- Details
- Category: การเมือง
- Published: Tuesday, 24 March 2015 08:46
- Hits: 3593
วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8882 ข่าวสดรายวัน
แอมเนสตี้ ระดมทั่วโลก จม.ถึงไทย แถลงห่วงซ้อมทีมบึ้ม ผู้ต้องหาโวยถูกทารุณ วืดประกัน-ศาลทหาร พบอาวุธไม่โยงสัญจร
แอมเนสตี้ฯ ออกปฏิบัติการด่วน เรียกร้องทั่วโลกเขียนจดหมายถึงไทย ห่วงปมทีมบึ้มอ้างถูกซ้อม วอนให้ตรวจร่างกายจากแพทย์ที่อิสระขอหลักประกันไม่มีทรมาน เปิดโอกาสให้เข้าถึงครอบครัว-ทนาย-ศาลพลเรือน พร้อมสั่งสอบผู้ทารุณ ด้านทนายยื่นประกันทีมบึ้มที่โวยซ้อม แต่ศาลไม่อนุญาตเหตุเป็นคดีโทษสูง ผบช.น.เผยจ่อออกหมายจับเพิ่มอีก 1 ส่วนกรณีเจออาวุธสงครามที่สวนสนประดิพัทธ์-ใกล้ครม.สัญจรหัวหิน บิ๊กตู่-บิ๊กป้อมยันเป็นของเก่านำมาทิ้ง หลังจนท.ระดมกวาดล้าง-กดดันหนัก สั่งสอบสวนหาที่มา ขณะที่บิ๊กโด่งยันไม่โยงการเมือง ขอเวลาพิสูจน์มีจนท.ลอบนำออกมาขายหรือไม่ ส่วนที่ถุงมีข้อความ 'ร.1 พัน1' ชี้ถุงแบบนี้เคยใช้ใส่ของแจก ชาวบ้าน-ทำกระสอบทราย ด้านตร.ระบุไม่พบข้อมูลป่วนครม.สัญจร
จากกรณีศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนออกแถลงการณ์ หลังรับเรื่องร้องเรียนจาก 4 ผู้ต้องหาคดีปาระเบิดหน้าศาลอาญา ประกอบ ด้วย นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นายนรพัฒน์ เหลือผล และนายวิชัย อยู่สุข โดยอ้างว่าถูกซ้อมและทำร้ายร่างกายระหว่างถูกควบคุมตัว พร้อมระบุองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ให้ความสนใจกรณีที่เกิดขึ้น โดยเตรียมส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ขณะที่นายกฯ และคสช.ออกมายืนยันไม่มีการซ้อมหรือทารุณผู้ต้องหา วอนอย่าดึงยูเอ็นมาเกี่ยวข้อง พร้อมฮึ่มฟ้องผู้บิดเบือนปมทารุณ ต่อมาทีมทนายเตรียมยื่นประกันนายสรรเสริญ หนึ่งในทีมบึ้มต่อศาลทหาร ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
แอมเนสตี้ฯห่วงปมซ้อมทีมบึ้ม
สำหรับ ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 23 มี.ค. สำนักงานเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งอยู่ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โพสต์ข้อความในเว็บไซต์ถึงปฏิบัติการด่วนว่า ได้ออกปฏิบัติการด่วนเรียกร้องให้สมาชิกทั่วโลก ส่งจดหมายถึงพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. และพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม จนถึงวันที่ 30 เม.ย.นี้ เพื่อแสดงความห่วงใยกรณีผู้ถูกควบคุมตามกฎอัยการศึกเสี่ยงต่อการถูกทรมาน จากกรณีควบคุมตัวนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ และนายวสุ เอี่ยม ละออ ผู้ต้องหา ที่อ้างว่าเกี่ยวข้องกับเหตุ ปาระเบิดหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาฯ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา และผู้ต้องหาอีก 4 ราย ได้แก่ นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นายนรภัทร เหลือผล นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน และนายวิชัย อยู่สุข ที่ตกเป็นเหยื่อการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายระหว่างถูกทหารควบคุมตัว โดย ไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอกและไม่มีการตั้งข้อหา ระหว่างวันที่ 5-19 มี.ค. ที่ผ่านมา
รายละเอียดระบุว่า ขณะนี้มีชาย 2 คน ได้แก่ นายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ และนายวสุ เอี่ยมละออ ที่ถูกทหารควบคุมตัวเสี่ยงต่อการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้าย ส่วนชายอีก 4 คน ได้แก่ นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นาย นรภัทร เหลือผล นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน และนายวิชัย อยู่สุข ซึ่งในขณะนี้อยู่ในเรือนจำ ได้กล่าวหาว่า ตกเป็นเหยื่อการทรมานระหว่าง การควบคุมตัวของทหาร และต้องการให้ตรวจ ร่างกายจากแพทย์ที่เป็นอิสระ
โดยชายทั้ง 4 คน แจ้งต่อทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า ถูกจี้ด้วยไฟฟ้า ถูกชกและถูกเตะที่ศีรษะ ที่หน้าอกและหลัง รวมทั้งถูกขู่จะทำร้ายระหว่างการสอบปากคำเพื่อรีดข้อมูล โดยหนึ่งในสี่มีร่องรอยบาดเจ็บอย่างชัดเจน บนหน้าอกและรอยจากการจี้ไฟฟ้าที่ต้นขา ซึ่งเป็นการควบคุมตัวในสถานที่ลับ หลังเกิดเหตุปาระเบิดใส่ลานจอดรถของศาลอาญา
ส่งจม.ถึง'โด่ง-สมยศ-ต๊อก'
ดังนั้น จึงออกปฏิบัติการด่วนเรียกร้องสมาชิกทั่วโลกให้ส่งจดหมายถึงพล.อ.อุดมเดช พล.ต.อ.สมยศ และพล.อ.ไพบูลย์ เพื่อแสดงความห่วงใยกรณีผู้ถูกควบคุมตามกฎอัยการศึกเสี่ยงต่อการถูกทรมาน ส่วนรายละเอียดในจดหมายให้แสดงข้อกังวลต่อทางการเกี่ยวกับรายงานว่า นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นายนรภัทร เหลือผล นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน และนายวิชัย อยู่สุข ตกเป็นเหยื่อการทรมานและถูกควบคุมตัวโดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอก และกระตุ้นทางการไทยให้หลักประกันว่าจะไม่ทรมานนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ และนายวสุ เอี่ยมละออ โดยให้นำตัวไปฝากขัง ในเรือนจำของพลเรือน
นอกจากนี้กระตุ้นให้ทางการสั่งการหน่วยงานพลเรือนดำเนินการสอบสวนโดยพลัน อย่างไม่ลำเอียง เป็นอิสระและมีประสิทธิภาพ ต่อรายงานที่ระบุว่ามีการทรมานและการปฏิบัติ ที่โหดร้ายเกิดขึ้น ให้ตีพิมพ์เผยแพร่ผลการสอบสวนและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ รวมถึงผู้สั่งการหรือผู้บังคับบัญชาอื่น อีกทั้งกระตุ้นให้ทางการอนุญาตให้นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นายนรภัทร เหลือผล นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน นายวิชัย อยู่สุข และผู้ถูกควบคุมตัวคนอื่นๆ สามารถเข้าถึงครอบครัว ทนาย ความและศาลพลเรือนที่เป็นอิสระ
ทีมบึ้มที่โวยทารุณ-วืดประกัน
ขณะที่น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า หลังจากได้ยื่นขอประกันตัวนายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน อาชีพคนขับรถแท็กซี่ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีปาระเบิดใส่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ด้วยหลักทรัพย์เป็นเงิน 800,000 บาท ต่อศาลทหารกรุงเทพ โดยศาลทหารพิจารณาคำร้องขอประกันแล้วระบุว่าคดีดังกล่าวมีอัตราโทษสูง ประกอบกับพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันไว้ หากปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานให้ได้รับความเสียหาย จึงไม่อนุญาตให้ประกัน ตัวผู้ต้องหา
น.ส.ภาวิณี กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ต้องหาราย อื่นๆ ในคดีดังกล่าว หลังจากที่ทนายจากศูนย์ทนายฯ ติดต่อเข้าเยี่ยม ทราบว่าส่วนใหญ่อยู่ระหว่างประสานงานกับญาติเรื่องเงินประกันตัว เพราะคดีดังกล่าวนอกจากมีอัตราโทษสูง เมื่อต้องถูกบังคับให้ขึ้นศาลทหารต้องใช้เงินสดจำนวนมาก และไม่อาจใช้หลักทรัพย์อื่นแทนได้ ทำให้ญาติผู้ต้องหายังไม่สามารถหาเงินสดได้
ตร.จ่อออกหมายจับอีก 1
ที่บช.น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเพิ่มเติม 1-2 คน ซึ่งต้องมีหลักฐานชัดเจน จึงจะออกหมายจับได้ ส่วนผู้จ้างวานที่อาจมีหลายคน นอกจากนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ ผู้จ้างวานนั้น ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐาน อยู่ระหว่างการพิจารณา
เมื่อถามว่า คำให้การของนายสมชัย อภินันท์ ถาวร ผู้ต้องหาทำหน้าที่โอนเงินบอกว่าไม่เกี่ยว ข้อง พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า พูดไปหลายครั้งแล้วว่าคำให้การเพียงอย่างเดียวจะนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ เนื่องจากคำให้การ ไม่เป็นผล ต้องมีพยานเอกสาร พยานวัตถุและพยานบุคคลมายืนยัน โดยส่วนตัวแล้วการ ที่ผู้ต้องหาจะมารับว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุเอง ก็ยังปักใจเชื่อไม่ได้ ไม่ว่าผู้ต้องหาจะให้การอย่างไร ก็จะต้องมีหลักฐาน ส่วนนายธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร บุตรชายนายสมชัย ยังไม่ทราบเบาะแสว่าจะกลับมาประเทศไทยเมื่อไหร่ แต่เจ้าหน้าที่ออกหมายจับไปแล้ว ถ้ายังไม่กลับมาจะดำเนินการประสานพนักงานอัยการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน รวมถึงตัวนายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ ต้องรอสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง คาดภายใน 2 สัปดาห์ น่าจะทราบผลการดำเนินการดังกล่าว ก่อนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ ประสานตำรวจสากลส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนเตรียม ออกหมายจับลูกชายนางสุภาพร ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่มี 3 ราย คือ นายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน นายธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร ซึ่งหลบหนีอยู่ต่างประเทศ และนายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่ พัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่ายังคงกบดานอยู่ในประเทศไทย และน่าจะมีผู้มีอิทธิพลคอยให้ความช่วยเหลืออยู่
บิ๊กตู่ชี้ถูกกดดัน-นำอาวุธทิ้ง
สำหรับ กรณีเจ้าหน้าที่ตรวจพบอาวุธสงคราม จำนวนมาก บริเวณถนนเพชรเกษม จ.ประจวบ คีรีขันธ์ ซึ่งใกล้กับสถานที่พักฟื้นกองทัพบกสวนสนประดิพัทธ์ อ.หัวหิน และจะเป็นสถาน ที่ประชุมครม.นอกสถานที่ในวันที่ 27 มี.ค.นี้ ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. กล่าวกรณีดังกล่าวว่า ผบ.ทบ.บอกแล้วน่าจะนำมาทิ้ง กระสุนปืนปลย. 88 ยังมีเลย จะยิงใคร ถ้าจะมาระเบิดตนคงไม่ต้อง และทุกทีพบว่ามาทิ้งตลอด เรี่ยราด ผู้สื่อข่าวถามว่าจุดที่พบอาวุธสงครามใกล้สถานที่ประชุมครม.เพียง 2 ก.ม. นายกฯกล่าวว่าการนำมาทิ้งตรงนั้นแสดงว่าเข้าไป ไม่ได้ ถ้าจะทำตนนะ
เมื่อถามว่า แสดงว่านายกฯไม่ได้หวั่นกลัวอะไร นายกฯกล่าวว่ากลัวเรื่องอะไร ไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว กลัวแต่พวกเรานั่นแหละ จะกลัวอะไร ทำความดี พระคุ้มครอง เมื่อถามว่าทำไมถึงเพิ่งพบตอนนี้ นายกฯกล่าวว่าเวลานี้เขากำลังเข้มงวดกวดขันอยู่ คงกลัวก็เลยเอามาทิ้ง เดี๋ยวจะตรวจทุกจังหวัด ดูซิจะทิ้งอีกเยอะหรือไม่ ถ้าเจอก็ติดคุกหมด เป็นเรื่องของการกระทำความผิดกฎหมาย มันถูกที่ไหน มีกระสุนปืน อาวุธสงครามอยู่บ้าน มันได้หรือไม่ มันไม่ได้ ซึ่งเวลานี้กำลังสอบหาว่ามาจากไหน ฝ่ายความมั่นคง คสช.กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ ส่วนเรื่องการลักลอบนำอาวุธสงครามเข้ามานั้นก็มีมาตลอดชาติ มีมานานแล้ว ตอนนี้กำลังเข้มงวด ถึงจับได้ ถ้าไม่เข้มงวดมันก็เก็บไว้แบบเดิม วันนี้ต้องสตรีมหมด อย่างที่บอกชายแดนเราไม่ได้ปิดประตูรั้วตลอด แต่มีทหารอยู่ตามจุดต่างๆ และลาดตระเวน
เมื่อถามว่า มองอีกมุมหนึ่งผู้นำระเบิดมาทิ้งต้องการจะดิสเครดิตรัฐบาลหรือไม่ เพราะถุงที่ใส่มามีสัญลักษณ์ ร้อย 1 พัน 1 นายกฯกล่าวว่าตนยังไม่คิดไปขนาดนั้น ต้องรอเจ้าหน้าที่ส่งมา ถุงกระดาษ ถุงปุ๋ยเยอะแยะไป ที่ไหนก็หาได้ แม้แต่สติ๊กเกอร์ติดรถของหน่วยต่างๆ ก็ซื้อหาได้ทั่วไป บางทีเด็กๆ เอาไปทิ้งๆ ขว้างๆ อันนี้สำคัญ มันติดกับหน่วยไป ถ้าไปทิ้งอย่างนั้นจริงๆ มันก็เซ่อ โง่ บ้า อะไรสักอย่าง หรือไม่ก็ไม่เต็ม
บางปท.ร่วมมือคดี 112
"วันนี้กฎอัยการศึกมีอยู่ยังใช้แทบไม่ได้ วันนี้ประกาศอยู่ ไปดูว่าใช้อะไรบ้าง จับกุม คุมขัง ทำลาย ยึดทรัพย์ ยึดรถ ยึดทุกอย่างเป็นของเจ้าหน้าที่ได้หมด แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย อย่าคิดว่าผมใช้ไม่ได้ ผมใช้ได้แต่ผมไม่ได้ใช้ แต่จะใช้เฉพาะการสอบสวน จับกุม ดำเนินคดี ขึ้นศาลทหาร แต่ถ้าไม่ทำผิดกฎอัยการศึกก็ขึ้นศาลพลเรือน ทำไมไม่คิดเรียกร้องความเป็นธรรมให้ทหารกันบ้าง ทหารก็ขึ้นศาลทหาร มาตลอดไม่เห็นจะมีปัญหา ถ้าผิดก็ต้องยอมรับ ผิด ดำเนินคดีถึงสามศาลแล้วไม่เชื่อมั่นไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามถึงความคืบหน้าหลังจากประสานไปยังประเทศต่างๆ ที่มีผู้หลบหนีคดีตามข้อหา มาตรา 112 นายกฯกล่าวว่ามีบางประเทศ ประสานความคืบหน้ากลับมา ซึ่งแจ้งว่าขอติดตามดูหลักฐานอะไรต่างๆ เป็นอย่างไร เพื่อดูว่าจะสามารถส่งตัวให้ได้หรือไม่ เมื่อถามว่าประเทศอะไรบ้างที่ให้ความร่วมมือกลับมา นายกฯกล่าวว่าอย่าเพิ่งพูดเลย พูดไปเดี๋ยวเขาไม่ให้อีก เขากำลังดำเนินการอยู่ ถ้าเราทำได้ สักรายสองรายก็จะดีขึ้น เราคิดว่าอย่างนั้น ไม่งั้น คนพวกนี้กล้าหาญชาญชัยเกินไป อย่างกรณี นายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน ที่อยู่ซานฟรานซิสโก ก็พูดมานานแล้ว ตนเอ่ยชื่อได้หมดมีใครบ้าง ยังมีนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ที่พูดอยู่ทุกวันฟังได้ที่ไหนทางวิทยุดาวเทียม และก็มี 3-4 คนที่อยู่อเมริกา แต่คดี 112 ทางประเทศเขาค่อนข้างจะมีปัญหา เพราะกฎหมายบ้านเขาไม่มี แต่ถ้าเป็นข้อหาก่อการร้าย การทำผิดคดีอาญาได้ ซึ่งต้องค่อยๆ ทำขอให้ใจเย็นๆ อย่างน้อยวันนี้ก็ชัดเจนกว่าเดิมไม่ใช่หรือ ซึ่งเดิม ไม่ได้ทำอะไรกันเลย วันนี้ทำหมด
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวว่าได้รับรายงานตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. ว่าคนงานที่เข้าไปหาของป่าไปพบอาวุธสงครามเหล่านี้ที่มีคนเอาไปฝังดินไว้ คงเป็นของที่เคยถูกซุกซ่อนไว้ที่อื่นแล้วถูกขุดหนีนำมาซุกซ่อนไว้บริเวณดังกล่าว และเป็นของเก่า แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นของใคร
เมื่อถามว่า มีรายงานหรือไม่ว่าอาวุธดังกล่าว เตรียมไว้เพื่อทำอะไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คิดว่าไม่ใช่ของที่ซุกซ่อนไว้เตรียมสร้างสถาน การณ์ เป็นคนละเรื่องกัน ต้องรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้ชัดเจนว่าอาวุธดังกล่าวมาจากที่ใด ที่บอกว่าเป็นของเก่านั้นเป็นของใครและมีที่มาที่ไปอย่างไร ต้องว่ากันตามกฎหมาย
ต่อข้อถามว่า อาวุธดังกล่าวหลุดหรือนำออกมาจากหน่วยงานราชการหรือไม่ พล.อ. ประวิตรกล่าวว่ายังไม่รู้ ต้องรอให้ตำรวจตรวจ สอบก่อน
ผบ.ทบ.สั่งสอบปมลอบมาขาย
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาด ไทย กล่าวว่า อาวุธต่างๆ เป็นของเก่าที่คนกลัวความผิดแล้วนำมาฝังไว้ ยืนยันว่าการประชุม ครม.ยังคงเดินหน้าตามปกติ และเหตุการณ์ ดังกล่าวไม่รู้สึกกังวลไม่ต้องดูแลรักษาความปลอดภัยเพิ่มอะไร
ขณะที่พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. กล่าวว่า มองเป็นเรื่องการเข้มงวดกวดขัน และกดดันในพื้นที่ต่างๆ จริงๆ ในครั้งนี้ที่พบวัตถุระเบิดก็เช่นกัน น่ามาจากการเร่งรัดกวดขันของเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เพราะจากข้อมูลข่าวสารต่างๆ พบอาจยังมีสิ่งที่ไม่ดีหลงเหลืออยู่ อาทิ อาวุธสงครามหรือสิ่งผิดกฎหมาย จึงเร่งดำเนินการ ทำให้ผู้ครอบครองอาวุธเกิดกลัวความผิด จึงนำมาทิ้งไว้
พล.อ.อุดมเดช กล่าวต่อว่า ส่วนอาวุธสงครามที่พบลักลอบนำมาจากชายแดนหรือไม่นั้น ตามพื้นฐานแล้วก็เป็นไปได้ แต่จะเกี่ยวข้องการเมืองหรือไม่ เท่าที่ดูเบื้องต้น คงไม่เชื่อมโยงและเกี่ยวพันในเรื่องการเมือง โดยให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจพิสูจน์ว่าอาวุธ ดังกล่าวเป็นของทางราชการเดิมหรือไม่ หรือนำมาจากส่วนภายนอก ส่วนที่ถุงมีข้อความระบุด้านข้างว่า ร.1 พัน.1 ในเรื่องนี้ถุงที่ใส่สิ่งของไปช่วยเหลือประชาชนหรือผู้ประสบภัย ทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค หรือบางส่วนนำไปใส่ทราย เพื่อป้องกันน้ำท่วม ก็จะมีข้อความดังกล่าวด้วยเช่นกัน เพราะบางครั้งกระสอบทรายขาดก็ต้องนำมาใช้ ที่สำคัญการที่มีถุงของราชการก็ไม่ได้หมายความว่า สิ่งนั้นจะมาจากทางทหารอย่างเดียว เราต้องพิสูจน์ทราบตามหลักฐาน อาทิ หมายเลขต่างๆ ที่ระบุอยู่ คงไม่นานนักน่าจะพิสูจน์ทราบได้
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่เจ้าหน้าที่ลักลอบ นำอาวุธในค่ายออกมาจำหน่าย พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า สิ่งเหล่านี้เรากวดขันอยู่เสมอและลงโทษผู้กระทำผิด เมื่อก่อนเคยมี แต่เราเข้มงวดกวดขันไม่ปล่อยปละละเลย ฉะนั้นตรงนี้ถ้ามีหรือถ้าใช่ กองทัพบกต้องลงโทษสถานหนักสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ทำอย่างนี้ ขอร้องว่าอย่าเพิ่งระบุหรือเจาะจง ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้พิสูจน์
เผยจนท.ระดมกวาดล้างหนัก
เมื่อถามว่า ถือเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ที่พบวัตถุระเบิดในจุดที่ห่างจากที่ประชุมครม.-คสช. ในวันที่ 27-28 มี.ค. พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เป็นไปได้ในเรื่องความบังเอิญ อีกส่วนหนึ่งยอมรับว่าในเมื่อจะประชุมและมีบุคคลสำคัญมาประชุม เจ้าหน้าที่ต้องเข้มงวดดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ซึ่งบุคคลที่เก็บสิ่งของผิดกฎหมายอาจเกรงกลัวความผิดและนำมาทิ้งไว้ เพราะงานข่าวดำเนินการได้ผล หรืออาจเป็นกรณีอื่นก็ได้ ตนไม่ปฏิเสธ เนื่องจากอาจมีเรื่องการนำมาขายต่อในพื้นที่ชายแดน นี่เป็นผลของการกำชับ และดูแลการปฏิบัติไปด้วยความเข้มข้น
"ทุกๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการจับกุมอาวุธสงครามบ้าง ไม่ใช่อาวุธสงครามก็มี เมื่อ 1-2 วันนี้ จับกุมลูกระเบิดขว้างในพื้นที่อื่น เพราะจากที่เราตรวจค้นบ้านต้องสงสัย ซึ่งต้องทำไปเรื่อยๆ เพื่อความสงบเรียบร้อย ทางราชการสามารถตัดไฟแต่ต้นลมและระงับยับยั้งเหตุ การณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้" พล.อ.อุดมเดชกล่าว
พล.อ.อุดมเดช กล่าวต่อว่า รัฐบาลเป็นห่วงในเรื่องความปรองดอง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ เราต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งบางคนที่เป็นส่วนน้อยก็เอามาโจมตีว่าทำรุนแรงเกินไป ไปละเมิดสิทธิต่างๆ ตนเห็นว่าอะไรผิดก็ว่าตามผิด ถ้าคนนั้นไม่ดีก็ว่ากันตามกฎหมาย เมื่อถึงเวลาใช้กฎหมายต้องใช้อย่างเต็มที่
ไม่พบข้อมูลป่วนครม.สัญจร
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้รับรายงานจากพล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ว่าน่าจะเป็นเหตุที่ทหารและตำรวจเข้มงวดในการตั้งด่านหรือเข้มงวดในการระดมกวาด ล้างอาวุธสงครามและวัตถุระเบิด คงจะมีคนที่ครอบครองวัตถุระเบิดนำไปซุกซ่อน เนื่อง จากกลัวจะถูกจับกุม ในส่วนการตรวจพิสูจน์ว่าแหล่งที่มาของวัตถุระเบิดมาจากที่ใดนั้น ก็ต้องให้ตำรวจที่รับผิดชอบในการสืบสวนสอบสวนตรวจสอบ
เมื่อถามว่า สำหรับอาวุธสงครามที่พบ มองเป็นเรื่องของทางราชการที่มีครอบครองเท่านั้น หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า อันนี้ยังตอบไม่ได้ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนดำเนินการ ถ้าเป็นประการใดคงรายงานให้รับทราบในภายหลัง
เมื่อถามว่า จะเป็นการสร้างสถานการณ์ เพื่อไม่ให้ยกเลิกกฎอัยการศึก ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่มี ตนเชื่อว่าคนที่มีหรือครอบครองอยู่กลัวจะถูกจับ เนื่องจากการเข้มงวดกวดขันของ เจ้าหน้าที่ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการปิดล้อม ตรวจค้นระดมกวาดล้าง หรือแม้แต่กระทั่ง การตั้งด่าน เป็นส่วนที่ทำให้คนที่ครอบครองอยู่นำมาทิ้ง เพื่อที่จะได้รอดพ้นจากการจับกุม
ด้านพล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า สำหรับอาวุธสงครามและระเบิดที่พบจำนวนมาก สั่งการให้เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายไปเก็บรักษาไว้ที่โรงเรียนนายทหารสิบทหารบก โดยขอชี้แจงว่าวัตถุดินระเบิดที่พบทั้งหมดต้องเป็นของบุคคลผู้มีความชำนาญการเท่านั้น แต่จะมาจากที่ไหนต้องรอตรวจสอบจากกรมสรรพาวุธทหารบก และกองสรรพาวุธของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามาจากไหน
พล.ต.ท.วีรพงษ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลของกลุ่มก่อความไม่สงบและยังไม่มีรายงานถึงกลุ่มค้าอาวุธสงครามในพื้นที่ ข้อสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่มีเพียงประการเดียวคือ มีการกวดขันตรวจค้นอาวุธปืนและสิ่งของผิดกฎหมาย เพื่อรองรับภารกิจการประชุมครม.สัญจร ทำให้คนที่ครอบครองอยู่อาจเกิดความกลัว จึงนำมาทิ้งไว้ในป่าดังกล่าว โดยผบ.ตร.โทรศัพท์มาติดตามและเน้นย้ำให้ตรวจสอบอย่างละเอียด