14นศ


สู่อิสรภาพ ศาลไม่รับฝากขัง 14 นศ. 
บิ๊กตู่สั่งสอน-ขอให้หลาบจำ กมธ.แก้'สว.'เลือกตรง 77 จว. ครม.ตั้ง'วิรไท'ผู้ว่าแบงก์ชาติ

       14 น.ศ.พ้นเรือนจำ ศาลทหารไม่รับฝากขังผัดสอง อาจารย์เตรียมจัดพิธีสะเดาะเคราะห์-รับขวัญ ด้านทนายเตรียมยื่นศาลรธน.ขอขึ้นศาลพลเรือน สปช.สายทหาร 'พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร'แถลงอ้างมีองค์กรต่างชาติอยู่เบื้องหลังกลุ่มนักศึกษาเคลื่อนไหว กมธ.ยกร่างฯ ปรับแก้ที่มาส.ว. ตัดทิ้งกก.กลั่นกรอง ให้เลือกตั้งโดยตรง 77 จังหวัด 77 คน สนช.สรุปผลสอบ'ครูหยุย'ทำท่ายกมือปาดคอไม่ผิด ไม่ได้ส่อเจตนาเยาะเย้ย'ปู' ผบ.ตร.เผยรู้ตัวแล้วมือโพสต์ปล่อยข่าว'บิ๊กตู่'โอนหมื่นล้านไปสิงคโปร์ 'สุเทพ'ทำบุญวันเกิด 65 ปี มาร์ค-ปชป.-แกนนำกปปส.แห่ร่วม'ปู'เดินสายไหว้พระ กราบหลวงพ่อโตที่ศรีสะเกษ ครม.ไฟเขียวตั้ง 'วิรไท' ผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนใหม่

 

วันที่ 08 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8988 ข่าวสดรายวัน

 

ปล่อยตัว - จนท.ราชทัณฑ์นำตัว น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด พร้อมกับเพื่อนนักศึกษารวม 14 คน มาฝากขังผัดสองต่อศาลทหาร ก่อนศาลจะยกคำร้อง เนื่องจากไม่มีเหตุอันควร และให้ปล่อยตัวจากเรือนจำ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.

 

 

นำตัว 14 นศ.ฝากขังผัดสอง 

      เวลา 08.30 น. วันที่ 7 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมพระธรรมนูญศาลทหารกรุง เทพ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะนำตัวนักศึกษาและนักกิจกรรมกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 14 คน ที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา มาฝากขังผลัดที่สอง มีกลุ่มญาติ เพื่อนนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่กว่า 100 คน มาชุมนุมบริเวณหน้าศาล หลักเมืองซึ่งอยู่ติดกับศาลทหาร โดยถือภาพถ่ายขนาดใหญ่เป็นรูปนักศึกษา 14 คน ที่ถูกจับกุม เรียกร้องให้ศาลทหารปล่อยตัวทั้งหมดอย่างไม่มีเงื่อนไขโดยเร็ว มีการปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 1 จำนวน 30 นาย 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจากกระทรวงกลาโหมนำแผงกั้นเหล็กมาปิดกั้นบริเวณ ทางเข้าศาลทหาร ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน และบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเดินทางเข้าไปภายใน เพราะเกรงจะมีเหตุชุลมุนขึ้น 

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบศาลทหาร กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนคร บาล 6 (บก.น.6) 1 หมวด และสน.ชนะสงคราม และสน.พระราชวังในและนอกเครื่องแบบ 20 นาย เจ้าหน้าที่กองรักษาความปลอดภัย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 20 นาย และเจ้าหน้าที่ทหารรักษาความสงบ 20 นาย ดูแลความเรียบร้อย

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่กลุ่มขบวน การประชาธิปไตยใหม่รวมตัวกันอยู่นั้น มีชายวัยกลางคนชูป้ายอันมีข้อความว่า "เผด็จการดีกว่าประชาธิปไตยที่เลว" ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจส่งเสียงโห่ร้องออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาห้ามปรามและนำตัวชายคนดังกล่าวออกจากพื้นที่ชุมนุม

 

จนท.คุมเข้มขึ้นศาลทหาร 

      จากนั้นเวลา 08.50 น. พนักงานสอบสวนนำตัวทั้ง 14 คน ประกอบด้วย นายรังสิมันต์ โรม อายุ 23 ปี นายพายุ บุญโสภณ อายุ 20 ปี นายภานุพงษ์ ศรีธนานุวัตฒน์ 20 ปี นายสุวิชชา พิทังกรณ์ อายุ 22 ปี นายอภิวัฒน์ สุนทรรักษ์ อายุ 22 ปี นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา อายุ 23 ปี นายรัฐพล ศุภโสภณ อายุ 22 ปี นายศุภชัย ภูครองพลอย อายุ 23 ปี นายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ อายุ 22 ปี นายวสันต์ เสตสิทธิ์ อายุ 23 ปี นายปกรณ์ อารีกุล อายุ 26 ปี นายพรชัย ยวนยี อายุ 24 ปี นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ อายุ 29 ปี และน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว อายุ 22 ปี มาขึ้นศาลทหารขอฝากขังผัดที่ 2 ต่ออีก 12 วันหลังครบผัดแรก 

      ทั้งหมดใส่ชุดเรือนจำสีน้ำตาล นั่งรถตู้ 3 คัน รถปิกอัพ 2 คัน เดินทางมาถึงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อพบพ่อแม่ญาติพี่น้อง ที่มายืนรอให้กำลังใจพร้อมโบกมือทักทาย เจ้าหน้าที่นำตัวทั้งหมดลงชั้นใต้ดินทันที ภายใต้การดูแลรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอรินทราช 26 และเจ้าหน้าที่เรือนจำกว่า 10 นาย

 

ศาลยกคำร้อง-ไม่รับฝากขัง 

      นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของทั้ง 14 คน กล่าวว่า ต้องรอฟังพนักงานสอบสวนก่อนว่าจะอ้างเหตุผลอะไรฝากขังผัดที่ 2 ก่อนจะหารือกับลูกความทั้ง 14 คน ว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่เบื้องต้นจะขอคัดค้านการฝากขังก่อน

      เวลา 11.40 น. นายกฤษฎางค์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังศาลพิจารณาว่า สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องต่อศาลทหารเพื่อฝากขัง 14 คน อีก 12 วัน ในข้อหามั่วสุม ชุมนุมทางการเมืองและขัดคำสั่ง คสช. ตามประมวลกฎหมายมาตรา 116 ศาลทหารสอบปากคำผู้ต้องหาและทนายผู้ต้องหา ซึ่งทนายคัดค้านว่าไม่มีเหตุผลฝากขังอีก ศาลพิเคราะห์แล้วไม่รับฝากขังไว้ หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัวทั้งหมดไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรอการปล่อยตัวในเวลา 19.00 น. 

      ทนายความ กล่าวว่า การปล่อยตัวครั้งนี้ไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ ทั้ง 14 คน สามารถเคลื่อนไหวต่อได้ เพราะเป็นสิทธิของเขา รัฐบาลห้ามไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องมารายงานตัวกับศาลทหารอีก จึงขึ้นอยู่ว่าพนักงานสอบสวนต้องหาพยานหลักฐานและสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการศาลทหาร จึงจะนำตัวนักศึกษาทั้งหมดมาฟ้องที่ศาลทหาร ส่วนระยะเวลายังระบุไม่ได้ ดังนั้นการทำงานของอัยการศาลทหารจึงไม่กำหนดระยะเวลาตายตัว หากถูกคุมขังต้องดำเนินการภายใน 48 วัน นับตั้งแต่วันถูกจับ ตอนนี้เด็กๆ เป็นอิสระ จะไปไหนก็ได้ เพราะถือว่ายังไม่ใช่ ผู้กระทำความผิด

 

จ่อยื่นศาลรธน.ขอขึ้นศาลพลเรือน 

     นายกฤษฎางค์กล่าวว่า นักศึกษาชี้แจงต่อศาลว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่หลบหนี พนักงานสอบสวนก็ไม่มีเหตุต้องคุมขังและข้อหาก็ไม่ใช่อาชญากร ไม่ควรขังร่วมผู้ทำผิดประเภทอื่น จึงควรให้โอกาสนักศึกษาไปเรียนหนังสือ คำสั่งดังกล่าวไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้ พนักงานสอบสวนต้องยอมรับ 

     ส่วนกรณีคดีที่สน.ปทุมวัน วันที่ 22 พ.ค. นายกฤษฎางค์กล่าวว่า หากจะอายัดตัว 9 นักศึกษา ที่ชุมนุมหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาด เพราะโทษดังกล่าวเป็นเพียงขัดคำสั่งคสช.ปรับไม่เกิน 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หากจะอายัดตัวสามารถแจ้งความกลับได้ทันที อย่ากลั่นแกล้งกันเลย ขอให้เห็นใจนักศึกษา

นายกฤษฎางค์กล่าวว่า จากนี้ทนายความของทั้ง 14 คน จะหารือกันว่าจะทำหนังสือถึงคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจศาลหรือจะทำหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญว่าจะให้คดีดังกล่าวไปขึ้นศาลพลเรือน ซึ่งศาลทหารไม่สมควรพิจารณาคดีนี้ เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจเขตทหารต้องขึ้นศาลพลเรือนเท่านั้น

ยังไม่ได้พิจารณาหมายจับ 22 พ.ค.

      นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา พ่อของนาย จตุภัทร หรือไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า ดีใจที่ศาลยกคำร้องฝากขังผัด 2 ทั้ง 14 คน ศาลทหารให้เหตุผลว่าการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานครบแล้ว เหลือส่งมอบให้พนักงานอัยการส่งฟ้อง โดยฝ่ายนักศึกษาโต้แย้งว่าวันที่ถูกจับกุมตัวไม่ได้มีท่าทีหลบหนีแต่พร้อมให้จับกุม จึงเป็นการแสดงอารยะขัดขืน ดังนั้น การกักขังพวกเขาย่อมทำให้เสรีภาพพวกเขาหายไป นอกจากนี้ภายในห้องพิจารณาคดีการสอบพยานต่างๆ ไม่สะดวก ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าการคัดค้านของนักศึกษาฟังขึ้น คำร้องของพนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผัดที่ 2 จึงตกไป 

     นายวิบูลย์ กล่าวว่า ส่วนกรณีหมายจับวันที่ 22 พ.ค. ศาลไม่ได้พิจารณา ต้องแยกประเด็นเพื่อไม่ให้สับสน พิจารณาเฉพาะคดีชุมนุมหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ส่วนใครมีคดีความอย่างไรพนักงานสอบสวนจะอายัดตัวหรือไม่ ยังไม่ทราบ ดีใจที่ลูกและเพื่อนๆ ออกมา การต่อสู้ของนักศึกษาประสบความสำเร็จได้ขั้นหนึ่ง หวังว่าถ้าเริ่มเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วต้องมียุติธรรมจริงๆ ทุกขั้นตอน พ่อแม่ผู้ปกครอง ที่เข้าไปฟังพิจารณาก็ดีใจกันทุกคน

 

ราชทัณฑ์ปล่อยตัว 8 กค.

     นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีศาลทหารยกคำร้องขอฝากขัง ต่อผัดที่ 2 โดยไม่มีเงื่อนไข 14 นักศึกษาและนักกิจกรรม ว่า เรือนจำที่ควบคุมตัวนักศึกษา 2 แห่ง ทั้งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง จะปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมดช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ค. นี้ เพราะนักศึกษาทั้งหมดครบกำหนดฝากขัง 12 วันในวันนี้ (7 ก.ค.) เวลา 24.00 น. ตามที่พนักงานสอบสวนนำตัวมาส่งให้เรือนจำควบคุมตัว แต่ในทางระเบียบปฏิบัติแล้วเรือนจำจะไม่สามารถปล่อยผู้ต้องขังในช่วงเวลากลางคืน ดังนั้นจึงต้องปล่อยตัวในช่วงเช้า

     นายวิทยา กล่าวว่า การปล่อยตัวครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของการประกันตัวแต่เป็นการปล่อยตัว เนื่องจากศาลไม่ออกหมายขังต่อ ดังนั้น หมายขังเดิมเมื่อครบกำหนด 12 วัน ตามที่พนักงานสอบสวนขอศาลฝากขังและไม่มีการออกหมายขังต่อ เรือนจำก็ต้องปล่อยตัว เพราะไม่มีอำนาจการควบคุมซึ่งเป็นขั้นตอนปกติ ทั้งนี้ หากเป็นการขอประกันตัวเรือนจำต้องรอหมายปล่อยจากศาล แต่กรณีนี้ไม่ต้องมีหมายปล่อย

 

อาจารย์เตรียมรับขวัญ

      เวลา 18.30 น.ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นักศึกษาและประชาชนราว 50 คน มารอรับการปล่อยตัว 14 นักศึกษา โดยใช้พื้นที่สนามหญ้าด้านหน้าเรือนจำจัดกิจกรรมขนาดย่อมได้แก่ พับนก ร้องเพลง เขียนป้ายข้อความให้กำลังใจ และระบายสีบนผืนผ้า นำดอกกุหลาบมาเรียงเป็นข้อความคำว่า"เราคือเพื่อนกัน"

นายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ และน.ส.ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ และ นายวิบูลย์ พ่อไผ่ ดาวดิน เป็นตัวแทนเจรจาเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติกรชำนาญการเรือนจำขอให้ปล่อยตัวภายในหลัง 24.00 น.ทันที

       นายอนุสรณ์ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ยืนยันจะปล่อยตัวนักศึกษาได้ในเวลา 06.00 น.วันที่ 8 ก.ค. ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่าจะไม่ปล่อยผู้ต้องขังในยามวิกาล ต้องมีระเบียบมาเป็นลายลักษณ์อักษรจึงจะละเว้นระเบียบปกติได้ ส่วนการเคลื่อนไหวต่อไปของเครือข่ายคณาจารย์ยังไม่ได้คิดต่อ แต่คิดว่าต้องสะเดาะเคราะห์ก่อนการรับขวัญซึ่งต้องหารือกับนักศึกษาอีกครั้ง

"แม้เจ้าหน้าที่จะปล่อยตัวแต่สบายใจได้เพียงเปลาะหนึ่ง เพราะกลุ่มอาจารย์ก็ยังมีทหารไปพบอยู่ การเรียกตัวเข้าพบหรือโทรศัพท์หายังเกิดขึ้น ซึ่งจะจัดทำคู่มือการรับมือและรณรงค์ให้ยกเลิกการกระทำดังกล่าวต่อไป" นายอนุสรณ์กล่าว

บรรยากาศการชุมนุมเป็นไปอย่างราบรื่น มีการร้องเพลงบทเพลงของสามัญชนร่วมกันอย่างต่อเนื่อง พร้อมจุดเทียนร่วมกัน กลุ่มนักศึกษาประกาศนัดพร้อมกันเวลา 05.00 น. วันที่ 8 ก.ค. ที่หน้าเรือนจำ ก่อนแยกย้ายกันกลับในที่สุด

 

ตร.ตั้งใจปล่อยตัว-ผู้ใหญ่ให้โอกาส 

        พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเเดช ผบก.น.6 เผยว่า พนักงานสอบสวนยื่นฝากขัง 14 นักศึกษาครั้งที่ 2 ตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งถ้อยความยื่นฝากขังครั้งที่ 2 ก็แฝงความต้องการให้ปล่อยตัวนักศึกษาทั้ง 14 คน โดยเรื่องนี้ผู้ใหญ่อยากให้โอกาส อยากช่วยให้เยาวชนเหล่านี้กลับไปใช้ชีวิตปกติ ได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ออกไปทำความเข้าใจใหม่ ไปเรียนหนังสือหาความรู้ดีกว่าถูกคุมขัง เด็กเหล่านี้ไม่ใช่อาชญากร ดังนั้น เรามองว่าการให้ทั้ง 14 คน ได้รับการปล่อยตัวเป็นเรื่องที่ดี ออกไปเพื่อปรับแนวคิด ปรับทัศนคติ การปล่อยตัวไม่มีเงื่อนไข แต่หากยังคงรวมตัวชุมนุมทางการเมืองมากกว่า 5 คน และแสดงพฤติกรรมปลุกปั่นก็เข้าข่ายความผิด ทั้งขัดคำสั่งคสช.และผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 

 

บิ๊กตู่ขอให้หลาบจำ 

     ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. แถลงหลังประชุมครม. โดยพยายามปรับอารมณ์ไม่ให้ฉุนเฉียว รวมทั้งได้บันทึกหัวข้อที่จะชี้แจงต่อสื่อในกระดาษเอ 4 อย่างไรก็ตามช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ อารมณ์ขึ้นอีกครั้งเมื่อมีการ ซักถามกรณีการปล่อยตัวนักศึกษา 14 คน และปัญหาภัยแล้ง 

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนต้องพูดทุกวันนี้เพื่อให้คนไทยได้เรียนรู้ว่าเราจะอยู่อย่างไร ถ้ายังอยู่เหมือนเดิม ทำงานทุกอย่างเหมือนเดิมมันไปไม่ได้ ที่ผ่านมาประเทศไทยเหมือนคนที่มีไข้ วันนี้ไข้เริ่มลดลงแต่ยังไม่หายก็ดูแลกันอยู่ ถ้าให้ยาผิดซองก็ไปอีก ตอนนี้เชื้อโรคมีมากกำลังเข้ามาอยู่ ทิ่มๆ ตำๆ อยู่รอบๆ รัฐบาลก็ดูแลเต็มที่ ส่วนนักศึกษาทั้ง 14 คนเป็นไปตามขั้นตอน ยืนยันรัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังกับใคร แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม

นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่ศาลได้เมตตาไปแล้วต้องคิดว่าจะทำได้อีกหรือไม่ ต้องหลาบจำและยอมรับความผิดบ้าง เพราะมันคือกฎหมาย ต้องเข้าใจว่าทุกฉบับไม่ว่าคำสั่งคสช.หรือมาตรา 44 หรือพ.ร.บ.ต่างๆ ออกมาสมัยรัฐบาลนี้ทั้งนั้น ถ้าบอกว่ากฎหมายไม่ถูกต้องก็เท่ากับ 300 ฉบับที่ออกมาก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้องทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่ ทุกอย่างทำตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เพราะมีรัฐบาลและรัฐธรรมนูญ ดังนั้น อย่ามาดื้อรั้นในเรื่องไม่เป็นเรื่อง 

 

กังวลม็อบหนุนชนม็อบต้าน 

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนกังวลกับอีกพวกหนึ่งที่มาสนับสนุน เดี๋ยวจะตีกันจนเหตุการณ์บานปลายไปอีก จึงขอร้องสื่ออย่าจุดชนวนความรู้สึกให้เกิดขึ้นอีก สื่อมีความสำคัญ 50 เปอร์เซ็นต์ ที่จะทำให้บ้านเมืองสงบหรือไม่สงบ นอกจากงานตามภาระหน้าที่ตนยังมีงานที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตั้งคณะทำงานขึ้นมาไม่รู้กี่คณะยังไปได้ช้า เพราะยังมีการต่อต้านจากคนที่เสียผลประโยชน์ เป็นหน้าที่สื่อต้องหามาว่าใครเสีย หรือใครได้ผลประโยชน์แต่ตนไม่เคยได้ผลประโยชน์ ยืนยันไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับใคร สื่อมีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ไม่ใช่เอาเรื่องเดือดร้อนข้างเดียวมาพูด 

       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อมีหน้าที่ช่วยตนเพราะสื่อถือเป็นผู้นำเหมือนตน ถ้าสื่อบอกดีชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ แนะนำในสิ่งต่างๆ ก็ทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า สื่อต้องเสนอข่าวด้วยความเป็นกลาง ต้องมีจรรยาบรรณ ไม่จำเป็นต้องเสนอข่าวเข้าข้าง แต่ขอให้เสนอว่าตนทำอะไร ถ้าคนไม่ดีเข้ามา ต้องเสนอว่าเขาทำอะไรแล้วประชาชนว่าอย่างไร แต่ทุกวันนี้สื่อเทไปข้างนั้นที ข้างนี้ที ทางตนไม่ค่อยมาอยู่แล้ว 

       นายกฯ กล่าวว่า ขอร้องอย่าลืมปัญหามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าบานปลายเกิดปัญหาขึ้นอีกก็ต้องรับผิดชอบกันเอง อย่าคิดว่าเป็นเรื่องสนุก ทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปตามโรดแม็ป อย่าเอาความรู้สึกมาเขียนหรือวิจารณ์ ยอมรับทุกคนมีประสบการณ์มากกว่าตน โดยเฉพาะคอลัมนิสต์ต่างๆ ตนไม่เคยว่าใคร แต่ทำไมถึงว่าตนนัก ไม่เข้าใจ ในเมื่อสิ่งที่ตนทำ คิดว่าทำดีแต่อาจจะดีหรือไม่เป็นที่พอใจเท่ากับรัฐบาลก่อนที่เขาทำ งั้นก็รอรัฐบาลต่อไปแล้วกัน

 

วอนสื่อช่วยรบ.-อย่าให้บังคับ 

     เมื่อถามว่าได้รับรายงานที่พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิกสปช. ระบุมีองค์กรระหว่างประเทศหนุนหลังกลุ่มนักศึกษาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า ใครรายงานตนไม่รู้ ตนไม่มีรายงาน วันนี้พล.อ.ธวัชชัย เป็นสปช.ก็ต้องรายงานตรงกับสปช. ทำรายงานขึ้นมา สำหรับตนขนาดเพื่อนยังไม่คุยด้วยเลย เมื่อถามว่าในทางการข่าวมีข้อมูล ดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้ามีแล้วจะอย่างไร สื่อจะไปรบกับองค์กรอื่นหรือจะช่วยตนทำความเข้าใจกับองค์กรเหล่านั้น ทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนและองค์กรอื่นๆ มาถามตนเช่นนี้เพื่อให้ไปแก้หรือจะให้ไปรบกับเขา

       นายกฯ กล่าวว่า สื่อต้องช่วยตนไม่ใช่เสนอข่าวขัดแย้งกันไปหมด ขอร้องให้เลิก ไม่ได้บังคับ ขอให้คิดใหม่ทุกเรื่อง ต้องร่วมกันคิดร่วมกันทำ อย่าต้องให้บังคับ เพราะถ้าบังคับแล้วก็มีเรื่อง เกิดปัญหาขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร ถ้าปลุกแล้วลุกกันขึ้นมาต่อต้านกันหมดจะทำอย่างไร ใครจะรับผิดชอบ ทหารกับตำรวจก็ต้องทำหน้าที่ยุติแล้วใครมีความผิดก็ทหารตำรวจ

"ไอ้ที่ไปตายก็คนจนทั้งนั้น เป็นลูกหลาน ส่วนไอ้คนนำหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมีใครตายสักคนบ้างหรือไม่ กฎหมายมันยังไม่รับผิดเลย อ้างอยู่นั่นว่าเป็นประชาธิปไตย เคยตายบ้างหรือไม่ ไอ้คนที่ออกมาอ้างไม่เคยติดคุกมันไม่รู้ ลองดูก็แล้วกันสู้ได้ก็สู้ไป เห็นตำตากันอยู่ ผมไม่ได้บอกว่าใครผิดใครถูก แต่กลายเป็นว่าผมเป็นคนผิดทุกเรื่อง ส่วนพวกที่มีคดีอยู่ก็ไม่พูดถึง โลกมันกลับตาลปัตรสมองหน้าหลังมันกลับกัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

ขู่ทุบกลับสื่อให้บ้าง

        เมื่อถามว่าการที่ศาลอนุมัติปล่อยตัวนักศึกษา กังวลหรือไม่ว่าจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มอื่นๆ ออกมาอีก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยู่ที่คนทำ อยู่ที่นักศึกษา วันนี้พ่อแม่และทุกคนเป็นห่วง จะเสียสละไปเพื่อใคร รออีกหน่อยไม่ได้หรือ ถามจริงๆ ว่าอยากจะมีรัฐบาลใหม่ในวันพรุ่งนี้เลยหรือไม่ เพราะเบื่อตนแล้วก็เอาคนใหม่เข้ามาแล้วต้อนเขาอย่างนี้บ้าง ส่วนจะมีรัฐบาลเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่เขาเขียนไว้ 

       นายกฯ กล่าวว่า ตนขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ ขอบคุณทุกคนที่ติชมอย่างมีสาระ ขอบคุณทุกคนที่เสนอวิสัยทัศน์โลกสวย ยอมรับทั้งหมดทุกเรื่อง อยู่ในหัวทั้งหมด ที่พูดไม่ได้โกรธสื่อแต่ต้องมีมุมมองและเข้าใจถึงคำว่าอดีต ปัจจุบันและอนาคต 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนเป็นกระท้อนยิ่งทุบยิ่งหวาน แต่ระวังจะทุบกลับให้บ้าง ตนเป็นกระท้อนสาว ถ้าเป็นกระท้อนแก่ๆ ไม่ค่อยหวาน แก่เกินไปลูกใหญ่ ไม่อร่อย มันต้องพอดี ประเทศไทยต้องโตผลไม้ไทยที่เนื้อแน่น ใครก็อยากจะแย่งชิมไม่ใช่คัดออก เราต้องมีตัวตนในเวทีโลก ต้องทำให้คนทั้งโลกได้เห็นถึงความรัก สามัคคี ความมีอัจฉริยะ มีบุคลิกภาพที่ดีในสังคมโลก ไม่ใช่นักการศึกษาตีกัน อาชีวะก็ตีกัน บนถนนก็เดินขบวน ไม่รู้อะไรคือกฎหมาย ไม่รู้สถานการณ์ ปนเปไปหมดทุกเรื่อง ถ้าเราไม่สร้างระบบไว้ตั้งแต่วันนี้วันข้างหน้าจะเป็นอย่างนี้อีก 

 

มท.1 ขอร้องหยุดเคลื่อนไหว 

      พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีศาลปล่อยตัว 14 นักศึกษา ว่า เชื่อว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะดีขึ้น ไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น รัฐบาลมีหน้าที่บริหารตามโรดแม็ปและตอนนี้มีปัญหาหลายเรื่องอยู่แล้ว อาทิ ภัยแล้ง สิ่งใดที่จะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้ นายกฯก็พยายามแก้ไข 

เมื่อถามว่าการข่าวมีรายงานว่ายังมีกลุ่มที่พยายามเคลื่อนไหวอยู่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า หากจะมีอย่างที่ถามมาก็ขอร้อง บ้านเมืองจะเกิดความขัดแย้งไม่ได้ ต้องเรียนขอร้องนักศึกษา พลังบริสุทธิ์ ขอร้องให้เข้าใจว่าประเทศชาติต้องเดินหน้า ต้องรีบทำรัฐธรรมนูญ ให้มีการเลือกตั้ง ให้ได้คนดี อย่าให้มีปัญหากัน ในช่วงนี้ทำอย่างอื่นไม่ได้ต้องเดินไปตามนี้

 

สมช.ชี้นศ.ยังเคลื่อนไหว 

      นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการปล่อยตัวนักศึกษาว่า สมช.ยังไม่มีรายงานความเคลื่อนไหวของนักศึกษา แต่คิดว่าความเคลื่อนไหวยังมีอยู่ เมื่อถามว่าฝ่ายความมั่นคงจะทำอย่างไรหากปล่อยตัวแล้วยังเคลื่อนไหวอีก นายอนุสิษฐกล่าวว่า เราต้องทำหน้าที่ของเรา หากการเคลื่อนไหวมีผลกระทบต่างๆ เพราะสังคมไทยอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ถูกละเลยมามาก 

       ส่วนที่ศาลไม่ฝากขังนักศึกษา 14 คนผัด 2 มีผลดีอย่างไร เลขาฯสมช. กล่าวว่า อย่าพูดประเด็นนั้นให้มองภาพใหญ่ของประเทศ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และขอว่าอย่าเลียนแบบการเคลื่อนไหวของ 14 นักศึกษา เชื่อว่าการเคลื่อนไหวเพราะห่วงใยบ้านเมืองเช่นกันแต่วิธีคิดการแสดงออกแตกต่างกัน แต่ต้องมีแนวทางทำความเข้าใจตามที่นายกฯห่วงใย เพราะเขายังเป็นเยาวชนไทย

 

ประวิตรให้กลุ่มหนุนอยู่นิ่งๆ 

      ที่อาคารรับรองเกษะโกมล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหมกล่าวถึงการปล่อย 14 นักศึกษา ว่า หลายส่วนพยายามชี้แจงให้นักศึกษาไม่เคลื่อนไหว ตนขอเวลาให้รัฐบาลและคสช.ดำเนินการตามโรดแม็ป ได้รัฐธรรมนูญผ่านประชามติ และมีการเลือกตั้ง ขอให้เข้าใจพวกเราไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ แต่มาแก้ปัญหาไม่ให้คนในชาติขัดแย้งกัน เพื่อทำให้ประเทศสงบสุข อีกทั้งประชาชนส่วนใหญ่ก็พอใจการแก้ปัญหา ตนย้ำเสมอเรื่องการเมืองขอให้หยุดไว้ก่อน 

เมื่อถามว่าจะพูดคุยกับนักศึกษาอย่างไรให้หยุดการเคลื่อนไหว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็จะพูดแบบนี้ จะบอกว่าเรามีกฎหมายอยู่ ขอร้องว่าอย่าทำไปเรียนหนังสือดีกว่า เมื่อจบมาจะได้ช่วยประเทศให้เข้มแข็ง ส่วนกรณีนักการเมืองไปเกี่ยวข้องจะเรียกมาพูดคุยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของ คสช.ไม่ต้องห่วง ตนทำเป็นอยู่แล้ว และได้บอกกลุ่มสนับสนุนให้อยู่นิ่งๆ นักการเมืองก็วางแผนเลย ถ้ามีรัฐธรรมนูญแล้วจะเลือกตั้ง หาเสียงและจัดตั้งรัฐบาลอย่างไรควรไปวางแผนในอนาคต คสช.ก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยว

 

ยันคดีความไม่สิ้นสุด 

      พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. กล่าวถึงกรณีนายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์วอตช์ ระบุการที่มีคำสั่งไม่ฝากขังนักศึกษาต่อ เป็นแค่การสร้างภาพว่า เป็นเพียงมุมความคิด อาศัยทัศนคติส่วนบุคคล ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องดุลพินิจของศาลที่คงไม่มีใครไปก้าวล่วงได้ การให้ข้อมูลใดๆ ควรคำนึงถึงเกียรติองค์กรนั้นๆ และมองโลกในเชิงสร้างสรรค์บ้าง ยืนยันคสช.และรัฐบาลไม่เคยมองคนเห็นต่างเป็นศัตรู มั่นใจประชาชนยังเสนอข้อคิดเห็นหรือแสดงออกในช่องทางที่เหมาะสมมาได้ ไม่เคยมองว่าความเห็นต่างคืออาชญากรรม อย่างที่บางคนพยายามบิดเบือน กรณีนักศึกษาทั้งหมดยังต้องถูกดำเนินคดีในศาลทหารต่อไปเป็นเรื่องตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ส่วนการเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการดำเนินคดีผู้เห็นต่างโดยไม่มีเงื่อนไข คงเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนเพราะการดำเนินคดีใดๆ ย่อมเกิดขึ้นกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเท่านั้น

 


ไก่ย่าง - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แวะซื้อไก่ย่างห้วยทับทัน อาหารขึ้นชื่อของจ.ศรีสะเกษ เนื่องจากใช้ไม้มะดันเสียบไก่แทนไม้ไผ่ ทำให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น ขณะเดินทางไหว้พระขอพรพร้อมลูกชาย ที่จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.

 

       พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าวว่า แม้จะได้รับการปล่อยตัว แต่มิได้หมายความว่าคดีความสิ้นสุดลงไปด้วย ขั้นตอนต่อไปอยู่ที่ตำรวจสรุปสำนวนเพื่อเสนออัยการว่าสมควรส่งฟ้องหรือไม่ และเมื่อทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวแล้ว ทุกฝ่ายควรหยุดการเคลื่อนไหวที่จะสร้างความวุ่นวาย เพราะไม่มีเงื่อนไข หรือเหตุผลใดๆ ต้องจัดกิจกรรมเช่นที่ผ่านมาอีกแล้ว ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

 

บัวแก้วคุยยูเอ็นแล้ว

      นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ กล่าวถึงการชี้แจงต่อองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักศึกษาว่า ไม่ได้ชี้แจงโดยตรง แต่คุยกันและบอกว่าเรารู้ดีว่าบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่มีปัญหาที่ทำให้แต่ละคนในแต่ละวงการได้รับผลกระทบ เราทุกคนมีเพื่อนในวงการต่างๆ ขอให้ถามดูว่าใครบ้างที่เดือดร้อนกับสภาวะบ้านเมืองวันนี้ ต่างประเทศถามมาว่าจะทำอย่างไร เราก็ตอบว่าให้เวลารัฐบาลทำเรื่องต่างๆ ที่ตั้งใจทำอย่างจริงจัง ให้ความสงบยั่งยืน 

      ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า หลังจากนี้หากกลุ่มนักศึกษายังเคลื่อนไหวทางการเมือง และพบว่ามีการกระทำความผิดตามกฎหมาย เราจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ยืนยันว่าที่ผ่านมาคสช.ไม่ได้จับกุมนอกเหนือกฎหมายแต่อย่างใด 

 

พท.ชี้สร้างปรองดอง 

     นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การปล่อยตัวนักศึกษาเป็นเรื่องดีที่จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศปรองดอง และเกิดการยอมรับว่ากลุ่มนักศึกษาเป็นพลังบริสุทธิ์ เคลื่อนไหวโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง หรือมีกลุ่มการเมืองใดอยู่เบื้องหลังตามที่กล่าวอ้างก่อนหน้านี้ รวมทั้งได้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลที่จะแก้ปัญหามากกว่าสร้างเงื่อนไข หลังปลดเงื่อนไขความไม่เข้าใจแล้วรัฐบาลต้องรับฟังสิ่งที่นักศึกษาเรียกร้อง รวมทั้งข้อเสนอแนะต่างๆ เชื่อว่าจะทำให้บรรยากาศดียิ่งกว่านี้ 

       นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย แกนนำนปช.กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีท่าทีอ่อนลงเพราะสังคมโลกเริ่มแสดงการต่อต้านอย่างหนัก ขณะที่กระแสของกลุ่มประชาธิปไตยรวมตัวกันเพิ่มขึ้นทุกวัน แรงบีบทั้งจากภายนอกและภายในประเทศทำให้นายกฯ เข้าใจว่าหากยังไม่ปล่อยกลุ่มนักศึกษา การรวมตัวจากทุกส่วนเพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลจะยิ่งขยายตัวและบานปลาย ซึ่งเคยมีบทเรียนมาแล้วจากเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ที่สำคัญจะกระทบกับ การบริหารประเทศ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ความยากจน ปัญหาภัยแล้ง จนถึงเรื่องร่างรัฐธรรมนูญที่กมธ.ยกร่างฯ ยังไม่แก้หัวใจสำคัญโดยเฉพาะที่มานายกฯ และส.ว.ที่ต้องมาจากการเลือกตั้ง การที่รัฐบาลรีบปล่อยตัวนักศึกษาอย่างน้อยก็ช่วยตัดเงื่อนไขการรวมตัวต่อต้านรัฐบาล ให้ศาลทหารปล่อยก็ช่วย ไม่ให้รัฐบาลเสียหน้าหรือเสียฟอร์ม

 

ณัฐวุฒิ จี้เลิกดำเนินคดีนศ.

       นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มนปช. กล่าวว่า ยินดีกับอิสรภาพของนักศึกษาแต่ไม่คิดว่าสิ่งนี้คือความยุติธรรมที่ผู้มีอำนาจมอบให้ เพราะกระบวนการนำไปสู่การคุมขังไม่ใช่กฎหมายตามหลักนิติธรรมตั้งแต่ต้น จึงมองว่าเป็นความพยายามจัดการกับความผิดพลาดที่ทำให้สถานการณ์บานปลายจนรัฐบาลเผชิญแรงเสียดทานทั้งในและต่างประเทศ เป็นการดำเนินการที่มีเป้าหมายการเมืองเป็นสำคัญ ไม่ใช่การยอมรับในความบริสุทธิ์ของขบวนการนักศึกษา การให้สัมภาษณ์ทั้งจากรัฐบาลและแม่น้ำ 5 สายทำนองว่ามีขบวนการยุยง หรือหนักถึงขั้นองค์กรจากต่างประเทศมาปลุกปั่นนักศึกษาคือคำยืนยันในประเด็นนี้

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า สิ่งที่ต้องตามกันต่อคือการดำเนินคดี ซึ่งไม่มีความชอบธรรมใดๆ ที่รัฐจะทำให้เยาวชนกลุ่มนี้เป็นผู้ต้องหาอาญาแผ่นดิน รัฐบาลควรยุติการดำเนินคดีโดยเร็วที่สุดเพื่อพิสูจน์ว่าหัวใจผู้มีอำนาจกว้างกว่าประตูคุก หยุดการแสดงอำนาจในทุกรูปแบบต่อกลุ่มเคลื่อนไหวและสมาชิกในครอบครัว 

 

สปช.อ้างองค์กรต่างชาติอยู่หลังนศ.

       ที่รัฐสภา พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิก สปช. แถลงว่า ตนรู้จักกับ 1 ใน 14 ของนักศึกษากลุ่มดาวดินที่เป็นคนสุรินทร์ ได้พูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กคนดังกล่าว ซึ่งเป็นห่วงลูกและไม่อยากให้เข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องการเมือง และยังสอบถามถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองทราบว่านักศึกษา เข้ามาเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มดาวดินเมื่อเดือนก่อน โดยมีองค์กรต่างชาติองค์กรหนึ่ง ซึ่งเป็นฝ่ายที่ไม่หวังดี มาติดต่อนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้เข้ากระบวนการเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งหลังจากที่ลูกชายกลับมาก็ไม่ได้พูดคุยกับผู้ปกครอง กระบวนการเช่นนี้ในอดีตมีมาอยู่ตลอดในจ.สุรินทร์ 

 

ไอซีเจจี้รบ.หยุดข่มขู่ทนาย 

      เว็บไซต์ icj.org ของคณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล หรือไอซีเจ โพสต์คำแถลง ขอให้รัฐบาลไทยยุติการข่มขู่น.ส.ศิริกาญจน์ เจริญศิริ ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน หรือทีแอลเอชอาร์ หลังน.ส.ศิริกาญจน์ ใช้กฎหมายเข้าช่วยเหลือกลุ่มนักศึกษา 14 คน ตั้งแต่นั้นมาตํารวจได้ข่มขู่ว่าจะดําเนินคดี และกล่าวอย่างเปิดเผยว่าจะพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อน.ส.ศิริกาญจน์ พร้อมไปที่บ้านและสอบถามครอบครัวของน.ส.ศิริกาญจน์ 

      นายแมท พอลลาร์ด หัวหน้าศูนย์ความเป็นอิสระสําหรับผู้พิพากษาและทนายความที่เจนีวาของไอซีเจ กล่าวว่า "รัฐบาลไทยต้องหยุดการคุกคามและข่มขู่ทนายความสิทธิมนุษยชน น.ส.ศิริกาญจน์ ทันที คดีซึ่งลูกความของเธอถูกกล่าวหาเป็นการละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศของไทยอย่างชัดเจน และไม่สามารถเป็นจุดเริ่มต้นที่ชอบด้วยกฎหมายอันจะทําให้เจ้าหน้าที่ตํารวจดําเนินคดีกับเธอสําหรับการต่อสู้ปกป้องสิทธิของนักศึกษาเหล่านั้นได้

       แถลงระบุ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2558 ไอซีเจได้พบเจ้าหน้าที่ของผู้รายงานพิเศษเรื่องความเป็นอิสระของผู้พิพากษาและทนายความและเรื่องสถานการณ์นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่นครเจนีวา เพื่อนําเสนอกรณีของน.ส.ศิริ กาญจน์ เข้าสู่การพิจารณาของเจ้าหน้าที่ด้วย 

 

วิษณุชี้อายุความเป็นปี 

     ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการปล่อยตัว 14 นักศึกษาว่า เมื่อศาลปล่อยตัวพนักงานสอบสวนต้องเอาคดีไปฟ้องภายในอายุความ หรือจะไม่ฟ้องก็ได้เพราะอายุความยังอยู่อีกเป็นปี หรือจะฟ้องในอีก 2 เดือนก็ได้ แต่ระหว่างนี้จะไปควบคุมตัวเขาไม่ได้ แต่ถ้าหากคนที่ถูกดำเนินคดีไปยุ่งเกี่ยวพยานหรือคดี พนักงานสอบสวนสามารถขอฝากขังได้อีก โดยไปบอกศาลใหม่ แต่ต้องอยู่ในอายุความและอย่าใช้คำว่าอายัดตัว 

ส่วนที่ทนายความนักศึกษาระบุพนักงานสอบสวนอาจขออายัดนักศึกษา 6 คน หากศาลไม่ฝากขังผัด 2 ฐานฝ่าฝืนคำสั่งคสช.ที่รวมตัวหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ นายวิษณุกล่าวว่า ความหมายคือเพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีกับคนอื่น จำเป็นต้องมีไว้เป็นพยานหลักฐาน เมื่อถามว่าในข้อเท็จจริง ไม่จำเป็นต้องคุมตัวไว้ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่ ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนพิจารณา 

 

ไม่ตอบกรณีรัฐบาลแห่งชาติ 

      นายวิษณุ กล่าวถึงการพิจารณาแผนปฏิรูปของสปช. ที่เสนอมายังรัฐบาลเพื่อรวบรวมเป็นแผนยุทธศาสตร์ชาติว่า กำลังประสาน กับสปช. และวันที่ 8 ก.ค.นี้ ตนจะหารือกับพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์รัฐบาล ที่จะต้องรวบรวมข้อเสนอจากทุกฝ่ายมาจัดทำเป็นแผนยุทธศาสตร์ ก่อนไปพูดคุย หลักการกับทางสปช.ต่อไป

      เมื่อถามว่านพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เสนอให้รัฐบาลตั้งรัฐบาลแห่งชาติให้ผู้มีความรู้ความสามารถ นักการเมืองทั้ง 2 ฝ่ายมีส่วนร่วมเพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีความเห็น ต้องไปถามพล.อ. ประยุทธ์ ส่วนข้อเสนอของนพ.ประเวศ ที่แนะ นำรัฐบาลแก้ไขเรื่องที่ยากก่อนเพราะรัฐบาลมีเวลาจำกัดนั้น ตนเห็นด้วย และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นแบบนั้น ซึ่งเรื่องยากมีอยู่มากกว่า 11 ด้านและทุกเรื่องมีความจำเป็นทั้งสิ้น

 

บวรศักดิ์เข้มข่าวหลุด

       ที่รัฐสภา ก่อนประชุมกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ สอบถามผู้สื่อข่าวกรณีการนำคำพูดในห้องประชุมกมธ.ยกร่างฯแบบคำต่อคำไปนำเสนอข่าวว่าได้เนื้อหามาอย่างไร สื่อมวลชนปฏิเสธว่าไม่ทราบและไม่รู้ถึงการนำเสนอข่าวตามที่นายบวรศักดิ์ระบุ และก่อนเข้าสู่วาระการประชุมในหมวดการเมือง นายบวรศักดิ์สั่งให้เจ้าหน้าที่ประจำห้องประชุม เช็กทุกมุมห้องว่ามีการนำเทปบันทึกเสียงซ่อนไว้อยู่ภายในห้องประชุมหรือไม่ และเมื่อเจ้าหน้าที่ประจำห้องเช็กแล้ว ไม่พบเทปบันทึกเสียงจึงเริ่มการประชุม

 

ยอมตัดกก.กลั่นกรองสว. 

        ในการประชุมกมธ.มีความเห็นร่วมกันเกี่ยวกับการกำหนดจำนวนและการได้มาซึ่งส.ว. โดยบัญญัติให้มีส.ว.ไม่เกิน 200 คน แบ่งเป็นระบบเลือกตั้ง 77 คน และมาจากการสรรหา 123 คน ทั้งนี้ ส.ว.เลือกตั้งจะมาจากการเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คน โดยจะไม่มีคณะกรรมการกลั่นกรอง ทำหน้าที่คัดกรองบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิและคุณธรรมในแต่ละจังหวัด 10 คน เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ออกเสียงลงคะแนนเหมือนกับร่างแรกที่กำหนดไว้ สาเหตุที่ตัดเนื่องจากเห็นว่าเมื่อจะให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งโดยอำนาจของประชาชนแล้ว ก็ไม่ควรมีคณะกรรมการกลั่นกรองอีก เพื่อให้เป็นส.ว.เลือกตั้งอย่างแท้จริง

       สำหรับ การสรรหาส.ว. 123 คน มีที่มา 4 แนวทาง 1.อดีตข้าราชการฝ่ายพลเรือน ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า เป็นตำแหน่งบริหารและข้าราชการฝ่ายทหาร ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง ผบ.สส.หรือผบ.เหล่าทัพ เลือกกันเองแต่ละประเภทไม่เกิน 5 คน จากเดิมกำหนดไว้ประเภทละไม่เกิน 10 คน 2.ผู้แทนสภาวิชาชีพ องค์กรวิชาชีพ หรืออาชีพที่มีกฎหมายจัดตั้ง ให้กกต.จับสลาก จำนวนไม่เกิน 15 คน

 

ให้กกต.จับสลากผู้แทนวิชาชีพ 

       3.ผู้แทนองค์กรซึ่งเป็นนิติบุคคล ด้านเกษตรกรรม ด้านแรงงาน ด้านวิชาการและศึกษา ด้านชุมชน และด้านท้องถิ่นและท้องที่ มาจากการสรรหาด้านละไม่เกิน 6 คน และ 4.ผู้ทรงคุณวุฒิและคุณธรรมด้านการเมือง ความมั่นคง การบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การเศรษฐกิจ การสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม ผังเมือง ทรัพยากร ธรรมชาติ พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคม ชาติพันธุ์ ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม คุ้มครองผู้บริโภค ด้านเด็กเยาวชน สตรี ด้านผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ และด้านอื่น โดยมาจากคณะกรรมการสรรหา จำนวน 68 คน จากเดิมที่กำหนดไว้ 58 คน

      แหล่งข่าวในกมธ.ยกร่างฯ เผยว่า สาเหตุที่ให้กกต. มาจับสลากผู้สมควรดำรงตำแหน่งส.ว. ตามแนวทางที่ 2 เนื่องจากเห็นว่าจะมีผู้แทนจากองค์กรวิชาชีพต่างๆ 20-30 องค์กร ที่สามารถส่งผู้แทนเพื่อมาเป็นส.ว.ได้ จึงเห็นว่าควรเป็นหน้าที่ของกกต.จับสลาก และสุ่มเลือกบุคคลที่เหมาะ ขณะเดียวกันกมธ.ยกร่างฯมอบให้ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ปรึกษาและโฆษกกมธ.ยกร่างฯ ไปกำหนดโครงสร้างของคณะกรรมการสรรหาส.ว. ตามแนวทางที่ 4 เอาไว้ในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.ต่อไป

 

รู้ตัวมือปูด"บิ๊กตู่"โอนหมื่นล้าน 

      พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดกรณีมีคนโพสต์ระบุพล.อ.ประยุทธ์ โอนเงินไปสิงคโปร์กว่า 1 หมื่นล้านบาท ว่า ฝ่ายความมั่นคงอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ ในส่วนของตำรวจไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะจะทำให้การทำงานลำบาก แต่ยอม รับว่ามีข้อมูลและรู้ตัวคนปล่อยข่าวดังกล่าวแล้ว ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นการสร้างผลกระทบให้กับผู้นำประเทศ เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีเพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนและตื่นตระหนก ส่วนเจตนาของผู้โพสต์ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีวัตถุประสงค์ใดและมีส่วนเชื่อมโยงกับ 14 นักศึกษาหรือไม่ แต่ข้อมูลที่โพสต์หากเป็นเท็จถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนตัวไม่ให้น้ำหนักและเชื่อว่าไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากการโอนจำนวนมาก ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน รวมทั้งต่างชาติจะมีการเฝ้าระวังเรื่องการเคลื่อนย้ายเงินจำนวนเพราะกลัวเรื่องการก่อการร้าย จึงขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์

       พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร. กล่าวว่า ในส่วนของ 14 นักศึกษา ที่ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหว เพราะอาจมีการแสดงออกทางการเมืองขึ้นอีกได้เช่นเดียวกับกลุ่มการเมืองอื่นๆ แต่คงไม่ถึงขนาดจะต้องเฝ้าจับตาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากนักศึกษาต้องกลับไปเรียนหนังสือ

 

ทำบุญวันเกิด 65 ปีพระสุเทพ 

       เวลา 07.00 น. ที่บ้านดอนรัก อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี บ้านพักพระสุเทพ หรือนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ ครอบครัวได้จัดพิธีทำบุญบ้านและเนื่องในโอกาสคล้ายวันเกิดพระสุเทพ อายุ 65 ปี โดยนิมนต์พระภาวนาโพธิคุณ (อาจารย์โพธิ์ จันทสโร) ที่ปรึกษาและอดีตเจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา พร้อมพระภิกษุจากวัดธารน้ำไหลและคณะพระสงฆ์ที่บวชในโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติฯมารับภัตตาหารเช้า

       นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ น.ส.ธีราภา พร้อมพันธุ์ รวมทั้งอดีตรัฐมนตรี อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ แกนนำกปปส. นักการเมืองท้องถิ่นใน จ.สุราษฎร์ธานี จังหวัดใกล้เคียง และประชา ชนไปร่วมจำนวนมาก 

      ที่วัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม พระสุเทพ ให้สัมภาษณ์ถึงการลาสิกขาช่วงปลาย ก.ค.ว่า หลังลาสิกขาแล้วจะไปทำงานภาคประชาชนในนาม "มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย" รวมถึงจะสร้างวิทยาลัยอาชีวศึกษา เบื้องต้นใช้ชื่อว่าวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ เป็นแนววิถีพุทธ อยู่ที่อ.เกาะสมุย มีลักษณะเป็นต้นแบบผลิตบุคลากรออกไปรับใช้สังคม เรียนฟรีทุกคน ความคิดนี้อาจจะไปตรงกับความคิดที่พล.อ. ประยุทธ์ ที่เคยกล่าวไว้ว่าควรเน้นให้เด็กนักเรียน นักศึกษา เรียนในภาคอาชีวะมากขึ้น แต่ยืนยันไม่เคยหารือพูดกัน เพียงแต่มีแนวคิดคล้ายกัน ส่วนที่อาจมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของอีกฝ่ายหลังลาสิกขานั้นเราไม่กลัว เพราะถ้าทำความดีก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น และอนาคตจะทำโครงการบ้านพักผู้สูงอายุที่เป็นต้นแบบ ทำชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงด้วย" พระสุเทพกล่าว

 

ปูกราบหลวงพ่อโต 

       เวลา 09.30 น. ที่วัดมหาพุทธาราม (วัดพระโต) ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมด้วยด.ช.ศุภเสกข์ หรือน้องไปป์ อมรฉัตร กราบสักการะหลวงพ่อโต ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองจ.ศรีสะเกษ มีนายธเนศ เครือรัตน์ อดีตส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย และคณะต้อนรับ มีชาวบ้านที่ทราบข่าวมาต้อนรับและนำดอกกุหลาบสีแดงมามอบให้กำลังใจจำนวนมาก มีการจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญ เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย

จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ และบุตรชาย เดินทางไปยังวัดป่าประชารังสรรค์ อ.ห้วยทับทัน และแวะกินไก่ย่างเป็นอาหารกลางวันที่ห้วยทับทัน มีประชาชนที่ทราบข่าวมาต้อนรับและขอถ่ายรูปจำนวนมาก

 

สนช.อุ้ม"ครูหยุย"ปาดคอล้อ"ปู"

     ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิก สนช. ในฐานะโฆษกวิปสนช. กล่าวว่า การประชุมสนช.วันที่ 9 ก.ค. ที่ประชุมจะพิจารณารายงานผลการสอบสวนทางจริยธรรมของสมาชิกสนช.รายหนึ่ง ตามที่คณะกรรมการจริยธรรมสนช. ที่มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่สองเป็นประธาน พิจารณาผลการสอบสวนเสร็จแล้วตามที่มีผู้ร้องเรียนมา จึงต้องนำผลการสอบสวนแจ้งให้ที่ประชุมสนช.รับทราบ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายงานผลการสอบ สวนจริยธรรมดังกล่าวเป็นกรณีการสอบจริยธรรมนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม แสดงท่าทางในลักษณะยกมือปาดคอตัวเอง ภายหลังทราบผลการลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กรณีโครงการรับจำนำข้าว ผลสอบสวนสรุปว่า ไม่มีมูลความผิด เนื่องจากเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวของนายวัลลภเป็นลักษณะของการยกมือธรรมดา ไม่ได้ส่อเจตนาไม่เหมาะสมในลักษณะเยาะเย้ยหรือถากถางผู้ถูกถอดถอน ตามที่ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือหม่อมเต่านา ยื่นเรื่องร้องเรียนมา

 

ทร.เล็งซื้อเครื่องบิน"แอมแบร์"

     วันที่ 7 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ถึงความจำเป็นจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องเรือดำน้ำรอดูขั้นตอนถ้าซื้อได้ก็ต้องดูความจำเป็นว่าต้องซื้อหรือไม่ มีไว้เพื่อรบ หรือมีเพื่อไม่รบแต่ใช้ปกป้องพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลหรือไม่ ไม่ได้มีเพื่อไปรบยิงกับใครแต่มีเพื่อให้เกรงใจ วันหน้าจะได้รักษาการเดินเรือและการประมง มีเพื่อศักยภาพ มีก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ในวันนี้ต้องผ่อนอีกไม่รู้กี่ปี 

      เมื่อถามว่าเหตุผลที่ตัดสินใจซื้อเรือดำน้ำจากจีนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องซื้อเขา เรากับจีนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้ว วันนี้ทุกประเทศในโลกดีกับตนเว้นแต่ติดคำว่าประชาธิปไตยอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่ได้คุย ตนแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงที่ไทยพร้อมสนับสนุนทุกประเทศและทำตามพันธสัญญาทุกกรณี รักษาผลประโยชน์ให้ทัดเทียมกัน

     พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า ไม่เหมือนการซื้อปาท่องโก๋และไม่ใช่เสนอมาครั้งแรก แต่เสนอมาตั้งแต่ตนเป็นรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ซึ่งตนก็เห็นชอบแต่ปัจจุบันรัฐบาลยังไม่เห็นชอบต้องผ่านครม.ก่อน ซึ่งจะเข้าครม.เมื่อใดยังตอบไม่ได้ กองทัพเรือยังไม่ได้เสนอโครงการมายังกระทรวงกลาโหม จึงยังไม่ได้พิจารณา เมื่อถามว่ารัฐบาลและรัฐมนตรีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีนจึงเลือกเรือดำน้ำจากจีน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ใช่ตน ไม่เกี่ยว แต่การจัดซื้ออาวุธเราต้องการของถูก ของดี มีประสิทธิภาพ ทนทาน สร้างเสร็จก็ใช้งานได้เลย

       ด้านพล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. กล่าวว่า ถ้า ครม.เห็นชอบจะจัดหาตามงบฯ ที่กองทัพเรือได้รับทุกปี และเป็นงบผูกพันไม่ได้จ่ายครั้งเดียว 3 หมื่นล้าน แต่จะจ่าย 2,000 ล้าน และ 3,000 ล้าน ตามงบประมาณผูกพัน แต่ถ้าไม่ให้ซื้อเรือดำน้ำในปีต่อไปจะเอางบฯ นี้ไปซื้อเครื่องบินแอมแบร์ หรือเครื่องบินลาดตระเวนตรวจการณ์มาทดแทน กองทัพเรือรบ 3 มิติ ทั้งใต้น้ำ ผิวน้ำ และบนอากาศยาน 

      รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมครม. พล.อ.ประวิตรนำเรื่องดังกล่าวชี้แจงต่อครม. ช่วงหนึ่งระบุ ไม่ได้ซื้อเพื่อมารบ แต่ซื้อมาเพื่อป้องกันไม่ให้การรบเกิดขึ้น และอีกไม่นานจะเปิดประตูสู่เออีซีอาจมีการแย่งชิงผลประโยชน์ จึงจำเป็นต้องมีศักยภาพไม่ด้อยกว่าประเทศอื่น กองทัพเรือมีหน้าที่ไปคิดและกำหนดราคาให้เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเร่งรัดนำเข้าครม.

 

"วิรไท สันติประภพ"ผู้ว่าแบงก์ชาติ

      วันที่ 7 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังประชุมครม.ว่า ครม.อนุมัติให้ นายวิรไท สันติประภพ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ แทนนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ที่จะครบวาระก.ย.นี้ ซึ่งผ่านคณะกรรมการคัดเลือกมาแล้ว ตนไม่ขัดข้อง ต้องปล่อยให้เขาทำงาน ธปท.เป็นอิสระ มีงานที่ต้องดูแล ทั้งดอกเบี้ย ค่าเงิน ทุกอย่างเป็นความลับหมดตนสั่งไม่ได้ ทุกอย่างเขาจะพิจารณากันเอง โดยร่วมมือกับหลายหน่วยงานทั้งต่างประเทศ ใครจะเป็นก็เหมือนกันขอให้ดูจากผลงานว่าเป็นอย่างไร ถ้าไม่ดีก็ปลด ถ้าไม่ดีเมื่อไรก็บอกแล้วจะปลดให้ไม่ยาก

      พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งข้าราชการ 3 ราย 1.นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้ตรวจฯ เป็นผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ 2.นายประภาศ คงเอียด ที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวง เป็น ผู้ตรวจฯ 3.นางพรรณขนิตตา บุญครอง ที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นผู้ตรวจฯ 

       อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ 4 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้ นายลวรณ แสงสนิท รองผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.2558 นายเอด วิบูลย์เจริญ รองผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เป็นที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. 2558 น.ส.ชุณหจิต สังข์ใหม่ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง กรมบัญชีกลาง ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.2558 นายพิทักษ์ ดิเรกสุนทร ผอ.สำนักบริหารที่ราชพัสดุ กรุงเทพมหานคร กรมธนารักษ์ เป็น ที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. 2558 ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป 

 

 

อจ.-ญาติรอหน้าคุกพรึ่บ '14 นศ.'เฮ ศาลสั่งปล่อยไร้เงื่อนไข 10 กค.เริ่มห้องเรียนปชต. 'บิ๊กอ๊อด'ล่ากุข่าวหมื่นล. อธิการฯไม่รู้โยงคน'มธ.'กมธ.โละกก.คัดลงชิงวุฒิ บวรศักดิ์ลุยค้นเทปดักฟัง

 

  

เพื่อนดีใจ - นักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่แสดงอาการดีใจ หลังศาลทหารยกคำร้องของตำรวจที่ขอฝากขัง 14 นักศึกษาผลัดสอง จึงต้องปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข ที่บริเวณหน้าศาลทหาร เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม

 

 

รอปล่อยเพื่อน - นักศึกษาและประชาชนจำนวนหนึ่งร่วมกันนำดอกกุหลาบมาเรียงเป็นถ้อยคำ "เราคือเพื่อนกัน" บริเวณสนามหญ้าหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมป้ายรอต้อนรับ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ก่อนที่ 14 นักศึกษาจะถูกปล่อยตัวเช้าวันที่ 8 กรกฎาคม

 

 

ชิมไก่ย่าง - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แวะชิมไก่ย่างไม้มะดันห้วยทับทัน หลังไปกราบสักการะหลวงพ่อโต ที่วัดมหาพุทธาราม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม

 

      'ญาติ-เพื่อน-อจ.'แห่รับ 14 น.ศ.ถึงหน้าคุก เล็งจัดพิธีสะเดาะเคราะห์ หลังศาลทหารสั่งปล่อยตัวแบบไร้เงื่อนไข ตร.ขู่หากเคลื่อนไหวขัด กม.จับกุมดำเนินคดีอีก สปช.ปูดองค์กรต่างชาติปั่นหัวกลุ่มดาวดิน

 

@ อจ.ปื๊ดสั่งเช็กเทปซุกห้องประชุม 

      การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น. 

      วันที่ 7 กรกฎาคม ที่รัฐสภา เพื่อพิจารณาบทบัญญัติร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราวันที่ 9 โดยพิจารณาในส่วนที่ว่าด้วยวุฒิสภา (ส.ว.) ทั้งนี้ ก่อนเข้าวาระการประชุม นายบวรศักดิ์กล่าวกับสื่อมวลชนที่รอสัมภาษณ์ถึงประเด็นการนำเสนอข่าวที่นำคำพูดในห้องประชุม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญแบบคำต่อคำไปนำเสนอว่าได้เนื้อหามาอย่างไร ซึ่งสื่อมวลชนต่างแจ้งว่าไม่ทราบและไม่รู้ถึงการนำเสนอข่าวตามที่นายบวรศักดิ์ระบุ

      รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนการประชุม นายบวรศักดิ์สั่งให้เจ้าหน้าที่ประจำห้องประชุม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเช็กทุกมุมของห้องประชุมว่ามีการนำเทปบันทึกเสียงซ่อนไว้อยู่ภายในห้องประชุมหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วไม่เจอเทปบันทึกเสียง นายบวรศักดิ์จึงสั่งให้มีการประชุม

 

@ ตัดทิ้งกก.คัดกรองส.ว.ก่อนลงชิง

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีความเห็นร่วมกันเกี่ยวกับการกำหนดจำนวนและการได้มาซึ่ง ส.ว. โดยบัญญัติให้มี ส.ว.ไม่เกิน 200 คน แบ่งเป็นระบบเลือกตั้ง 77 คน และมาจากการสรรหา 123 คน ทั้งนี้ ส.ว.เลือกตั้งจะมาจากการเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คน โดยจะไม่มีคณะกรรมการกลั่นกรองทำหน้าที่คัดกรองบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิและคุณธรรมในแต่ละจังหวัด จำนวน 10 คน เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ออกเสียงลงคะแนน เหมือนกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ได้กำหนดไว้ สาเหตุเนื่องจาก กมธ.ยกร่างฯเห็นว่า เมื่อมีความเห็นร่วมกันว่าจะให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งโดยอำนาจของประชาชนแล้ว ไม่ควรมีคณะกรรมการกลั่นกรองดังกล่าวอีก เพื่อให้ ส.ว.เลือกตั้งเป็น ส.ว.เลือกตั้งอย่างแท้จริง

 

@ ใช้ 4 ช่องทางสรรหา 123 ส.ว.

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการสรรหา ส.ว. 123 คน จะมีที่มา 4 แนวทาง ประกอบด้วย 1.ผู้ซึ่งเคยเป็นข้าราชการฝ่ายพลเรือน ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ซึ่งเป็นตำแหน่งบริหารและข้าราชการฝ่ายทหาร ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งเลือกกันเองแต่ละประเภทไม่เกิน 5 คน จากเดิมที่กำหนดไว้ประเภทละไม่เกิน 10 คน 2.ผู้แทนสภาวิชาชีพ องค์กรวิชาชีพ หรืออาชีพที่มีกฎหมายจัดตั้ง ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจับสลากจำนวนไม่เกิน 15 คน 3.ผู้แทนองค์กรซึ่งเป็นนิติบุคคล ด้านเกษตรกรรม ด้านแรงงาน ด้านวิชาการและศึกษา ด้านชุมชม และด้านท้องถิ่นและท้องที่ มาจากการสรรหาด้านละไม่เกิน 6 คน 4.ผู้ทรงคุณวุฒิและคุณธรรมด้านการเมือง ความมั่นคง การบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การเศรษฐกิจ การสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม ผังเมือง ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคม ชาติพันธุ์ ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม คุ้มครองผู้บริโภค ด้านเด็กเยาวชน สตรี ด้านผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ และด้านอื่น มาจากการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหา 68 คน จากเดิมที่กำหนดไว้จำนวน 58 คน 

 

@ บิ๊กเบี้ยวเชิญพท.-ปชป.ออกทีวี 

     ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก ในฐานะรองเลขาฯคสช. กล่าวถึงความคืบหน้าในการเชิญกลุ่มการเมืองพูดคุยผ่านรายการเดินหน้าปฏิรูป ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 และสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ว่าเชิญอดีตนักการเมืองรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาช่วยให้ความคิดเห็นในการปฏิรูป พร้อมทั้งจะเชิญประธาน กมธ.ของสภาปฏิรูปแห่งชาติด้านต่างๆ มาร่วมพูดคุย เพื่อพิจารณาให้เป็นประโยชน์ในการปฏิรูป 

     "สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เชิญนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มาพูดคุย และวันที่ 8 กรกฎาคม เวลา 21.00-22.00 น. จะเชิญนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มาให้ความคิดเห็นด้านการศึกษา จะมีรายการทุกอาทิตย์ ส่วนสัปดาห์ถัดไปจะไปพิจารณาอีกที อยากให้ประชาชนรับชมด้วย" พล.อ.ฉัตรเฉลิมกล่าว และว่า ส่วนจะเชิญนักศึกษามาด้วยหรือไม่ จำได้ว่าเคยเชิญนักศึกษามาแล้ว ถ้าอยากมาแสดงความคิดเห็นก็ยินดี อย่างไรก็ตาม ตนขอร้องให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วยที่ปฏิบัติงาน โดยเฉพาะสื่อมวลชนต้องช่วยเผยแพร่ด้วย แต่ก็ไม่ช่วยเผยแพร่เลย ถ้าสื่อมวลชนช่วยบ้านเมืองก็จะสงบสุข คอลัมนิสต์ช่วยกันเขียนอะไรที่ดีๆ ด้วย 

 

@ เล็งเชิญสื่อเสนอข่าวเท็จคุย

      พล.อ.ฉัตรเฉลิม กล่าวว่า ถ้าประเด็นใดไม่จริงสื่อก็ไม่ต้องไปลง เอาเรื่องที่มีเค้าน่าจะไปได้ แต่ถ้าเป็นการกุข่าว แล้วจะกลายเป็นความขัดแย้งขึ้นมา ใครก็ไม่อยากให้เกิด แต่ คสช.อยากให้ประเทศชาติเดินได้ ส่วนการเชิญสื่อมวลชนมาทำความเข้าใจร่วมกันอีกหรือไม่ เข้าใจว่าเชิญสื่อมวลชนมาพูดคุยกันทั้งหมด และขอร้องให้เสนอข่าวเชิงบวก อะไรที่เป็นข่าวลืออย่ามาเผยแพร่ได้ไหม แต่จะเชิญมาอีกหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับสื่อเอง ถ้าเสนอข่าวเท็จแล้วชาวบ้านแตกตื่น ต้องมาคุยกันว่าไปเอาข้อมูลมาอย่างไรจนทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ 

      พล.อ.ฉัตรเฉลิม กล่าวถึงการดำเนินการกับบุคคลที่ละเมิดสถาบันในต่างประเทศว่า มีหลายฝ่ายพยายามจะโยงประเด็นนี้เป็นเรื่องการเมือง แต่ คสช.ไม่เคยใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเลย ถ้าลองไปดูบุคคลที่กระทำผิด ถามว่ารับได้หรือไม่ ก็รับไม่ได้ ในทางกลับกันเราปฏิบัติตามกฎหมาย อะไรผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้าไม่ปฏิบัติตามนี้ก็จะถูกมองว่าสองมาตรฐานอีก ถ้าไม่เชื่อในกระบวนการยุติธรรมจะอยู่กันได้อย่างไร 

 

@ ผบ.ตร.เผยรู้มือกุข่าวโอนหมื่นล.

      พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียที่ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์และภริยาโอนเงินจำนวนกว่า 1 หมื่นล้านบาทไปยังประเทศสิงคโปร์ ว่า ฝ่ายความมั่นคงอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ ในส่วนของตำรวจไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะจะทำให้การทำงานลำบาก แต่ยอมรับว่ามีข้อมูลและรู้ตัวคนปล่อยข่าวแล้ว ถือเป็นการสร้างผลกระทบให้กับบุคคลสำคัญซึ่งเป็นถึงผู้นำประเทศ เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนและตื่นตระหนก ส่วนเจตนาของผู้โพสต์ข้อความเป็นอย่างไรนั้นไม่ทราบแน่ชัดว่าวัตถุประสงค์ของเขาต้องการอะไร และจะมีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ 14 นักศึกษาหรือไม่ แต่ข้อมูลที่โพสต์หากเป็นความเท็จถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 แน่นอน 

      "ผมไม่ให้น้ำหนัก และเชื่อว่าไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากการจะโอนเงินจำนวนมากขนาดนี้ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน อีกทั้งในต่างประเทศจะเฝ้าระวังเรื่องการเคลื่อนย้ายเงินจำนวนมากเช่นนี้ เพราะกลัวเรื่องการก่อการร้ายหรือก่อวินาศกรรมในประเทศของเขา ขอฝากเตือนประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารด้วย โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์" พล.ต.อ.สมยศกล่าว

 

@ อธิการมธ.พร้อมร่วมมือตรวจสอบ

     นายสมคิด เลิศไพรฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าต้นตอปล่อยข่าวโอนเงินหมื่นล้านไปไว้ในบัญชีต่างประเทศว่ามาจาก มธ. ว่ายังไม่เห็นข้อความทางโซเชียลดังกล่าว แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีพูดออกมาเช่นนั้นก็คิดว่านายกรัฐมนตรีน่าจะรู้แล้วว่าเป็นใครใน มธ.

      "แต่ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าเป็นใคร เพราะอาจารย์ใน มธ.มีจำนวนมาก คิดว่าทางรัฐบาลเองน่าจะสามารถตรวจสอบได้และรู้ตัวผู้กระทำอยู่แล้ว และหากประสานขอข้อมูลหรือขอให้ช่วยตรวจสอบอีกทาง ก็ยินดีดำเนินการ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประสานเข้ามา"นายสมคิดกล่าว

 

@ คุม 14 น.ศ.ขึ้นศาลทหารฝากขังต่อ

      สำหรับ ความเคลื่อนไหวกรณีการจับกุมนักศึกษา 14 คน และถูกฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลางนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.00 น. พนักงานสอบสวนนำนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ 14 คน ประกอบด้วยนายพายุ บุญโสภณ อายุ 20 ปี นายภานุพงษ์ ศรีธนานุวัตฒน์ อายุ 20 ปี นายสุวิชชา พิทังกรณ์ อายุ 22 ปี นายอภิวัฒน์ สุนทรรักษ์ อายุ 22 ปี นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา อายุ 23 ปี นายรัฐพล ศุภโสภณ อายุ 22 ปี นายปกรณ์ อารีกุล อายุ 26 ปี นายพรชัย ยวนยี อายุ 24 ปี นายรังสิมันต์ โรม อายุ 23 ปี นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ อายุ 29 ปี นายศุภชัย ภูครองพลอย อายุ 23 ปี นายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ อายุ 22 ปี นายวสันต์ เสตสิทธิ์ อายุ 23 ปี และ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว อายุ 22 ปี กระทำความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด มิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองที่ใดๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ข้อ 12 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ประกอบมาตรา 83 ซึ่งครบกำหนดฝากขังผลัดแรก 12 วัน ขึ้นรถตู้ของเรือนจำ 3 คัน รถกระบะ 2 คัน เดินทางไปศาลทหารกรุงเทพ เพื่อยื่นขอฝากขังผลัดที่ 2 ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด จากตำรวจหน่วยอรินทราช 26 และเจ้าหน้าที่เรือนจำกว่า 10 นาย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถตู้ที่บรรทุกนักศึกษาทั้ง 3 คน เดินทางมาถึงศาลทหารกรุงเทพในเวลา 08.50 น. โดยเจ้าหน้าที่เรือนจำนำนักศึกษาทั้งหมดลงไปชั้นใต้ดินทันที ซึ่งกลุ่มนักศึกษาทั้งหมดอยู่ในชุดเรือนจำ มีสีหน้าสดชื่น หน้าตายิ้มแย้มโดยโบกมือทักทายพ่อ แม่ และญาติพี่น้องที่มาให้กำลังใจ

    สำหรับ การดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบศาลทหารกรุงเทพ ทางกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ได้ใช้กำลังตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) 1 หมวด และ สน.ชนะสงคราม และ สน.พระราชวัง ทั้งในและนอกเครื่องแบบ 20 นาย เจ้าหน้าที่กองรักษาความปลอดภัย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 20 นาย และเจ้าหน้าที่ทหารรักษาความสงบ 20 นาย ในการดูแลความเรียบร้อย

 

@ เพื่อน-ปชช.-อจ.แห่เชียร์

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเพื่อนนักศึกษา อาจารย์ และประชาชนจำนวนมากได้เดินทางมาให้กำลังใจนักศึกษาทั้ง 14 คน ที่บริเวณหน้าศาลทหารฯ ส่วนใหญ่สวมเสื้อยืดสีขาว สกรีนตัวหนังสือสีเเดงว่าเราคือเพื่อนกัน พร้อมชูรูปถ่าย 14 นักศึกษา โดยเจ้าหน้าที่ได้นำเเผงเหล็กกั้นรอบบริเวณ กันไม่ให้เข้าไปภายในบริเวณพื้นที่ศาล

     ทั้งนี้ มีชายไม่ทราบชื่อถือกระดาษเขียนข้อความ "เผด็จการที่ดี ดีกว่าประชาธิปไตยที่เลว" เข้ามาภายในบริเวณพื้นที่ ทำให้ประชาชนเเละนักศึกษาที่มาให้กำลังใจ 14 นักศึกษาเกิดความไม่พอใจ เจ้าหน้าที่จึงได้กันตัวชายดังกล่าวออกจากพื้นที่ จากนั้นกลุ่มมวลชนได้ร่วมร้องเพลง "เพื่อมวลชน" และตัวเเทนนักศึกษากล่าวให้กำลังใจ ก่อนจะอ่านบทกวี เเละเรียกร้องพร้อมกันว่า "ปล่อยเพื่อนเรา"

 

@ อจ.ชี้น.ศ.เคลื่อนสร้างปชต.แท้จริง

       ต่อมากลุ่มนักศึกษาได้เเสดงละครสะท้อนสังคม จากนั้นตัวเเทนอาจารย์เเละประชาชนสลับกล่าวความรู้สึก มีนักวิชาการที่มาร่วมให้กำลังใจ อาทิ นายพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ นายยุกติ มุกดาวิจิตร น.ส.ปองขวัญ สวัสดิภักดิ์ และนายประจักษ์ ก้องกีรติ 

      นายประจักษ์กล่าวว่า รัฐบาลบอกว่ากำลังอยู่บนการสร้างประชาธิปไตยแบบสมบูรณ์เเละการปฏิรูป แต่ในประเทศทั่วโลก ไม่มีใครปฏิรูปโดยปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน และไม่มีใครสร้างประชาธิปไตยได้ด้วยการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน ดังนั้น สิ่งที่นักศึกษาทำอยู่คือการสร้างประชาธิปไตยที่เเท้จริง เป็นการยืนยันว่าประชาธิปไตยต้องเคารพสิทธิของประชาชน

      "ถ้าเราไม่สามารถใช้สิทธิในการชุมนุมโดยสงบ เเละเเสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์การใช้อำนาจ ถามว่าจะสร้างประชาธิปไตยที่เเท้จริงได้อย่างไร ผมอยากจะให้กำลังใจนักศึกษาทุกคน ซึ่งวันที่คณาจารย์ไปเยี่ยมที่เรือนจำ เขาก็ฝากไว้ว่าไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขามาก เเต่ขอให้สนใจสิ่งที่พวกเขาต่อสู้ สนใจหลักประชาธิปไตย 5 ข้อ ถึงเเม้เขาจะถูกกักขังจองจำอิสรภาพ เเต่ถ้าหลักการ 5 ข้อที่เสนอได้รับการตอบรับจากสังคม การเสียสละของพวกเขาก็คุ้มค่าเเล้ว" นายประจักษ์กล่าว

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่นายประจักษ์กล่าวอยู่นั้น ด้านหลังมีชายไม่ทราบชื่อนำกระดาษเเข็งสีขาวเขียนข้อความ "นักศึกษาเรียนหนังสือดีกว่า อย่าทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย" ขึ้นชูเข้ากล้องของสื่อมวลชน ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่นำตัวออกจากพื้นที่มวลชน นายประจักษ์ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบไม่ต้องสนใจให้เจ้าหน้าที่เขาจัดการ จากนั้นมวลชนก็ร่วมผูกนกกระดาษเขียนข้อความ บริเวณรั้วเหล็กกั้นระหว่างศาลกับประชาชน

 

@ ทนายเผยศาลปล่อยตัวไร้เงื่อนไข

        ต่อมาเวลา 11.15 น. นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดาไผ่ ดาวดิน หรือนายจตุภัทร์ เดินออกมาจากห้องพิจารณาคดีพร้อมกับกล่าวว่า นักศึกษาทั้งหมดจะได้รับการปล่อยตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ปรากฏว่าประชาชนเเละเพื่อนนักศึกษาที่มาให้กำลังใจบริเวณหน้าศาลต่างโห่ร้องเเสดงความยินดี ก่อนจะเเยกย้ายกันเดินทางไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที

ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของกลุ่มนักศึกษา 14 คน กล่าวว่า สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องต่อศาลทหารเพื่อฝากขัง 14 นักศึกษาอีก 12 วัน ในข้อหามั่วสุม ชุมนุมทางการเมืองและขัดคำสั่ง คสช. ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ซึ่งศาลทหารได้สอบปากคำผู้ต้องหา ทนายผู้ต้องหา ซึ่งทางทนายได้คัดค้านว่าไม่มีเหตุผลฝากขัง 14 นักศึกษาอีก ซึ่งศาลได้พิเคราะห์แล้วไม่รับฝากขังไว้ พร้อมให้ปล่อยตัวโดยไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ ทั้งนี้ นักศึกษา 14 คนสามารถเคลื่อนไหวต่อได้ เพราะเป็นสิทธิของเขา รัฐบาลห้ามไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องมารายงานตัวกับศาลทหารอีก 

       "จากนี้ขึ้นอยู่กับว่าพนักงานสอบสวนต้องหาพยานหลักฐานและสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการศาลทหาร จึงจะนำตัวนักศึกษาทั้งหมดมาฟ้องที่ศาลทหาร ส่วนระยะเวลายังระบุไม่ได้ ดังนั้น การทำงานของอัยการศาลทหารจึงไม่กำหนดระยะเวลาตายตัว หากถูกคุมขังต้องดำเนินการภายใน 48 วัน นับตั้งแต่วันถูกจับ ตอนนี้เด็กๆ เป็นอิสระจะไปไหนก็ได้ เพราะถือว่ายังไม่ใช่ผู้กระทำความผิด" นายกฤษฎางค์กล่าว

 

@ ดักคอตร.อย่ากลั่นแกล้งอายัดตัว

       นายกฤษฎางค์กล่าวอีกว่า นักศึกษาได้ชี้แจงต่อศาลว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่หลบหนีไปไหน พนักงานสอบสวนไม่มีเหตุต้องคุมขังและข้อหาก็ไม่ใช่อาชญากร ไม่ควรขังร่วมผู้ทำผิดประเภทอื่น จึงควรให้โอกาสนักศึกษาไปเรียนหนังสือ คำสั่งดังกล่าวไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้ พนักงานสอบสวนต้องยอมรับ ส่วนคดีที่ สน.ปทุมวัน ที่นักศึกษาทำกิจกรรมครบรอบ 1 ปี คสช. เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม หากจะอายัดตัว 9 นักศึกษา ที่ชุมนุมหน้าหอศิลป์ เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาด เพราะโทษเพียงขัดคำสั่ง คสช.ปรับไม่เกิน 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หากจะอายัดตัวสามารถแจ้งความกลับได้ทันที อย่ากลั่นแกล้งกันเลย ขอให้เห็นใจนักศึกษา"

     "หลังจากนี้คณะทนายความนักศึกษา 14 คนจะหารือกันว่าจะทำหนังสือถึงคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจศาล หรือจะทำหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญว่าจะให้คดีดังกล่าวไปขึ้นศาลพลเรือน ซึ่งศาลทหารไม่สมควรพิจารณาเพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของทหาร ต้องขึ้นศาลพลเรือนเท่านั้น" นายกฤษฎางค์กล่าว

 

@ พ่อไผ่ดีใจลูกได้ปล่อยตัว

      นายวิบูลย์ บิดานายจตุภัทร์ กล่าวว่า ดีใจที่ศาลยกคำร้องฝากขังผลัด 2 นักศึกษาทั้ง 14 คน เนื่องจากศาลทหารให้เหตุผลว่าเพราะการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานครบแล้ว เหลือแต่ส่งมอบให้พนักงานอัยการส่งฟ้อง โดยฝ่ายนักศึกษาได้โต้แย้งด้วยว่าวันที่นักศึกษาถูกจับกุมตัวมาไม่ได้มีท่าทีหลบหนีแต่อย่างใด แต่ว่าได้พร้อมให้จับกุมด้วยซ้ำ จึงเป็นการแสดงอารยะขัดขืน ดังนั้น การกักขังพวกเขาย่อมทำให้เสรีภาพพวกเขาหายไป 

      "ภายในห้องพิจารณาคดี การสอบพยานต่างๆ นั้นไม่สะดวก ศาลได้พิจารณาแล้วก็เห็นว่าการคัดค้านของนักศึกษาฟังขึ้น เพราะฉะนั้นคำร้องของพนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผลัดที่ 2 จึงตกไป ส่วนกรณีหมายจับวันที่ 22 พฤษภาคม ทางศาลไม่ได้พิจารณา คงต้องแยกประเด็นเพื่อไม่ให้สับสน เพราะพิจารณาเฉพาะคดีชุมนุมหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ส่วนใครมีคดีความอย่างไร พนักงานสอบสวนจะอายัดตัวหรือไม่ ยังไม่ทราบ" นายวิบูลย์กล่าว และว่า รู้สึกดีใจที่ลูกและเพื่อนๆ ออกมา ซึ่งการต่อสู้ของนักศึกษาประสบความสำเร็จได้ขั้นหนึ่ง หวังว่าถ้าเริ่มเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วก็ต้องมียุติธรรมจริงๆ ทุกขั้นตอน พ่อแม่ผู้ปกครองที่เข้าไปฟังพิจารณาก็ดีใจกันทุกคน

 

@ อธิบดีเผยต้องปล่อย 8 ก.ค.

       เวลา 11.50 น. รถตู้เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และรถตู้ทัณฑสถานหญิงกลาง ได้นำตัวนักศึกษาทั้ง 14 คนมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังจากศาลทหารอนุญาตให้ปล่อยตัว โดยทางกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยได้นัดหมายผ่านเฟซบุ๊กให้รวมตัวกันที่เรือนจำเพื่อรอรับเพื่อนนักศึกษาทั้ง 14 คน เช่นเดียวกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับที่ได้นัดหมายให้รวมตัวกัน เวลา 18.30-20.00 น.ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

      นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า เรือนจำที่ควบคุมตัวนักศึกษา 2 แห่งจะปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมดในช่วงเช้าวันที่ 8 กรกฎาคม เพราะนักศึกษาทั้งหมดครบกำหนดฝากขัง 12 วันในวันนี้ เวลา 24.00 น. เพราะถูกส่งตัวเข้าเรือนจำเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม แต่ในทางระเบียบปฏิบัติ เรือนจำจะไม่ปล่อยผู้ต้องขังในช่วงเวลากลางคืน ดังนั้นจึงต้องปล่อยตัวช่วงเช้า

      "การปล่อยตัวไม่ใช่เรื่องการประกันตัว แต่เป็นการปล่อยตัว เนื่องจากศาลไม่ออกหมายขังต่อ ดังนั้นหมายขังเดิม เมื่อครบกำหนด 12 วัน ตามที่พนักงานสอบสวนขอศาลฝากขังและไม่มีการออกหมายขังต่อ เรือนจำต้องปล่อยตัว เพราะไม่มีอำนาจการควบคุม เป็นขั้นตอนปกติ ทั้งนี้ หากเป็นการขอประกันตัว เรือนจำต้องรอหมายปล่อยจากศาล แต่กรณีนี้ไม่ต้องรอหมายปล่อยตัว" นายวิทยากล่าว

 

@ จี้ปล่อยตัวช่วงเที่ยงคืน

     ต่อมาเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯยินยอมให้มีการจัดกิจกรรมบริเวณสวนหย่อมหน้าเรือนจำ มีประชาชนเข้าร่วมกว่า 80 คน โดยจัดกิจกรรมการพับนก ร้องเพลง เขียนป้ายผ้าเพื่อให้กำลังใจนักศึกษาทั้ง 14 คน นอกจากนี้เพื่อนนักศึกษากลุ่มดาวดินนำเสื้อยืดมาจำหน่ายตัวละ 250 บาท ด้านหลังของเสื้อสกรีนหลักการ 5 ข้อของกระบวนการประชาธิปไตยใหม่ คือ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม การมีส่วนร่วม และสันติวิธี 

       น.ส.กตัญญู หมื่นคำเรือง แกนนำนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ กล่าวว่า จะเจรจาขอให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมดในเวลา 24.00 น. แทนการปล่อยตัวในเช้าวันที่ 8 กรกฎาคม ยืนยันจะต่อสู้เพื่ออุดมการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยต่อไป

 

@ แม่ค้าเรียกร้องเลิกชุมนุม

      ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักศึกษาและประชาชนทยอยเดินทางมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อมาแสดงความยินดีที่นักศึกษาทั้ง 14 คนจะได้รับการปล่อยตัว รวมไปถึงการเตรียมตัวเพื่อจัดกิจกรรม

      เวลา 15.40 น. กลุ่มประชาชนที่อ้างตัวว่าเป็นแม่ค้าย่านมีนบุรี นำโดยนางอรพรรณ ทรัพย์ภูริกุล อายุ 53 ปี นางจรรยา ทรัพย์ภูริกุล อายุ 52 ปี และพวกอีก 3 คน ออกมาชูป้ายกระดาษที่มีข้อความต่างๆ เช่น "ประท้วงแล้วได้อะไร ก็ตกเป็นเหยื่อเหมือนเดิม" และ "บ้านเมืองกำลังมีปัญหา แน่ใจนะ ว่าทำถูกกาลเทศะ" 

      นางอรพรรณกล่าวว่า เคยมีบุตรหลานเสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมือง จึงต้องการออกมาร้องขออยากให้บ้านเมืองสงบ ปรองดองกัน ไม่อยากให้มีการประท้วงเพราะเราก็คนไทยเหมือนกัน 

     ผู้สื่อข่าวถามว่า ออกมาคัดค้านการกระทำของกลุ่มนักศึกษาหรือไม่ นางจรรยากล่าวว่า ไม่ได้มีเจตนาออกมาคัดค้าน แต่อยากเห็นความสงบเพราะบ้านเมืองกำลังมีปัญหา ตนและกลุ่มเพื่อนมาด้วยความสมัครใจ ไม่มีการชักชวนจากฝ่ายใด

เวลา 16.00 น. เกิดการถกเถียงกันระหว่างกลุ่มแม่ค้ากับประชาชนที่มาเฝ้ารอรับนักศึกษา แต่เหตุการณ์สงบลงเมื่อเจ้าหน้าที่จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเข้ามาควบคุมสถานการณ์

 

@ จนท.คุกยันต้องปล่อยง' 8 ก.ค.'

      เวลา 18.30 น. ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำเครือข่ายคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ที่ถูกคุมขัง พร้อมนายวิบูลย์ บิดานายจตุภัทร์ เข้าหารือกับนายสายันต์ ขุนปลาด หัวหน้าแดนแรกรับเพื่อขออนุญาตเรือนจำให้ปล่อยตัว 14 นักศึกษาทันทีที่พ้นอำนาจการฝากขัง 12 วัน คือในเวลา 24.00 น.

      นายอนุสรณ์กล่าวว่า ทางเรือนจำชี้แจงว่าไม่สามารถปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังในยามวิกาลได้ แต่ยืนยันจะปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมดในเวลา 06.00 น. วันที่ 8 กรกฎาคม พร้อมกันนี้ยังอนุโลมให้มวลชน ญาติและเพื่อนนักศึกษาที่มาเฝ้ารอการปล่อยตัวสามารถปักหลักค้างแรมรอได้ที่บริเวณสวนหย่อมหน้าเรือนจำจนถึงเช้าด้วย คาดว่าจะมีกลุ่มคณาจารย์ในเครือข่ายจำนวนหนึ่งเดินทางมาร่วมรอรับนักศึกษา รวมทั้งขณะนี้มีการเสนอด้วยว่ากลุ่มคณาจารย์จะจัดกิจกรรมสะเดาะเคราะห์ให้นักศึกษาทันทีที่ได้รับอิสรภาพ อยู่ระหว่างการหารือว่าจะจัดที่สวนเงินมีมา สถานที่ถูกจับกุม หรือที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่คงต้องถามความสมัครใจนักศึกษาที่ถูกปล่อยตัวอีกครั้งก่อน 

       "มองว่าการที่นักศึกษาได้รับการปล่อยตัวครั้งนี้ถือเป็นการต่างคนต่างถอยไปตั้งหลักกันใหม่ ส่วนทางเครือข่ายคณาจารย์พบว่ามีอาจารย์ที่ร่วมลงชื่อสนับสนุนนักศึกษาถูกเจ้าหน้าที่เรียกไปพบ และถูกเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ตามตัว จึงเตรียมจัดทำคู่มือรายชื่ออาจารย์ที่ถูกเจ้าหน้าที่เรียกพบ และแนวทางการรับมือเพื่อเก็บไว้ให้เป็นแนวทางสำหรับนักวิชาการที่จะเข้ามาร่วมในการเคลื่อนไหวเรียกร้องในลักษณะนี้ต่อไป" นายอนุสรณ์กล่าว และว่า ส่วนการสนับสนุนแนวทางข้อเรียกร้องของนักศึกษานั้นทางเครือข่ายจะจัดกิจกรรมห้องเรียนสาธารณะครั้งแรกในเรื่องสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชนในวันที่ 10 กรกฎาคม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

      เวลา 19.30 น. บริเวณสวนหย่อมเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กลุ่มเพื่อนนักศึกษา คณาจารย์ และญาตินักศึกษาทั้ง 14 คน กว่า 90 คนยืนล้อมเป็นวงกลมร่วมกันจุดเทียนพร้อมร้องเพลง บทเพลงแห่งสามัญชน เพื่อแสดงถึงชัยชนะของกลุ่มนักศึกษา ก่อนแยกย้ายกันกลับและจะมารอรับ 14 นักศึกษาเวลา 05.00 น. วันที่ 8 กรกฎาคม 

 

@ บิ๊กตู่ลั่นต้องยึดกฎหมาย 

      ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล มี ครม.เข้ามาประชุมอย่างพร้อมเพรียง ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม.ว่า ที่ต้องพูดมาในทุกวันนี้เพื่อให้คนไทยได้เรียนรู้ว่าจะต้องอยู่อย่างไร ถ้ายังคงอยู่เหมือนเดิม ทำงานทุกอย่างเหมือนเดิม มันไปไม่ได้ ช่วงที่ผ่านมาประเทศเหมือนคนที่มีไข้ วันนี้ไข้ก็เริ่มลดลง แต่ยังไม่หาย ก็กำลังดูแลกันอยู่ แต่ถ้าให้ยาผิดซองก็ไปอีก ตอนนี้เชื้อโรคมีเยอะกำลังเข้ามาอยู่ ทิ่มๆ ตำๆ อยู่รอบๆ รัฐบาล ก็ดูแลอย่างเต็มที่ ในส่วนของนักศึกษาทั้ง 14 คน เป็นไปตามขั้นตอนรัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังอะไรกับใครนักหรอก แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย

      "สิ่งที่ศาลได้เมตตาไปแล้วต้องคิดว่ามันจะทำได้อีกไหม ผมก็ไม่รู้หลักการของกฎหมาย แต่จะต้องหลาบจำและยอมรับความผิดกันบ้าง เพราะมันคือกฎหมาย ที่ผมออกคำสั่งหรือมาตรา 44 หรือ พ.ร.บ.ต่างๆ ออกมาสมัยรัฐบาลนี้ทั้งนั้น ถ้าท่านบอกว่ากฎหมายนี้ไม่ถูกต้องก็เท่ากับว่า 300 กฎหมายที่ออกมาก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้องทั้งหมด ซึ่งมันไม่ใช่ ทุกอย่างทำตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เพราะมีรัฐบาลและรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นอย่ามาดื้อรั้นในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ผมเป็นกังวลกับอีกพวกหนึ่งที่มาสนับสนุน เดี๋ยวจะตีกันไปจนเกิดเหตุการณ์บานปลายไปอีก จึงขอร้องสื่ออย่าไปจุดชนวนความรู้สึกให้เกิดขึ้นมาอีก สื่อมีความสำคัญที่จะทำให้บ้านเมืองสงบหรือไม่สงบ ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตัวผมคงไม่เท่าไหร่ เพราะกำลังเดินหน้าทั้งในเรื่องการบริหาร ทั้งแก้ปัญหาเก่าและการแก้ไขปัญหาระยะยาว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

@ จี้สื่อเสนอข่าวมีจรรยาบรรณ 

       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อมีหน้าที่ต้องช่วยตน เพราะสื่อถือเป็นผู้นำเหมือนกับตนเพราะคนเสพสื่อ ถ้าสื่อบอกดี ชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ แนะนำในสิ่งต่างๆ ก็ทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า แต่ถ้ามัวเสนอแต่ความขัดแย้งก็ไม่มีทางหลุดพ้น พยายามก้าวข้ามกับดักทั้งหมดแล้ว แต่สื่อพยายามจะดึงกลับมาที่เก่าอีก อีกพวกได้โอกาสเมื่อสื่อเปิดพื้นที่ให้ก็เอาทันที 

      "วันหน้าผมก็เลิกทำ อยู่กันไปแบบนี้ถ้าคิดว่ามันดีกว่าก็เอา ผมคิดว่าคนทั้งประเทศเข้าใจ แต่สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรกับคนจนและผู้มีรายได้น้อย ทุกฝ่ายก็ต้องร่วมมือกัน สื่อต้องเสนอข่าวด้วยความเป็นกลาง สื่อจะต้องมีจรรยาบรรณในการเสนอข่าว ไม่จำเป็นต้องมาเสนอข่าวเข้าข้างผม แต่ขอให้เสนอว่าผมทำอะไร และถ้าคนไม่ดีเข้ามาก็ต้องเสนอว่าเขากำลังทำอะไร แล้วประชาชนว่าอย่างไร แต่ทุกวันนี้สื่อเทไปข้างนั้นที ข้างนี้ที ทางผมไม่ค่อยมาอยู่แล้ว ขอร้องว่าอย่าลืมปัญหามันเกิดอะไรขึ้น ขอให้จำไว้ว่าถ้ายังบานปลายอยู่อย่างนี้แล้วเกิดปัญหาขึ้นมาอีกครั้ง พวกท่านต้องรับผิดชอบกันเอง อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุก ทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปตามโรดแมปแล้วจะมาเอาอะไรกับผม ยุ่งกันไปหมดทุกเรื่อง ทั้งเรื่องปรองดอง นิรโทษกรรมได้ดูกันหรือเปล่าว่ากฎหมายเขาว่าอย่างไร อย่าเอาความรู้สึกมาเขียนหรือมาวิจารณ์ ผมยอมรับทุกคนมีประสบการณ์มากกว่าผม โดยเฉพาะคอลัมนิสต์ต่างๆ ผมไม่เคยว่าใคร แต่ทำไมถึงว่าผมนัก ไม่เข้าใจ ในเมื่อสิ่งที่ผมทำคิดว่าผมทำดี แต่อาจจะดีหรือไม่เป็นที่พอใจเท่ากับรัฐบาลก่อนที่เขาทำละมั้ง งั้นรอรัฐบาลต่อไปแล้วกัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

@ วอนเลิกนำเสนอข่าวทำขัดแย้ง

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อต้องช่วย ไม่ใช่อะไรก็เสนอข่าวแต่ว่าขัดแย้งกันไปหมด เดี๋ยวมีเรื่องนักศึกษาแล้วมันจะไปอย่างไร ขอร้องสื่อให้เลิกเสียทีเถอะ ไม่ได้บังคับ ขอให้คิดใหม่ทุกเรื่อง มันต้องร่วมกันคิด ต้องร่วมกันทำ ด้วยความเห็นชอบร่วมกัน อย่าต้องให้บังคับ เพราะถ้าบังคับแล้วก็จะมีเรื่อง แล้วถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ววันข้างหน้าจะทำอย่างไร ถ้าปลุกแล้วลุกกันขึ้นมาแล้วต่อต้านกันทั้งหมดแล้วจะทำอย่างไร ใครจะรับผิดชอบ ทหาร ตำรวจอีกแล้วใช่หรือไม่ "ทหารกับตำรวจก็ต้องทำหน้าที่ยุติ แล้วใครมีความผิดก็ทหาร ตำรวจอีกนั่นแหละ แล้วถามว่าไอ้ที่ไปตายน่ะใคร ก็เป็นคนจนทั้งนั้น เป็นลูกเป็นหลาน ส่วนไอ้คนนำหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมีใครตายสักคนบ้างหรือไม่ กฎหมายมันยังไม่รับผิดเลย แล้วอ้างอยู่นั่นแหละว่าเป็นประชาธิปไตย แล้วเคยตายบ้างหรือไม่ ไอ้คนที่ออกมาอ้าง มันไม่เคยติดคุก มันไม่รู้หรอก ลองดูก็แล้วกัน สู้ได้ก็สู้ไป ก็เห็นตำตากันอยู่ และผมไม่ได้บอกว่าใครผิดใครถูก แต่กลายเป็นว่า ผมกลายเป็นคนผิดทุกเรื่อง ส่วนพวกที่มีคดีอยู่ไม่พูดถึง มันจะอะไรนักหนา โลกมันกลับตาลปัตร สมองหน้าหลังมันกลับกันละมั้ง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

@ ฉุนถูกถามปมปล่อย14น.ศ.

      ผู้สื่อข่าวถามว่า ศาลปล่อยตัวนักศึกษา กังวลหรือไม่ว่าจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มอื่นๆ ออกมาอีก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "อยู่ที่คนทำ อยู่ที่นักศึกษา ในเมื่อศาลให้ความเมตตาไปแล้วก็ไปดูกัน วันนี้พ่อแม่และทุกๆ คนก็เป็นห่วง จะเสียสละไปเพื่อใคร เวลานี้มันเพื่อใคร ทำไมจะรออีกสักหน่อยไม่ได้หรือ ถามจริงๆ ว่าอยากจะมีรัฐบาลใหม่ในวันพรุ่งนี้เลยหรือไม่ จะเอาหรือเปล่า เพราะท่านเบื่อผมแล้วก็เอาคนใหม่เข้ามาแล้วต้อนเขาอย่างนี้บ้าง"

       "ผมต้องขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ ขอบคุณทุกคนที่ติชมอย่างมีสาระ ขอบคุณทุกคนที่เสนอวิสัยทัศน์โลกสวย ผมยอมรับทั้งหมดทุกเรื่อง มันอยู่ในหัวทั้งหมด