- Details
- Category: การเมือง
- Published: Monday, 22 June 2015 11:26
- Hits: 5150
พท.พรึบอวยพร วันเกิดปู ลั่นไม่คิดหนีคดี กมธ.ยอมแก้ไข ตัดโอเพ่นลิสต์ กลุ่มการเมือง สนช.โวคนอุดร เชียร์'ตู่'อยู่ 10 ปี
'ปู' ทำบุญวันเกิด ปล่อยนก 3,000 ตัว ชาวบ้านตะโกนให้ได้รับอิสรภาพเหมือนนกที่ปล่อย ลั่นไม่หนีไปไหน ขอให้เมืองไทยมีแต่รอยยิ้ม แห่กดไลก์อวยพรทะลุ 3 แสน รมต.สุวพันธุ์ ยอมรับยังมีกลุ่มเห็นต่างจ้องป่วน ชี้คนปล่อยข่าวใช้นามแฝงจึงจับตัวยาก สั่งจับตาพิเศษ 24 มิ.ย.วันครบรอบปชต.ไทย 83 ปี ไก่อูวอนน.ศ.กลุ่มดาวดินทำตามกฎหมาย สปช.ป้อง 'บวรศักดิ์' ไม่ต้องขอโทษม็อบเสื้อแดง ชี้เจตนาดี หวังฉายภาพความเหลื่อมล้ำ เสธ.อู้ แจงปรับสัดส่วนส.ส. ตัดโอเพ่นลิสต์และกลุ่มการเมือง หวังเอาใจพรรคการเมือง ด้านวันชัย เชื่อปรับแก้อย่างไรก็ถูกโหวตคว่ำแน่ 'สมบัติ'จวกกมธ. คงนายกฯคนนอกถอยหลังสู่รธน.ปี 2511 ไม่เป็นประชาธิปไตย สนช.ลุยพื้นที่แดงอุดรธานี'พีระศักดิ์'เผยไร้ป่วน มีแต่กระแสหนุนรัฐบาล'บิ๊กตู่'อยู่ยาว 10 ปี ชวนดูรายการคืนความสุข
22 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8972 ข่าวสดรายวัน
วันเกิด 48 ปี - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมครอบครัว ทำบุญ เนื่องในวันเกิดครบ 48 ปี ที่วัดแสนสุข ย่านมีนบุรี โดยมีอดีตรัฐมนตรี ส.ส.พรรคเพื่อไทย และประชาชน ไปให้กำลังใจ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.
'ปู'ทำบุญวันเกิด-ลั่นไม่หนีไปไหน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 มิ.ย. ที่อุโบสถวัดแสนสุข เขตมีนบุรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมนายอนุสรณ์ อมรฉัตร และด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย และแกนนำพรรคเพื่อไทยและอดีตส.ส. อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล นายวิชาญ มีนชัยนันท์ นายการุณ โหสกุล ร่วมทำบุญถวายภัตตา หารเพลแด่พระสงฆ์ 9 รูป และถวายสังฆทานเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 48 ปี โดยมีพระครูโกศลวิมลกิจ เจ้าคณะเขตมีนบุรี เจ้าอาวาสวัดแสนสุข เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
ทั้งนี้ ระหว่างสนทนา พระครูโกศลวิมลกิจ เชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ร่วมเฉลิมฉลองที่วัดได้รับความเห็นชอบเป็นวัดอารามหลวงด้วย โดยกระเซ้าว่าอย่าหนีไปไหนก่อน ซึ่งน.ส. ยิ่งลักษณ์ ยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่หนีไปไหนแน่นอน และพร้อมมาร่วมเฉลิมฉลองด้วย
จากนั้นพระครูโกศลวิมลกิจ พร้อมพระสงฆ์ ร่วมกันสวดพระปริยัติและให้พร ประ พรมน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลแก่น.ส.ยิ่งลักษณ์และครอบครัว พร้อมมอบพระพุทธรูปจำลองหลวงพ่อแสนสุข ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว ก่อนจะอวยพรให้มีอายุยืนยาว มีความสุขตลอดชีวิต ปราศจาคโรคภัยและอุปสรรคต่างๆ และขอให้ความทุกข์ทั้งมวลไหลลงสู่คลองแสนแสบเพื่อให้ห่างไกลและไม่ไหลย้อนกลับมา และขอให้ได้กลับมาเพื่อพัฒนาประเทศชาติสืบต่อไป
ชาวบ้านแห่อวยพรให้มีอิสรภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่ง พระครูโกศลวิมลกิจ กล่าวถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า ยังระลึกถึงพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ก่อนที่ยังไม่เข้ามา ชาวบ้านต้องปีนกำแพงเอายามาให้พระ แต่พอพ.ต.ท.ทักษิณมา ชาวบ้านไม่ต้องปีนกำแพงแล้ว ชาวบ้านมีช่องทางรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมครอบครัว มาถึงวัดแสนสุข ด้วยรถตู้โฟล์กสีเทา ทะเบียน ฮพ 3621 กรุงเทพ มหานคร สมาชิกพรรคและประชาชนละแวกใกล้เคียงที่ทราบข่าวได้มาต้อนรับและส่ง เสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์อย่างกึกก้อง พร้อมมอบดอกไม้และให้กำลังใจตลอดทาง และก่อนเดินทางกลับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปล่อยนก 3,000 ตัว เพื่อเป็นสิริมงคล โดยชาวบ้านได้ตะโกนว่า ขอให้มีอิสรภาพเหมือนนกที่ถูกปล่อยในวันนี้
ทั้งนี้ บริเวณหน้าโบสถ์ มีการตั้งโต๊ะให้ประชาชนร่วมอวยพรวันเกิด และจัดโครงการ Yingluck forever ให้ประชาชนที่ชื่นชอบการปลูกต้นไไม้ นำไปปลูกที่บ้านพร้อมติดรูปน.ส.ยิ่งลักษณ์ และถ่ายรูปลงเฟซบุ๊ก ยิ่งลักษณ์ ให้ได้ยอดกดไลก์ที่ 5 ล้าน ซึ่งปัจจุบันมียอดอยู่ที่ 3 ล้าน โดยจะสุ่มรายชื่อผู้โชคดีที่เข้าร่วมกิจกรรม แจกของที่ระลึก อาทิ หนังสือคิดอย่างยิ่งลักษณ์ ส่วนนักเสี่ยงโชคยังให้ความสนใจจดและถ่ายเลขทะเบียนรถโฟล์กของอดีตนายกฯ เพื่อนำไปเสี่ยงโชค
ขอใช้ชีวิตราษฎรเต็มขั้น
เวลา 11.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า พรที่อยากได้ในวันเกิดปีนี้คืออยากได้รอยยิ้ม ความอบอุ่นและความรักจากทุกคน อยากเห็นบรรยากาศนี้ในประเทศไทย เราอยากเห็นความรักความอบอุ่น ซึ่งประเทศ ไทยขึ้นชื่อเป็นสยามเมืองยิ้ม มีความรักความอบอุ่น ให้อภัยซึ่งกันและกัน ถ้าเราได้บรรยากาศนี้กลับมา คงทำให้คนไทยทุกคนมีความสุข ขอให้พี่น้องชาวไทยมีความสุขด้วยเช่นกัน
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ทุกวันนี้ไม่ได้ทำงานการเมือง กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ถือว่าดี ซึ่งช่วงดำรงตำแหน่งมีภาระที่ต้องดูแลประชาชนมาก สมองตื่นตลอดเวลา แต่วันนี้ให้เวลากับตัวเองและครอบครัว พักผ่อนบ้าง เจอเพื่อนฝูงเก่าๆ ที่ไม่ค่อยมีเวลาเจอกันและออกกำลังกายบ้าง ก็ถือว่าดี เมื่อถามว่ายังติดตามสถานการณ์บ้านเมืองหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ในฐานะคนไทยคนหนึ่งติดตามข่าวสารทุกประเภทอยู่แล้ว ส่วนบทบาทด้านสังคมคงยัง ตอนนี้ขอให้เวลากับครอบครัวก่อน มีเวลาก็ทำบุญ พบเพื่อนฝูง ใช้ชีวิตปกติ วันนี้เรียกว่ากลับมาเป็นราษฎรเต็มขั้น ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติมีความสุขดี
เผยยอดไลก์-อวยพรทะลุ3แสนคน
ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้อวยพรอะไรหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ได้โทรศัพท์มาหาวันที่ 20 มิ.ย. แต่วันนี้คงโทร.มาอีก มาอวยพรวันคล้ายวันเกิด แต่ช่วงเช้ารีบมาทำบุญที่วัดแสนสุข ยังไม่ได้คุยกัน ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญและคดีของตนเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีแฟนเพจเข้าไปกดไลก์และร่วมอวยพรวันเกิด กว่า 3 แสนคน
สมชายยันพท.ไม่ทิ้ง"ปู"
จากนั้นเวลา 12.30 น. ที่โรงแรมเซ็น ทารา วอเตอร์เกต ประตูน้ำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มารับประทานอาหารกลางวันกับครอบครัว อดีตรัฐมนตรี แกนนำและอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยก่อนเริ่มงาน มีการเปิดคลิปวิดีโอประกอบเพลง "เพลงของเธอ" ประมวลภาพในตำแหน่งนายกฯของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงกับน้ำตาคลอ
จากนั้นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีต นายกฯ เป็นตัวแทนกล่าวอวยพรว่า วันนี้เป็นวันดีเราจะพูดแต่สิ่งที่ดีและสวยงาม แม้วันข้างหน้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เราทุกคนจะเป็นกำลังใจให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่ทอดทิ้งกัน แต่ต้องถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าจะทอดทิ้งเราหรือไม่ ซึ่งยังมีอีกหลายคนไม่ได้มาที่นี่ แต่มีความปรารถนาดีต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงขอให้ช่วยนำเจตนารมณ์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่จะทำให้บ้านเมืองนี้เดินไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าผู้ใดจะเข้ามาบริหารก็ตาม ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความสุขมากถ้าเห็นประชาชนมีความสุข ส่วนใครที่ไม่รักไม่ชอบเราก็ไม่ว่า เพียงแต่เราต้องการความถูกต้องและยุติธรรม เพื่อให้บ้านเมืองสวยงามน่าอยู่กว่านี้ เพราะตอนนี้บ้านเมืองไม่ค่อยน่าอยู่เท่าไร
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตอนแรกคิดว่าจะจัดเลี้ยงทำบุญแบบเรียบง่าย แม้อายุเราจะก้าวมากขึ้น แต่ความรู้สึกรักและผูกพันกับทุกคนยังมีเหมือนเดิม ทุกคนทำให้วันเกิดปีนี้มีความหมาย เป็นกำลังใจทำให้ตนมีความสุขมาก หากถามว่าอยากได้อะไรในวันเกิด ตนอยากได้เพียงรอยยิ้ม ความอบอุ่นที่มีให้กันตลอดไป และขอให้คนไทยมีแต่ความสุขและพบแต่สิ่งที่ดีๆ มีความรัก ความเมตตา และให้อภัยกัน ถือความสุขอย่างยั่งยืน
"จตุพร"เชื่อยิ่งลักษณ์รอดคุก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ร่วมงานได้มอบของขวัญโดยแบ่งเป็นภาค เริ่มจากภาคเหนือ นำโดยนายวราเทพ รัตนากร และนายสามารถ แก้วมีชัย ภาคอีสาน นำโดยพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก นายภูมิ สาระผล และนพ.เชิดชัย ตันติสิรินทร์ จากนั้น ภาคกลางและภาคใต้พร้อมกัน นำโดยนายอุดมเดช รัตนเสถียร และนายวันมูหะมัด นอร์ มะทา ตามด้วยอดีตส.ส.หญิง และเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ทั้งนี้ อดีตส.ส.หญิงร่วมกันร้องเพลงเธอผู้ไม่แพ้ และเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ พร้อมอวยพรน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคำเมือง ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้แหล่อวยพรวันเกิดให้ด้วย
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า ในนามตัวแทนประชาชน เชื่อว่าเวลาอันใกล้นี้เราจะมีความสุข และเชื่อว่าอดีตนายกฯ จะมีอนาคตที่ยาวไกล น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่มีทางติดคุก เพราะไม่เคยคิดหนี ทั้งที่เขาคิดว่าจะหนี แต่เมื่อไม่หนี ก็ไม่มีอะไรมาทำร้ายได้ และไม่มีคุกใดที่จะรับคนชื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะไม่แข็งแรงพอ คุกแตกแน่นอน ประชาชนจะไม่มีทางยอม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้มาจากการเมือง ทั้งสิ้น ดังนั้นประชาชนจะเป็นผู้ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์รอดพ้นได้
"ผมเชื่อว่าอีกไม่กี่วันจะสว่างไสวและกลับมายิ่งใหญ่เช่นเดิม อดีตนายกฯ เคย ยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่จะเล็กกว่าเมื่อได้เป็น นายกฯ ครั้งต่อไป เพราะประชาชนทุกคนจะยืนหยัดอยู่เคียงข้าง วันนี้ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย นปช. หรือประชาชน เราจะเป็นคนที่มีหัวใจเดียวกัน และอยู่เคียงข้างกันตลอดไป" นายจตุพรกล่าว
ป.ป.ช.เตือนครม.ปูรับทราบข้อหา
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีอนุกรรมการไต่สวนมีมติแจ้งข้อกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และอดีตรัฐมนตรี รวม 34 ราย กรณีดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2548-2553 โดยมิชอบว่า ป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือถึงผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทุกราย เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาตั้งแต่วันที่ 9-30 มิ.ย. โดยแจ้งทั้ง 34 ราย ทยอยมารับทราบข้อกล่าวหาตามกรอบที่กำหนด คือวันที่ 23, 25, 29, 30 มิ.ย.นี้ แต่จนถึงขณะนี้นอกจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ขอเลื่อนแล้ว ยังไม่มีผู้ใดติดต่อประสานป.ป.ช. เพื่อขอเลื่อนวันเข้ารับทราบข้อกล่าวหา จึงรอให้ทุกคนมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่กำหนดไว้
นายสรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่มอบทนายความให้ส่งหนังสือเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว มีเพียงรายเดียวคือ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ส่วนผู้ที่จะต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่มีการประสานงานใดๆ มาที่ป.ป.ช. ได้แก่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีต รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ แต่เชื่อว่าทั้งหมดจะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาทันตามกรอบวันที่ 30 มิ.ย.นี้
ยิ่งลักษณ์ แจ้งเลื่อนมาวันสุดท้าย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกำหนดนัดให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้ารายงานตัว ดังนี้ วันที่ 23 มิ.ย. ได้แก่ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมว.กลาโหม นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีตรมช.คลัง นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีตรมช.คลัง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายธีระ วงศ์สมุทร อดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์
ส่วนวันที่ 25 มิ.ย. ได้แก่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรมช.เกษตรฯ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรมว.คมนาคม พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรมช.คมนาคม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรมช.คมนาคม นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีตรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ อดีตรมว.พลังงาน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรองนายกฯ นางนลินี ทวีสิน อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ
วันที่ 29 มิ.ย. ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ อดีตรมช.พาณิชย์ นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ อดีตรมช.มหาดไทย นายฐานิสร์ เทียนทอง อดีตรมช.มหาดไทย พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก อดีตรมว.ยุติธรรม นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีตรมว.แรงงาน นางสุกุมล คุณปลื้ม อดีตรมว.วัฒนธรรม
วันที่ 30 มิ.ย. ได้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมว.ศึกษาธิการ นายศักดา คงเพชร อดีตรมช.ศึกษาธิการ นายวิทยา บุรณศิริ อดีตรมว.สาธารณสุข นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ อดีตรมช.สาธารณสุข และม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ อดีตรมว.อุตสาหกรรม
รัฐสั่งจับตากลุ่มป่วน 24 มิ.ย.นี้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีบางกลุ่ม มีการเตรียมเคลื่อนไหวทางการเมืองใน วันที่ 24 มิ.ย.นี้ ซึ่งถือเป็นวันครบรอบประชาธิปไตยไทย 83 ปีว่า มีกลุ่มเห็นต่างบางกลุ่มเตรียมทำกิจกรรมเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของเขา ซึ่งเขาคงเห็นว่าเป็นโอกาส รัฐบาลก็ต้องทำความเข้าใจและอธิบายให้เข้าใจว่าการเคลื่อนไหวนั้นต้องอยู่ในกรอบ เพราะต้องเข้าใจด้วยว่าสถานการณ์ขณะนี้มันเป็นสถานการณ์พิเศษ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป้าหมายเพื่อให้เกิดการกระทบกระทั่งกันเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่บางฝ่ายต้องการให้กระทบ แต่ต้องพยายามให้ทุกอย่างอยู่ในกรอบ แล้วนำพลังนั้นมาใช้ในทางที่ถูกต้อง
จับยาก-คนปล่อยข่าวใช้นามแฝง
เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวในต่างประเทศ ล่าสุดมีการปล่อยข่าวปฏิวัติซ้อนเข้ามา นายสุวพันธุ์กล่าวว่า สิ่งที่ตนเห็นตอนนี้ คิดว่ามีขบวนการสร้างความหวาดระแวงและแตกแยกขึ้นในรัฐบาล และในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งตนก็โดนเขียนในโซเชี่ยลมีเดีย เขียนในเรื่องที่ไม่จริงเลย ทำให้เกิดแตกแยก มีขบวนการที่ทำ ตั้งแต่คนคิดและปล่อยมาเป็นชั้นๆ 1-2-3-4 กระจายไป ซึ่งรัฐบาลรู้หมด แต่รู้ในนามแฝง ไม่ทราบว่าเป็นใคร บางอันเรารู้ว่ามาจากไหน แต่พิสูจน์ทราบตัวตนของนามแฝงนั้นไม่ได้ บางอันโชว์ว่ามาจากต่างประเทศ ซึ่งข้อความที่ปล่อยมาเหล่านั้นไม่ใช่ความจริงที่เกิดขึ้นเลย เป็นข้อความที่บิดเบือนแค่ให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งรัฐบาลต้องป้องกันและทำความเข้าใจกับสังคมไปพร้อมกัน
"กลุ่มเหล่านี้มีไม่มาก แต่กระจายตัวออกไป เพื่อสื่อถึงมวลชนของเขาให้เข้าใจไปอีกอย่างหนึ่ง ต้องการให้อีกกลุ่มหนึ่งตั้งคำถามว่าจะเกิดปฏิวัติซ้อนจริงหรือ อยู่ฝ่ายไหนกันแน่ เขาต้องการให้เกิดภาพเหล่านี้ขึ้น ผมบอกเป๊ะเลยไม่ได้ว่ามาจากตรงไหน แต่บอกได้ว่ามีคนคิดแล้วมีคนทำ ส่งมาแล้วกระจาย ออกไป เรื่องเหล่านี้เราตรวจสอบได้ แต่เขาใช้นามแฝงซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร อดีตนักการเมืองหรือไม่ เพราะเขาใช้นามแฝง ซึ่งรัฐบาลต้องป้องกัน สร้างความเข้าใจ บังคับใช้กฎหมาย ต้องทำหลายมิติไปด้วยกันโดยเครื่องมือที่เรามีอยู่" นายสุวพันธุ์กล่าว
ย้ำไม่ถึงขั้นเชือดไก่ให้ลิงดู
เมื่อถามว่าประเมินว่าน่าจะมีการปล่อยข่าวออกมาป่วนอีกหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ตอนนี้การเมืองเดินไปเข้มข้นมากขึ้น ส่วนที่กลุ่มเห็นต่างยังเคลื่อนไหวเพราะเขามั่นใจว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงได้ใช่หรือไม่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้เป็นการต่อสู้กันทางความคิด สู้กันในประเด็นการเมืองซึ่งเป็นเรื่องปกติ ต้องมีพรรครัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน ตอนนี้ก็เช่นกันที่ต้องมีรัฐบาล มีฝ่ายค้านคือกลุ่มที่เห็นต่าง เพียงแต่การต่อสู้ทางความคิด ต้องสู้แบบมีเหตุมีผล หรือแบบแฟร์เพลย์ ตามภาษาฟุตบอล
เมื่อถามว่าคิดว่าการปล่อยข่าวเช่นนี้จะปลุกความคิดคนขึ้นมาได้หรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า บอกแล้วว่าต้องต่อสู้กันทางความคิด และย้ำว่าเราต้องยืนอยู่บนความจริง เอาความจริงเข้าสู้ ถ้าต้องแพ้ด้วยความจริงก็ไม่รู้จะทำอย่างไร คงไม่ถึงกับเชือดไก่ให้ดู ทำงานไปตามเนื้อผ้า ต่อข้อถามว่ากลุ่มเห็นต่างยังสู้ถึงแม้รัฐบาลพยายามขอให้ต่างประเทศส่งตัวกลับประเทศไทยมาดำเนินคดี นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ต้องดูกัน เราเป็นฝ่ายรัฐ เราต้องอดทน ก็เย้วๆ กันไปมา มันเป็นเรื่องปกติ
ฝ่ายมั่นคงเจองานหนักจับตาทุกมิติ
เมื่อถามว่าขณะนี้ใครเป็นฝ่ายได้เปรียบ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า คิดว่ารัฐบาลนำ นำในเรื่องผลงานเพราะครม.ชุดนี้มีผลงานที่หาได้ยาก อาทิ การทำงานจริงจัง การขับเคลื่อนจริงจัง การติดตามงาน เอาจริงเอาจัง มีผลงานเชิงประจักษ์จำนวนมาก แก้ปัญหาหลายเรื่องแม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จงดงาม แต่มองย้อนไปก่อนวันที่ 22 พ.ค. 2557 ตนคิดว่าวันนี้ทุกคนมีความสุข มีความหวัง ภาพรวมประเทศดีขึ้น ดังนั้น รัฐบาลนี้ก้าวนำเขาอยู่หลายก้าว
ต่อข้อถามว่านอกจากกลุ่มที่เห็นต่างทางความคิดแล้ว มีกลุ่มที่คอยลงมือสร้างสถานการณ์ความรุนแรงหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า คนคิดอาจคิดได้ แต่จะทำหรือไม่ ฝ่ายความมั่นคงก็ทำงานหนักในเรื่องนี้ ดูหมดทุกมิติที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด มีความร่วมมือในการทำงานของหน่วยข่าวทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ โดยทำงานบนจุดยืนเดียวกันคือไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง
ไก่อูจี้นศ.ดาวดินอย่าปฏิเสธกม.
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเคลื่อนไหวในนามกลุ่มดาวดิน ไม่มารายงานตัวต่อผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.หลังครบกำหนด 15 วัน ของการเข้ารายงานตัวตามความผิดหลังฝ่าฝืนคำสั่งของคสช. ที่ 3/2558 ว่า รัฐบาลพยายามใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เน้นมาตรการทำความเข้าใจ เพราะเชื่อว่านักศึกษาเหล่านี้เป็นปัญญาชนของประเทศ แต่อยากให้เข้าใจสภาพบ้านเมืองขณะนี้ไม่ใช่เวลาปกติ หากอยากแสดงความเห็นก็มีเวทีให้อยู่
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า แต่สิ่งที่กลุ่มนักศึกษาทำอยู่ในขณะนี้ถูกต้องหรือไม่ เป็นการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการควบคุมอำนาจ ซึ่งขณะนี้เลยเวลาไปมากแล้ว รัฐบาลพยายามทำความเข้าใจ ทั้งตัวนักศึกษา ผู้ปกครองและอาจารย์ แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย หากคุยแล้วยังไม่เข้าใจ ปฏิเสธข้อกฎหมาย ประเทศเดินหน้าไม่ได้ ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงและตำรวจเป็นผู้ดูแล
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ส่วนวันที่ 24 มิ.ย. อาจมีบางกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวแสดงสัญลักษณ์ แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจะมีมาตรการรับมือได้อยู่ เชื่อว่าสังคมส่วนใหญ่เข้าใจรัฐบาลและเข้าใจสถาน การณ์ในประเทศไทย
หย่าศึกอีก - นายประภัตร โพธสุธน อดีตรมว.เกษตรฯ ช่วยชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี อีกครั้ง หลังมีปัญหาเกี่ยวกับการสูบน้ำจากคลองส่งน้ำมะขามเฒ่า นำไปเข้านา เนื่องจากปัญหาฝนแล้ง เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. |
แจงตัดกลุ่มการเมือง-โอเพ่นลิสต์
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงสาเหตุการปรับสัดส่วนบัญชีรายชื่อเหลือ 150 คน และให้ใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้งว่า เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเสนอขอแก้ไขจากทุกฝ่าย อีกทั้งยังไม่กระทบกับหลักการเดิมที่จะใช้วิธีนับคะแนนแบบสัดส่วนผสม ขณะที่การเลือกแบบโอเพ่นลิสต์ จะยังไม่นำมาใช้ และตัดทิ้งในส่วนของกลุ่มการเมืองด้วย เชื่อว่าการปรับแก้นี้จะทำให้พรรคสบายใจมากขึ้น เพราะจำนวน ส.ส.เขต 300 คน ไม่ต่างไปจากเดิมที่มี 375 คน ซึ่งทั้งหมดนี้คือการตกลงร่วมกันเบื้องต้นของกมธ.ยกร่างฯที่จะนำไปใช้เป็นหลักพิจารณาปรับแก้ไขเป็นรายมาตราตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.นี้ต่อไป
ป้อง"ปื๊ด"ไม่ได้หมิ่นม็อบแดง
พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เรียกร้องให้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ ออกมาขอโทษ หลังระบุมวลชนนปช.รับเงินมาชุมนุมว่า ตอบแทนไม่ได้แต่คงไม่ถึงขั้นนั้น ข้อความอย่างสั้นที่ปรากฏ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะเท่าที่ฟังคลิปเสียงขนาดยาว เข้าใจว่านายบวรศักดิ์ มีเจตนาบริสุทธิ์ ต้องการจะชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมอยู่มาก พร้อมยกตัวอย่างม็อบที่ออกมาชุมนุม เพื่อให้เห็นภาพว่าความเหลื่อมล้ำนี้คือหลักการสำคัญอย่างหนึ่ง ที่จะต้องมีบรรจุไว้ในร่างรัฐธรรมนูญด้วย
จวกนายกฯคนนอกไม่เป็นปชต.
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธาน กมธ.ปฏิรูปการเมือง ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงการปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญของกมธ.ยกร่างฯว่า ความจริงไม่อยากวิจารณ์ ต้องรอให้เห็นภาพรวมการแก้ไขก่อน จะบอกว่ารับได้หรือไม่ได้ แต่ล่าสุดที่ กมธ.ยกร่างฯ ให้แขวนประเด็นระบบเลือกตั้งแบบโอเพ่นลิสต์ไว้ โดยยังไม่ตัดออกไป แสดงว่ากมธ.ยกร่างฯ ยังมีแนวคิดอยากให้มีรัฐบาลผสมที่อ่อนแอ ไร้อำนาจมาบริหารประเทศ ถ้ายังคงไว้แบบนี้ จะไม่ช่วยการเดินหน้าปฏิรูปประเทศในอนาคต การแก้ปัญหาให้ประชาชนเป็นไปได้ยาก
นายสมบัติ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่มา นายกฯ ที่ยังคงเดิม ให้คนนอกมาเป็นนายกฯได้นั้น จะกลายเป็นการถอยหลังไปยังรัฐธรรมนูญปี 2511 ที่ไม่ยึดหลักประชาธิปไตย มีที่มาผู้นำฝ่ายบริหารที่ไม่ยึดโยงประชาชนอย่างแท้จริง เกิดปัญหาความไม่สมบูรณ์ขึ้นระหว่างสามเสาหลักประชาธิปไตย ส่วนกรณีมีกระแสโหวตคว่ำรัฐธรรมนูญจากสปช.นั้น เป็นความเห็นส่วนบุคคล ไม่ขอก้าวล่วง ต้องรอให้รัฐธรรมนูญแก้เรียบร้อยก่อน
วันชัยชี้ร่างรธน.ไม่ตรงใจสปช.
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสปช. กล่าวว่า ขณะนี้สปช.ซึ่งมีเวลาเหลืออีก 2 เดือนเศษ ในการทำภารกิจหลักคือการปฏิรูป จะต้องรีบทำให้เสร็จสิ้น และขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามการปรับแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อนำมาพิจารณาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในการลงมติ ซึ่งสมาชิกมีความเห็นต่อสิ่งที่กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญได้แถลงมาแล้ว ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เช่น ประเด็นที่มาของนายกฯ ที่กมธ.ยกร่างฯบอกว่าจะคงไว้ตามเดิม คืออาจมาจากคนนอกก็ได้ ถ้าส.ส.มีมติ 2 ใน 3 ซึ่งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยยังยืนยันต้องมาจากส.ส.เท่านั้น ก็เริ่มคัดค้าน ชูธงว่าไม่ยอมเช่นกัน จึงเริ่มชักชวนทั้งในสปช.และนอกสปช. ทั้งพรรคการเมืองออกมาคัดค้านประเด็นนี้ด้วยท่าทีแข็งขัน
นายวันชัยกล่าวว่า แม้แต่ประเด็นส.ส.ว่าจะให้มาจากเขต 300 สัดส่วน 150 กลับไปเป็นแบบเก่า กลุ่มที่ไม่เอาแบบนี้ ก็เริ่มออกตัวว่าไปๆ มาๆ สัดส่วน 150 ก็อยู่ในมือของหัวหน้าพรรค ไม่ใช่ตัวแทนของประชาชน บ้างก็ว่าควรจะมีแค่ 300 คน 300 เขตเท่านั้น ไม่ควรมีสัดส่วน บ้างว่าควรเป็นไปตามแบบร่างเดิมคือ สัดส่วนผสมและ โอเพ่นลิสต์ ทำให้พรรคไม่แข็งกร้าว ไม่ผูกขาด ร่างเดิมดีอยู่แล้วแก้ทำไม กลุ่มเหล่านี้เริ่มมีเสียงกระจัดกระจาย ขยายความไม่เห็นด้วยออกไปคนละทิศคนละทาง
อาการสาหัส-ส่อโหวตคว่ำ
นายวันชัยกล่าวว่า ส่วนที่มาส.ว. เห็นว่าจะให้มีสรรหาอย่างเดียว ลดอำนาจ ส.ว.ลง พวกที่เสนอให้เอาตามนี้ก็พอใจ แต่พวกเสนอให้เอาเลือกตั้งทั้งหมดก็ไม่พอใจ และพวกสปช.ต่างจังหวัดที่เสนอให้เอาแบบผสมทั้งเลือกตั้งและสรรหาตามร่างเดิม ก็ชักจะไม่พอใจเช่นกัน มีการแลกเปลี่ยนประชุมปรึกษาหารือวางแผนคัดค้านและจะไม่เอาด้วยต่อประเด็นที่แก้มา รวมทั้งเรื่องกกต. ก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะปรับแก้
"เฉพาะ 3-4 ประเด็นนี้ เริ่มเห็นปัญหาของคนที่ไม่เอาด้วย และยิ่งใกล้ๆ วันก็มีหลายประเด็นมากขึ้น มีคนแสดงความคิดเห็นแบบนี้มากขึ้น แล้วพุ่งเป้าว่าจะไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับนี้เพราะมีรอยตำหนิ มีข้อไม่ดี แม้แต่เรื่องเดียวมาตราเดียวก็จะไม่ยอมให้ผ่านไป ผมเชื่อว่าประเด็นปัญหาของรัฐธรรมนูญแต่ละเรื่องแต่ละมาตราจะมีคนชูจุดอ่อน จุดไม่ดีออกมามาก ทำให้สิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญถูกกลบไป ในที่สุดร่างนี้จะถูกบดบังไปด้วยรอยตำหนิและสิ่งไม่ดีต่างๆ อนาคตของรัฐธรรมนูญฉบับนี้คงอาการสาหัสเป็นแน่"นายวันชัยกล่าว
หนุนยุบสปช.ตั้งสภาขับเคลื่อน
นายวันชัยกล่าวถึงสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ทั้ง 200 คนว่า เป็นอำนาจของนายกฯจะพิจารณาคัดเลือกบุคคล เชื่อว่านอกจากมีความรู้ความสามารถ มุ่งมั่นตั้งใจ ตามที่คสช.ต้องการแล้ว ส่วนสำคัญที่สุดคือต้องทำงานร่วมกับรัฐบาลและคสช.ในทิศทางเดียวกันได้ เพื่อความเป็นเอกภาพในการเดินหน้าประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ผู้ใหญ่ใน คสช. คงพิจารณาการทำงานของ สปช.แล้วว่ามีข้อบกพร่องตรงจุดใดบ้าง แต่ยอมรับว่าขณะนี้สมาชิก สปช. มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยว่าควรยุบสปช.และตั้งใหม่ปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้น แต่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย เพราะ สปช.ยังมีเรื่องค้างคาให้สานต่ออีกหลายเรื่อง และบางคนยังสนุกกับการทำงาน อาจจะยังงงๆ ว่าต้องกลับบ้านแล้ว ส่วนฝ่ายที่เฉยๆแบบกลางๆ ก็มีเช่นกัน
"ผมเห็นด้วยที่ยุบแล้วตั้งสภาขับเคลื่อนฯขึ้น เพื่อสานต่อแนวทางตามที่รัฐบาลและคสช.ต้องการ เพื่อให้เดินหน้าประเทศในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่เอาคนจากร้อยพ่อพันธุ์แม่ คนละทิศคนละทางมา งานก็ไม่เป็นเอกภาพ ที่ผ่านมา สปช.บางส่วนทำงานเป็นรูปแบบการเมืองมากเกินไป และบางคนขยัน บางคนขี้เกียจ ไม่กระตือรือร้น ทำให้เสียเวลาปฏิรูปประเทศ ยุบได้จึงดีที่สุด เพราะถ้าดีเขาจะยุบทำไม" นายวันชัยกล่าว
นายวันชัย กล่าวว่า เรื่องโควตาคงไม่มีแน่นอน เพราะอำนาจตัดสินใจอยู่ที่นายกฯ จะเลือกสปช.หรือไม่เลือกใครเลยก็ได้ หรือเลือกคนใหม่ทั้งหมดก็ได้เช่นกัน เชื่อว่านายกฯคงมีหลักเกณฑ์ในใจแล้ว พิจารณาจากผลงานของคสช. ตนไม่อยากให้สปช.คิดว่าตำแหน่งดังกล่าวต้องเป็นเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทนกัน อยากให้มองว่าเป็นตำแหน่งสำหรับคนที่จะทำงานได้อย่างแท้จริงมากกว่า
ชี้คุณสมบัติต้องสนองงานคสช.
นายอมร วาณิชวิวัฒน์ สมาชิกสปช. กล่าวว่า เชื่อว่านายกฯจะมีบุคคลในใจแล้วที่จะเลือกมาเป็นสภาขับเคลื่อนฯ ส่วนตัวเห็นว่าคนที่เก่งและมีความสามารถคงไม่สำคัญเท่ากับคนที่เหมาะสม เพราะคุณสมบัติสำคัญที่รัฐบาลและคสช.ต้องการ จะต้องสนองนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเดินตามโรดแม็ปที่วางไว้ในทิศทางเดียวกัน คงไม่ใช่คนที่มีแนวทางโลดโผน แต่จะต้องเป็นคนที่อยู่ในกรอบคุณสมบัติที่วางไว้
เมื่อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการยุบสปช.และตั้งสภาขับเคลื่อนฯแทน นายอมร กล่าวว่า ทุกเรื่องต้องประเมินผล เมื่อผู้ใหญ่เห็นว่าการทำงานมีปัญหาก็ต้องปรับเปลี่ยน ซึ่งรัฐบาลทำได้ตามความเหมาะสมอยู่แล้ว เพื่อให้งานปฏิรูปประเทศเดินหน้าต่อไปได้
เมื่อถามว่าน้อยใจหรือไม่ หากไม่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ นายอมร กล่าวว่า ถือว่าการดำเนินงานของเราบรรลุเป้าหมายแล้วในการร่างวาระการปฏิรูปเพื่อให้คนรุ่นต่อไปสานงานต่อ ส่วนตัวก็ยอมรับและเชื่อว่าสมาชิก สปช.ทุกคนรู้จุดยืนของตัวเองดี
ไพบูลย์ชงลดอายุสภาขับเคลื่อน
นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิก สปช.และ กมธ.ยกร่างฯ กล่าวถึง สปช.เสนอไม่ต้องตั้งคำถามประชามติควบคู่กับร่างรัฐธรรมนูญว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของสมาชิก สปช.บางราย ตนยืนยันว่าต้องดำเนินการตามที่ประชาชนเข้าชื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่ขึ้นอยู่กับตัวร่างรัฐรรรมนูญรายมาตรา 308-309 ของบทเฉพาะกาลจะเขียนไว้อย่างไร ให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือไม่ ระยะเวลาเท่าไร หากมีเขียนไว้แล้วตนก็จะไม่เสนอคำถามประชามติให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้งอีก แต่หากในตัวร่างไม่มีเขียนไว้ แล้วถ้า สปช.ลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญตนจะเสนอให้ทำประชามติในหัวข้อดังกล่าว
"ผมจะเสนอต่อ กมธ.ยกร่างฯ ให้กำหนดบทบัญญัติในบทเฉพาะกาลว่าให้สภาขับเคลื่อนฯ อยู่ทำหน้าที่ปฏิรูปต่อไปอีกไม่เกิน 3 ปี และให้ยุบสภาขับเคลื่อนฯ ทิ้งเมื่อครบกำหนด ต่างจากตัวร่างเดิมที่ให้สภาขับเคลื่อนฯ มีอายุ 5 ปี แต่ผมไม่เห็นด้วยที่จะให้สภาขับเคลื่อนฯ มีวาระทับซ้อนกับรัฐบาล และรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ขึ้นอยู่กับ กมธ.ยกร่างฯ จะเห็นด้วยหรือไม่ แต่หากบทเฉพาะกาลกำหนดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เมื่อร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติผมจะเสนอหัวข้อประชามติให้ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งตามข้อเรียกร้องของประชาชาน" นายไพบูลย์กล่าว
สนช.วอนชาวบ้านฟังรายการ"ตู่"
เมื่อเวลา 09.00 น. สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นำโดยนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธาน กมธ.พลังงาน พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร ประธาน กมธ.พาณิชย์ การอุตสาหกรรมและการแรงงาน พล.อ.อ. อาคม กาญจนหิรัญ นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน ลงพื้นที่ที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี เพื่อพบปะประชาชน ตามโครงการ สนช.พบประชาชน จ.อุดรธานี และช่วงบ่ายได้พบปะประชาชนเพื่อรับฟังปัญหา ที่โรงแรมนภาลัย จ.อุดรธานี
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า คสช.ยึดอำนาจเพราะต้องการลดความขัดแย้ง ซึ่งในพื้นที่ จ.อุดรธานี มีความสำคัญ อยากให้ทุกฝ่ายลดการปะทะเพื่อให้เกิดปรองดอง ร่วมมือกันทำงานให้ประเทศชาติ ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ไม่มีส.ส.และส.ว.ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาล จึงอยากให้ช่วยกันฟังรายการคืนความสุข ที่นายกฯ ต้องการสื่อสารว่าได้ดำเนินการอะไรไปแล้ว โดยโครงการ สนช.พบประชาชน ถือเป็นช่องทางหนึ่งที่เราจะนำปัญหาของประชาชนสื่อไปถึงรัฐบาล
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า บรรยากาศการพบปะไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย ทั้งที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นพื้นที่เสื้อแดง ซึ่งอาจจะมีการต่อต้านแต่ปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่แสดงความเห็นสนับสนุนให้รัฐบาลอยู่บริหารราชการแผ่นดินต่อไป บางคนอยากให้อยู่ถึง 10 ปี และชื่นชมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น
เชื่อสปช.คว่ำแน่หากไม่มีแก้ไข
เมื่อถามถึงกรณีระบุรัฐบาลจะอยู่ยาวถึงปี 2560 รองประธาน สนช.คนที่ 2 กล่าวว่า พิจารณาจากโรดแม็ปคิดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปอาจมีขึ้นในปลายปี 2559 และจะมีรับรองผลเลือกตั้งก็ใช้เวลา 1 เดือน รวมทั้งการเปิดประชุมนัดแรก และตั้งรัฐบาลได้ก็ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้ยังเป็นรัฐบาลรักษาการเพื่อรอส่งให้รัฐบาลต่อไป อย่างไรก็ตาม หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติรัฐบาลก็ต้องอยู่ต่ออีก 180 วัน เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่
เมื่อถามว่ามี สปช.บางส่วนระบุจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ นายพีระศักดิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว ไม่ว่า สปช.จะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ สปช.ก็สิ้นสุดวาระลง แต่ต้องรอดูร่างรัฐธรรมนูญของ กมธ.ยกร่างฯ ว่าจะมีการแก้ไขอย่างไร เป็นไปตามที่เสนอหรือไม่ หากเสนอขอแก้ 100 ประเด็น แต่ กมธ.ยกร่างฯ แก้เพียง 10 ประเด็น สปช.ก็คงไม่ให้ผ่านแน่
ถอน 248 อดีตสส.ตามข้อเท็จจริง
นายพีระศักดิ์กล่าวถึงการประชุม สนช.ในวันที่ 26 มิ.ย.เพื่อพิจารณาถอดถอนอดีตส.ส. 248 คน กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญปมที่มาส.ว.โดยมิชอบว่า ที่ประชุมจะพิจารณากำหนดกรอบเวลาประชุมเพื่อพิจารณากระบวนการถอดถอน เนื่องจากมีวาระและกฎหมายสำคัญต้องพิจารณาด้วย ซึ่งต้องดูความเหมาะสมเพื่อกำหนดขั้นตอนต่างๆ ส่วนที่อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยมองว่าการเดินหน้าถอดถอนจะส่งผลต่อความปรองดองนั้น ตนคิดว่ากระบวนการเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.แล้ว ต้องเดินหน้าไปตามข้อเท็จจริง ซึ่ง สนช.จะไม่ทำตามกระแสสังคม
กกต.ย้ำวันลงประชามติ 10 ม.ค.
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่จะเลือกตั้งแบบโอเพ่นลิสต์กับการลงคะแนนเลือกตั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์ว่า อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีก 10 ปี เนื่องจากเครื่องลงคะแนนแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ กกต.มีอยู่ขณะนี้ไม่สอดรับกับระบบโอเพ่นลิสต์ จึงต้องใช้เวลาพอสมควร อีกทั้งต้องใช้งบประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท จัดซื้อเครื่องลงคะแนนแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่รองรับระบบโอเพ่นลิสต์ โดยคำนวณจากหน่วยเลือกตั้งในประเทศที่มี 100,000 หน่วย และแต่ละหน่วยต้องใช้ 4 เครื่อง ราคาเครื่องละ 10,000 บาท และอีก 10 ปีข้างหน้าไม่แน่ใจว่ารัฐธรรมนูญที่ร่างอยู่ขณะนี้จะปรับแก้หรือไม่
ส่วนที่นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. ระบุอาจต้องทำประชามติในเดือนก.พ.2559 นั้น นายสมชัยกล่าวว่า กกต.ยังยืนยันว่าสามารถจัดลงประชามติได้ภายในวันที่ 10 ม.ค.59 เช่นเดิม เพราะได้เตรียมสำรวจโรงพิมพ์ต่างๆ ไว้หมดแล้ว
นายสมชัยกล่าวถึงการตั้งคำถามประชามติว่า ขึ้นอยู่กับ สปช.และ สนช.จะมีมติตั้งคำถามหรือไม่ ในเชิงเทคนิคไม่ว่ามีกี่คำถาม กกต.จัดการได้ แต่ถ้ามีคำถามเพิ่มขึ้นก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามมา เช่น 1 คำถามอาจเสียค่าพิมพ์บัตร 50 ล้านบาท 2 คำถามก็ 100 ล้านบาท หาก 3 คำถามก็ใช้เงิน 150 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมค่าหีบบัตร และค่าอื่นๆ ที่ขึ้นตามมาด้วย
"ประภัตร"หย่าศึกสูบน้ำทำนา
วันที่ 21 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่คลองส่งน้ำ 8 ซ้าย มะขามเฒ่า อู่ทอง อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ชลประทาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและชาวบ้าน อ.สามชุก กว่า 100 คน รวมตัวกันเพื่อตกลงการจัดสรรน้ำในคลองมะขามเฒ่า อู่ทอง อีกรอบหลังมีปัญหาแย่งสูบน้ำจนเกลี้ยงคลอง โดยเจ้าหน้าที่ชลประทานนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 4 เครื่อง สูบน้ำให้ชาวบ้าน แต่ต้องเว้นพักเครื่องตัวละ 2 ชั่วโมงสลับกัน
นายประภัตร โพธสุธน อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้เชิญเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาชี้แจงชาวบ้านถึงปริมาณน้ำ และการสูบน้ำจากคลอง ซึ่งชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่ทหารจะร่วมกันดูแลการสูบน้ำทั้งหมด มีการจัดเวรยาม และตั้งกองทุนขึ้นเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายชาวบ้าน แบ่งเป็นค่าน้ำมันสูบน้ำในแต่ละคลอง อาหาร เครื่องดื่ม สิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ในช่วงที่ชาวบ้านเดือดร้อน พร้อมผลัดรอบเวรการสูบน้ำกันอย่างเคร่งครัดเพื่อให้พี่น้องปลายคลองได้น้ำด้วย
นายประภัตรกล่าวว่า ขอความร่วมมือตั้งแต่ จ.ชัยนาท อ.เดิมบางนางบวช จนถึงพื้นที่สามชุก ให้หยุดการสูบน้ำเพื่อให้น้ำไหลลงไปช่วยเหลือชาวนาตอนล่างบ้างตามรอบเวร เพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งทุกคนต้องเห็นใจว่าน้ำมีจำกัด ต้องแบ่งกัน ถ้าสูบน้ำมาจากต้นน้ำด้วยเครื่องสูบ 4 เครื่อง ได้น้ำ 5 คิวรับรองน้ำถึงปลายคลองแน่ๆ แต่ทุกคนต้องรักษากติกามารยาทด้วย จึงจะช่วยกันไปได้ทั้งหมด
นายประภัตร กล่าวว่า ตนทำงานการเมืองมากว่า 40 ปีไม่ว่าฝนแล้ง น้ำท่วม ข้าวราคาตก ตนเข้าไปหย่าศึกให้ชาวบ้านทุกครั้ง ครั้งนี้ชาวนาเดือดร้อนอย่างหนักเพราะไม่ได้ทำนามากว่า 7 เดือน ซึ่งทุกทีมีปัญหาเดียวคือน้ำ มีหลายคนเสนอให้ทำคลองขนาน ก็เป็นการแก้ปัญหาระดับหนึ่งแต่ตอนนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คลอง ปัญหาอยู่ที่ไม่มีน้ำ ตนคิดว่าผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั่งสั่งงานอยู่ในห้องแอร์ไม่รู้ว่าชาวนาเดือดร้อนอย่างไร ทุกวันนี้ทำได้อย่างเดียวคือขอความเห็นใจเท่านั้น ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจตัดสินใจได้ควรลงมาดูแลชาวนาบ้าง มาให้กำลังใจมาปลอบใจชาวนา อย่าปล่อยให้เขาโดดเดี่ยว
รบ.สั่งทีมไอซีเปิดแอพร้องทุกข์
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ศูนย์บริการประชาชน สำนักนายกฯ ร่วมกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง จัดให้บริการรับเรื่องร้องทุกข์สำหรับชาวต่างประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มเติมจากสายด่วนของตำรวจท่องเที่ยว โดยดำเนินการควบคู่กับหน่วยงานหลักที่ดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อสร้างความมั่นใจ ดูแลความปลอดภัยมากขึ้น
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า การร้องทุกข์แบ่งเป็น 2 กรณี กรณีเหตุด่วนเหตุฉุกเฉิน ให้ใช้ช่องทางสายด่วน 1155 ของกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว แต่หากเป็นกรณีร้องทุกข์ทั่วไปให้ใช้ช่องทางสายด่วนของรัฐบาล 1111 ซึ่งตั้งแต่เดือนมี.ค.มีชาวต่างประเทศร้องทุกข์ผ่านทั้ง 2 ช่องทางรวม 1,793 ราย เป็นเหตุฉุกเฉิน 1,734 ราย ร้องทุกข์ทั่วไป 59 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ 1,633 ราย รองลงมาคือ ชาวจีน 59 ราย
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า ที่ผ่านมาศูนย์บริการประชาชนฯ เป็นองค์กรกลางรับเรื่องร้องทุกข์ผ่านช่องทางต่างๆ ด้วยตัวเลขที่จดจำง่าย 1111 พร้อมด้วยทีมงานข้าราชการ พนักงานเกือบ 150 คน จัดทำระบบไอซีทีที่ทันสมัยสนับสนุนการดำเนินการ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน รวมถึงชาวต่างชาติ ในการร้องทุกข์ ทั้งโทรศัพท์ เว็บไซต์ จดหมาย จุดบริการ และคาดว่าภายใน 1-2 เดือนนี้รัฐบาลจะจัดทำแอพพลิเคชั่น "PSC1111" สำหรับโทรศัพท์มือถือ เพื่อเพิ่มช่องทางและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการร้องทุกข์มากขึ้น