WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8886 ข่าวสดรายวัน


บิ๊กตู่ลั่นใช้ม.44 คุมแทน จ่อเลิกอัยการศึก 
ปลื้มตรวจตลาดหัวหิน เจอป้ายเชียร์อยู่ 10 ป สหรัฐติงพูดคุกคามสื่อ ส.นักข่าวหนุน'ฐปณีย์''ปื๊ด'หวั่นรธน.ถูกตีตก


อยู่ต่อ 10 ปี - แม่ค้าป้อนข้าวเหนียวมะม่วงให้พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ชิม ระหว่างตรวจเยี่ยมตลาด ฉัตรไชย อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ โดยมีคนชูป้ายเชียร์ "ลุงตู่อยู่ต่อ 10 ปี" ด้วย เมื่อวันที่ 27 มี.ค.

   'บิ๊กตู่'ยันเอง จ่อเลิกอัยการศึก ใช้มาตรา44 ดูแลความมั่นคงแทน แต่ขอประเมินสถาน การณ์ก่อน นำคณะเดินตลาดหัวหินชื่นมื่น กองเชียร์ชูป้ายอยู่ต่ออีก 10 ปี สหรัฐห่วงวาทะคุกคามสื่อ สมาคมสื่อร่อนแถลงการณ์หนุน'ฐปณีย์' กก.ปฏิรูปชี้กลุ่มการเมืองส่งส.ส. ทำประเทศถอยหลัง ติงระบบสัดส่วนผสม ชงสมัชชาคุณธรรมชี้ถอดถอนเอง แนะเพิ่มเงื่อนไขกรณีนายกฯคนนอก 'บวรศักดิ์'แจงวุ่นปม'นายกฯคนนอก'ขอประชาชนหนุน ไม่งั้นถูกตีตก 100% 'ปู'เดินตลาดโบ๊เบ๊

หัวหินเคลียร์ตลาดรับ'บิ๊กตู่'

     เมื่อวันที่ 27 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ขึ้นเฮลิคอป เตอร์ จากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ไปยังท่าอากาศยานหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่ครั้งที่ 1 โดยเช้าวันนี้ นายกฯมีสีหน้ายิ้มแย้ม 

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดฉัตรชัย หรือตลาด 7 โค้ง อ.หัวหิน มีทหารจากมณฑลทหารบกที่ 15 และหน่วยงานอื่นทั้งในและนอกเครื่องแบบรวมกว่า 2 พันนาย มาเฝ้าระวังดูแลรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ยืนประจำยังจุดสูงข่มบริเวณโดยรอบ จากนั้นได้เคลียร์พื้นที่จัดระเบียบร้านค้าในถนนหัวหิน 72 หรือซอยโต้รุ่งของตลาดหัวหิน โดยนำแผงเหล็กมาตั้งไม่ให้รถผ่านเข้าออก และขอความร่วมมือร้านค้าที่เป็นรถเข็นอย่าเข้ามาในพื้นที่ ให้หยุดค้าขาย 1 วัน ทางผู้ค้าบริเวณตลาดกล่าวหยอกล้อว่า "ผักชีเต็มตลาดแล้ว น่าจะปล่อยตามธรรมชาติ" เพื่อนายกฯจะได้เห็นสภาพจริง ไม่ใช่จัดฉากแบบนี้ ขณะที่บรรยากาศการค้าขาย ส่วนใหญ่ยังเปิดร้านจำหน่ายตามปกติ บางร้านตัดสินใจปิดร้าน 1 วัน 

คุมเข้มห้ามชู 3 นิ้ว

      แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงเปิดเผยว่า มีประชาชนในจ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ หลายกลุ่ม อาทิ ปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาหนี้สินนอกระบบ เตรียมมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกฯโดยตรง แต่ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ส่งตัวแทนไปพูดคุยเจรจา และรับเรื่องราวร้องทุกข์ในเบื้องต้น เพื่อความเป็นระเบียบ รวมถึงขอความร่วมมือไม่ให้แสดงออกสัญลักษณ์การต่อต้านพล.อ. ประยุทธ์ เช่น การชู 3 นิ้ว โดยหากจะชูสัญลักษณ์ขอให้ชูสัญลักษณ์ไอเลิฟยูแทน เนื่องจากถือเป็นการประชุมครม. สัญจรครั้งแรก จึงอยากให้เรียบร้อย เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้แก่จังหวัด 

     ต่อมาเวลา 10.40 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เดินทางมาถึงตลาดฉัตรชัย โดยทันทีที่มาถึง พล.อ. ประยุทธ์ได้กล่าวทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับว่า ดีใจที่มาพบทุกคน รักทุกคน พร้อมชูมือทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยู ทำให้ประชาชนส่งเสียงกรี๊ด ตะโกนว่า นายกฯ สู้ๆ ขอให้เป็นนายกฯ นานๆ ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า "ช่วยบอกสื่อมวลชนด้วยอย่าด่าผมมากนัก และผมจะอยู่นานได้อย่างไร ถ้ามีการเลือกตั้งกันผมก็ต้องไป เพราะเขาอยากเลือกตั้งกัน"

ชูป้ายเชียร์ให้อยู่อีก 10 ปี

      จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์เดินเข้าไปตรวจเยี่ยมแผงค้าโดยก่อนเข้าไปในตลาด มีผู้หญิงรายหนึ่ง เขียนข้อความให้กำลังใจโดยใช้กระดาษสีขาว เอ 4 เขียนด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงินและพยายามชูให้พล.อ.ประยุทธ์เห็นข้อความว่า "ลุงตู่อยู่ต่ออีก 10 ปี" ซึ่งครั้งแรกชูป้ายกลับหน้าหลัง พล.อ.ประยุทธ์จึงตะโกนให้หันป้ายกลับมาเพื่ออ่าน ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยพากันตกใจ คิดว่าเป็นป้ายต่อต้านและประท้วง แต่เมื่อหันป้ายกลับมาเป็นป้ายสนับสนุนทำให้ทุกคนโล่งใจ เช่นเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับยิ้มชอบใจพร้อมกล่าวขอบคุณ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเดินตรวจเยี่ยมแผงค้าต่างๆ มีแม่ค้าและประชาชนมามอบดอกไม้ให้กำลังใจและขอถ่ายรูป ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์จะสอบถามราคาสินค้าชนิดต่างๆ ว่าช่วงนี้ราคาผักปรับสูงขึ้นหรือเปล่า และขอให้ช่วยกันคงราคาไว้ ประชาชนจะได้ซื้อของไม่แพง และเชิญชวนให้ทุกคนซื้อผักและขายผักบุ้งด้วยตัวเอง ที่แผงขายข้าวเหนียวมะม่วงแม่ค้ายังได้ป้อนข้าวเหนียวมะม่วงให้พล.อ.ประยุทธ์ด้วย จากนั้นแวะถามราคาไข่โดยแม่ค้าบอกว่า ไข่นายกฯยังไม่แพง ยังอยู่ในราคาปกติ ช่วงหนึ่งที่ตรวจเยี่ยมแผงขายอาหารทะเล พล.อ.ประยุทธ์หยิบปูทะเลขึ้นมาพร้อมหงายดูกระดองและถามแม่ค้าว่า "ปูสดไหม สวยดี รับมาจากไหน ปูเป็นยังไม่ตายใช่หรือไม่" ซึ่งแม่ค้าตอบว่าปูสดปูเป็น รับมาทุกเช้ามาจากพังงา 

ปลื้มแม่ค้าร้องเพลง'คืนความสุข'

    จากนั้นกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าบริเวณนั้นได้ร้องเพลงคืนความสุข เพื่อเป็นกำลังใจให้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้ร้องตาม นอกจากนั้นแม่ค้าขายไข่ยังได้ร้องเพลง "อยู่นานๆ ได้ไหม" ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ถึงกลับยิ้มปลื้ม พร้อมกล่าวขอบคุณ ก่อนยกมือทำสัญลักษณ์ ไอเลิฟยู พร้อมบอกว่า ช่วยบอกนักข่าวหน่อยเพราะเขาถามทุกวันให้ผมไปเร็วๆ พร้อมหันมาบอกกับสื่อว่า "อย่าด่าผมนัก" ก่อนจะจับมือกับพ่อค้าแม่ค้า และทักทายผู้ค้า รวมถึงถ่ายรูปเซลฟี่ จนเวลาผ่านไปกว่าชั่วโมง

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเยี่ยมชมตลาดครั้งนี้ น่าสังเกตว่า หากร้านค้าใดมอบสินค้าให้เป็นที่ระลึกหรือนายกฯชิมอาหารต่างๆ จะให้ผู้ติดตามยื่นซองเงินตัวให้ ซึ่งนายกฯกล่าวว่า 5 บาท 10 บาทก็กำไร ตนไม่กินของใครฟรี รับไปเถอะ ทั้งนี้ซองที่นายกฯมอบให้นั้นมีเงินซองละ 1,000 บาท

ลุยตรวจหาดหัวหิน

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะเดินทางมาที่ชายหาดหัวหินภายในซอยหัวหิน 61 เพื่อพูดคุยกับผู้ค้าชายหาด หลังคสช.จัดระเบียบการค้าชายหาด โดยมีตัวแทนประชาชนจากกลุ่มต่างๆ อาทิ ชมรมวัยสดใสเทศบาลหัวหิน เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขจังหวัด กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ตัวแทนหน่วยงานในพื้นที่มาให้การต้อนรับและรับฟังแนวทางการทำงานของรัฐบาล 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับผู้มารอรับว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับทราบปัญหา ทั้งขอให้แก้ไขเรื่องรายได้ การแก้ปัญหาเรื่องที่ดิน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลทำอยู่ และมีแนวว่าควรตั้งมหาวิทยาลัยแบบเศรษฐกิจพอเพียงที่หัวหินหรือไม่ โดยให้สอนทั้งสายอาชีพและการทำเกษตรกรรม หากมุ่งเน้นแต่เรียนจบปริญญาอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะตอนนี้คนจบปริญญาตกงานถึง 70 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องแก้คือปรับปรุงระบบการศึกษา และจัดระบบสัดส่วนระหว่างสามัญและวิชาชีพ การสร้างอุตสาหกรรมขนาดเล็กเพื่อสร้างอาชีพให้เกิดขึ้น ปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่ที่ลดลง เพราะเศรษฐกิจสีเทาหายไป การค้าขายที่ไม่ถูกต้องตามชายหาดหายไป เราจัดระเบียบเพื่อให้มีการค้าขายอย่างถูกต้อง ขอให้ผู้ค้าอดทนและคิดว่าประเทศจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร รัฐบาลมองอนาคตล่วงหน้า 5 ปีไว้แล้วว่าเราต้องเป็นประเทศที่มั่นคง ไม่ทะเลาะไม่แตกแยก ทุกคนมีอาชีพและรายได้

ขอเวลาให้รัฐบาลทำงาน

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เรื่องข้าว กำลังแก้ปัญหาว่าจะลดต้นทุนอย่างไร ทุกวันนี้ต้นทุน 6,000 บาท ขายได้ 7,000-8,000 บาทไม่พอกิน เป็นหนี้จากการกู้เงินนอกระบบ วันนี้รัฐบาลออก พ.ร.บ.ทวงหนี้และกฎหมาย อื่นๆ เพื่อช่วยประนอมหนี้ ตอนนี้เรื่องข้าวมีปัญหากว่า 6 แสนล้านบาท ไม่รู้เป็นเพราะใคร แต่ไม่ขอก้าวก่าย เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม และเราต้องจ่ายค่าเช่าโกดังเดือนละ 2,600 ล้านบาท 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญจะออกได้หรือไม่ อยู่ที่พวกเรา ช่วง 8 เดือนที่รัฐบาลเข้ามาคือรื้อปัญหาเก่า แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดและวางอนาคต ตอนนี้คิดว่าจะทำรถไฟความเร็วสูงมาถึงหัวหินด้วย ด้านการแก้ปัญหาประมงกำลังตรวจสอบอยู่ วันนี้ข้าราชการทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นต้องร่วมมือกันและอปท.ต้องช่วย ไม่ใช่ต่างคนต่างจะเอางบประมาณ ควรใช้เงินเท่าที่มีเมื่อขาดเหลือให้ผู้ว่าฯ เอามาเสริม หากทำแบบนี้ได้งบประมาณที่ลงมาจะมากขึ้น ที่พูดถึงปัญหาต่างๆ ก็อยากขอความร่วมมืออย่าให้ต้องบังคับกันเลย และขอเวลาให้รัฐบาลแก้ไข ตนไม่ใช่นักการเมือง ไม่ได้มาหาเสียง ไม่ใช่ทำเพื่อกลุ่มของใครเหมือนอย่างที่อ้างว่าทำเพื่อประชาธิปไตยต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งมันไม่ได้ แต่หากประชาชนมั่นใจว่าเลือกไปแล้วโปร่งใสก็ว่ากันไป 

ตื้นตันได้แรงใจเพียบ

   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ได้สะท้อนปัญหาเรื่องค่าแรงการจ้างงานของบางหน่วยงานที่ยังไม่สอด คล้องกับค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งนายกฯ ระบุจะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปดูแลและแก้ไข ซึ่งเรียกเสียงปรบมือแสดงความพอใจจากหน่วยงานต่างๆ 

    ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทักทายกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ที่มาขอถ่ายรูป และแวะทักทายพ่อค้าแม่ค้าบริเวณนั้น พร้อมรับของที่ระลึกทั้งน้ำมะพร้าว มะขามหวาน ช่อดอกไม้และเสื้อที่ตัดเย็บจากผ้าโขมพัสตร์สีม่วง ซึ่งเป็นผ้าพื้นเมืองของเมืองหัวหิน ก่อนเดินทางกลับ มีแม่ค้ารายหนึ่งต้องการมอบน้ำดื่มให้ พล.อ.ประยุทธ์จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่มอบเงินขวัญถุงทำการค้าขายเช่นกัน

   พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ตลาดว่า ถ้าจะถามว่ามีความสุขหรือไม่ ก็มีคนมาแสดงความจริงใจให้กับตน แต่ความทุกข์ของตนก็มีคือ สัญญาที่จะทำให้แต่เวลามีจำกัด จะทำสำเร็จหรือไม่ วันนี้ประชาชนก็มาให้กำลังใจกัน ต้องฝากไปยังพื้นที่อื่นด้วยว่าไม่ได้ทำเฉพาะที่นี่ แต่จะทำทุกพื้นที่ ซึ่งต้องใช้เวลา ส่วนการลงพื้นที่ครั้งนี้ ถือเป็นแรงใจให้ตนในอนาคต และแรงตนยังมีมากไม่ต้องกลัว พร้อมจะสู้ต่อ

ครม.สัญจรไม่เคร่งเครียด

    สำหรับ บรรยากาศการประชุมครม.นอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2558 ที่สถานพักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบก (สวนสนประดิพัทธ์) อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธาน การประชุมในเวลา 14.00 น. คณะรัฐมนตรีทยอยมาเข้าร่วมประชุม โดยมีรัฐมนตรีหลายคนมาพร้อมกับคู่สมรส บรรยากาศไม่เคร่ง เครียดแต่อย่างใด ทั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. และพล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ส. ได้ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ประชุมครม.ด้วย

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จากหลายหน่วยกระจายกำลังดูแลความปลอดภัยทั่วพื้นที่ ตั้งจุดตรวจรถยนต์ที่จะผ่านเส้นทางไปยังอาคารสวนสนประดิพัทธ์แห่งที่ 2 ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมครม. ส่วนภายในสถานที่จัดประชุมนั้น ตำรวจตั้งจุดตรวจผู้ที่จะผ่านเข้า-ออกอย่างเข้มงวด รวมถึงกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ บช.น. นำรถตรวจวัตถุระเบิดพร้อมด้วยรถ หุ่นยนต์บังคับวิทยุ และสุนัขตำรวจ 2 นาย มาตรวจหาวัตถุระเบิดโดยรอบ สำหรับข้าราชการและสื่อมวลชนที่จะเข้ามาในพื้นที่จะต้องติดบัตรแสดงตนที่ทำเนียบรัฐบาลจัดทำขึ้นเฉพาะงานนี้เท่านั้น จากนั้นเวลา 18.00 น. ทั้งครม.และคสช. จะร่วมงานรับประทานอาหารเย็น ที่ริมหาดสวนสนประดิพัทธ์แห่งที่ 2 เพื่อขอบคุณที่ทำงานร่วมกันมาหลายเดือน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าถ่ายภาพและทำข่าว

'บิ๊กตู่'ลองเปิบ'ถั่งเช่า'

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม. เมื่อเวลา 17.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานเปิดงาน "นวัตกรรมและเทคโน โลยีไทยเพื่อเอสเอ็มอีและเกษตรกร" โดยเดินเยี่ยมชมและพูดคุยกับผู้ประกอบการแต่ละชิ้นงาน และกล่าวสนับสนุนให้นำนวัตกรรมเหล่านี้เข้าสู่ระบบเพื่อรัฐบาลจะให้การสนับสนุนต่อไป 

    ผู้สื่อรายงานว่า ช่วงหนึ่งในการเยี่ยมชมงาน พล.อ.ประยุทธ์ได้แวะที่บูธผลิตภัณฑ์ ถั่งเช่า โดยถามถึงสรรพคุณ พอทราบว่านอกจากบำรุงสมรรถภาพแล้ว ยังบำรุงเลือด บำรุงสมองและความจำ จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์จึงหยิบถั่งเช่าสดขึ้นมาทาน รวมถึงดื่มชาถั่งเช่า ก่อนกล่าวว่า "ให้ไอ้พวกต่อต้านผมมันกินบ้าง ไอ้พวกสมองเสีย"

      ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบในคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 84/2558 ลงวันที่ 17 มี.ค. 2558 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา เพื่อทำหน้าที่เสนอแนะนโยบาย แนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษา และการยกระดับคุณภาพการศึกษา รวมทั้งกำกับดูแล ติดตามและบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(6) แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จึงมีคำสั่งแต่งตั้ง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ตามคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 84/2558 ลงวันที่ 17 มี.ค.เพิ่มเติม ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. เป็นต้นไป

ระดมตร.ดูแลเข้ม

      พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในการประชุมครม.สัญจรที่สวนสนประดิพัทธ์ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด มั่นใจว่าไม่มีผู้ใดมาสร้างสถานการณ์ให้หนักใจเป็นอันขาด ตนได้รับรายงานจากพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. ว่าได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 2,500 นาย ในพื้นที่กระจายอยู่ทั่วไปมีทั้งในและนอกเครื่องแบบ และการข่าวก็ไม่น่าเป็นห่วง ภาพรวมไม่มีอะไรน่าหนักใจ ส่วนกรณีตรวจพบอาวุธวัตถุระเบิดใกล้ที่ประชุมครม.นั้น พนักงานสอบสวนกำลังหาข้อมูลเพิ่มเติม ไม่จำเป็นต้องเร่งรัด รีบร้อน เพราะอาจนำไปสู่ความผิดพลาด บกพร่องได้ แต่ขอให้ทำเรื่องดังกล่าวให้ดี ซึ่งต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ใช้เวลาดำเนินการ

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการใช้กฎหมายอื่นแทนการใช้กฎอัยการศึก ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายของคสช.และรัฐบาล ตำรวจเป็นเพียงผู้ปฏิบัติ ถือเป็นกลไกหนึ่งของรัฐบาล ไม่ว่านโยบายออกมาในรูปแบบใด ตำรวจพร้อมปฏิบัติอยู่แล้ว

'ไพบูลย์'รับโลกค้านอัยการศึก

     นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงการใช้กฎหมายอื่นแทนกฎอัยการศึกว่า ยังไม่มีการหารือกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯเคยให้สัมภาษณ์แล้วว่ายังไม่ได้ดำเนินการเรื่องนี้ 

    พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม.สัญจร ถึงแนวคิดนำกฎหมายอื่นมาใช้แทนกฎอัยการศึกว่า ในที่ประชุมครม.ไม่ได้พูดถึง ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์มอบให้นายวิษณุไปศึกษาเรื่องนี้และตนเคยหารือกับนายวิษณุบ้างแล้ว ส่วนตัวเห็นว่าอยากให้นำกฎหมายอื่นมาใช้แทนกฎอัยการศึก เพราะกฎอัยการศึกเป็นสิ่งที่สากลไม่ให้การยอมรับ ส่วนกฎหมายอื่นที่จะถูกนำมาใช้แทนควรเป็นรูปแบบใดนั้น ยังไม่ทราบว่าจะออกมาเลักษณะใด 

'ตู่'ใช้ม.44 แทนอัยการศึก

     พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.สัญจร ถึงความคืบหน้าการยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกว่า เรื่องกฎอัยการศึกออกเมื่อไหร่จะรู้เอง ไม่ต้องถาม และการพิจารณาไม่จำเป็นต้องไปคุยใน ครม. เป็นอำนาจของตน ทำไมจะต้องคุย ตนคิดดีอยู่แล้ว แต่ทำไมสื่อจะต้องรู้ทุกเรื่อง 

     "เดี๋ยวพอออกมาก็จะมาด่าผมอีก ไม่ต้องรู้หรอก ผมออกของผมเอง ผมรับผิดชอบ ผมต้องคุมสถานการณ์ให้อยู่เท่านั้นแหละ อย่ามาต่อต้านอะไรผมอีก เพราะผมถือว่าผมลดให้แล้ว แต่การลดในการใช้กฎหมายใหม่ ซึ่งคำว่ากฎหมายใหม่คือคำสั่ง คสช. ตามมาตรา 44 ไม่ใช่กฎหมาย ไม่ใช่ พ.ร.บ. เพราะคำสั่ง คสช.ถือว่าเหนือทุกอย่าง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เตรียมการจะใช้แทนกฎอัยการศึก ส่วนจะใช้เมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เนื่องจากต้องการลด โดยการทำให้เข้าใจว่า ใช้กฎอัยการศึกแค่ไหน อยู่ในคำสั่ง คสช.ฉบับใหม่ ให้ทำงานได้เหมือนเดิม สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินไม่ละเมิดซึ่งกันและกัน ไม่ขยายจนทำให้เกิดความรุนแรง วุ่นวายในการบริหารประเทศ ตนก็จำเป็นต้องใช้ จะได้เข้าใจสักทีว่าเราใช้กฎอัยการศึกตรงไหน คำสั่งฉบับใหม่จะเขียนแค่ให้ทำงานได้

รอจังหวะออกคำสั่งคสช.

       เมื่อถามว่า คำสั่งใหม่นี้จะสามารถประกาศใช้เมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ต่อเมื่อมีการลงพระปรมาภิไธยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "เรื่องที่เราจะทูลเกล้าฯ ในการยกเลิกกฎอัยการศึก ถ้ามีโปรดเกล้าฯ ลงมาเมื่อไหร่ คำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ โดยคำสั่งนี้จะต้องออกมาล่วงหน้าก่อน และจะทำเรื่องทูลเกล้าฯ ขึ้นไปเพื่อรอให้มีการโปรดเกล้าฯ ลงมา เนื่องจากการประกาศใช้กฎอัยการศึก ผมเป็นคนประกาศ แต่เวลายกเลิก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะต้องทรงลงพระปรมาภิไธยก่อน โดยผมจะเป็นผู้ถวายรายงานเข้าไป จากนั้นท่านจะทรงลงพระปรมาภิไธยลงมา"

    ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ทำเรื่องทูลเกล้าฯ ขึ้นไปหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ให้ท่านทรงพักหน่อย ท่านเพิ่งทรงลงพระปรมาภิไธยในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ตนต้องดูสถานการณ์

สหรัฐติงวาทะ'นายกฯ'

      วันเดียวกันนี้ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยนายเจฟฟ์ รัธคี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงประเด็นที่นายกรัฐมนตรีไทย ให้สัมภาษณ์อาจลงโทษผู้นำเสนอข่าวว่า สหรัฐไม่สบายใจกับความเห็นดังกล่าว และหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องจริงจัง และถึงแม้ว่าอาจไม่ใช่การพูดจริงจัง แต่ก็ส่งผลถึงบรรยากาศเสรีภาพอาจถูกปิดกั้นได้

      ด้านเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้ลงข้อความตอบคำถามของนายรัธคี ถึงประเด็นของไทย โดยระบุว่า ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเห็นอย่างไรต่อความเห็นของผู้นำไทยที่บอกว่าเป็นไปได้ที่จะประหารนักข่าว โดยนายรัธคีกล่าวว่า สหรัฐติดตามสถาน การณ์ในไทยมาตลอด และโดยปกติแล้ว จะพูดถึงสถานการณ์หลายๆ เรื่องถึงความสำคัญของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และสิทธิที่นักข่าวจะทำหน้าที่ 

      "ผมมีความเห็นต้องพูดเรื่องนี้เพิ่ม คือเราไม่สบายใจกับรายงานที่พล.อ.ประยุทธ์พูดเรื่องประหารนักข่าวที่ไม่ได้รายงาน "ความจริง" ทั้งที่อ้างอิงและไม่ได้อ้างอิงแหล่งข่าว เราหวังอย่างจริงใจว่าคำขู่นั้นจะไม่ใช่เรื่องจริงจัง เราขอย้ำถึงการเรียกร้องให้ยกเลิกกฎระเบียบและการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในประเทศไทย และในความเห็นของเรา ถึงคำพูดนั้นจะไม่ได้จริงจัง แต่ก็เชื่อมโยงถึงบรรยากาศที่เสรีภาพอาจถูกปิดกั้น ดังนั้นเราจะหารือในเรื่องนี้ต่อไป" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าว

ลดาวัลลิ์แนะ'บิ๊กตู่'รับมือสื่อ

     นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรมว.แรงงาน กล่าวถึงการใช้ถ้อยคำและการท่าทางเกรี้ยวกราดของพล.อ.ประยุทธ์ต่อสื่อมวลชนว่า รู้สึกเป็นห่วงและเกรงว่าสถานการณ์จะเลวร้ายยิ่งขึ้น การแก้ไขต้องแก้ที่พล.อ.ประยุทธ์ เพราะปัญหาวิกฤตประชาธิปไตยของประเทศไทยเป็นที่จับตามองของสื่อทั่วโลก รวมทั้งประชาชนทั้งในและต่างประเทศด้วย จึงเสนอข้อปฏิบัติ 3 ข้อไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ ดังนี้ 1.ต้องรู้ถึงความสำคัญและบทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชน 2.ต้องควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่ง ในระหว่างการให้สัมภาษณ์อย่าตกเป็นเหยื่ออารมณ์ เพราะนักข่าวต้องใช้คำถามหลายรูปแบบเพื่อให้ได้คำพูดที่เป็นประเด็นข่าวได้ เป็นเรื่องธรรมดา บางคำถามอาจยั่วโมโห ก็ต้องควบคุมอารมณ์ไม่โมโหตามที่ถูกยั่วยุ 

      "และ3.หากไม่ต้องการตอบคำถามหรือไม่พอใจคำถาม สามารถหลีกเลี่ยงที่จะตอบหรือหยุดการให้สัมภาษณ์ได้ในทันที การต่อล้อต่อเถียงกับนักข่าว จะเป็นการบั่นทอนภาวะผู้นำของพล.อ.ประยุทธ์" นางลดาวัลลิ์กล่าว

สมาคมสื่อแถลงหนุน'ฐปณีย์'

     ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยออกแถลงการณ์ระบุถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์วิพากษ์การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนว่า สมาคมนักข่าวฯ เห็นว่าสื่อมวลชนทุกแขนงมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นในสังคม สู่สาธารณะ ซึ่งอาจมีข้อบกพร่อง และอาจกระทบต่อบทบาทอำนาจขององค์กรต่างๆ ซึ่งสื่อมวลชนก็พร้อมที่จะเยียวยาแก้ไข และแสวงหาทางออก กรณีที่นายกฯมีท่าทีแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา และขอให้องค์กรสื่อไปตรวจสอบดูแลกำกับกันเองนั้น สมาคมนักข่าวฯ เห็นว่าเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการระดมความเห็นของคณะทำงานปฏิรูปสื่อที่ผลักดันให้กลไกการกำกับดูแลกันเองของสื่อมวลชนอยู่แล้ว


เดินตลาด- น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ใช้เวลาว่าง เดินเลือกซื้อของที่ตลาดโบ๊เบ๊ กทม. เพื่อนำไปทำบุญวันเกิดให้ "น้องไปป์" ลูกชาย ปรากฏว่ามีประชาชนแห่ขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 27 มี.ค.

     แถลงการณ์ระบุด้วยว่า ส่วนการทำหน้าที่ของน.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในกรณีนำเสนอรายงานข่าวเกี่ยวกับแรงงานประมงไทย ที่ตกค้างอยู่ในประเทศอินโดนีเซียนั้น ทางสมาคมเห็นว่า เป็นการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ต้องการสะท้อนปัญหาและความทุกข์ยากของคนไทยด้วยกันที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และยืนยันว่าสื่อยังต้องเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อประโยชน์สาธารณะบนพื้นฐานเพื่อประโยชน์ประเทศชาติอยู่ต่อไป

พลเมืองโต้กลับรายงานตัว

    ที่ศาลทหาร กรุงเทพฯ กลุ่มพลเมืองโต้กลับ 4 คน ได้แก่ นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือพ่อน้องเฌอ เหยื่อกระสุนจากการสลายการชุมนุมเดือน พ.ค.2553 นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน นายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ คนขับรถแท็กซี่ และนายสิรวิชญ์ เสรีภิวัฒน์ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งถูกดำเนินคดีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 7 จากการจัดกิจกรรมที่หน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา และศาลทหารได้ยกคำร้องการฝากขังเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ทั้งหมดได้เข้ารายงานตัวเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งนี้อัยการศาลทหารได้อนุญาตเลื่อนการนัดฟังคำสั่งพิจารณาคดีไปเป็นวันที่ 22 เม.ย.นี้ 

กก.ปฏิรูปค้านเกณฑ์ส่งส.ส.

     ที่โรงแรมลองบีช การ์เด้น โฮเตล แอนด์ สปา จ.ชลบุรี คณะกรรมาธิการ(กมธ.)ปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แถลงผลการประชุมพิจารณาศึกษาร่างรัฐธรรมนูญของกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่พิจารณาไปแล้วในช่วงแรกของวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา

     นายนิรันดร์ พันธกิจ สมาชิก สปช.และกมธ.ปฏิรูปการเมือง กล่าวว่า กมธ.มีข้อสังเกตว่าการให้กลุ่มการเมืองหรือสมาคม ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. จะย้อนอดีตจากที่กลุ่มการเมืองได้พัฒนาเป็นพรรคการเมืองแล้ว ซึ่งเราไม่ควรถอยหลังกลับไปอีก ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันเอื้อในการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นให้กลุ่มการเมืองไปจดทะเบียนนิติบุคคลเป็นพรรค อีกทั้งจะทำให้กลุ่มการเมืองหรือสมาคมเกิดขึ้นตามต่างจังหวัดจำนวนมาก ซึ่งยุ่งยาก และสร้างความสับสนให้กับประชาชนได้

ติงระบบสัดส่วนผสม

    นายบุญเลิศ คชายุทธเดช โฆษก กมธ.ปฏิรูปการเมือง กล่าวว่า การหยั่งเสียงของประชาชนและการกำหนดสัดส่วนของเพศสตรี กมธ.เห็นว่า มีปัญหาในแง่ปฏิบัติ และไม่สามารถทำได้เพราะขัดแย้งกันเอง หากหยั่งเสียงแล้วประชาชนไม่เลือกผู้สมัครที่เป็นสตรีจะทำอย่างไร ซึ่งกมธ.เห็นว่าการบัญญัติเรื่องเพศ แม้ดูเป็นการส่งเสริมสิทธิสตรี แต่ยังเป็นห่วงในผลการหยั่งเสียงกับสถานการณ์จริง ทั้งนี้ การหยั่งเสียงประชาชนเพื่อคัดเลือกผู้สมัครของพรรค กมธ.ยอมรับได้เพราะในหลักสากล ประเทศที่มีประชาธิปไตยก็ทำกันได้ ให้สมาชิกได้แสดงออกในการหยั่งเสียง 

    นายบุญเลิศ กล่าวถึงระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมว่า กมธ.เห็นว่าหากใช้ระบบดังกล่าว รัฐบาลจะไม่เข้มแข็ง อีกทั้งประชาชนจะไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตาม จะพิจารณาประเด็น ดังกล่าวอีกครั้ง 

ชงสมัชชาคุณธรรมชี้ถอดถอน

      นายดิเรก ถึงฝั่ง รองประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. กล่าวภายหลังการประชุมพิจารณาศึกษาร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 27 มี.ค. ว่า ประชุมเพื่อเตรียมพร้อมอภิปรายในการแปรญัตติของสปช. พร้อมสรุปประเด็นเพื่อที่จะขอแปรญัตติ ทั้งนี้การขอแปรญัตติที่กำหนดให้ใช้สมาชิกสปช. 25 คน ร่วมลงชื่อเสนอแปรญัตตินั้น ในส่วนกมธ.ปฏิรูปการเมืองเรามีคนไม่ครบ ซึ่งจะต้องขอชื่อสนับสนุนจากสมาชิกคนอื่นให้ครบ 25 คน ไม่มีปัญหา ส่วนการเสนอแปรญัตติที่จะมีหลายประเด็นหรือหลายมาตรานั้น ไม่มีปัญหาเนื่องจากสามารถเสนอญัตติเดียวแต่ขอปรับปรุงในหลายมาตราได้

      นายนิรันดร์ พันธกิจ กมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. แถลงว่า ในประเด็นการถอดถอนนักการเมือง ที่กมธ.ยกร่างฯ กำหนดให้สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ส่งเรื่องให้กกต. ดำเนินการ และให้ประชาชนลงคะแนนถอดถอนนั้น กมธ.ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเกิดความยุ่งยาก ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ และใช้เวลามากไปในการรอเลือกตั้ง จึงเห็นว่าหากทำผิดจริงให้ส่งเรื่องไปยังสมัชชาคุณธรรมฯ เพื่อตรวจสอบและหากมีมูลว่าทำผิดจริง ให้บุคคลที่ถูกถอดถอนยุติการปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จ โดยการถอดถอนจะต้องส่งเรื่องไปยังสภาหรือรัฐสภา เพื่อดำเนินการถอดถอน 

แนะเพิ่มเงื่อนไขนายกคนนอก

      นายนิรันดร์ กล่าวว่า ส่วนการป้องกันการปราบปรามการทุจริตเลือกตั้ง กมธ.เห็นว่าให้กกต.มีอำนาจแจกใบเหลืองต่อไป รวมทั้งให้กกต.มีอำนาจแจกใบแดงได้ แต่จะยังไม่มีผลบังคับ จะต้องส่งเรื่องไปยังศาลเลือกตั้ง โดยให้สิทธิผู้ถูกใบแดงอุทธรณ์ได้ภายใน 7 วัน นอกจากนี้ยังเห็นด้วยให้มีคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) แต่ต้องปรับปรุงโครงสร้างที่มาของกจต. โดยให้คณะทำงานไปพิจารณาอีกครั้งว่าควรเป็นอย่างไร

      นายนิรันดร์ กล่าวว่า ประเด็นที่มานายกฯ กมธ.เห็นว่าการให้คนนอกมาเป็นนายกฯได้ อาจไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย จึงควรทำเป็นบันไดหนีไฟ 2 ขยัก คือ นายกฯต้องมาจาก ส.ส. แต่กรณีเกิดวิกฤตไม่สามารถหาบุคคลเป็นนายกฯได้ จึงจะให้สรรหาจากบุคคลภายนอก โดยต้องมีเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 และควรอยู่ในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อแก้วิกฤตเพียง 1 ปี เว้นแต่ไม่สามารถแก้วิกฤตได้ ให้ขอมติจากที่ประชุมรัฐสภาขอเพิ่มเวลาทำหน้าที่ออกไป 1-2 ปี 

ควรมีส.ว.เลือกตั้งด้วย

     นายนิรันดร์ กล่าวอีกว่า แนวคิดเลือกตั้ง นายกฯโดยตรง กมธ.ปฏิรูปการเมืองยอมถอยให้แล้ว เพราะเห็นว่าหากใช้ระบบนี้ ต้องปรับหลักการ และคงเป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ ส่วนการเลือกตั้งระบบเยอรมันที่กมธ.ยกร่างฯกำหนดนั้น กมธ.ปฏิรูปการเมืองเห็นว่าการคำนวณสัดส่วนคะแนนยังสับสนอยู่และประชาชนจะเข้าใจยาก แต่เมื่อกมธ.ยกร่างฯจะเดินทางนี้ เราในฐานะกมธ.ปฏิรูปการเมือง ต้องช่วยกันปรับแก้หรือเติมช่องโหว่ให้เดินไปได้

    นายบุญเลิศ คชายุทธเดช โฆษกกมธ.ปฏิรูปการเมือง กล่าวว่า คำว่า วิกฤต ในที่นี้อาจเป็นสถานการณ์ที่หาบุคคลมาเป็นนายกฯไม่ได้จริงๆ แต่ต้องไปช่วยกันนิยามคำว่าวิกฤตอีกครั้ง ส่วนที่มา ส.ว.นั้น กมธ.เห็นด้วยที่จะให้มี ส.ว. 200 คน โดยมาจาก 2 สายหลัก คือจากการเลือกตั้งของประชาชน จังหวัดละ 1 คนเหมือนเดิม ส่วนอีก 123 คน ให้มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมจากองค์กรวิชาชีพต่างๆ

     นายบุญเลิศ กล่าวว่า สำหรับระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมหรือระบบเยอรมัน กมธ.เห็นว่าให้มีการเลือกตั้งแบบ 1 เขต 1 เบอร์ และระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนจะแบ่งเขตออกเป็นกี่เขต กมธ.จะหารือกันต่อไป ส่วนวิธีคำนวณตามสัดส่วนส.ส.ระบบเยอรมัน ยังยากต่อความเข้าใจ อีกทั้งไม่มีความชัดเจนในเรื่องการแบ่งภาค และจะให้ประชาชนเลือกทั้งพรรค หรือเลือกเป็นรายบุคคล หากเลือกเป็นรายบุคคลแล้วมีหลายพรรคส่งผู้สมัคร จะทำให้มีผู้สมัครมากเกินไป ประชาชนจะทำความเข้าใจยากอีก

'บวรศักดิ์'ชูข้อดีรธน.ใหม่

     ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ รัฐสภาร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า จัดโครงการสัมมนาเวทีประชาเสวนาหาทางออก สานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ และประชาชนกว่า 200 คน เข้าร่วม

    นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ปาฐกถาตอนหนึ่งว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ต้องสร้างความปรองดองและลดความเหลื่อมล้ำ ส่วนกระแสข้อโต้แย้งในร่างรัฐธรรมนูญนี้ อย่างการเลือกตั้งแบบ โอเพ่นลิสต์ มีแต่พรรคที่ออกมาเต้น แต่ในข้อเท็จจริง นี่คือการคืนอำนาจให้ประชาชนมีสิทธิ์เลือกผู้แทน สื่อก็ถามแต่นักการเมือง จึงอยากให้ไปสัมภาษณ์ประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ และนี่อาจเป็นการสอนให้หัวหน้าพรรคฟังเสียงประชาชน รวมทั้งระบบเลือกตั้งใหม่ต้องปรับระบบให้สมดุลตามคะแนนที่ได้ตามความเป็นจริง เป็นการจัดสรรที่นั่ง ส.ส.แบบสัดส่วนผสมเพื่อเติมเต็ม ถ้าใช้วิธีนี้จะได้รัฐบาลที่มีพรรคการเมืองผสมมากขึ้น เพราะเราไม่ต้องการให้ใครมีอำนาจเหนือใคร ให้รู้จักปรองดอง 

อ้างวุ่นปม'นายกฯคนนอก'

      นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ส่วนนายกฯคนนอก ไปดูร่างรัฐธรรมนูญว่ามีตรงไหนที่บอกให้มี นายกฯคนนอก เพราะระบุแล้วว่าสภาจะเป็นผู้ลงมติโดยเปิดเผยเลือกนายกฯ และสมาชิกที่จะเลือกนี้ คงเป็นเสียงส่วนใหญ่ที่ได้รับการเลือกตั้ง หากสมาชิกส่วนนี้ ไปเอานายกฯ มาจากคนนอกก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร แต่สิ่งเหล่านี้อาจปรับกันได้ เช่น ถ้าเลือกนายกฯที่เป็น ส.ส. ก็ใช้เสียงเกินครึ่งของสภา แต่ถ้านายกฯไม่ใช่ ส.ส. ก็ใช้เสียง 2 ใน 3 แบบนี้พอรับได้หรือไม่ 

      นายบวรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า อย่าง ส.ว.ที่ไม่เลือกตั้งโดยตรง อยากถามว่าหากให้เลือกตั้งพวกชาวนา ปราชญ์ชาวบ้านจะได้รับเลือกเข้ามาหรือไม่ มีแต่นักการเมืองที่ไม่แฮปปี้และมาบิดเบือนว่าลากตั้ง

ขอเสียงหนุน-หวั่นถูกตีตก

     "มาวิจารณ์ระบบเลือกตั้งแบบเยอรมนี หาว่าเรากินข้าว ไม่ได้กินขนมปังบ้าง เหม็นเนยบ้าง ถ้าอยากได้ระบบเลือกตั้งแบบไทยแท้คือต้องสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ระบบพ่อขุนมูลนาย แบบนี้เอาหรือไม่ เขาเรียกผมว่าตำบลกระสุนลง โดนยิงเป้าอยู่ฝ่ายเดียว อยากให้ประชาชนช่วยกันหนุนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่เช่นนั้นถูกตีตก 100 เปอร์เซ็นต์" นายบวรศักดิ์กล่าว

      ประธานกมธ.ยกร่างฯกล่าวอีกว่า ตอนนี้ล้างหูรอไว้สมาชิกสปช.อภิปรายเสนอความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 17 เม.ย.นี้ แต่เชื่อว่าสมาชิกสปช.จะมีความเห็นที่เป็นประโยชนน์ต่อร่างรัฐธรรมนูญนี้ เพราะสปช.กับกมธ.ยกร่างฯ เหมือนเป็นฝาแฝดอินจัน อยู่ก็อยู่ด้วยกันตายก็ตายด้วยกัน

พท.จี้สปช.ฟังเสียงทักท้วง

     นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงนายวันชัย สอนศิริ โฆษกวิป สปช.ระบุไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการเลือกตั้งช่วงต้นปี 59 ตามโรดแม็ป คสช.ว่า การที่รัฐบาลหรือสปช.จะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ทอดเวลายาวนานออกไปอีก ก็ใช่ว่าจะช่วยให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยหรือแก้ปัญหาขัดแย้งได้ ตราบใดที่สภาพเศรษฐกิจยังเป็นแบบนี้ ดังนั้นการตั้งสมมติฐานว่าถ้าบ้านเมืองยังไม่สงบเรียบร้อยก็ไม่ควรมีเลือกตั้งนั้น เป็นการตั้งสมมติฐานที่ผิด ยิ่งอยู่ในอำนาจนานๆ จะยิ่งเหนื่อย รวมทั้งปัญหาต่างๆ จะยิ่งหนักขึ้นด้วย ดังนั้นสิ่งใดที่ประกาศว่าจะเร่งดำเนินการทั้งเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ หรือสร้างความปรองดอง ขอให้ผู้มีอำนาจเร่งดำเนินการจะดีกว่า ส่วนส.ว.ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งก็ได้ แต่ต้องทบทวนปรับลดอำนาจของ ส.ว.ลง ไม่อย่างนั้นมันไปไม่ได้ เพราะขัดกับหลักการพื้นฐานไม่ยึดโยงกับประชาชน ที่สำคัญจะกลายเป็นเงื่อนไขทำให้ปัญหาไม่จบ

     "โฆษกวิป สปช.ควรตั้งสติคิดให้ดีๆ ไม่ใช่ว่ายังมีความวุ่นวายแล้วประเทศไม่ต้องเดินหน้าสู่เลือกตั้ง หากอยู่กันยาวๆ แล้วแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ก็ว่าไปอย่าง ดังนั้นควรเร่งเข้าสู่ระบบโดยเร็ว ช่วยกันคิดแก้ปัญหาจะดีกว่า สิ่งใดในร่างรัฐธรรมนูญที่หลายฝ่ายทักท้วงก็ควรทบทวน อย่าปักธงในลักษณะนี้ ถึงเวลาไม่มีใครฟังใคร ทุกคนลุกฮือขึ้นมา ถึงตอนนั้นทหารก็เอาไม่อยู่" นายสามารถกล่าว

'ปู'เดินตลาดโบ๊เบ๊

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ใช้เวลาว่างก่อนวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 14 ปี ของ น้องไปป์ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย ไปจับจ่ายสินค้าโดยเฉพาะเสื้อผ้า ที่ตลาดโบ๊เบ๊ เพื่อนำไปให้น้องไปป์ นำไปบริจาคและทำบุญเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดในวันที่ 29 มี.ค. ก่อนจะแวะรับประทานอาหารที่ร้านข้าวแกงรัตนา ร้านข้าวแกงชื่อดังเก่าแก่ในตลาดนางเลิ้ง พร้อมซื้อขนมหวาน ผลไม้ จำนวนมาก จากนั้นแวะรับประทานกาแฟโบราณ ร้านเจ๊แอ๊ว ซึ่งตลาดการจับจ่ายสินค้าทั้ง 2 ตลาดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับความสนใจจากพ่อค้าแม่ค้า และผู้มาจับจ่ายสินค้าที่ให้กำลังใจ และขอให้สู้ๆ ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

'บิ๊กตู่'ครวญพูดไม่มีคนฟัง

     เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า วันนี้รัฐบาลทำให้ประเทศกลับมาสงบสุข สถานการณ์ทุกอย่างที่ไม่ดีชะลอลงตามลำดับ แต่ยังมีประชาชนที่ไม่เข้าใจอยู่ โดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับผล กระทบจากธุรกิจสีเทาที่ถูกลดจำนวนลง อาจทำให้ประชาชนส่วนนี้ขาดรายได้ รัฐบาลเห็นใจ แต่ประเทศต้องมีการจัดระเบียบ ลดความเหลื่อมล้ำ ส่วนผู้มีรายได้มากพอ ก็มาช่วยเหลือประเทศชาติได้ในการเสียภาษี อย่าหนีจากระบบภาษี ภาษีต้องเก็บตามรายได้ที่มีอยู่ตามหลักเกณฑ์ ถ้าไม่ถึงก็เก็บไม่ได้อยู่แล้ว อย่าหาว่าตนมารีดเลือด เป็นการวางอนาคต 

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอฝากให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สนับสนุนดำเนินการในสิ่งใหม่ๆ ที่รัฐบาลจะทำ ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ถ้าทุกคนไปบ่นอย่างเดียว รัฐบาลยังไม่เห็นทำอะไรเลย ตนก็เสียใจ ขอให้เข้าใจกันบ้างอย่ามาบ่นอีก เพราะจะทำให้ความมั่นใจการค้าลงทุนในประเทศตกลงไป อย่างนี้เสียหาย ทำให้ทั้งประเทศปั่นป่วนไปหมด สื่อก็ไปขยายความกันใหญ่โต แล้วให้ใครเขาจะมาเชื่อมั่น ตนพูดทุกอย่างอยู่แล้ว กรุณาฟัง อย่าติอย่างเดียว 

ออกตัวขอโทษพูดแรงไปบ้าง

       "ผมไม่ได้ให้ไปโกหก ถ้าเราทำแล้วก็พูดให้ผมหน่อยว่ารัฐบาลดี เขาทำตรงนี้ ตรงนี้เขายังไม่ดี ผมได้ข้อเสนอแนะให้รัฐบาลเขารับไป พูดอย่างนี้เขาเรียกว่าติเพื่อก่อ แต่ถ้าติทุกเรื่องไป อย่างนี้ไม่ใช่ สร้างศัตรู บางครั้งผมอาจใช้คำพูดที่แรงไปบ้าง ขอโทษ แต่ก็เสียใจที่ไม่ฟัง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องปรองดอง ทุกคนต้องมีจิตใจอยากปรองดอง ไม่ใช่ถูกบังคับให้ปรองดอง ให้มีกฎหมายให้ปรองดอง ต้องใช้กฎหมายทุกเรื่องเลยหรือ บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่ปรองดองกันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะบังคับไม่ได้ อย่างไรก็ตามอยากให้หน่วยงานที่อยู่ต่างจังหวัดต้องช่วยกันด้วย ไม่ใช่ทำไปแกนๆ รัฐบาลทำแทบตายแล้วข้าราชการในพื้นที่ไม่ทำ ไม่ทุ่มเทไม่ได้ ประชาชนเรียกร้องว่าข้าราชการจังหวัดนี้ จังหวัดโน้นมีทุจริต ตนจะจัดการ อย่าหาว่าขู่ แต่ไม่ไหวถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ แล้วไม่เกิดอะไรขึ้นมาเลย คนดีๆ อย่าเสียใจ เสียกำลังใจไม่ได้

โวยสื่อเล่นงานเจ้าของบ้าน

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า หน้าที่อย่างหนึ่งของสื่อ คือการเฝ้าระวัง ตนไม่ใช่ศัตรูกับสื่อ หน้าที่ของสื่อเหมือนเฝ้าบ้าน ต้องคอยแจ้งเตือนเจ้าของบ้าน ทำหน้าที่คอยเตือนประชาชน เมื่อใดก็ตามที่มีนักการเมือง ข้าราชการโกงทุจริตต้องเตือนตอนนั้น หรือมีนักบริหารออกนโยบายที่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศ แต่ไม่ใช่สื่อมาทำให้เกิดความระแวงกันเอง 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สื่อมีหน้าที่ดูแลบ้านหลังนี้แต่ไม่ดูแล้วยังกลับมาเล่นงานเจ้าของบ้าน เล่นงานคนในบ้าน แล้วโจรก็เข้ามาได้ ซึ่งบางครั้งอาจมีความผิดพลาดบ้างในการติดต่อสื่อสาร แต่ให้รู้ความตั้งใจของรัฐบาล หนักนิดเบาหน่อยให้อภัยกัน วันนี้เราอยู่ทีมเดียวกัน สื่อบอกว่ามีหน้าที่ มีสิทธิ ตนไม่ได้ขัดแย้ง ซึ่งนายกสมาคมสื่อมวลชนหนังสือ พิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์แห่งประเทศ ไทย บอกว่าขอร้องให้ตนเข้าใจสื่อ เป็นการทำงานของสื่อ เพื่อติติง ซึ่งตนไม่ได้ว่าเลย ถ้าสื่อทำอย่างนั้นดีอยู่แล้ว แต่ถ้าเหมือนกับเล่นงานตนทุกเรื่อง คิดว่าไม่เป็นธรรมกับตน

ชี้ปัญหาปชต.มีแต่ข้อเรียกร้อง

     "บางสื่อคุมไม่ได้ เขียนส่งเดชไปเรื่อย แล้วจะไม่ให้ผมโมโห มีอารมณ์รุนแรงได้อย่างไร ผมขอโทษผู้ที่สุภาพอาจจะไม่ชอบ แต่ต้องเห็นใจผม พอบอกให้ไปดูแล บอกไม่เห็นผิดตรงไหนเลย ผิดตรงไหนไปอ่านดูที่เขียน อันนี้สร้างสรรค์ สนับสนุนทุกอย่าง โอ้โหด่าทุกวัน บอกว่านี่ติติง ก็ผมทำไปแล้ว กำลังทำ ก็มาบอกว่าผมไม่ทำ หรือบอกว่าเรื่องนี้ไม่รู้จะกล้าทำหรือเปล่า ถ้าไม่กล้าทำ ผมคงไม่เข้ามา เพียงแต่จะทำได้เมื่อไร ผมไม่อยากไปบังคับขู่เข็ญคนมากนัก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ฝากประชาชนทั่วไป จะให้ทำอย่างไรบอกมา จะให้หนักหรือเบากว่านี้ ใช้อำนาจมากกว่านี้ก็ว่ามา จะไปพิจารณาอีกที การปฏิรูปอีกมาก ไม่ได้จบภายในปีหนึ่ง ปีหนึ่งแค่ลดความขัดแย้ง แค่คิดไว้ว่าจะทำอะไรต่อไปในวันข้างหน้า อีก 10 ปียังไม่ทันเลย 

      "คนไทย 60 กว่าล้านคน 60 กว่าล้านความคิด มีกลุ่มชน เป็นของคนนี้คนนั้น แล้วคนเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วก็เรียกร้องกับรัฐบาล จนไม่มีความเพียงพอ เมื่อไม่เพียงพอ รัฐบาลต้องมาดูแลเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวมีปัญหาบริหารราชการ นี่แหละคือปัญหาของประชาธิปไตยไทย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

ลั่นจะแก้ไขให้ทั้งหมด

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ดังนั้นตนจะทำให้ทั่วถึงก่อน วันหน้าจะให้ส่งต่อให้ระบบแข็งแรง ข้าราชการหรือการเมืองแข็งแรงกว่านี้ ที่ผ่านมาไม่รู้จะโทษใคร เรื่องเลือกตั้งต่างๆ กินได้หรือไม่ เลือกตั้งมาแล้วเป็นอย่างไร ตนไม่รู้ แต่สิ่งที่มีปัญหาอยู่ทั้งหมด ตนก็พยายามแก้ให้ทั้งหมด

     "ผมบอกแล้วว่า ผมเข้ามา เพราะบ้านเมืองเรากำลังจะล้มลง ผมต้องขนอิฐ หิน ปูน ทราย มาช่วยกันก่อขึ้นไป อาจจะเป็นปราสาททรายก็ได้ สร้างบ้านเป็นปราสาททรายที่อนาคตอาจพังอีกก็ได้ เราต้องนำความเข้มแข็ง นำความรักความสามัคคี อุดมการณ์ค่านิยมของคนไทยเติมเข้าไป นี่คือเหตุผลของผม พวกนี้คือปูน หิน ที่ไปเสริมความเข้มแข็งของทรายเหล่านั้น อาจมีโครงเหล็กเข้าไปบ้าง มีกฎหมายอะไรเข้าไป ถึงจะก่อมาเป็นปราสาทขึ้นมาได้ แล้วจะไม่ยุบลงมาอีก ถ้าคิดตามผมก็จะเข้าใจ ขอให้ทุกคนมีความสุขและปลอดภัย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

องค์ภาร่วมคณะผู้แทนไทยถก UN

    เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่สวนสนประดิพัทธ์ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมครม.ว่า ครม.เห็นชอบเรื่ององค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 13 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยซึ่งจะเข้าร่วมการประชุมระหว่างวันที่ 12-19 เม.ย.นี้ ที่กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ มีพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ร่วมด้วยผู้แทนกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานป.ป.ช. กระทรวงวัฒนธรรม สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย และวังศุโขทัย รวม 83 คน

ใช้ม.44 แทน'อัยการศึก''บิ๊กตู่'ย้ำชัด เตรียมทูลเกล้าฯยกเลิก แม่ค้าหัวหินเชียร์อยู่ยาว บวรศักดิ์แย้มแก้ร่างรธน. โหวตนายกคนนอก 2 ใน 3 'ปู'เดินช้อปโบ๊เบ๊-นางเลิ้ง

มติชนออนไลน์ : อร่อย -พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชิมข้าวเหนียวมะม่วงจากมือแม่ค้าป้อนให้ ระหว่างเดินสำรวจราคาสินค้าที่ตลาดฉัตร์ไชย อ.หัวหิน ก่อนร่วมประชุม ครม.สัญจรอย่างเป็นทางการ ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม

     'บิ๊กตู่'เดินตรวจตลาดหัวหิน ปลื้มแม่ค้าแห่ให้กำลังใจ ชูป้าย'ลุงตู่อยู่ต่ออีก 10 ปี' พร้อมร้องเพลง'คืนความสุข-อยู่นานๆ ได้ไหม' นายกฯย้ำเลิกกฎอัยการศึกใช้ ม.44 แทน

'บิ๊กตู่'ปลื้มตรวจตลาดหัวหิน

     เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 มีนาคม ที่ พล.ม.2 รอ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เดินทางไป อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่ ครั้งแรก โดย พล.อ.ประยุทธ์ มีสีหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส และกล่าวทักทายผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี 

     ต่อมาเวลา 10.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ เดินทางไปตลาดฉัตร์ไชย หรือตลาด 7 โค้ง ด้วยรถโฟล์กสวาเกน ทะเบียน กง 1111 ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีประชาชนที่ให้การสนับสนุนและผู้ค้ามาคอยต้อนรับจำนวนมาก พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจและถ่ายรูป พร้อมตะโกนให้อยู่นานๆ บางร้านชูป้ายที่เขียนเองว่า "ลุงตู่อยู่ต่ออีก 10 ปี" 

    ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์สอบถามผู้ค้าผักว่า ราคาเป็นอย่างไร สูงขึ้นหรือเปล่า ได้รับคำตอบว่า ราคาเป็นปกติ ไม่ได้สูงขึ้น นายกฯจึงขอร้องให้ช่วยๆ กันคงราคาไว้ ประชาชนจะได้ซื้อของไม่แพง รวมถึงราคาหมู ขอให้อยู่แค่ตรงนี้ อย่าปรับขึ้น ผู้ค้าก็รับปาก นายกฯจึงกล่าวว่า สัญญาแล้วนะ จากนั้น นายกฯเชิญชวนให้ทุกคนซื้อผัก และไปยืนขายผักบุ้งกำละ 5 บาท มีประชาชนเข้ามาซื้อด้วย

ถามแผงอาหารทะเล'ปูสดไหม'

      จากนั้นนายกฯเดินตรวจแผงค้าต่างๆ มีแม่ค้าขายข้าวเหนียวมะม่วงป้อนข้าวเหนียวมะม่วงให้นายกฯ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 'ขนมที่นี่หวานนะ' จากนั้นนายกฯแวะสอบถามราคาไข่ ที่แผงของนางสาคร สินส่ง อายุ 82 ปี แล้วสอบถามว่าช่วงนี้ราคาไข่แพงหรือไม่ นางสาครตอบว่า ไม่แพง ราคาปกติ 

     ต่อมา กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าบริเวณนั้นร่วมกันร้องเพลงคืนความสุข เป็นกำลังให้กับนายกฯ และ พล.อ.ประยุทธ์ก็ร้องตามด้วย และนางสาครร้องเพลง 'อยู่นานๆ ได้ไหม' ขณะที่นายกฯมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกล่าวขอบคุณ ก่อนจะยกมือทำสัญลักษณ์ 'ไอเลิฟยู'พร้อมบอกว่า'ช่วยบอกนักข่าวหน่อยเพราะเขาถามทุกวันให้ผมไปเร็วๆ'พร้อมหันมาบอกสื่อว่า 'อย่าด่าผมนัก'

     จากนั้นไปตรวจเยี่ยมแผงอาหารทะเล และจับปูขึ้นมา พร้อมถามแม่ค้า 'ปูสดไหม รับจากไหน ปูเป็น ยังไม่ตายใช่ไหม" แม่ค้าตอบกลับว่า'ปูสด ปูเป็น รับมาทุกเช้า จากพังงา'

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเยี่ยมชมตลาดครั้งนี้ หากร้านค้าใดมอบสินค้าให้เป็นที่ระลึก หรือนายกฯชิมอาหารต่างๆ ผู้ติดตามนายกฯยื่นซองเงินให้ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "5 บาท 10 บาทก็กำไร ผมไม่กินของใครฟรี รับไปเถอะ" 

     ทั้งนี้ ซองที่นายกฯมอบให้นั้นมีเงินซองละ 1,000 บาท

โอดเวลาจำกัด-พร้อมสู้ต่อ

      หลังตรวจเยี่ยมตลาด ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงพื้นที่ตลาดครั้งนี้รู้สึกอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ก็มีคนมาแสดงความจริงใจให้กับผม แต่ความทุกข์ของผมก็มีคือ สัญญาที่ว่าไว้ที่จะทำให้แต่เวลามีจำกัด จะทำสำเร็จหรือไม่ แต่วันนี้ประชาชนมาให้กำลังใจ การลงพื้นที่ครั้งนี้ ถือเป็นแรงใจให้ในอนาคต และแรงผมยังมีมาก ไม่ต้องกลัว พร้อมจะสู้ต่อ"

ต่อมา เวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะเดินทางจากตลาดฉัตร์ไชย ไปบริเวณชายหาดหัวหิน ภายในซอยหัวหิน 61 เพื่อดูการจัดระเบียบการค้าชายหาด

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องข้าวกำลังแก้ไขว่าจะลดต้นทุนอย่างไร ทุกวันนี้ต้นทุน 6,000 บาท ขายได้ 7,000-8,000 บาท ไม่พอกินก็เป็นหนี้จากการกู้เงินนอกระบบ ตอนนี้เรื่องข้าวมีปัญหา 6 แสนกว่าล้านบาท ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใคร ขอเวลาให้รัฐบาลแก้ไข ไม่ใช่นักการเมืองไม่ได้มาหาเสียง ไม่ใช่ทำเพื่อกลุ่มของใครเหมือนอย่างที่อ้างว่าทำเพื่อประชาธิปไตยต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งมันไม่ได้ แต่หากประชาชนมั่นใจว่าเลือกไปแล้วโปร่งใสก็ว่ากันไป อย่ามาเลือกตนเพราะไม่ได้ลงสมัครเลือกตั้ง

แม่ค้าบ่นจัดฉากรับนายกฯ 

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางไปตลาด มีเจ้าหน้าที่เทศบาลและอำเภอหัวหิน รวมทั้งทหารจากมณฑลทหารบกที่ 15 มาจัดระเบียบร้านค้าและเคลียร์ถนน หัวหิน 72 หรือซอยโต้รุ่ง ของตลาดหัวหิน โดยนำแผงเหล็กมาตั้งเพื่อไม่ให้รถผ่านเข้าออก รวมทั้งขอความร่วมมือให้ร้านค้าที่เป็นรถเข็นอย่าเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว ถ้าเป็นไปได้ให้หยุดค้าขาย 1 วัน บางร้านที่เป็นห้องแถว เช่น ร้านขายยาถือโอกาสปิดร้าน 1 วัน ทำให้ผู้ค้าขายบริเวณตลาด กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ผักชีเต็มตลาดแล้ว ปกติจะขายของได้มากกว่านี้"

       นอกจากนี้ผู้ที่มาซื้อสินค้าบางราย ออกปากบ่นว่า "น่าจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อที่นายกฯจะได้เห็นสภาพที่แท้จริง ไม่ใช่มาจัดฉากแบบนี้ แล้วจะเห็นของจริงได้อย่างไร" 

     ทั้งนี้ มีการเปิดเพลงกระจายเสียงให้ได้ยินไปทั่วบริเวณ เช่น เพลงคืนความสุข สามัคคีชุมนุม และเราสู้

ทหาร-ตร.3 พันนายคุมเข้ม 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านการรักษาความปลอดภัยมีการวางกำลังทหารและตำรวจตรวจบุคคลเข้าออกอย่างเข้มงวด ห้ามจอดรถยนต์บริเวณโดยรอบตลาด โดยระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 2,000 นาย นอกจากนี้ยังระดมทหารจากหน่วยต่างๆ ทั้งในและนอกเครื่องแบบมาดูแลรักษาความปลอดภัยประมาณ 1,000 นาย รวมทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ยืนประจำยังจุดสูงข่มบริเวณ โดยรอบ รวมทั้งบางจุดกั้นรั้วเหล็กไม่ให้รถผ่านเข้าออกได้ 

    แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงกล่าวว่า มีประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ หลายกลุ่ม อาทิ ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ปัญหาหนี้สินนอกระบบ เตรียมเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกฯโดยตรง แต่เจ้าหน้าที่ส่งตัวแทนไปพูดคุยเจรจาและรับเรื่องราวร้องทุกข์เบื้องต้น โดยให้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมบริเวณชายหาด รวมถึงขอความร่วมมือไม่ให้มีการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ เช่น การชู 3 นิ้ว โดยขอให้ชูสัญลักษณ์ไอเลิฟยูแทน 

'บิ๊กตู่'รับใช้ม.44 แทนอัยการศึก

     เวลา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุม ครม. ที่สวนสนประดิพัทธ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์แถลงหลังการประชุม ครม.นอกสถานที่ ถึงความคืบหน้าการยกเลิกใช้กฎอัยการศึกว่า เรื่องกฎอัยการศึกออกเมื่อไรก็จะรู้เอง ไม่ต้องถาม และการพิจารณาไม่จำเป็นต้องไปคุยใน ครม. เป็นอำนาจของตน ทำไมจะต้องคุย 

     เมื่อถามว่า จะใช้อะไรเป็นการตัดสินใจในการพิจารณาที่จะยกเลิกใช้กฎอัยการศึก ต้องคำนึงถึงห้วงเวลาใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมคิดดีอยู่แล้ว แต่ทำไมสื่อจะต้องรู้ทุกเรื่อง เดี๋ยวพอออกมาก็จะมาด่าผมอีก ไม่ต้องรู้หรอก ผมออกของผมเอง ผมรับผิดชอบ ผมต้องคุมสถานการณ์ให้อยู่เท่านั้นแหละ อย่ามาต่อต้านอะไรผมอีก เพราะผมถือว่าผมลดให้แล้ว แต่การลดในการใช้กฎหมายใหม่ ซึ่งคำว่ากฎหมายใหม่คือคำสั่ง คสช. ผมใช้ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ไม่ใช่กฎหมาย ไม่ใช่ พ.ร.บ. เพราะคำสั่ง คสช.ถือว่าเหนือกว่าทุกอย่าง"

มีผลหลังโปรดเกล้าฯเลิกอัยการศึก

      เมื่อถามว่า ขอให้พูดให้ชัดเจนได้หรือไม่ว่า จะใช้มาตรา 44 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "เตรียมการจะใช้แทนกฎอัยการศึก ส่วนจะใช้เมื่อไรนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เนื่องจากเราต้องการลด โดยทำให้เข้าใจว่าเราใช้กฎอัยการศึกแค่ไหน อยู่ในคำสั่ง คสช.ฉบับใหม่เท่านั้นแหละ ให้ทำงานได้เหมือนเดิม สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ละเมิดซึ่งกันและกัน ไม่ขยายจนทำให้เกิดความรุนแรง วุ่นวายในการบริหารประเทศ ผมก็จำเป็นต้องใช้ จะได้เข้าใจสักทีว่าเราใช้กฎอัยการศึกตรงไหน คำสั่งฉบับใหม่จะเขียนแค่ให้ทำงานได้"

     เมื่อถามว่าเป็นการคำสั่งใหม่เพิ่มเติมออกมาใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ครับผม" เมื่อถามว่าคำสั่งใหม่นี้จะประกาศใช้ได้เมื่อไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "คำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ต่อเมื่อมีการลงพระปรมาภิไธยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องที่เราจะทูลเกล้าฯในการยกเลิกกฎอัยการศึก ถ้ามีโปรดเกล้าฯลงมาเมื่อไร คำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ โดยคำสั่งนี้จะต้องออกมาล่วงหน้าก่อน และจะทำเรื่องทูลเกล้าฯขึ้นไปเพื่อรอการโปรดเกล้าฯลงมา เนื่องจากการประกาศใช้กฎอัยการศึก ผมเป็นคนประกาศ แต่เวลายกเลิก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงลงพระปรมาภิไธยก่อน โดยผมจะเป็นผู้ถวายรายงานขึ้นไป จากนั้นพระองค์ท่านจะทรงลงพระปรมาภิไธยลงมา"

รอดูสถานการณ์ก่อนทูลเกล้าฯ

      เมื่อถามว่า ทูลเกล้าฯขึ้นไปหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ให้พระองค์ทรงพักหน่อย พระองค์เพิ่งทรงลงพระปรมาภิไธยในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ผมต้องดูสถานการณ์" 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องเตือนคนที่แพร่ในเว็บไซต์ ในไลน์ว่า อย่าไปฟังหรือรับโทรศัพท์ที่ติดต่อกับส่วนราชการ เพราะ คสช.จะไปเอาไอพีแอดเดรสและที่อยู่ต่างๆ มา แล้วจะมีปัญหาเรื่องความมั่นคง ตนจะไปบ้าจับคน 60 ล้านคนได้อย่างไร มีการทำกันอย่างนี้แล้วจะให้ทำอย่างไร เรื่องนี้สื่อมวลชนต้องไปช่วยทำความเข้าใจ ถ้าไม่มีความผิดหรืออยู่ในกระบวนการยุติธรรมอะไร ก็พูดหลายครั้งแล้ว คนพวกนี้พยายามล้มล้างสิ่งที่ตนทำไม่สร้างการรับรู้และไปปลุกปั่นประชาชนไม่ให้ฟัง แล้วไปบิดเบือนบางเรื่อง

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า การลงพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีสื่อบางคนไปเขียนว่าตนลงพื้นที่แล้วหิวข้าวจนปวดท้อง ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น แค่เป็นห่วงประชาชนที่รอนาน กลัวว่าเขาจะหิวข้าว บางคนก็ไปมโนเองว่าตนขี้บ่น ไม่อดทน ที่ปวดท้องนั้นเป็นเพราะเครียด พูดมาก 

     พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ส่วนตัวอยากให้นำกฎหมายอื่นมาใช้แทนกฎอัยการศึก เพราะกฎอัยการศึกนั้นสากลไม่ให้การยอมรับ ส่วนกฎหมายที่จะมาใช้แทนจะเป็นรูปแบบใดนั้นยังไม่ทราบ

'บิ๊กตู่'ยันไม่เป็นศัตรูกับสื่อ 

      ต่อมาเมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวผ่านรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ว่า หน้าที่อีกอย่างหนึ่งของสื่อคือการเฝ้าระวัง ตนไม่ใช่ศัตรูกับสื่อ ทุกสื่อ ทุกคน หน้าที่ของสื่อต้องมีหน้าที่เหมือนเฝ้าบ้าน ต้องคอยแจ้งเตือนเจ้าของบ้าน เหมือนตาวิเศษอะไรสักอย่าง เวลามีเหตุร้ายมีโจร ขโมยขึ้นบ้าน หรือเห็นการทุจริตผิดกฎหมาย 

      "สื่อทำหน้าที่คอยเตือนประชาชน เมื่อไรก็ตามที่มีนักการเมือง ข้าราชการโกง ทุจริต ต้องเตือนตอนนั้น หรือมีการออกนโยบายที่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศ แต่ไม่ใช่สื่อมาทำให้เกิดความระแวงกันเอง เพราะท่านมีหน้าที่ดูแลบ้านหลังนี้ เจ้าของบ้านเขาให้ท่านดูแทน แล้วปรากฏว่าท่านไม่ดู ท่านกลับมาเล่นงานเจ้าของบ้าน กลับมาเล่นงานคนในบ้าน แล้วโจรก็เข้ามาได้ แม้กระทั่งให้คนในบ้านแตกความสามัคคี สร้างความเดือดร้อนเสียหาย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

รับโมโหถูกสื่อเขียนด่าส่งเดช

      "ท่านบอกว่าท่านมีสิทธิและหน้าที่ของสื่อ ให้ผมเข้าใจสื่อ การทำงานของสื่อ แต่ท่านทำเหมือนกับเล่นงานผมทุกเรื่องเลย ผมว่าไม่เป็นธรรมกับผม บางสื่อก็คุมไม่ได้อะไรไม่ได้ เขียนส่งเดชไปเรื่อย แล้วจะไม่ให้ผมโมโห มีอารมณ์รุนแรงได้อย่างไร ผมขอโทษ ผู้ที่สุภาพอาจจะไม่ชอบ แต่ท่านต้องเห็นใจผม ผมฝากพี่น้องประชาชนทั่วไปแล้วกัน จะให้ผมทำอย่างไรก็บอกมา จะให้หนักกว่านี้หรือเบากว่านี้ ใช้อำนาจมากกว่านี้ก็ว่ามา ผมจะไปพิจารณาอีกที ผมเข้ามาแล้วก็อยากให้สำเร็จ การปฏิรูปอีกมากมาย ไม่ได้จบภายในปีหนึ่ง ปีหนึ่งแค่ลดความขัดแย้ง แค่คิดไว้ว่าจะทำอะไรต่อไปในวันข้างหน้า ผมว่าอีก 10 ปียังไม่ทันเลย สิงคโปร์เขาทำ 30 ปี" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

มะกันกังวลท่าที'บิ๊กตู่'ที่มีต่อสื่อ

   สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ผู้แทนกระทรวงต่างประเทศสหรัฐคนหนึ่งเป็นกังวลกับรายงานข่าวที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ขู่ว่าจะประหารชีวิตผู้สื่อข่าวที่ไม่รายงานข่าวตามความเป็นจริง และหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่จริงจังในเรื่องนี้ 

    รอยเตอร์ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมาว่า "อาจจะประหารชีวิต" ผู้สื่อข่าวที่ "ไม่รายงานข่าวตามความเป็นจริง" ซึ่งอาจจะเป็นการพูดเล่นแบบติดตลก ทว่าอ้างอิงจากผู้สื่อข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์พูดประโยคดังกล่าวโดยปราศจากรอยยิ้มบนใบหน้า ข่าวระบุอีกด้วยว่า เมื่อเดือนที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์เคยกล่าวว่า มีอำนาจที่จะปิดสื่อได้ 

     "แน่นอนว่าเราเป็นกังวลเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าจะประหารชีวิตนักข่าวที่ไม่รายงานข่าวตามความจริง" ผู้แทนกระทรวงต่างประเทศสหรัฐรายหนึ่งกล่าว และว่า หวังอย่างจริงจังว่าการข่มขู่คุกคามนี้จะไม่ใช่เรื่องจริงจัง แต่คำกล่าวเช่นนี้แม้ว่าจะไม่จริงจัง เป็นการแสดงให้เห็นถึงบรรยากาศที่เสรีภาพถูกกดขี่

   รอยเตอร์ระบุว่า นี่เป็นการแสดงความกังวลครั้งล่าสุดของสหรัฐต่อประเทศไทย

'ปู'เดินตลาดโบ๊เบ๊-นางเลิ้ง

      เมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน ที่ตลาดโบ๊เบ๊ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไปเดินซื้อสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะเสื้อผ้า เพื่อนำไปให้น้องไปป์ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชายนำไปบริจาคเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดในวันที่ 29 มีนาคม จากนั้นแวะรับประทานอาหารที่ร้านข้าวแกงรัตนา ในตลาดนางเลิ้ง พร้อมซื้อขนมหวาน ผลไม้จำนวนมาก ก่อนแวะรับประทานกาแฟโบราณร้านเจ๊แอ๊ว 

        ทั้งนี้ มีพ่อค้าแม่ค้าและผู้มาซื้อสินค้าเข้าไปให้กำลังใจ และขอให้สู้ๆ ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

'บวรศักดิ์'ไม่ยินดีไทยฉีกรธน.ถี่

    ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ คณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนใน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสถาบันพระปกเกล้า จัดสัมมนาเรื่อง "สานพลังประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย"

      นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ กล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยใช้รัฐธรรมนูญไปแล้ว 19 ฉบับ และกำลังจะประกาศใช้ฉบับที่ 20 กว่า 82 ปี ไทยมีรัฐธรรมนูญจะ 20 ฉบับแล้ว ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจ ประเทศที่มีรัฐธรรมนูญมากอันดับต้นของโลก การที่มีรัฐธรรมนูญหลายฉบับเพราะมีการเปลี่ยนแปลง การรัฐประหารมันไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่เมื่อเกิดและทำแล้ว มันทำให้บ้านเมืองสงบชั่วคราว 

     "คำถามส่วนใหญ่คือเหตุใดจึงต้องทำรัฐประหาร คำตอบคือสังคมไทย 10 ปีที่ผ่านมามีความขัดแย้งแบ่งฝ่ายกันรุนแรง ชักนำประชาชนออกเป็นฝักเป็นฝ่าย แบ่งประเทศ มันไม่ใช่ความขัดแย้งธรรมดา มีการยุบสภา มีฝ่ายคนเดินถนนไม่เลิก ยิงกันรายวัน สร้างความไม่สงบ สร้างความทุกข์ให้คนทั้งประเทศ ทหารเลยต้องเข้ามารักษาความสงบ" นายบวรศักดิ์กล่าว

หวังรธน.ใหม่ลดเหลื่อมล้ำ

     นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นรากฐานความขัดแย้งอย่างแท้จริง แม้จะมีการทำนโยบายประชานิยมเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ แต่ประชานิยมไม่ได้แบ่งทรัพยากรและความมั่งคั่งอย่างเป็นธรรม เป็นการเอาทรัพยากรในอนาคตมาใช้ แต่ไม่เคยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้เลย ไม่ได้ทำให้คนไม่มีเป็นคนมั่งมี ประชานิยมเป็นการเอาใจคนชั่วคราวเท่านั้น ผลักหนี้ไปไว้ในอนาคตเท่านั้น 

"ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องแก้ปัญหา ช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อศึกษาการปฏิรูป เพราะฉะนั้นร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงต้องสร้างความปรองดองและลดความเหลื่อมล้ำ โดยสรุปเจตนารมณ์ 4 ข้อ คือ 1.สร้างพลเมืองให้เป็นใหญ่ 2.ทำการเมืองให้ใสสะอาดและสมดุล 3.หนุนสังคมให้เป็นธรรม และ 4.นำชาติสู่สันติสุข" นายบวรศักดิ์กล่าว

ยันโอเพ่นลิสต์ให้อำนาจปชช.

    นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า การโต้แย้งร่างรัฐธรรมนูญ อาทิ การเลือกตั้งแบบโอเพ่นลิสต์ มีแต่พรรคการเมืองที่ออกมาเต้น แต่ข้อเท็จจริง คือการคืนอำนาจให้ประชาชนมีสิทธิเลือกผู้แทนฯ สื่อมวลชนไปถามแต่นักการเมืองว่ามีความเห็นอย่างไร ต่างก็พูดถึงแต่การเข้าสู่อำนาจของตัวเอง จึงอยากให้ไปสัมภาษณ์ความรู้สึกประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ และนี่อาจเป็นการสอนให้หัวหน้าพรรคฟังเสียงประชาชน ไม่ใช่ฟังเสียงเงิน สิ่งเหล่านี้ขอความเมตตาไม่ได้ ประชาชนต้องเรียกร้องสิทธิ 

      "ระบบเลือกตั้งใหม่ต้องปรับระบบให้สมดุลตามคะแนนที่ได้ตามความเป็นจริง เป็นการจัดสรรที่นั่ง ส.ส.แบบสัดส่วนผสมเพื่อเติมเต็ม ดังนั้น ถ้าใช้วิธีนี้ก็จะได้รัฐบาลที่มีพรรคการเมืองผสมมากขึ้น เพราะเราไม่ต้องการให้ใครมีอำนาจเหนือใคร ให้รู้จักความปรองดอง" นายบวรศักดิ์กล่าว 

แย้มนายกฯคนนอกใช้เสียง 2 ใน 3

     นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนที่ค้านนายกฯจากคนนอก ไปดูร่างรัฐธรรมนูญว่ามีตรงไหนที่บอกให้มีนายกฯคนนอก เพราะระบุว่าสภาผู้แทนฯจะเป็นผู้ลงมติโดยเปิดเผยเลือกนายกฯ และสมาชิกที่จะเลือกนี้ก็เป็นเสียงส่วนใหญ่ที่ได้รับการเลือกตั้ง หากสมาชิกส่วนนี้ไปเอานายกฯมาจากคนนอกก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร 

     "สิ่งเหล่านี้อาจปรับกันได้ เช่น ถ้าเลือกนายกฯที่เป็น ส.ส. ก็ใช้เสียงเกินครึ่งของสภา แต่ถ้านายกฯไม่ใช่ ส.ส. ก็ใช้เสียง 2 ใน 3 แบบนี้พอรับได้หรือไม่ ให้ลองกลับไปคิดดู จะฟังเสียงจนวินาทีสุดท้าย ในรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนว่านายกฯมาจากไหน ก็เผื่อบ้านเมืองไม่มีทางออก ทุกพรรคพร้อมใจเชิญคนนอกเข้ามา และที่ไม่ระบุนายกฯคนนอกมาในสถานการณ์วิกฤต เพราะหากเขียนเช่นนั้นก็จะเกิดวิกฤตซ้อนวิกฤต ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าอะไรคือสถานการณ์วิกฤต ใช้เวลาอีกนาน" นายบวรศักดิ์กล่าว

    นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่มา ส.ว. ที่ไม่เลือกตั้งโดยตรง อยากถามว่าหากให้เลือกตั้ง พวกชาวนา ปราชญ์ชาวบ้าน จะได้รับเลือกเข้ามาหรือไม่ อยากบอกว่านี่ไม่ใช่การลากตั้ง เพราะลากตั้งคือมีคนเดียวเลือก แต่นี่มาจากการเลือกของหลายองค์กร เป็นการเลือกตั้งทางอ้อม เรื่องนี้มีแต่นักการเมืองที่ไม่แฮปปี้ และมาบิดเบือนว่าเป็นการลากตั้ง

ชี้เลือกตั้งไทยแท้สมัย"สฤษดิ์"

     "มาวิจารณ์ระบบเลือกตั้งแบบเยอรมัน หาว่าเรากินข้าวไม่ได้กินขนมปังบ้าง เหม็นเนยบ้าง อยากบอกว่าระบบเลือกตั้งเป็นของฝรั่ง แล้วจะมาด่าฝรั่งทำไม ถ้าอยากได้ระบบเลือกตั้งแบบไทยแท้คือต้องสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ระบบพ่อขุนมูลนาย แบบนี้เอาหรือไม่ เขาเรียกผมว่าตำบลกระสุนลง โดนยิงเป้าอยู่ฝ่ายเดียว ขอให้ช่วยกันหน่อย ไม่อย่างนั้นถูกตีตกแน่" นายบวรศักดิ์กล่าว

    นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะเป็นการทบทวนร่างรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง มีประเด็นที่มานายกฯ สัดส่วนผู้หญิง ตอนนี้ล้างหูไว้แล้ว เพื่อรอสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) อภิปรายเสนอความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 20-26 เมษายน แต่เชื่อว่าสมาชิก สปช.จะมีความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อร่างรัฐธรรมนูญนี้ เพราะ สปช.กับ กมธ.ยกร่างฯเหมือนเป็นฝาแฝดอินจัน อยู่ก็อยู่ด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน

"ดิเรก"ยื่นญัตติเดียวแก้หลายปม

      ที่โรงแรมลองบีช การ์เด้น โฮเต็ล แอนด์ สปา จ.ชลบุรี นายดิเรก ถึงฝั่ง รองประธาน กมธ. ปฏิรูปการเมือง สปช. กล่าวถึงการประชุมพิจารณาศึกษาร่างรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นการประชุมเพื่อสรุปประเด็นที่จะขอแปรญัตติ ส่วนที่กำหนดให้ใช้สมาชิก สปช. 25 คน ร่วมลงชื่อเสนอแปรญัตตินั้น กมธ.ปฏิรูปการเมืองมีคนไม่ครบ ต้องขอชื่อสนับสนุนจากสมาชิกคนอื่นให้ครบ คาดว่าไม่มีปัญหา ส่วนการเสนอแปรญัตติมีหลายประเด็นก็ไม่มีปัญหา เนื่องจากสามารถเสนอญัตติเดียวแต่ขอปรับปรุงหลายมาตราได้

      ด้านนายนิรันดร์ พันธกิจ สมาชิก สปช.และ กมธ.ปฏิรูปการเมืองฯ กล่าวว่า กมธ.มีข้อสังเกตว่าการให้กลุ่มการเมืองหรือสมาคมสามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เป็นการย้อนอดีต ขณะนี้กลุ่มการเมืองพัฒนาเป็นพรรคการเมืองแล้ว เราไม่ควรถอยหลังย้อนกลับไปอีก และจะทำให้กลุ่มการเมืองหรือสมาคมเกิดขึ้นตามต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก จะเป็นเรื่องยุ่งยากและสร้างความสับสนให้กับประชาชนได้ นอกจากนี้การจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองก็ทำได้ง่ายขึ้น

ชี้กำหนดสัดส่วนสตรีทำยาก 

     นายบุญเลิศ คชายุทธเดช โฆษก กมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. กล่าวว่า การหยั่งเสียงของประชาชนและการกำหนดสัดส่วนของเพศสตรีนั้น กมธ.ปฏิรูปการเมืองฯเห็นว่ามีปัญหาในแง่การปฏิบัติ และไม่สามารถกระทำได้ในความเป็นจริงเพราะขัดแย้งกันเอง หากมีการหยั่งเสียงแล้วประชาชนไม่เลือกผู้สมัครที่เป็นสตรีแล้วจะทำอย่างไร ทั้งนี้ การหยั่งเสียงประชาชนเพื่อคัดเลือกผู้สมัครของพรรคการเมือง กมธ.ปฏิรูปการเมืองยอมรับได้เพราะในหลักสากล ประเทศที่มีประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้วกระทำกันได้ 

     นายบุญเลิศ กล่าวว่า นอกจากนี้เรื่องสัดส่วนสตรีนั้นการกำหนดให้ต่างเพศเป็นผู้สมัครของพรรคการเมือง กมธ.ปฏิรูปการเมืองเห็นว่า การบัญญัติเรื่องเพศ แม้ดูเป็นการส่งเสริมสิทธิสตรี แต่ยังเป็นห่วงผลการหยั่งเสียงกับสถานการณ์เป็นจริง อย่างไรก็ตามสิทธิสตรีพัฒนาไปมาก การเปิดกว้างไว้เป็นเรื่องที่เหมาะสม และสตรีที่เข้ามาเป็น ส.ส.จะมีความภาคภูมิใจสำหรับระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมนั้น กมธ.ปฏิรูปการเมืองเห็นว่าหากใช้ระบบดังกล่าว รัฐบาลจะไม่เข้มแข็ง อีกทั้งประชาชนจะไม่เข้าใจ

'นิพิฎฐ์'ชี้ชัด ม.44 แรงกว่ากฏอัยการศึก ระบุสามารถสั่งประหารคนได้เหมือนสมัย'สฤษดิ์-ถนอม'

  'นิพิฎฐ์' ชี้ชัด ม.44 แรงกว่า กฏอัยการศึก ระบุสามารถสั่งประหารคนได้เหมือนสมัย'สฤษดิ์'ชี้ หากไม่รอบคอบยุ่งแน่ ด้าน 'วิรัตน์' จี้ผู้มีอำนาจแจงใช้ให้ชัด 

     เมื่อวันที่ 28  มีนาคม นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีจะยกเลิกกฎอัยการศึก แล้วใช้มาตรา 44 แทน ว่า กฎอัยการศึกเป็นกฎหมายที่มีมา 101 ปี เป็นของเก่า แต่มาตรา44 เราไม่ค่อยใช้ แต่มีศักดิ์สูงกว่ากฎอัยการศึก เพราะออกโดยรัฐธรรมนูญ และมาตรา44 ก็เหมือนมาตรา 17 ที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และจอมพลถนอม กิตติขจรเคยใช้มาแล้ว ซึ่งอำนาจเหล่านี้เขาใช้ในเวลาบ้านเมืองไม่ปกติ  และอำนาจของมาตรา 44 มีมากกว่ากฎอัยการศึก เพราะสามารถตัดสินจำคุกสั่งประหารชีวิตได้ มีผลเหมือนคำพิพากษาของศาล โดยไม่ต้องขึ้นศาล แต่กฎอัยการศึกตัดสินจำคุกใครไม่ได้ เพียงแต่ควบคุมตัวไว้ชั่วคราวโดยไม่ต้องมีหมายศาล ซึ่งกฎอัยการศึกต่างชาติไม่เข้าใจ และรังเกลียด เมื่อคนไทยผสมโงเข้าไปด้วยก็ทำให้เกิดปัญหา แต่มาตรา44 ถ้าจะใช้ต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกันของคสช.

                

     “ส่วนตัวผมอยากอยู่ภายใต้กฎอัยการศึกมากกว่ามาตรา 44 และคนไทยส่วนใหญ่ก็รู้สึกว่าไม่ได้รับผลกระทบอะไรกับกฎอัยการศึก แต่รู้สึกปลอดภัยเสียด้วยซ้ำ กฎอัยการศึกทหารเป็นคนใช้ นายกฯไม่มีอำนาจในการใช้ ดังนั้น หากใช้ไม่รอบคอบทหารควรถูกตำหนิ แต่เราไม่ค่อยรู้จึงตำหนินายกฯไว้ก่อน เพราะนายกฯก็เป็นผู้บังคับบัญชาทหารอีกทีหนึ่ง เคยอ่านข่าวไหมครับ ทหารใช้กฎอัยการศึกจับคนเล่นการพนันในงานศพ ผมรับรองว่า นายกฯไม่สั่งให้จับแน่นอน หากจะยกเลิกกฎอัยการศึก ผมจึงคิดว่า ต้องมีกฎ ระเบียบ คำสั่ง ตามมาตรา44 ออกมารองรับเสียก่อน เพราะยากที่พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพรียวๆ โดยไม่นำมาดัดแปลงเป็นคำสั่งอะไรรองรับเสียก่อน และหากออกคำสั่งมารองรับไม่รอบคอบ และมีผู้ไม่หวังดี ก็อาจแก้สถานการณ์ฉุกเฉินไม่ทัน ก็ยุ่งเหมือนกัน” ”นายนิพิฎฐ์ กล่าว

                

      นายนิพิฎฐ์ กล่าวต่อว่า  เมื่อบ้านเมืองปกติแล้วถ้าจะยกเลิกคำสั่งตามมาตรา 44 ต้องออกเป็นพ.ร.บ.ยกเลิกเท่านั้น เพราะมาตรา 44 มีศักดิ์เป็นกฎหมาย หากจะยกเลิกก็ต้องยกเลิกด้วยกฎหมาย ซึ่งขั้นตอนยุ่งยาก ดังนั้นมาตรา 44 จึงมีอำนาจเด็ดขาด รุนแรง กว่ากฎอัยการศึก ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคนไม่เข้าใจมากกว่า

               

     ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า กฎอัยการศึกมีกรอบที่ชัดเจน แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 44 หากออกมาแล้วใช้เกินขอบเขต ก็จะหนักกว่ากฎอัยการศึก ซึ่งความจริงแล้ว กฎอัยการศึกนั้นคนบริสุทธิ์จะไม่กระทบ จะกระทบเฉพาะคนคิดร้าย เว้นแต่จะออกมาตรา 44 มาเพื่อแทนกฎอัยการศึก และมีเนื้อหานุ่มนวลกว่าก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ต้องดูว่ามุมที่จะใช้มาตรา 44 คืออะไร ต้องให้ผู้มีอำนาจแถลงให้ชัดเจนว่าประสงค์จะใช้มาตรา 44 แค่ไหนเพียงใด


คลิกอ่านเพิ่มเติม ...ด่วน! 'บิ๊กตู่'เตรียมออกคำสั่ง หน.คสช. ใช้มาตรา44 แทนกฎอัยการศึก (คลิป)

ด่วน! 'บิ๊กตู่' เตรียมออกคำสั่ง หน.คสช. ใช้มาตรา44 แทนกฎอัยการศึก (คลิป) 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!