- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 12 June 2014 12:10
- Hits: 5711
วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8597 ข่าวสดรายวัน
ปลัดไอซีทีเข้ากรุ เด้งอสส. เลขาสภาก็โดน เรียกเพิ่มแกนกปปส. คสช.คืนความสุข-ฟรี! ดูหนัง'นเรศวร'ทั่วปท. ลูกลายจุดจม.ถึง'บิ๊กตู่'
หารือทูต - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. เรียกเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศทั้งสหรัฐและยุโรปรวม 21 ประเทศ เข้าร่วมประชุมเพื่อทำความเข้าใจถึงความจำเป็น ของการควบคุมอำนาจและแนวทางคืนความสงบให้ประเทศ ที่บก.ทบ. เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. |
นำตัว "บ.ก.ลายจุด" ขึ้นศาลทหาร ฝากขังผลัดที่ 1 วันนี้ เมียเตรียมหลักทรัพย์ 4 แสนบาทขอยื่นประกัน เปิดจดหมายลูกสาวสมบัติ บุญงามอนงค์ ส่งถึง "พล.อ.ประยุทธ์" วอนปล่อยพ่อ คสช.คืนความสุขให้ประชาชนอีก เปิดโรงหนัง 160 โรงทั่วประเทศดูฟรี "นเรศวร ภาค 5 ตอนยุทธหัตถี" ในวันอาทิตย์นี้ รับบัตรได้ที่หน้าโรงเวลา 11 โมงตรง "วินธัย" ระบุเพื่อให้ประชาชนได้มีความรัก ความสามัคคี รักชาติ ภูมิใจในอัตลักษณ์ความเป็นไทย ด้าน "บิ๊กตู่" เรียกประชุมทูต-กงสุลไทยในต่างประเทศ สั่งชี้แจงโรดแม็ปหลังยึดอำนาจ เผยมีรัฐบาลแน่ภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่ลงมือปฏิวัติ สั่งเข้มรายงานด่วนกรณีพบผู้ทำผิดมาตรา 112 ยอมรับกดดัน เพราะมีคนรักมากขณะเดียวกันก็มีคนต่อต้านด้วย แต่ไม่ได้โกรธเคืองหรือท้อแท้
"บิ๊กตู่"เรียกทูตไทย-กงสุลหารือ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มิ.ย. ที่บก.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ในฐานะรองหัวหน้าคสช.ฝ่ายความมั่นคงและต่างประเทศ ร่วมหารือกับผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่รวม 40 คน นำโดยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ รวมทั้งสหรัฐ อเมริกาและออสเตรเลีย อิตาลี ญี่ปุ่น เยอรมนี เพื่อชี้แจงแนวทางและแผนดำเนินการ หรือโรดแม็ป ของคสช. เพื่อนำข้อมูลไปสร้างความเข้าใจกับประเทศต่างๆ ต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าขณะนี้การทำงานทุกด้านกำลังขับเคลื่อนโดยส่วนราชการ กระทรวง ทบวง กรม เพื่อเร่งแก้ปัญหาโดยคำนึงถึงประโยชน์ของชาติเป็นหลัก เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เพราะประเทศไทยไม่สามารถอยู่คนเดียวในโลกได้ และรายได้หลักของประเทศมาจากการส่งออก ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับประเทศนั้น
"การที่ คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง ในครั้งนี้ จะให้ทุกประเทศเห็นชอบในสิ่งที่คสช.ทำคงเป็นไปไม่ได้ แต่เราต้องคำนึงถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีของเราด้วย ไทยจะไม่ไปต่อต้านประเทศที่เห็นต่าง หน้าที่ของเราคือเร่งทำความเข้าใจ และคาดหวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายลงเมื่อประเทศนั้นๆ ทราบเจตนารมณ์ของ คสช. จึงอยากให้ทูตรวมถึงข้าราชการช่วยกันอธิบายอย่างเป็นทางการ รวมถึงพูดคุยส่วนตัวกับทูตประเทศนั้นๆ ให้ยืนยันว่า คสช. ต้องการให้ระบอบประชาธิปไตยในประเทศมีความสมบูรณ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เผยรมว.กลาโหมมาเลย์เยือนไทย
เวลา 08.30 น. ที่อาคารรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะผู้แทน ประกอบด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงจากกองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพ เดินทางไปกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการนโยบายดำเนินงานความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกระทรวงกลาโหมไทย กับกระทรวงกลาโหมจีน ครั้งที่ 10 โดยมีพล.ท.หวัง ก้วนจง รองประธานกรมเสนา ธิการใหญ่ กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนเป็นประธาน ซึ่งเป็นไปตามคำเชิญของกระทรวงกลาโหมจีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 16-17 มิ.ย. รมว.กลาโหมมาเลเซียจะเดินทางเยือนประเทศ ไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยกับมาเลเซีย โดยมีกำหนดการเยี่ยมคำนับและหารือข้อราชการกับพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ธนะศักดิ์ มีการตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ถ.แจ้งวัฒนะ
บัวแก้วอ้าง-ตปท.เข้าใจมากขึ้น
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่าพล.อ.ประยุทธ์ได้หารือและรับทราบข้อมูลจากเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ไทยจาก 18 ประเทศ 23 คน จากกลุ่มประเทศตะวันตก ทั้งสหรัฐ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สมาชิกสหภาพยุโรป ถึงข้อกังวลหรือจุดยืนของประเทศตต่างๆ เพื่อดูว่าควรชี้แจงในส่วนใดเป็นพิเศษบ้าง ซึ่งนายสีหศักดิ์ได้รายงานผลการหารือเมื่อคืนวันที่ 10 มิ.ย.ว่า ขณะนี้กลุ่มประเทศตะวันตกเข้าใจสถาน การณ์การเมืองไทยมากขึ้น เห็นได้จากไม่มีรัฐบาลใดประกาศเพิ่มเติมอีก ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ได้ขอบคุณที่ช่วยกันอธิบายแม้กลุ่มประเทศตะวันตกจะมีหลักการและค่านิยมในเรื่องประชาธิปไตย แต่เขาก็ตระหนักถึงบทบาทของไทยในระยะยาวที่จำเป็นต้องมีความร่วมมือที่ดีต่อกัน โดยพล.อ.ประยุทธ์ได้อธิบายถึงแผนโรดแม็ปให้คณะทูตได้รับทราบ รวมทั้งระยะเวลาและขั้นตอนต่างๆ เพื่อนำไปชี้แจงเพิ่มเติมต่อไป
นายเสข กล่าวว่า ข่าวบริษัทโตโยต้าจะย้ายฐานผลิตไปอินโดนีเซียนั้น ทูตไทยประจำญี่ปุ่นยืนยันว่าภาคเอกชนญี่ปุ่นยังเชื่อมั่นการลงทุนในไทย และยังสนใจใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ขณะที่ออสเตรเลียที่ลดระดับปฏิสัมพันธ์ด้านการทหารลงนั้น เมื่อมีการประกาศโรดแม็ป เขายืนยันว่าจะกลับไปทบทวน แต่ข้าราชการประจำของไทยยังเดินทางไปได้ปกติ
แจงข่าวจิงโจ้ระงับวีซ่าเมียบิ๊กตู่
เมื่อถามถึงกระแสข่าวออสเตรเลียไม่อนุมัติ วีซ่าให้ภรรยาของพล.อ.ประยุทธ์ เข้าประเทศนั้น นายเสขกล่าวว่า ขอปฏิเสธว่าไม่มีเรื่อง ดังกล่าว เป็นแค่ข่าวลือ สถานทูตออสเตรเลียยืนยันแล้วว่าภรรยาพล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยมายื่นขอวีซ่า รวมทั้งผู้ร่วมคณะคสช.ยังไม่มีคนใดที่ไปขอวีซ่า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดบอยคอตไทย
นายเสข กล่าวว่า ในที่ประชุมพล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงต่อคณะทูตว่า การเรียกบุคคลมารายงานตัวเพื่อขอความร่วมมือไม่ให้เคลื่อนไหว ไม่มีการทรมาน อย่างกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯก็ไม่มีใครถาม ทั้งที่ขอให้มาพูดคุย รับประทานอาหารกลางวันด้วยกันและปล่อยตัวทันที ไม่ได้ควบคุมตัวอย่างที่เป็นข่าว
นายเสข กล่าวถึงนายจักรภพ เพ็ญแข ตั้งองค์กรพลัดถิ่นว่า ในแง่บุคคลที่จะจัดตั้งองค์กรหรือเคลื่อนไหวในต่างประเทศ บุคคลเหล่านี้จะสื่อสารทางสื่อ ซึ่งมีอยู่ทั่วโลก เช่น กัมพูชาโดยนายจักรภพประกาศจะตั้งองค์กรเคลื่อนไหว เราได้ตรวจสอบไปยังรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งยืนยันมาว่ากัมพูชายึดหลักไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศอาเซียนด้วยกัน และยืนยันท่าทีของสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชาว่าจะไม่ให้องค์กรใดใช้ประเทศเป็นที่เคลื่อนไหวการเมือง
อดีตคนสนิทเสธ.แดงรายงานตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 61/2557 ให้บุคคลมารายงานตัว ที่ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-12.00 น. รวม 4 คน ประกอบด้วย นายรังสฤษฏิ์ ธิยาโน หรือเสธ.ไก่ นายทหารนอกราชการ คนสนิทของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง นายชัชชาญ บุปผาวัลย์ การ์ดนปช. เคยถูกศาลออกหมายจับข้อหามีอาวุธในครอบครองจากการขยายผลจับอาวุธสงครามที่ จ.ลพบุรี นายยงยุทธ บุญดี และนายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร เจ้าของบ่อดิน จ.ฉะเชิงเทรา
จากนั้นเวลา 11.10 น. นายพงศ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง บุคคลตามคำสั่งเรียกรายงานตัว ฉบับที่ 53/2557 ที่ต้องเข้ารายงานตัวตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. แต่ป่วยอยู่โรงพยาบาล และให้ญาตินำหนังสือมาแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบแล้วนั้น ได้เข้ามารายงานตัวในวันนี้แทน นายพงศ์ พิเชษฐ์ลงจากรถพร้อมกระเป๋าเป้ 1 ใบ หันมาโบกมือให้ผู้สื่อข่าวที่รอทำข่าวอยู่ด้านหน้า
เวลา 11.45 น. นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกเรียกตามคำสั่งฉบับที่ 57 เดินทางด้วยรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ เข้ารายงานตัวหลังวันที่ 10 มิ.ย. ไม่ได้มารายงานตัวตามกำหนด นายชินวัฒน์ลงมาจากรถได้หันมาโบกมือให้ผู้สื่อข่าว ก่อนเดินเข้าไปรายงานตัว
ตร.ส่งแกนนำแดงลพบุรีฝากขัง
เวลา 13.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม นายสำราญ สายชนะ แกนนำคนเสื้อแดงภาคกลาง จ.ลพบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ที่ ก.17/2557 ลงวันที่ 8 มิ.ย.2557 ในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 14/2557 โดยไม่เข้ามารายงานตัวตามคำสั่ง เข้ามอบตัวกับพ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. และ พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.
นายสำราญ กล่าวว่า พอรู้ว่าถูกเรียกตัวตอนแรกรู้สึกกลัว ไม่มั่นใจในสถานการณ์จึงหลบไปตั้งหลักก่อน ยืนยันไม่คิดหลบหนี
พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำผู้ต้องหาก่อนคุมตัวไปขออำนาจศาลทหารฝากขัง 12 วัน โดยจะคุมตัวไปยื่นคำร้องต่อศาลวันที่ 12 มิ.ย. เวลา 10.00 น. ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหารายนี้ไม่พบว่ามีหมายจับอื่นใดติดตัวอยู่ ขณะที่ผู้ต้องหารายอื่นๆ อยู่ระหว่างการติดตามตัว
นำตัวสมบัติขึ้นศาลทหาร-ฝากขัง
เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษากระทรวงไอซีที กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบ.ก.ลายจุด หลังถูกควบคุมตัวได้ที่ จ.ชลบุรี วันที่ 5 มิ.ย.ว่า ศาลทหารอนุมัติหมายจับนายสมบัติแล้วใน 2 ข้อหา คือ ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง มีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยได้รับการประสาน จากทางทหารว่าจะคุมตัวนายสมบัติให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวว่า หลังจากปอท.ดำเนินคดีและแจ้งข้อกล่าวหากับนายสมบัติแล้ว กองปราบปรามจะอายัดตัวเพื่อนำไปดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคสช. พร้อมกับควบคุมตัวไว้สอบสวนตามกำหนด ก่อนจะนำไปฝากขังที่ศาลทหารต่อไป
รายงานตัว - นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ารายงานตัวต่อ คสช.ตามคำสั่งเรียก ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. นอกจากนี้ยังมีนายพงษ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง แนวร่วมนปช.เข้ารายงานเช่นกัน |
เวลา 15.00 น. พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผบก.ป. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ทหารที่ดูแลนายสมบัติว่า ในวันที่ 12 มิ.ย. เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารจะนำตัวนายสมบัติมาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน ที่บก.ป. เพื่อสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหา โดยเตรียมพนักงานสอบสวนไว้ 2 นาย เพื่อสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งพนักงานสอบสวนของกองบังคับการ ปอท. จะมาสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้ด้วย หลังจากนั้นหากยังมีพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนยังดำเนินการไม่เสร็จ จะนำตัวนายสมบัติไปขออำนาจศาลทหารกรุงเทพ เพื่อฝากขังผลัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ระหว่างนี้ผู้ต้องหาสามารถให้ทนายยื่นประกันตัวได้
เมียพร้อมยื่นประกันตัว-ขอสู้คดี
ที่บก.ปอท. นายอานนท์ นำภา ทนายความของนายสมบัติ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ทหารว่าจะควบคุมตัวนายสมบัติมายังกองบังคับการ ปอท. เพื่อสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา เบื้องต้นทราบว่า นายสมบัติถูกแจ้งข้อหายั่วยุปลุกปั่นให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. กรณีไม่เข้ารายงานตัว จากนั้นทราบว่าพนักงานสอบสวนจะคุมตัวส่งศาลทหารเพื่อขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรก โดยทีมทนายความได้เตรียมคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อยื่นขอปล่อยชั่วคราวนายสมบัติ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่
ช่วงบ่าย นางเกศสุดา บุญงามอนงค์ ภรรยาของนายสมบัติ พร้อมญาติและทีมทนาย เดินทางมาที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ เพื่อขอเข้าพบและพูดคุยกับนายสมบัติ หลัง ครบกำหนดควบคุมตัว 7 วัน
นางเกศสุดา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ไปพบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอทราบความเป็นอยู่รวมถึงสถานที่ควบคุมตัว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดใดๆ จึงมาที่ศาลทหาร ครอบครัวได้เตรียมหลักทรัพย์มูลค่า 4 แสนบาท ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว ที่ผ่านมาครอบครัวไม่เคยพบและทราบว่านายสมบัติพักอยู่ที่ใด ยอมรับว่าวิตกกังวล เพราะไม่ทราบเลยว่านายสมบัติสุขสบายดีหรือไม่
นางเกศสุดา กล่าวว่า ส่วนหลังจากนี้หากนายสมบัติได้รับการปล่อยตัวแล้วจะเคลื่อน ไหวอีกหรือไม่นั้น ควรเป็นเรื่องข้อตกลงระหว่างศาลและเจ้าตัว ซึ่งครอบครัวต้องการทราบความเป็นอยู่และต้องการพบปะพูดคุย และควรให้สิทธินายสมบัติที่จะมีทนายสู้คดีได้
เผยผู้ที่ถูกเรียกตัวอาจร่วมทีมศปป.
ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก และคณะทำงานโฆษกคสช. แถลงว่า หัวหน้าคสช.ได้อธิบายเรื่องการเรียกบุคคลรายงานตัวว่าเรียกมา พูดคุยเพื่อปรับทัศนคติ บางคนเชิญมารับประทานข้าวแล้วปล่อยกลับ ซึ่งทุกคนก็เข้าใจหลังพูดคุยปรับทัศนคติและให้ข้อมูลหลายเรื่องที่เชื่อมโยงกับเหตุความไม่สงบและการ กระทำที่ผิดกฎหมาย และเป็นที่มาของการเรียกตัวบุคคลมาเพิ่มเติม คสช.ไม่ได้จำกัดสิทธิ์การดำเนินชีวิต บุคคลเหล่านี้อาจมีส่วนมาร่วมทำงานในศปป.เพื่อแสดงความเห็น
ส่วนที่หัวหน้าคสช.ระบุจะปรองดองกับคนในชาติ แต่ไม่ปรองดองกับคนทำผิดหมายความว่าอย่างไร พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า คนที่ทำผิดจะใช้กระบวนการยุติธรรม ตามกฎหมาย เราจะใช้ความรู้สึกตัดสินว่าคนนี้ผิดหรือไม่ผิดไม่ได้ ต้องใช้หลักฐานไปดำเนินการทุกเรื่องโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช่ไล่บี้คนนั้นคนนี้
เมื่อถามว่า จะเรียกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มารายงานตัวด้วยหรือไม่ ทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า หัวหน้าคสช.ไม่เคยพูดว่าจะยกเว้นคนไหนให้มารายงานตัวหรือจะไม่เรียก ขอฝากว่าสังคมอย่าเพิ่งคาดเดาก่อนเพราะจะสร้าง ความสับสนขึ้นได้ วันนี้ต้องพูดแต่ความจริง ไม่ใช่เรื่องที่คาดหวังที่อยากให้เป็น ต่อข้อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีคดีติดตัวและยังเคลื่อน ไหวอยู่ในต่างประเทศ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า ต้องดูพื้นฐานของคดีก่อน ส่วนการเคลื่อนไหวของนายจักรภพ นั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปดำเนินการ
เทือกโพสต์ยกเลิกงานกินข้าว14มิ.ย.
ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการประชุมกับศูนย์ปรองดองสมาน ฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ว่า พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผอ.ศปป. มอบให้ ผู้ว่าฯเป็นผอ.ศปป.ระดับจังหวัด ทำงานร่วมกับกอ.รมน.และทุกภาคส่วน เน้นสร้างสันติสุขและดูแลประชาชน เข้มงวดปราบปรามอบายมุข ยาเสพติดและการพนัน ส่วนการสร้างความปรองดองจะใช้เวทีที่จัดกิจกรรมระดับหมู่บ้านเพื่อรวบรวมข้อมูลระดับพื้นที่กลับมาให้ผู้บริหาร กระทรวงมหาดไทยจะเป็นตัวกลางชี้แจงความตั้งใจของหัวหน้าคสช. และรับฟังความเห็นประชาชน กำหนดกรอบชี้แจงสร้างบรรยากาศปรองดองให้เสร็จภายในเดือน ก.ค.นี้ ก่อนจะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการสร้างความปรองดองของศปป.และคสช.ต่อไป ทั้งนี้ ภาคท้องถิ่นโดยกำนันผู้ใหญ่บ้าน คนในสังคมและศาสนาจะต้องมีส่วนด้วย โดยศปป.เน้นย้ำว่าการทำงานต้องไม่ใช้การสร้างภาพ แต่ทำด้วยความจริงใจ
วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขา ธิการ กปปส. โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการจัดงาน "กินข้าวกับลุงกำนัน" วันที่ 14 มิ.ย.ว่า เนื่องจากมีผู้ทักท้วงที่มีเหตุผล พิจารณาแล้วเห็นว่าการจัดงานดังกล่าวอาจไม่สอดคล้องกับกฎอัยการศึกและประกาศของคสช. อีกทั้งอาจทำให้คนกลุ่มอื่นฉวยโอกาสทำกิจกรรมที่จะเป็นผลเสียหายต่อบ้านเมืองได้ จึงขอเลื่อนงานนี้ไปก่อน เมื่อสถานการณ์อำนวยจะแจ้งทันที
คตร.เตรียมผ่า 28 โครงการใหญ่
ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะคณะทำงานโฆษกคสช. กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและตรวจ สอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่มีพล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้สั่งให้ตรวจสอบโครงการขนาดใหญ่ของปีงบ ประมาณ 2557 ที่มีวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 8 โครงการ จากทั้งหมด 28 โครงการ รวมถึงตรวจสอบการทำงานของ 1 หน่วยงาน เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินโครงการต่อได้หรือไม่ คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้ คตร.จะทยอยตรวจสอบได้เสร็จสิ้น จากนั้นจึงสรุปผลก่อนจัดทำเป็นข้อเสนอหัวหน้าคสช.พิจารณาว่าโครงการนั้นเหมาะสมสามารถทำต่อได้หรือไม่
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า คตร.จะดำเนินการตรวจสอบใน 3 ลักษณะคือ หากโครงการใดที่คตร.เข้าตรวจสอบแล้ว พบว่าเหมาะสมจะให้ส่วนราชการดำเนินการตามขั้นตอนได้ต่อไป ขณะที่โครงการที่ตรวจสอบแล้ว พบว่าต้องทบทวนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดจะให้ส่วนราชการนั้นได้ไปเร่งแก้ไขให้เหมาะสมก่อนจากนั้นถึงจะดำเนินการได้ ส่วนโครงการใดที่ คตร.พบว่าไม่เหมาะสมและไม่คุ้มค่าจริง จะให้ยกเลิกโครงการ หยุดดำเนินการทันที
ทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คตร.ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 4 ชุด เพื่อตรวจสอบโครงการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ในปีงบประมาณ 2557 โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หากพบว่าโครงการใดไม่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ จะต้องยกเลิกทันที ส่วนแผนงานที่จะตรวจสอบในเดือนมิ.ย.นี้จะตรวจสอบ 2 โครงการก่อน คือโครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการแท็บเล็ตพีซี ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งคตร.จะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาชี้แจงความคืบหน้า และความเหมาะสมของโครงการว่าจะดำเนินโครงการได้ต่อไปหรือไม่ โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำ เบื้องต้นอาจไม่ดำเนินการตามรูปแบบเดิม เพราะต้องพิจารณาความเหมาะสมก่อน
เกษตรฯเตรียมแผนช่วยชาวนา
ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงทิศทางนโยบายการแจกแท็บเล็ตที่ผู้แทนคสช.จะมาประชุมทบทวนโครงการในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ว่า แนว ทางการหารือแบ่งเป็น 2 ประเด็นคือ การจัดซื้อแท็บเล็ต ประจำปี 2556 ที่ยังค้างอยู่ในโซน 4 ของนักเรียนชั้นม.1 (ภาคเหนือและภาคอีสาน) จำนวน 402,889 เครื่อง และการจัดซื้อแท็บเล็ต ประจำปี 2557 ทั้งนี้ การจัดซื้อที่ยังค้างอยู่นั้น สพฐ.อยากให้ซื้อแจกให้กับเด็กม.1 ให้ครบ เพราะหากจะยกเลิกไปเลยก็ควรยกเลิกในปี 2557 ที่ยังไม่ได้เริ่มจัดซื้อ
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า หลังจากกระทรวง เกษตรฯ ได้เสนอ 4 โครงการเร่งด่วน ให้คสช.เห็นชอบแล้ว ขั้นต่อไปกระทรวงเตรียมดำเนินโครงการ 3 เรื่องคือ 1.การจำแนกกลุ่มชาวนาที่สมควรได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ 2.การเตรียมข้อมูลสนับสนุนนโยบายลดต้นทุนการปลูกข้าว ซึ่งหากเป็นไปได้อยากเพาะเมล็ดพันธุ์ข้าวแจกจ่ายให้กับชาวนาฟรี เท่าที่กำลังการผลิตของกระทรวงเกษตรฯ จะทำได้ เพื่อคืนความสุขให้แก่ประชาชนตามนโยบายของ คสช. 3.การติดตามข้อมูลว่า ตลอดปี 2557 จะมีสินค้าเกษตรชนิดใดบ้างที่มีแนวโน้มจะเกิดภาวะราคาตกต่ำ และ 4.การวางกรอบนโยบายการเป็นข้าราชการที่ดีของกระทรวงเกษตรฯ ตามที่รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. มอบหมาย
'บิ๊กอู๋'ตรวจเยี่ยมมอบนโยบายสคบ.
ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ศูนย์ราชการฯ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคสช. ในฐานะหัวหน้า ฝ่ายกิจการพิเศษ (หน.ฝกศ.) ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสคบ. ซึ่งสังกัดสำนักนายกฯ เพื่อรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของผู้บริโภคที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน รวมถึงแนวทางแก้ปัญหา และแผนปฏิบัติการโรดแม็ปของสคบ. โดยมี นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้บริหารสคบ. เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ
อบอุ่น - ภาพน่ารักอบอุ่นของน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังอุ้ม "น้องแพน" หลานสาววัย 2 เดือน โดยมีแฟนคลับนำภาพมาแชร์กันว่อนในออนไลน์ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. |
พล.ต.อ.อดุลย์ มอบนโยบายที่สำคัญให้กับสคบ. คือ ให้ยึดถือเจตนารมณ์และนโยบายของหัวหน้า คสช. เป็นแนวทางปฏิบัติ เร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ในฐานะผู้บริโภค แก้ปัญหาความเดือดร้อนของผู้บริโภคอย่างจริงจัง บูรณาการหน่วยงานด้านนโยบายและการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้การแก้ไขปัญหารวดเร็ว เป็นรูปธรรม ดำเนินการแบบเชิงรุก เน้นทำให้ผู้บริโภครับทราบถึงสิทธิ และหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ รวมถึงให้ขยายช่องทางแจ้งข้อมูล และปรับปรุง พัฒนากระบวนการและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การคุ้มครองผู้บริโภคอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
เผยผลตอบแทนบอร์ดรสก.อื้อซ่า
รายงานข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า คสช.สั่งให้กระทรวงการคลังทำข้อมูลผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ส่วนเกินที่กรรมการรัฐวิสาหกิจไม่ควรได้ และรายงานให้ คสช.รับทราบ เพื่อพิจารณาลดผลประโยชน์ ของกรรมการที่ไม่ควรได้ลง เหมือนที่ตัดสิทธิประโยชน์การบินฟรีของกรรมการบริษัทการบินไทยปีละ 20 ใบ
จากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น พบผลตอบแทนของรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเป็นลักษณะเดียวกัน คือ ได้ทั้งผลตอบแทนเป็นเหมือนเงินเดือนประจำทุกเดือนให้กับกรรมการทุกคน มีเบี้ยประชุม ค่าเลี้ยงรับรอง ในส่วนของประธานกรรมการ ประธานบริหาร มีรถประจำ ตำแหน่ง คนขับรถ เลขานุการส่วนตัวและห้องทำงาน กรรมการทุกคนยังได้โบนัสทุกปีหากรัฐวิสาหกิจนั้นมีกำไร โดยผลตอบแทนของรัฐวิสาหกิจในตลาดหลักทรัพย์ได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นจะได้ผลตอบแทนสูงกว่ารัฐวิสาหกิจนอกตลาดหลักทรัพย์
รายงานข่าวเผยว่า รัฐวิสาหกิจนอกตลาด หลักทรัพย์ตามระเบียบกรรมการจะได้เบี้ยประชุมอย่างเดียวครั้งละ 6,000-10,000 บาท หากเป็นอนุกรรมการคณะต่างๆ จะได้เบี้ยประชุมเพิ่มอีกครั้งละ 5,000-8,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนไม่มาก ทำให้รัฐวิสาหกิจต่างๆ จ่ายผลตอบแทนอื่นๆ ให้กรรมการโดยไม่รายงานให้กระทรวงการคลังทราบ ได้แก่ ค่า ประจำตำแหน่งกรรมการที่ได้สูงถึงเดือนละ 5 หมื่นบาท ถึง 2 แสนบาท เป็นประจำทุกเดือน ค่าเลี้ยงรับรองเดือนละ 5 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท ซึ่งรัฐวิสาหกิจจะออกเป็นบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตให้กรรมการแต่ละคน และรัฐบาลที่ผ่านมาได้ปรับเบี้ยประชุมกรรมการรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แต่ไม่ได้ลดประโยชน์ค่าประจำตำแหน่ง ค่าเลี้ยงรับรองให้ลดลง
บอร์ดรสก.ในตลาดหุ้น-ยิ่งอู้ฟู่กว่า
ส่วนกรรมการรัฐวิสาหกิจในตลาดหลัก ทรัพย์จะได้ผลตอบแทนสูง เพราะเบี้ยประชุมสูง เช่น ประธานธนาคารกรุงไทยมีเบี้ยประชุม ครั้งละ 1 แสนบาท กรรมการครั้งละ 5 หมื่นบาท หรือประธานกรรมการบริษัทการบินไทยได้เบี้ยประชุมครั้งละประมาณ 4.5 หมื่นบาท กรรมการ 3 หมื่นบาท และยังได้สิทธิตั๋วพิเศษที่ถูกตัด หากคิดเฉพาะตั๋วที่บินต่างประเทศ ปีละ 10 ใบ คิดเป็นราคาตั๋วชั้นสูงสุด (First Class) ไปสหรัฐอเมริกา อยู่ที่ใบละ 3 แสนบาท กรรมการจะได้ผลประโยชน์เพิ่มอีกปีละ 3 ล้านบาท กรรมการของรัฐวิสาหกิจในตลาดหลักทรัพย์ เช่น บริษัทการบินไทย ธนาคารกรุงไทย และบริษัท ปตท. จะได้ผลตอบแทนปีละ 3-10 ล้านบาทต่อคน นอกจากนี้ ในส่วนของบริษัท ปตท.ที่มีบริษัทลูกจำนวนมาก พบบางแห่งจ่ายผลตอบแทนให้กรรมการสูงกว่าบริษัท ปตท.ด้วย
รายงานข่าวเผยว่า ขึ้นอยู่กับ คสช.จะให้ตัดผลตอบแทนของกรรมการส่วนไหนบ้าง แต่หากดูตามคำสั่งว่าผลประโยชน์ที่นอกเหนือจากผลตอบแทนและโบนัส ทำให้มีความเป็นได้สูงว่าค่าประจำตำแหน่งกรรมการ และค่าเลี้ยงรับรองที่สูงกว่าค่าเบี้ยประชุมจะต้องถูกตัดบางส่วนหรือยกเลิกออกไป
ผู้ว่าฯกฟผ.โต้พนง.ใช้ไฟฟรี
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนในฐานะเลขานุการบอร์ด บริษัทการบินไทย ได้ลงนามรับรองมติของ คสช.เรื่องการยกเลิกสิทธิประโยชน์แก่บอร์ดแล้ว และวันที่ 12 มิ.ย. จะส่งมติแจ้งให้พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ.ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของ คสช. รวมถึงปลัดกระทรวงคมนาคมรับทราบ ขั้นตอนหลังจากนี้คาดว่าที่ประชุมบอร์ดการบินไทย วันที่ 20 มิ.ย.นี้จะนำเรื่องขึ้นมาหารือกัน
นายดำรงค์ ไวยคณี ประธานสหภาพ แรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย กล่าวว่า เห็นด้วยเต็มที่กับการที่ คสช.ตัดสิทธิประโยชน์การบินไทย และเป็นเรื่องที่สหภาพพยายามต่อสู้มาตลอด ขณะที่การบินไทยกำลังประสบปัญหาขาดทุน บอร์ดควรแสดงภาวะผู้นำรับผิดชอบลดรายจ่ายตัวเองด้วย ไม่ใช่ลดแต่พนักงานเพียงอย่างเดียว และยังต้องการให้ปรับลดจำนวนคณะกรรมการลงจากปัจจุบัน 15 คน ให้เหลือ 10 คน เพื่อเป็นการประหยัดเบี้ยประชุม
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.ขอปฏิเสธกรณีถูกโจมตีว่าพนักงาน กฟผ. ได้รับสิทธิพิเศษใช้ไฟฟ้าฟรี ยืนยันการบริหารของกฟผ. ปัจจุบันไม่มีสิทธิประโยชน์ พิเศษใดๆ สามารถตรวจสอบได้ว่าพนักงานทุกคนต้องเสียค่าไฟฟ้าอัตราปกติ และมีบิลไฟฟ้ายืนยันได้ ส่วนโบนัสของคณะกรรมการ กฟผ. นั้นไม่ได้มากอย่างแน่นอน เพราะเป็นไปตามข้อกำหนดของกระทรวงการคลัง
เผยค่าตอบแทนบอร์ดปตท.
รายงานข่าวจาก กฟผ.ยอมรับว่า ในอดีตการให้สิทธิใช้ไฟฟ้าฟรีแก่พนักงานเคยเกิดขึ้นจริง แต่เป็นรูปแบบเงินยังชีพประเภทค่ากระแสไฟฟ้าที่รวมอยู่ในเงินเดือน แต่ยกเลิกไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2537 ส่วนโบนัสแต่ละปีจะได้ตามรายได้ขององค์กร ยืนยันกรรมการ กฟผ. ไม่มีการรับสิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี ได้รับโบนัสในอัตราเดียวกับพนักงาน เบี้ยประชุมก็ไม่เกิน 10,000 บาทต่อครั้งตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของผลตอบ แทนคณะกรรมการของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ในปี 2557 จะได้ค่าตอบแทนรายเดือน เดือนละ 30,000 บาทต่อคน เบี้ยประชุมเฉพาะกรรมการที่เข้าประชุมครั้งละ 50,000 บาท โดยจำกัดการจ่ายเบี้ยประชุมไม่เกินปีละ 15 ครั้ง หรือไม่เกิน 750,000 บาท เงินโบนัสคณะกรรมการจะได้ 0.05% ของกำไรสุทธิประจำปี 2557 แต่กำหนดวงเงินสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยคำนวณจ่ายตามระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง และประธานกรรมการ ปตท.จะได้รับสูงกว่ากรรมการ 25%
คืนความสุข-ดูฟรีหนังนเรศวร
เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบ รัฐบาล พ.อ.วินธัยกล่าวว่า คสช.เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมชมภาพยนตร์เรื่อง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ ภาค 5 ตอนยุทธ หัตถี" ในโรงภาพยนตร์ 160 แห่งทั่วประเทศ เพื่อปลุกจิตสำนึกให้คนไทยให้รักชาติและเกิดความปรองดองกัน โดยคสช.ขอความร่วมมือเจ้าของโรงภาพยนตร์ทุกเครือ บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้กำกับฯ ภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ เวลา 11.00 น. ให้ประชาชนรับตั๋วภาพยนตร์ฟรี ที่หน้าโรงภาพยนตร์เพียงรอบเดียวเท่านั้น
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ในวันที่ 14 มิ.ย.เวลา 15.00 น. จะจัดรอบฉายภาพยนตร์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ" ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน โดยมีผบ.เหล่าทัพ ข้าราชการ และสื่อมวลชน ร่วมชมภาพยนตร์ นอกจากนั้น จะจัดกิจกรรมที่ลานพาร์คพารากอนด้วย กิจกรรมนี้มีเพื่อให้คนไทยชมภาพยนตร์ร่วมกันปลูกจิตสำนึกในสถาบัน อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นมรดกที่มีค่าสะท้อนในรูปภาพยนตร์ให้เห็นว่าประเทศเรามีของดีอยู่ รวมถึงจะจูงใจให้เรามีความรู้สึกถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และยึดเหนี่ยวให้เรามีความสามัคคีได้
โต้แบน 1984-ปัดเลิกเคอร์ฟิวกรุง
ทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า นอกจากนั้นยังพูดถึงการปราบปรามการทุจริต โดยระบุให้เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการพิสูจน์ เพราะที่ผ่านมาการใช้กฎหมายยังมีปัญหาและเป็นเหตุผลที่ต้องอธิบายให้ทั้งคนภายในและภายนอกประเทศเข้าใจด้วย ทั้งนี้ หัวหน้าคสช.ยืนยันจะทำให้เกิดความปรองดองกับคนในชาติ แต่จะไม่ปรองดองกับคนที่ทำผิด และหลังจากนี้ไม่อยากให้มีการกล่าวหากันลอยๆ ผิดถูกอย่างไรอยากให้พิสูจน์ตามกระบวนการจริงๆ อีกทั้งมีการสร้างความเกลียดชัง กล่าวโทษ ปลุกปั่นโดยนำสถาบันที่อยู่เหนือความขัดแย้งมากล่าวอ้างด้วย ดังนั้นเรื่องกฎหมายบางมาตราจึงจำเป็นต้องมีไว้ปกป้องดูแลสถาบัน
พ.อ.วินธัย กล่าวถึงกระแสข่าวคสช.เตรียมจะแบนหนังสือ 1984 ว่า ตนไม่มีข้อมูล และไม่เคยได้รับรายงานว่าคสช.จะดำเนินการแบบนั้น ส่วนการนำตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ขึ้นส่งฟ้องศาลทหารนั้น ที่ผ่านมามีการควบคุมนายสมบัติให้อยู่ในพื้นที่พิเศษ ไม่ได้เป็นลักษณะของผู้กระทำความผิด แต่ดำเนินการเพื่อปรับความเข้าใจ ส่วนแนวโน้มจะยกเลิกเคอร์ฟิวในกรุงเทพฯภายในสัปดาห์นี้หรือไม่นั้น ตนไม่อยากให้ใช้กรอบเวลาเป็นตัวกำหนด
เผยบิ๊กตู่กดดันเพราะมีคนรักมาก
แหล่งข่าวจากที่ประชุมคสช.กับคณะทูต เปิดเผยว่า ช่วงหนึ่งการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าอยากเห็นการใช้กลไกกฎหมายให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น ประชาชนเชื่อมั่นกฎหมายมากขึ้น สถาบันต้องอยู่เหนือความขัดแย้ง เพราะที่ผ่านมามีการหมิ่นสถาบัน เกิดข่าวลือที่ไม่ถูกต้องในต่างประเทศ ไม่อยากให้ดึงสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการเมือง จึงจำเป็นต้องใช้กฎหมายปกป้องสถาบัน อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญตรงนี้ และอยากให้ทูตอธิบายให้ต่างชาติเข้าใจว่าทุกประเทศมีศักดิ์ศรีของตัวเอง อยากให้เป็นมิตรและให้กำลังใจประเทศไทยที่จะก้าวผ่านตรงนี้ พร้อมกันนี้อยากให้ทูตทำความเข้าใจว่าไม่ให้ใช้ประเทศเป็นฐานเคลื่อนไหว
แหล่งข่าวกล่าวว่า หัวหน้าคสช.ได้ยืนยันกับทูตถึงกรอบเวลาที่ชัดเจนในการบริหารราชการ โดยยืนยันว่าจะจัดตั้งรัฐบาลภายใน 3 เดือน ให้นับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.เป็นต้นไป โดยจะมีธรรมนูญปกครองชั่วคราว มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายกฯ และสภาปฏิรูป โดยเดือนส.ค. จะมีสนช.อย่างแน่นอน รวมถึงการกำหนดสัดส่วนตัวแทนจากภาคส่วนใดบ้าง ซึ่งมีจำนวนนับร้อยคน ทั้งนี้ เมื่อมีรัฐบาลเกิดขึ้น ทางคสช.ก็ยังอยู่เพื่อดูแลความสงบ โดยทำงานควบคู่กับรัฐบาล ขณะเดียวกัน ต่างประเทศได้มองประเทศไทยว่าการทำรัฐประหารครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก มีมา 12 ครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่มีรถถัง ไม่เสียเลือดเสียเนื้อ และไม่มีการยึดทรัพย์ ถ้าเทียบกับการทำรัฐประหารในต่างประเทศไทยไม่มีการใช้ความรุนแรง
แหล่งข่าวกล่าวว่า หัวหน้าคสช.ยังกล่าวด้วยว่าการทำงานในวันนี้มีความกดดัน เพราะมีคนรักมาก แต่ขณะเดียวกันก็มีคนต่อต้าน คนด่า ไม่ได้โกรธ ไม่ท้อแท้ และยังคงตั้งหน้าทำงานต่อไป เพื่อให้คนไทยมีจริยธรรมมากขึ้น ควบคู่กับการแก้ปัญหาทุจริต สร้างชาติของเราขึ้นใหม่ด้วยสติปัญญา ให้โลกยอมรับ และวันนี้อยากจะคืนศักดิ์ศรี เกียรติยศให้กับข้าราชการไทยเป็นข้าราชการที่ดี เป็นที่พึ่งของประชาชน โดยฝ่ายความมั่นคงจะทำงานร่วมกับข้าราชการในการบริหารประเทศ โดยใช้กฎหมายปกติให้มากที่สุด
เผยประยุทธ์สั่งทูตเข้มมาตรา 112
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมร่วมกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทย 23 คน ที่ประจำการใน 18 ประเทศ นั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงความเป็นห่วงถึงผู้ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง และพาดพิงสถาบันเบื้องสูงผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งยังคงเคลื่อนไหวในต่างประเทศ ขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ได้สอดส่องและติดตามตรวจสอบ หากพบข้อมูลที่พำนักและการเคลื่อนไหวของคนเหล่านั้น ก็ให้รายงานเข้ามาที่ คสช.ทันที และหากพบว่า สถาบันการศึกษา หรือมหาวิทยาลัยแห่งใดจัดเสวนา อภิปรายที่มีการพูดถึงสถาบันเบื้องสูงหรือประเทศไทยในทางที่ไม่สมควร ก็ขอให้ไปชี้แจงกับสถาบันการศึกษาเหล่านั้น
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นอกจากนี้ หัวหน้าคสช.ขอให้สถานทูตและกงสุลใหญ่ไทยให้ชี้แจงต่อคนไทยที่อยู่ในแต่ละประเทศให้เข้าใจ ในเรื่อง ม.112 อย่างถูกต้อง ซึ่งหัวหน้า คสช. ไม่มีการพูดถึงในการส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตามตัวคนที่กระทำผิดกฎหมายดังกล่าว หรือผู้ที่ไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. ที่ยังอาศัยอยู่ในต่างประเทศ รวมไปถึงกลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหารในต่างประเทศ รวมทั้งไม่ได่สั่งให้ทูตต้องไปติดตามตัวเพื่อจับกุมตัวคนเหล่านั้น ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศอยู่แล้ว
"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงและท่าที ค่อนข้างขึงขังถึงเรื่องของผู้กระทำผิด ม.112 โดยบอกว่า คนเหล่านี้อยู่ในประเทศที่พวกคุณประจำการอยู่นั้นแหละ ถ้ามีข้อมูลอะไร ก็ให้แจ้งเข้ามาเลย อย่าเกียร์ว่าง และต้องไปชี้แจงกับคนไทยที่นั้นให้เข้าใจ ม.112" แหล่งข่าวอ้างคำพูดพล.อ.ประยุทธ์
เด้งอสส.-ปลัดไอซีที-เลขาฯสภา
เมื่อเวลา 21.00 น. คสช.มีคำสั่งที่ 62 /2557 เรื่องแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้ 1.นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนฯ มาปฏิบัติราชการที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ โดยให้รับเงินเดือนสังกัดเดิมไปพลางก่อน 2.ให้รองเลขาธิการสภาผู้แทนฯ ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดรักษาราชการแทนเลขาฯสภา ผู้แทนฯ 3.ให้ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด มาปฏิบัติราชการที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ โดยให้รับเงินเดือนสังกัดเดิมไปพลางก่อน 4.ให้ นายตระกูล วินิจนัยภาค รองอัยการสูงสุด รักษาราชการแทนอัยการสูงสุด 5.ให้ นายสุรชัย ศรีสารคาม ปลัดไอซีที มาปฏิบัติราชการที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ โดยให้รับเงินเดือนสังกัดเดิมไปพลางก่อน 6.ให้ นางเมธินี เทพมณี ผู้ตรวจฯ ไอซีที รักษาราชการแทนปลัดฯ ไอซีที ตั้งแต่บัดนี้เป็น ต้นไป
คำสั่งที่ 63/2557 ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม 12 คนในวันที่ 12 มิ.ย. เวลา 10.00-12.00 น. ที่ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ดังนี้ 1.นายอิสสระ สมชัย 2.นายถนอม อ่อนเกตุพล 3.นายพิภพ ธงไชย 4.นายรัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี 5.นายทินกร ปลอดภัย 6.นายนัสเซอร์ ยีหมะ 7.นายอุทัย ยอดมณี 8.นายมั่นแม่น กะการดี 9.พล.ต. สมเกียรติ วัฒนวิกย์กิจ 10.นายศิรวัฒน์ วิยะเศษ 11.นายกิตติไชย ใสสะอาด และ 12.นายสุดชาย บุญไชย
จ.ม.'ลูกสาว'บ.ก.ลายจุดถึง'บิ๊กตู่'
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. นางเกศสุดา บุญงามอนงค์ ภรรยาของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด ได้นำจดหมายเปิดผนึกที่ลูกสาวเขียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. มามอบให้สื่อมวลชน ขณะเดินทางมารอพบและประกันตัวสามีที่ศาลทหาร จดหมายดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้
จดหมายถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
เรียน พลเอกประยุทธ์ หนูเป็นลูกสาวของ บ.ก.ลายจุด สมบัติ บุญงามอนงค์ อยากขอความช่วยเหลือ และความเห็นใจจากท่าน ในกรณีที่พ่อหนูถูกควบคุมตัวอยู่ในตอนนี้ในฐานะที่ท่านก็มีลูกสาวเช่นกัน ท่านคงสัมผัสได้ถึงความรัก และความผูกพันของท่านที่มีต่อลูก หากลูกของท่านต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับพ่อหนูตอนนี้ ท่านคงสัมผัสได้ หนูสะเทือนใจ ที่พ่อต้องกลายเป็นผู้ต้องหา พ่อไม่ใช่อาชญากร พ่อทำงานเพื่อสิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรมให้กับสังคม แนวทางของพ่อคือแนวทางแห่งสันติวิธี ถ้าทุกคนใช้แนวทางของพ่อ ความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้น พ่อไม่เคยใช้ความรุนแรง ไม่เคยทำร้ายและรังแกใคร
ตั้งแต่หนูจำความได้ พ่อทำงานเสียสละให้กับสังคมมาตลอด พ่อคอยบอกให้พวกเราเสียสละและนึกถึงสังคมก่อนเสมอ ทุกวันก็ได้แต่นึกว่าจะทำอย่างไรให้สังคมดีขึ้น พ่อตั้งคำถามและหาคำตอบ อย่างเช่น คนนอนข้างถนนก็น่าจะมีคนดูแล พ่อคิดแล้วพ่อก็หาโอกาสทำ สร้างโครงการผู้ป่วยข้างถนน ศูนย์ข้อมูลคนหาย ฯลฯ พ่ออยากเห็น ผู้คนมีความสุข ได้รับความเสมอภาคและเป็นธรรม หนูเป็นอาสาสมัครเพื่อสังคม ช่วยงานที่ศูนย์สึนามิพังงา ที่พ่อตั้งเพื่อช่วยญาติพี่น้องคนเสียชีวิตตั้งแต่หนูอายุ 6 ขวบ พ่อได้รางวัลอาโซก้า รางวัลของผู้สร้างนวัตกรรมทางสังคม รางวัลต่างๆ ในการทำงานให้กับสังคม พ่อไม่ควรได้รับโทษเช่นนี้
แม่คือ คนที่รู้จักพ่อดีที่สุดได้บอกกับหนูว่า "พ่อหนู ตั้งแต่รู้จักกันมา จิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคมนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คิดและลงมือทำ ความเชื่อ ศรัทธาในเสรีภาพ เอกภาพ และภราดรภาพของมนุษย์นั้นอยู่ในจิตวิญญาณ พ่อไม่เคยคิดร้ายใคร อาจมีบ่นบ้าง ด่าบ้าง กวนประสาทบ้าง แต่ในใจลึกๆ นั้น ดีงาม ไม่ต้องเข้าวัด ปฏิบัติธรรม พูดธรรมะ แต่หัวใจของความเป็นธรรมนั้นอยู่กับพ่อเสมอ และการปฏิบัติธรรมของพ่อก็คือการทำงานเพื่อสังคม" ซึ่งหนูเห็นด้วยอย่างยิ่ง
เพื่อเป็นการคืนความสุขให้กับสังคมไทยอย่างที่ท่านได้ทำอยู่ในตอนนี้ หนูขอให้ท่านพิจารณาคืนความสุขให้กับครอบครัวหนูด้วยค่ะ หนูไม่เชื่อว่า พ่อทำอะไรผิด ขอให้ท่านช่วยดูแลพ่อของหนู ได้รู้ว่าพ่ออยู่ที่ไหน ปล่อยพ่อหนูเถอะนะคะ ให้พ่อมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย ได้รับอิสรภาพโดยเร็ว ได้มาเป็นพ่อของหนู ได้ใช้ชีวิตตามปกติ ดูแลหนูและทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติต่อไปด้วยค่ะ
ขยายเวลาส.ว.ยื่นทรัพย์สิน
วันที่ 11 มิ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการกกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวหลังการประชุม กกต.ว่า กกต.มีมติขยายเวลาการยื่นบัญชีรายรับ-รายจ่ายของผู้สมัครส.ว. ในการเลือกตั้งวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากคสช.มีประกาศฉบับที่ 57/2557 คืนพ.ร.บ.การเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ศ.2550 โดยให้มีผลบังคับใช้อย่างต่อเนื่อง และให้กกต.มีอำนาจกำหนดหรือขยายเวลายื่นบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้สมัครส.ว. กกต.จึงมีมติขยายเวลายื่นบัญชีจากเดิมให้ยื่นภายใน 90 วันนับแต่วันเลือกตั้ง ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 28 มิ.ย.นี้ ให้ขยายออกไปอีก 30 วัน และให้ยื่นภายในวันที่ 28 ก.ค.
นายธนิศร์ กล่าวว่า มติกกต.วันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา เคยระบุว่าผู้สมัครส.ว.ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพราะรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 11 เป็นผลให้พ.ร.บ.การเลือกตั้งฯสิ้นสุดลงไปด้วย ต่อมาคสช.มีประกาศคืนพ.ร.บ.ดังกล่าวให้มีผลบังคับใช้ตามเดิม กกต.จึงเห็นว่าผู้สมัครส.ว.ทุกคนจำเป็นต้องยื่นบัญชีตามกฎเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด หากยื่นไม่ทัน ยื่นแสดงไม่ครบถ้วน หรือยื่นข้อมูลอันเป็นเท็จ จะมีโทษทางอาญาจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี หากตรวจสอบพบว่าสมุห์บัญชีประจำตัวผู้สมัครทำบัญชีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กกต.กำหนด จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี และห้ามเป็นสมุห์บัญชี 5 ปี
โยก'ปลัดไอซีที'เข้ากรุ ย้าย'อสส.''เลขาสภาฯ'โดนด้วย บิ๊กตู่หารือ'23 ทูตไทย'ขอช่วยแจงยึดอำนาจ ลูกบก.ลายจุดส่งจม. วอนคสช.'ปล่อยพ่อ'สุรเกียรติแนะ'ปฏิรูป'
วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ร่วมหารือ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. เป็นประธาน ร่วมหารือกับเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ เพื่อเร่งทำความเข้าใจกับต่างชาติ ที่กองบก.ทบ. เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน
|
จม.เปิดผนึกถึง'บิ๊กตู่' ลูก บ.ก.ลายจุดวอนปล่อยพ่อ ยัน'สมบัติ'เคลื่อนไหวยึดแนวทางสันติ ตร.-ทหาร'ถกรับมือม็อบต้านหน้าเซเว่นฯ @ 'ประยุทธ์-ธนะศักดิ์'แจงทูต เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มิถุนายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. รองหัวหน้า คสช. ดูแลงานด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ร่วมหารือกับผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศ นำโดยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ รับทราบแนวทางดำเนินการหรือโรดแมป ของ คสช. เพื่อนำข้อมูลไปสร้างความเข้าใจกับประเทศต่างๆ @ เน้นช่วยแจง คสช.ยึด ปชต. "จะให้ทุกประเทศเห็นชอบในสิ่งที่ คสช.ดำเนินการ คงเป็นไปไม่ได้ แต่เราต้องคำนึงถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีของเราด้วย ไทยจะไม่ไปต่อต้านประเทศที่เห็นต่าง หน้าที่ของเราคือ เร่งทำความเข้าใจ และคาดหวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายลงเมื่อประเทศนั้นๆ ได้ทราบเจตนารมณ์ของ คสช. จึงอยากให้ทูตรวมถึงข้าราชการ ได้ช่วยกันอธิบายอย่างเป็นเป็นทางการ ให้ยืนยันว่า คสช. ต้องการให้ระบอบประชาธิปไตยในประเทศมีความสมบูรณ์ มีฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการประกอบเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ที่เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ อาทิ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก นางนงนุช เพ็ชรรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน นายอภิชาติ ชินวรรโณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว นายธีรเทพ พรหมวงศานนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ @ บัวแก้วใช้ 3 แนวทางแจงตปท. นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ใช้ 3 แนวทางหลักในการชี้แจงกับต่างประเทศ คือ 1.การคุยกับคณะเอกอัครราชทูตและสื่อมวลชนที่กรุงเทพมหานคร 2.สถานทูต สถานกงสุลใหญ่ คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติกว่า 95 ประเทศ และ 3.นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะรักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางเยือนต่างประเทศและเข้าร่วมการประชุมในเวทีต่างๆ จะใช้โอกาสอธิบายสถานการณ์ของไทย @ ชี้ตะวันตกเข้าใจไทยมากขึ้น นายเสข กล่าวว่า ได้มีการประชุมหารือกับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ในประเทศถึง 23 คน จาก 18 ประเทศ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 มิถุนายน โดยส่วนใหญ่มาจากกลุ่มประเทศตะวันตก อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสมาชิกสหภาพยุโรป มีข้อกังวลเป็นพิเศษต่อจุดยืนของประเทศไทย ซึ่งภายหลังจากที่ทูตไทยในประเทศเหล่านี้ได้มีการชี้แจงสร้างความเข้าใจต่อรัฐบาลและหน่วยงานเอกชนของประเทศดังกล่าวแล้ว พบว่าท่าทีของประเทศตะวันตกมีความเข้าใจในสถานการณ์ของประเทศไทยมากขึ้น โดยยังมองประเทศไทยเป็นมิตรประเทศที่สำคัญและมีความสัมพันธ์มาอย่างยาวนานในทุกมิติ โดยจะเห็นได้จากการที่ไม่มีประกาศแจ้งเตือนจากประเทศเหล่านี้เพิ่มเติมแล้ว @ ยันไม่มีต่างชาติกดดันไทย เมื่อถามว่า เรื่องที่ชาวต่างประเทศเพิ่มมาตราการกดดันไทยจริงหรือไม่ นายเสขกล่าวว่า ยืนยันไม่มีประเทศไหนทำเช่นนั้น แต่ที่เห็นประเทศสหรัฐประกาศมาตรการตอบโต้ไทย โดยการระงับความร่วมมือด้านทหารเป็นจำนวนเงินกว่า 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องมาจากเป็นกฎหมายของสหรัฐ ที่ว่าประเทศใดในโลกนี้ที่มีการควบคุมการบริหารประเทศโดยทหาร สหรัฐต้องใช้กฎบัตรระงับความร่วมมือด้านการทหาร ส่วนเรื่องการกีดกันทางการค้ายืนยันไม่มี และทางสหรัฐไม่ได้กำหนดกรอบเวลาโรดแมปของ คสช.เพราะเข้าใจบริบทต่างๆ นอกจากนี้ยังมีประเทศออสเตรเลียที่ประกาศลดระดับด้านการทหาร แต่เมื่อทาง คสช.มีการประกาศโรดแมปชัดเจน ทางออสเตรเลียก็มีแผนจะนำเรื่องนี้กลับไปทบทวนแล้ว @ แจงออสซี่ไม่ให้วีซ่าภรรยาบิ๊กตู่ นายเสข กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวออสเตรเลียจะไม่ให้วีซ่าแก่บุคคลใน คสช.เข้าประเทศนั้น อาจจะมีการจำกัดการเข้าประเทศ แต่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ และทาง คสช.ก็ไม่ได้มีภารกิจที่ต้องเดินทางไปยังออสเตรเลีย ส่วนประเทศอื่นในตะวันตกยังไม่มีเรื่องดังกล่าว แต่ในส่วนปลัดกระทรวงและข้าราชการประจำของไทยยังสามารถเดินทางเข้าได้ตามปกติ สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่าออสเตรเลียไม่อนุมัติวีซ่าให้ภรรยาของ พล.อ.ประยุทธ์เข้าประเทศว่า ขอปฏิเสธว่าไม่มีเรื่องดังกล่าว เป็นแค่ข่าวลือ สถานทูตออสเตรเลียยืนยันแล้วว่าภรรยา พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยมายื่นขอวีซ่า @ ปัดจักรภพตั้ง'พลัดถิ่น'กัมพูชา นายเสข กล่าวถึง กรณีนายจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งมีรายชื่อตามคำสั่ง คสช.ให้มารายงานตัวตั้งองค์กรพลัดถิ่นว่า ในแง่ของบุคคลที่จะมีการจัดตั้งองค์กรหรือมีความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ บุคคลเหล่านี้จะสื่อสารทางสื่อซึ่งมีอยู่ทั่วโลก เช่น กัมพูชา โดยนายจักรภพประกาศว่าจะตั้งองค์กรการเคลื่อนไหวต่างๆ ก็ได้ทำการตรวจสอบไปยังรัฐบาลกัมพูชา ได้รับยืนยันว่ากัมพูชายึดหลักในการไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศอาเซียนด้วยกัน และจะไม่ให้องค์กรใดใช้ประเทศเป็นที่เคลื่อนไหวด้านการเมือง @ 'ประยุทธ์'สั่งทูตแจ้งคนผิดม.112 รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมร่วมกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทย 23 คน จาก 17 ประเทศ และ 1 เขตปกครองพิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงความเป็นห่วงถึงผู้ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง และมีการพาดพิงสถาบันเบื้องสูงผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งยังคงเคลื่อนไหวในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ได้สอดส่องและติดตามตรวจสอบหากพบข้อมูลที่พำนักและการเคลื่อนไหวของคนเหล่านั้นก็ให้รายงานเข้ามาที่ คสช. ทันที "พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงและท่าทีค่อนข้างขึงขังถึงเรื่องของผู้กระทำผิด ม.112 โดยบอกว่า คนเหล่านี้อยู่ในประเทศที่พวกคุณประจำการอยู่นั้นแหละ ถ้ามีข้อมูลอะไร ก็ให้แจ้งเข้ามาเลย อย่าเกียร์ว่าง และต้องไปชี้แจงกับคนไทยที่นั่นให้เข้าใจ ม.112" แหล่งข่าวกล่าว @ คสช.ยันส.ค.ตั้ง"สนช."แน่นอน ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะรองโฆษก คสช. แถลงข่าว พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมประชุมกับเอกอัครราชทูตและสงกุลใหญ่ในประเทศตะวันตก 18 ประเทศ ว่า หัวหน้า คสช.เน้นย้ำเกี่ยวกับโรดแมปของ คสช.ทั้ง 3 ระยะ โดยขณะนี้อยู่ในระยะที่หนึ่ง ส่วนระยะที่สองก็ให้ความเข้าใจว่าเป็นเรื่องการตั้งสภานิติบัญญัติ จัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีนายกรัฐมนตรี รวมถึงมีสภาปฏิรูป และระยะที่ 3 เป็นเรื่องของการเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบปกติ พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการปราบปรามการทุจริต หัวหน้า คสช.ต้องการให้อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการพิสูจน์ เพราะที่ผ่านมาบางเรื่องระบบราชการทำไม่ได้เพราะมีข้อจำกัด การใช้กฎหมายที่ผ่านมายังมีปัญหาและเป็นเหตุผลที่ต้องอธิบายให้ทั้งคนภายในและภายนอกประเทศเข้าใจ และหัวหน้า คสช.ยืนยันว่าจะทำให้เกิดความปรองดองกับคนในชาติ แต่จะไม่ปรองดองกับคนที่ทำผิด และหลังจากนี้ไม่อยากให้มีการกล่าวหากันลอยๆ ผิดถูกอย่างไร อยากให้พิสูจน์ตามกระบวนการ @ ขีดเส้นก.ค.สรุปแผนปรองดอง ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการประชุมกับศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่า พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้อำนวยการ ผอ.ศปป. ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ระดับจังหวัด ทำงานร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และทุกภาคส่วน เน้นสร้างสันติสุขและดูแลประชาชน การเข้มงวดการปราบปรามอบายมุข ยาเสพติด และการพนัน นายวิบูลย์ กล่าวว่า ส่วนการสร้างความปรองดองจะใช้เวทีจัดกิจกรรมระดับหมู่บ้านเพื่อรวบรวมข้อมูลระดับพื้นที่กลับมาให้ผู้บริหาร โดยกระทรวงมหาดไทยจะเป็นตัวกลางในการชี้แจงความตั้งใจของหัวหน้า คสช. และรับฟังความเห็นประชาชน ศปป.ได้กำหนดให้การดำเนินการสร้างความเข้าใจ และบรรยากาศความปรองดองเสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม ก่อนจะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการสร้างความปรองดองของ ศปป.และ คสช.ต่อไป @ นำร่อง 5 จว.ปฏิรูประบบขรก. ด้าน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นแนวทางการปฏิรูประบบราชการ ระหว่างวันที่ 12-16 มิถุนายนใน 5 จังหวัดคือ สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ว่า เป็นการนำร่องก่อนขยายโครงการไปทุกพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีความขัดแย้งทางการเมืองสูง โดยจะนำปัญหาและข้อสรุปที่ได้จากทั้ง 5 จังหวัด มาเปรียบเทียบและทำให้เกิดเป็นรูปธรรมก่อน คาดว่าจะสามารถสรุปผลการจัดเวทีของ 5 จังหวัดภายในเดือนสิงหาคมนี้ พร้อมส่งให้หัวหน้า คสช.รับทราบ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ขณะนี้ผลสะท้อนภาพรวมการทำงานของหน่วยงานราชการดีขึ้น แต่จะพยายามให้หัวหน้าส่วนราชการยึดความถูกต้อง ปรับปรุงการทำงานใหม่เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ @ สุรเกียรติ์ดึงคู่ขัดแย้งร่วมปฏิรูป ที่โรงแรม เดอะ สุโกศล เครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปจัดเวทีความคิดเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยครั้งที่ 6 "พลังทางสังคมเพื่อการปฏิรูปอย่างมีส่วนร่วม" โดยนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปฏิรูปของประเทศไทยในเวลานี้มีลักษณะพิเศษ 2 ประการ คือ 1.เกิดขึ้นในท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังไม่จบลง เป็นความขัดแย้งในหลายมิติ 2.เป็นการปฏิรูปที่ทุกฝ่ายที่ขัดแย้งกลับเห็นพ้องต้องกันว่า ต้องมีการปฏิรูป แเละส่วนใหญ่เรื่องที่ต้องการปฏิรูปคือเรื่องเดียวกัน ซึ่งแท้จริงแล้วการปฏิรูปและการปรองดองเป็นเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ความปรองดองที่ยั่งยืนหมายถึงการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างในสังคม ความสำเร็จในการปฏิรูปจะนำไปสู่การปรองดองและการสมานฉันท์ได้ หากเปรียบการปฏิรูปเป็นขบวนรถไฟ ทุกฝ่ายของคู่ขัดแย้งจะต้องขึ้นรถไฟของกระบวนการปฏิรูปนี้ได้พร้อมกัน จะต้องออกแบบรถไฟที่ทุกคนสามารถนั่งไปด้วยกันได้ มีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของการปฏิรูปด้วย @ ป.ป.ช.ถกยุทธศาสตร์ต้านทุจริต นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงข่าวจัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานภาคีด้านการป้องกันการทุจริต ประกอบด้วยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น (ศปท.) ของกระทรวง กรม 35 หน่วยงาน และสำนักงบประมาณร่วมด้วย เพื่อทำความเข้าใจถึงทิศทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 2 พ.ศ.2556-2560 ภายใต้แนวทางการบริหารประเทศของหัวหน้า คสช. @ บุคคลทยอยรายงานตัว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง คสช.ได้ออกคำสั่งฉบับที่ 61 ให้บุคคลมารายงานตัวที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ โดยตั้งแต่เวลา 10.00-12.00 น. มีผู้เดินทางมารายงานตัว 4 คน ประกอบด้วยนายรังสฤษฏิ์ ธิยาโน คนสนิทของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง นายชัชชาญ บุปผาวัลย์ การ์ด นปช. นายยงยุทธ บุญดี และนายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร เจ้าของบ่อดินใน จ.ฉะเชิงเทรา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายพงศ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง บุคคลตามคำสั่งเรียกรายงานตัว ฉบับที่ 53 ที่ต้องเข้ารายงานตัวตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน แต่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจึงเดินทางมารายงานในวันนี้ เช่นเดียวกับนายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ผู้ที่มีรายชื่อในคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 57/2557 ที่จะต้องเข้ามารายงานตัวในวันที่ 10 มิถุนายน ได้เดินทางมารายงานตัวด้วยเช่นกัน @ ตร.ถกรับมือชุมนุมต้าน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.ผบช.น. พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.พล.1 รอ. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ. ช่วยราชการ บช.น. ดูแลงานความมั่นคง พร้อมรอง ผบช.น. ผบก.ทุกนาย ร่วมประชุมประเมินสถานการณ์กลุ่มต่อต้านรัฐประหาร โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ได้ทบทวนผลการปฏิบัติงานและวิธีปฏิบัติที่ผ่านมา พร้อมแลกเปลี่ยนข่าวสารเพื่อกำหนดแนวทางในการปฏิบัติ โดยให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมและใช้วิธีละมุนละม่อม ใช้กฎหมายจากเบาไปหาหนัก ผู้สื่อข่าวถามว่า การชุมนุมของกลุ่มต่อต้านเป็นอย่างไร พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้ตรวจสอบในสังคมออนไลน์ มีการนัดหมายชุมนุมในสถานที่และเวลาต่างๆ เช่น นัดหมายชุมนุมหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น จึงมอบหมายให้ทุก บก.ไปสำรวจ และขอความร่วมมือให้ตรวจสอบกล้องซีซีทีวีของร้าน รวมถึงร้านค้า สถานประกอบการใกล้เคียงให้ช่วยเป็นหูเป็นตา โดยจะจัดกำลังตำรวจทหารนอกเครื่องแบบเป็นหลัก ส่วนกำลังในเครื่องแบบจะจัดวางในสถานที่เหมาะสมไม่ให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยว นอกจากนี้จะมีการวางกำลังในพื้นที่สำรอง ไม่ให้ปรากฏสายตากับประชาชน หากจำเป็นต้องใช้กำลังก็สามารถเคลื่อนย้ายได้ "จะใช้กล้องถ่ายภาพผู้ชุมนุม เราจะไม่จับกุมในพื้นที่ แต่จะถ่ายภาพไว้เพื่อออกหมายจับและติดตามจับกุม หรือชุมนุมแล้วแสดงสัญลักษณ์ เมื่อออกจากพื้นที่ชุมนุมก็จำเป็นต้องติดตามจับกุมด้วย" พล.ต.อ.สมยศกล่าว @ จ่อหมายจับส่งเฟซนัดชุมนุม พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า กำลังประสานกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ดำเนินการกับผู้ที่นัดหมายไปชุมนุม เพราะเป็นการแสดงให้ปรากฏต่อสาธารณชนไม่ว่าวิธีการใด เช่น การลงเฟซบุ๊กเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย โดยให้ตรวจสอบว่าใครเป็นคนส่ง และจะออกหมายจับในวันสองวันนี้ "คนที่โพสต์ลงไปในเฟซบุ๊กเตรียมรอรับหมายจับได้เลย ส่วนคนที่ส่งต่อหรือแชร์ต่อก็มีความผิดเหมือนกันและมีโทษเท่ากัน" พล.ต.ต.อำนวยกล่าว @ ส่งบก.ลายจุดสอบสวน 12 มิ.ย. ด้านความคืบหน้าการดำเนินคดีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด ซึ่งอยู่ระหว่างการควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหาร พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ทหารว่าในวันที่ 12 มิถุนายน เวลา 10.00 น. จะนำตัวนายสมบัติมาส่งมอบให้กับทางพนักงานสอบสวนที่ บก.ป. เพื่อสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งทางพนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ก็จะเดินทางมาสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้ด้วย หลังจากนั้นหากยังมีพยานหลักฐานที่ทางพนักงานสอบสวนยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ก็จะนำตัวนายสมบัติไปขออำนาจศาลทหารกรุงเทพ เพื่อฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ซึ่งระหว่างนี้ทางผู้ต้องหาสามารถให้ทนายยื่นประกันตัวได้ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) คณะทำงานติดตามการใช้เว็บไซต์และสื่อออนไลน์ในการกระทำความผิดกฎหมาย สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และ บก.ปอท. เปิดเผย "มติชน" ว่า นายสมบัติถูกตั้งข้อหาทั้งหมด 3 ข้อหา ได้เเก่ 1.ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง 2.ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เเละ 3.ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ซึ่งระบุให้มารายงานตัวตามคำสั่ง @ เมียสมบัติเปิดจ.ม.ลูกขอปล่อยตัว ที่ศาลทหาร นางเกศสุดา บุญงามอนงค์ ภรรยาของนายสมบัติ พร้อมทนายความ ซึ่งทราบข่าวว่าจะมีการนำตัวนายสมบัติมาฝากขัง จึงเดินทางมาดักรอเพื่อยื่นขอประกัน โดยนางเกศสุดาได้นำจดหมายเปิดผนึกที่ลูกสาวเขียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ มามอบให้สื่อมวลชน @ ระบุพ่อยึดแนวทางสันติวิธี จดหมายดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้ "เรียน พล.อ.ประยุทธ์ หนูเป็นลูกสาวของ บ.ก.ลายจุด สมบัติ บุญงามอนงค์ อยากขอความช่วยเหลือ และความเห็นใจจากท่าน ในกรณีที่พ่อหนูถูกควบคุมตัวอยู่ในตอนนี้ ในฐานะที่ท่านก็มีลูกสาวเช่นกัน ท่านคงสัมผัสได้ถึงความรัก และความผูกพัน ของท่านที่มีต่อลูก หากลูกของท่าน ต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับพ่อหนูตอนนี้ ท่านคงสัมผัสได้ หนูสะเทือนใจที่พ่อต้องกลายเป็นผู้ต้องหา พ่อไม่ใช่อาชญากร พ่อทำงานเพื่อสิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรมให้กับสังคม แนวทางของพ่อคือแนวทางแห่งสันติวิธี ถ้าทุกคนใช้แนวทางของพ่อ ความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้น พ่อไม่เคยใช้ความรุนแรง ไม่เคยทำร้ายและรังแกใคร ตั้งแต่หนูจำความได้ พ่อทำงานเสียสละให้กับสังคมมาตลอด พ่อคอยบอกให้พวกเราเสียสละและนึกถึงสังคมก่อนเสมอ ทุกวันก็ได้แต่นึกว่าจะทำอย่างไรให้สังคมดีขึ้น พ่อตั้งคำถามและหาคำตอบ อย่างเช่น คนนอนข้างถนนก็น่าจะมีคนดูแล พ่อคิดแล้ว พ่อก็หาโอกาสทำ สร้างโครงการผู้ป่วยข้างถนน ศูนย์ข้อมูลคนหาย ฯลฯ พ่ออยากเห็น ผู้คนมีความสุข ได้รับความเสมอภาคและเป็นธรรม หนูเป็นอาสาสมัครเพื่อสังคม ช่วยงานที่ศูนย์สึนามิพังงา ที่พ่อตั้งเพื่อช่วยญาติพี่น้องคนเสียชีวิตตั้งแต่หนูอายุ 6 ขวบ พ่อได้รางวัลอาโซก้า รางวัลของผู้สร้างนวตกรรมทางสังคม รางวัลต่างๆ ในการทำงานให้กับสังคม พ่อไม่ควรได้รับโทษเช่นนี้" @ ขอคืนความสุขให้ครอบครัว แม่คือคนที่รู้จักพ่อดีที่สุดได้บอกกับหนูว่า "พ่อหนู ตั้งแต่รู้จักกันมา จิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคมนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คิดและลงมือทำ ความเชื่อ ศรัทธาในเสรีภาพ เอกภาพ และภราดรภาพของมนุษย์นั้นอยู่ในจิตวิญญาณ พ่อไม่เคยคิดร้ายใคร อาจมีบ่นบ้าง ด่าบ้าง กวนประสาทบ้าง แต่ในใจลึกๆ นั้น ดีงาม ไม่ต้องเข้าวัด ปฏิบัติธรรม พูดธรรมะ แต่หัวใจของความเป็นธรรมนั้นอยู่กับพ่อเสมอ และการปฏิบัติธรรมของพ่อก็คือการทำงานเพื่อสังคม ซึ่งหนูเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการคืนความสุขให้กับสังคมไทยอย่างที่ท่านได้ทำอยู่ในตอนนี้ หนูขอให้ท่านพิจารณาคืนความสุขให้กับครอบครัวหนูด้วยค่ะ หนูไม่เชื่อว่าพ่อทำอะไรผิด ขอให้ท่านช่วยดูแลพ่อของพ่อ ได้รู้ว่าพ่ออยู่ที่ไหน ปล่อยพ่อหนูเถอะนะคะ ให้พ่อมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย ได้รับอิสรภาพโดยเร็ว ได้มาเป็นพ่อของหนู ได้ใช้ชีวิตตามปกติ ดูแลหนูและทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติต่อไปด้วยค่ะ" @ ฮิวแมนไรต์เรียกร้องยุติคุมตัว ทางด้านกลุ่มฮิวแมนไรต์สวอตช์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทหารไทยหยุดการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการจับกุมและควบคุมตัวผู้คน หลังจากมีรายงานว่า นับตั้งแต่การยึดอำนาจของทหารตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม มีการจับกุมตัวนักการเมือง ผู้สื่อข่าวและนักเคลื่อนไหวมากกว่า 200 คนแล้ว โดยในจำนวนนี้หลายคนได้รับการปล่อยตัว แต่บางส่วนก็ยังคงถูกควบุคมตัวอยู่ในสถานที่ไม่มีการเปิดเผย และคนที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ไม่ได้รับอนุญาตให้พบทั้งญาติหรือทนายความแต่อย่างใด กลุ่มฮิวแมนไรต์สวอตช์ เรียกร้องให้ทหารหยุดการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการจับกุมตัวหรือควบคุมตัวบุคคลในทันที รวมไปถึงบางกรณีที่ทำให้บุคคลนั้นๆ หายสาบสูญ โดยได้ยกตัวอย่างของนางเกศสุดา คณะเสน หนึ่งในนักกิจกรรมหญิงของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ถูกทหารจับกุมตัวไว้ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา และถูกควบคุมไว้เกิน 7 วัน ตามกฎอัยการศึกกำหนดแล้ว แต่ยังไม่ไดรับการปล่อยตัวออกมา นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรต์สวอตช์ ประจำภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า การที่ทหารไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าควบคุมตัวบรรดานักเคลื่อนไว้ เช่น นางเกศสุดาไว้ที่ใดนั้น ทำให้เกิดความเป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของคนเหล่านี้ @ 'สำราญ'แดงลพบุรีมอบตัวบก.ป. วันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายสำราญ สายชนะ ซึ่งร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ จ.ลพบุรี ดังกล่าวผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ วันที่ 8 มิถุนายน 2557 ในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 14/2557 โดยไม่เข้ามารายงานตัวตามคำสั่งดังกล่าว ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ได้เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. และ พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญพล.ม.2 รอ. ทั้งนี้ สืบเนื่องจากนายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 14/2557 และ 43-45/2557 รวม 10 ราย ประกอบด้วย นายสำราญ, นายธนเดช เอกอภิวัชร์, นายอรรถชัย อนันตเมฆ , นายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ, นางหน่อย แดงเป้า, นายณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม, น.ส.จิตรา คชเดช, นายพิพัฒน์ พรรณสุวรรณ์, นายสิรภพ กรณ์อรุษ และนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ โดยทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับ และศาลได้อนุมัติหมายจับไว้แล้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายเยี่ยมยอดส่งไปฝากขังยังศาลทหาร เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา @ คสช.จัดดู'นเรศวร'ฟรีทั่วปท. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.วินธัยกล่าวว่า คสช.จะจัดกิจกรรมให้ประชาชนได้ชมภาพยนตร์เรื่อง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวร" ฟรีพร้อมกันทั่วประเทศในเวลา 11.00 น. วันที่ 15 มิถุนายน และมีการจัดกิจกรรมบริเวณห้างสยามพารากอน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการปรองดอง จึงอยากเชิญให้คนไทยทั้งประเทศทำกิจกรรมร่วมกัน โดยเจ้าของโรงภาพยนตร์ทุกเครือทั่วประเทศให้ความร่วมมือตอบรับเป็นอย่างดี และจะนัดหมายให้ทุกโรงภาพยนตร์เปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีพร้อมกันก่อนชมภาพยนตร์ @ เลื่อนงาน'กินข้าวกับลุงกำนัน' ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)" เกี่ยวกับการจัดงาน "กินข้าวกับลุงกำนัน" ในวันที่ 14 มิถุนายน ว่า เนื่องจากมีผู้ทักท้วงที่มีเหตุผล และได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การจัดงานดังกล่าวอาจจะเป็นกิจกรรมที่ไม่สอดคล้องกับกฎอัยการศึก และประกาศของ คสช. อีกทั้งอาจทำให้คนกลุ่มอื่นฉวยโอกาสทำกิจกรรมที่จะเป็นผลเสียหายต่อบ้านเมืองได้ จึงขอเลื่อนงานนี้ไปก่อน ส่วนผู้ที่ซื้อบัตรแล้วสามารถรับเงินคืนกับคนที่รับจองบัตรไว้ @ เด้งเลขาสภา-อสส.-ปลัดไอซีที เวลา 21.00 น. คสช.ออกคำสั่างที่ 62/2557 เรื่องแต่งตั้งให้ข้าราชการมาปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้ 1. นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มาปฎิบัติราชการที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้รองเลขาสภาฯที่อาวุโสสูงสุดรักษาราชการแทน 2.นายอรรพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด มาปฏิบัติหน้าที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ และให้นายตระกูล วินิจนัยภาค รองอัยการสูงสุด รักษาราชการแทน 3.นายสุรชัย ศรีสารคาม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ปฏิบัติราชการที่สำนักงานสำนักนายกฯ และให้นางเมธินี เทพมณี ผู้ตรวจราชการไอซีที รักษาราชการแทน นายอรรถพลกล่าวภายหลัง คสช.ออกคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรีว่า ได้รับทราบคำสั่งจากโทรทัศน์ และในวันที่ 12 มิถุนายน จะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกฯตามคำสั่งของทาง คสช. ต่อมา คสช. ได้ออกคำสั่งที่ 63/2557 ให้บุคคลมารายงานตัว จำนวน 12 คน ที่สโมสรทหารบก เทเวศร์ วันที่ 12 มิถุนายน เวลา 10.00-12.00 น. ดังนี้ 1.นายอิสสระ สมชัย 2.นายถนอม อ่อนเกตุพล 3.นายพิภพ ธงไชย 4.นายรัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี 5.นายทินกร ปลอดภัย 6.นายนัสเซอร์ ยีหมะ 7.นายอุทัย ยอดมณี 8.นายมั่นแม่น กะการดี 9.พล.ต.สมเกียรติ วัฒนวิกย์กิจ 10.นายศิรวัฒน์ วิยะเศษ 11.นายกิตติไชย ไสสะอาด 12.นายสุดชาย บุญไชย |