- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 17 May 2015 22:09
- Hits: 4462
สิ้นแล้ว'พ่อคูณ'คำสั่งเสีย มอบร่าง-ให้รพ. ละสังขาร 11.45 น. จัดงานศพที่'มข.' ตามพินัยกรรม ไม่ไปวัดบ้านไร่ อัฐิลอย'น้ำโขง' พระราชทานโกศ น้ำหลวงสรงศพ
ในหลวงพระราชทาน โกศและน้ำหลวงสรงศพ 'หลวงพ่อคูณ' หลัง ละสังขารสงบเวลา 11.45 น.ศิษยานุศิษย์ร่วมอาลัย แพทย์ประจำตัวเผยหลวงพ่อสิ้นตั้งแต่อยู่วัดบ้านไร่หลังหยุดหายใจนานนับชั่วโมง น้องสาววัย 89 ปี ร่ำไห้ขอตายแทน เผยพระพี่ชายพูดเสมอชีวิตมนุษย์เอาแน่นอนอะไรไม่ได้ดอก ผู้ว่าฯ โคราช เจ้าคณะจังหวัด คณะกรรมการวัดบ้านไร่ คณบดีม.ขอนแก่น ถกเครียด ก่อนมีมติทำตามพินัยกรรมหลวงพ่อ มอบสรีรสังขารให้คณะแพทย์ ม.ขอนแก่น เพื่อการศึกษา ก่อนนำไปฌาปนกิจเรียบง่ายเช่นเดียวกับ"อาจารย์ใหญ่" ห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ ส่วนอัฐิอังคารไปลอยแม่น้ำโขง ม.ขอนแก่นตั้งสวดพระอภิธรรมศพ 7 วัน พร้อมเปิดให้ประชาชนกราบไหว้ บรรยากาศที่วัดบ้านไร่เงียบเหงา เผยประวัติเป็นพระสายวิปัสสนา มีคติคำสอนสั้นๆ เข้าใจง่าย มีเมตตาธรรมเปี่ยมล้นจนได้รับสมญานามว่า 'เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด'
ละสังขาร - หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ มรณภาพแล้วเมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 16 พ.ค. ที่ร.พ.มหาราช จ.นคร ราชสีมา จากนั้นคณะศิษยานุศิษย์เคลื่อนสรีระสังขารไปยังม.ขอนแก่น ตามคำสั่งเสีย (ภาพชุดหน้า 16) |
17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8936 ข่าวสดรายวัน
แถลงสิ้นพ่อคูณพระเกจิแห่งยุค
สิ้นพระเกจิชื่อดังแห่งยุค พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ในวัย 92 ปี หลังอาการทรุดหนักหัวใจหยุดเต้น เข้ารักษาตัวภายในหอผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) อายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา โดยเมื่อวันที่ 16 พ.ค. เวลา 12.00 น. นพ.สมอาจ ตั้งเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา พร้อมคณะแพทย์ผู้ทำการรักษาโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาและโรงพยาบาลศิริราช ประกาศแถลงการณ์เรื่อง "อาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) ฉบับที่ 4" ว่า "วันนี้ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2558 คณะแพทย์ผู้ทำการรักษารายงานว่า พระเทพวิทยาคมมีอาการโดยรวมทรุดลงได้มรณภาพลงแล้ว เมื่อเวลา 11.45 น." จึงประกาศมาเพื่อทราบ
น้องสาว-ลูกศิษย์ร่ำไห้อาลัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่บรรดาลูกศิษย์ที่เฝ้าอยู่หน้าหอพักผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) ทราบข่าวการละสังขารเป็นที่แน่นอนหลังมีกระแสข่าวลือมาตลอด นางคำมั่น วงศ์กาญจนรัตน์ อายุ 89 ปี น้องสาวหลวงพ่อคูณซึ่งเดินทางมาติดตามอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมลูกศิษย์ส่วนใหญ่ซึ่งเป็นผู้สูงวัยและยังคงหวังปาฏิหาริย์จากการปั๊มหัวใจ 4 ครั้งว่าจะสามารถยื้อชีวิตหลวงพ่อคูณได้ ต่างร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้า ขณะเดียวกันในโลกออนไลน์ประชาชนต่างแชร์ภาพพร้อมข้อความอาลัยต่อการละสังขารของหลวงพ่อคูณ สุดยอดพระเกจิอาจารย์ ซึ่งทำพินัยกรรมมอบร่างให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนนำมาฌาปนกิจแบบเรียบง่าย ห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ อัฐิ อังคารลอยแม่น้ำโขง แสดงถึงท่านเป็นพระผู้ให้แม้กระทั่งหมดลมหายใจ
นางคำมั่น น้องสาวหลวงพ่อคูณ กล่าวว่า "รู้สึกอาลัยที่หลวงพ่อต้องจากไปจริงๆ เดิมทีคุยตกลงกันไว้ตอนที่หลวงพ่อป่วยเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง ตนเองจะขอตายแทน เพราะฉันอยู่ไปก็ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ไม่เท่าหลวงพ่อ แต่ในที่สุดท่านก็ละสังขารไปก่อน หากดวงวิญญาณของพี่ชายยังรับรู้อยากบอกว่าฉันเสียใจมาก ทำไมไม่ทำตามที่ตกลงกับฉันไว้" นางคำมั่นกล่าวด้วยน้ำตา
ก่อนหน้านี้เวลา 09.00 น. นางคำมั่นซึ่งนั่งพักอยู่บริเวณหน้าหอผู้ป่วยมีสีหน้ากระวนกระวายใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่าเมื่อทราบข่าวให้ลูกหลานพาเดินทางมา ยังไม่ได้พบหลวงพ่อคูณ ทราบเพียงอาการจากลูกศิษย์ที่บอกเล่าให้ฟังว่าอาพาธหนักมากกว่าทุกครั้ง ตนและพี่ชายมีความผูกพันกันพอสมควร เนื่องจากเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เยาว์วัย หลวงพ่อคูณพูดเน้นย้ำเป็นประจำ เตือนสติอยู่เสมอว่าชีวิตมนุษย์เอาแน่นอนอะไรไม่ได้ดอก คนเราไม่มีทางรู้วันตายอย่างแน่นอน สังขารย่อมร่วงโรยตามกาลเวลา
ขอกราบจีวรพ่อคูณแทนศพ
ที่บริเวณหน้าหอผู้ป่วยหนัก บรรดาลูกศิษย์เดินทางไปกราบศพ ก่อนจะเคลื่อนย้ายไปที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ตามความประสงค์ของหลวงพ่อคูณ โดยเจ้าหน้าที่กั้นมิให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในห้องผู้ป่วย ญาติโยมจำนวนมากไม่สามารถกราบศพท่านได้ เมื่อเห็นลูกศิษย์หลวงพ่อคูณถือผ้าไตรจีวรของท่านเดินผ่านมาญาติโยมจึงขอเข้าไปกราบแทน
นางมาลี ปานหมื่นไวย ญาติโยม เขต ต.หมื่นไวย อ.เมือง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการพระสงฆ์ ตนและครอบครัวเคารพศรัทธาท่าน เนื่องจากเป็นพระผู้ให้มาตลอดชั่วชีวิต ใครทำบุญเท่าไรท่านจะไม่รับไว้จนหมด จะต้องเหลือคืนทุกครั้ง เงินทุกบาทที่ได้รับจากการบริจาค ท่านก็นำไปสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม แม้จะหมดลมหายใจยังมอบร่างให้เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์อีก
แพทย์เผยพ่อคูณสิ้นที่วัดบ้านไร่
ด้านนพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ กล่าวว่า ความจริงแล้วหลวงพ่อคูณจากพวกเราไปตั้งแต่อยู่ที่วัดบ้านไร่แล้ว ตั้งแต่หลวงพ่อมีภาวะหยุดหายใจไปนานกว่า 1 ชั่วโมง แม้จะช่วยปั๊มชีพจรกลับคืนมาได้ 2 รอบ แต่อวัยวะทุกอย่างของหลวงพ่อไม่ตอบสนองใดๆ แล้ว ระบบการทำงานทุกอย่างในร่างกายล้มเหลว เมื่อสมองขาดออกซิเจนเกิน 10 นาที ทำให้ทุกอย่างหยุดทำงานทั้งหมด แต่แพทย์ก็พยายามยื้อชีวิตของหลวงพ่อให้นานที่สุด ทั้งปั๊มกระตุ้นหัวใจ ฟื้นฟูระบบการทำงานแบบพิเศษ แต่สุดท้ายต้องยอมรับสภาพ ถือว่าหลวงพ่อจากไปอย่างสงบ ท่านไม่ต้องทุกข์ทรมานใดๆ อีกต่อไป
คณะแพทย์เร่งปั๊มหัวใจช่วงเช้ามืด
ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้ามืดวันเดียวกัน หลวงพ่อคูณมีอาการหัวใจหยุดเต้นอีกครั้ง โดยเมื่อเวลา 05.40 น. คณะแพทย์ปั๊มหัวใจและใช้วิธีชอร์ตไฟฟ้าที่หน้าอก โดยถือว่าอาการหลวงพ่อคูณอยู่ในขั้นวิกฤตหรือโคม่า โดยมีคณะแพทย์ของโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา และโรงพยาบาลศิริราชคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ภายในหอผู้ป่วยหนัก
เวลา 10.00 น. นพ.สมอาจ ตั้งเจริญ แถลงอาการอาพาธหลวงพ่อคูณ พบสัญญาณชีพไม่คงที่ ต้องใช้ยากระตุ้นหัวใจและเครื่องช่วยหายใจ พบภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นจากการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ทำให้เลือดออกในทรวงอกและทางเดินอาหารจำนวนมาก ส่งผลให้การทำงานของหัวใจล้มเหลวเป็นครั้งที่ 4 เมื่อเวลาประมาณ 05.10 น. คณะแพทย์ได้ช่วยฟื้นคืนชีพเป็นผลสำเร็จ ส่วนภาวะไตไม่ทำงาน ไม่มีปัสสาวะออก ได้รักษาโดยฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมและถวายการรักษาประคับประคอง โดยให้ยาเพิ่มขึ้นคือการแข็งตัวของเลือดซึ่งเป็นยาแรงสูงสุด เนื่องจากการแข็งตัวในเลือดจะทำให้เลือดออกได้ในทุกส่วนของร่างกาย ในภาพรวมถือว่าอาการทรุดลง โดยระดมแพทย์ทุกสาขาที่เกี่ยวข้องมาร่วมประเมินอยู่ในห้องไอซียูตลอด 24 ชั่วโมง
ต่อมาโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา มีประกาศเรื่อง อาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ ฉบับที่ 3 ว่า การเฝ้าตรวจติดตามอาการอาพาธมีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นจากการแข็งตัวของเลือดผิดปกติทำให้เลือดออกในช่องทรวงอกส่งผลให้ระบบการหายใจล้มเหลว ภาวะหัวใจหยุดเต้น คณะแพทย์ได้ช่วยฟื้นคืนชีพ สำหรับภาวะไตไม่ทำงาน ได้ให้การรักษาโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ขณะนี้อาการโดยรวมทรุดลง
ชาวบ้านไร่ทำพิธีสืบชะตาพ่อคูณ
เวลา 10.00 น. ที่บริเวณข้างเมรุ วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา นางสุนี หงส์ขุนทด ชาวบ้านไร่ นำผู้สูงอายุในบ้านไร่ประกอบพิธีสืบชะตาต่ออายุให้กับหลวงพ่อคูณ โดยนำไม้คูณที่ทำเป็นง่ามมาค้ำต้นโพธิ์ต้นไทร จำนวน 2 ท่อน และก่อกองทรายปักด้วยธงชัยสีขาวจำนวน 99 กอง นิมนต์พระจำนวน 5 รูป มาสวดบังสุกุลเป็นบังสุกุลตาย และพิธีตวงน้ำต่ออายุ ตามความเชื่อ นางสุนีกล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า ชาวบ้านไร่สงสารหลวงพ่อคูณมากจึงทำพิธีสืบชะตาต่ออายุให้ท่าน ถึงแม้จะรับทราบข่าวว่าท่านอาพาธครั้งนี้หนักมาก แต่ลูกหลานก็ยังอยากให้หลวงพ่ออยู่กับเราต่อไป ท่านทำบุญไว้มากจึงขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองท่านด้วย อย่าเพิ่งให้ท่านไปจากลูกหลานเลย
ชาวโคราชขอพรย่าโมช่วย
สำหรับบรรยากาศในเขตเมืองนครราช สีมา ประชาชนที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อคูณ เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งยุค ทยอยเดินทางไปเยี่ยมอาการอาพาธที่โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา อย่างต่อเนื่อง โดยได้แต่เพียงสอบถามความคืบหน้าจากลูกศิษย์คนสนิทและบุคลากรทางการแพทย์ โดยพระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา และคณะสงฆ์เดินทางมาลงนามสมุดเยี่ยมหลวงพ่อคูณด้วย ขณะที่อีกส่วนหนึ่งส่งข้อความทางโลกโซเชี่ยลให้กำลังใจและขอให้ท่านหายจากอาการอาพาธ นอกจากนี้ตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวโคราชนับถือ เช่น อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) วัดศาลาลอย สถานที่เก็บอัฐิย่าโม และศาลเจ้าจีนชื่อดัง พบประชาชนมากราบไหว้สักการะ พร้อมอธิษฐานให้หลวงพ่อคูณหายจากอาการอาพาธโดยเร็ว
นอกจากนี้ บริเวณชุมชนขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ถ.จอมพล ด้านหลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี พบนักเสี่ยงโชคจำนวนมาก ตระเวนหาซื้อลอตเตอรี่เลขเด็ดที่เกี่ยวข้องกับหลวง พ่อคูณ
ในหลวงพระราชทานโกศ
นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประสานไปยังสำนักพระราชวังเกี่ยวกับการมรณภาพของพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ สำนักพระราชวังรับทราบแล้ว ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทาน โกศโถ บรรจุศพพระเทพวิทยาคม พร้อมฉัตรเบญจา เป็นกรณีพิเศษ และพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ ในวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ค. 2558 เวลา 16.00 น. ส่วนสถานที่นั้นจะกำหนดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแต่เดิมตามลำดับสมณศักดิ์ พระราชาคณะชั้นเทพ จะได้รับพระราชทานหีบทองบรรจุศพ
นายพนมกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รายงานให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับทราบแล้ว เนื่องจากหลวงพ่อคูณเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่พุทธศาสนิกชนเคารพศรัทธามาก พร้อมสั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) นครราชสีมา ประสานอำนวยความสะดวกการจัดงานศพอย่างเหมาะสมตามประสงค์ของหลวงพ่อคูณต่อไป
ด้านนายสมเกียรติ ธงศรี ผอ.สำนักเลขาธิการ มส. กล่าวว่า ในเบื้องต้นทราบว่าหลวงพ่อคูณบริจาคร่างกายให้โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยขอนแก่น และมีการกำหนดแนวทางการจัดงานศพไว้ ดังนั้นกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์กำลังดำเนินการหารือกับทางโรงพยาบาลว่าจะดำเนินการเช่นไรอีกครั้ง
"ผู้ว่าฯ-ศิษย์"ถกพินัยกรรม
ภายหลังหลวงพ่อคูณละสังขาร เวลา 14.15 น. นายธงชัย ลืออดุลย์ ผวจ.นครราช สีมา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา และพระราชสีมาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัด คณะกรรมการวัดบ้านไร่ และรศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประชุมร่วมกันที่ห้องประชุมชั้น 2 ตึกการไฟฟ้า โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา เพื่อสรุปเรื่องการจัดการสรีรสังขารของหลวงพ่อคูณ โดยเบื้องต้นหลวงพ่อคูณเคยทำพินัยกรรมมอบสรีระให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาของนักศึกษาแพทย์ หลังจากศึกษาค้นคว้าแล้วให้นำร่างมาจัดพิธีแบบเรียบง่ายและนำอัฐิเถ้าไปลอยที่แม่น้ำโขง โดยทำพินัยกรรมไว้ 3 ฉบับ ที่วัดบ้านไร่ ที่ว่าการอำเภอด่านขุนทด และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ลูกศิษย์ขอตั้งศพวัดบ้านไร่ 7 วัน
พระราชสีมาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่าตามพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณ ฉบับล่าสุด ท่านระบุชัดเจนหลังละสังขารจะต้องมอบร่างให้โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ภายใน 24 ชั่วโมง แต่ลูกศิษย์บางคนได้ต่อรอง อ้างท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ มีลูกศิษย์นับถือจำนวนมาก อยากจะให้ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านไร่ก่อน 7 วัน อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับคณะแพทย์ที่หลวงพ่อคูณประสงค์จะมอบร่างให้ว่าอย่างไร ระหว่างนี้จะเคลื่อนย้ายศพไปตั้งบนหน้าห้องประชุมฐานิโย ชั้น 9 อาคารเฉลิมพระเกียรติ เพื่อให้ลูกศิษย์รดน้ำศพก่อน
มติชี้ขาดยึดพินัยกรรมมอบมข.
ภายหลังการหารือนานกว่า 4 ชั่วโมง นายธงชัย ลืออดุลย์ ผวจ.นครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ว่าหลังการประชุมหารือร่วมกับคณะกรรมการวัดบ้านไร่ และคณะแพทย ศาสตร์ มข. ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพหลวงพ่อคูณ มติต้องเป็นไปตามพินัยกรรมซึ่งเผยแพร่ต่อสาธารณชนรับทราบโดยทั่วกันมาก่อนหน้านี้ หลังสิ้นลมอย่างสงบ ภายใน 24 ชั่วโมง หลวงพ่อคูณระบุต้องการมอบร่างให้มหาวิทยาลัยขอน แก่นเพื่อเป็นวิทยาทานแก่นักศึกษาแพทย์ ต่อจากนี้เราจะเคลื่อนศพท่านไปตั้งไว้ที่ห้องประชุมหลวงพ่อพุธ ฐานิโย ชั้น 9 อาคารเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์รดน้ำศพโดยจัดแบบเรียบง่าย ก่อนเคลื่อน ย้ายนำส่งไปที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เวลา 19.30 น.
ม.ขอนแก่นนำร่างสู่"อาจารย์ใหญ่"
ด้านรศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มข. เผยว่าขั้นตอนหลังจากนี้ คณะแพทยศาสตร์ มข. จะนำร่างของหลวงพ่อคูณเข้าสู่กระบวนการดองเป็นระยะเวลา 1 ปี หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนดำเนินการเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ให้นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศึกษา เป็นระยะเวลา 2 ปี เมื่อครบ 2 ปีแล้ว จะดำเนินการฌาปนกิจศพและนำอัฐิไปลอยในแม่น้ำโขงที่ จ.หนองคาย ต่อไป ส่วนการฌาปนกิจศพจะจัดขึ้นที่วัดใน จ.ขอนแก่น หรือวัดบ้านไร่นั้น ต้องร่วมประชุมหารือกันอีกครั้ง
รศ.นพ.ชาญชัยเผยด้วยว่า คณบดีคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นหลายท่านเคยเข้าไปกราบหลวงพ่อคูณ ตนก็เคยได้ไปกราบท่าน หลวงพ่อได้พูดกับคณบดีที่เข้าพบเสมอว่า "อีกหน่อยกูก็ได้ไปอยู่กับมึงแล้ว" แสดงถึงเจตจำนงอันแน่วแน่ของท่านที่ต้องการให้ร่างของท่านเป็นอาจารย์ใหญ่เพื่อประโยชน์สืบไป และท่านมักสั่งอย่างจริงจังเสมอว่าให้ทำตามพินัยกรรม ไม่อนุญาตแม้กระทั่งลูกศิษย์จะขอบางส่วนของร่างกายท่านไปไว้ที่วัดบ้านไร่ เชื่อว่าลูกศิษย์ที่เคารพรักท่านมีเป็นจำนวนมาก แต่หากไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของท่านก็ต้องชี้แจงแก่สังคม ส่วนทีมแพทย์นั้นยืนยันว่าจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
บรรยากาศศิษยานุศิษย์อาลัย"พ่อคูณ" |
ศิษย์วัดบ้านไร่ขอกราบครั้งสุดท้าย
นายธวัช เรืองหร่าย ไวยาวัจกรและกรรมการวัดบ้านไร่ เผยถึงพินัยกรรมฉบับสุดท้ายที่ทำไว้เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2543 ว่า ตามพินัยกรรมระบุหลังจากหลวงพ่อมรณภาพจะส่งมอบร่างให้คณะแพทยศาสตร์ มข. กรรมการวัดได้ขออนุญาตนายธงชัย ลืออดุลย์ ผวจ.นครราชสีมา และรศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มข. เพื่อนำร่างหลวงพ่อคูณไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านไร่ก่อนส่งมอบให้ตามพินัยกรรม แต่ที่ประชุมและคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มข. ไม่อนุญาตเพราะต้องเป็นไปตามขั้นตอนการบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ให้นักศึกษาแพทย์ศึกษาค้นคว้า คณะกรรมการวัดบ้านไร่และลูกศิษย์ก็เข้าใจและยอมรับมติที่ประชุม เพียงแต่ขอโอกาสให้ศิษยานุศิษย์ได้กราบศพท่านเป็นครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาลมหาราชจนถึงเวลา 20.00 น. วันเดียวกันนี้ ก่อนเคลื่อนศพไป ม.ขอนแก่น ต่อไป
คลื่นประชาชนเศร้าสลดกราบศพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมได้ข้อสรุปดังกล่าว นายธงชัยขออนุญาตรศ.นพ.ชาญชัยเปิดโอกาสให้ศิษยานุศิษย์ชาว จ.นครราชสีมา กราบศพหลวงพ่อคูณเป็นครั้งสุดท้ายก่อนส่งมอบตามขั้นตอน จากนั้นมีการเคลื่อนศพหลวงพ่อคูณขึ้นไปยังห้องประชุมชั้น 9 ตึกเฉลิมพระเกียรติ ร.พ.มหาราช นครราชสีมา ตลอดเส้นทางประชาชนจำนวนมากที่มารอนมัสการต่างร่ำไห้เสียใจ โดยมีประชาชนที่ทราบข่าวต่างนำพวงมาลัยมา ทยอยกราบศพจำนวนมากท่ามกลางบรรยากาศเศร้าสลด
ศิษย์ร่ำไห้ส่งพ่อคูณเป็นอจ.ใหญ่
เวลา 19.00 น. ศิษยานุศิษย์ทยอยเข้านมัสการสรีระของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่ห้องประชุมชั้น 9 ตึกเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมากันย่างเนืองแน่น ในจำนวนนี้มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมพล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ ภรรยา และอดีตส.ส.นครราชสีมา ร่วมกราบศพด้วย จากนั้นเวลา 19.30 น. คณะแพทย์และคณะกรรมการวัดบ้านไร่เคลื่อนสรีระหลวงพ่อคูณลงจากชั้น 9 เพื่อไปขึ้นรถตู้ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ท่ามกลางศิษยานุศิษย์มาเฝ้าส่งหลวงพ่อคูณไปเป็นอาจารย์ใหญ่หลายพันคน ต่างเปล่งเสียงสาธุพร้อมกันดังกึกก้องไปทั่วโรงพยาบาล หลายคนร่ำไห้ด้วยความอาลัย กระทั่งเวลา 19.50 น. ขบวนสรีระของหลวงพ่อคูณเคลื่อนออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อเดินทางไปยังคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมีรถตำรวจทางหลวงนำขบวน ถึงมหาวิทยาลัยขอนแก่นประมาณเวลา 22.00 น.
มข.จัดสถานที่รับสรีรสังขาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคาร 25 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.พิพัฒน์พงษ์ แคนลา รองคณบดีฝ่ายกายภาพและสภาพแวดล้อม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ในคณะแพทยศาสตร์ จัดเตรียมสถานที่รองรับสรีรสังขารหลวงพ่อคูณและประชาชนที่จะเดินทางมาเคารพศพหลวงพ่อคูณจากทั่วทั้งประเทศ ติดตั้งเต็นท์พร้อมจัดโต๊ะเก้าอี้ โดยจะจัดพิธีสวดอภิธรรมตั้งแต่วันที่ 17 - 22 พ.ค. 2558 ตามพินัยกรรมที่หลวงพ่อคูณระบุไว้ ในส่วนพิธีสงฆ์มีการจัดเตรียมโต๊ะหมู่บูชาและสถานที่สำหรับการวางสรีรสังขารหลวงพ่อคูณซึ่งจะสูงจากพื้นราว 1 เมตร
รศ.พิพัฒน์พงษ์กล่าวว่า การจัดเตรียมสถานที่จัดวางสรีรสังขารสูงจากพื้น 1 เมตร นำรูปแบบจากงานพิธีศพหลวงปู่ศรี มหาวีโร เจ้าอาวาสวัดประชาคมวนาราม จ.ร้อยเอ็ด ถือเป็นการจัดพิธีที่สมเกียรติ หลวงพ่อคูณทำพินัยกรรมไว้ที่คณะแพทยศาสตร์ มข. เพื่อมอบร่างให้เป็น "อาจารย์ใหญ่" ของนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มข. ขณะนี้คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มข. พร้อมคณะเดินทางไปที่จ.นครราชสีมาเพื่อไปรับศพหลวงพ่อคูณตามพินัยกรรมที่ระบุไว้ภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อศพหลวงพ่อคูณมาถึงมหาวิทยาลัยขอนแก่น จะมีพิธีสวดพระอภิธรรม 7 วัน จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการจัดการเรียนการสอนซึ่งจะใช้เวลา 3 ปี แยกเป็นการดูแลรักษาศพตามหลักวิทยาศาสตร์ (ดองศพ) 1 ปี และใช้ในการเรียนการสอนตามหลักสูตรนักศึกษาแพทย์ 2 ปี ก็จะนำร่างหลวงพ่อคูณไปประกอบพิธีขอพระราชทานเพลิงศพเช่นเดียวกับอาจารย์ใหญ่ทั่วไป ก่อนนำอังคารของท่านไปลอยที่แม่น้ำโขงตามที่หลวงพ่อคูณเขียนไว้ในพินัยกรรม
รศ.พิพัฒน์พงษ์กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันโดยรอบบริเวณสถานที่จะจัดตั้งโรงทานและเต็นท์กว่า 20 หลัง เพื่อไว้รอต้อนรับคณะศิษยานุศิษย์ที่จะมาร่วมไว้อาลัยจากทั่วทุกสารทิศเช่นกัน โดยจะดำเนินงานตามเจตนารมณ์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรมทั้งหมด พร้อมตั้งจุดรับบริจาคให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญกับหลวงพ่อ ยอดเงินที่ได้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีและสมทบบริจาคเข้าสู่อาคารสงฆ์อาพาธของร.พ.ศรีนครินทร์
จัดพิธีบำเพ็ญกุศล17-23พ.ค.
รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่นจัดเตรียมอาคาร 25 ปี เป็นสถานที่รับสรีรสังขารหลวงพ่อคูณเป็นการชั่วคราว ส่วนสถานที่ตั้งสรีระสังขารหลวงพ่อคูณจริงคือศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยจะเคลื่อนสรีระท่านไปยังศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก ในวันที่ 17 พ.ค. เวลาประมาณ 14.00-15.00 น. ขอเชิญชวนบุคลากรมหาวิทยาลัยขอนแก่น ศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไป ร่วมพิธีเคลื่อนสรีรสังขารหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ แต่งกายสุภาพ(ไว้ทุกข์)
อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่นกล่าวต่อว่า สำหรับพิธีสวดพระอภิธรรมศพหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-23 พ.ค. เวลา 19.00 น.เป็นต้นไป ประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลโดยศิษยานุศิษย์และประชาชนผู้เคารพศรัทธา โดยระหว่างวันที่ 18-23 พ.ค. เวลา 09.00 น. ประกอบพิธีทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ เปิดให้เคารพศพเวลา 06.00-22.00 น. ผู้มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคจตุปัจจัยบริเวณชั้น 2 ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก เงินจากการบริจาคจะนำไปบริหารจัดการพิธีกรรมทางศาสนา และเมื่อเสร็จสิ้นพิธีกรรมทางศาสนาจะส่งมอบสรีระสังขารหลวงพ่อคูณเพื่อเข้าสู่กระบวนการเรียนการสอน เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติสืบไป
ตร.ขอนแก่นจัดการจราจร
พ.ต.อ.สุภากร คำสิงห์นอก รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า กำลังตำรวจขอนแก่นพร้อมอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ตลอดทั้งเส้นทางที่ขบวนสรีรสังขารของหลวงพ่อคูณเข้ามาในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ตำรวจท้องที่และตำรวจทางหลวงจัดรถนำขบวนและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับขบวนรถที่คาดว่าจะมีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะตลอดแนว ถ.มิตรภาพ ตั้งแต่ อ.พล โนนศิลา บ้านไผ่ บ้านแฮด และเข้าสู่เขต อ.เมืองขอนแก่น จนถึงสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาที่ศาลา 25 ปี มข. ขณะเดียวกันกำลังตำรวจจราจร ตำรวจสายตรวจ จะประจำที่สถานที่ประกอบพิธีทั้ง 7 วัน เพื่อจัดการจราจรและอำนวยความสะดวกให้ศิษยานุศิษย์ที่จะเดินทางมาในเขต จ.ขอนแก่น ในแต่ละวันจำนวนมาก
วัดบ้านไร่เงียบเหงา
สำหรับบรรยากาศที่วัดบ้านไร่เป็นไปอย่างเงียบเหงาหลังชาวบ้านทราบมติที่ประชุมร่วมว่าจะนำศพหลวงพ่อคูณไปยัง จ.ขอนแก่น ตามพินัยกรรม ในช่วงแรกมีการจัดเตรียมโต๊ะเก้าอี้เพื่อรองรับญาติโยมแต่ได้จัดเก็บออกไป โดยญาติโยมจำนวนหนึ่งเดินทางไปร่วมกราบศพที่โรงพยาบาลมหาราช แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางมาชมวัตถุมงคลของหลวงพ่อคูณจำนวนหนึ่ง
ประวัติพ่อคูณ"เทพเจ้าด่านขุนทด"
สำหรับประวัติพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ เป็นพระสงฆ์ที่ชาวไทยเลื่อมใสศรัทธามากที่สุดรูปหนึ่งในปัจจุบัน เอกลักษณ์ของหลวงพ่อคูณที่โดดเด่นคือการนั่งยอง พูดกูมึง ดำรงตนแบบสันโดษ จนกลายเป็นภาพที่เห็นกันชินตา หลวงพ่อคูณนำพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากล่าวเป็นคติธรรมคำสอนสั้นๆ ตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย ลึกซึ้งกินใจและเป็นอมตะ ง่ายต่อการนำไปปฏิบัติ ความเมตตาเปี่ยมล้นที่ตั้งอยู่บนหลักคุณธรรมทำให้ท่านได้รับสมญานามว่า "เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด"
ศิษย์หลวงพ่อแดงสายวิปัสสนา
หลวงพ่อคูณ เกิดในสกุล ฉัตรพลกรัง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม 2466 ที่บ้านไร่ ม.6 ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา บิดา-มารดา ชื่อนายบุญ และนางทองขาว ฉัตรพลกรัง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน ครอบครัวประกอบอาชีพชาวไร่ชาวนาในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ในวัยเยาว์ท่านต้องสูญเสียโยมบิดามารดาในขณะที่ลูกทั้ง 3 คนยังเป็นเด็ก ท่านกับน้องๆ จึงอยู่ในความอุปการะของน้าสาว เมื่ออายุ 6-7 ขวบ ด.ช.คูณเข้าเรียนหนังสือกับพระอาจารย์ฉายและพระอาจารย์หล ทั้งภาษาไทยและภาษาขอม พระอาจารย์ยังมีเมตตาอบรมสั่งสอนวิทยาคมเพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ
กระทั่งอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2487 ได้รับฉายาว่า ปริสุทโธ ภายหลังอุปสมบทท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ต.สำนักตะคร้อ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลวงพ่อแดงเป็นพระนักปฏิบัติทางด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระอย่างเคร่งครัด อีกทั้งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมยิ่ง หลวงพ่อคูณอยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อแดงมานานพอสมควร หลวงพ่อแดงจึงพาหลวงพ่อคูณไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อคง พุทธสโร ซึ่งเป็นสหธรรมิกกัน เวลาล่วงเลยผ่านไป กระทั่งหลวงพ่อคงเห็นว่าลูกศิษย์มีความรอบรู้ชำนาญการปฏิบัติธรรมดีแล้ว จึงแนะนำให้ออกธุดงค์จาริกไปตามป่าเขาลำเนาไพร ฝึกปฏิบัติธรรมเบื้องสูงต่อไป
ออกธุดงค์จาริกไกลถึงลาว-เขมร
ครั้งแรก หลวงพ่อคูณท่องธุดงค์จาริกอยู่ในเขตจังหวัดนครราชสีมา จากนั้นจาริกออกไปไกลถึงประเทศลาวและประเทศเขมร มุ่งเข้าสู่ป่าลึก เพื่อทำความเพียรให้เกิดสติปัญญา เพื่อการหลุดพ้นจากกิเลส ตัณหา และอุปาทานทั้งปวง หลังจากที่พิจารณาเห็นสมควรแก่กาลแล้ว หลวงพ่อคูณจึงออกเดินทางจากประเทศเขมรกลับสู่ประเทศไทย เดินข้ามเขตด้านจังหวัดสุรินทร์สู่จังหวัดนครราชสีมา กลับบ้านเกิด จากนั้นเริ่มดำเนินการก่อสร้างวัดบ้านไร่ เพื่อเป็นถาวรวัตถุทางพระพุทธศาสนา พร้อมสร้างโรงเรียนไว้เพื่อเด็กบ้านไร่อีกด้วย นับเป็นพระนักพัฒนาที่มีสาธุชนศรัทธายิ่ง
สร้างวัตถุมงคลตะกรุดทองฝังแขน
ในด้านการสร้างวัตถุมงคล หลวงพ่อคูณจัดสร้างวัตถุมงคลมาตั้งแต่บวชแล้ว 7 พรรษา เริ่มทำวัตถุมงคลเป็นตะกรุดโทน ตะกรุดทองคำฝังที่ใต้ท้องแขน ณ วัดบ้านไร่ ราว พ.ศ.2493 การปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงพ่อคูณใช้คาถาว่า "มะอะอุ นะมะพะธะ นโมพุทธายะ พุทโธ ยานะ" หลวงพ่อคูณใช้เวลาในการปลุกเสกสั้นมาก ท่านเคยปรารภว่า "เมื่อจะปลุกเสกวัตถุใด ใจต้องเป็นสมาธิ เมื่อใจมีสมาธิปลุกเสกสิ่งใดก็ขลัง" อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อคูณกล่าวย้ำว่า "เมื่อมีพระเครื่องของกูติดตัว ให้ภาวนาพุทโธ ทำจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่ ละเว้นถ้อยคำด่าทอด่าพ่อแม่ตนและพ่อแม่คนอื่น อย่าผิดสามีหรือภรรยาผู้อื่น และให้สวดมนต์ก่อนเข้านอนทุกคืน ไม่ว่าจะอยู่ ที่ใด"
เปิดพินัยกรรม"หลวงพ่อคูณ"
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พินัยกรรมฉบับสุดท้ายที่พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ทำไว้ และมีการเปิดพินัยกรรมออกมา รายละเอียดระบุว่า บริจาคศพให้คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนนำมาฌาปนกิจแบบเรียบง่าย ห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ อัฐิ อังคารลอยแม่น้ำโขง โดยมีพยานรับรอง 4 คน คือ รศ.สุขชาติ เกิดผล รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นายประทีป วงษ์กาญจนรัตน์ นายธวัช เรืองหร่าย ไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ และนายเนาวรัตน์ สังการกำแหง นิติกร 8 (ชำนาญการ) มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เนื้อหาสำคัญระบุว่า อาตมาหลวงพ่อคูณ อายุ 77 ปี (ในขณะนั้น) ถิ่นพำนักวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ลงวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2543 ขอทำพินัยกรรมกำหนดการเผื่อถึงการมรณภาพ เกี่ยวกับเรื่องการจัดงานศพของอาตมา ภายหลังที่อาตมาถึงมรณภาพ 1.ศพของอาตมา ให้มอบแก่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากละสังขาร เพื่อให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นมอบให้ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปศึกษาค้นคว้าตามวัตถุประสงค์ของภาคต่อไป 2.พิธีกรรมศาสนา การสวดอภิธรรมศพ ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำพิธีสวดพระอภิธรรมศพที่คณะแพทยศาสตร์ 7 วัน 3.การจัดทำพิธีบำเพ็ญกุศล เมื่อสิ้นสุดการศึกษาค้นคว้าของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว ให้จัดงานแบบเรียบง่าย ละเว้นการพิธีสมโภชใดๆ และห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ โกศและพระราชพิธีอื่นๆ เป็นกรณีพิเศษเป็นการเฉพาะ โดยให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กระทำพิธีเช่นเดียวกับการจัดพิธีศพของอาจารย์ใหญ่นักศึกษาแพทย์ประจำปีร่วมกับอาจารย์ใหญ่ท่านอื่น แล้วเผา ณ ฌาปนสถาน วัดหนองแวง พระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น หรือวัดอื่น 4.เมื่อดำเนินเสร็จสิ้นแล้ว อัฐิ เถ้าถ่าน และเศษอังคารทั้งหมด ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปลอยที่แม่น้ำโขง จ.หนองคาย ตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม