WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

04 เมษายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8893 ข่าวสดรายวัน


บิ๊กตู่ฉุนซีเอ็นเอ็น ขู่แฉกลับ ยันไม่เหลิง'ม.44' 
บิ๊กโชยรับมือ 5 กลุ่มป่วน 2 มือบึ้มศาลยันถูกซ้อม ชูแก้ค้ามนุษย์-วาระชาติ


วาระชาติ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธานประชุมมอบนโยบายป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมประกาศให้การแก้ปัญหาค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 เม.ย.

        'บิ๊กตู่' ลั่นไม่เหลิงอำนาจ แต่ไม่กลัวใคร ว้าก'ซีเอ็นเอ็น'เสนอข่าวสั่งประหารสื่อขู่แฉกลับ เตือนสื่อไทยอย่าบิดเบือน คสช.-รัฐบาลนัดแถลง 7 เม.ย.ชี้แจงเป้าหมายมาตรา 44 'บิ๊กโชย'พร้อมรับมือ 5 กลุ่มป่วน 'หมอ นิรันดร์'กก.สิทธิฯ บุกเรือนจำอีก เยี่ยมผู้ต้องหาคดีบึ้มศาล เผยมี 2 คนยืนยันถูกซ้อมระหว่างถูกคุมตัว ขรก.กว่า 100 คนหนาว 'บิ๊กต๊อก' เตรียมชงชื่อให้นายกฯ ฟันทุจริต ป่าไม้ยันสอบโบนันซ่ารุกป่า ไม่เกี่ยวการเมือง รัฐชูการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ

'บิ๊กตู่'ยันไม่หลงระเริงอำนาจ

     เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 3 เม.ย. ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก (แห่งใหม่) กองคลังยุทโธปกรณ์สรรพาวุธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานงานสถาปนาโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ครบ 106 ปี และพิธีเปิดอาคารโรงเรียนเสนาธิการทหารบก (แห่งใหม่) โดยมี พล.ต.ฐิตินันท์ อุตมัง ผบ.โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ต้อนรับ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่นำมาใช้ในการทำงานเป็นแนวคิดทางการทหารทั้งสิ้น รัฐบาลเข้ามาทำงานแล้ว 6 เดือน วางพื้นฐานแก้ไขปัญหาที่มีความทับซ้อน ต้องใช้เวลาเดินหน้าตามโรดแม็ป ซึ่งหลายคนที่ไม่ใช่ทหาร อาจไม่เข้าใจและเกรงกลัวต่ออำนาจ ยืนยันว่าการมีอำนาจของทหารเป็นอำนาจแห่งการปกครอง มีการหารือร่วมกันและหาข้อยุติได้ก่อนจะสั่งการ สังคมห่วงว่าจะหลงระเริงในอำนาจ แต่ตนคิดว่ายิ่งมีอำนาจมากยิ่งต้องระวัง ใครที่ให้ความสำคัญกับอำนาจมาก ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เราถึงต้องระวังเรื่องอำนาจ จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ คนสนใจแต่มาตราโน้นมาตรานี้ ทำไมไม่สนใจว่าทำอย่างไรจะให้คนในชาติสามัคคีกันได้ ปัญหาของเราคือคนในประเทศมองปัญหาไม่เหมือนกัน ถ้ามายืนอยู่ในจุดที่ตนยืน จะรู้ว่ามันเป็นอย่างไร นี่คือเหตุผลและความจำเป็นต้องมีอำนาจ

ซัดพูดปากเปล่า-เลิกเกรงใจ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต่างประเทศได้ข้อมูลจากสื่อเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคลาดเคลื่อนถึงการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ว่าตนจะใช้อำนาจประหารชีวิตสื่อ ซึ่งสื่อมีหน้าที่ 2 อย่าง เหมือนกลุ่มสิทธิมนุษยชนก็ต้องทำหน้าที่ 2 อย่าง คือหน้าที่พันธกรณีที่ทำไว้กับต่างชาติ ตนไม่ได้ไปคัดค้าน หน้าที่คือเพื่อชาติ ส่วนการทำงานของสื่อ รัฐบาลและตนไม่ได้ขอให้ปกปิด สามารถตรวจสอบได้ทุกอย่าง แต่ต้องให้ความเป็นธรรมก่อนเพราะถ้าเสนอไปแล้วจะผิดไปเลย ทุกอย่างต้องมีเหตุและผลตัดสินใจ การกล่าวหาใดๆ ต้องมีหลักฐาน อย่าพูดปากเปล่า ยืนยันตนไม่เคยใช้กฎหมายละเมิดใคร และมองว่าสังคมไทยทำงานด้วยปากในการเขียนแผน แต่ปฏิบัติจริงไม่ได้ จึงต้องเข้ามาจัดระเบียบ

"ว่างๆ ต้องถามมิตรประเทศว่ามีสถาน การณ์แบบเราหรือไม่ ทั้งใช้อาวุธสงครามและระเบิด เราต้องอธิบายให้เข้าใจ และจากวันนี้ ผมจะไม่เกรงใจ ตราบใดที่ยังพูดให้กองทัพและประเทศเสียหาย เพราะผมมายืนตรงนี้ ต้องรับผิดชอบทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ทุกคนต้องร่วมมือสร้างความเข้าใจ ถ้าเป็นคนไทยต้องช่วยกันเพื่อประเทศ ไม่ต้องมาช่วยผม การเป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้องคือไม่ละเมิดคนอื่นและไม่ทำให้คนอื่นลำบาก เสียชีวิต รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนไทยทั้งหมด จะเป็นสีไหน พรรคไหน ผมไม่สนใจ แต่จะดูแลคนทั้ง 60-70 ล้านคนให้ได้โดยเร็ว เพราะเวลาเรามีจำกัด เข้ามาเพื่อทำแผนไว้ให้ อะไรทำได้ก็ต้องทำ ต้องช่วยกันสวดมนต์ไหว้พระให้รัฐบาลใหม่ทำให้ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

จวกซีเอ็นเอ็น-ขู่เปิดแผลเก่า

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลต้องแก้ใน 3 เรื่องคือ แก้ปัญหาที่ซับซ้อน การขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และการปฏิรูปประเทศที่ต้องใช้เวลาอาจเป็น 10 ปี เพราะปัญหาหมักหมมมานาน ประชาธิปไตยไทยเป็นอย่างนี้มาตลอด ถึงจะใช้เวลาเท่าไรก็ต้องทำ แต่ถ้าทุกคนสนใจแต่การเมือง จะเลือกตั้งอย่างไร ต่อให้อีก 10 ชาติ ถ้ายังเลือกเหมือนเดิม คนแบบเดิมมา มันก็เป็นแบบนี้ ปัญหาไม่จบ วันข้างหน้าก็จัดการกันเองแล้วกันเพราะตนไปแล้ว

นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้เราไม่มีปัญหากับประเทศอื่น เว้นแต่มีปัญหากันเอง ทุกประเทศยังมาพบทุกวัน ไม่ว่าจะยังมีกฎอัยการศึกหรือการประกาศใช้มาตรา 44 ก็ตาม แต่เวลาที่เขาแสดงความเห็น เขาไม่ได้พูดที่นี่ ที่สำคัญมีการล็อบบี้การเคลื่อนไหว ต่อต้านรัฐบาลโดยใช้คำว่าประชาธิปไตยมาบีบ ใช้คำว่าบังคับขู่เข็ญใช้กฎอัยการศึก อย่างวันนี้อ่านข่าวพาดหัวของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นที่ระบุว่าตนใช้อำนาจเต็มตามมาตรา 44 จะสั่งประหาร นักข่าว ชึ่งตนอยากให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และจะให้สัมภาษณ์น้อยที่สุด ถ้ายังไม่ปรับปรุงตัว แล้วมาบอกให้ใจเย็นๆ เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากคนเหล่านั้นยังมาปรามาสตนอีก ตนจะพูดให้หมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกคนต่างมีแผลเหมือนกัน

ฮึ่ม!สื่อไทยอีก-ลั่นไม่กลัวใคร

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนบอกกับต่างประเทศเสมอว่า ขอเวลาให้คนไทย จะทำให้ทุกองค์กรทุกหน่วยงาน แต่พอเริ่มทำก็มีปัญหา เพราะเขาไม่รู้ เห็นเพียงว่าบ้านเมืองเราสวยงาม แต่ไม่รู้ว่าบ้านเราเป็นโพรง ตอนนี้เรากำลังเติมอิฐเติมทราย แต่ก็มีคนเอาน้ำมาราดตอนที่ยังไม่แห้ง คนพวกนี้ไม่ควรอยู่ในแผ่นดินอีกต่อไป ตนบังคับไม่ได้ว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบตน แต่ตนทนไม่ได้ที่จะให้ทำลายประเทศต่อไป 

"วันนี้ผมพูดไม่เกรงใจใคร ในเมื่อไม่เกรงใจผม ผมก็ไม่เกรงใจ เพราะผมทำให้ประเทศ ดังนั้นคนที่ต่อต้านมีเบื้องหลังทั้งนั้น ผมไม่เคยใช้กฎหมายละเมิดใคร และตั้งแต่ประกาศใช้กฎอัยการศึกหรือมาตรา 44 ก็ไม่มีคนตายสักคน จะมีก็แต่คนที่ใช้อาวุธมาต่อสู้เจ้าหน้าที่ ส่วนสื่อก็ไม่เคยปิดสักเล่มหนึ่ง ต่อไปนี้ขอให้เขียนให้ดี ถ้าเขียนไม่ดีก็ต้องเรียกมาพูดคุย เพราะผมไม่เคยกลัวใคร ถ้ากลัวคงไม่กล้ายืนอยู่ตรงนี้ ถ้าคิดว่าผมไม่ดีก็บอก ผมไปให้อยู่แล้ว ที่พูดมีใครสงสัยอะไรไหม พอพูดไปแล้วก็มีอารมณ์นิดหน่อยเพราะวิจารณ์ผมเยอะมาก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

อย่าเอาปชต.มาแบ่งพวก

นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมามาถามตนเรื่องเศรษฐกิจ ตนก็พูดเปรียบเทียบเรื่องมะนาวให้ฟังว่าทุกคนต้องช่วยตัวเองได้ ไม่ใช่ตื่นมาก็เป็นพยาธิปากขอ ตนดูแลทั้งเสียงส่วนใหญ่และส่วนน้อยที่เขาเรียกว่าประชาธิปไตย ให้ได้รับความพึงพอใจ แต่จะเอาประชาธิปไตยมาแบ่งพวกกันไม่ได้ การต่อต้านเป็นเรื่องธรรมดาในประชาธิปไตย แต่เมื่อต่อต้านแล้วรัฐบาลต้องแก้ให้ได้ จะมาชุมนุมยืดเยื้อ 6-10 เดือน ขอประกาศไว้เลยจะเกิดในสมัยตนไม่ได้ อย่ามาทำให้ประเทศเดือดร้อน อย่ามาใช้คำว่าประชาธิปไตยตอนนี้ เพราะตนให้อยู่แล้ว มันเดือดร้อนตรงไหน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือการเลือกตั้ง มีรัฐธรรมนูญ ตนทำตามโรดแม็ปไม่เคยเลื่อน ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าเมื่อไรที่มีรัฐธรรมนูญ ประมาณเดือนก.ย. ถ้ามันออกได้ แต่ตอนนี้แทบฆ่ากันตายอยู่แล้ว ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้นต้องเน้นเรื่องการปฏิรูปและธรรมาภิบาล ไม่ใช่ใช้แต่จินตนาการเท่านั้น อะไรที่เคยเป็นปัญหาในอดีตต้องแก้ได้ อะไรดีๆ ในรัฐธรรมนูญปี 2540-2550 เอามาใส่ถ้าแก้ปัญหาได้ อะไรที่จะอยู่จนตายมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว 

ต้านรัฐบาลไม่มีประโยชน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายการคืนความสุขให้คนในชาติวันที่ 3 เม.ย. ความยาว 1 ชั่วโมง ถือป็นเทปแรกที่พล.อ.ประยุทธ์ พูดเฉพาะช่วงต้นของรายการเป็นเวลา 18 นาที จากนั้นมอบให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ. อุดมเดช สีตะบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ.และหน่วยงานด้านความมั่นคง รวมทั้งพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม มาชี้แจงงานในส่วนความรับผิดชอบ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การที่หลายกลุ่มออกมาต่อต้านการทำงานของรัฐบาล คิดว่าไม่เกิดประโยชน์ ไม่มีอะไรก้าวหน้าขึ้น ขอให้พูดกันด้วยเหตุผล จะเชื่อตนก็เชื่อด้วยหลักการและเหตุผล รัฐบาลพร้อมฟังทุกข้อติชมต่างๆ ติมาในทางที่เกิดประโยชน์ ติมาในเรื่องที่ต้องแก้ไข ไม่ใช่ติทั้งหมด ตนไม่ได้ห้ามต่อต้าน ถ้าไม่เห็นด้วยก็บอกมา ขอให้คำนึงถึงสถานการณ์ อนาคตของชาติด้วย กติกาใหม่ๆ ต้องเดินไปข้างหน้า หยุดอยู่กับที่ไม่ได้ ก้าวถอยหลังก็ไม่ได้อีก แค่อยู่กับที่ก็เหนื่อยแล้ว ดังนั้น ต้องสร้างความมั่นคงแข็งแรงแล้วก้าวไปข้างหน้าให้เร็ว เวลาเรามีน้อย รัฐบาลทำมาบ้างในระยะแรก อนาคตก็ต้องทำโดยใครก็ยังไม่ทราบ แต่ต้องมาทำต่อ ซึ่งอยู่ที่ประชาชนเป็นคนเลือก

แจงม.44ไม่ละเมิดสิทธิใคร

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องมาตรา 44 จริงๆ มีอยู่แล้วในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เมื่อเรายกเลิกกฎอัยการศึกก็จำเป็นต้องเขียนให้ชัดเจนขึ้นว่าเราสามารถดูแลงานความมั่นคงได้ด้วย อีกประการหนึ่งคือถ้าปล่อยไว้จะเป็นปัญหา ซึ่งการจะมีเสรีภาพ มีสิทธิ ต้องอยู่ในกรอบที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แล้วมีช่องทางต่างๆ ที่จะคัดค้านด้วยวิธีการของประชาธิปไตย ไม่ใช่เอาอาวุธมายิงกันบนถนน มันไม่ได้ 

"การใช้กฎอัยการศึกในระยะแรก มีความจำเป็นเพราะหยุดสถานการณ์ที่รุนแรง ถ้าเราไม่ใช้อำนาจเด็ดขาดตอนนั้น มันไม่ถึงวันนี้ ซึ่งทุกคนก็ร่วมมือดี ทุกอย่างลดลง และการใช้มาตรา 44 เอาอำนาจตามความมาตรา 44 มาทำเท่านั้น เขียนให้ชัดเจนขึ้น จริงๆ มันมีอยู่แล้ว ไม่ใช่ไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ได้มีอำนาจเหนือศาล แต่นำมาใช้เพื่อทำให้ปัญหาที่ติดขัดเดินหน้าได้ นั่นแหละคือสร้างสรรค์ อยากให้เข้าใจ อย่ามาตีกันเรื่องนี้อีกต่อไป ผมทำให้มันสงบเท่านั้น สร้างความเข้าใจต่างประเทศด้วย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

อัดคนอยู่ตปท.ไม่รักชาติ

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้หลายคนไปโผล่อยู่ต่างประเทศ หนีกฎหมายไปนั่งเข้าแถว กินอาหารกันสนุกสนาน ตนขอให้กลับมา การไปพูดจาให้ต่างประเทศเข้าใจเราผิดๆ มันเสียหายต่อประเทศ ถ้าเกลียดตน โกรธตนก็ไม่ว่ากัน แต่ให้มาพูดกับตน ไม่ใช่ไปทำให้ประเทศเสียหาย ประชาชนเดือดร้อน ทุกประเทศเขาไม่มั่นใจเรา เขาเกลียดเรา ทั้งที่มันไม่ใช่ข้อเท็จจริง ทำกันได้อย่างไร ไม่รักประเทศไทยเลยหรือ หรือคิดแต่ว่าถ้าตัวเองทำไม่ได้ อยู่ไม่ได้ ครองอำนาจไม่ได้แล้วต้องทำให้ประเทศไทยเสียหายล่มจมไปเลย ถ้าคิดแบบนั้นแย่มาก พิจารณาตัวเองด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้ทุกส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ช่วยทำความเข้าใจกับต่างประเทศ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของต่างชาติ ทั้งตะวันตก อาเซียน หรือในประเทศเรายังไม่เข้าใจเราเลย ว่าเราทำอะไรมา มันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ลืมไปหมด เอาแต่หน้าที่อย่างเดียวว่าต้องทำให้คนได้เข้าถึง เท่าเทียม ไม่ถูกรังแก มองอย่างเดียวแล้วไม่มองคนอื่นเขาบ้าง คนที่บริสุทธิ์เขาถูกรังแกด้วยหรือไม่ คนที่ไม่ได้ขัดแย้ง ไม่ได้ไปต่อต้านเดินขบวน คน 60 กว่าล้าน ทำไมไม่ดูเขา สิทธิเขาก็มี เจ้าหน้าที่ถูกทำร้าย ไม่เคยมองด้านนี้เลย ขอร้อง คนไทยก็ดูแล้วกัน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กรุณาพิจารณาด้วย ตนไม่อยากบังคับ 

เผยหลายปท.ขอเป็นหุ้นส่วนศก.

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หลายประเทศยินดีที่ประเทศไทยมีความสุข เรียบร้อย ก็เตรียมพัฒนาร่วมกัน ไม่ว่าจะรอบบ้าน ตะวันตก ตะวันออก จีน อินเดีย ญี่ปุ่น มาพูดคุยกับตนแล้ว ก็พร้อมเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนต่อไป อย่างไรก็ตาม วันนี้ความขัดแย้งลดลง มีเพียงกลุ่มที่ไม่ยอมเสียผลประโยชน์ทางการเมือง หรือผู้ที่ไม่เปิดใจยอมรับว่าไทยอยู่ในฐานะใด คิดแต่ว่าทุกอย่างดีอยู่แล้ว ถ้าดีอยู่แล้ว คงไม่เป็นแบบนี้ 

"มาตรา 44 อย่ากังวล ไม่ได้ทำความผิด อย่ากังวล เราใช้อย่างสร้างสรรค์ แก้ปัญหาสำคัญเร่งด่วนของประเทศ บางอย่างต้องใช้อำนาจแบบนี้ ไม่งั้นมันเดินหน้าไม่ได้ เรื่องความมั่นคงเช่นกัน ถ้ารอวิธีการปกติก็จับไม่ได้เหมือนเดิม รวมถึงเรื่องศาลทหาร ถ้าผิดในเรื่องที่ห้ามไว้ ผมไม่ได้ห้ามชีวิตความเป็นอยู่ ห้ามแต่ว่าไม่ให้ทำประเทศชาติเสียหาย รัฐบาลจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ให้เกิดความเป็นธรรม รักษาชีวิตและทรัพย์สินอย่างเต็มกำลังความสามารถ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

คสช.-รัฐนัดแถลงใหญ่ 7 เม.ย.

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คสช.และรัฐบาล โดยกระทรวงการต่างประเทศกำหนดแถลงข่าวเพื่อให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประกาศการยกเลิกกฎอัยการศึก และประกาศคําสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ในวันที่ 7 เม.ย. เวลา 13.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยมอบให้ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค และพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เป็นผู้แทนจากคสช. และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนรัฐบาล พร้อมด้วยผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ ให้ข้อมูลและข้อเท็จจริง ตอบข้อสงสัย โดยจะเชิญผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตในไทย ผู้แทนหน่วยงานและองค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนต่างประเทศ เข้าร่วมรับฟังในวันและเวลาดังกล่าว

"การจัดเวทีให้ข้อมูลครั้งนี้แสดงถึงความจริงใจของรัฐบาลและคสช. หวังจะให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องถึงเป้าหมายการบริหารประเทศ พร้อมดูแลความปลอดภัยของประชาชน และเดินหน้าประเทศไทยสู่การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ในอนาคตอันใกล้" ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าว

"บิ๊กป้อม"โต้ยุ่งเสรีภาพสื่อ 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ 4 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ออกแถลงการณ์ถึงคำสั่งหัวหน้าคสช.ในมาตรา 44 ในข้อ 5 ที่ระบุว่าให้อำนาจเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยมีอำนาจออกคำสั่งห้ามการเสนอข่าว จำหน่าย หรือแพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์หรือสิ่งอื่นใด ทั้งกำหนดโทษผู้ฝ่าฝืน จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับว่ากระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชนยิ่งกว่ากฎอัยการศึกว่า ไม่กระทบ จะกระทบตรงไหน การเสนอข่าวของสื่อมวลชนก็ยังเป็นไปโดยปกติ ถ้านำเสนอไม่บิดเบือน รายงานเป็นข้อเท็จจริง กรณีที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับการนำเสนอของสื่อคือการนำเสนอที่จะก่อให้เกิดความแตกแยก

"เหมือนเดิม ไม่มี ไม่ยุ่ง บอกไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง ก็ต้องออกไว้อย่างนั้น ออกมาเพื่อที่จะให้ประเทศนี้ไปข้างหน้าให้ได้ คุณก็มัวแต่เขียนอยู่ว่าอย่างนู้นอย่างนี้ ก็มโนเอาทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องจริงเลย" พล.อ.ประวิตรกล่าว

เมื่อถามว่ารัฐบาลและคสช. ต้องมีการทำความเข้าใจในการนำเสนอของสื่อมวลชนต่างประเทศด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า นี่บ้านเมืองของเรา เราต้องการอยู่อย่างเป็นสุข เวลาบ้านเมืองลุกเป็นไฟ ฆ่ากันตาย ถามว่าต่างชาติมาช่วยอะไรได้หรือไม่

เอฟซีซีทีแถลงห่วงใช้ ม.44

วันเดียวกัน สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) ออกแถลงการณ์กรณีมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว โดยระบุว่า สมาชิกของสมาคมขอร่วมแสดงความห่วงใยต่อการประกาศใช้อำนาจใหม่ตามมาตรา 44 ของ คสช. เช่นเดียวกับองค์กรวิชาชีพสื่อไทย 4 แห่งที่ออกแถลงการณ์ร่วมไปแล้ว

แถลงการณ์เอฟซีซีทีระบุว่า คำสั่งใหม่นี้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารอย่างกว้างขวางในการปิดกั้นสื่อ ซึ่งโทษที่ร้ายแรงเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้สำหรับผู้สื่อข่าว ดังนั้น จึงขอร่วมกับองค์กรวิชาชีพสื่อไทยในการเรียกร้องให้ทางการมีมาตรการที่ชัดเจนว่าจะจัดการอย่างไรกับงานที่พวกเขาคิดว่าเป็นปัญหา

นอกจากนี้ เอฟซีซีทีระบุด้วยว่า หวังว่าองค์กรข่าวทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งทำข่าวการเมืองไทยที่มีความซับซ้อนและแบ่งฝักแบ่งฝ่ายจะแสวงหาซึ่งภาววิสัย ความเป็นธรรม และความถูกต้องอยู่เสมอ โดยองค์กรสื่อจะต้องได้รับความเชื่อถือในระดับที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์ในการแสวงหาสิ่งเหล่านี้ และรายงานของพวกเขาต้องไม่ถูกบิดเบือนโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

"บิ๊กโชย"รับมือ5กลุ่มป่วน

ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก พล.ท. กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุหลังโปรดเกล้าฯ ยกเลิกอัยการศึกแล้ว จำเป็นต้องมีเครื่องมือรองรับเพราะยังมีสถานการณ์ไม่เป็นที่วางใจจาก 5 กลุ่มที่จ้องสร้างความปั่นป่วนว่า สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.)ได้รายงานเรื่องนี้แล้ว ซึ่งหน่วยความมั่นคงมีประชาคมด้านการข่าวเพื่อบูรณาการข้อมูลร่วมกัน 

พล.ท.กัมปนาทกล่าวว่า กกล.รส.ทั้ง 4 กองทัพภาคกำลังศึกษารายละเอียดคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อนำไปปฏิบัติงานดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ตามคำสั่งของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. ยืนยันว่าการปฏิบัติงานของ กกล.รส.ยังเหมือนเดิม เพียงแต่กฎหมายมีความชัดเจนมากขึ้น ตำรวจยังใช้กฎหมายตามปกติ ส่วนทหารจะเป็น เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย การปฏิบัติหน้าที่ยังเหมือนเดิม เพียงแต่มี ขั้นตอนและการระบุโทษเพิ่มเติมเข้ามา

เชื่อมีกลุ่มธุรกิจโยกย้ายเงิน

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และผอ.สำนักสันติวิธี และธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งแต่มีรัฐประหารพบว่ามีกลุ่มต่างๆ พยายามต่อต้าน รวมทั้งอาจมีรายงานที่เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายถ่ายเงินของกลุ่มธุรกิจที่ไปสนับสนุนกลุ่มการเมือง การที่รัฐบาลระบุเช่นนี้เหมือนปรามไม่ให้กลุ่มนี้ก่อเหตุวุ่นวาย ดังนั้น การใช้มาตรา 44 เหมือนเอามาใช้เฉพาะประเด็น เฉพาะกลุ่ม ใช้ควบคุมกลุ่มที่ไม่หวังดี มาตรา 44 จะแรงยิ่งกว่ากฎอัยการศึก เพราะอำนาจทั้งนิติบัญญัติและตุลาการ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่คนเพียงคนเดียว และจะส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่มีความรวดเร็ว ทั้งการจับกุมหรือยึดทรัพย์ แต่มีผลเฉพาะคนที่ไม่หวังดีเท่านั้น

"ตอนใช้กฎอัยการศึก ทั้งคนดีและคนไม่ดีต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า เพราะควบคุมทุกตารางนิ้ว แต่มาตรา 44 ใช้เฉพาะคนที่ไม่หวังดี เรียกว่าคนดีอยู่สบาย คนร้ายอยู่ลำบาก อีกทั้งมาตรา 44 กำหนดรายละเอียด 14 ข้อ น่าจะช่วยให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น แต่อาจมีข้อสังเกตตามมาว่าการใช้มาตรา 44 อาจกระทบหรือละเมิดสิทธิของคนทั่วไป จึงขึ้นอยู่กับคุณธรรม จริยธรรมของผู้มีอำนาจว่าหากใช้มาตรา 44 อย่างมีสติก็ไม่น่าปัญหากับคนทั่วไป" พล.อ.เอกชัยกล่าว

แอมเนสตี้ซัดหวังขยี้ฝ่ายเห็นต่าง

ส่วนนายริชาร์ด เบนเน็ตต์ ผอ.ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า การเลิกกฎอัยการศึกควรเป็นเรื่อง น่ายินดี แต่กลับเป็นการกระทำเพื่อมอบอำนาจให้ตนเองและเจ้าหน้าที่ทหารอย่างกว้างขวาง เพื่อละเมิดสิทธิที่จะมีอิสรภาพ และเสรีภาพในการแสดงความเห็น และการชุมนุมอย่างสงบ เนื่องจากในคำสั่งดังกล่าวของพล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้อำนาจตนเองแต่งตั้งทหารเป็นเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย โดยมีอำนาจเช่นเดียวกับการใช้ กฎอัยการศึก 

นายริชาร์ดกล่าวว่า ทั้งยังให้อำนาจควบคุมตัวบุคคลโดยไม่ต้องมีหมายจับ ไม่ต้องตั้งข้อหา และไม่ได้รับการไต่สวนจากศาล โดยให้คุมตัวไปไว้ในสถานที่ที่ไม่เป็นทางการได้นานถึง 7 วัน ให้อำนาจในการค้นอาคารบ้านเรือนโดยไม่ต้องมีหมายค้น รวมถึงการให้อำนาจในการห้ามเผยแพร่สิ่งพิมพ์ทุกชนิด และคงการไต่สวนพลเรือนในศาลทหารต่อไป สำหรับความผิดทางความมั่นคง รวมทั้งคดีที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกอย่างสันติ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามที่จะคลุมม่านเพื่อปิดบังความตั้งใจที่จะใช้กำลังทหารเพื่อปราบปรามผู้มีความเห็นต่างจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง จึงขอเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งนี้

กนส.แนะใช้ในเวลาสั้นที่สุด

นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการ กลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน(กนส.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา 10 เดือนเศษ กฎอัยการศึกเสมือนเป็นอุปสรรคของการใช้อำนาจพอสมควร ขณะเดียวกันกระทบต่อประชาชนหลายประการ แต่คสช.ก็เลือกที่จะใช้อำนาจอันมีผลมหาศาล ตามมาตรา 44 มาสานงานต่อ นับเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังมากกว่าการใช้กฎอัยการศึก 

นายวิญญัติกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เกิดกรณีเป็นที่เคลือบแคลงและไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐหลายกรณี เพื่อมิให้เป็นเหตุแห่งการสร้างความแตกแยกของคนในชาติอีก กนส. จึงขอเรียกร้องให้ คสช. เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย และผู้ช่วยเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย ใช้อำนาจที่มีอยู่นั้นเพื่อให้ ความคุ้มครองและรับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างสุจริตใจ สร้างสรรค์ เสริมสร้างกระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติธรรมอย่างเป็นรูปธรรม และใช้อย่างระมัดระวังในระยะเวลาอันสั้นที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ ต่อสุจริตชนและความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไปได้ตามเจตนารมณ์อย่างแท้จริง

นายกฯ นำคณะขึ้นเชียงใหม่

นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ประธานมูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา หรือโหรวารินทร์ เปิดเผยถึงการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่จ.เชียงใหม่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางมาเฮือนผญาปัญญาฯ ข่วงเจ้าล้านนา ในส่วนของตนไม่ได้เตรียมพระพุทธรูปหรือของที่ระลึกอะไรให้นายกฯเป็นพิเศษ เนื่องจากนายกฯมีพระพุทธรูปจำนวนมากอยู่แล้ว 


เที่ยวล้านนา - พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวบรรยายเรื่องระบบคมนาคมขนส่งในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ในงานเสวนา "เที่ยววิถีไทย เศรษฐกิจก้าวหน้า ล้านนายั่งยืน" ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 เม.ย.

นายวารินทร์กล่าวว่า ส่วนทางมูลนิธิได้เตรียมของที่ระลึกซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ล้านนาไว้ให้นายกฯเพื่อเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรม และตนจะมอบสัญลักษณ์คนเมืองคือชุดแต่งกายพื้นเมือง และนายกฯ จะนำคณะมอบพานดอกไม้บูชาพิชิตมาร (พระประธานปฐมบทข่วงพระเจ้าล้านนา) พร้อมกับห่มผ้าพระธาตุและผูกข้อมือรับขวัญ ปักตุงธงชัย ก่อเจดีย์ทรายกลบธาตุ

โหรวารินทร์เผยดวงประยุทธ์

"นายกฯ ไม่เคยโทร.มาปรึกษาเรื่องปัญหาบ้านเมืองอะไร ผมเคยพบท่านนานแล้ว และดวงของท่านคือหน้าที่นายกฯ ผมรู้ว่าต้องเป็นนายกฯ ที่ชื่อประยุทธ์เท่านั้นที่จะแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ คนคนนี้จะมาขจัดสีเสื้อ ผมรู้ดีเพราะผมรู้จักท่านมาร่วม 20 ปีแล้ว ผมบอกนายกฯ ว่าท่านไม่มีดวงเรื่องความทะเยอ ทะยาน เพราะฉะนั้นคนชื่อประยุทธ์เท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ และตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์เข้ามา ดวงเมืองก็ดีขึ้น และไม่ว่าใครจะมาปรับเปลี่ยน กลั่นแกล้งอย่างไรก็แล้วแต่ ทำไม่ได้ เพราะนายกฯ คนนี้มีบารมี" นายวารินทร์กล่าว

เมื่อถามว่าการประกาศใช้มาตรา 44 จะส่งผลดีหรือเสียต่อบ้านเมือง นายวารินทร์กล่าวว่า ดีที่สุดในเวลานี้ แล้วการท่องเที่ยวจะดีขึ้นเอง และนายกฯ พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์มาครั้งนี้ไม่ได้มาทำพิธีต่อชะตา ต่ออายุอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากสามคนนี้ดวงดีอยู่แล้ว

อ.ปื๊ดย้ำรธน.เสร็จหลัง 23 ก.ค.

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ คณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ คณะอนุ กมธ.การมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ร่วมกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สถาบันพระปกเกล้า และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน จัดสัมมนา "การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ"

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า วันที่ 20-26 เม.ย. จะนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกให้ สปช.พิจารณา ซึ่งมีการถ่ายทอดสดให้ประชาชนได้ติดตามข่าวสารด้วย จากนั้น สปช. ครม. คสช. เสนอยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมได้ก่อนวันที่ 25 พ.ค. ระหว่างนั้นประชาชนสามารถเสนอความเห็นส่งให้กมธ.ยกร่างฯได้ ส่วนวันที่ 26 พ.ค.ถึง 23 ก.ค. รวม 60 วัน กมธ.ยกร่างฯ จะทบทวนร่างใหม่อีกครั้ง ก่อนเสนอ สปช.เป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์สุดท้ายภายในวันที่ 23 ก.ค. ซึ่งฉบับสุดท้ายนี้แก้ได้เฉพาะถ้อยคำ กมธ.ยกร่างฯจะต้องเห็นชอบด้วย ดังนั้น หลังวันที่ 23 ก.ค. ถือว่าเสร็จสิ้น

เมื่อถามว่าข้อเสนอนายกฯคนนอกยังมีอยู่ใช่หรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ไม่ควรถาม กมธ.ยกร่างฯ ต้องไปถามหัวหน้าพรรรค และส.ส. 450 คน ที่ได้รับเลือกตั้งว่าจะเอานายกฯคนนอกหรือไม่ เพราะเข้ามาก็ยากเนื่องจากต้องได้เสียงโหวต 2 ใน 3 ของจำนวนส.ส.ที่มีอยู่ ยืนยันตนพร้อมรับฟัง ซึ่งนายกฯให้ความเห็นได้เหมือนอดีตนายกฯคนอื่นๆ ก็ต้อง ฟังเอาไว้เพราะไม่ใช่วิพากษ์วิจารณ์ธรรมดา นายกฯ เป็นผู้ดูแลความสงบ จึงรับฟังไว้ แต่ยืนยันไม่มีใครกดดันตนได้

สนช.ถกกฎหมาย 3 ฉบับ

เวลา 10.45 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับ สนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (ฉบับที่..) พ.ศ. ร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่..) พ.ศ. และ 3.ร่างพ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่..) พ.ศ. ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีลักษณะเดียวกันและเพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศ โดยองค์กรระหว่างประเทศจะตรวจสอบประเมินสถานการณ์ของไทยในปี 2559 จึงได้พิจารณาไปพร้อมกันทั้ง 3 ฉบับ 

หลังจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงหลักการและเหตุผลของร่างพ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับแล้วที่ประชุมให้สมาชิก สนช.ได้อภิปราย ส่วนใหญ่เป็นห่วงกรณีให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ขึ้นตรงต่อนายกฯ จากเดิมขึ้นกับรมว.ยุติธรรม และกรณีที่ในอดีตมีการใช้ ปปง.เป็นเครื่องมือตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม ตลอดจนการเลือกเลขาธิการ ปปง. เดิมต้องผ่านความเห็นชอบจากส.ส.และ ส.ว. แต่มีการแก้ไขเป็นให้คณะกรรมการ ปปง.เป็นผู้เสนอชื่อต่อนายกฯ เกรงว่าจะไม่มีอิสระ กลายเป็นเครื่องมือทำลายและทำร้ายนักการเมือง จึงเห็นว่าควรกลับไปใช้รูปแบบเดิมที่ส.ส.และส.ว.มีส่วนร่วมคัดเลือก สามารถควบคุมดูแลการทำหน้าที่ได้ 

ลงมติรับหลักการวาระแรก

นายวิษณุชี้แจงว่า สถานะของ ปปง.ที่ผ่านมาก็ลอยๆ อยู่แล้ว แม้จะขึ้นตรงต่อรมว.ยุติธรรม แต่หลายเรื่องต้องอาศัยอำนาจของนายกฯ ซึ่งมีผลดี 3 ข้อคือ 1.คล่องตัวขึ้นกว่าที่สังกัดรมว.ยุติธรรม เพราะหัวหน้ารัฐบาลดูแลรับผิดชอบได้มากกว่า น่าจะให้หลักประกันเรื่องความเป็นธรรม นิติธรรม และประสิทธิภาพการทำงาน 2.ปปง.ไม่ได้ทำงานโดดเดี่ยวแต่ประสานกับหน่วยงานอื่นจำนวนมาก อาจประสบปัญหา จึงต้องอาศัยอำนาจนายกฯ และ 3.ทำให้เกิดความไว้วางใจต่อนานาชาติได้ดีกว่า 

นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนการแต่งตั้งเลขาธิการ ปปง.จากเดิมนายกฯ คัดเลือกแล้วส่งให้ส.ส.และส.ว.พิจารณา ซึ่งมีการแก้ไขให้คณะกรรมการ ปปง.เป็นผู้เสนอชื่อมายังนายกฯเลือกว่าจะเอาหรือไม่ แต่ถ้านายกฯ ไม่เอาก็ตีกลับให้คณะกรรมการ ปปง.เสนอมาใหม่ ซึ่งนายกฯ ไม่สามารถไปเอาชื่ออื่นนอกจากที่คณะกรรมการ ปปง.เสนอมาได้

จากนั้นที่ประชุมลงมติรับหลักการร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายในวาระแรก ด้วยคะแนน 167 ต่อ 1 และรับหลักการร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินวาระแรก ด้วยคะแนน 170 ต่อ 0 งดออกเสียง 4 พร้อมกับรับหลักการร่างพ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ด้วยคะแนน 169 ต่อ 0 งดออกเสียง 5 โดยให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 21 คน ชุดเดียวกันมาพิจารณาร่างพ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว

ส่งชื่อ 100 ขรก.โกงให้นายกฯ

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เป็นประธานประชุมศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ(คตร.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) สำนักงานคณะกรรมการและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) เข้าร่วม

พล.อ.ไพบูลย์ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมเสนอรายชื่อข้าราชการ 100 กว่ารายที่พัวพันการทุจริต นำกรณีและหลักฐานมาหารือกันเรียบร้อย ตรวจสอบหลักฐานกันชัดเจน พบว่า บางคนป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไปแล้ว และบางราย ป.ป.ท.ดำเนินการแล้ว และสัปดาห์หน้า ศอตช.จะทำหนังสือถึงเลขาธิการ ป.ป.ท. ในฐานะเลขานุการของ ศอตช. รวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(คตช.) เพื่อพิจารณา 

เล็งเด้งพ้นเก้าอี้-ฟันซ้ำอาญา

รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กรอบการทำงานมี 2 ระดับ คือ ระดับที่ต้องพิจารณาโดยนายกฯและระดับหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อปรับย้ายออกจากจุดที่มีปัญหา เพราะเป็นเรื่องวินัยและปกครอง ไม่ใช่อาญา แต่ในส่วนคดีอาญาก็ว่ากันไป ทั้งนี้จะเรียกประชุม ศอตช.ทุกเดือน ถ้ามีหลักฐานชัดเจนจะส่งรายชื่อทุกเดือน ส่วน 100 กว่ารายที่จะเสนอชื่อให้นายกฯนั้น หากเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมก็เสนอมา มีกระบวนการอยู่แล้ว แต่มั่นใจว่าป.ป.ช. สตง. คตร. และป.ป.ท. ที่ดูแลเรื่องทุจริต จะไม่ทำอะไรที่รังแกคน ซึ่งนายกฯสั่งเสมอว่าอย่าไปรังแก ต้องมีคุณธรรมจริยธรรม ตนย้ำ 4 หน่วยงานว่าต้องรอบคอบ อย่าทำให้นายกฯเสียความเป็นผู้นำเรื่องจริยธรรมและคุณธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่าการปรับย้ายไม่เกี่ยวข้องกับการปรับขั้วการเมืองใช่หรือไม่ พล.อ. ไพบูลย์กล่าวว่า ไม่มี ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับขั้ว ตนทำเรื่องทุจริตคือสิ่งที่เป็นวาระแห่งชาติ สิ่งที่ประชาชนต้องการให้จัดการ อย่าผูกเรื่อง ต้องแยกประเด็น ไม่เช่นนั้นปัญหาบ้านเมืองมันแก้ไม่ได้ เมื่อถามว่าสังคมกังวลว่าเมื่อตรวจสอบทุจริตแล้วเจอคนนามสกุลใหญ่ก็จัดการไม่ได้ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ไม่มี ถ้าสงสัยให้มาถามได้เลย นามสกุลนี้มาถามได้แล้วเราจะบอก บางทีเราเข้าใจว่าทำไมไม่จัดการ แต่อยู่ที่หลักฐาน เหมือนเรื่องโบนันซ่า ตนบอกว่ายังไม่มี ต้องให้เวลาสอบสวน แต่โดยพฤตินัยมันน่าจะชัดเจน

ชาวสวนยางใต้ไล่"อำนวย"

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.ตรังว่า ที่บริเวณถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 419 ตั้งแต่สี่แยกบ้านนานอน สามแยกบ้านนาขา สี่แยก อตก. และสี่แยกบ้านควนปริง ในเขตอำเภอเมืองตรัง มีมือดีนำป้ายไวนิลไปติดตั้ง มีข้อความว่า "ยางพาราตกเดือดร้อนสุดทน ปาล์มราคาต่ำ นำเข้า 50,000 ตัน ประกันราคา 5 บาท รัฐมนตรีทำไม่ได้ ออกไป จากเกษตรกรชาวสวนยาง สวนปาล์ม จ.ตรัง" เนื่องจากค่ำวันที่ 3 เม.ย. นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ จะมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานพระยารัษฎาฯ บิดายางพาราไทย และงานวันยางพาราแห่งชาติ ที่สนามกีฬาเทศบาลนครตรัง 2 ทุ่งแจ้ง จัดโดยอบจ. ตรัง วันที่ 2-10 เม.ย.

นายศักดิ์สฤษดิ์ ศรีประศาสตร์ แกนนำภาคีชาวสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันรายย่อย 16 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่า การที่นายอำนวย สั่งปลด นางเรไร รัตนสุภา ผู้จัดการโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางพารา ไม่ได้ทำให้ราคายางพาราดีขึ้น ตลอด 6 เดือนตั้งแต่รับตำแหน่ง ไม่สามารถทำให้ชาวสวนยางรายย่อยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเลย ส่วนเงินงบประมาณก็สูญเสียไปเป็นหมื่นๆ ล้านบาทแล้ว ถ้านายกฯยังเฉยอยู่ และยังใช้บริการคนเดิมอยู่ ชาวสวนยางอาจเคลื่อนไหวกันอีก สิ่งที่นายกฯต้องเร่งทำขณะนี้ คือตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหายางพาราในระดับรัฐบาล และบูรณาการทุกกระทรวง เพื่อรองรับการเปิดกรีดในเดือนพ.ค.นี้

"มาร์ค"ลงขอนแก่น-หวิดป่วน

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่วัดป่าแสงอรุณ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ มาทำบุญทอดผ้าป่าที่วัดป่าแสงอรุณ ท่ามกลางผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงประชาชนในพื้นที่มารอต้อนรับ มอบดอกไม้ให้กำลังใจ และขอถ่ายรูปจำนวนมาก โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ชุดนอกเครื่องแบบให้การรักษาความปลอดภัย

นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ขอนแก่นซึ่งเป็นพื้นที่เสื้อแดงมาก่อนว่า ไม่มีปัญหาและไม่มีความกังวลแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ ถวายผ้าป่าเสร็จ และกำลังเดินเข้าศาลาการเปรียญ ปรากฏว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงนำโดยนายนพดล สีดาทัน หรือทนายนพ ไปติดตามความเคลื่อนไหว จนเกิดมีปากเสียงและ เกือบวางมวยกับกลุ่มผู้มาให้กำลังใจ ทำให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบ ต้องรีบเข้ามาห้ามปราม และกันตัวนายนพดล ออกนอกพื้นที่ อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น 

ยันฟันโบนันซ่าไม่เกี่ยวเสื้อแดง

วันที่ 3 เม.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการตรวจสอบสนามแข่งรถโบนันซ่า เขาใหญ่ และพื้นที่ปลูกบ้านพักในโครงการโบนันซ่า รีสอร์ตเขาใหญ่ ที่ได้รับการร้องเรียนก่อสร้างบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง เขาอ่างหิน ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาว่า ตนไม่เคยสั่งการและชี้นำเจ้าหน้าที่ การตรวจสอบดังกล่าวไม่ใช่เพราะโบนันซ่าเคยเป็นที่จัดชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแแดง แต่เป็นเรื่องการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ อย่านำเรื่องไปโยงกัน ไม่อย่างนั้นจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบในหลายพื้นที่ แต่กรณีโบนันซ่าเป็นเรื่องดังขึ้นมาเพราะเป็นสถานที่ที่คนรู้จัก 

ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ กล่าวว่า ในส่วนที่ไม่มีเอกสารสิทธิแสดงความเป็นเจ้าของ 103 ไร่ จากการครอบครองใช้ประโยชน์ทั้งหมด 151 ไร่นั้น ได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.ปากช่องแล้ว ขั้นตอนต่อไป กรมป่าไม้ต้องใช้มาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ให้มีการรื้อถอน และเตรียมฟื้นพื้นที่ให้กลับเป็นผืนป่าธรรมชาติต่อไป ใช้เวลาหลังจากนี้ไม่เกิน 2 เดือน ซึ่งเจ้าของก็ยินดีให้ความร่วมมือรื้อถอน ส่วนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะเข้าไปตรวจสอบสนามกอล์ฟเนื้อที่ 250 ไร่นั้น ทราบว่าเจ้าของขอเวลารวบรวมเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ คาดว่าสัปดาห์หน้า หากได้รับการประสาน ทหารต้องเข้าไปรังวัด เปรียบเทียบภาพถ่ายทางอากาศ ตรวจสอบเอกสารสิทธิที่เจ้าของนำมายืนยันความถูกต้อง

นายอรรถพลกล่าวว่า ขณะนี้ชุดพยัคฆ์ไพรนำโดยนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.ส่วนยุทธการด้านการป้องกันและปราบปราม อยู่ระหว่างการทำยุทธการป่าสักยั่งยืน พร้อมทีมงานความมั่นคง ทหารและตำรวจในพื้นที่จ.เพชรบูรณ์ เข้าตรวจยึด กลุ่มนายทุนที่บุกรุกพื้นที่ป่าต้นน้ำ ปลูกยางพาราในลุ่มน้ำป่าสักทั้งหมด ตั้งเป้าหมายยึดคืนให้ได้ 20,000 ไร่ เมื่อเสร็จจากพื้นที่ดังกล่าวจะปฏิบัติการพื้นที่อื่นต่อไป 

กสม.เผย2มือบึ้มศาลยันถูกซ้อม

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาในคดีวางระเบิดศาลอาญา รัชดาฯ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง กรณีได้รับเรื่องร้องเรียนเจ้าหน้าที่รัฐซ้อมทรมานผู้ต้องหาว่า ตนพร้อมทีมแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าเยี่ยมผู้ต้องหาชาย 5 คน และผู้ต้องหาหญิง 2 คน 

นพ.นิรันดร์กล่าวว่า ผู้ต้องหาชาย 2 คน ซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ ให้ปากคำกับคณะอนุกรรมการว่าระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวได้ซ้อมทรมาน ด้วยการทุบตีและชอร์ตไฟฟ้า ทำให้ได้รับบาดเจ็บ และผู้ต้องหาได้แสดงบาดแผลที่เกิดขึ้นจากการถูกชอร์ตไฟฟ้าให้ดูด้วย หลังจากนี้ต้องรอผลตรวจจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่จะส่งมาให้คณะอนุกรรมการพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯจะเชิญเจ้าหน้าที่ทหารมาชี้แจง คาดว่าจะเป็นช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ส่วนผู้ต้องหาทั้งหมดยืนยันว่าระหว่างที่ถูกควบคุมในชั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเรือนจำนั้น ไม่มีการซ้อมทรมานหรือใช้ความรุนแรง

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีการซ้อมทรมานผู้ต้องหา กสม.จะดำเนินการอย่างไร นพ.นิรันดร์กล่าวว่า กสม.ต้องส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจรับทราบ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ยกระดับค้ามนุษย์เป็นวาระชาติ

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมมอบนโยบายและการประกาศวาระแห่งชาติ เรื่อง "การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์" ว่า การประกาศวาระแห่งชาตินี้ ทุกคนต้องทำหน้าที่อย่างจริงจัง ใครที่เอารัดเอาเปรียบ ผลประโยชน์โดยมิชอบไม่ว่าจะรูปแบบใด เจ้าหน้าที่ภาครัฐมีส่วนเข้าไปพัวพันในขบวนการค้ามนุษย์หรือเพิกเฉย ไม่ทำหน้าที่ ถือว่าคนเหล่านั้นจะไม่มีที่ยืนบนสังคมอีกต่อไป จะเอาผิดทางอาญากับข้าราชการที่ทำผิดนอกเหนือจากความผิดทางวินัย คนที่จับเด็กมาตัดแขนตัดขาเป็นขอทาน ถือว่าไม่ใช่มนุษย์ ต้องจับกุมมาดำเนินการให้ได้ ส่วนผู้ประกอบการที่เปิดเกินเวลาหรือกระทำผิดจะถูกสั่งปิดและยึดใบอนุญาต

นายกฯ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างชาติ รวมถึงดูแลแรงงานไทยในต่างแดน ส่วนปัญหาค้าประเวณีเป็นสิ่งที่น่าห่วง แม้กระทั่งแถวตลาดไทและเขตปทุมธานีทั้งหมด ตนคาดโทษไปแล้ว ห้ามมีโสเภณี มีขอทาน ให้เวลาไม่เกินเดือนเม.ย.นี้ เพราะเป็นเรื่องเสียหาย ตนสั่งอย่างนี้ ไปละเมิดสิทธิมนุษยชนใครที่ไหนไปหามา นี่แหละการใช้อำนาจในทางที่ถูกต้องสร้างสรรค์

"ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่มีผลประโยชน์ ผมเชื่อมั่นในรัฐมนตรีทุกคน และภายในรัฐบาลไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ตอนนี้ทำงานไม่มีการแบ่งรุ่นเพราะมองแต่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ส่วนที่อ้างตามกระทรวงต่างๆ ว่าบริษัทนั้นเป็นของนายกฯ ยืนยันว่าผมไม่รู้จักใครสักคน จะไปอ้างแบบนี้ไม่ได้ วันนี้สิ่งที่เราทำคือต้องหารายได้ให้ประเทศก่อน มีคนกล่าวหาว่ารัฐบาลนี้ไม่มีเงินแล้วจึงต้องมาเก็บภาษีรีดเลือดกับปู แต่รัฐบาลนี้ไม่มีปู จะปูไหนก็ไม่รู้" นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าว ผู้ว่าฯ ต้องคุมผู้ใต้บังคับบัญชาในจังหวัดให้ได้ทั้งหมด ดูแลงานทุกส่วน ไม่ใช่ดูแลเฉพาะงานมหาดไทย ผู้ว่าฯ กับทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันให้ได้และปฏิบัติตามนโยบาย ให้ประชาชนได้รับรู้ เราต้องช่วยไม่ให้ประชาชนถูกเอาเปรียบ จะดำเนินการอย่างไรตนไม่ทราบ แต่ต้องดำเนินการให้ได้

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ กล่าวถึงการรายงานผลการดำเนินการของไทยในเรื่องนี้ จะทันกับการประเมินการค้ามนุษย์ในเดือนมิ.ย.นี้หรือไม่ว่า เราต้องบอกกับสหรัฐให้รับรู้ว่าไทยเอาจริง ส่วนจะปรับระดับการค้ามนุษย์ของไทยดีขึ้นหรือไม่นั้น ไม่อยากหวัง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่มีความหวังเกินครึ่ง ขณะเดียวกันจะเดินหน้าชี้แจงกับทูต แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลา ขอให้งานออกมาเป็นรูปธรรมก่อน 

พิมพ์เพิ่ม10ล.ใบธนบัตรพระเทพฯ

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจตอนหนึ่งว่า ในโอกาสมหามงคล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ ในวันที่ 2 เม.ย.2558 รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่าพร้อมใจกันน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล และร่วมกันทำความดีตาม "โครงการปณิธานความดี ปีมหามงคล ทำดี เริ่มได้ ที่ใจเรา" ซึ่งรัฐบาลริเริ่มขึ้นเพื่อถวายเป็นของขวัญและแสดงถึงพลังแห่งความรักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พสกนิกรจาก ทั่วทุกภูมิภาคมีแด่พระองค์

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าพระราชกรณียกิจที่พระองค์ท่านทรงปฏิบัติอย่างยาวนานเป็นที่ประจักษ์ชัดในพระปรีชาสามารถ พัฒนาคุณภาพชีวิต เด็ก เยาวชน ประชาชนในถิ่นทุรกันดารและผู้ด้อยโอกาสให้ดีขึ้น สามารถยืนหยัดด้วยลําแข้งของตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ประชาชนชาวไทยยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็น "เจ้าฟ้าของคนเดินดิน"

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.จัดพิมพ์ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เม.ย.2558 พบว่าประชาชนมีความต้องการธนบัตรที่ ระลึกฯ ในปริมาณสูงกว่าที่ออกใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้ ธปท. จึงจะจัดพิมพ์ธนบัตรที่ระลึกฯ เพิ่มอีก 10 ล้านฉบับ จากเดิมที่ออกใช้ไปแล้ว 10 ล้านฉบับ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแลกธนบัตรที่ระลึกฯ ส่วนที่เพิ่มนี้ได้ที่ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) หรือไอแบงก์ ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.2558 ส่วนธนบัตรที่ ระลึกฯ ที่ออกใช้เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ประชาชนยังคงแลกได้ต่อไปจนกว่าจะหมด

"ประจิน"เปิดงานเศรษฐกิจก้าวหน้า 

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา สำนักงานพัฒนาพิงคนคร จัดสัมมนาเรื่องเที่ยววิถีไทย เศรษฐกิจก้าวหน้า ล้านนายั่งยืน เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับแหล่งท่องเที่ยวในภาคเหนือ รองรับการเปิดประชาคมอาเซียน โดยมีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม บรรยายพิเศษหัวข้อระบบคมนาคมขนส่งที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน

นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผวจ.เชียงใหม่เปิดเผยว่า เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2558 ของจ.เชียงใหม่ จะเพิ่มเป็น 8 ล้านคนจากปี 2557 ที่มีราว 7 ล้านคน คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 58,550 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ทำให้จังหวัดทางภาคเหนือตอนบนทั้ง 8 จังหวัดสามารถสร้างรายได้คือการคมนาคม ที่นำนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังพื้นที่เป้าหมายทั้ง 8 จังหวัดได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย ในส่วนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเองตั้งเป้าหมายให้ปี 2558 เป็นปี "ท่องเที่ยววิถีไทย" ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้เล็งเห็นศักยภาพของจังหวัดภาคเหนือตอนบนที่จะเป็นตัวช่วย สร้างรายได้ให้กับประเทศให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 2.2 ล้านล้านบาทในสิ้นปี 2558 เพียงแต่ต้องพัฒนาธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์ และทำให้ธุรกิจในภาคเหนือสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!