WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

หยุดปฏิบัติหน้าที่ โละกก. 3 ชุด"คุรุสภา-สกสค.องค์การค้า" สั่งคตร.ลุยสอบงบและโครงการของทั้ง 3 หน่วยงาน นายกฯแถลงผลงาน 6 เดือน ยันมีความคืบหน้าทุกด้าน บางเรื่องต้องใช้ม.44 วอนศึกษาข้อมูลผลงานของรัฐบาล อย่าใช้แต่วาทกรรม ลั่นไม่ท้อแท้ แม้ถูกกดดัน ยอมรับข้อมูลขรก.ทุจริตมีระดับปลัดกระทรวงเอี่ยวด้วย ส่งต้นสังกัดลงโทษวินัยแล้ว สปช.ถ่ายทอดสดช่อง 11 อภิปรายร่างรธน. 7 วัน เผยเนื้อหา 315 มาตรา 130 หน้า สปช.จ้องชำแหละที่มานายกฯ ที่มาส.ส.-ส.ว. วงสัมมนาม.มหิดลสับร่างรธน. ออกแบบ ลักลั่น ระบบโอเพ่นลิสต์สับสนในตัวเอง หวั่นสร้างปัญหาในอนาคต

 

 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ชมนิทรรศการของกระทรวงต่างๆ หลังแถลงผลงานรัฐบาล 6 เดือน ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ทดลองทำบัตรประชาชนใบใหม่ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 เม.ย.

 



'ตู่'นำทีมแถลงผลงาน 6 เดือน

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 เม.ย. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 6 เดือน โดยมีรองนายกฯ และผู้แทนรองนายกฯ นั่งในที่จัดไว้ ทั้งนี้ เมื่อนายกฯ แถลงเสร็จ รองนายกฯ จะแถลงต่อ ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวถึงงานด้านความมั่นคง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล กล่าวถึงงานด้านเศรษฐกิจ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ กล่าวเกี่ยวกับงานด้านสังคม นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ เป็นผู้แทนพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ด้านต่างประเทศ กล่าวถึงงานด้านต่างประเทศ และนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้แทนนายวิษณุ เครืองาม กล่าวงานด้านกฎหมาย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคณะรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการระดับสูง รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ นั่งตามจุดที่จัดไว้ โดยหลังการแถลง เปิดให้ตั้งข้อซักถามก่อนทั้งหมดจะเยี่ยมชมนิทรรศการผลงาน บริเวณโถงกลางตึกสันติไมตรีงานแถลงผลงานครั้งนี้ มีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (สทท.) 


แจกเอกสาร 22 หน้า 11 นโยบาย
     ทั้งนี้ ก่อนการแถลง เจ้าหน้าที่สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกฯ ได้แจกเอกสารรวบรวมผลงานรอบ 6 เดือน จำนวน 22 หน้า แบ่งเนื้อหาเป็นสถานการณ์ก่อนเข้าบริหารประเทศ สถานการณ์หลังเข้าบริหารประเทศ แนวนโยบายรัฐบาล กลไกขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ผลดำเนินงานของรัฐบาลในรอบ 6 เดือน ซึ่งเป็นนโยบายทั้ง 11 ด้านตามที่รัฐบาลแถลงไว้ ประกอบด้วย นโยบายที่ 1 การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ นโยบายที่ 2 การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ 

      นโยบายที่ 3 การลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ นโยบายที่ 4 การศึกษาและเรียนรู้ การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นโยบายที่ 5 การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน นโยบายที่ 6 การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ นโยบายที่ 7 การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน นโยบายที่ 8 การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประเทศจากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรม
      นโยบายที่ 9 การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร การสร้างสมดุลและระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน นโยบายที่ 10 การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และนโยบายที่ 11 การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

ย้ำไม่คิดอยู่ต่อ-รธน.เสร็จมีเลือกตั้ง
      พล.อ.ประยุทธ์ แถลงโดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาทีว่า วันนี้เป็นวันดีเพราะเป็นวันพระ ตอนเช้าไหว้พระขอให้ตัวเองใจเย็นๆ อารมณ์ดีตลอดเพราะเพิ่งผ่านเทศกาลสงกรานต์วันขึ้นปีใหม่ไทยด้วย ต้องเข้าใจว่าเราเข้ามาเพื่อให้เกิดการปฏิรูป แก้ปัญหาที่ทับซ้อนมานานซึ่งต้องแก้ไขทั้งระบบ แต่มีการวิจารณ์ว่ารัฐบาลใช้อำนาจดุเดือด เด็ดขาดเกินไป ก็ต้องชี้แจงว่าใช้เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าให้ได้ วันนี้คนในประเทศก็ยอมรับได้ เพราะทุกคนอยากให้ประเทศชาติปลอดภัย ไม่ได้หวังอย่างอื่น ส่วนจะมีใครไม่เข้าใจบ้างก็ไม่เป็นไร ถือว่าคนไทยทั้งชาติเข้าใจ ผมก็มีกำลังใจทำงานต่อไปได้
 นายกฯกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ในระยะที่ 3 ของการทำงานคือการร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ประกาศใช้ได้โดยไม่มีความขัดแย้ง ก็จะนำไปสู่การเลือกตั้ง อยู่ที่ประชาชนทั้งประเทศจะเป็นผู้ตัดสินใจ อย่ามาพูดว่าตนดึงไว้เพราะอยากอยู่ต่อ ทั้งที่ตนไม่คิดอยากอยู่ต่อ ที่ผ่านมาเรามุ่งมั่นทุ่มเทแก้ปัญหาทั้งระบบ ส่วนเรื่องเงื่อนไขเวลาไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ขอร้องว่าอย่ามากล่าวหาว่าตนต้องการดึงเพื่อให้รัฐบาลอยู่ต่อ เรื่องนี้อยู่ที่ประชาชนว่าจะตัดสินใจอย่างไร หรือต้องการให้กลับไปที่เก่า รัฐธรรมนูญใหม่ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง มีบทเฉพาะกาล ไม่เช่นนั้นก็จะเหมือนเดิม
    "ยืนยันว่า ขณะนี้เงื่อนไขเรื่องเวลา ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ยืนยันว่าไม่ต้องการอยู่ในอำนาจหรือแสวงหา ผลประโยชน์ใดๆ ไม่เคยได้ประโยชน์อะไรสักอย่าง ซึ่งได้รับทั้งคำชมและตำหนิ ผมไม่ถือมาเป็นอารมณ์ แต่ยอมรับว่าหงุดหงิดบ้าง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

วอนอย่าสร้างวาทกรรม
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลที่แถลงไว้มี 11 ด้าน ทุกด้านมีความคืบหน้า เมื่อแถลงสรุปผลงานแล้ว อยากให้ทุกคนได้อ่านและศึกษาข้อมูล ถ้าไม่อ่านก็ไม่รู้เรื่องและไปเขียนวิจารณ์ในทางที่ไม่ถูกต้องโดยที่ยังไม่เห็นรายละเอียด รวมถึงการทำงานสื่อมวลชนที่มีการสร้างวาทกรรมในการพาดหัวข่าว ทำให้เกิดความขัดแย้งในหลายเรื่อง นอกจากนี้นิสัยของคนไทย อะไรที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น ภาษี ต้องติไว้ก่อนทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ต้องแก้นิสัยตรงนี้ให้ได้ ต้องคิดให้ลึก หาข้อสรุปก่อนจะตำหนิ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีกำลังใจคิดอะไรใหม่ๆ เราทำงานเพื่อวันข้างหน้า ไม่ใช่แค่วันนี้ ที่สำคัญเราไม่ใช่รัฐบาลผูกขาด เรามีเงินเท่านี้ก็ใช้จ่ายเท่านี้ อย่างน้อยก็ไม่สร้างภาระระยะยาวเหมือนที่ต้องรับมาในวันนี้
    นายกฯ กล่าวว่า นิสัยที่ต้องแก้อีกอย่างคือ ชอบสร้างวาทกรรมต่างๆ รวมทั้งการพาดหัวข่าวของสื่อบางฉบับ ยอมรับว่าบางวันเห็นพาดหัวข่าวแล้วโมโห แต่พอเปิดอ่านเนื้อข่าวด้านในสาระก็ดี ไม่เข้าใจว่าไปเอาอะไรมาพาดหัวให้คนตกใจเล่น ไม่รู้จะเอามาทำไมให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น ทั้งที่พวกเราตั้งใจทำให้ประเทศชาติสงบ ปลอดภัยอย่างยั่งยืน เดินหน้าประเทศ มีความเข้มแข็งในทุกภาคส่วน 

ใช้ม.44 แก้ปัญหาติดขัด
     นายกฯ กล่าวว่า ดังนั้น อย่าเพิ่งเดือดร้อน ตีตนไปก่อนไข้ อย่าไปสร้างวาทกรรมว่า ทำเพื่อคนนั้นคนนี้ ตนบอกแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนมาด้วยความตั้งใจอยากช่วยชาติ ก็ต้องให้ความเป็นธรรม ให้โอกาสโต้แย้งชี้แจงได้ทุกวัน ตนฟังทุกเรื่อง ทั้งนี้ ต่างประเทศต้องเข้าใจเราด้วย อย่าไปกังวล ตนให้ผู้ใหญ่ไปพูดคุยกับทูตทุกประเทศ ซึ่งเขาไม่เข้าใจหลายเรื่องแต่วันนี้เข้าใจแล้ว และเขาตอบไม่ได้ว่าถ้าเรื่องมันเกิดแบบนี้กับเขาจะทำอย่างไร เราไม่ได้ทะเลาะกับใคร เราพูดคุยกับคนทั้งโลกอยู่แล้ว ไม่คบกับผู้ร้าย ไม่คบผู้ทุจริต ถ้าเป็นคนดี เราคบหมด ไม่ว่าจะไทยหรือต่างประเทศ 
    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว เพื่อแก้ไขปัญหาข้อติดขัดที่จำเป็นเร่งด่วน ไม่สามารถรอการแก้ไขตามกระบวนการตามปกติได้
     นายกฯ กล่าวว่า วาทกรรมอีกอย่างที่ว่าตนอยากอยู่ในอำนาจ อำนาจของตนคืออำนาจบริหารงานเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ ขับเคลื่อนประเทศ นี่คืออำนาจของรัฐบาลนี้ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้ใช้อำนาจอื่นเลย เว้นแต่คนที่ประกาศแล้วว่าผิดตรงนั้นตรงนี้ ต้องเข้าสู่ศาล กระบวนยุติธรรม แล้วมาต่อต้านหรือบอกว่าถูกรังแก คนพวกนี้ขอเลิกเสียที ยืนยันจะใช้อำนาจเฉพาะที่จำเป็นในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และไม่ใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้อง 

ไม่ท้อแท้แม้ถูกกดดัน
     นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการปฏิรูป หลายประเทศใช้เวลา 30-40 ปี แต่ของไทย บางคนมาถามว่าเสร็จแล้วหรือไม่ เสร็จเมื่อใด ทั้งที่เริ่มทำแค่ 6 เดือน แต่ต่างประเทศเข้าใจเราแล้ว ขณะที่เรื่องมาตรา 112 ต่างประเทศก็เข้าใจเราแล้วเช่นกัน คนที่ถูกจับในความผิดมาตรานี้ก็มีหลักฐานทำผิดชัดเจน แต่ยังมีบางคนไปให้ท้ายเขา ไปแฝงตัวในเฟซบุ๊ก ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ไปพูดผ่านเฟซบุ๊ก 
     "คน 60 กว่าล้านคนอยากเห็นบ้านเมืองเดินไป แต่รัฐบาลทำอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องไปทั้งรัฐบาล ข้าราชการ ประชาชน ต้องช่วยกันทั้งหมด ยืนยันจะไม่ท้อถอย แม้จะถูกแรงกดดัน ใครว่าอะไรเรามา ถือเป็นแรงใจให้ผม ยิ่งว่าผมก็ยิ่งทำมากขึ้น มีแรงมากขึ้นกว่าเดิม เข้มงวดมากขึ้นทั้งเรื่องกฎหมาย เรื่องที่ต้องแก้ไข ดังนั้นถ้ายิ่งว่า ผมยิ่งสู้ ยิ่งมีกำลังใจมากขึ้น ไม่ท้อแท้ พักผ่อนมา 5 วันแล้ว พร้อมสู้ทุกอย่าง" นายกฯ กล่าว

จี้สื่ออย่าลงเรื่องไร้สาระ
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้าย นายกฯกล่าวสรุปหลังจากรองนายกฯรายงานผลงานในส่วนที่รับผิดชอบแล้วว่า การสื่อสารทุกวันนี้ยังมีปัญหา โดยเฉพาะในประเทศซึ่งต้องช่วยสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น ไม่ควรนำเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องไปโฆษณาให้คนอื่นมาเล่นงานเรา คนไทยต้องรักคนไทยและประเทศไทย ช่วยกันแก้ปัญหา ถ้าเราไม่มีปัญหา ใครจะมาทำอะไรได้ วันนี้สื่อต้องช่วยกัน ตนไม่เข้าใจสื่อบ้านเรามักลงเรื่องไร้สาระ พอตนพูดก็กล่าวหาว่าปกปิด ต่างประเทศเขาก็มีปัญหาเช่นเดียวกับไทย แต่ไม่เปิดเผยออกมาเพราะเกิดผลเสีย 
      นายกฯกล่าวว่า จากผลสำรวจชาวต่างประเทศอยากมาอยู่ประเทศไทย เพราะประเทศไทยน่ารัก น่าอยู่ คุณภาพชีวิตดี สงบสันติ คนไทยมีผู้หญิงสวยติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ต้องช่วยกันสร้างให้ประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว น่าอยู่และปลอดภัย มีพลเมืองที่มีน้ำใจ ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยก็ยังดีอยู่

ลั่นทำทุกอย่างเพื่อประเทศ
      นายกฯกล่าวว่า อยากฝากทุกคนพิจารณาคำพูดที่ว่า ไม่มีประเทศใดหรือระบอบการปกครองใดจะทำให้ประเทศชาติสงบและสันติได้ หากประเทศนั้นมีเสรีภาพไร้ขีดจำกัด ไม่เคารพกฎหมาย แม้ระบอบประชาธิปไตยที่มีคุณภาพและธรรมาภิบาลก็ไม่สามารถทำให้ประเทศดีขึ้นมาได้ สิ่งที่ตนทำมาทั้งหมดก็เพื่อประเทศชาติ ทุกคนต้องมีสิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่มีต่อบ้านเมือง ต่อคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่มีหน้าที่ไม่เคารพกฎหมาย มีเสรีภาพไร้ขีดจำกัด จะกวนใครก็ได้ เราต้องช่วยกันทำให้ประเทศชาติสงบสุข
       นายกฯกล่าวว่า วันนี้มีการนำมาตรา 44 มาแทนกฎอัยการศึกซึ่งมีถึง 17 มาตรา เพื่อทำหรือแก้ไขในสิ่งที่จะไม่ทันสถานการณ์ ถือเป็นความจริงใจของรัฐบาลที่ต้องการแก้ปัญหาทั้งหมดที่มีอยู่ คนไม่ดีต้องถูกลงโทษ แต่คนดีต้องให้กำลังใจ หากจะเล่นงานก็พวกทุจริต ซึ่งเรื่องอยู่ในชั้นศาล ดังนั้น สื่อไม่ต้องกลัวถ้าไม่ได้ทำผิด อย่าคิดเอาแต่ได้กันฝ่ายเดียว

 

ยังกั๊กทำประชามติรธน.
      จากนั้นเวลา 14.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กรณีมีหลายฝ่ายเรียกร้องให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่า ยังไม่ถึงไหนเลย วันนี้ถ้ารัฐธรรมนูญผ่านได้ ยอมรับกันได้แล้วต้องทำประชามติหรือไม่ วันนี้คนที่อยู่มานานก็บอกว่าประเทศไทยต้องปฏิรูป เพราะเขาอยากมีความสุข เว้นแต่บางคนที่มีปัญหาจึงไม่พอใจ ขอถามว่าถ้าเขียนรัฐ ธรรมนูญแบบเดิมๆ มันแก้ปัญหาได้หรือไม่ ปฏิรูปได้หรือไม่ ดังนั้น ต้องช่วยเรา ถ้าอยากมีอนาคตที่มั่งคั่ง มั่นคง ยั่งยืนก็ต้องทำใหม่ 
     เมื่อถามว่าประชาชนจะมีช่องทางการสื่อสารโดยตรงต่อรัฐบาลได้หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ทำโพลมา ไม่ชอบนายกฯตรงไหน เสียงดัง ดุ ถ้าตั้งคำถามแบบนี้ไม่มีสาระเลย ได้อะไรขึ้นมา ตนดุน้อยลงหรืออารมณ์ดีมากขึ้น ตนก็เป็นอย่างนี้ มันต้องตั้งคำถามให้ดี ถ้าตั้งคำถามว่าอยากเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ได้ ต้องถามว่าควรจะปฏิรูปหรือไม่ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะทำโพลเองหรือไม่ นายกฯ ปฏิเสธว่า ไม่ทำ เพราะถ้าทำแล้ว เดี๋ยวหาว่าอยากอยู่ในอำนาจ

'ตู่'อารมณ์ดี-ตัดผมเสริมหล่อ
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯให้สัมภาษณ์อย่างอารมณ์ดี เมื่อถามถึงเหล็กดัดฟันที่ไม่เห็นใส่มาด้วย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ฉันไม่ได้ใส่ฟันเพื่อความหล่อ ฉันเคี้ยวอาหารแล้วมันเจ็บเหงือก เพราะเคี้ยวแล้วฟันไม่สบ เลยปรึกษาหมอ หมอเลยเอานี่ครอบมาระยะหนึ่ง ก็ทนเจ็บเอา"
      เมื่อถามว่า วันนี้ตัดผมหล่อ ตัดร้านไหน มีร้านประจำหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ลูกน้องไปตามช่างมาตัดที่บ้าน ไปไหนไม่ได้ ทำงานแล้วก็กลับบ้าน ผู้สื่อข่าวบอกว่าทรงนี้ดูดี นายกฯหันไปบอก ทส.ว่าจำไว้ ทรงนี้

ย้ำรัฐบาลเดินทางมาถูกทางแล้ว
      เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า โจทย์สำคัญของประเทศและรัฐบาลคือการสร้างความสามัคคี ปรองดองให้ได้ แล้วแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งคสช.และรัฐบาลเข้ามาบริหาร ทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้นจากที่ติดลบเมื่อปีที่แล้ว 
      นายกฯกล่าวว่า การเตรียมพร้อมที่จะพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องมีกฎกติกาใหม่ เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญที่เหมาะสมกับประเทศ และได้รับการยอมรับ เราจะต้องปฏิรูปหรือไม่อย่างไร ถ้าประชาชนคิดว่าวันนี้เราดีอยู่แล้ว ตนก็ลำบากใจ ซึ่งรู้ว่ามีปัญหาเยอะขนาดไหน ไม่ใช่ข้อแก้ตัวพยายามทำเต็มที่แล้ว ไม่ได้หยุด ยังทำได้เท่านี้ ถ้าเรา จะแก้ปัญหาที่ผ่านมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วประชาชนได้รับผลประโยชน์ที่เท่าเทียมเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำด้วย ถือว่าเดินมาถูกทางที่ให้เรามีโอกาสทำงานตรงนี้ ต้องดูว่าจะร่วมมือกันอย่างไรต่อไป แก้ไขอย่างไร โรดแม็ปเป็นอย่างไร จะปฏิรูปได้หรือไม่ 
      นายกฯกล่าวว่า การวางรากฐานที่มั่นคงในทุกมิติ 6 เดือนที่ผ่านมานั้น รัฐบาลดำเนินการไปแล้วเบื้องต้นและพร้อมจะส่งต่อให้ รัฐบาลต่อๆ ไป ถ้าได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ยอมรับในกติกา เรื่องการปฏิรูป เราก็บรรลุวิสัยทัศน์ของประเทศ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนในทุกระดับ 

อัดนักการเมืองจ้องฉวยโอกาส
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ได้ตำหนิติเตียนใคร มีคนเขียนในสื่อหนังสือพิมพ์ ตนอ่านมาก็เข้าท่าดี เขาบอกว่านิสัยที่ไม่ดีของคนไทยส่วนหนึ่ง ส่วนใหญ่ดีอยู่แล้ว ดีมากกว่าไม่ดี ซึ่งส่วนที่ไม่ดีคือ 1.ไม่ชอบศึกษาอะไรที่เป็นรายละเอียด ปลีกย่อยมากๆ คือไม่คิดแล้วก็เร่งรีบวิจารณ์ไปก่อน ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะทำเพื่ออะไร 2.นักการเมืองที่เป็นนักเลือกตั้ง คนดีเยอะ แต่บางคนยังใช้วิธีเดิมๆ ตั้งหน้าตั้งตารอว่าใครจะพลาดตรงไหนจะเก็บคะแนนได้ตรงไหน ฉวยโอกาสโจมตีทุกคนที่พลาด ไม่ว่านักการเมืองด้วยกัน รัฐบาล หรือใครก็ตาม ตั้งใจทำความดีก็ด่าไปหมด ใช้วาทกรรมเจ็บๆ วันนี้รัฐบาลพยายามจะทำเพื่อคนจน ก็หาว่ารัฐบาลแกล้งคนจน ไม่มีจะกินอยู่แล้ว เอาแต่ขูดรีด เก็บภาษี ตนก็ยังไม่ได้เก็บตรงไหนเลย 
        "ถ้าเราต้องการให้ประเทศก้าวหน้า ต้องปฏิรูปคน 2 พวกนี้ก่อน นิสัยที่ไม่ดี คือนิสัยไม่ศึกษาให้ละเอียดแล้วตำหนิติเตียน สองคือไม่นึกถึงสังคมส่วนรวม สังคมไทยกำลังตกอยู่ในสังคมวาทกรรม เชือดเฉือนด้วยถ้อยคำมากกว่าให้โอกาสพิสูจน์การทำงาน สร้างวาทกรรมผิดๆ ออกมา แม้รัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ยังต้องการความร่วมมือแก้ปัญหา ยังมีคนพยายามสร้างความเข้าใจผิดไม่คำนึงถึงผลเสียต่อประเทศชาติและประชาชน ซึ่งไม่มีระบบใดที่จะสร้างความปรองดองในประเทศได้ ไม่มีระบบการปกครองใดทำให้ประเทศเจริญได้ หากคนในชาติยังไม่ได้รับการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติตน แนวคิด ในทุกกลุ่มทุกภาคส่วน ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ต้องศึกษารายละเอียดให้มากขึ้น ฟังก่อนพูด คิดก่อนทำ คำนึงถึงส่วนรวมมาก่อนส่วนตน สิ่งใดที่ขัดขวางการเจริญของประเทศก็ไม่สมควรทำ รัฐบาลจะจับตาดูคนเหล่านี้ว่าทำให้ประเทศชาติมันเสียหายหรือเปล่า ประชาชนช่วยกันดู ช่วยกันพิสูจน์ข้อเท็จจริง" นายกฯกล่าว

'ประวิตร'ชี้มีแค่คนส่วนน้อยที่ต้าน
       ด้านพล.อ.ประวิตร แถลงถึงงานด้านความมั่นคงตอนหนึ่งว่า กระทรวงกลาโหมเป็นศูนย์กลางดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ให้เกิดความสงบเรียบร้อย ปรองดอง โดยเชิญทุกฝ่ายเข้ามาพูดคุยว่าทำอย่างไรให้เกิดความปรองดองขึ้นได้ ความจริง เวลานี้มีความสงบเรียบร้อยในประเทศแล้ว คนส่วนใหญ่เห็นด้วยแต่ยังมีส่วนน้อยเท่านั้น อย่างที่นายกฯ กล่าวไว้ว่านักการเมืองยังออกมาต่อต้าน เพราะไม่มีอาชีพ ไม่มีงานทำ ดังนั้นต้องเข้าใจด้วยว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้อยากเข้ามาบริหารประเทศ แต่เข้ามาเพื่อช่วยให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เลือกใช้มาตรการป้องกัน มากกว่าปราบปราม 

บัวแก้วฟุ้งต่างชาติเข้าใจโรดแม็ป
      ขณะที่ นายดอนแถลงผลงานด้านต่างประเทศว่า นโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลมีความครอบคลุมทุกมิติ ที่ผ่านมาเราใช้โอกาสสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศ ถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศ โรดแม็ป เป้าหมายการปฏิรูป ส่งผลให้นานาประเทศลดระดับการเตือนคนในชาติไม่ให้มาไทย ถึงวันนี้ไม่มีประเทศใดห้ามคนเข้ามาไทยเลย นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกันในเวทีระหว่างประเทศ เช่น การแก้ปัญหาค้ามนุษย์ การประมงผิดกฎหมาย ทำความเข้าใจถึงความจริงจังในการทำงานของรัฐบาล 
     ส่วนนายสุวพันธุ์แถลงด้านกฎหมายว่า งานด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าภาพ มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง 923 เรื่อง ไต่สวนข้อเท็จจริง 718 เรื่อง เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ผ่านๆ มาด้วย ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) มีการดำเนินการที่สำคัญอาทิ ป้องกันการทุจริตโครงการช่วยเหลือชาวนา โครงการสร้างสนามฟุตซอล ตรวจสอบการบริหารงานของกองทุนสปสช. และตรวจสอบการซื้อเครื่องออกกำลังกาย ซึ่งบางเรื่องส่งให้ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไปแล้ว ส่วนการปรับปรุงกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 เป็นต้นมา นำกฎหมายมาทบทวน ปรับปรุง และทำใหม่ รวม 358 ฉบับ อาทิ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ร.บ.การทวงหนี้ พ.ร.บ.ประกันสังคม 

'อุ๋ย'โวไตรมาส 2 เศรษฐกิจโตแน่
    ด้านม.ร.ว.ปรีดิยาธรแถลงด้านเศรษฐกิจว่า รัฐบาลเร่งรัดทุกเรื่องที่นักลงทุนขอมา โดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐที่สูงขึ้นมา 3.4 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับปีก่อนสูงถึง 55 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น 4.1 เปอร์เซ็นต์ จากการได้รับอนุมัติโครงการต่างๆ ส่วนการส่งออกยังพอไปได้ที่ 2.8 เปอร์เซ็นต์ และการท่องเที่ยวที่มีส่วนทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในไตรมาส 4/2557 ขยับขึ้นมาเป็น 2.3 เปอร์เซ็นต์
     ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า แม้การส่งออกในช่วง 1/2558 จะชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งประเมินว่า 3 เดือนแรกน่าจะติดลบ ที่ 4 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลมาจากการการหดตัวของเศรษฐกิจจีน ญี่ปุ่น และยุโรป แต่เชื่อว่าเมื่อจีนมีการกระตุ้นเศรษฐกิจถึง 2 ครั้งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย และช่วงไตรมาส 2 น่าจะไปได้ดีขึ้น เศรษฐกิจน่าจะกลับมาโตเหมือนเดิม 
     ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจควรจะคึกคักกว่านี้ แต่ที่ยังคึกคักไม่เต็มที่ เป็นผลจากการจัดระเบียบสังคมและการเคร่งครัดกับธุรกิจที่ผิดกฎหมายจึงส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ แต่มองว่าเมื่อมีการเดินหน้าปฏิรูปและจัดระเบียบให้ถูกต้อง เชื่อว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตได้มากกว่านี้ จึงขอให้อดใจรอ

รบ.น้อมรับผลโพล-เร่งตีปี๊บมากขึ้น
       ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยถึงผลสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ระบุรัฐบาลได้คะแนนผลงานในรอบ 6 เดือน ที่ 4.8 คะแนนว่า รัฐบาลรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกภาคส่วน รวมทั้งผลสำรวจของทุกสถาบัน สำหรับผลสำรวจล่าสุด หากดูในรายละเอียดจะพบว่ามีการถาม 2 ส่วนคือ ความพึงพอใจต่อแนวนโยบาย และการให้คะแนนผลงาน อยู่ในระดับดีมาก 7-8 คะแนน ส่วนคะแนนที่ได้น้อยคือคะแนนต่อผลการทำงานตามนโยบาย สะท้อนว่าการวางนโบายของรัฐบาลได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากประชาชนและภาคธุรกิจ ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลมาถูกทาง
     พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนที่ประชาชนยังให้คะแนนรัฐบาลไม่สูงนั้น ต้องนำกลับมาทบทวนวิธีการสื่อสาร เผยแพร่ผลงานให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง ต้องยอมรับว่าการปฏิบัติตามนโยบายบางประการ เป็นเรื่องการวางรากฐานสำหรับอนาคต การแก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาว จึงอาจจะยังไม่ส่งผลให้ประชาชนเห็นได้ชัดเจนในช่วงเวลาอันสั้น

คสช.สั่งล้างบางศธ.-เด้ง'สุทธศรี'
     เมื่อวันที่ 17 เม.ย. เว็บไซต์สำนักราชกิจจานุเบกษา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 6/2558 เรื่อง การกําหนดตําแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดํารงตําแหน่งเพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการในกระทรวงศึกษาธิการ มีประสิทธิภาพ และมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปประเทศตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2557 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ดังนี้
     นางสุทธศรี วงษ์สมาน พ้นจากปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็น เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.), นายพินิติ รตะนานุกูล พ้นจากเลขาธิการ สกศ. เป็นเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา, นายกําจร ตติยกวี พ้นจากเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็น ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
       นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร พ้นจากเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ, นายอดินันท์ ปากบารา พ้นจากผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เป็น เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน, นางรัตนา ศรีเหรัญ พ้นจากรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็น เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้งนี้ มีผลปฏิบัติหน้าที่ตามตําแหน่งตั้งแต่วันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับเป็นต้นไป ลงนามโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.

โละกก.คุรุสภา-สกสค.องค์การค้า
      นอกจากนั้น ยังมีคำสั่ง ที่ 7/2558 เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค. เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการในศธ. มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ดังนี้ ให้บุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งต่อไปนี้พ้นจากตำแหน่ง 1. กรรมการคุรุสภา ตามมาตรา 12 (1) (3) (4) และ (5) แห่งพ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 2.กรรมการ สกสค. ตามมาตรา 64 (3) และ (4) แห่งพ.ร.บ.สภาครูฯ 3.กรรมการในคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสกสค. ทั้งนี้ มิให้มีการแต่งตั้งบุคคลขึ้นมาแทนที่ผู้ดำรงตำแหน่งข้างต้นจนกว่าหัวหน้าคสช. จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง หรือคสช. สิ้นสุดลงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 
       มีคำสั่งให้คณะกรรมการคุรุสภา ตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา ประกอบด้วย รมว.ศธ. เป็นประธานกรรมการ รมช.ศธ. ปลัดศธ. เลขาธิการสกศ. เลขาธิการกพฐ. เลขาธิการกกอ. เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เลขาธิการก.ค.ศ. ผอ.สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น เป็นกรรมการ และให้เลขาธิการคุรุสภาเป็นเลขานุการ


ไหว้พระ- นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ พร้อมอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมพิธีห่มผ้ารอบพระธาตุเชิงชุม และสรงน้ำหลวงพ่อองค์แสน พระคู่บ้านคู่เมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 
 

    ให้คณะกรรมการ สกสค. ตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาประกอบด้วย รมว.ศธ. เป็นประธาน กรรมการ ปลัดศธ. เลขาธิการ สกศ. เลขาธิการกพฐ. เลขาธิการ กกอ. เลขาธิการกอศ. เลขาธิการคุรุสภา และเลขาธิการก.ค.ศ. เป็นกรรมการ และให้เลขาธิการสกสค. เป็นกรรมการและเลขานุการ
    ให้คณะกรรมการสกสค. ปฏิบัติหน้าที่แทนคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสกสค.ด้วย ในกรณีที่เห็นสมควร หัวหน้าคสช.อาจมีคำสั่งให้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการ ได้ตามความเหมาะสม 

สั่งคตร.ตรวจสอบงบ3องค์กร
     นอกจากนั้น มีคำสั่งให้บุคคลต่อไปนี้หยุดการปฏิบัติ หน้าที่ไปก่อนจนกว่าหัวหน้าคสช. จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เลขาธิการคุรุสภา เลขาธิการสกสค. ผอ. องค์การค้า ระหว่างที่บุคคลทั้งหมด หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ให้รมว.ศธ. พิจารณามอบหมายให้รองปลัดศธ. หรือข้าราชการศธ.ในระดับเดียวกันขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตาม 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!