ROnk


คสช.ฟัน 71 บิ๊กขรก. 7นายก อบจ.ดัง-ชนม์สวัสดิ์ 
อธิบดี-บิ๊กสปสช.ด้วย กมธ.ถกแก้รายมาตรา ประเดิมตัด2ปมใหญ่ ไทยโล่ง-เอียซ่าเลื่อน

คสช.งัดมาตรา 44 เชือดบิ๊กขรก. ล็อตสอง 'ขวัญชัย' อธิบดีพช. โดนย้ายเข้ากรุ'มท.'สั่งระงับปฏิบัติหน้าที่ นายกอบจ.-อบต. ผู้บริหาร นักการเมืองท้องถิ่น รวม 71 ราย เลขาฯสปสช.-รองเลขาฯ สพฐ.โดนด้วย 'บิ๊กตู่'เตือนน.ศ.เคลื่อนไหว ทำพ่อแม่เดือดร้อน ด้านกลุ่มน.ศ.เคลื่อนพลทำกิจกรรมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเข้ม กมธ.ยกร่างฯ ถกแก้รายมาตรา ตัดทิ้งกลุ่มการเมือง-สมัชชาคุณธรรม จ่อรื้อสภาขับเคลื่อนฯ เปลี่ยนชื่อเป็นกก.ปฏิรูปและการ ปรองดองฯ สนช.เปิดเวทีถอดถอนอดีต 248 ส.ส.ปมแก้รธน.ที่มาส.ว.วันนี้ ป.ป.ช.เผยอายัดทรัพย์'สาธิต' 600 ล้าน เป็นทองแค่ 179 ล้าน เจ้าตัวโต้ไม่เคยมีทองเท่านี้ 'เอียซ่า' เลื่อนประเมินการบินของไทย รอลุ้นรอบใหม่พ.ย.

 

 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8976 ข่าวสดรายวัน

 

เรียกร้อง - กลุ่มนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่นำผ้าดำเขียนข้อความเรียกร้องเสรีภาพมาคลุมรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ร่วมกันร้องเพลงก่อนสลายตัวไป โดยมีเจ้าหน้าที่สังเกต การณ์ เมื่อ 25 มิ.ย

 

 

คสช.สั่งเด้งปลัดท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 19/2558 เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดํารงตําแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น ตามที่มีคําสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกําหนด กรอบอัตรากําลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พ.ค.2558 โดยต่อมาหน่วยงานที่มีอํานาจหน้าที่ตรวจสอบได้เสนอรายงานเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติม จึงจําเป็นต้องประกาศรายชื่อบุคคลเพิ่มเติม อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) 2557 รวมทั้งสิ้น 71 คน มีคําสั่งดังนี้ 1.ให้นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษ สํานักนายกรัฐมนตรี

2.ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 1 ข้าราชการ 21 ราย ระงับการปฏิบัติราชการในตําแหน่งเดิม เป็นการชั่วคราวและไปปฏิบัติราชการใน ตําแหน่งประจําสํานักงานปลัดกระทรวงที่สังกัดโดยไม่ขาดจากอัตรา เงินเดือนทางสังกัดเดิม และให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมอบหมาย ทั้งนี้นายกฯจะมีคําสั่งให้ ผู้นั้นไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐเป็นการชั่วคราวก็ได้ ได้แก่ นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน(พช.) กระทรวงมหาดไทย นาย ไชยวัฒน์ พันธ์นรา รองผู้ว่าฯกำแพงเพชร นายรังสรรค์ มณีเล็ก รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นาย ศุภชัย สมัปปิโต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นายวินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

 

21ขรก.เข้ากรุสำนักงานปลัด

นายชัยรัตน์ กรรณิการ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 8 สำนักงานอัยการสูงสุด พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ นางพัชณีย์ ยงยอด ผอ.สำนักพัฒนาบริการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายศุภยุทธ สาครบุตร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านยุทธศาสตร์พลังงาน กระทรวงพลังงาน นายสุทธิ ศิลมัย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายชูศักดิ์ ตั้งศิริไพบูลย์ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ปราจีนบุรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสมพร ดำนุ้ย ผอ.โครงการชลประทานอุดรธานี กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายยุทธนา นวมะชิติ ผอ.โครงการชลประทานสตูล นายชัยฤกษ์ เมษสุวรรณ ผอ.สำนักทางหลวงที่ 16 จ.นครศรีธรรมราช นายธงชัย จินตนาวงศ์ วิศวกรใหญ่ด้านบำรุงรักษา กรมทางหลวง 

นายสุใหญ่ หลิ่มโตประเสริฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)ศรีสะเกษ นายปรีชา วงศ์ศิลารัตน์ ผอ.รพ.สงขลา นางพิมพ์มาส รังสรรค์สฤษดิ์ ผอ.โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย 2 จ.สงขลา นายนิวัจน์ พิมเสน ผอ.โรงเรียนนิคม ซอย 10 จ.สตูล นายเอกชัย ปานเม่น ผอ.ศูนย์ฝึกวิชาชีพกาญจนบุรี "สามสงฆ์ทรงพระคุณ" นายกิตติ โกมลกุลพัทธ์ ผอ.โรงเรียนบ้านนาไก่นาคำน้อยวิทยา อ.สุวรรณคูหา (ภูดอนนาง) จ.หนองบัวลำภู 

 

พักงานนายกอบจ.-ท้องถิ่น

3.ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 2 นายกอบจ. 7 ราย กลุ่มที่ 3 นายกและรองนายกฯอบต. 17 ราย และกลุ่มที่ 4 นายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล 18 ราย ระงับการปฏิบัติราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ที่ ดํารงตําแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราว โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน

สำหรับกลุ่มที่ 2 นายกอบจ. 7 รายคือ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นายกอบจ.สมุทรปราการ นายพรชัย โควสุรัตน์ นายกอบจ.อุบลราชธานี นายยุทธนา ศรีตะบุตร นายกอบจ.หนองคาย นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกอบจ.ภูเก็ต นายสถิรพร นาคสุข นายกอบจ.ยโสธร นายสมชอบ นิติพจน์ นายกอบจ.นครพนม นางสุนี สมมี นายกอบจ.ลำปาง

 

บิ๊กอบต. 17 คนไม่รอด

กลุ่มที่ 3 นายกและรองนายกอบต. 17 รายคือ นายสนิท วรกิจ นายกอบต.ท้ายเมือง จ.พังงา นายประพจน์ เพียรพิทักษ์ นายกอบต.คลองน้ำไหล จ.กำแพงเพชร นายสุมิตร สากาลี นายกอบต.ศรีบุญเรือง จ.ขอนแก่น นายณรงค์ ถาวร นายกอบต.หนองจิก จ.สุโขทัย นายสมเกียรติ บรรพบุรุษ นายกอบต.ราษฎร์นิยม จ.นนทบุรี

นายสมพงษ์ รอดดารา นายกอบต.บางโทรัด จ.สมุทรสาคร นายนิวัฒน์ วัฒนเวศวิทย์ นายกอบต.แม่นาวาง จ.เชียงใหม่ นายเสรี ทิจินะ นายกอบต.โป่งผา จ.เชียงราย นายสมาน ดาหมาด นายกอบต.ย่านซื่อ จ.สตูล นายประภัย เพ็ชร์สุวรรณ์ นายกอบต.วัดขนุน จ.สงขลา

นายแซน กมุทชาติ นายกอบต.บุ่ง จ.อำนาจเจริญ นายธงชัย ดอกไม้ นายกอบต.ดอนเมย จ.อำนาจเจริญ นายเวชยันต์ สิงห์ขันธ์ นายกอบต.หนองแก้ว จ.อำนาจเจริญ นายพงษ์สวรรค์ สถาธรรม นายกอบต.หล่อยูง จ.พังงา นายวัฒนา ภูเกิดพิมพ์ รองนายกอบต.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายสมชาย ลานทอง รองนายกอบต.ไทรน้อย จ.นนทบุรี นายวิรัตน์ วัฒนสุข รองนายกอบต.ศรีบุญเรือง จ.ขอนแก่น

 

นายกเทศมนตรีโดนอื้อ

และกลุ่มที่ 4 นายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล 18 ราย คือ นายจำรัส อินใจ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่ข่า จ.เชียงใหม่ นายลำพอง นามพันธ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองพิมลราช จ.นนทบุรี นายภูษิต คงเดิม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่านา จ.พังงา นายบุญเลิศ ต่างสี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสระโบสถ์ จ.ลพบุรี นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีเทศบาลนครตรัง จ.ตรัง 

นายประพัฒน์ ริ้วทองชุ่ม นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครปฐม จ.นครปฐม นายวิทยา อุ่นคำ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบุญเรือง จ.เชียงราย นายนัฏฐชัย มูลนาม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหมอม้า จ.อำนาจเจริญ นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแพร่ น.ส.สาวิตรี สิทธิธรรม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอุบล จ.อุบล ราชธานี

นายปิยะชัย โชติวุฒิมนตรี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเวินพระบาท จ.นครพนม นายประดิษฐ์ วณีสอน นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองตองพัฒนา จ.เชียงใหม่ นายพุฑฒิพงษ์ ฤาชัย นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านโฮ่ง จ.ลำพูน น.ส.ลาเคละ จะทอ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเมืองนะ จ.เชียงใหม่ นายเกรียงไกร ไกรทอง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ นายบุญเกื้อ พากเพียรศิลป์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปราจีนบุรี นายสาร สมรักษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนายม จ.อำนาจ เจริญ นายสมศักดิ์ ธรรมเมธาพร สมาชิกสภาเทศบาลตำบลวังเย็น จ.ฉะเชิงเทรา

 

โยกอปท. 7 คนเข้าศาลากลาง

4.ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 5 ข้าราชการ อปท. 7 ราย คือ นายสายัณห์ รักษนาเวศ ปลัดอบจ.สมุทรปราการ น.ส.กาญจนา ทาโบราณ ปลัดอบต.ศรีบุญเรือง จ.ขอนแก่น นางอรชา พัฒนศุภสุนทร ปลัดเทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน จ.เชียงราย นายประดิษฐ์ นามลักษณ์ ปลัดเทศบาลตำบลป่าอ้อดอนชัย จ.เชียงราย นายสุรศักดิ์ ปรีชาผล ผอ.กองคลัง อบจ.สมุทรปราการ

นายนิพนธ์ บุณยเกียรติ ผอ.กองแผนและงบประมาณ อบจ.สมุทรปราการ นายวิชัย จันทร์จำรูญ ผอ.กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.สมุทรปราการ ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัด ที่อปท.นั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นตามที่ผู้ว่าฯ กําหนด แต่ต้องมิใช่ อปท. ที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิม โดยไม่ต้องมีคําร้องขอ และให้ผู้ว่าฯมีอํานาจ มอบให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม 

ในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจําตําแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ.2555 เนื่องจากการไปช่วยราชการตามคําสั่งนี้ นายกฯ หรือครม.อาจมีคําสั่งหรือมติเปลี่ยนแปลงคําสั่ง ตามข้อ 1 ถึงข้อ 5 ได้ตามเห็นสมควร คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 

 

ศอตช.ชงชื่อเอง-พันทุจริต

นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า กรณีราชกิจจานุเบกษาประกาศรายชื่อกลุ่มข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตนั้น ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ได้เสนอรายชื่อดังกล่าวไปตามขั้นตอน ส่วนการออกประกาศนั้นเป็นอำนาจของนายกฯ ในฐานะหัวหน้าคสช. ที่อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 

รายงานข่าวเปิดเผยว่า กลุ่มรายชื่อที่ ศอตช. เสนอนั้น ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยในส่วนของพ.ต.อ. นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ก่อนหน้านี้กระทรวงยุติธรรมได้ปรับย้ายจากผบ.สำนักคดีอาญา 1 มาเป็นผู้บัญชาการสำนักเทคโนโลยีฯ ได้ไม่ถึง 3 เดือน ก่อนถูกคำสั่ง คสช. ให้ย้ายไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งประจำสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธปืนของดีเอสไอ ซึ่ง สตง.ส่งเรื่องมายังกระทรวงยุติธรรมชี้มูลความผิดแล้ว 

รายงานข่าวระบุว่า สำหรับกรณีนายวินัย สวัสดิวร เลขาธิการสปสช. ถูกคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติราชการสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากป.ป.ท.ตรวจสอบเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณของ สปสช. ก่อนหน้านี้ และยังติดขัดในข้อสงสัยบางส่วน จึงจำเป็นต้องเสนอย้ายนายวินัยออกจากตำแหน่งเดิมก่อน ส่วนนายกอบจ.นั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งวิธีพิเศษและเงินสนับ สนุนที่เอื้อต่อกลุ่มผลประโยชน์ 

 

"ขวัญชัย"มึน-ไม่รู้ตัวถูกย้าย

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงคำสั่งคสช.ให้นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ระงับการปฏิบัติหน้าที่ว่า กรณีดังกล่าวเป็นการตรวจสอบของ สตง. ได้รายงานต่อนายกฯโดยตรง และมี คำสั่งออกมา เบื้องต้นยังไม่มีการแต่งตั้งอธิบดีคนใหม่ แต่จะเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงมหาดไทย ตั้งรองอธิบดีรักษาการไปก่อน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มาของคำสั่งดังกล่าวนี้เนื่องจาก สตง.ตรวจสอบในกรณีเมื่อปี 2551 ขณะนายขวัญชัยดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ สมุทรปราการ ได้อนุมัติจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษโครงการปักไม้ไผ่ชะลอคลื่นในพื้นที่โครงการสวางคนิวาส จ.สมุทรปราการ มูลค่า 5 ล้านบาท ซึ่งต่อมามีการตัดสินให้จ่ายค่าเสียหายให้แก่รัฐ 2 แสนบาท

ด้านนายขวัญชัยกล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่อง ยังไม่รู้ตัวเลยว่าถูกย้าย ทั้งนี้ ตนจะไปถามรัฐมนตรีดูอีกที

 

กรมอุทยานฯ ฟันอีก 4 ขรก.

ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีการประชุมอ.ก.พ.กรมอุทยานฯ มีนายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานฯ เป็นประธาน ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น จากนั้นนายนิพนธ์ กล่าวว่า อ.ก.พ.กรมอุทยานฯ มีวาระพิจารณาความผิดทางวินัยของข้าราชการกรมอุทยานฯ 4 คน ประกอบด้วยว่าที่ ร.ท.คำนึง นันทโพธิ์เดช เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 2 (ชลบุรี) ข้อหาทุจริตงบประมาณไฟป่า นายอภิวัฒน์ สุวรรณพิพัฒน์ เจ้าพนักงาน ป่าไม้ชำนาญงาน อดีตผู้ช่วยอุทยานฯ หมู่เกาะช้าง จ.ตราด นายอโณทัย งามเสงี่ยม เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน อดีตผู้ช่วย อุทยานฯ หมู่เกาะช้าง จ.ตราด โดยทั้ง 2 ราย ป.ป.ท.ชี้มูลความผิดข้อหาทุจริตต่อหน้าที่ และนายวิทยา ปาเฉย เจ้าพนักงานป่าไม้ 5 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14(ตาก) ข้อหามียาบ้าในครอบครอง


แถลงจุดยืน - กลุ่มนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ อ่านแถลงการณ์ย้ำจุดยืนเคลื่อนไหวตามแนวทางประชาธิปไตย ที่มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ก่อนเดินเท้ามาจัดกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 

นายนิพนธ์กล่าวว่า ข้าราชการทั้ง 4 ราย อ.ก.พ.กรมอุทยานฯ ลงมติให้ไล่ออกนายวิทยา ออกจากราชการ ส่วนนายอภิวัฒน์ และนายอโณทัย ให้ปลดออกจากราชการ ขณะที่ว่าที่ ร.ท.คำนึง ให้ออกจากราชการ ทั้งนี้อ.ก.พ.กรมอุทยานฯ จะทำรายงานการประชุมและรับรอง จากนั้นจะออกคำสั่ง ไล่ออก ปลดออกและให้ออกต่อไป

 

"บิ๊กตู่"เตือนน.ศ.เคลื่อนไหว

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 3/2558 ถึง กรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาที่หน้าสน.ปทุมวัน เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า "ก็ช่างเขา ก็เคลื่อนไหวไป ถ้าผิดวันไหนก็วันนั้นนั่นแหละ อย่ายั่วกันไปกันมาเลย เพราะมันเป็นปัญหาโลกแตกอยู่แล้ว สื่อก็ถามผมทุกวัน ไอ้พวกนั้นก็สู้ทุกวัน ก็ซักวันหนึ่งละ ขอร้องว่าที่อื่นอย่าไปร่วมมือเพราะวันนี้ต้องรู้ว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ ประเทศชาติอยู่ในห้วงเวลาอะไร"

นายกฯกล่าวว่า วันนี้เรากำลังแก้ปัญหาอะไรกันบ้าง ไปดูว่าตนแก้อะไรอยู่ จะมาเรียกร้องเอาอะไรกันนักหนา ถามเขาว่าทำเช่นนี้ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนหรือไม่ ต้องมีคดีความ ต้องถูกถอดออกจากการเป็นนักศึกษา แล้วอนาคตจะอย่างไร ทำแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ประเทศชาติเสียหายหรือเปล่า และที่บอกว่าตนควบคุมอำนาจ ตนไม่เคยบอกว่าตนทำถูก แต่ทำเพื่อให้เกิดความชัดเจนกับประเทศนี้ ทำเพื่อคนไทยที่เห็นด้วยและลำบากอีก 60 กว่าล้านคน แต่จะให้เห็นด้วยทุกคนมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว จะให้คิดเหมือนตนมันคง ไม่ได้ แต่อะไรที่ดีและเกิดประโยชน์ก็ช่วยกันอธิบายความถูกต้องให้ทุกคนได้รับทราบบ้าง ไม่ใช่เอาเรื่องทางนี้ไปบอกทางนั้น แล้วเอาเรื่องทางนั้นมาบอกทางนี้ มันก็ตีกันทุกวันอยู่แบบนี้

 

จวกสื่อเขียนโจมตีเยอะ

"ผมขอสื่อแค่นี้ วันนี้เขียนโจมตีผมโน่นนี่เยอะไปหมด แต่ผมไม่ได้กลัวอยู่แล้ว อยากเขียนก็เขียนไป แต่ต้องให้ความเป็นธรรม ผมจะไปถามคนทั้งประเทศว่าเขาจะว่าอย่างไร หลายคนก็ไม่ชอบที่เขียนแบบนี้ ทำไมต้องเขียนแบบนั้น เขียนว่าผมไปกดดันไม่ให้พูด ทำไม ท่านมีอำนาจเหนือผมตรงไหนว่ะ กลายเป็นผมผิดหมด เออ! สื่อต้องมีอำนาจพิเศษ ถามได้ทุกอย่าง ก็เป็นเรื่องของนายกฯ อยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็อย่าตอบ คุณต้องกลับไปถามกันเองบ้าง เรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่องคุณก็อย่าถามผม สิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ได้มีสิทธิเหนือกว่าผม เป็นประชาชนเท่ากัน ทุกคอลัมน์ทุกหนังสือพิมพ์เขียนตลอดว่านายกฯอารมณ์เสีย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯ กำลังตำหนิเรื่องสื่อที่ทางเชื่อมตึกสันติไมตรี นักข่าวสายเศรษฐกิจประจำทำเนียบประมาณ 10 คนที่ยืนอยู่ด้วยได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์โดยพร้อมเพรียงกันเพื่อไปทำแถลงข่าวเศรษฐกิจ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับพูดว่า "ทำไม เป็นอะไรกันเหรอ" นักข่าวสายเศรษฐกิจกลุ่มดังกล่าวหันมาตอบว่า จะไปฟังแถลงผลการประชุมเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ตึกนารีสโมสร ขณะที่สื่อสายการเมืองรีบบอกพล.อ.ประยุทธ์ ว่า เขาไม่ได้เดินหนีหรือบอยคอตอะไร พล.อ.ประยุทธ์จึงพูดว่า "ทีหลังจะเดินออกกะทันหันแบบนี้ก็ต้องบอกว่าขออนุญาตนึกว่าโมโหแล้วเดินหนี เดี๋ยวเหอะนะ ไปฟังแถลงแล้วก็เขียนกันด้วย"

 

โอดจองล้างจองผลาญหนัก

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า "อะไรต่างๆ ที่มันหงุดหงิดไม่ใช่ผมอยากหงุดหงิด และผมไม่เคยดูถูกท่านซักคน เพียงแต่เวลาท่านถามขอให้ดูอารมณ์ผมนิดหนึ่ง ผมจะตอบผมก็ดูอารมณ์ของผมและดูอารมณ์ท่าน ผมไม่ใช่ศัตรูท่านซักสื่อ แต่ทำไมมันจองล้างจองผลาญกันหนัก ผมไม่เข้าใจ มันก็เป็นสื่อเลือกข้างเหมือนเดิมนั้นแหละ ไม่อยากจะพูด อยากให้ทุกคนใจเย็นกันบ้าง ถ้าทุกคนใจร้อนหมดผมก็ใจร้อน ซึ่งผมใจร้อนกว่าท่านอยู่แล้ว เวลาผมจำกัด ผมเริ่มทุกอย่างให้ได้เป็น 100 เรื่อง โดยจะเริ่มทำส่วนที่ 1 ขณะส่วนที่ 2 ที่ทำไม่ได้จะส่งต่อให้รัฐบาลหน้า"

เมื่อถามว่า ได้เห็นแถลงการณ์ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ก็แถลงไป เวลาอย่างนี้มาเล่นงานผม เวลาพวกคุณทำความผิดไอ้สมาคมทำอะไรให้บ้าง มีไหม" ต่อข้อถามว่า สมาคมฯแถลงข่าวปฏิเสธ ไม่ใช่เรื่องจริงจากกรณีนายกฯ ระบุนักข่าวได้รับใบสั่งให้เขียนถึงรัฐบาลในทางที่ไม่ดี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ตนเห็นแล้ว แล้วทำไมเขียนไปทำนองนั้น วิธีเขียนมันเขียนแบบนั้น ไม่ได้โกรธกันอยู่แล้ว เพียงแต่มีอารมณ์บ้างเป็นธรรมดา ก็ต้องคิดงานอะไรต่างๆ เยอะเพื่อขับเคลื่อนคนทั้งประเทศ สั่งการทั้งประเทศไม่ใช่นั่งฟังเขาเสนอมาแล้วอนุมัติอย่างเดียว 

 

วอนช่วยทำให้ชาติเดินไปได้

ต่อข้อถามว่า สื่อที่เป็นมิตรกับนายกฯ ก็มีมาก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "เป็นมิตรทุกสื่อ ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับท่าน แต่ไม่ใช่มีอำนาจเหนือผมมันไม่ใช่ ผมเองไม่มีอำนาจเหนือท่าน และท่านไม่มีอำนาจเหนือผมแค่นั้นเอง เราต้องร่วมกันทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าให้ได้ ให้ต่างชาติเขาให้เกียรติเรา ให้ต่างชาติมองว่าประเทศไทยคลี่คลายความขัดแย้งได้ในเวลานี้ ทำไมไม่เขียนทำนองนี้ ถ้าเขียนแบบทุกวันนี้ การค้า การลงทุนก็ไม่มา การท่องเที่ยวก็จะถอยออกไป" 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่ตนพูดทุกวันนี้เป็นทั้งอนาคตและทำไมไม่เอามามองบ้างว่ามันจะดีขึ้น เดี๋ยวนายกฯ คนนี้ก็ไปแล้ว แล้วไปคาดหวังกับคนที่จะมาทำต่อ เขียนอย่างนี้สิ กระเซ้าเย้าแหย่ธรรมดาไม่ได้โกรธ แต่เขียนในเชิงที่ว่าตนไม่ได้ทำอะไรเลยและเขียนเรื่องการเมืองอยู่นั่น เมื่อถามว่าต้องการจะคุยกับบรรณาธิการบริหารแต่ละสำนักพิมพ์อีกครั้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปฏิเสธทันที "ไม่เอา ทำไมต้องคุย เขาขึ้นตรงบังคับบัญชากับผมหรืออย่างไร ก็ไม่ได้ขึ้น ตอนเข้ามาใหม่ๆ คุยไปแล้วก็ไม่เห็นดีขึ้น ไม่คุยแล้วขี้เกียจคุย แต่ถ้าคุยแล้วก้าวหน้าก็จะคุย ถ้าคุยแล้วเหมือนเดิมไม่คุย พอแล้วเสียเวลา ต้องให้เกียรติกันบ้าง ผมให้เกียรติสื่ออยู่แล้วแต่อย่ามาก้าวก่ายสิทธิของผม" 

 

สมาคมนักข่าวฯแถลงโต้

นายมานพ ทิพย์โอสถ ในฐานะอุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อและโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สืบเนื่องจากกรณีพล.อ.ประยุทธ์พูดถึงการทำงานของสื่อมวลชนในทำนองอาจได้รับใบสั่งมาเขียนข่าวถึงรัฐบาลในทางที่ไม่ดีเพื่อให้ได้เงินว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมและไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่าผู้สื่อข่าวคนใดได้รับใบสั่งมาเขียนโจมตีรัฐบาลเพื่อให้ได้เงินตามที่ นายกฯกล่าวอ้าง การที่นายกฯ ใช้คำว่า เขียน หมายความได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่เกิดกับสื่อมวลชนประเภทสิ่งพิมพ์เป็นหลัก ในฐานะตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อด้านสิ่งพิมพ์ จึงไม่อาจยอมรับหรือนิ่งเฉยได้กับข้อกล่าวอ้างที่เหวี่ยงแห แม้ว่าสิ่งที่กล่าวมานั้นจะเกิดจริง แต่ในฐานะผู้นำประเทศที่มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หากพบการกระทำดังกล่าว นายกฯ ในฐานะหัวหน้าคสช.ย่อมชอบธรรมที่จะใช้อำนาจนั้นดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อเอาผิดได้

นายมานพกล่าวว่า การเหมารวมของนายกฯ ต่อผู้สื่อข่าวไม่มีประโยชน์ใดต่อการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะปัญหาใหญ่ของนายกฯ คือการแก้ไขปัญหาของประเทศที่หลายฝ่ายก็ให้กำลังใจ เมื่อก้าวเข้ามาสู่อำนาจ นายกฯ ก็ไม่อาจปฏิเสธการวิพากษ์วิจารณ์ได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับผู้มีอำนาจคนอื่นๆ ของไทยที่ผ่านมา สื่อสิ่งพิมพ์เป็นของเอกชน ดำเนินกิจการตามกฎหมายประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง มีที่มาที่ไปของรายได้ รัฐบาลสามารถตรวจสอบได้ทุกเมื่อ ผู้สื่อข่าวที่ทำหน้าที่สอบถามนายกฯ ถึงการทำงานในด้านต่างๆ ก็ล้วนแต่รับเงินเดือนและรายได้อื่นๆ จากบริษัทตามข้อตกลงเท่านั้น 

 

เจ็บปวดถูกกล่าวหารับใบสั่ง

"การกล่าวหาของนายกฯ ที่ว่ารู้ว่าทุกคนก็รับใบสั่งมา เป็นความเจ็บปวดอย่างยิ่งของผู้สื่อข่าว ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวไม่เคยมองพล.อ.ประยุทธ์ว่าเป็นศัตรู การวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนและการซักถามเต็มไปด้วยความห่วงใยประเทศ ข้อท้วงติงหรือการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ที่ไม่เป็นธรรมต่อนายกฯ นายกฯ ก็ย่อมมีช่องทางในการชี้แจงและดำเนินการตามกฎหมายได้" นายมานพกล่าว

โฆษกสมาคมนักข่าวฯ กล่าวว่า ปัญหาของสังคมไทยยืดเยื้อเรื้อรังและหมักหมม ลำพังความตั้งใจของนายกฯ ไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาให้ลุล่วงในเวลาอันรวดเร็ว แม้จะใช้อำนาจนั้นอย่างเต็มที่ก็ตาม นายกฯ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่ฝ่ายที่เห็นต่างออกไป เมื่อนายกฯ เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจปัญหาสำคัญๆ ของประเทศ ก็เป็นความจำเป็นที่นายกฯ จะต้องแสดงท่าทีในเรื่องที่สังคมให้ความสนใจว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่ 

นายมานพกล่าวว่า นายกฯ คงรู้สึกแย่กับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการให้มีกาสิโน แต่ก็เป็นเพราะนายกฯ ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน และเมื่อไม่มีความชัดเจนย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นธรรมดา เพราะคนที่นำเสนอประเด็นต่อสังคมล้วนแต่เป็นบุคคลที่นายกฯ ให้ความเห็นชอบในการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นคนสุดท้าย และนายกฯ ก็เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการด้วยตัวเอง

 

น.ศ.ก่อตั้งขบวนการปชต.ใหม่

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป เขตคลองสาน กทม. นักศึกษา นักกิจกรรมหน้าหอศิลป์กรุงเทพมหานคร 7 คน และนักศึกษากลุ่มดาวดิน 7 คนที่ถูกดำเนินคดีฝ่าฝืนคำสั่งคสช.ชุมนุมการเมืองในการจัดกิจกรรม 1 ปีรัฐประหาร ได้อ่านแถลงการณ์ย้ำจุดยืนการเคลื่อนไหวตามแนวทางประชา ธิปไตย หลังจากเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ได้นัดรวมตัวที่สน.ปทุมวัน เพื่อเข้าแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ใช้กำลังจับกุมนักศึกษาจนการชุมนุมสลายตัวไปเมื่อเวลา 22.00 น. ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่จากองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ร่วมสังเกตการณ์ด้วย

นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา นักศึกษากลุ่มดาวดิน กล่าวว่า หลังจากนี้กลุ่มตนจะสร้างขบวนการประชาธิปไตยใหม่เพื่อเป็นความหวังของประเทศ โดยใช้หลักการ 5 ข้อในสังคมไทยให้กลับคืนมาประกอบด้วย หลักการประชาธิปไตย หลักการสิทธิมนุษยชน หลักการความยุติธรรม หลักการมีส่วนร่วม และหลักการสันติวิธี แม้พวกเราจะเป็นแค่กลุ่มคนเล็กๆ เราจะรวมตัวเพื่อสู้กับอำนาจของเจ้าหน้าที่โดยไม่ฟังเสียงของประชาชน กลุ่มนักศึกษาจะไม่มีวันยอมแพ้ และยืนยันว่ากลุ่มนักศึกษาพร้อมให้ดำเนินคดี และจะไม่มีการยื่นเรื่องขอประกันตัวหากถูกจับกุม

นายรังสิมันต์ โรม นักศึกษาที่ถูกจับกุมหน้าหอศิลป์ฯ กล่าวว่าช่วงเช้าวันที่ 25 มิ.ย. มีทหารนอกเครื่องแบบและตำรวจกว่า 20 นาย คอยติดตามสถานที่เข้าออกภายในที่พักของพวกตน เพื่อไม่ให้พวกเราออกไปไหน และให้เกิดความเกรงกลัว แต่พวกเรามายืนอยู่ตรงนี้ ไม่เคยกลัวและยึดมั่นในอารยะขัดขืน เพื่อแสดงจุดยืนเรียกร้องประชาธิปไตยต่อไป

 

ลุยอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

เวลา 14.30 น. พล.ท.บุญธรรม โอริส รอง ผอ.ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) และนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ กรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) มาเพื่อพูดคุยกับกลุ่มนักศึกษาเพื่อสอบถามความเห็นในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ขอให้ยุติการออกไปชุมชนในวันนี้ สร้างความไม่พอใจกับกลุ่มนักศึกษาทั้ง 14 คน ซึ่งถูกหมายจับข้อหาขัดคำสั่งคสช. จึงตัดสินใจเดินคล้องแขนกันออกจากสถานที่ดังกล่าว โดยยืนยันพร้อมถูกจับกุม และเดินเท้ามาถึงช่วงใต้สะพานตากสิน จากนั้นขึ้นรถเมล์ประจำทางมามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อเคารพวิญญาณวีรชนที่ลานประติมากรรม 6 ตุลา และเดินทางมาที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาแยกคอกวัว ก่อนมาสิ้นสุดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีการทำกิจกรรมร้องเพลงร่วมกัน 

ขณะที่บรรยากาศโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีประชาชนและนักศึกษาประมาณ 100 คน มาร่วมให้กำลังใจและทำกิจกรรมแสดงออกอย่างสันติวิธี โดยมีเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน จากยูเอ็น ประมาณ 5 คนร่วมติดตามดูกิจกรรม ท่าม กลางเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 50 นายคอยสังเกตการณ์ ซึ่งเหตุการณ์ดำเนินไปอย่างปกติ

 

แอมเนสตี้จี้ถอนหมายจับ

วันเดียวกัน สำนักงานเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ทางการไทยถอนหมายจับและยกเลิกข้อหานักศึกษาทั้ง 16 คน ที่ใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีรัฐประหารที่บริเวณหอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพฯ และที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น เพราะถ้ามีการฟ้องคดีและตัดสินว่ามีความผิด พวกเขาอาจถูกจำคุกไม่เกิน 1 ปีและถูกปรับ 

นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ทางการสอบสวนเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ใช้กำลังโดยไม่จำเป็นหรือเกินกว่าเหตุต่อผู้ประท้วงอย่างสงบในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยต้องมีการสอบสวนอย่างทันทีและรอบด้าน และให้ประกันว่า เจ้าพนักงานผู้บังคับใช้กฎหมายซึ่งใช้กำลังอย่างมิชอบด้วยกฎหมายต้องได้รับการลงโทษทางวินัยและหากเหมาะสมให้ดำเนินการเข้าสู่กระบวนการทางอาญาด้วย 

แอมเนสตี้จึงขอเรียกร้องอีกครั้งให้ทางการไทยปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและมาตรฐานระหว่างประเทศ รวมทั้งกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งประเทศไทยให้สัตยาบันรับรอง และจรรยาบรรณสหประชาชาติของเจ้าพนักงานผู้บังคับใช้กฎหมาย แต่แอมเนสตี้ยังคงได้รับรายงานอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ 

 

"บิ๊กตุ้ย"ฉลองวันเกิด 70 ปี

เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.สส.และผบ.ทบ. ได้เปิดบ้านสวนทวดจีบ อ.คลอง 4 รังสิต จ.ปทุมธานี ต้อนรับผู้มาอวยพร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ 70 ปี โดยพล.อ.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก เป็นผู้แทนพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. เข้าอวยพรพร้อมมอบกระเช้าผลไม้ โดยพล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวกับพล.อ.วีรัณว่า ขอฝากขอบคุณผบ.ทบ. ที่ยังระลึกถึงกันในฐานะอดีตผู้บังคับบัญชา "เราเป็นทหาร เราจะไม่ทอดทิ้งกัน เรายังมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น แม้ผมจะเกษียณอายุไปแล้ว แต่เรายังมีความผูกพันกันอยู่ ขออวยพรและให้กำลังใจผบ.ทบ.ในการปกป้องประเทศชาติและรักษาอธิปไตย"

ส่วนอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เข้าอวยพร อาทิ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายชินวัตร หาบุญพาด ขณะที่พล.อ.ชัยสิทธิ์มอบของที่ระลึกเป็นไฟฉาย พร้อมกล่าวกับผู้มาอวยพรว่า ของที่ระลึกนี้เอาไว้ใช้ส่องแสงสว่างเมื่ออยู่ในที่มืดและให้เป็นแสงสว่างส่องหาประชาธิปไตย และตนเป็นห่วงรัฐบาล อย่าถามพล.อ.ประยุทธ์มากนัก เพราะท่านจะอารมณ์เสียได้ ตนเห็นใจ นายกฯที่ต้องทำงานหนักมากในการบริหารประเทศ

 

กมธ.ถกแก้รธน.รายมาตรา

เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ. ยกร่างฯ เป็นประธาน มีวาระพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราเป็นวันแรก โดยช่วงเช้าได้ผ่านการพิจารณาในหมวดทั่วไปและภาค 1 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์และประชาชน รวม 25 มาตรา โดยรายละเอียดมีการแก้ไขเล็กน้อย อาทิ มาตรา 7 ได้ปรับในวรรคสอง โดยเติมคำว่า ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเพื่อให้ตรงกับคำที่ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดในส่วนที่ว่าด้วยองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ โดยการแก้ไขดังกล่าวเป็นไปตามคำขอแก้ไขของครม.

มาตรา 14 ว่าด้วยคุณสมบัติขององคมนตรี ได้ปรับถ้อยคำ ได้แก่ ตัดคำว่าหรือกลุ่มการเมืองออก และปรับในส่วนขององค์กร "ผู้ตรวจการแผ่นดินและพิทักษ์สิทธิมนุษยชน" ให้เป็น ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นอกจากนี้ยังมีประเด็นของการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณของบุคคลก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ โดยกำหนดให้การถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย พระมหากษัตริย์จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กระทำต่อพระรัชทายาท ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว หรือต่อผู้แทนพระองค์ก็ได้ เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมไปแล้ว 

 

ตัดทิ้งสมัชชาคุณธรรม

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ปรึกษาและโฆษกกมธ.ยกร่างฯ กล่าวภายหลังประชุม กมธ.ยกร่างฯ ซึ่งพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราเป็นวันแรกว่า ที่ประชุมพิจารณาไปได้ 33 มาตรา เนื้อหาส่วนใหญ่ปรับถ้อยคำตามที่มีข้อเสนอ มีสาระสำคัญในหมวด 2 ว่าด้วยประชาชน ในมาตรา 28 ซึ่งกำหนดให้พลเมืองทำหน้าที่สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ สมัชชาพลเมือง องค์กรตรวจสอบภาคประชาชนและองค์กรอื่นที่จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ โดยที่ประชุมได้ตัดเนื้อหาออกและเขียนขึ้นใหม่ เพื่อให้สิทธิ์พลเมืองเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการสมัชชาพลเมืองเพื่อการพัฒนา 

ส่วนสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ องค์กรตรวจสอบภาคประชาชนและองค์กรอื่นนั้นได้ตัดออก ขณะที่การกำหนดหน้าที่ของพลเมืองที่ได้รับสิทธิ์ในสมัชชาพลเมือง เช่น ทำงานโดยไม่มีอคติ เสียสละและได้รับค่าตอบแทน จะนำไปบัญญัติไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขณะที่มาตราอื่นๆ เป็นเพียงการปรับถ้อยคำ

 

จ่อรื้อโครงสร้างสภาขับเคลื่อน

พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า กมธ.ยกร่างฯมีแนวโน้มปรับโครงสร้างสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศที่ได้บัญญัติไว้ในร่างรัฐ ธรรมนูญ จากเดิมกำหนดให้มีสมาชิก 120 คน โดยปรับให้มีคณะกรรมการชุดหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า คณะกรรมการการปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ มีกรรมการ 20 คน ทำหน้าที่กำหนดประเด็นการปฏิรูป จากนั้น คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะเป็นผู้คัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนวาระการปฏิรูปในประเด็นต่างๆ ซึ่งคณะกรรมการและคณะทำงานชุดนี้จะรวมกันภายใต้โครงสร้างสภา โดยตั้งชื่อใหม่แทนชื่อสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ 

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความสับสนกับสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2557 (ฉบับชั่วคราว) ที่กำหนดให้มีสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศแทนสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ภายหลัง สปช.ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม กมธ. ยกร่างฯ มีแนวโน้มที่จะบัญญัติไว้ในบท เฉพาะกาลให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการการปฏิรูปฯ หลังจากที่มีรัฐบาลใหม่และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศที่จัดตั้งตามรัฐ ธรรมนูญ พ.ศ.2557 สิ้นสุดลง

 

ยังไม่ถอยปมอัยการ

ด้านนายคำณูน สิทธิสมาน โฆษกกมธ.ยกร่างฯ กล่าวถึงกรณีอัยการไม่เห็นด้วยที่กำหนดให้เพิ่มสัดส่วนคนนอก 1 ใน 3 เป็นคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) และคนนอกเป็นประธานก.อ.ได้ว่า คาดว่า ประเด็นนี้จะนำมาพิจารณาในช่วงรายมาตราที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการปรับแก้ในส่วน ก.อ. จะเหมือนกับที่ปรับแก้คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) หรือไม่นั้น ต้องพิจารณาก่อนเพราะโครงสร้างของอัยการและศาลยุติธรรม แตกต่างกัน 

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ของ สปช. กล่าวว่า กมธ.ปฏิรูปกฎหมายฯ ได้เสนอขอแก้ไขในประเด็นดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งคล้ายกับข้อเสนอของอัยการ คือให้ยึดแนวทางปฏิบัติเดิมเอาไว้ เพื่อความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ที่ต้องไม่ให้ฝ่ายการเมืองแทรกแซงได้ ทั้งนี้ กมธ.ยกร่างฯจะต้องปรับเปลี่ยนเนื้อหาตามที่หน่วยงานด้านยุติธรรมเรียกร้อง เพราะบุคลากรในหน่วยงานย่อมรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี อีกทั้งกระบวนการยุติธรรม มีความสำคัญไม่ต่างจากประเด็นการเมือง หากมีปัญหา ประชาชนทุกคนจะได้รับผลกระทบทันที 

 

อัยการเตรียมร่อนจม.ค้าน

นางชนิญญา ชัยสุวรรณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครอง เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีอัยการร่วมลงชื่อคัดค้านร่างรัฐ ธรรมนูญฉบับใหม่ ในมาตรา 228 ที่เปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงอัยการได้ว่า ขณะนี้ตนได้รับรายชื่อจากอัยการที่ไม่เห็นด้วยเข้ามาเรื่อยๆ และอัยการส่วนใหญ่เพิ่งทราบว่ามีการแก้ไขในมาตรา 228 เปิดช่องว่างให้ฝ่ายการเมืองแทรกแซงได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคใดก็ตาม 

นางชนิญญากล่าวว่า ตนกำลังร่างจดหมายเปิดผนึกเพื่อแสดงจุดยืนของอัยการที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หากร่างจดหมายเสร็จ จะแถลงจุดยืนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง พร้อมแนบความเห็นของนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด (อสส.) ที่ไม่เห็นด้วยและเคยเสนอความเห็นกรณีดังกล่าวไปยังกมธ.ยกร่างฯ แล้วเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยขอให้แก้ไขถ้อยคำบางประการด้วย โดยจะส่งจดหมายไปยังกมธ.ยกร่างฯ คสช. รัฐบาล และสนช. เพื่อพิจารณาต่อไป 

 

"เทียนฉาย"ยันให้โหวตอิสระ

นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. ให้สัมภาษณ์ถึงการเรียกสมาชิก สปช.หารือในโครงการสัมมนาเรื่อง "สานใจปฏิรูป สภาปฏิรูปแห่งชาติ" ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ภาพรวมการหารือถือว่าดี เป็นการปรึกษาหารือเพื่อให้แน่ใจว่างานช่วงสุดท้ายของ สปช.จะเสร็จตามกำหนดและราบรื่น ที่สำคัญประเด็นแทรกซ้อนต้องแยกออกไปให้ได้ อาทิ เรื่องบ่อนกาสิโนที่ไม่ได้อยู่ในแผนปฏิรูป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อันตรายต่อประเทศจึงควรหลีกเลี่ยง เพราะภารกิจของสปช. คือการทำแผนการปฏิรูปเพื่อยื่นให้ครม.พิจารณา อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว สปช.จะทำงานได้ตามเป้าในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ถ้าจะตกหล่นก็คงไม่มาก โดยในช่วง ก.ค.นี้จะเร่งเสนอกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกว่า 70 ฉบับ ให้เสร็จสิ้น

"การโหวตร่างรัฐธรรมนูญจะให้อิสระสมาชิกสปช. ในการลงมติ เป็นเรื่องที่ต้องใช้วิจารณญาณอย่างมากเพราะเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ โดยช่วงเวลาหลัง 22 ส.ค.ที่กมธ.ยกร่างฯส่งร่างรัฐธรรมนูญมาให้ สปช.แล้ว จะให้สมาชิกทุกคนศึกษาร่างรัฐธรรมนูญอย่างละเอียด โดยอาจจะงดประชุมในช่วงหลังจากนั้น เว้นแต่จะมีเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ส่วนกรณีสมาชิกสปช.บางส่วนชี้นำให้มีการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนั้น จะพูดอย่างไรก็ได้ กระแสตอนนี้มีทั้งให้โหวตคว่ำและโหวตผ่าน ยืนยันว่าสมาชิกสปช.ทุกคนมีอิสระในการลงมติ" นายเทียนฉายกล่าว

 

เตรียมทำพิมพ์เขียวแจก

ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกสปช. แถลงสรุปผลการสัมมนาสปช.เรื่อง "สานใจปฏิรูป สปช." ว่า ที่ประชุมได้สรุปการทำงานที่เหลืออีก 73 วันของสปช. แบ่งงานเป็น 3 ส่วน 1.วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ประเทศจะเป็นอย่างไรใน 10 ปีข้างหน้า 2.ได้ร้อยเรียงข้อเสนอ 37 วาระปฏิรูป ให้สอด คล้องกับรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาตรา 27 เกี่ยวกับหน้าที่ของสปช.ในการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ

โฆษกสปช. กล่าวว่า 3.จะสรุปวาระการปฏิรูป เป็น 37 วาระการปฏิรูป และ 6 วาระการพัฒนา จะจัดทำเป็นรูปเล่ม ให้กับครม. และประชาชน ในช่วงก่อนที่สปช.จะโหวตรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นพิมพ์เป็น Blueprint for change พิมพ์เขียวเพื่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศที่จะตั้งขึ้นมาแทนสปช. หน่วยงานราชการ และมหาวิทยาลัย นำไปปฏิรูปประเทศต่อไป ทั้งนี้ สปช.ยังเสนอกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูป คาดว่าจะเสร็จประมาณ 30 ฉบับ ส่งให้รัฐบาลดำเนินการเป็นกฎหมายต่อไป ขณะนี้ส่งไปให้รัฐบาลแล้ว อาทิ พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน 

 

กกต.คลอดเกณฑ์ประชามติ

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการกกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการยกร่างประกาศกกต. เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการและระยะเวลาออกเสียงประชามติร่างรัฐ ธรรมนูญว่า ที่ประชุมได้ยกร่างประกาศเสร็จแล้ว มีข้อสังเกตในบางเรื่องซึ่งจะปรับแก้และเสนอต่อที่ประชุม กกต.วันที่ 29 มิ.ย.นี้ หากสปช.ให้ความเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญแล้ว กกต.จะนำเสนอประกาศดังกล่าวให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบ 

นายบุณยเกียรติกล่าวอีกว่า ในร่างประกาศนั้น กำหนดว่าคำถามทำประชามติมีไม่เกิน 3 คำถาม แบ่งเป็น 30 ข้อ 10 หมวด อาทิ หมวดว่าด้วยการหน่วยออกเสียงประชามติ บัญชีผู้มีสิทธิออกเสียง การลงคะแนนและนับคะแนน การเผยแพร่ จัดส่งร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนบัตรออกเสียงและหีบบัตร ให้แยกตามจำนวนคำถาม โดยบัตรออกเสียงจะไม่มีช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ดังนั้น ถ้าผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ใช่สิทธิกาในช่องเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ก็ถือเป็นบัตรเสีย ส่วนวันออกเสียงประชามติกำหนดให้เป็นวันเดียวกันทั่วประเทศ งดการออกเสียงนอกราชอาณาจักร และงดการลงคะแนนออกเสียงล่วงหน้า แต่จัดให้ลงคะแนนออกเสียงนอกเขตจังหวัดในวันออกเสียงประชามติ 

 

ยันกาบัตร 10 ม.ค. 59

นายบุณยเกียรติกล่าวว่า ส่วนการคัดค้านการออกเสียงประชามติ กำหนดไว้ 2 ประเด็น คือให้ผู้มีสิทธิออกเสียง 10 คนยื่นร้องคัดค้านได้ แต่หากการคัดค้านไม่มีผลเปลี่ยนแปลง ผลประชามติก็ไม่ต้องจัดให้ลงประชามติใหม่ ส่วนวันออกเสียงประชามติ กำหนดเบื้องต้นเป็นวันที่ 10 ม.ค.2559 แต่ต้องพิจารณาถึงขั้นตอนจัดพิมพ์และเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญให้ผู้มีสิทธิออกเสียง 19 ล้านคน ถ้าเผยแพร่ได้ไม่น้อยกว่า 80% ก็ไม่เปลี่ยนวันการออกเสียงประชามติ

รองเลขาฯ กกต. กล่าวว่า ส่วนที่ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2557 ให้ทำประชามติมากกว่า 1 ประเด็นได้นั้น ประเด็นหลักที่จะถามคือจะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่วนประเด็นรอง ถ้าถามเกี่ยวข้องกับร่างรัฐธรรมนูญ เช่น ควรมีนายกฯ มาจากการเลือกตั้งโดยตรงหรือไม่ ถ้าประชาชนมีความเห็นอย่างไร จะมีผลให้กมธ.ยกร่างฯปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญตามผลประชามติ แต่ถ้าเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น ถามเรื่องกาสิโน หรือให้รัฐบาลอยู่ต่ออีก 2 ปี หรือปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ถ้าผลประชามติเป็นอย่างไร กฎหมายไม่ได้บังคับว่ารัฐต้องปฏิบัติตาม แต่เหมือนเป็นข้อมูลให้รัฐบาลใช้ประกอบการตัดสินใจเท่านั้น

 

สนช.เปิดเวทีถอด 248 ส.ส.

ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษก กมธ.วิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 มิ.ย. ที่ประชุม สนช.จะพิจารณาวาระการถอดถอน 248 อดีตส.ส. ในคดีร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ประเด็นที่มาส.ว.โดยมิชอบนัดแรก โดยจะเปิดให้ผู้ถูกร้องทั้งหมดยื่นเอกสารและพยานหลักฐานเพิ่มเติม ขณะนี้อดีตส.ส. 248 คนได้ทำหนังสือถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ขอยื่นเอกสารเพิ่มเติม 8 ชุด ซึ่งเอกสาร 1 ใน 8 ชุด เกี่ยวกับการกระบวนการพิจารณาถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และการถอดถอน 38 อดีตส.ว. ที่ทาง 248 อดีตส.ส.ขอยื่นเพิ่มเติมมาด้วย

นพ.เจตน์กล่าวว่า ตามข้อบังคับการประชุม สนช. เอกสารที่สนช.จะรับไว้พิจารณานั้นต้องไม่อยู่ในสำนวนคดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยต้องเป็นเอกสารใหม่ และป.ป.ช.ในฐานะผู้กล่าวหาจะชี้แจงหรือคัดค้านหรือไม่ เพราะป.ป.ช.จะเป็นผู้ที่รู้เรื่องสำนวนเอกสารที่มีกว่า 20,000 หน้า ส่วนสนช.จะต้องลงมติว่าจะให้หรือไม่ให้นั้นจะลงมติในเอกสารทีละชุด

 

ทอ.ปรับแผนพลังงานทดแทน

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่กองบิน 5 จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.อ.อ.วรฉัตร ธารีฉัตร ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ ในฐานะประธานกรรมการพลังงานทดแทนกองทัพอากาศ เป็นประธานเปิดสัมมนาการปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์พลังงานทดแทนพ.ศ. 2553-2558 เพื่อทบทวนยุทธศาสตร์ ระดมความคิด และหาหนทางปฏิบัติที่เหมาะสมในการดำเนินงานพลังงานทดแทนของทอ. มีผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมเสวนาจากหน่วยงานในและนอกทอ. ผู้แทนจากกองบินที่ปฏิบัติงานด้านพลังงานทดแทน

พล.อ.อ.วรฉัตรกล่าวเปิดการฝึกอบรมว่า ทอ.ตระหนักถึงแผนพัฒนาพลังงานทดแทน โดยเฉพาะการมุ่งเน้นความมั่นคงด้านพลังงาน ซึ่งทอ.จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมก่อนเกิดสภาวะการขาดแคลนพลังงานหลัก ด้วยการใช้แผนยุทธศาสตร์พลังงานทดแทนทอ. ปัจจุบันมีการใช้พลังงานทดแทนรูปแบบต่างๆ ในหน่วยงานของทอ. ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล และพลังงานไบโอดีเซล นอกจากนี้ยังจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้พลังงานทดแทนกองทัพอากาศ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้พลังงานทดแทนรูปแบบต่างๆ รวมถึงวิจัยและพัฒนาพลังงานทดแทนให้นำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

"บิ๊กตู่"เบรกขึ้นค่าแรง360บาท

      วันที่ 25 มิ.ย. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตัวแทนคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นำโดย นางวิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคสรท. นายสาวิตต์ แก้วหวาน เลขาฯสรส. และตัวแทนกลุ่มแรงงาน 150 คน เดินเท้าจากลานพระบรมรูปทรงม้า มายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกร้องรัฐบาลให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 360 บาทเท่ากันทั่วประเทศ เพราะไม่มีการปรับขึ้นมาตั้งแต่ปี 2554 เพื่อให้แรงงานพึ่งพาตัวเองได้ โดยมีนายกมล สุขสมบูรณ์ ที่ปรึกษารมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือ

     พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่สามารถขึ้นได้ แต่สื่อก็ไปเขียนให้เป็นประเด็น เคยบอกแล้วว่าแรงงานต้องผ่านการคัดกรองที่กระทรวงแรงงาน ผ่านการประเมินความสามารถ ที่แรงงานไม่ได้ใช้แรงงานอย่างเดียว ซึ่งจะมีค่าแรงตามขั้นตอนให้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ทำกัน ถามหน่อยว่าแรงงานทั้งประเทศมีเท่าไหร่ ถ้าขึ้นค่าแรงจะต้องใช้อีกเท่าไหร่ ต้องช่วยกันทำความเข้าใจ ไม่ใช่เอาข้อเรียกร้องมากดดัน พอไม่ให้ก็ไปกดดันแรงงาน สุดท้ายก็ตีกันอยู่อย่างนี้ 

      "ถ้าขึ้นค่าแรงแล้วอย่างอื่นก็เลิกไม่ต้องทำ เอาไหม แล้วก็มาบอกว่าไม่เห็นใจเขา ที่ทำทุกวันนี้เพราะเห็นใจ ทุกเรื่องจะต้องสร้างกรอบให้เข้มแข็งถึงจะขึ้นกรอบในได้ ไม่ใช่กรอบในทำไปส่งเดชใช้เงินเท่าไหร่ก็ช่างมัน แล้ววันหน้าจะทำอะไรได้หรือไม่ ถามว่าวันนี้ความเข้มแข็งเกิดหรือไม่ ลงทุนอะไรได้บ้าง ความเข้มแข็งของประเทศมีไหม แล้วมาโวยวายกันว่า รายได้ตกต่ำ การเกษตรขายไม่ออก ถามว่าเพราะอะไร เพราะเราไม่ได้ทำโครงการเหล่านี้มาก่อน ที่ผ่านมาแก้ปัญหาเฉพาะกาล เฉพาะฤดู เฉพาะเรื่อง ผมไม่ได้โทษใคร เดี๋ยวจะหาว่าไปว่าคนโน้นคนนี้อีกรำคาญ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

เอียซ่ายืดประเมินไทยไปพย.

     เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป (เอียซ่า) จะประกาศท่าทีต่อมาตรฐานการบินของประเทศไทยว่า เขายังไม่ประกาศ ถ้าประกาศก็แย่สิ ถ้าเขายังไม่ประกาศก็อย่าเพิ่งไปตื่นตระหนกก็แก้กันต่อไป 

      พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป(อียู) ภายใต้การกำกับของเอียซ่า ได้ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยระบุว่าอียูจะไม่มีการออกมาตรการจำกัดการทำการบินกับสายการบินของไทยที่ทำการบินเข้าไปยังประเทศสมาชิกอียู โดยในวันที่ 26 มิ.ย. จะส่งหนังสือแจ้งมายังหน่วยงานไทยอย่างเป็นทางการ

      "รู้สึกดีใจที่เอียซ่าให้โอกาสเราในการที่จะทำงานต่อ เพื่อเร่งปลดล็อกความบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยด้านการบิน(เอสเอสซี) ซึ่งการแถลงออกมาอย่างนี้จะส่งผลดีและช่วยสร้างความเชื่อมั่นด้านการปลอดภัยด้านการบินให้กับประเทศไทยเพิ่มขึ้น และหลังจากนี้ฝ่ายไทยจะขอให้เอียซ่าเข้ามาช่วยเหลือด้านองค์ความรู้ และฝึกอบรมบุคลากรด้านการบินด้วย" พล.อ.อ.ประจินกล่าว

      ส่วนในระยะที่ 2 เอียซ่าจะส่งคณะเข้ามาตรวจสอบมาตรฐานการกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินของกรมการบินพลเรือน(บพ.)ของไทย ซึ่งต้องรอให้เอียซ่าแจ้งช่วงเวลาอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เอียซ่าเคยแจ้งผ่านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม อย่างไม่เป็นทางการว่าอาจจะเดินทางเข้ามาตรวจสอบไทยในช่วงเดือนพ.ย.นี้

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการดังกล่าวทำให้การบินไทยยังคงให้บริการเส้นทางบินสู่ทวีปยุโรปได้ตามปกติทั้ง 12 จุดบิน ได้แก่ ลอนดอน โคเปนเฮเกน แฟรงก์เฟิร์ต บรัสเซลส์ มาดริด มิวนิก ออสโล ปารีส สตอกโฮล์ม ซูริก มิลาน โรม อย่างไรก็ตาม หวังว่าบพ.ของไทยจะแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญทันตามกำหนดเวลา และปรับปรุงมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับของไอซีเอโอ เพื่อลดความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย และเพื่อให้สถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

 

"สาธิต"โต้ป.ป.ช.อายัดทอง179ล.

        วันที่ 25 มิ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวภายหลังการประชุมป.ป.ช.ว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีทุจริตคืนเงินภาษีมูลเพิ่ม 4.3 พันล้านบาท ที่มีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการป.ป.ช.เป็นประธาน ได้รายงานให้ที่ประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่ทราบถึงมติอนุกรรมการไต่สวนฯ ที่มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของนายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มว่า ได้อายัดทองคำมูลค่า 179 ล้านบาท อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เนื่องจากพบข้อเท็จจริงว่า นายสาธิตนำเงินที่ได้จากการทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่มไปซื้อทองคำมูลค่า 179 ล้านบาท ใช้ชื่อบุคคลอื่นเป็นผู้ถือครองแทน จึงต้องอายัดไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน 

        นายสรรเสริญกล่าวว่า ส่วนที่มีข่าวว่าอนุกรรมการไต่สวนฯอายัดทองคำของนายสาธิต เป็นมูลค่า 600 ล้านบาทนั้น เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะทองคำที่ป.ป.ช.อายัดไว้ขณะนี้มีแค่ 179 ล้านบาท แต่เมื่อรวมทรัพย์สินส่วนอื่นๆ ที่ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบอยู่ จะมีมูลค่ารวม 600 ล้านบาท ซึ่งป.ป.ช.ไต่สวนอยู่ว่าทรัพย์สินที่เหลือมีที่มาถูกต้องหรือไม่ และเข้าข่ายการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวน ระหว่างนี้หากพบว่าทรัพย์สินส่วนใดมีความผิดปกติอีก ป.ป.ช.สามารถสั่งอายัดเพิ่มเติมได้ และหลังจากนี้นายสาธิตยังมีสิทธิมาชี้แจงถึงที่มาของทองคำที่ป.ป.ช.สั่งอายัดไว้ หากในที่สุดแล้ว นายสาธิตไม่สามารถพิสูจน์ที่มาของทรัพย์สินได้ ป.ป.ช.จะยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลเพื่อให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป และจะถูกแจ้งข้อหาร่ำรวยผิดปกติเพิ่มเติมอีกหนึ่งข้อหา 

       นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้รอผลการตรวจสอบของป.ป.ช. หากมีความเห็นว่าผิดจริง จะส่งเรื่องมาให้กระทรวงการคลังเอาผิดทางวินัยต่อไป ส่วนการอายัดทรัพย์นายสาธิต ของป.ป.ช.นั้น กระทรวงการคลังไม่ได้รับรายงาน หากเป็นทรัพย์สินที่ได้ไม่ถูกต้องการถูกอายัด ถือว่าเหมาะสมแล้ว

     ด้านนายสาธิตกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์ว่าไม่เคยมีทองคำมูลค่าตามที่กล่าวหา ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ชื่อเสียงเสียหาย และที่ผ่านมาอนุกรรมการไต่สวนฯ ไม่เคยเรียกไปสอบถามหรือชี้แจงข้อมูลใดๆ หลังจากนี้จะสอบถามไปอนุกรรมการไต่สวนฯ หรือหากเชิญไปให้ข้อมูลก็พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง

 

 

ป.ป.ช. อายัดทองคำมูลค่า 600 ลบ. ของ'สาธิต รังคสิริ' อดีตอธิบดีกรมสรรพากร เหตุเกี่ยวข้องทุจริตโกงเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม

 

     นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ชี้แจงว่า กรณีมีข่าว ป.ป.ช. อายัดทองคำมูลค่า 600 ล้านบาทของอดีตอธิบดีกรมสรรพากร (นายสาธิต  รังคสิริ) นั้น

 

      ขอเรียนว่า คดีนี้เป็นคดีที่นายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโกงเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม 4.3 พันล้านบาท ซึ่งข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ เกี่ยวกับการทุจริตดังกล่าว โดยมีศาสตราจารย์ ดร.ภักดี  โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. ประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ และคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของนายสาธิต  รังคสิริ เป็นทองคำมูลค่า 179 ล้านบาท ทั้งนี้ โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

 

      สำหรับ ทองคำหรือทรัพย์สินส่วนอื่นๆ นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการไต่สวนอีกคณะที่รับผิดชอบการไต่สวนนายสาธิต  รังคสิริ ว่าร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งมีนางสาวสุภา  ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ

 

 ป.ป.ช. อยู่ระหว่างตรวจสอบทรัพย์สิน 'สาธิต รังคสิริ' อดีตอธิบดีกรมสรรพากร กรณีเกี่ยวข้องทุจริตโกงเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม เบื้องต้น อายัดทองคำมูลค่า 179 ลบ.

 

    ป.ป.ช. อยู่ระหว่างตรวจสอบทรัพย์สิน "สาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร กรณีเกี่ยวข้องทุจริตโกงเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม เบื้องต้น อายัดทองคำมูลค่า 179 ลบ.

 

    นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ชี้แจงว่า กรณีมีข่าว ป.ป.ช. อายัดทองคำมูลค่า 600 ล้านบาทของอดีตอธิบดีกรมสรรพากร (นายสาธิต  รังคสิริ) นั้น 

 

   ขอเรียนว่า คดีนี้เป็นคดีที่นายสาธิต  รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโกงเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม 4.3 พันล้านบาท ซึ่งข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ เกี่ยวกับการทุจริตดังกล่าว โดยมีศาสตราจารย์ ดร.ภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. ประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ และคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของนายสาธิต  รังคสิริ เป็นทองคำมูลค่า 179 ล้านบาท ทั้งนี้ โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

 

    สำหรับ ทองคำหรือทรัพย์สินส่วนอื่น ๆ นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการไต่สวนอีกคณะที่รับผิดชอบการไต่สวนนายสาธิต  รังคสิริ ว่าร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งมีนางสาวสุภา  ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ



ปลัด-อธิบดี-เลขาสปสช. ม.44เชือด 71บิ๊กขรก.-ท้องถิ่นด้วย 7 นายกอบจ.-อบต.เพียบ ชนม์สวัสดิ์ปากน้ำก็โดน 'บิ๊กตู่'เซ็นฟัน-แบ่ง 5 กลุ่ม ก.ตร.เคาะตั้ง 33 นายพล

      'บิ๊กตู่'ฟัน ขรก.-นักการเมืองท้องถิ่น ล็อต 2 รวม 71 ราย เด้งปลัดท่องเที่ยวเข้ากรุสำนักนายกฯ เด้งเลขาฯสปสช.-รองเลขาฯกพฐ.-อธิบดีกรมพัฒนาชุมชน

 

มติชนออนไลน์ :

 

@ เด้งปลัดท่องเที่ยว-ขรก.รวม 71 คน

       เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบ (คสช.) ฉบับที่ 19/2558 โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ในการแต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของงานอันเป็นประโยชน์ในการปฏิรูปราชการแผ่นดิน โดยมีโยกย้ายข้าราชการและระงับการปฏิบัติหน้าที่ของนักการเมืองท้องถิ่นรวม 71 คน 

       คำสั่งดังกล่าวให้นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกฯ นอกจากนี้ยังแบ่งรายชื่อเป็น 5 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกให้ระงับการปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิม เป็นการชั่วคราวและไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งประจำสำนักงานปลัดกระทรวงที่สังกัดโดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม และให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมอบหมาย 

 

@ เลขาสปสช.-รองเลขากพฐ.โดน

ทั้งนี้ นายกฯจะมีคำสั่งให้ผู้นั้นไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐเป็นการชั่วคราวก็ได้ ประกอบด้วย ข้าราชการ 21 คน ได้แก่ 1.นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมพัฒนาชุมชน 2.นายไชยวัฒน์ พันธ์นรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร 3.นายรังสรรค์ มณีเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) 4.นายศุภชัย สมัปปิโต รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) 5.นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) 

6.นายชัยรัตน์ กรรณิการ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 8 สำนักงานอัยการสูงสุด 7.พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) 8.นางพัชณีย์ ยงยอด ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาบริการท่องเที่ยว 9.นายศุภยุทธ สาครบุตร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านยุทธศาสตร์พลังงาน 

 

@ เด้งผอ.รพ.สงขลา-ผอ.รร.หาดใหญ่2

10.นายสุทธิ ศิลมัย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี 11.นายชูศักดิ์ ตั้งศิริไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดปราจีนบุรี 12.นายสมพร ดำนุ้ย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุดรธานี 13.นายยุทธนา นวมะชิติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสตูล 14.นายชัยฤกษ์ เมษสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักทางหลวงที่ 16 จ.นครศรีธรรมราช 15.นายธงชัย จินตนาวงศ์ วิศวกรใหญ่ด้านบำรุงรักษา กรมทางหลวง 16.นพ.สุใหญ่ หลิ่มโตประเสริฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ 17.นพ.ปรีชา วงศ์ศิลารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลา 

18.นางพิมพ์มาส รังสรรค์สฤษดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย 2 จ.สงขลา 19.นายนิวัจน์ พิมเสน ผู้อำนวยการโรงเรียนนิคม ซอย 10 จ.สตูล 20.นายเอกชัย 

ปานเม่น ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกวิชาชีพกาญจนบุรี สามสงฆ์ทรงพระคุณ 21.นายกิตติ โกมลกุลพัทธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาไก่นาคำน้อยวิทยา อ.สุวรรณคูหา จ.หวัดหนองบัวลำภู 

 

@ พักงาน"ชนม์สวัสดิ์"-7นายกอบจ.

สำหรับรายชื่อกลุ่มที่ 2-4 ให้ระงับการปฏิบัติราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ดำรงตำแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน โดยกลุ่มที่ 2 คือนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 7 คน ได้แก่ 1.นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นายก อบจ.สมุทรปราการ 2.นายพรชัย โควสุรัตน์ นายก อบจ.อุบลราชธานี 3.นายยุทธนา ศรีตะบุตร นายก อบจ.หนองคาย 4.นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต 5.นายสถิรพร นาคสุข นายก อบจ.ยโสธร 6.นายสมชอบ นิติพจน์ นายก อบจ.นครพนม 7.นางสุนี สมมี นายก อบจ.ลำปาง 

 

@ รอง-นายก"อบต."อีก 17 คน

กลุ่มที่ 3 นายกและรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) รวม 17 คน ได้แก่ 1.นายสนิท วรกิจ นายก อบต.ท้ายเมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา 2.นายประพจน์ เพียรพิทักษ์ นายก อบต.คลองน้ำไหล อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร 3.นายสุมิตร สากาลี นายก อบต.ศรีบุญเรือง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น 4.นายณรงค์ ถาวร นายก อบต.หนองจิก อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย 5.นายสมเกียรติ บรรพบุรุษ นายก อบต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี 6.นายสมพงษ์ รอดดารา นายก อบต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 7.นายนิวัฒน์ วัฒนเวศวิทย์ นายก อบต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ 8.นายเสรี ทิจินะ นายก อบต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย 9.นายสมาน ดาหมาด นายก อบต.ย่านซื่อ อ.ควนโดน จ.สตูล 10.นายประภัย เพ็ชร์สุวรรณ์ นายก อบต.วัดขนุน อ.สิงหนคร จ.สงขลา 11.นายแซน กมุทชาติ นายก อบต.บุ่ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ 12.นายธงชัย ดอกไม้ นายก อบต.ดอนเมย อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ 13.นายเวชยันต์ สิงห์ขันธ์ นายก อบต.หนองแก้ว อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ 14.นายพงษ์สวรรค์ สถาธรรม นายก อบต.หล่อยูง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา 15.นายวัฒนา ภูเกิดพิมพ์ รองนายก อบต.ยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ 14.นายสมชาย ลานทอง รองนายก อบต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี 17.นายวิรัตน์ วัฒนสุข รองนายก อบต.ศรีบุญเรือง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น

 

@ นายกเล็ก-สมาชิกเทศบาล 18 คน

กลุ่มที่ 4 นายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล รวม 18 คน 1.นายจำรัส อินใจ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่ข่า อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ 2. นายลำพอง นามพันธ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองพิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 3.นายภูษิต คงเดิม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่านา อ.กะปง จ.พังงา 4.นายบุญเลิศ ต่างสี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสระโบสถ์ อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี 5.นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีเทศบาลนครตรัง 6.นายประพัฒน์ ริ้วทองชุ่ม นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม 7.นายวิทยา อุ่นคำ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบุญเรือง อ.เชียงของ จ.เชียงราย 8.นายนัฏฐชัย มูลนาม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหมอม้า อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ 

9.นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแพร่ อ.เมือง จ.แพร่ 10.น.ส.สาวิตรี สิทธิธรรม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอุบล อ.เมือง จ.อุบลราชธานี 11.นายปิยะชัย โชติวุฒิมนตรี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม 12.นายประดิษฐ์ วณีสอน นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองตองพัฒนา อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 13.นายพุฑฒิพงษ์ ฤาชัย นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน 14.น.ส.ลาเคละ จะทอ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 15.นายเกรียงไกร ไกรทอง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ 16.นายบุญเกื้อ พากเพียรศิลป์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปราจีนบุรี 17.นายสาร สมรักษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนายม อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ 18.นายสมศักดิ์ ธรรมเมธาพร สมาชิกสภาเทศบาลตำบลวังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา

 

@ อบจ.ปากน้ำโดนยกแผง 5 ราย

กลุ่มที่ 5 เป็นข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 7 คน ให้ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัด ที่ อปท.นั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดแต่ต้องมิใช่ อปท.ที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิม โดยไม่ต้องมีคำร้องขอ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นผู้บังคับบัญชามีอำนาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม ในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจำตำแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ได้แก่ 1.นายสายัณห์ รักษนาเวศ ปลัด อบจ.สมุทรปราการ 2.น.ส.กาญจนา ทาโบราณ ปลัด อบต.ศรีบุญเรือง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น 

3.นางอรชา พัฒนศุภสุนทร ปลัดเทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย 4.นายประดิษฐ์ นามลักษณ์ ปลัดเทศบาลตำบลป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย 5.นายสุรศักดิ์ ปรีชาผล ผอ.กองคลัง อบจ.สมุทรปราการ 6.นายนิพนธ์ บุณยเกียรติ ผู้อำนวยการกองแผนและงบประมาณ อบจ.สมุทรปราการ 7.นายวิชัย จันทร์จำรูญ ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อบจ.สมุทรปราการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ จ.สมุทรปราการ มีการย้ายถึง 5 ตำแหน่ง ทั้งนายก อบจ. ปลัด อบจ. ผู้อำนวยการกองคลัง ผู้อำนวยการกองแผนและงบประมาณ และผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

 

@ ศอตช.ชงสอบภาษีขรก.-เอกชนโกง

นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า ในวันที่ 26 มิถุนายน ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) จะประชุม โดยมี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธาน ศอตช. เป็นประธาน เพื่อรายงานว่าช่วงที่ผ่านมา ศอตช.ดำเนินการเรื่องอะไรไปบ้าง 

นายประยงค์กล่าวถึงการประกาศรายชื่อข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตล็อต 2 ว่า ศอตช.เสนอรายชื่อไปตามขั้นตอน ส่วนการออกประกาศเป็นอำนาจของ

นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้า คสช. ที่อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 

ในที่ประชุม ศอตช. วันที่ 26 มิถุนายน จะมีการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณามาตรการทางทรัพย์สินและมาตรการทางภาษีอากร เพื่อเป็นกลไกในการป้องกันปราบปรามการทุจริต โดยจะตรวจสอบบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับภาครัฐ หากพบว่ามีการทุจริตจะตรวจสอบภาษีอย่างละเอียดว่าจ่ายภาษีถูกต้องหรือไม่ อีกทั้งจะใช้มาตรการทางภาษีกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องด้วย 

 

@ เผยเหตุเด้งผบ.ดีเอสไอ-เลขาสปสช.

สำหรับรายชื่อที่ ศอตช.เสนอนั้น ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำหรับกระทรวงยุติธรรมมี พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ดีเอสไอ ซึ่งก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.นิรันดร์ย้ายจากผู้บัญชาการสำนักคดีอาญา 1 มาเป็นผู้บัญชาการสำนักเทคโนโลยีฯไม่ถึง 3 เดือน ก่อนถูกคำสั่ง คสช.ย้ายไปประจำสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธปืนของดีเอสไอ ซึ่ง สตง.ส่งเรื่องมากระทรวงยุติธรรมให้ชี้มูลความผิดแล้ว 

สำหรับ นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. ที่ถูกสั่งให้ไปปฏิบัติราชการสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจาก ป.ป.ท.ตรวจสอบเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณของ สปสช.ก่อนหน้านี้ และยังติดขัดในข้อสงสัยบางส่วน จึงจำเป็นต้องเสนอย้าย นพ.วินัยออกจากตำแหน่งเดิมก่อน ส่วนนายก อบจ.และนายก อบต.นั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งวิธีพิเศษและเงินสนับสนุนที่เอื้อกลุ่มผลประโยชน์ 

 

@ "ขวัญชัย"เจอคดีเก่าเด้งพ้นอธิบดี

นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวถึงกรณีที่ถูกโยกออกจากตำแหน่งว่า "ยังไม่ทราบเรื่อง ยังไม่รู้ตัวเลย จะไปถามท่านรัฐมนตรีดูอีกที"

เมื่อถามว่า การโยกย้ายครั้งนี้สืบเนื่องจากการเอาผิดข้าราชการที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่ นายขวัญชัยกล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่มั่นใจเหมือนกัน

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการย้ายนายขวัญชัยว่าเป็นการตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่รายงานต่อนายกฯโดยตรง เบื้องต้นยังไม่มีการแต่งตั้งอธิบดีคนใหม่ แต่เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงมหาดไทยในการตั้งรองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนรักษาการไปก่อน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สตง.ตรวจสอบเมื่อปี 2551 ขณะนายขวัญชัยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้อนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษโครงการปักไม้ไผ่ชะลอคลื่นในพื้นที่โครงการสวางคนิวาส จ.สมุทรปราการ มูลค่า 5 ล้านบาท ต่อมามีการตัดสินให้จ่ายค่าเสียหายให้แก่รัฐ 2 แสนบาท

 

@ รองเลขาฯกพฐ.คาดเหตุ"ฟุตซอล"

นายรังสรรค์ มณีเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ไม่มีวี่แววเรื่องย้ายไปปฏิบัติราชการประจำสำนักงานกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) มาก่อน ยังไม่รู้ว่าถูกย้ายด้วยกรณีใด เมื่อถามว่าเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียน 17 จังหวัดหรือไม่ นายรังสรรค์กล่าวว่า ก็เป็นไปได้เพราะขณะนั้นเป็นผู้อำนวยการสำนักแผน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยังไม่รู้ว่าต้องเตรียมข้อมูลชี้แจงอย่างไรบ้าง ต้องรอดูข้อกล่าวหาก่อน

พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า จะเชิญนายรังสรรค์มาพูดคุย เท่าที่ดูน่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนที่ตนเข้ามารับตำแหน่ง ส่วนการย้ายนายรังสรรค์ จะกระทบกับการบริหารงานของ สพฐ.หรือไม่นั้น สพฐ.ต้องไปบริหารจัดการ 

 

@ "บิ๊กเข้"เผยมีทยอยเด้งอธิการฯ

พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวว่า ส่วนการย้ายนายศุภชัย สมัปปิโต รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) นั้น แสดงให้เห็นว่าขณะนี้ คสช.เอาจริงเรื่องธรรมาภิบาล ที่ผ่านมาเวลามีปัญหา รัฐมนตรีว่าการ ศธ.หรือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไม่มีอำนาจไปดำเนินการอะไร เพราะอำนาจในการบริหารงานอยู่ที่สภามหาวิทยาลัย ซึ่ง คสช.และ สกอ.เองก็มีข้อมูลพอสมควร จึงต้องแก้ไขปัญหา ยังมีมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่งที่มีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล จะทยอยมีคำสั่งออกมา เพราะ สกอ.และ คสช.มีข้อมูลอยู่พอสมควร 

รศ.ดร.ศุภชัย สมัปปิโต รักษาการอธิการบดี มมส. กล่าวว่า ทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว คงต้องเข้าไปรายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชา ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องที่คาดว่าเป็นสาเหตุคิดว่าเป็นเรื่องเก่าที่เคยชี้แจงไปแล้วทั้งสิ้น 

 

@ ทสจ.ปราจีนเจอพิษไม้ไผ่กันคลื่น 

ด้านนายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า สาเหตุที่ คสช.โยกย้ายนายชูศักดิ์ ตั้งศิริไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ปราจีนบุรีนั้น จากการตรวจสอบไปยังพื้นที่ได้ความว่าเป็นความผิดสมัยที่นายชูศักดิ์เป็น ผอ.ทสจ.สมุทรปราการ ซึ่งขณะนั้น สตง.ชี้มูลความผิดเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างพิเศษไม้ไผ่กันคลื่นตั้งแต่ปี 2548-2549 แต่ไม่ทราบรายละเอียดมากกว่านี้ โดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่รายงานว่าหลังนายชูศักดิ์ทราบเรื่องนี้ก็รีบกลับบ้านและติดต่อไม่ได้อีก หลังจากนี้นายชูศักดิ์จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่และเข้ามารายงานตัวต่อปลัด ทส.ทันที เรื่องนี้หากผิดจริง ก็ต้องส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.ต่อไป 

 

@ "นพ.วินัย"คาดเหตุงบ"สปสช."

ส่วนการย้าย นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นพ.สุใหญ่ หลิ่มโตประเสริฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ และ นพ.ปรีชา วงศ์ศิลารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลา ไปปฏิบัติราชการประจำสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นั้น นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการ สธ. กล่าวว่า ยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าว คงตอบอะไรมากไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯเคยพูดคุยถึงเรื่องการย้าย นพ.วินัยก่อนหรือไม่ นพ.รัชตะกล่าวว่า ขอดูรายละเอียดในหนังสือก่อน 

ด้าน นพ.วินัยกล่าวถึงคำสั่งดังกล่าวว่า หากการถูกย้าย เพราะเรื่องการตรวจสอบการบริหารงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่มีผู้ร้องว่าบริหารงบผิดประเภทนั้น เรื่องนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ที่ผ่านมาก็ชี้แจงไปหมด ที่สำคัญเป็นเรื่องของบอร์ด สปสช. แต่หากถูกคำสั่งเช่นนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวหรือไม่ นพ.วินัยกล่าวว่า ไม่ทราบ ขอดูรายละเอียดคำสั่งก่อน

 

@ ผอ.รพ.สงขลาตกใจ-คาดปมจัดซื้อ

ขณะที่ นพ.ปรีชากล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าถูกย้ายเพราะฐานความผิดประการใด ส่วนตัวมองว่าอาจมาจากการที่ถูก สตง.ทักท้วงเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง แต่ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ รวมทั้งเรื่องที่มีคนไปร้องเรื่องกองทุนของโรงพยาบาลที่ดำเนินการเรื่องการผ่าตัดคลอดหน้าท้อง โดยไม่มีข้อบ่งชี้ ซึ่งโดยหลักจะเบิกจ่ายไม่ได้ โรงพยาบาลจึงใช้วิธีร่วมจ่ายระหว่างโรงพยาบาลและผู้ป่วย แต่ก็มีคนไปร้องว่าอาจไม่โปร่งใส จึงไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ 

"ผมรู้สึกตกใจเหมือนกันว่า อยู่ๆ ถูกย้าย และไม่ทราบสาเหตุชัดเจน แต่คงทำอะไรมากไม่ได้ เบื้องต้นขอดูรายละเอียดและรอคำสั่งจากรัฐมนตรีว่าการ สธ.ว่าจะให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างไรต่อไป" นพ.ปรีชากล่าว

ผู้สื่อข่าวติดต่อขอสัมภาษณ์ นพ.สุใหญ่ แต่ นพ.สุใหญ่บอกว่าไม่สะดวก เนื่องจากติดภารกิจอยู่ แต่เมื่อติดต่อไปอีกครั้งไม่สามารถติดต่อได้ 

 

@ นายกเล็กประจวบปมรถดับเพลิง

นายเกรียงไกร ไกรทอง นายกเทศมนตรีเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการและไม่ทราบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ช่วงเวลากว่า 2 ปีที่ดำรงตำแหน่งก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมาจากโครงการซื้อรถดับเพลิงของเทศบาล วงเงิน 30 ล้านบาท ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ ซึ่งตนเป็นคนตรวจรับงาน ต่อมา สตง.สั่งระงับการใช้งานไว้ก่อน รวมทั้งจังหวัดตั้งกรรมการสอบข้อเท้จจริงแล้ว ยังไม่ทราบผลสอบสวน อย่างไรก็ตามตนไม่หนักใจ เนื่องจากไม่ได้ทุจริตและพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช. ส่วนจะได้กลับมาหรือไม่เป็นเรื่องของอนาคต

นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ กล่าวว่า เคารพในคำสั่ง คสช. ส่วนข้อกล่าวหาจะเป็นเรื่องอะไรคงต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง แต่ขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาในการทำหน้าที่ทำด้วยใจบริสุทธิ์ เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความสุข ยืนยันว่าทุกข้อกล่าวหาสามารถชี้แจงได้ 

 

@ นายกอบจ.นครพนมยันพัฒนาต่อ

นายสมชอบ นิติพจน์ นายก อบจ.นครพนม กล่าวว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าจะถูกระงับการปฏิบัติราชการชั่วคราว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีความผิดเกี่ยวกับการทำงานอาจมีปัญหาข้อร้องเรียนทั่วไปถือเป็นธรรมดาในการทำงานพัฒนาท้องถิ่น รวมถึงปัญหาการเมืองบ้าง มั่นใจในการทำงานของตนสุจริต ตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตามเมื่อมีคำสั่งออกมา ต้องปฏิบัติตาม พร้อมสู้ตามกระบวนการทุกขั้นตอน จะเดินหน้าพัฒนาท้องถิ่นต่อเนื่อง เพราะคำสั่งยังคงไว้ตำแหน่งไว้ แต่ให้หยุดปฏิบัติราชการ ขอฝากทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ว่า เป็นการสั่งพักการทำงานชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้พ้นตำแหน่ง 

ด้านนายธงชัย ดอกไม้ นายก อบต. ดอนเมย อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ กล่าวว่า คำสั่งที่ออกมาเร็วมากจนตั้งตัวไม่ติด คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างถนนจาก อบต.ดอนเมยไปยังบ้านก่อ ระยะทาง 5 กิโลเมตร งบประมาณ 10 ล้านบาท เป็นทางลาดยาง ทำตามความเรียกร้องของชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนในการเดินทางเข้าตัวเมือง และเด็กนักเรียนได้ใช้เส้นทางนี้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามีคำสั่งฟ้าผ่าจาก คสช.ให้หยุดทำงาน แต่รับรองว่าตนไม่มีความผิดในการก่อสร้างถนนเส้นดังกล่าว ทราบจะมีชาวบ้านรวมตัวหน้าศาลากลางจังหวัดเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตน

นายสนิท วรกิจ นายก อบต.ท้ายเหมือง จ.พังงา กล่าวว่า สาเหตุที่ถูกสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่นั้น ตนไม่ทราบ คาดว่าเป็นเรื่องการกำหนดราคากลางเสาไฟฟ้า ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนมาตลอด เรื่องนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว

 

@ ป.ป.ช.อายัดทอง"สาธิต"ค่า179 ล.

วันเดียวกัน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวว่า ป.ป.ช.อายัดทองคำมูลค่า 600 ล้านบาทของนายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ว่าเป็นคดีที่นายสาธิตถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโกงเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม 4.3 พันล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการฯชุดดังกล่าวมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของนายสาธิตเป็นทองคำมูลค่า 179 ล้านบาท โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยทองคำและทรัพย์สินอื่นๆ อยู่ระหว่างตรวจสอบของคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีร่ำรวยผิดปกติ ที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ปปช. เป็นประธาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสาธิตเป็นอธิบดีกรมสรรพากรช่วงเกิดกรณีทุจริตการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 4.3 พันล้านบาท โดยคณะอนุกรรมการไต่สวนฯที่มีนายภักดีเป็นประธาน มีมติแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหาไปแล้ว และเตรียมสรุปคดีเพื่อส่งให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงมติชี้มูลเร็วๆ นี้ ส่วนการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินนั้น จะมีคณะอนุกรรมการไต่สวนฯที่มี น.ส.สุภาเป็นประธานอนุกรรมการฯ เข้าไปตรวจสอบอีกกรณีหนึ่ง