002สยบลือ! คสช.แถลง-ไร้ปว.ซ้อน ยัน 3 เหล่าทัพยังรักกันดี 'วันชัย'จ่อคว่ำร่างรธน. หนุน'ตู่'อยู่ต่อ-ดีกว่ากมธ.

     โฆษกคสช.สยบข่าวลือปฏิวัติซ้อน ยันเหล่าทัพ-ทุกหน่วยราชการยังทำงานเป็นปึกแผ่น เผยคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายอาวุธ คสช.เป็นคำสั่งเดิมปี 57 เพียงแต่นำมาเตือนอีกรอบ ไม่เกี่ยวข่าวปฏิวัติหรือความเคลื่อนไหวการเมือง วิปสนช.เชิญ'วิษณุ เครืองาม'แจงประเด็น แก้รธน.ชั่วคราวในวันอังคารนี้ ก่อนเข้าที่ ประชุมสนช. 18 มิ.ย. ตั้งเป้า 3 วาระรวด แต่ไม่กำหนดกรอบเวลาอภิปราย ใช้วิธีลงมติขานชื่อรายตัว 'วันชัย สอนศิริ'ลั่นยอมคว่ำรธน.เพื่อหนุน'ประยุทธ์'อยู่ต่อ ดีกว่ายืดอายุกมธ.ยกร่างฯ ด้าน'ดิเรก ถึงฝั่ง' ซัด ถ้าทำอย่างนั้นถือว่าไม่เหมาะสม แต่ถ้ากมธ.ไม่ปรับแก้ตามที่เสนอก็ถูกคว่ำอยู่ดี อดีตส.ว.เผยรายงานเสื้อแดงติดอาวุธของ'สมชาย แสวงการ'ไม่เคยเข้าวุฒิสภา ไม่น่าเชื่อถือ ใช้ข้อมูลฝ่ายเดียว ญาติน้องเกดยกคดี 6 ศพวัดปทุมฯโต้ ชี้ข้อมูลต้องสอดคล้องข้อเท็จจริง

 

 

วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8964 ข่าวสดรายวัน

โฆษกคสช.โต้ข่าวปฏิวัติซ้อน

     เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และโฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีมีข่าว ใน โซเชี่ยลมีเดียถึงกระแสข่าวจะมีการปฏิวัติซ้อนว่า ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นการปล่อยข่าวที่ไม่สร้างสรรค์ และเชื่อว่า อาจเป็นความพยายามของคนบางกลุ่มที่ต้องการสร้างความสับสนในสังคมและเป็นกลุ่มคนไม่หวังดีกับประเทศ ปัจจุบันการทำงาน ของหน่วยงานราชการทั้งหมดและทุก เหล่าทัพ มีความสามัคคี และแน่นแฟ้น ทำงานสนองนโยบายของรัฐบาล และคสช. รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ดังนั้น สังคมอย่าให้ความสำคัญกับข่าวที่ไม่เป็นความจริง และระมัดระวังการบริโภคข่าวสาร ไตร่ตรองให้รอบคอบ และอย่าหลงเชื่อข้อความที่ไม่เป็นความจริง

 

ย้ำเป็นคำสั่งเดิมห้ามเคลื่อนย้ายอาวุธ

   พ.อ.วินธัยกล่าวถึงกรณีมีเอกสารของ กองทัพภาคที่ 2 ที่ถูกเผยแพร่อยู่ในโซเชี่ยลฯขณะนี้ว่า เป็นคำสั่งของคสช. ฉบับที่ 3/2558 เรื่องการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ กำหนดให้ข้าราชการทหาร อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการที่มีอาวุธ เพื่อใช้ในการราชการของหน่วย ห้ามเคลื่อนย้ายอาวุธโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้าคสช. และหากประสงค์จะเคลื่อนย้ายให้รายงานต่อแม่ทัพหรือกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยแต่ละกองทัพ ภายใน 15 วันเป็นอย่างน้อย ซึ่งเป็นคำสั่งที่ยังคงประกาศใช้และไม่ได้ยกเลิก แต่นำมาประกาศย้ำเตือนและส่งหนังสือเวียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เตือนให้หน่วยราชการทราบว่าให้คงปฏิบัติตามกฎระเบียบเดิม เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย 

"ไม่ได้สั่งห้าม หน่วยใดที่จะใช้อาวุธก็ให้รายงานกับหน่วยกองกำลังของคสช.ในพื้นที่ เพราะมีกรณีปืนหายของ อส. จึงต้องนำเรื่องนี้กลับมาพูดอีกครั้ง แต่ไม่ได้มีเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือกลุ่มทางการเมืองหรือจะมีเหตุการณ์ต่อต้านรัฐบาลหรือคสช."โฆษกคสช. กล่าว

 

เผยภาพ"ตู่"ย้ำขอเวลาอีกไม่นาน

     ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันเดียวกันนี้ ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี(พีมอค) ตึกไทยคู่ฟ้า ได้เผยแพร่ภาพพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จำนวน 3 ภาพ ภาพที่ 1 มีข้อความประกอบว่า "ขอแสดงความยินดีกับเหรียญทองทีมตะกร้อไทย สุดยอด... " ซึ่งเป็นภาพที่นายกฯยืนถ่ายภาพหมู่กับทีมตะกร้อชายไทยทั้งทีม ภาพที่ 2 เป็นภาพที่นายกฯประกอบภาพนักกีฬามวยทีมชาติไทยและนักกรีฑาชายทีมชาติไทย พร้อมสรุปเหรียญทองซึ่งประเทศไทยนำมาเป็นอันดับหนึ่ง มีข้อความว่า"นายกฯให้กำลังใจนักกีฬาทีมชาติไทย มีกำลังใจดี ขึ้นมาเป็นที่หนึ่งแล้ว" ส่วนภาพที่ 3 เป็นภาพที่นายกฯกำลังยืนโบกมือ มีข้อความว่า "เราจะทำตามสัญญา... ขอเวลาอีกไม่นาน.."

 

สนช.ลงมติขานชื่อแก้รธน.ชั่วคราว

     นายสมชาย แสวงการ เลขานุการ คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) กล่าวว่า ในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะเข้าชี้แจงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ในส่วนของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อที่ประชุมวิป สนช. ถึงเหตุผลของการแก้ไขในแต่ละมาตรา หากที่ประชุมวิป สนช.เห็นว่าประเด็นใดมีปัญหาก็จะชี้แจงให้นายวิษณุ รับทราบเช่นเดียวกัน ก่อนจะประชุม สนช. เพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวในวันที่ 18 มิ.ย.

นายสมชายกล่าวอีกว่า หากวิป สนช.เห็นว่าประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่มีปัญหา ก็จะพิจารณา 3 วาระรวดในการประชุม สนช.วันที่ 18 มิ.ย. โดยการลงมติรับหลักการในวาระแรก จะใช้วิธีขานชื่อลงมติเป็นรายบุคคลว่ารับหรือไม่รับหลักการ ก่อนเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 ตั้งกรรมาธิการ(กมธ.)เต็มสภา เปิดโอกาส ให้สมาชิกอภิปรายและเสนอประเด็นต่อครม.และคสช. อย่างเต็มที่ ซึ่งขึ้นอยู่กับครม.และ คสช.ว่าจะเห็นชอบประเด็น ที่ สนช.จะเสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ หากไม่เห็นชอบ ก็ถือว่าข้อเสนอนั้นตกไป จากนั้นที่ประชุม สนช.จะเข้าสู่การลงมติในวาระ ที่ 3 ต่อไป

 

วางแนวทางหากขอเพิ่มประเด็น

   นายสมชายกล่าวว่า การพิจารณาในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ไม่ได้กำหนดกรอบเวลา แต่หากบางมาตราในรัฐธรรมนูญ มีผู้ขออภิปรายจำนวนมาก ขึ้นอยู่กับประธานที่ประชุมว่าจะจัดสรรเวลาอย่างไร หากการประชุมไม่เสร็จภายในวันนั้นก็อาจประชุมต่อในวันที่ 19 มิ.ย.ได้

    นายสมชาย กล่าวว่า ในกรณีที่วิป สนช.ต้องการเพิ่มประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะแจ้งต่อนายวิษณุให้ทราบในการประชุมวิปสนช.วันที่ 16 มิ.ย.นี้ หากนายวิษณุเห็นว่าควรนำกลับไปหารือกับที่ประชุมครม. ทางวิป สนช.จะปรับวิธีการพิจารณา เป็นแบบ 3 วาระตามปกติคือ พิจารณาวาระแรกในวันที่ 18 มิ.ย. ก่อนตั้งกมธ.วิสามัญประมาณ 17 คนในวาระที่ 2 เพื่อพิจารณาประเด็นเพิ่มเติมแล้วส่งให้ครม.ในวันที่ 19 มิ.ย. จากนั้นที่ประชุมครม.อาจนำไปหารือกันในวันที่ 23 มิ.ย. แล้วส่งกลับมา สนช.เพื่อพิจารณาต่อในวันที่ 25-26 มิ.ย. แต่เบื้องต้นขณะนี้ วิป สนช.ยังไม่เห็นว่าควรจะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในประเด็นใด

นายสมชายกล่าวถึงประเด็นคำถาม ที่ สนช.สามารถเสนอเพื่อทำประชามติได้ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกัน เพราะเห็นว่ายังเร็วเกินไป และสนช.ยังมีเวลา จนกว่าสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)จะมีมติเห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

 

สปช.เตรียมสรุปผลงานปฏิรูป

   นายวันชัย สอนศิริ โฆษกกมธ.วิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิปสปช.) กล่าวถึงการประชุมลับสปช. ในวันที่ 15 มิ.ย.ว่า เปิดเวทีให้สมาชิกหารือถึงแนวทางการปฏิรูปที่เหลือเวลาอีก 2 เดือน พร้อมสรุปทบทวนภารกิจต่างๆ ว่า มีอะไรบรรลุผลและต้องดำเนินการต่ออีกหรือไม่ คาดว่าการปฏิรูปทุกด้านจะเสร็จทันตามที่นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. วางไว้ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ก่อนเสนอรัฐบาล ส่งให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศดำเนินการ และแถลงผลการปฏิรูปประเทศของสปช.ตลอด 1 ปี ให้สาธารณชนได้รับทราบ ต่อไป

นายวันชัยกล่าวว่า เชื่อว่าในการประชุม คงไม่มีการหารือถึงคำถามสำหรับทำประชามติ ที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว เปิดช่องให้ สปช.เสนอได้ 1 คำถาม เพราะเรายังไม่รู้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะผ่านความเห็นชอบจากสปช.หรือไม่ หากไม่ผ่านก็ไม่มีการทำประชามติ

 

วันชัยหนุนคว่ำร่าง-ให้"ตู่"อยู่ต่อ

นายวันชัยกล่าวว่า ตนจะขออภิปราย ต่อที่ประชุม เพื่อถอดรหัสการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวครั้งนี้ว่าสะท้อนและส่งสัญญาณอะไรต่อสปช. มันจะทำให้เห็นจังหวะก้าวต่อไปอีก 2 เดือนที่เหลือ ของสปช.ควรไปทิศทางไหน และการโหวตรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจะส่งผลต่อประเทศอย่างไร แต่จะไม่มีการชี้นำหรือโน้มน้าวให้สมาชิกสปช.คนอื่น ให้โหวตรับหรือไม่รับ แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่า ระหว่างการเลือกให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่าน แล้วให้กมธ.ยกร่างฯชุดนี้ อยู่ต่อไปจนมีการเลือกตั้ง กับเลือกให้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน แล้วให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.อยู่ปฏิรูปต่อไป พร้อมตั้งกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ ตนขอเลือกคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ 

    "จากนี้ เราจะได้เห็นสมาชิกสปช. แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่มากขึ้น จะไม่มีการประนีประนอมถ้อยทีถ้อยอาศัยเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวนี้ ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านสปช.หรือไม่ สปช.ก็ต้องไป ต่างจากร่างเดิม ที่สปช.จะได้อยู่ต่อ ไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ สมาชิกสปช.ทุกคนจะยึดหลักการและมีอุดมการณ์ ไม่ยอมให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านได้ หากมีตำหนิแม้แต่นิดเดียว จึงเป็นคำถามตามมาว่ากมธ.ยกร่างฯ จะพิจารณาแก้ไข ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ทุกคนพอใจได้อย่างไร" นายวันชัยกล่าว 

 

ขู่กมธ.ถ้าไม่แก้-รธน.ก็ไม่ผ่าน

      นายดิเรก ถึงฝั่ง สมาชิกสปช. กล่าวถึงกรณีนายวันชัย ระบุในทำนองจะให้สปช.โหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเพื่อต่ออายุให้รัฐบาลอยู่ต่อปฏิรูปประเทศว่า ตนยังไม่เคยได้ยิน และไม่รู้ว่านายวันชัยคิดอย่างไร แต่ตนพูดมาตั้งแต่ต้นว่า หากไม่ได้แก้ประเด็นหลักที่ได้นำเสนอไป เช่น ที่มา ของนายกฯ ที่มาส.ส. และส.ว. ก็รับไม่ได้ หากไม่แก้ตามนี้ เราก็ไม่โหวตให้ และยังคงยืนยันคำเดิม แต่หากกมธ.ยกร่างฯ แก้มา เราก็โหวตให้และเชื่อว่าหากแก้ให้ตามนี้ หลายฝ่ายจะเห็นด้วยแน่นอน

     ส่วนกระแสคว่ำร่างรัฐธรรมนูญเพื่อ ให้รัฐบาลอยู่ต่อนั้น นายดิเรกกล่าวว่า ถ้ามี วิธีการโหวตเช่นนี้ ตนว่ามันไม่เหมาะสม ที่จะทำ มันจะทำให้เรามีปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญไม่รู้จักจบ เราควรทำให้รัฐธรรมนูญเป็นที่ยอมรับตามระบอบการปกครองประชาธิปไตย ทุกฝ่ายโหวตให้ ก็จะเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่เอาคนเป็น ตัวตั้ง มีรูปแบบพิเศษมา มันจะมีปัญหา ตามมาไม่รู้จักจบ สุดท้ายวังวนเดิมก็จะกลับมา มีปฏิวัติรัฐประหารอีก อยากให้ดูเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ หากแก้ไขมาตามที่เสนอไปก็ควรโหวตให้ แต่หากไม่แก้มาเลย ตนยืนยันจะไม่โหวตให้ เพราะไม่อยากให้เป็นปัญหา ทะเลาะกันในวันหน้า

 

กมธ.เร่งสรุปโพลรธน.รอบ 2

     นางถวิลวดี บุรีกุล กมธ.ยกร่างรัฐธรรม นูญ และประธานอนุกมธ.การมีส่วนร่วมและรับฟังความเห็นประชาชน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่สองว่า เบื้องต้นสำนักงานสถิติ แห่งชาติ ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 77,160 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 1-31 พ.ค.ที่ผ่านมา เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ อยู่ระหว่างการประมวลผลจากข้อมูลที่ได้รับทั้งหมด คาดว่าจะสรุปผลได้แบบเป็นทางการได้ช่วงสัปดาห์หน้า 

นางถวิลวดีกล่าวว่า จากนั้นตนจะนำเสนอให้ที่ประชุมกมธ.ยกร่างฯ ทราบว่ามาตราที่กมธ.ยกร่างฯเขียนบัญญัติไว้นั้น ประชาชนคิดเห็นอย่างไรบ้าง เพราะผลสำรวจครั้งนี้ นำเนื้อหาสาระสำคัญที่อยู่ ในร่างรัฐธรรมนูญไปสอบถาม ซึ่งผลสำรวจที่ออกมาถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากในการนำไปประกอบการพิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญในช่วงสุดท้ายนี้

 

ปลื้มชาวบ้านสนใจมากขึ้น

     นางถวิลวดี กล่าวว่า ตนพอใจกับการ จัดทำผลสำรวจครั้งนี้มาก เพราะได้รู้ว่าประชาชนให้ความสำคัญและสนใจร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จำนวนมาก และ ได้รับรู้ว่าแต่ละพื้นที่มีความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญอย่างไร อีกทั้งยังได้รู้ว่าประชาชนรับทราบความคืบหน้าการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญผ่านช่องทางใดมากที่สุดด้วย ซึ่งกมธ.ยกร่างฯได้เปิดช่องทางการติดต่อสื่อสารและเผยแพร่สาระสำคัญ ของร่างรัฐธรรมนูญในหลายช่องทาง เฟซบุ๊ก หรือ Line Official Account "รัฐธรรมนูญของฉัน" ดังนั้นหากประชาชนคนใดสนใจก็เข้าไปติดตามความเคลื่อนไหวและเสนอความคิดเห็นได้ 

 

เสรีฉุนอมร-ท้าเปิดชื่อคนช่างฟ้อง

    นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิก สปช. กล่าวถึงกรณีนายอมร วาณิชวิวัฒน์ สมาชิก สปช. วิจารณ์การทำงานของสปช. ระบุชอบอภิปรายดราม่าเหมือนสภาการเมือง และชอบย้ายที่นั่งในสภาเพราะอยากออกทีวีว่า ตนไม่เคยเห็นพฤติกรรมอย่างที่ นายอมรพูด ไม่ได้แก้ตัวแต่พูดแบบนั้นเดี๋ยวคนเข้าใจผิด เพราะเรื่องที่พูดนั้น ไม่จริง ส่วนที่นายอมรระบุมีบางคนนำเรื่องความเคลื่อนไหวของ สปช.คอยรายงานผู้ใหญ่นั้น ถ้ามาพูดแบบนี้ นายอมรต้องบอกให้ชัด ถ้ามีจริงเป็นใคร เอ่ยชื่อออกมา ไม่ใช่เหมารวมมันเสียหาย จริงๆ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย หรือเสียหาย การทำงานของสปช.สามารถปรึกษากับใคร ได้ตลอด เป้าหมายการทำงานคือปฏิรูป ให้สำเร็จ ถ้าอยากอิสระจนไม่คุยกันเลย จะทำงานกันแบบไหน

"เรื่องนี้ต้องว่ากันด้วยเหตุผล เป็นผู้ใหญ่แล้ว พูดแบบนี้กลายเป็นนายอมร ดีอยู่คนเดียว คนอื่นใช้ไม่ได้ เลวกันทั้งสภา ผมว่ามันไม่ใช่ ถ้าจะวิจารณ์คนอื่น ต้องหันดูตัวเองด้วย อย่าเอาตัวเองไปเป็นไม้บรรทัดวัดคนอื่น ยิ่งเหลือเวลาการทำงานอีกไม่กี่เดือน ก่อนไปต้องทิ้งทวนให้ประเทศได้ประโยชน์มากที่สุด อย่ามัวแต่ยึดติด" นายเสรีกล่าว

 

เชื่อ 111-109 ร่วมสภาขับเคลื่อนฯ

    นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. กล่าวว่า การที่สปช. ต้องทำหน้าที่จนถึงวันที่รับร่างรัฐธรรมนูญถือเป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะภารกิจหลักคือการรับร่างรัฐธรรมนูญ และการทำงาน ที่ผ่านมา สปช.ทุกคนทำงานเต็มที่ ไม่ล้มเหลวเหมือนที่มีการระบุ 

    นายสมบัติ กล่าวว่า ส่วนที่รัฐบาลได้เสนอแก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109 เข้ามาทำงานนั้น เชื่อว่าบุคคลเหล่านั้นจะได้รับการสรรหาเข้ามาทำหน้าที่ในสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ เพราะกฎหมายได้เปิดช่องแล้ว ดังนั้นการสรรหานักการเมือง เข้ามาทำงานต้องไม่มีคดีทุจริตติดตัว แต่ถ้าเป็นคนที่ได้รับผลพวงทุกฝ่ายก็พอจะรับได้

 

จี้ประเมินผลงานรมต.เศรษฐกิจ

    นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวแต่งตั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาหัวหน้าคสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ เข้าดำรงตำแหน่ง ใน ครม.ว่า นายสมคิด เป็นบุคคลหนึ่งที่สังคมให้การยอมรับระดับหนึ่ง มีประสบการณ์เป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ดังนั้น ต้องให้คนตั้งไปทบทวนว่าระหว่างดำรงตำแหน่งมีผลงานอะไรบ้าง ซึ่งการตั้งทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้น ต้องถามว่าเข้ามาแล้วจะทำอะไร ถ้าคนไหนไม่มีผลงานก็ต้องปรับออกไป โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯต้องเป็นผู้ประเมิน โดยฟังเสียงประชาชนทุกฝ่ายที่ชมและติ

"ถ้าทีมงานดีแต่ทำงานไม่ได้ แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ก็ไม่มีประโยชน์ไม่ว่าหน้าตา จะดีขนาดไหน บางคนคิดดีมาก ทำวิชาการ ดีด้วย พูดเก่งมากด้วย แต่ไม่สามารถทำให้นโยบายเป็นรูปธรรมได้ ก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ปัญหาประเทศไทย ราคาพลังงานแพงกว่าที่ควรจะเป็น เพราะนโยบายพลังงาน มีปัญหามาก ประชาชนยังไม่ได้ประโยชน์จากราคาพลังงานโลกที่ลดลง ตรงนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร นี่คือต้นทุนสินค้าทุกประเภท" นายเกียรติกล่าว

     นายเกียรติ กล่าวอีกว่า ตนไม่ทราบว่าเงื่อนไขที่รัฐบาลแต่งตั้งคนมาดำรงตำแหน่งนั้นเป็นอย่างไร แต่คิดว่ารัฐบาลเป็นผู้บริหารต้องฟังทุกคนและกลั่นกรองให้ดีว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ สิ่งที่ต้องตอบให้ได้คือจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร ถ้าเปรียบเทียบประเทศอื่นในโลกและในอาเซียน ต้องถามตัวเองว่าตัวเลขของเราน่าชื่นชมหรือไม่ จึงขอให้ยอมรับความจริงก่อน เพราะถ้าเราคิดว่าตัวเลขเศรษฐกิจถอยเป็นเรื่องดี ก็ไม่ต้องมีแก้ไขปัญหาก็ได้ไม่ต้องทำอะไรเลย

 

แฉรายงาน'สมชาย'ไม่เคยผ่านวุฒิ

      นายกฤช อาทิตย์แก้ว อดีตส.ว. กำแพงเพชร กล่าวถึงกรณีนายสมชาย แสวงการ อดีตกลุ่ม 40 ส.ว. และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เข้ายื่นข้อมูล ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุการชุมนุมของคนเสื้อแดงมีกองกำลังติดอาวุธว่า เท่าที่จำได้ ไม่เคยมีการนำรายงาน ดังกล่าวเข้าหารือต่อที่ประชุมใหญ่วุฒิสภา เพื่อขอมติ เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบการทำงานเพื่อศึกษาหาข้อมูลของวุฒิสภาโดยคณะกรรมา ธิการ(กมธ.)หรืออนุกมธ. ใครก็ทำได้ อีกทั้งเรื่องชายชุดดำและกองกำลังติดอาวุธในกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ก็เป็นเรื่องปกติ ที่นายสมชาย มักใช้นำมาอภิปรายโจมตีฝ่าย ตรงข้ามทางการเมืองอยู่เป็นประจำ 

 

ชี้ไม่น่าเชื่อถือใช้ข้อมูลฝ่ายเดียว

      แหล่งข่าวจากอดีตส.ว.เลือกตั้ง เปิด เผยว่า รายงานการศึกษาต่อกรณีสลาย การชุมนุมเมื่อปี 2553 ที่ระบุมีชายชุดดำ และกองกำลังติดอาวุธ ในกลุ่มผู้ชุมนุม จากกมธ.สิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา ที่มี นายสมชาย เป็นประธาน เคยพยายาม ผลักดันเข้าที่ประชุมวุฒิสภา แต่ไม่ได้รับการยอมรับจากส.ว.ส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นรายงานการศึกษาที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นรายงานที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ รวบรวมข้อมูลจากฝ่ายเดียว จึงไม่ให้นำเข้าสู่การประชุมวุฒิสภา ต่างจากการศึกษาของ กมธ.หรือกรรมการชุดอื่นๆ ของวุฒิสภา ในขณะนั้น เช่น คณะกรรมการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ที่มีนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ อดีตส.ว.ศรีสะเกษ เป็นประธาน ที่ได้ศึกษาโดยรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายได้ครบถ้วนกว่า 

 

ญาติเหยื่อยกคดี 6 ศพวัดปทุมฯโต้

     นายณัทพัช อัคฮาด น้องชายน.ส. กมนเกด หรือน้องเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตหน้าวัดปทุมวนาราม จากเหตุสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า เป็นสิทธิของนายสมชาย แต่ต้องพิจารณาว่าข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับข้อเท็จจริงหรือไม่ ซึ่งคำสั่งศาลต่อกรณีการเสียชีวิต 6 ศพวัดปทุมฯ ชี้ชัดแล้วว่า กระสุนจากทางฝั่งเจ้าหน้าที่ และภายในบริเวณวัดไม่มีชายชุดดำ หรืออาวุธปืน 

นายณัทพัชกล่าวว่า ที่ผ่านมาการสืบหา คดีสลายการชุมนุมเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ทางป.ป.ช. ไม่เคยเรียกญาติผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ดังกล่าวเลยสักครั้ง จะต้องเรียกพวกเราเข้าให้ข้อมูลหรือพยานหลักฐานเพิ่มเติมบ้างเพื่อความเท่าเทียม หากเรียกเราก็พร้อมจะนำคำสั่งศาลที่ชี้แล้วว่า กระสุนมาจากทางฝั่งเจ้าหน้าที่ และไม่มีชายชุดดำ ไปให้ป.ป.ช.สำหรับประกอบการพิจารณาต่อไป 

 

ป.ป.ช.เร่งสอบคดีนาฬิกา"ปู"

     นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้า การตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ กรณีถูกร้องเรียนเรื่องนาฬิกา มูลค่า 2.5 ล้านบาท ไม่มีในบัญชีแสดงทรัพย์สินฯว่า ตรวจสอบข้อเท็จจริงใกล้ครบถ้วนแล้ว ขาดรายละเอียดเพียงเล็กน้อย ที่ต้องให้ เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการต่อ 

    นายปรีชา เลิศกมลมาศ คณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวถึงการไต่สวนทุจริตสร้าง สนามฟุตซอล(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ว่า คืบหน้ามาก ป.ป.ช.จะสอบให้สุดตาม พยานหลักฐานที่มี และตามที่ผู้ร้องได้ ร้องในประเด็นว่ามีอาจารย์บางคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักการเมือง และเป็นคนเดินเรื่องประสานงบลงพื้นที่ และบางคนยัง พบว่ามีญาติพี่น้องที่ทำงานช่วยนักการเมืองด้วย ตรงนี้จะโยงถึงนักการเมืองหรือไม่ อยู่ที่หลักฐาน เราต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ขอร้องว่าพยานต้องกล้าให้ข้อมูลกับป.ป.ช.ด้วย 

 

น้ำแล้ง-วอนชาวนาชะลอปลูกข้าว

    วันที่ 13 มิ.ย. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งในประเทศว่า รัฐบาลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำความเข้าใจ กับประชาชนในเขตชลประทานและลุ่มน้ำเจ้าพระยาให้ชะลอการปลูกพืช โดยเฉพาะ ข้าวออกไปก่อน และให้เตรียมพร้อมรับน้ำเข้าเต็มพื้นที่ได้ภายในเดือนก.ค.นี้ เหตุที่ต้องชะลอเนื่องจากระดับน้ำในเขื่อนหลักลดต่ำลงมาก จำเป็นต้องรอรับน้ำฝนให้เพียงพอ ก่อนปล่อยเข้าสู่ระบบชลประทาน 

    รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ขอให้เกษตรกรอดทนรออีกระยะหนึ่ง อย่าเร่งรีบลงมือ เพาะปลูก เพราะอาจส่งผลให้พืชผลขาดน้ำ เกิดความเสียหาย รวมทั้งอยากขอร้องว่าควร ให้ความร่วมมือและอย่าได้กดดันเจ้าหน้าที่ให้เร่งระบายน้ำขณะที่น้ำในเขื่อนยังไม่มีความพร้อมเต็มที่ เพราะจะกระทบแผนการระบายน้ำทั้งระบบ รวมถึงน้ำสำหรับการอุปโภค บริโภคด้วย

รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือเกษตรที่ได้รับ ผลกระทบจากภัยแล้งเพื่อการสร้างอาชีพ การจ้างงาน การส่งเสริมการเลี้ยงปศุสัตว์ เพื่อชดเชยการขาดรายได้ ในวงเงิน 1,800 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการอยู่ ข้อมูลล่าสุดมีการจ้างงานเกษตรกรไปแล้ว 37,569 ราย จากเป้าหมาย 44,000 ราย ยังให้การช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างต่อเนื่องต่อไป หากเกษตรกรมีปัญหาสามารถ ขอคำปรึกษาได้ที่ศูนย์เกษตรกรตำบล หรือศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัด

 

แจงเปิด 3 แผนกคดีใหม่ศาลอาญา

     วันที่ 13 มิ.ย. นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึง นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม(ก.บ.ศ.) ลงนามในประกาศ(ก.บ.ศ.) 3 ฉบับ จัดตั้งแผนกคดีค้ามนุษย์ ทุจริตคอร์รัปชั่น และยาเสพติด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า เหตุผลที่ศาลยุติธรรมจัดตั้งแผนกคดีดังกล่าวขึ้นในศาลอาญา เนื่องจากพบว่าเป็นคดี ที่มีความซับซ้อน ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีเครือข่าย อิทธิพล ทำให้การนำพยานหลักฐานที่จะนำเสนอในชั้นศาลมีปัญหา ทำให้ยากในการพิจารณาคดี จึงจัดตั้งผู้พิพากษาผู้เชี่ยวชาญ คดีเฉพาะด้านเข้ามาดูแลคดีในแผนกคดีที่จัดขึ้นพิเศษนี้ ซึ่งศาลอาญามีการเตรียมความพร้อมมาเป็นปีแล้ว 

     นายสราวุธ กล่าวว่า การจัดตั้งแผนกคดียาเสพติด เนื่องจากคดียาเสพติดเข้าสู่ การพิจารณาคดีของศาลมากที่สุด ส่วนคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ และค้ามนุษย์นั้น ที่มีแนวคิดการจัดตั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับคดีที่มีปริมาณมากขึ้นเรื่อย รวมทั้งความยากในการนำพยานเข้าสืบในชั้นศาล จึงต้องจัดให้เป็นแผนกคดีพิเศษขึ้นมา โดยผู้พิพากษาที่จะมาเป็นองค์คณะในแผนกดังกล่าวจะเป็นผู้พิพากษาในศาลอาญา

นายสราวุธกล่าวว่า หลังจากประกาศในราชกิจจาฯแล้ว ในวันต่อไปจะมีผลบังคับใช้ได้เลย และเชื่อว่าเมื่อเปิดแผนกคดีแล้ว การพิจารณาพิพากษาคดีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวดเร็วและมีความเป็นธรรม เพระเป็นผู้พิพากษาที่มีความเชี่ยวชาญ ถือเป็นการพัฒนาบริหารการจัดการคดีที่ดีขึ้น

      เมื่อถามว่าการเปิดคดีทุจริตจะซ้ำซ้อนกับคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ นายสราวุธกล่าวว่า ไม่ซ้ำซ้อน เป็นการเปิดคดีในศาลอาญา ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น โดยพนักงานสอบสวน หากเป็นคดีที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐ ก็จะเป็นพนักงานสอบสวนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แต่หากเป็นข้าราชการระดับสูงหรือชั้นผู้ใหญ่จะเป็นคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานอัยการเป็น ผู้ส่งสำนวนฟ้องต่อศาลต่อไป

     เมื่อถามว่า แนวคิดจัดตั้งแผนกคดีใหม่ เพื่อสอดรับนโยบายจากคสช.หรือไม่ นายสราวุธกล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นแนวคิดที่มีมาก่อนนานแล้ว ศาลยุติธรรมตระหนักถึงปัญหา ปริมาณคดีและกระแสของคดีดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง จึงมีแนวคิดและเตรียมมาตรการจนนำมาสู่การจัดตั้งแผนกคดีใหม่ดังกล่าว