื่นญัตติเสนอขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ นายกฯ ในระหว่างนั้นไม่ได้ออก 

       นอกจากนี้ ยังตัดประเด็นกรณีมติไว้วางใจมีคะแนนเสียงตั้งแต่กึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่จะเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ ในสมัยประชุมอีกไม่ได้ แต่ที่ประชุมยังคงไว้ในกรณีมติไว้วางใจมีคะแนนเสียงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภา นายกฯ จะกราบบังคมทูลให้พระมหากษัตริย์ทรงยุบสภาก็ได้ ดังนั้น เท่ากับส.ส.สามารถเสนอขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ได้ โดยที่ประชุมให้เหตุผลว่าการตัดเรื่องดังกล่าวทิ้งไม่กระทบต่อการเสนอขอความไว้วางใจ และรัฐบาลยังคงเสนอขอความไว้วางใจได้ตามเดิม มีเครื่องมือป้องกันต่อรองเช่นเดิม 

 

ตัดม.182-แก้ถ้อยคำม.184

      ส่วนมาตรา 182 ว่าด้วย "การให้อำนาจนายกฯ เสนอร่างพ.ร.บ.ต่อสภา จากความจำเป็นของการบริหารราชการแผ่นดินได้ และหากส.ส.ไม่ได้ยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ภายใน 48 ชั่วโมง จะเท่ากับสภาได้ให้ความเห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวนั้น" ที่ประชุมได้เสนอตัดทิ้งทั้งมาตรา

      นอกจากนี้ มาตรา 184 ว่าด้วยการให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่รักษาราชการแทนรัฐมน ตรีนั้น กมธ.ยกร่างฯ ได้ปรับถ้อยคำ คือในกรณีที่จำนวนของรัฐมนตรีซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่เหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนรัฐมนตรีทั้งคณะ ให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้นๆ จากเดิมกำหนดให้ปลัดกระทรวงเข้ามารักษาการทันทีเมื่อครม.พ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุจากการยุบสภา และกมธ.ยกร่างฯ ยังกำหนดให้ครม.ที่ทำหน้าที่รักษาการสามารถลาออกจากการรักษาการได้

 

ตั้ง"ทรงพร"ปลัดไอซีที 

     วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นางทรงพร โกมลสุรเดช ข้าราชการพลเรือนสามัญ พ้นจาก รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) และแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งปลัดกระทรวงไอซีที ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค. ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

 

คปพ.ล่าชื่อค้านพรบ.ปิโตรเลียม

     เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) นำโดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี มายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อสอบถามความคืบหน้าที่ทางเครือข่ายยื่นหนังสือคัดค้านและถอนร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมและร่างพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ที่จะเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ คปพ.ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนจากพื้นที่ต่างๆ ที่เดินทางมาสมทบเพื่อเป็นแนวร่วมคัดค้านด้วย เนื่องจากเห็นว่าร่างพ.ร.บ.ทั้งสอง ไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนได้เปิดช่องให้ทุจริต นอกจากนี้ จะเสนอร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมฉบับประชาชนไปเปรียบเทียบ และเสนอให้ทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นประชาชนถึงร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวด้วย

      จากนั้น คปพ.ยื่นหนังสือต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานคณะกรรมาธิการพลังงาน สนช. โดยขอให้ สนช.หยุดยั้งร่างพ.ร.บ.ที่กระทรวงพลังงานเสนอมา และตั้งคณะทำงานภายใต้สนช.เพื่อยกร่างกฎหมายดังกล่าวใหม่

    ด้านนายพรเพชรกล่าวว่า ขณะนี้ สนช.ยังไม่ได้รับร่างดังกล่าวจากรัฐบาล แต่ สนช.ได้กำชับคณะกรรมาธิการของสนช.ทุกคณะให้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ต่างๆ คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นหลัก และการพิจารณาจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงเพื่อทำ กฎหมายสนช.ให้ดีที่สุด

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!