- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 26 March 2015 11:37
- Hits: 4127
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8884 ข่าวสดรายวัน
บิ๊กตู่ฉุนสื่อ ว้ากข่าว'ฐปณีย์' ขู่งัดคำสั่งคสช.เล่นงาน จนท.บุกบ้าน'พ่อเฌอ'สั่งห้ามเดินเท้าอีก-วันนี้ ขวางกสม.เยี่ยมคดีบึ้ม!
เยือนบรูไน - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน เพื่อหารือทวิภาคีและรับพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำ ในโอกาสเดินทางเยือนบรูไนดารุสซาลามอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 มี.ค. |
'บิ๊กตู่'ฉุน ว้ากใส่สื่อถ้วนหน้า ขู่งัดคำสั่งคสช.ใช้อำนาจพิเศษจัดการด้วยเครื่องประหารหัวสุนัข อัดยับกล่าวหารัฐบาลสร้างสถานการณ์วางระเบิด หลุดปากคำว่าเฮงซวย 'ฐปณีย์ข่าว 3 มิติ'โดนด้วย รายงานข่าวลูกเรือประมงไทยถูกจับ ชี้กระทบแก้ปัญหาค้ามนุษย์ สั่งเรียกตัวให้มาเอาข้อมูล-ข้อเท็จจริงอีกด้านจากรัฐบาลไปเสนอด้วย ยิ่งลักษณ์-สมชาย-ดร.ปึ้งรุดสถานทูตสิงคโปร์ลงนามไว้อาลัยลี กวนยิว ด้านกสม.รุดเยี่ยมเหยื่อคดีระเบิดที่ร้องเรียนถูกซ้อม แต่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ไม่ให้พบ งัดระเบียบมาอ้าง ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจกว่า 20 คนรุดบ้านพ่อน้องเฌออีก ห้าม'พันธ์ศักดิ์'ไม่ให้เดินไปพบอัยการศาลทหาร อ้างกระทบความสงบเรียบร้อย
บิ๊กตู่เดือด-ให้สัมภาษณ์ดุสื่อ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มี.ค. ที่ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือนบรูไน โดยนายกฯ มีสีหน้าเคร่งเครียดและมีอารมณ์โกรธและโมโหตลอดเวลาการให้สัมภาษณ์ รวมทั้งได้เตรียมเอกสารชี้แจงกับ ผู้สื่อข่าวโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่พล.อ. ประยุทธ์มีอารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง ขนาดบางช่วงเสียงสั่น และโยนเอกสารใส่ผู้สื่อข่าว โดยการให้สัมภาษณ์วันนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 23 นาที
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีมีการวิจารณ์การบริหารงานของรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจว่า วันนี้หลายภาคส่วนออกมาโวยวายกัน อยากให้รวมกันมา ซึ่งตนสั่งรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจเรียกมาถามว่าจะเอาอย่างไร เวลานี้ธนาคาร ก่อสร้างและทุกคนเอากิจการของตัวเองมาพูดหมด ซึ่งในภาพรวมรัฐบาลกำลังแก้ปัญหาให้ ขอให้เข้าใจ ไม่ใช่จะเดินหน้าไปแบบปกติ และที่มันเป็นอย่างนี้ ฐานรากความมั่นคงทางเศรษฐกิจมาจากใครทำไว้ และมันจะเกิดได้ภายใน 8 เดือนที่ตนอยู่ได้หรือไม่ ปัญหาที่หมักหมมอยู่ 8 ปีไม่รู้จะจบหรือเปล่า ขอให้เข้าใจกันบ้าง อย่าโวยวาย
ไม่รู้เรื่องไม่เป็นนายกฯหรอก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเสียงวิจารณ์รัฐบาลเตรียมขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มว่า บอกแล้วว่าปี 2558 ยังไม่ขึ้น สื่อเขียนและถามอยู่ได้ว่ารัฐบาลจะรีดเลือดกับปู รัฐบาลรู้อยู่ว่าจนก็เข้ามาดูแลคนจน แต่จนแล้วต้องอยู่ในระเบียบ ไม่ใช่จนแล้วจะทำอะไรหรือขายของตรงไหนก็ได้ วันนี้จัดระเบียบอยู่ เข้าใจธุรกิจสีเทาหรือไม่ เพราะทำความผิดอยู่ เงินก็สะพัดอยู่ตรงนี้ พอจัดระเบียบเงินก็หายไป นั่นแหละเศรษฐกิจแย่ลง อย่างอื่นมันแย่อยู่แล้วไม่ต้องพูดว่าแย่ ลง เรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ตนสั่งกระทรวงการคลังไม่ต้องพูดแล้ว ยิ่งพูดยิ่งไม่เข้าใจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังปรับให้เป็นสากล และเป็นธรรม
"ยืนยันเรื่องภาษีบ้านและที่ดิน ผมไม่ได้เอื้อให้ใคร เขียนกันส่งเดช วันนี้เขียนอีก อยากให้นายกฯ กล้าออกภาษีตัวนี้ ไอ้หนังสือ พิมพ์ฉบับเดิมนั่นแหละ วันนี้จะกล้าหรือเปล่า มาตรการออกมาวันแรก ขอให้กูได้ค้านเถอะ ผมไม่เข้าใจ ทำอะไรก็ไม่ได้แล้วจะมาทำทำไม บังคับใช้กฎหมายไม่ได้ และให้มีประชาธิป ไตยแบบผิดๆ มันไม่ได้ และมาสร้างกระแสค่านิยมต่างๆ ถามว่าถ้าทุกคนมีเศรษฐกิจดี วันนี้มันน่าแปลกแสดงว่าธุรกิจผิดกฎหมายยังอยู่ หรือที่ทำมาแล้วดีทั้งหมด ผมไม่ต้องเข้ามา ทุกเรื่องผมตอบได้หมด เดี๋ยวหาว่าผมอธิบายคนเดียว รู้เรื่องหรือเปล่า ถ้าผมไม่รู้เรื่องไม่มาเป็นนายกฯ อาจจะเป็นนายกฯ ที่รู้เรื่องมากที่สุดก็ได้ เพราะสั่งทุกเรื่องทุกกระทรวงไม่ใช่ใครเสนออะไรก็เซ็นส่งเดช ไม่มีอยู่แล้ว ถ้าไม่เห็นด้วย ไม่อนุมัติ ไม่เข้าครม.ก็จบผมไม่ตามใจใครทั้งนั้น เรื่องน้ำ เรื่องรถไฟก็เดินหน้าทั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
หลุดปาก"เฮงซวย"-ท้าเลือกตั้ง
เมื่อถามถึงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. วิจารณ์เหตุระเบิดหลายครั้งที่เกิดขึ้นขณะนี้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเองว่า มันโง่ไง แล้วไปโง่ตามเขาหรือเปล่า รัฐบาลและตนจะทำไปเพื่ออะไร คิดดู ตนมาก็ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนั้นแล้วจะมาทำเองทำไม เพื่อที่ตนอยากจะอยู่อย่างนั้นหรือ
เมื่อถามว่าจะเรียกมาปรับทัศนคติอีกครั้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่สนใจ เรียกมาแล้วหลายครั้ง พอไม่ปล่อยก็หาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน เฮงซวยพวกนี้"
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอร้องสื่อว่าเรื่องคดีการเมืองต่างๆ ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอให้เป็นไปตามกลไก อย่าไปยุ่งกับมันมากนัก "โดยเฉพาะผู้จัดการ เปิดอ่านดูไม่ได้สักหน้า เป็นบ้ากันไปหรืออย่างไร เขียนอะไรไม่รู้กันทุกวัน จะเอาอะไรกันหนัก เก่งนัก มึงมาบริหารงานมา มาเป็น ส.ส.เลยรัฐบาลนี้พูดจาแบบนี้จะว่าผมก็ว่ามา ยังไงก็รับอยู่แล้ว แต่ผมเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เป็นนายกฯ ที่ไม่ใช่มนุษย์ ก็มีชีวิตและจิตใจ"
ขู่ถ้าเป็นอย่างนี้จะยิ่งอยู่นาน
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเลื่อนแถลงผลงานรอบ 6 เดือนจากวันที่ 10 เม.ย. เป็นวันที่ 17 เม.ย. เนื่องจากเกรงเป็นวันหยุดยาวจะไม่มีคนฟัง พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า จะทำไม ขนาดตนพูดธรรมดายังไม่ฟังกันเลย ต้องหาเวลาที่ทุกคนฟัง โดยเฉพาะสื่อ เพราะพูดทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครฟัง ถ้าไปพูดวันหยุดแล้วใครจะฟัง การเลื่อนวันแถลงเป็นเรื่องของตน จะมาบังคับอะไรกัน และได้สั่งการให้ทุกกระทรวงชี้แจงผลงานมาตั้งนานแล้ว แต่สื่อไม่สนใจ มาสนใจที่ตนอย่างเดียว
เมื่อถามถึงความชัดเจนกรณีระบุมีการเลือกตั้งปลายปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องที่พูดว่าปลายปีนั้น ตนพูดเร็ว ความจริงพูดมาหลายครั้งว่ารัฐธรรมนูญจะออกปลายปี นั่นคือการเริ่มกระบวนการเลือกตั้ง ตนพูดรวบไปหน่อย แต่ไม่เข้าใจว่ามันจะอะไรกันหนักหนาเรื่องการเลือกตั้ง จะเป็นจะตายกันหรืออย่างไร เป็นการแสดงออกถึงความเป็นประชาธิปไตย แต่ก็ กลับไปเป็นแบบเดิม หรือใครคิดว่าไม่ใช่ รัฐธรรมนูญจะออกได้หรือไม่ ต้องรอดูกัน
"ผมไม่ท้อแท้ ไม่มี มีแต่โมโหมากขึ้นและผมบอกเลย ผมสู้ทุกอย่าง อย่ามาพูดอะไรให้ผมท้อแท้ ผมไม่มีท้อแท้ ยังมีคนไทยอีกเยอะ อีก 60 กว่าล้าน และถ้าผมเป็นคนท้อง่าย ผมไม่เข้ามาหรอก ยิ่งเป็นอย่างนี้ ยิ่งอยู่นานและไม่ได้ฮึกเหิม ผมก็เป็นของผมอย่างนี้อยู่แล้ว พยายามสงบอยู่แล้ว"
เมื่อถามว่าเท่าที่ดูคิดว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้
โวยแทนที่จะช่วยกลับตีแตก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงกรณีพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม และม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นายกฯ เข้าพบเมื่อบ่ายวันที่ 24 มี.ค. ว่า ไม่มีการพูดคุยเรื่องปัญหาความขัดแย้ง ปรึกษาเรื่องงาน ทำไมอยากให้ทะเลาะกันหรือ เห็นสื่อเขียนกันเหลือเกินว่าไอ้โน่นทะเลาะกับไอ้นี่ ถ้าจะทะเลาะ มีตนทะเลาะได้อยู่คนเดียว ถ้าใครบกพร่อง ตนก็ตำหนิเขา แต่ถ้าทำดีก็ต้องชมและเรียกมาหารือกัน จะมีอะไรมากไปกว่านี้ อยากจะรู้นัก
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการพูดโยงถึงการทำงานและการปรับครม. โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีแต่สื่อพูดกันทั้งนั้นว่าจะปรับ ครม. ถ้าปรับแล้วมันดีขึ้นมันก็ใช่ แต่ถามว่าสถานการณ์ขณะนี้ การปรับตนจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ อยากให้ตอบ สมมติว่าหนังสือพิมพ์ถ้าจะให้ขายดีต้องให้นักข่าวคนนี้ออกไป บรรณาธิการคนนี้ต้องออก มันจะดีขึ้นหรือไม่ มันไม่ได้แก้ปัญหาง่ายขนาดนั้น ประเทศชาติมีคนเกือบ 70 ล้านคน มีปัญหา 100 กว่าเรื่องจนถึงวันนี้ขึ้นเป็นพันกว่าเรื่อง แทนที่จะมาช่วยกัน เพราะวันนี้เป็นโอกาสดีที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาแบบนี้ ไปรวมพลังคนมาให้ได้มาช่วยกันแก้ปัญหา รวมกันทุกพวก ไม่ใช่ตีให้แตกไปทุกเรื่องเหมือนรัฐบาลปกติ
ฮึ่มใช้อำนาจคสช.ห้ามวิพากษ์
"เสรีภาพอยากได้ก็ให้แล้ว ทุกอย่างไม่เคยห้าม ไม่มีใครเขาให้แบบนี้ เดี๋ยวผมจะดูอีกระยะหนึ่งสำหรับการทำงานของสื่อ ผมและรัฐบาลทำมาทั้งหมดเพื่อคนไทยทุกคน แต่พอจะมีกลไกต่างๆ ออกมาก็ไม่ยอม จะกลับไปยืนที่เก่า สื่อก็คล้อยตามไปเรื่อย ยิ่งทำให้สังคมแตกแยก ผมจะได้อะไรขึ้นมากับสิ่งที่ผมทำ ผมไม่ใช่นักการเมือง ผมไม่ได้ผลประโยชน์ ไม่มีธุรกิจ ที่พูดไม่ได้มาทวงบุญคุณ ทั้งหมดผมทำให้คนไทย ถ้าใครมันไม่เข้าใจ มันก็ไม่ใช่คนไทย สื่อต้องช่วยกัน จากนี้ผมจะดูทุกสื่อ ถ้าจำเป็นผมจะใช้อำนาจของผมกับทุกคน ไม่ได้ไม่ให้วิจารณ์ วิจารณ์ได้แต่ต้องเข้าใจ วันนี้คำสั่ง คสช.มีอยู่ หรือลืมกันไปหมดแล้ว สบายกันเกินไปแล้ว" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าถ้าสื่อเสนอข่าวที่ทำให้แตกแยกจะพิจารณาใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า สื่อใดที่เสนอข่าวสร้างความแตกแยก จะให้ทางสมาคมสอบ แต่ถ้าสมาคมไม่ได้เรื่อง ตนจะให้คสช.สอบต่อ เอามาดูว่าสร้างความแตกแยกหรือไม่ ถ้าวิจารณ์ทั่วไป ตนไม่ว่า ติติงนิดหน่อยรับได้ แต่ถ้าพูดทุกวันว่าล้มเหลว มันจะล้มเหลวได้อย่างไร ของเก่ามันยิ่งกว่าล้มเหลวอีก เมื่อเราเข้ามาแก้ จากความล้มเหลวเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น คิดแบบนี้กันบ้าง
ใช้เครื่องประหารหัวสุนัขจัดการ
เมื่อถามว่าจะถึงขั้นปิดสื่อเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่ามาหาเรื่องให้ตนรบกับสื่อ เมื่อถามย้ำว่าบทลงโทษคืออะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ประหารชีวิตมั้ง ถามส่งเดชไปได้ ก็อย่าทำ ระวังกันหน่อย สื่อต้องมีวิจารณญาณ มีจรรยาบรรณ เห็นเรียกร้องอยากได้จรรยาบรรณ ให้ไปแล้วก็ใช้ไม่เป็น ไม่รู้จักใช้ อะไรที่เป็นความร่วมมือ ทำให้ประชาชน ต้องมาร่วมมือกัน อะไรที่เป็นความขัดแย้งก็ต้องพอ เพราะรัฐบาลทำงานอยู่ แต่ทุกวันนี้ไม่เคยเห็นสักฉบับไม่มีเลย มีน้อยมากหรือมีแค่บางคนเท่านั้น ตนไม่ได้ขอให้เชียร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์มีอารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้น ผู้สื่อข่าวจึงขอให้นายกฯ รีบขึ้นเครื่องบินให้ทันตามกำหนดการเยือนบรูไน พร้อมระบุไม่มีคำถามจะถามแล้ว เกรงจะถูกคำสั่งประหาร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ให้ใช้เครื่องประหารหัวสุนัขเลย เดี๋ยวจะจัดการกับสื่อ แต่รักกันอยู่แล้ว ขอร้องให้ช่วยกัน ไม่ใช่ให้มาแก้ตัวให้ผม แต่ขอให้ช่วยกันสร้างความรัก สามัคคี เราก็มาถึงจุดนี้แล้ว เอาวิกฤตให้เป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ทำวิกฤตให้เป็นวิกฤต"
เมื่อถามว่าทำไมนายกฯ ไม่มองว่าคำวิจารณ์ต่างๆ เป็นความเห็นและการเสนอแนะ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ดูคำวิจารณ์ของพวกสื่อ เป็นทางบวกหรือ ถามว่าชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์จะทำได้หรือไม่ ก็เข้ามาวันนี้เพื่อสิ่งเหล่านี้ จะถามทำไม สร้างสรรค์ตรงไหน
สั่งไม่ให้ซื้อหนังสือพิมพ์ที่วิจารณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์หันไปสั่งให้ทส.คนสนิทไปหยิบหนังสือพิมพ์ในรถมา โดยกล่าวว่าช่วยกันตัดสินว่ามันเขียนดีหรือไม่ เดี๋ยวตนจะบอกว่าไม่ต้องไปซื้อ ให้ตกงานกันให้หมด
ผู้สื่อข่าวบอกนายกฯ อีกครั้งว่าไม่มีคำถามแล้ว ถ้าช้ากว่านี้อาจทำให้กำหนดการเยือนบรูไนคลาดเคลื่อน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าตนไปถึงช้า จะบอกสมเด็จพระราชาธิบดีว่าเป็นพวกสื่อ วันนี้ไม่ได้โกรธแต่อารมณ์ไม่ดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการให้สัมภาษณ์จบ ทส.คนสนิทได้หยิบหนังสือมาให้พล.อ. ประยุทธ์ตามคำสั่ง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ หันไปชี้ พร้อมระบุว่า มีหลายฉบับมาก พร้อมหันมาถามกลุ่มผู้สื่อข่าวหาหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว พร้อมกับตัดพ้อ เมื่อพูดจบก็เดินเข้าห้องรับรองเพื่อไปเยือนบรูไนอย่างเป็นทางการทันที
กมธ.ยกร่างฯเตรียมแจงสปช.
ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมมีการหารือถึงข้อเสนอที่เตรียมจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวันที่ 26 มี.ค. ซึ่งมีวาระพิจารณาเพื่อกำหนดกรอบการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญของสปช. ในวันที่ 20-26 เม.ย.
นายบวรศักดิ์ เสนอว่า การกำหนดวันอภิปรายในช่วงเวลาดังกล่าวหากนับเป็นจำนวนวัน จะเท่ากับ 6 วันครึ่ง เนื่องจากในวันที่ 23 เม.ย. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) จะใช้เวลาครึ่งวันเช้าใช้ห้องประชุม ทำให้สปช.มีเวลาพิจารณาเพียงครึ่งวัน เบื้องต้นในวันแรกของการอภิปราย คือวันที่ 20 เม.ย. มีข้อเสนอคือ ในชั่วโมงแรกจะเป็นการอภิปรายในภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับก่อน จากนั้นจะเป็นการอภิปรายรายละเอียดภาพรวมของหมวดต่างๆ ในรัฐธรรมนูญ คาดว่าในหมวดที่เกี่ยวกับประชาชนจะใช้เวลานานที่สุด
ไว้อาลัย - นายพานทองแท้ ชินวัตร โพสต์ภาพพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ลงนามไว้อาลัยในพิธีศพนายลี กวนยิว พร้อมระบุพ.ต.ท. ทักษิณได้รับเกียรติเข้าร่วมพิธีศพตั้งแต่ 2 วันแรก ซึ่งจัด ขึ้นเฉพาะญาติสนิท และบุคคลที่ใกล้ชิด ตามข่าว |
โว-มีเวลาอภิปราย 1,680 นาที
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกกมธ.ยกร่างฯ นำเสนอการคำนวณเวลาอภิปรายเสนอต่อที่ประชุมว่า การอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่วันที่ 20-26 เม.ย. และจะมีเวลารวมทั้งสิ้น 79 ชั่วโมง แบ่งเป็นให้กมธ.ยกร่างฯชี้แจงภาพรวม และอธิบาย 15 ชั่วโมง, ให้ตัวแทนกมธ.ปฏิรูป ของสปช. ทั้ง 18 คณะ ซึ่งจะส่งตัวแทน 4 คน อภิปรายคณะละ 2 ชั่วโมง รวมเป็น 36 ชั่วโมง ดังนั้นจะเหลือเวลาให้สปช.ที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของกมธ.อภิปราย 28 ชั่วโมง หรือคิดเป็น 1,680 นาที ทำให้สปช.ที่ไม่เป็นตัวแทนกมธ.ยกร่างฯ กมธ.ปฏิรูป สปช. และไม่เป็นประธานสปช. และรองประธานสปช. 155 คน จะได้เวลาอภิปรายเฉลี่ยคนละ 10 นาที ทั้งนี้ควรกำหนดเงื่อนไขคือ การอภิปรายของสปช.ทำได้เพียง 1 ครั้ง สำหรับสปช.ที่เป็นตัวแทน กมธ.ปฏิรูป และใช้สิทธิอภิปรายในฐานะกมธ.ปฏิรูปแล้วไม่ได้สิทธิอภิปรายอีก ขณะที่ลำดับการอภิปรายจะใช้วิธีการจับสลาก แต่หากมีสมาชิกสปช. ผู้ประสงค์อภิปรายมีจำนวนไม่ถึง 155 คน ให้จัดสรรเวลากันใหม่ โดยยึดจำนวนเวลา 1,680 นาที
สั่งเตรียมรับมือ"ชัย ชิดชอบ"
ขณะที่กมธ.ยกร่างฯ ได้แสดงความเห็นสนับสนุนข้อเสนอของนายคำนูณ และให้ความเห็นเพิ่มเติมคือ การชี้แจงของกมธ.ยกร่างฯต่อคำอภิปรายของสปช.นั้น อยากให้เน้นเรื่องการชี้แจงในรายละเอียดที่สปช.ยังเข้าใจผิด หรือเป็นการบิดเบือนข้อมูล รวมถึงอยากให้การชี้แจงและการอภิปรายสาระของร่างรัฐธรรมนูญเป็นการให้ความรู้กับประชาชนด้วย และหลีกเลี่ยงการชี้แจงในลักษณะตอบโต้ หรือโต้เถียงกันไปมา สำหรับเวลาที่กมธ.ยกร่างฯควรชี้แจงกับที่ประชุมนั้น ไม่ควรใช้เวลานานเกินไป อย่างไรก็ตาม มีผู้เห็นว่าการให้เวลาอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญมากถึง 6 วันครึ่งนั้นนานเกินไป และอาจทำให้บรรยากาศการอภิปรายคล้ายกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่พยายามชี้ข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญ ในความเป็นจริงควรให้เวลาสำหรับการทำ คำเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่า นอกจากนั้นที่ประชุมยังไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ตลอดช่วงเวลาที่มีการอภิปราย เพราะอาจทำให้เกิดภาพโต้เถียงเละเทะ
ทั้งนี้ มีผู้เสนอว่าขอให้กมธ.ยกร่างฯ เตรียมตัวอภิปรายและชี้แจงให้ดี เพราะมี ผู้ใหญ่ในสปช. เช่น นายชัย ชิดชอบ สปช. ให้ความเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านในชั้นสปช.ได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการรับหมัดของสปช. เพียงฝ่ายเดียว ควรเตรียมสปช. ที่สนับสนุนกมธ.ยกร่างฯให้ได้รับสิทธิอภิปรายด้วย
อ้างคนไม่เข้าใจเพราะไม่อ่าน
จากนั้นนายบวรศักดิ์สรุปแนวทางการชี้แจงก่อนเข้าสู่วาระการประชุมว่า เวทีสปช.น่าจะสร้างสรรค์ คือพูดสิ่งที่ทำให้ประชาชนรับฟังว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีและเติมสิ่งที่ดียิ่งขึ้นเข้าไปอีก หากจะชำแหละ ก็ชำแหละได้ทั้งนั้น ครูตรวจการบ้านนักเรียน หากลายมือไม่สวยก็เป็นเหตุให้นำมาพิจารณาได้ ความเข้าใจผิดมีมาก เพราะเขาเข้าใจว่ากมธ.ยกร่างฯเป็นกมธ.ของสปช. แต่ไม่ใช่ เพราะการทำงานของเรามีอิสระ ที่จะแก้หรือไม่แก้ก็ได้ บนเหตุผลและหลักการ วันนี้หลายคนมีข้อสงสัยว่าบางข้อเสนอทำไมถึงไม่ยอมรับ เพราะเขาไม่อ่านรัฐธรรมนูญกัน วันนั้นต้องชี้แจงอีกครั้งว่า 2 องค์กรสัมพันธ์กัน แต่มีความอิสระต่อกัน คิดว่าอาจขอใช้เวลาไม่นาน ชี้แจงกระบวนการและเจตนารมณ์หลัก โดยไม่ลงรายละเอียด แต่ในส่วนที่เกี่ยวกับเจตนารมณ์ทั้ง 4 ประเด็น เช่น พลเมืองเป็นใหญ่ การเมืองใสสะอาดและสมดุล ต้องใช้เวลา และจากการแสดงความเห็นตนได้ประเด็นที่จะเข้าสู่ที่ประชุมวิปสปช.แล้ว และขอให้กมธ.ยกร่างฯเข้าร่วมประชุมวิปสปช.ด้วย
อ๋อยแนะประชามติ 3 ฉบับให้เลือก
วันเดียวกัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุเตรียมประกาศใช้รัฐธรรมนูญปลายปีนี้ว่า เชื่อว่าหากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปลายปีนี้จริง การเลือกตั้งตามโรดแม็ปคงจะเกิดขึ้นจริงเช่นเดียวกัน แต่ปัญหาคือหากประชาชนไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คสช.จะตัดสินใจอย่างไร ต่อให้มีการเลือกตั้งไปก็เป็นการเลือกตั้งที่ไม่มีความหมาย รัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศได้ ความขัดแย้งทางการเมืองจะมีมากขึ้น ซึ่งอาจแย่กว่าช่วงก่อนที่มีการทำรัฐประหาร ดังนั้นต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ออกเสียงทำประชามติอย่างเต็มที่
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า หากการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่าน อาจมีการทำประชามติสอบถามประชาชนอีกครั้ง โดยนำรัฐธรรมนูญปี 2540 รัฐธรรมนูญปี 2550 รวมทั้งร่างรัฐธรรมนูญของกมธ.ยกร่างฯ มาเป็นตัวเลือกให้กับประชาชนได้พิจารณาว่าอยากจะใช้รัฐธรรมนูญฉบับไหน เชื่อว่าน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะจะเสียเวลาไปอีกหลายเดือน แต่หากไม่มีการนำรัฐธรรมนูญปี 2540 และปี 2550 มาให้ประชาชนได้เลือกแทน คิดว่าร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะดีกว่า เชื่อว่าทุกฝ่ายยอมเสียเวลา ดีกว่าที่จะเอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาใช้ เพราะเขียนกันเหมือนจงใจให้เกิดปัญหา เขียนกันเสียจนประชาชนไม่มีอำนาจ คนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่สามารถกำหนดความเป็นไปของประเทศได้เกือบทุกด้าน สุดท้ายนอกจากเสียเวลาแล้ว ยังเสียโอกาส ที่สำคัญประเทศเสียหายอย่างร้ายแรง
พท.อัดสส.เขตไม่ยึดโยงปชช.
นายไพจิต ศรีวรขาน อดีตส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายบวรศักดิ์ระบุกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุดและยังเปลี่ยนแปลงได้ว่า ถือเป็นเรื่องดีที่ประธานกมธ.ยกร่างฯ ยังพร้อมให้แก้ไข ปรับปรุง สิ่งที่อยากเสนอให้พิจารณาทบทวนโดยด่วน คือเรื่องส.ส.เขต ตนเห็นว่าส.ส. 1 คนต่อสัดส่วนประชากร 2.6 แสนคนนั้นไม่เหมาะสม เพราะส.ส.มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน หากเป็นแบบนี้เกรงว่าจะดูแลความเดือดร้อนประชาชนไม่ทั่วถึง หากยังดึงดันเท่ากับไม่ให้ความสำคัญกับประชาชน ตัวส.ส.ก็ไม่ยึดโยงและไม่มีความหมาย
นายไพจิต กล่าวว่า อีกเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข คือจำนวน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ อยากให้หันกลับมาใช้วิธีตามรัฐธรรมนูญปี 40 จะดีกับทุกฝ่าย ที่สำคัญเรื่องที่มาส.ว.ถ้าไม่อยากให้คนเรียกว่า ส.ว.ลากตั้ง ก็ต้องให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แบบนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ควรยกเลิกการให้อำนาจจนล้นฟ้ากับส.ว.ด้วย เพราะส.ว.ไม่ควรมีอิทธิฤทธิ์หรืออำนาจหน้าที่มากกว่าสภาผู้แทนราษฎร
ปู-สมชาย-ปึ้งลงนามอาลัย"ลี"
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.ต่างประเทศ เดินทางมาลงนามแสดงความเสียใจต่อการอสัญกรรมของนายลี กวนยิว อดีตนายกฯคนแรกของสิงคโปร์
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวภายหลังการลงนามว่า ขอแสดงความเสียใจกับประชาชนชาวสิงคโปร์ ต่อการสูญเสียนายลี กวนยิว ซึ่งเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ สร้างความเจริญให้กับประเทศสิงคโปร์ ส่วนตัวรู้สึกประทับใจ และที่สำคัญประเทศไทยและสิงคโปร์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมานาน จึงขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ่งกับการสูญเสียในครั้งนี้
นายสุรพงษ์ให้สัมภาษณ์ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เดินทางไปเคารพศพนายลี กวนยิว อดีตนายกฯคนแรกของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯไปเช่นกันว่า ในวันพิธีเขาจะเชิญผู้นำแต่ละประเทศ ประเทศละ 1 คนเข้าร่วมอย่างเป็นทางการ ส่วนพ.ต.ท. ทักษิณคงไม่ได้เข้าร่วมพิธีดังกล่าว จึงอาจไม่ได้เจอกัน แต่ถ้าเจอคงทักทายกันเพราะเป็นคนไทยด้วยกัน อย่างน้อยก็ยิ้มให้กัน
โอ๊คโพสต์รูปพ่อร่วมพิธีศพ"ลี"
วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร โพสต์เฟซบุ๊กภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและบิดา ลงนามไว้อาลัยนายลี กวนยิว พร้อมระบุ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับเกียรติอย่างสูงสุดให้เข้าร่วมพิธีศพตั้งแต่ 2 วันแรก ซึ่งจัดขึ้นเฉพาะญาติสนิทและบุคคลที่ใกล้ชิด ก่อนจะเคลื่อนศพไปที่อาคารรัฐสภาเพื่อให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมลงนามแสดงความเสียใจและเคารพศพ
"พิธี 2 วันแรกจัดขึ้นที่ ISTANA ภายในบริเวณห้องทำงานของนายลี กวนยิว ซึ่งนายลี กวนยิว เคยพูดถึงพ.ต.ท.ทักษิณ และประเทศไทยหลายครั้ง ทั้งพูดกับพ.ต.ท.ทักษิณและพูดต่อสาธารณชน ซึ่งคงจะว่ากันในโอกาสต่อไป" โพสต์นายพานทองแท้ระบุ
ปึ้งเย้ยบิ๊กตู่ตกเลขปชต. 99.99%
น.ส.ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงแนวทางการต่อสู้คดีความในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ถูกอัยการสูงสุด(อสส.)ฟ้อง กรณีไม่ยับยั้งความเสียหายโครงการรับจำนำข้าวและความชัดเจนว่าจะเดินทางไปขึ้นศาลครั้งแรกในวันที่ 19 พ.ค.นี้หรือไม่ โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า วันนี้ขออนุญาตไม่พูด
นายสุรพงษ์กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ระบุขณะนี้ประเทศไทยมีประชาธิปไตย 99.99 เปอร์เซ็นต์ว่า ไม่รู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ คิดเลขอย่างไร และคิดว่านับเลขผิด การบอกเช่นนั้นไม่รู้ไปเรียนคณิตศาสตร์มาจากอาจารย์ที่ไหน คงต้องกลับไปเรียนใหม่ หรือหากไม่รู้จะไปเรียนที่ไหนก็ให้มาเรียนกับตน ซึ่งพร้อมสอนให้เพราะจบวิศวะมา
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในมุมมองของนักการเมืองมองการยกร่างรัฐธรรมนูญแล้วเห็นว่ายังไม่เป็นประชาธิปไตยที่สังคมโลกยอมรับได้ เช่น การเขียนให้ส.ว.มาจากการสรรหาทั้งหมด ทั้งที่โดยหลักเราไม่ควรย้อนกลับไปในอดีตที่ก้าวข้ามปัญหานั้นมาแล้ว การเขียนให้ย้อนหลังจึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาธิป ไตยของไทย และการพยายามเอาวิธีเลือกตั้งแบบเยอรมันมาผสมผสานกับการเลือกตั้งส.ส.เขต มองว่าวิธีดังกล่าวตั้งธงเพื่อต้องการเห็นพรรคใหญ่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้และให้เกิดเป็นรัฐบาลผสม
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าหลายประเด็นฝ่ายการเมืองได้สะท้อนความคิดเห็นต่างๆ ออกมาแล้ว จึงขอให้กมธ.ยกร่างฯฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริงว่าเขาเข้าใจกระบวน การที่กมธ.ยกร่างฯกำลังเขียนกฎ กติกาใหม่อยู่หรือไม่ ขอให้เปิดใจให้กว้างรับฟังเพื่อให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ตามที่พล.อ. ประยุทธ์พูดโฆษณาไว้ก็จะเป็นจริงได้ ต้องยอมรับว่าการบริหารงานในช่วงที่คสช.เข้ามาเกือบปี เศรษฐกิจได้รับผลกระทบมากที่สุด การค้าการลงทุนลดลง ฉะนั้นหากประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มที่ความมั่นใจก็ไม่เกิดขึ้น รายได้ประชาชนก็ไม่พอใช่จ่าย
อนุตตมาชี้เลือกตั้งเร็ว-ศก.ฟื้น
น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า เห็นด้วยที่พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าอาจมีเลือกตั้งภายในสิ้นปีนี้ และอยากให้ทำได้จริง ไม่ใช่แค่พูด เพราะจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศอย่างได้ผลที่สุด เนื่องจากสาเหตุที่เศรษฐกิจซบเซามาจากความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศที่ลดลงจากระบอบการปกครองที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยของไทยในขณะนี้
น.ส.อนุตตมากล่าวว่า หากมีการเลือกตั้งแล้วไทยจะเริ่มเจรจาเขตการค้าเสรีกับประเทศในกลุ่มอียู ทดแทนปัญหาจีเอสพีที่ถูกตัดไป ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการส่งออกได้ โดยเฉพาะกฎอัยการศึกจะถูกยกเลิก ทำให้นักท่องเที่ยวกล้ามาเที่ยวมากขึ้น นักลงทุนต่างประเทศกล้ามาลงทุน และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งน่าจะมีนโยบายช่วยเพิ่มรายได้ของประชาชนให้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่นายลี กวนยิว อดีตนายกฯสิงคโปร์ผู้ล่วงลับ เคยชื่นชมนโยบายของพรรคไทยรักไทยในอดีตว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ทำให้ไทยเจริญ
ชวดเยี่ยม - นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เดินทางมาเยี่ยมผู้ต้องหาคดีวางระเบิดหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาฯ 9 ราย หลังมีผู้ร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่รัฐซ้อมทรมานระหว่างคุมตัว แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธให้เยี่ยม ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 มี.ค. |
"ยิ่งเลือกตั้งเร็วเท่าไร เศรษฐกิจจะฟื้นเร็วเท่านั้น แต่ต้องมีรัฐธรรมนูญที่เป็นที่ยอมรับของสากล หากรัฐธรรมนูญออกมาเหมือนร่างแรก จะเพิ่มปัญหาของประเทศมากกว่า เพราะจะเกิดความวุ่นวายและคงไม่ทำให้ความมั่นใจของต่างประเทศดีขึ้น จึงอยากให้มีการเลือกตั้งภายในสิ้นปี เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซาอยู่ขณะนี้" น.ส.อนุตตมากล่าว
ทหารเรียก"สุทิน"ปรับทัศนคติ
ที่กองบัญชาการมณฑลมหารบกที่ 23 (มทบ.23) อ.เมือง จ.ขอนแก่น พล.ต.วรทัต สุพัฒนานนท์ ผบ.มทบ.23 พร้อมด้วยนายวิวัฒ เมธีวรรณกิจ รอง ผู้ว่าฯขอนแก่น พ.ต.อ.จีราวัฒน์ คงกระพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ ได้เชิญ นายสุทิน คลังแสง อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย และ นายเดชคำรณ สิงคลีบุตร สมาชิกอบจ.เขต อ.บ้านไผ่ มารายงานตัวและปรับทัศนคติ หลังเปิดเวทีคอนเสริต์ลูกทุ่งในเขต อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พร้อมนำอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมนปช. รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่น ขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีข้อความที่เข้าข่ายฝ่าฝืนคำสั่งของ คสช .รวมทั้งพาดพิงทางการเมืองถือเป็นการฝ่าฝืนกฎอัยการศึก โดยที่ประชุมใช้เวลานานกว่า 30 นาที จึงปล่อยตัวทั้ง 2 โดยทำบันทึกข้อตกลงในการปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช.อย่างเคร่งครัด
นายสุทินกล่าวว่า สาเหตุที่มทบ.23 เชิญตัวมาชี้แจง เนื่องจากมีบางช่วงที่ปราศรัยพาดพิงทางการเมือง ซึ่งทุกเวทีที่เปิดคอนเสิร์ตนั้น เจ้าหน้าที่กำชับห้ามพูดเรื่องการเมืองโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ ตนมั่นใจการทำงานของฝ่ายความมั่นคงและพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด หากจะติดตามการเปิดเวทีคอนเสิร์ตของตนจากนี้ก็พร้อมให้ตรวจสอบทุกขั้นตอน ยืนยันจะยังเปิดคอนเสิร์ตลูกทุ่งอย่างต่อเนื่องตามตารางการจ้างงานของชาวบ้านในแต่ละจังหวัดทั่วภาคอีสาน ซึ่งทุกสัปดาห์ตนจะไปกับวงและเป็นนักร้องนำด้วย โดยไม่มีการเสียดสีหรือพาดพิงประเด็นการเมืองอย่างแน่นอน
ด้านพล.ต.วรทัตกล่าวว่า จากการพูดคุยกัน ทุกฝ่ายมีความเข้าใจตรงกัน ซึ่งอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ยืนยันจะปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช.และไม่ฝ่าฝืนกฎอัยการศึก ซึ่งการเชิญตัวมาชี้แจงและปรับทัศนคติ เพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ในพื้นที่
อียูถกพลเมืองโต้กลับ-จี้ไทยอีก
วันเดียวกัน สหภาพยุโรปประจำประเทศ ไทย ได้เผยเเพร่ภาพการพูดคุยของน.ส.แซนดรา เดอวาเอล หัวหน้าฝ่ายการเมือง ข่าว และข้อมูล ของคณะผู้แทนสหภาพยุโรป ได้พูดคุยกับกลุ่มนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวรวม 4 คน ซึ่งเป็นผู้ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง บางส่วนเป็น ผู้ต้องหาตามประกาศ คสช.จนต้องถูกเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยศาลทหาร
ทั้งนี้ ในรายละเอียดระบุว่าน.ส.แซนดรา เดอวาเอล ได้พบกับกลุ่มนักศึกษาและ นักเคลื่อนไหวสี่ท่าน ได้แก่ นายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ นายสิริวิชญ์ เสรีวิวัฒน์ นายอานนท์ นำภา และนายธันย์ ฤทธิพันธ์ โดยนายบอานนท์และนายสิริวิชญ์ถูกควบคุมตัวเป็นการชั่วคราวเมื่อวันที่ 14 ก.พ. จากการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างสันติ ทั้งนี้ สหภาพยุโรปมีความมุ่งมั่นอย่างหนักแน่นในหลักการของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและได้เรียกร้องอย่างต่อเนื่องให้ทางการไทยเคารพในเสรีภาพนี้
สมชัยโผล่เตือนคิดให้ดีมีกจต.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงการเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อแบบเปิดหรือโอเพ่นลิสต์ ว่า ตนพยายามดูว่าในโลกนี้มีประเทศไหนทำรูปแบบนี้บ้าง เท่าที่สืบค้นดูพบว่าไม่มี ฉะนั้นถือว่าเป็นการคิดค้นใหม่สำหรับประเทศไทย เป็นนวัตกรรม คือระบบบัญชีรายชื่อมี แต่การให้เลือกคนในบัญชีรายชื่ออีกทียังไม่เคยเห็น ดังนั้นเมื่อคนไทยไปใช้สิทธิจะรับบัตร 2 ใบ และเลือก 3 อย่าง ในอนาคตอาจต้องเลือกมากกว่า 3 อย่าง เพราะอาจมีเรื่องการถอด ถอนนักการเมืองเข้ามาด้วย
นายสมชัยกล่าวอีกว่า โดยหลักการโอเพ่นลิสต์ถือเป็นหลักการที่ดี เพิ่มอำนาจให้ประชาชนในการเลือกคนในบัญชีรายชื่อได้เองการทำให้ประชาชนมีโอกาสเลือกลำดับบัญชีรายชื่อเอง คือการเพิ่มอำนาจในประชาชน นี่คือหลักการ แต่จุดอ่อนคือประชาชนจะรู้หรือไม่ว่าในบัญชีรายชื่อคนไหนดี คนไหนน่าเลือก ดังนั้นพรรคการเมืองต้องแก้เองว่าทำอย่างไร จึงจะคัดคนที่ประชาชนรู้จัก มีประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ เป็นที่ยอมรับ
นายสมชัยกล่าวต่อว่า ข้อเสนอเรื่องให้คณะกรรมการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) เป็นผู้จัดการเลือกตั้งแทนกกต.นั้น ไม่รู้ว่ากมธ.ยกร่างฯจะทบทวนหรือไม่ ก็อยากให้คิดดีๆ ว่าการเลือกตั้งหลังจากนี้จะมีรัฐบาลที่มาจากนักการเมืองเข้ามากำกับดูแลกระทรวงต่างๆ และเมื่อ กจต.มาจากการแต่งตั้งของปลัดกระทรวงนั้นจะมีการแทรกแซงจากนักการเมืองเพื่อให้มีการเอื้อประโยชน์ในผลการเลือกตั้งหรือไม่ แต่หากมั่นใจว่าการให้ กจต.จัดการเลือกตั้งจะไม่ถูกแทรกแซงก็ดำเนินการได้ แต่หากเกิดการแทรกแซงและทำให้เกิดผลเสียขึ้นคนที่ออกแบบก็ต้องรับผิดชอบ
จนท.บุกบ้านคุยพ่อน้องเฌอ
เมื่อเวลา 19.30 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มพลเมืองโต้กลับได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความลงในเพจเฟซบุ๊กว่าวันที่ 26 มี.ค. นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดานายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ เหยื่อกระสุนจากเหตุการณ์ล้อมปราบเมื่อเดือน พ.ค.2553 ประกาศทำกิจกรรมพลเมืองรุกเดินชื่อว่า "เมื่อความยุติธรรมยังไม่มาการค้นหาก็ต้องดำเนินต่อไป" สืบเนื่องจากนายพันธ์ศักดิ์ และพวกรวม 4 คน ถูกดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. จากการจัดกิจกรรมที่หน้าหอศิลป์ กทม. เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา จากนั้นกลุ่มพลเมืองโต้กลับได้รณรงค์คัดค้านการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร โดยนายพันธ์ศักดิ์และพวกได้ทำกิจกรรมเดินเท้าเข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ซึ่งศาลทหารมีคำสั่งปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งอัยการศาลทหารได้นัดรายงานตัวครั้งต่อไปในวันที่ 26 มี.ค. นี้ โดยนายพันธ์ศักดิ์จะเดินเส้นทางจากบ้านใน อ.บางบัวทอง เข้า ถ.ราชพฤกษ์ มุ่งหน้า ถ.บรมราชชนนี ผ่านท่าน้ำวังหลัง ท้องสนามหลวง และศาลทหาร
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ช่วงเย็น มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทั้งตำรวจและทหารประมาณ 20 นาย เดินทางมาที่บ้านนายพันธ์ศักดิ์ โดยแจ้งว่ามาพูดคุยทำความเข้าใจ ไม่อยากให้เดินอีก โดยอ้างไม่อยากให้เกิดความไม่สงบ นายพันธ์ศักดิ์จึงแจ้งว่าเดินเพราะอัยการศาลทหารนัดไปให้ปากคำเพิ่มเติม หากไม่อยากให้เดินไป ขอให้ไปแจ้งกรมพระธรรมนูญให้ศาลทหารยกฟ้องตนและพวก ก็จะไม่เดินไป การเดินครั้งนี้เป็นการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อีกทั้งการเดินเป็นการเดินเพียงคนเดียว ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญหรือกีดขวางทางจราจรแต่อย่างใด ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงแยกย้ายกลับออกไป
บิ๊กตู่ตรวจหาดหัวหิน-ครม.สัญจร
วันที่ 25 มี.ค. ที่ บน.6 ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงกำหนดการประชุม ครม.นอกสถานที่ครั้งที่ 1 ที่สวนสนประดิพัทธ์ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 27-28 มี.ค.นี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. จะเดินทางถึงท่าอากาศยานหัวหิน บ่อฝ้าย ในช่วงเช้าวันที่ 27 มี.ค. จากนั้นจะไปตลาดฉัตรชัย หรือตลาด 7 โค้งในตัวเมืองหัวหิน เพื่อดูสภาพเศรษฐกิจและพูดคุยกับประชาชนที่จับจ่ายซื้อของ ก่อนเดินทางต่อไปยังชายหาดหัวหินและพบกับผู้แทนสมาคมประมง ผู้ประกอบการโรงแรม และผู้ประกอบการบริเวณชายหาด เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาบริเวณชายหาดหัวหิน และพบปะนักท่องเที่ยว
ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า จากนั้นนายกฯ จะไปเยี่ยมชมนิทรรศการ "นวัตกรรมและเทคโนโลยีไทยเพื่อเอสเอ็มอีและเกษตรกร" ที่จุดจอดรถใหญ่ของสวนสนประดิพัทธ์ 1 และจะเดินทางไปร่วมประชุมครม. ซึ่งเริ่มเวลา 14.00 น. ที่ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ชั้น 2 สถานพักฟื้นและพักผ่อน กองทัพบก สวนสนประดิพัทธ์ 2 วาระการประชุมเป็นวาระปกติ แต่มีเพิ่มในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาค หลังประชุมเสร็จนายกฯ จะแถลงข่าว ก่อนร่วมรับประทานอาหารค่ำกับ ครม.และคสช. บริเวณริมหาดสวนสนประดิพัทธ์ 2
โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า วันที่ 28 มี.ค.จะมีกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ ระหว่างครม. และคสช. และในช่วงบ่ายนายกฯ และคณะจะเดินทางโดยเครื่องบินแอมแบลร์ส ของกองทัพบกไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมพิธีสมรสของบุตรีนายกฯ มาเลเซียต่อไป ส่วนการรักษาความปลอดภัยสถานที่ประชุม ครม.นั้น หน่วยงานความมั่นคงดูแลอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว ไม่มีการสั่งการเพิ่มเติม
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในการประชุม ครม.นอกสถานที่ว่า กรณีเจ้าหน้าที่ตรวจพบวัตถุระเบิดจำนวนมากในพื้นที่นั้นไม่มีอะไร เป็นการขโมยมาซุกซ่อน ยืนยันว่าไม่มีผลต่อการรักษาความปลอดภัย ซึ่งยังคงเป็นไปตามปกติ ตามระบบเดิม ไม่ต้องมีเพิ่มใดๆ และอย่าไปบอกว่าต้องเข้มข้นหรือเพิ่มเติม ยืนยันว่าไม่มีเพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจ ทหาร ในการดำเนินการ
ส่วนที่นายกฯ จะตรวจเยี่ยมชายหาดหัวหินเพื่อจัดระเบียบ จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยใดๆ หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า การประชุม ครม.นอกสถานที่ครั้งนี้ไม่มีประเด็นอะไรสำคัญมาก แค่เปลี่ยนสถานที่ประชุม ครม.เท่านั้น "ครม.ทำงานมาหลายเดือนแล้ว ไม่ได้โงหัวเลย ก็ให้ไปเปลี่ยนที่บ้าง เพราะอยู่แต่ในทำเนียบ เจอก็แต่นักข่าวในนี้"
บิ๊กตู่ฉุนฐปณีย์ทำข่าวประมงไทย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มี.ค. ที่บน.6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวก่อนเดินทางไปเยือนประเทศบรูไนดารุสซาลาม ถึงกรณีแรงงานไทยในอินโดนีเซียถูกหลอกไปเป็นลูกเรือและกลายเป็นคนตกเรือ เนื่องจากถูกปลอมเอกสารหลักฐานจนไม่มีตัวตนว่า รัฐบาลดำเนินการมาตลอด ครั้งที่ผ่านมาก็ช่วยเหลือมาได้ 26 ราย เรื่องนี้อย่าเพิ่งขยายความ เพราะบางข่าวเป็นอันตรายกับประเทศในเรื่องความมั่นคง
นายกฯ กล่าวว่า อยากถามว่ารัฐบาลที่ผ่านมาทำไมไม่ทำ จะให้ตนทำทุกอย่างเสร็จในเวลาแป๊บเดียวแล้วไล่ตนไป มันได้ที่ไหน รัฐบาลพยายามเจรจาพูดคุยมาตลอด หากสื่อตีข่าวนี้ออกไปรู้หรือไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไร จะเกิดเรื่องการค้ามนุษย์ทันที ถ้าเขาไม่ซื้อปลา 2 แสนกว่าล้านตัน พวกตีข่าวจะต้องรับผิดชอบ มีอะไรตนรับฟังอยู่แล้ว ขอให้มาพูดและบอกเจ้าหน้าที่ รัฐบาลรับฟังปัญหาแต่ต้องมาพูดก่อน ถ้าไปตีข่าวอยู่อย่างนี้คนไทยทั้งประเทศเสียหาย นักข่าวได้ข่าวมาแล้วต้องตรวจสอบ
"ผมบอกจริงๆ ฐปณีย์ (เอียดศรีไชย) มาหาเจ้าหน้าที่ พูดอยู่ข้างนอกมันได้อะไรขึ้นมา ถ้าผมทำก็ไม่ได้ทำเพราะฐปณีย์ ผมทำเพราะอยากทำ รู้หมดว่าใครอยู่ที่ไหนอย่างไร ถามว่ามันง่ายหรือไม่ และผิดกฎหมายหรือไม่ ไม่ยอมรับอะไรซักอย่าง จะเอาแต่สิทธิเสรีภาพ จะไปไหนก็ได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต เรือสี่ห้าลำชื่อเดียวกันได้หรือไม่ วันนี้รัฐบาลกำลังขึ้นทะเบียนเรือ และติดจีพีเอสบนเรือ จับปลาที่ไหนมาต้องแสดงให้เห็นว่าจับมาจากไหน ไม่ใช่นอกน่านน้ำ ต้องไปในพื้นที่ถูกต้อง คนงานต้องมีใบอนุญาต ไม่เช่นนั้นจะถูกหลอก และผมถามว่าถูกหลอกสมัยผมหรือเปล่า ซึ่งวันนี้ก็แก้ทุกอัน แล้วมันแก้ได้ไวหรือไม่" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ศาลฎีกาเลือกองค์คณะคดีข้าวจีทูจี
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ศาลฎีกา ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาทั้งหมด 173 คน เพื่อลงคะแนนลับเลือกผู้พิพากษา 9 คนเป็นองค์คณะ พิจารณาพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.25/2558 ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด(อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ จำเลยที่ 1 และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 2 กับพวกรวม 21 ราย ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐานทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)
การประชุมในวันนี้มีผู้พิพากษาศาลฎีกา 130 คนเข้าร่วมประชุม ซึ่งผลปรากฏว่าผู้พิพากษา 9 คนที่ได้รับเลือกเป็นองค์คณะ โดยมีคะแนนสูงสุดเรียงลำดับดังนี้ 1.นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา 2.นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกา 3.นายวิรุฬห์ แสงเทียน ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา 4.นางทัศนีย์ จั่นสัญชัย ธรรมเกณฑ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา
5.นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา 6.นางพฤษภา พนมยันตร์ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา 7.นายวีระพล ตั้งสุวรรณ รองประธานศาลฎีกา 8.นางนวลน้อย ผลทวี ประธานแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศในศาลฎีกา และ 9.นายอภิรัตน์ ลัดพลี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
หลังจากนายดิเรกลงนามจะติดประกาศรายชื่อที่หน้าห้องพิจารณาคดีศาลฎีกาฯ อาคารศาลฎีกา ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อให้คู่ความรับทราบและตรวจสอบ หากจะคัดค้านคนหนึ่งคนใดยื่นได้ตั้งแต่วันที่ติดประกาศรายชื่อจนกว่าจะเริ่มไต่สวนพยาน โดยศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีนี้หรือไม่วันที่ 20 เม.ย. เวลา 10.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อองค์คณะ 9 คน ปรากฏว่ามีผู้พิพากษาถึง 5 คน ประกอบด้วย นายธนฤกษ์ นายไสลเกษ นายวิรุฬห์ นายชีพ และนายวีระพล ที่ร่วมเป็นองค์คณะเดียวกันในการพิจารณาคดีหมายเลขดำ อม. 22/2558 ที่อสส. เป็นโจทก์ฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นจำเลย ในความผิดกรณีละเลยไม่ยับยั้งโครงการจำนำข้าว จนเกิดความเสียหายแก่รัฐเป็นเงินกว่า 5 แสนล้านบาท
นายธนฤกษ์กล่าวถึงองค์คณะในคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์กับคดีนายบุญทรง มีรายชื่อซ้ำกันถึง 5 คนว่า การเลือกองค์คณะ 9 คนของแต่ละคดี ขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จะเป็นผู้เลือกด้วยวิธีลงคะแนนลับ แม้จะมีรายชื่อซ้ำกันแต่ไม่มีผลต่อการพิจารณาคดี โดยจะตัดสินตาม พยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน รวมทั้งตามระเบียบข้อกำหนดของศาลฎีกาฯไม่มีข้อห้าม และขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันประชุมเพื่อเลือกผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ขึ้นอยู่กับองค์คณะจะพร้อมพิจารณาเมื่อใด
ระดมสงฆ์30มีค.-ค้านแนวคิดสปช.
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จันทสาโร) รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ในนาม สนพ.จะเดินหน้าปกป้องคณะสงฆ์ต่อไป การที่ สปช.โดยนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. และสมาชิกบางส่วน รับลูกต่อจากนายไพบูลย์ นิติตะวัน อ้างว่านี่คือการปฏิรูปคณะสงฆ์ สนพ.วิเคราะห์แล้วว่านายไพบูลย์หักหลังโดยแถลงว่าจะยุติบทบาทเมื่อวันที่ 6 มี.ค. แต่ความจริงยังแอบเดินหน้าต่อ เพียงแต่การอ้างว่ายุตินั้นเพื่อสลายการเจริญพระพุทธมนต์ของคณะสงฆ์ในวันที่ 12 มี.ค.เท่านั้น
ที่ปรึกษา สนพ.ระบุด้วยว่า วันที่ 24 มี.ค.ชัดเจนแล้วว่า สปช.กลุ่มนี้มีเจตนากล่าวร้าย ให้ร้ายพระสงฆ์ทั้งประเทศ มุ่งให้ฆราวาสปกครองสงฆ์ ในนาม สนพ.มีวิธีแนวทางเดินหน้าสำหรับแผนการนี้ จะไม่ยอมให้คนพวกนี้มาด่าทอ ย่ำยี คณะสงฆ์แน่นอน รอฟังข่าวภายในจากพวกเราและมารวมกันอย่างไรจะแจ้งเป็นการภายใน
พระเมธีธรรมาจารย์เผยว่า ในสัปดาห์หน้า สนพ.จะจัดกิจกรรมขึ้นอีกครั้ง เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับสปช.ชุดนี้ ส่วนจะเป็นกิจกรรมอย่างไรนั้นยังไม่มีการกำหนดรายละเอียด เบื้องต้นจะมีหนึ่งกิจกรรมคือ ระดมความคิดเห็นจากคณะสงฆ์เพื่อเสนอแนวทางที่มาจากความคิดเห็นของคณะสงฆ์จริงๆ ต่อครม. ทั้งนี้ ในวันที่ 30 มี.ค.จะขอนิมนต์คณะสงฆ์ร่วมเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลและให้กำลังใจรัฐบาล ปกป้องพระพุทธศาสนาและสังฆมณฑลจากกลุ่มบุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิในเวลา 14.00 น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า กรุงเทพฯ
กสม.โวยราชทัณฑ์ไม่ให้เยี่ยมคดีบึ้ม
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 25 มี.ค. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แขวงลาดยาว นพ. นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง พร้อมเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้มาเยี่ยมผู้ต้องหาคดีวางระเบิดหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาฯ จำนวน 9 ราย เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนต่อกสม.ว่าเจ้าหน้าที่รัฐซ้อมทรมานผู้ต้องหาระหว่างควบคุมตัว แต่เจ้าหน้าที่เรือนจำปฏิเสธไม่ให้นพ.นิรันดร์ กับคณะ เข้าเยี่ยมผู้ต้องหา อ้างว่าไม่มีคำสั่งอนุมัติจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จึงมีการโต้เถียงกันโดยนพ.นิรันดร์ พยายามระบุว่า มาในฐานะกสม.ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้มาในฐานะเอ็นจีโอ แต่ก็ไม่ได้รับการยินยอม
จากนั้น นพ.นิรันดร์ ให้สัมภาษณ์ว่า กสม.ทำหนังสือถึงกรมราชทัณฑ์ ขอเยี่ยมผู้ต้องหา ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. แต่เจ้าหน้าที่เรือนจำแจ้งว่ากรมราชทัณฑ์ไม่ได้อนุมัติให้กสม.เข้าตรวจเยี่ยม เนื่องจากหนังสือของกสม.ยังอยู่ที่ห้องอธิบดีและยังไม่มีคำตอบใดๆ เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อีกทั้งตามหลักการกสม.ทั่วโลก การมาตรวจเยี่ยมผู้ต้องหาในเรือนจำเป็นมาตรการป้องปรามการละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่จำเป็นต้องแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาสูงสุดของแต่ละหน่วยงาน เพราะหากแจ้งก่อนอาจมีการจัดฉากเกิดขึ้น
นพ.นิรันดร์กล่าวอีกว่า ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องด่วน ซึ่งสหประชาชาติ(ยูเอ็น)และองค์กรสิทธิฯทั่วโลกได้ขอให้กสม.เข้ามาตรวจสอบ แต่กรมราชทัณฑ์ไม่ให้ความร่วมมือกับกสม. ทั้งที่ตรวจสอบตามหลักการ อีกทั้งผบ.ทบ.และรัฐมนตรีต่างๆ ก็ยืนยันว่าไม่มีการซ้อมทรมาน แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากต้องมีองค์กรกลางมาช่วยยืนยันว่าสิ่งที่ฝ่ายบริหารพูดเป็นเรื่องจริง อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลตำรวจระบุไม่มีการซ้อมผู้ต้องหา เราจึงเชิญสถาบันนิติวิทยาศาสตร์มาร่วมด้วยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและโปร่งใส แต่เมื่อกสม.มาแล้ว อธิบดีไม่ติดต่อมาก็ไม่ใช่หน้าที่ตนที่จะติดต่อไป
นพ.นิรันดร์กล่าวว่า จากนี้คณะอนุกรรมการติดต่อขอเยี่ยมผู้ต้องหาเป็นระยะ และวันที่ 30 มี.ค.นี้ เวลา 14.00 น. คณะอนุกรรมการจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจ ทหาร กรมราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และผู้ร้อง มาประชุมเพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าวที่สำนักงานกสม.
นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวชี้แจงกรณีไม่อนุญาตให้ นพ.นิรันดร์ และคณะเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาคดีปาระเบิดหน้าศาลอาญาว่า เรื่องนี้เป็นงานในกระบวนการยุติธรรม หากผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือการจับกุมเป็นไปโดยมิชอบ ต้องให้จำเลยหรือทนายยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลมีคำสั่ง ซึ่งกรมราชทัณฑ์มีหน้าที่ควบคุมตัวไว้ตามคำสั่งศาล ส่วนกสม.มีหน้าที่เสนอแนะรัฐบาลผ่านสภา หากเห็นว่ามีหน่วยงานรัฐไม่ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน
อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวอีกว่า ผู้ต้องขังมีสิทธิได้รับการเยี่ยมจากญาติตามรายชื่อที่แจ้งไว้กับเรือนจำและติดต่อทนายความที่แต่งตั้ง อีกทั้งคดีดังกล่าวอยู่ในชั้นสอบสวน กรมราชทัณฑ์จึงไม่อนุญาตให้กสม.เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังได้ เพราะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาคดี สำหรับผู้ต้องขัง หากต้องการร้องเรียน ต้องร้องมาที่กรมราชทัณฑ์หรือให้ทนายร้องที่ศาล เพราะอยู่ในกระบวนการยุติธรรม จึงจะดำเนินการได้ตรงประเด็นกว่า
สธ.จี้"บิ๊กตู่"เป็นธรรมปลัดณรงค์
วันที่ 25 มี.ค. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กลุ่มประชาคมสาธารณสุข นำโดย นพ.สุทัศน์ ศีวิไล ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมให้นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งถูกย้ายมาช่วยราชการสำนักนายกฯ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาภายในกระทรวงอย่างจริงจัง
ข้อความในหนังสือเปิดผนึกระบุตอนหนึ่งว่า ตั้งแต่มีนพ.รัชตะ รัชตะนาวิน เป็นรมว.สาธารณสุข และแต่งตั้งที่ปรึกษาและคณะทำงาน 40 คน ส่วนใหญ่อยู่เครือข่ายแพทย์ชนบทที่ไม่สนับสนุนการพัฒนาระบบบริการสุขภาพผ่านกลไกเขตสุขภาพและการปฏิรูประบบบริหารการเงินการคลัง และปรับเปลี่ยนการบริหารงบกองทุนหลักประกันสุขภาพ จึงไม่นำแนวคิดดังกล่าวบรรจุในนโยบายของกระทรวง และการทำงานของนพ.รัชตะ พบว่ามีข้อสั่งการที่เข้าข่ายผิดระเบียบว่าด้วยงานสารบรรณและหลักการบริหาร ทำให้ข้าราชการสับสน
ปัญหาในกระทรวงเป็นความขัดแย้งในแนวคิด การที่นพ.ณรงค์เสนอแนวคิดปฏิรูประบบบริการสุขภาพ ตรวจสอบการบริหารงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในเรื่องประสิทธิภาพและความโปร่งใส แต่นพ.รัชตะมีท่าทีปกป้อง สปสช.มาตลอด อีกทั้งบุคคลที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการบริหารงบ สปสช.ยังไม่เหมาะสม ทางประชาคมสาธารณสุขขอวิงวอนให้นายกฯ พิจารณาและให้ความเป็นธรรมกับนพ.ณรงค์ พร้อมเร่งรัดการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในกระทรวงอย่างจริงจัง
นพ.ธานินทร์ ลีวราภรณ์สกุล ผอ.ร.พ.พระนครศรีอยุธยากล่าวว่า ตามธรรมเนียมปฏิบัติหลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงต้องเสร็จภายใน 30 วัน แต่กรณีตั้งคณะกรรมการตรวจสอบนพ.ณรงค์ผ่านมา 20 วันแล้ว คณะกรรมการยังไม่ดำเนินการใดๆ ประชาคมฯ จึงต้องใช้สิทธิ์ทวงถาม อยากให้ดำเนินการให้เสร็จเร็วที่สุด เพราะขวัญกำลังใจของข้าราชการ สธ.ทั่วประเทศอยู่ที่ผลการตรวจสอบในครั้งนี้
"ตู่"เยือนบรูไน-ถกพลังงานการค้า
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มี.ค. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม เดินทางเยือนประเทศบรูไนดารุสซาลาม อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 25-26 มี.ค.
นายกฯ กล่าวว่า การไปเยือนครั้งนี้มีการหารือในทุกมิติ ทั้งการค้า การลงทุน พลังงาน การท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ก่อนจะทำอะไรต้องตั้งคณะกรรมการแก้กฎหมายและมีบันทึกข้อตกลงก่อนกว่าจะพูดกันรู้เรื่องเพื่อให้ทั้งสองประเทศพอใจ และคนทำไม่ใช่รัฐบาล แต่เป็นนักธุรกิจ ถ้าเขาพอใจเขาก็ทำ ถ้าไม่พอใจเขาก็ไม่ทำ ต้องหาจุดพอดี
เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น(เวลาที่บรูไนฯเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมภริยา และคณะ ร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติบรูไน จากนั้น นายกฯ และภริยาเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม ที่พระราชวังอิสตานา นุรุล อิมาน เพื่อหารือทวิภาคีและร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทย-บรูไนฯ และในช่วงค่ำวันเดียวกัน สมเด็จพระราชินีแห่งบรูไน พระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกฯและคณะ ที่พระราชวังอิสตานานุรุล อิมาน
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า นายกฯได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลบรูไนที่เข้าใจสถานการณ์ในไทยและสนับสนุนไทยในเวทีระหว่างประเทศมาตลอด และกล่าวขอบคุณประชาชนบรูไนที่นิยมบริโภคและนำเข้าข้าวไทย ขณะที่บรูไนแสดงความสนใจในโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยไทยพร้อมเสนอข้อมูลและรายละเอียด เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนราพร จันทร์โอชา ภริยานายกฯ ได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกลุ่มสตรีชั้นนำจากภาคส่วนต่างๆ ของบรูไน ที่มีส่วนกำหนดนโยบายและการพัฒนาสังคมตามวิสัยทัศน์ WAWASAN 2035 ของสมเด็จพระราชาธิบดีฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ พร้อมด้วยคณะจะเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติบรูไนฯโดยเที่ยวบินพิเศษที่ RTAF 227 ถึงไทยในเวลา 10.25 น.วันที่ 26 มี.ค.