- Details
- Category: การเมือง
- Published: Saturday, 21 March 2015 16:59
- Hits: 4532
วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8879 ข่าวสดรายวัน
ประยุทธ์ยันไม่ขวาง นิรโทษฯ ชี้ภาษีบ้าน-ที่ดิน ต้องจบในรบ.นี้ แต่ยังไม่ขึ้นแวต วิชายื้อนั่ง'ปปช.'จนกว่ามีชุดใหม่
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญดอกไม้พระราชทานแก่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในวันครบรอบวันเกิด ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 20 มี.ค. |
ปีติ'สมเด็จพระบรมฯ' โปรดเกล้าฯพระราชทาน ดอกไม้อวยพรวันเกิดครบ 61 ปี วันนี้ 'บิ๊กตู่'เบิกบานแจ่มใส หลังผบ.เหล่าทัพตบเท้าเข้าอวยพร พร้อมหยอกล้อออดอ้อนสื่อทำเนียบ เผยไม่ขัดขวางพ.ร.บ.นิรโทษกรรมผู้ชุมนุม แต่ให้ไปเริ่มต้นที่สปช.ก่อน ยันไม่มีแนวคิดขึ้นแวตจาก 7 เปอร์เซ็นต์เป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ด้านกมธ.ยกร่างรธน.เห่อเยอรมันหลังกลับจากดูงาน ลั่นเดินหน้าระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม ป.ป.ช.ขีดเส้นมาร์ค-เทือกต้องชี้แจงคดีสลายม็อบแดงปี 2553 ภายในวันที่ 25 มี.ค.นี้ 'วิชา'รู้แล้วบอกผู้ถูกกล่าวหาจะทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรมาก่อน จากนั้นจะมาชี้แจงด้วยตัวเอง
บิ๊กเหล่าทัพแห่อวยพรวันเกิดตู่
เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.ท.ภักดี แสงชูโต เชิญดอกไม้พระราช ทานมอบให้แก่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 61 ปี ในวันที่ 21 มี.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.15 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางเข้ามายังทำเนียบรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรี ผู้นำเหล่าทัพ ผบ.ตร. และข้าราชการระดับสูงของทำเนียบและกระทรวงต่างๆ อาทิ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผบ.ทบ. พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. นำแจกันดอกไม้เข้าอวยพรล่วงหน้า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด โดยนายกฯ ได้มอบข้าวสารพันธุ์ข้าวต่างๆ อาทิ พันธุ์ลืมผัว ไรซ์เบอร์รี่ มณีเมืองกาญจน์ จากงานวิถีข้าว วิถีไทย เป็นที่ระลึกให้แก่คณะที่เข้ามาอวยพร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยสวมสูทผูกไทสีเขียว และกล่าวทักทายทุกคนที่เข้าอวยพรอย่างอารมณ์ดี โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ขอให้ช่วยกันทำงาน ขอให้อดทน อย่าทะเลาะกัน ประเทศจะได้เดินไปได้ ขอให้พรที่ให้มากลับไปร้อยเท่า พันเท่า
ปีติ-ดอกไม้'สมเด็จพระบรมฯ'
เมื่อเวลา 10.30 น. ระหว่างที่นายกฯ เดินจากตึกไทยคู่ฟ้า ผ่านทางเชื่อมมายังตึกสันติไมตรี เพื่อเป็นประธานพิธีมอบรางวัลผู้ชนะการแข่งขันประกวดเรียงความค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบร่วมกันร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ โดยนางยุวดี ธัญญสิริ ผู้สื่อข่าวอาวุโส เป็นตัวแทนกล่าวอวยพรให้นายกฯมีสุขภาพ แข็งแรง พร้อมระบุว่า ขอให้ใจเย็นๆ จะได้คิดอะไรเฉียบคม ซึ่งนายกฯ ได้ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณนางยุวดี และผู้สื่อข่าวทุกคน พร้อมตอบคำถามกรณีอยากได้อะไรเป็นของขวัญพิเศษในวันคล้ายวันเกิดว่า "อยากได้หัวใจจากนักข่าวทุกคน และขอขอบคุณทุกคน ขอให้ช่วยกันทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง"
ต่อมาเวลา 12.00 น. ภายหลังมอบรางวัลให้กับผู้ชนะการแข่งขันประกวดเรียงความค่านิยม 12 ประการ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงสิ่งที่อยากได้เป็นของขวัญวันเกิด เนื่องจากจะมีอายุครบ 61 ปี โดยนายกฯชี้ไปที่กลุ่มเด็กนักเรียนที่ยืนรอถ่ายภาพด้วยด้านหลัง และกล่าวว่า "นี่ไง มีอนาคตให้กับประเทศชาติ วันเกิดผมมีแค่นี้ ผมไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว ชีวิตผมเพียงพอแล้ว สิ่งที่ผมอยากได้คืออยากได้ประเทศไทยที่มีความสง่างาม เป็นประเทศที่มีความสงบสุข สันติ อย่างยั่งยืน ต้องการแค่นี้" เมื่อถามว่าจะเข้าวัดทำบุญหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่ต้องทำบุญ เดี๋ยวพระมาทำบุญกับตน ไม่มีแขกมา
ผู้สื่อข่าวถามว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานดอกไม้และให้กำลังใจอะไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทรงให้กำลังใจและให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ไม่ขวางนิรโทษฯ-โยนสปช.เริ่ม
เมื่อถามว่าภรรยาให้อะไรในวันเกิด นายกฯกล่าวว่า ให้มาทุกวันอยู่แล้ว สำหรับตนไม่ต้องให้ของขวัญ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เมื่อถามว่าเป็นนายกฯไม่ถึงปี สว.(สูงวัย) ขึ้นเยอะเลย พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มรับพร้อมกล่าวว่า พยายามเช็ดหน้าเช็ดตาดูแล้ว เช็ดไม่ไหว หน้ามันเหี่ยวแล้ว แก่ไปเยอะ ใต้ตาก็คล้ำเยอะเลย เมื่อถามว่ามีเค้กวันเกิดหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ยังเลย ใครให้ฉันล่ะ" พร้อมกล่าวทวงเค้กจากผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี
ส่วนที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ เห็นด้วยกับข้อเสนอให้นิรโทษกรรมผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้ขัดแย้ง แต่เป็นเรื่องของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะเสนอขึ้นมา ตนให้นโยบายไปแล้วว่าเรื่องนี้ตนไม่ได้ปิดกั้น คนที่ไม่มีคดีอาญาเราก็ต้องดูแลเขา ส่วนจะพิจารณาโดยเร็วหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสปช. ตนเคยบอกแล้วว่า ถ้าจะให้ทำเร็วก็ทำได้ ตอนนี้ต้องดูว่าคนที่ติดคุกอยู่ หรืออยู่ในขั้นตอนของศาลและกระบวนการยุติธรรมว่าคนเหล่านี้มีความผิดหรือเปล่า ทั้งคดีอาญาและความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ แต่ถ้าถูกจับจากการประท้วง ปิดถนน คงไม่มีแล้ว ส่วนใหญ่ที่ยังอยู่ในกระบวนการนั้นมีความผิดในคดีอาญา คงไม่สามารถยกเลิกได้
สั่งแปล 12 ค่านิยมภาษาอังกฤษ
เมื่อเวลา 10.30 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ชนะการแข่งขันประกวดเรียงความค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการว่า ดีใจที่มีคนส่งเรียงความมาประกวด 5 พันกว่าคน ขอให้เด็กๆ ภูมิใจและขยายต่อค่านิยม 12 ประการเพื่อให้พี่น้องเข้าใจ สมัยก่อนมีเพลง เด็กเอ๋ยเด็กดี ทั้งนี้ยืนยันว่าค่านิยม 12 ประการไม่ได้ขัดแย้งกับเด็กเอ๋ยเด็กดี และของเก่าก็ยังอยู่ เพราะตนไม่ได้ยกเลิกและล้มล้างเด็กเอ๋ยเด็กดี เพราะเราจะทำอะไรต้องทำให้อยู่ได้ทั้งของใหม่และของเก่า
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เราต้องสอนให้เด็กเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เด็กทุกคนต้องมีค่านิยมทั้ง 12 เรื่อง บวกของเก่าด้วย เด็กเอ๋ยเด็กดีด้วย และตนสั่งให้แปลเป็นภาษาอังกฤษ และร้องเพลงค่านิยม 12 ประการ และเพลงคืนความสุขเป็นภาษาอังกฤษเพราะๆ ด้วย
นายกฯกล่าวว่า แม้ตนจะเข้ามาเป็นรัฐบาลด้วยวิธีแบบนี้ แต่ก็เข้าใจวิธีการประชาธิปไตย และเราต้องการเป็นประชาธิปไตยที่ไม่ล้มเหลว จะดูแลประชาชนอย่างดีและเท่าเทียมเป็นธรรม ส่วนข้าราชการต้องเป็นข้าราชการของพระเจ้าอยู่หัว รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกวัย ต้องปรับทุกระบบ
ระบุการชู 3 นิ้วนั่นแหละวิกฤต
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลทำงานหนักในการวางอนาคตและแก้ปัญหาที่มีมา และที่พูดทุกวันศุกร์ใช้เวลา 1 ชั่วโมงคงไม่รบกวนเวลามาก เพราะละครดูย้อนหลังเปิดจากยูทูบได้ แต่ที่พูดเพื่อจะได้รู้ว่าที่ทำอยู่คืออะไร เพื่อให้เข้าใจ เพราะวันนี้ขาดความเข้าใจ แต่จะพยายามทำทุกอย่างภายในเวลาที่จำกัด จะวางไว้ให้ จากนั้นต้องไปขอกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็เลือกมาให้ดี
"ประชาธิปไตยก็แบบนี้เป็นระบอบที่ดีที่สุด แต่เราจะทำยังไงให้ประชาธิปไตยไทยในยุคหน้ามันไม่ขัดแย้งกับสากล ให้มีความเป็นไทยใส่ไปด้วย ประชาชนต้องเรียนรู้ว่าเราจะอยู่ร่วมกันอย่างไร อย่าให้ต้องบังคับกันทุกเรื่อง ผมไม่ได้เข้ามาเพื่อตัวเองเลย ทั้งที่วันนี้อายุครบ 61 ปี เกษียณแล้ว ความจริงควรพักผ่อนอยู่กับลูกและภรรยา ต้องเข้ามาเพื่อให้ผ่านพ้นห้วงการเปลี่ยนผ่านให้ได้ และทำไมวันนี้เราไม่ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส การชูนิ้ว 3 นิ้วนั่นแหละคือวิกฤตของเรา ทำไมเราไม่เอาวิกฤตนี้ร่วมใจกัน ประเทศไทยดีหมด พายุ ก็ไม่มี หิมะก็ไม่ตก ถนนหนทางไปได้สะดวก ยกเว้นติดเพราะประท้วง เหล่านี้ต้องแก้ไขให้หมด ประท้วงได้แต่ต้องไม่มีการแถมด้วยระเบิดและปืนเอ็ม 16 ประชาธิปไตยต้องไม่เกิดแบบนี้ขึ้นอีก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ติงอย่าติดประชาธิปไตย 100%
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับการร่างรัฐธรรมนูญ ต้องร่างแล้วดูว่าฝ่ายบริหารจะทำงานได้อย่างไร ถ้าเอาทุกอย่างเหมือนเก่ามันก็ทำไม่ได้ทั้งหมด กลับไปที่เดิมอีก หรือถ้าใครคิดว่าถ้าเป็นประชาธิปไตย 100% เอารัฐธรรมนูญเก่าๆ มาเขียน ไม่เห็นต้องเขียนใหม่ ถามว่ามันทำได้หรือไม่ แล้วเราจะปฏิรูปประเทศได้หรือไม่ เราจะย้อนกลับไปที่เก่าหรือเปล่า จึงเป็นหน้าที่ของสนช. สปช. และกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญไปทำมา
นายกฯกล่าวว่า เราเป็นรัฐบาล เป็นคสช. นำทุกปัญหาคลี่ออกมาตีโจทย์แล้วเอาความพึงพอใจของประชาชนเป็นหลัก รับฟังทุกเสียงทุกกลุ่มนำมาสังเคราะห์ให้ตกผลึก แน่นอนว่าไม่พึงพอใจกันทุกคน แต่คนส่วนใหญ่จะได้รับสิ่งที่ทำวันนี้ เพียงแต่เราติดคำว่าประชาธิปไตย 100% แบบตะวันตก ก็แก้ไขอยู่ ขอให้ใจเย็นๆ ส่วนเรื่องกฎอัยการศึกยังจำเป็นต้องใช้ และเราพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะช่วยให้ความขัดแย้งลดลง
"ฉะนั้นการจะมีประชาธิปไตยต้องเลือกคนดีเข้ามา ทำยังไงผมไม่รู้ เป็นหน้าที่ของทุกคน ผมมีแรงแค่นี้ที่จะทำให้ แก้ปัญหาแล้ว ส่งต่อ ก็ต้องไปเลือกคนดีดีมาทำงาน" พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
โต้ข่าวลือนัดประชุมแจกที่ดิน
นายกฯกล่าวว่าอย่าอยู่กันด้วยความเกลียดชัง อย่าอยู่กันด้วยโซเชียลมีเดีย ที่มีเฮตสปีชอยู่ข้างใน บางอย่างก็จริงบ้างไม่จริงบ้าง เชื่อกันไป บางอย่างไม่น่าเชื่อก็เชื่อ แต่เวลามาพูดแบบนี้กลับไม่เชื่อ ก็ไม่เข้าใจ วันนี้เป็นคนไทยยุคใหม่ มาร่วมมือกับตน ซึ่งมีเจตนาตั้งมั่นในความดีเสมอ ตนทรยศต่อแผ่นดินผืนนี้ไม่ได้ ตนรักษามา ลูกน้องตายเจ็บเยอะ ก็ทรยศกับลูกน้องและคนไทยไม่ได้ ขอให้เชื่อมั่นว่าต้องทำได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยืนยันจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้แจกที่ดิน แต่ให้ประชาชนทำกินเฉยๆ เพราะหลายคนไม่ที่ดิน ก็ต้องหาที่ทำกินและที่ให้เขาอยู่ ดูว่าจะให้เขาอยู่ได้อย่างไร แต่ไม่ให้สิทธิ์ ดังนั้น รัฐบาลนี้ไม่ได้ประชานิยมแจกที่ดิน แต่ให้รวมกลุ่มสหกรณ์ และให้ปรับพื้นที่จัดโซนนิ่ง และนำพืชที่ปลูกได้ไปค้ำประกันได้ เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับพื้นที่อื่น
ปปช.ลั่นลุยสนช.แอบแฝงทับซ้อน
ที่สำนักงานป.ป.ช. นายเมธี ครองแก้ว อดีตกรรมการป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายวิจัยป.ป.ช. ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "การขัดกันแห่งผลประโยชน์" ตอนหนึ่งว่า กรณีสมาชิกสนช. ตั้งเครือญาติมาช่วยงานในสนช. ถือเป็นหนึ่งในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป.ป.ช. กล่าวว่า ไม่ว่าส.ส. ส.ว. หรือสนช.ที่ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ หากใช้อำนาจแอบแฝงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ป.ป.ช.พร้อมดำเนินคดีให้หมด แต่ขอบเขตของการบังคับคดีจะทำได้มากน้อยแค่ไหน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประทับฟ้องตามที่อัยการสูงสุด(อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 17 กรณีละเลยเพิกเฉยปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวมูลค่าหลายแสนล้านบาทว่า เรื่องอยู่ในกระบวนการของศาลแล้ว ตนคงพูดมากไม่ได้ หากอสส.อ้างป.ป.ช. เป็นพยานโจทก์ ทางป.ป.ช.ก็ยินดี เพราะ ป.ป.ช.ต้องทำงานร่วมกับอัยการในขั้นตอนต่างๆ อาทิ การตรวจพยานหลักฐาน เพราะเอกสารมีจำนวนมาก ดังนั้นป.ป.ช.กับอสส.ต้องช่วยกันชี้แจง
ปานเทพแจงเรียก 3.5 หมื่นล.จีทูจี
นายปานเทพกล่าวว่า ส่วนวันที่ 19 พ.ค. ซึ่งศาลต้องอ่านคำฟ้องให้จำเลยรับทราบนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องมาฟังศาลซึ่งจะอธิบายความ คิดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จำเป็นต้องไป เท่าที่ทราบจากข่าวเห็นว่าจะไป จะได้เข้ากระบวนการของศาล แต่ถ้าไม่ไป ก็เป็น กระบวนการของศาล ตนไม่ก้าวล่วง
ส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุเป็นคดีการเมืองที่ป.ป.ช.ตั้งธงนั้น นายปานเทพกล่าวว่า จบหน้าที่ป.ป.ช.แล้วและ เข้าสู่กระบวนการของศาล ดังนั้น ตนคงไม่ตอบโต้หรือชี้แจงใดๆ
นายปานเทพกล่าวถึงกรณีคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์และพวก ที่อสส. ส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาฯว่า กระบวนการยื่นฟ้องคดีเหมือนคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่มีความผิดเพิ่มในส่วนของคดีแพ่งเข้ามาเป็น เงิน 35,000 ล้านบาท เนื่องจากมีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542 หรือพ.ร.บ.ฮั้วประมูล ที่มีบทลงโทษให้ชดเชยเงินของมูลค่าสัญญาที่พบว่ามีการทุจริตร้อยละ 50
ประธานคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีถอดถอนอดีตส.ส.250 คน ที่จะส่งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า คาดว่าจะส่งสำนวนในช่วงต้นเดือนเม.ย. เราต้องดูความพร้อมของสนช.ก่อน เพราะหากส่งคดีไปเลยอาจไปค้าง เนื่องจากตอนนี้สนช. ก็มีหลายคดีที่ดำเนินการอยู่ แต่ป.ป.ช. มีความพร้อมอยู่แล้ว
"วิชา"สบช่องรักษาการปปช.ต่อ
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. กล่าวว่า ตอนที่ตนไปเยี่ยมประเทศอาเซียน ได้ชี้แจงให้เขาเข้าใจว่าคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นความผิดพลาดของฝ่ายผู้บริหาร และที่ไปชี้แจงต่อสนช. ถือเป็นเรื่องที่ดี ชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลด้วย ส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์เฟซบุ๊กว่าโดนกลั่นแกล้งทางการเมือง อยากให้ไปชี้แจงที่ศาลจะดีกว่า โพสต์เฟซบุ๊กเหมือนการพูดกับเพื่อน แต่ก็เห็นใจ
ส่วนคดีระบายข้าวแบบจีทูจีนั้น นายวิชากล่าวว่า ยังเหลือบริษัทต่างๆ ที่ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบข้อมูลอยู่ เพราะมีหลายบริษัท และมีข้อมูลมาก แต่ได้กำชับคณะทำงานรีบสรุปสำนวนให้ได้ภายในสิ้นเดือนมี.ค.หรือต้นเม.ย.นี้ โดยจะดำเนินการกับบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกว่า 100 บริษัทในคราวเดียวกัน หลังสรุปสำนวนแล้วจะส่งให้ อสส. นำไปรวมกับสำนวนของนายบุญทรง กับพวก ที่ศาลฎีกาฯ รับฟ้องไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
นายวิชากล่าวถึงการต่ออายุของกรรมการ ป.ป.ช.ว่า เราอย่าไปยุ่งเรื่องนี้ แต่เราจะทำหน้าที่ของเรา แม้จะไม่ได้ต่ออายุก็ไม่มีผลกระทบต่อคดีที่ยังค้างอยู่ เพราะกรรมการที่เหลือยังดำเนินการต่อได้ คดีจะไม่มีทางสิ้นสุด เว้นแต่จะยุบ ป.ป.ช. เรื่องนี้ต้องเข้าใจว่าผู้ที่มีอำนาจสั่งการเรื่องดังกล่าว จะทำให้เราลำบากใจเปล่าๆ และทำให้ประชาชนเกิดความขัดแย้งขึ้น อย่างไรก็ตาม เราต้องทำหน้าที่ต่อ จนกว่าจะมีกรรมการป.ป.ช.คนใหม่เข้ามาแทน ซึ่งเป็นไปตาม มาตรา 12 พ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช.
เมื่อถามว่าระหว่างที่กรรมการนั่งรักษาการจะลงมติชี้มูลคดีได้หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า ต้องดูว่าสมควรหรือไม่ อำนาจมีเหมือนเดิม ส่วนถ้าพ้นไปก่อนแล้วคดีต่างๆ ยังไม่เสร็จกังวลหรือไม่ นายวิชากล่าวว่า ไม่เป็นไร เสร็จแค่ไหนก็แค่นั้น ต้องให้เกียรติคนที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ และคนที่เข้ามาใหม่
กมธ.-สปช.-กกต.กลับมาแล้ว
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตัวแทนจากคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้เดินทางกลับจากไปดูงานด้านการเลือกตั้งที่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี วันที่ 15-20 มี.ค. อาทิ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ เลขานุการกมธ.ยกร่างฯ และสมาชิกสนช. นางทัศนา บุญทอง รองประธานสปช.คนที่ 2 นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. และนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเยอรมัน เป็นต้น
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกกมธ. ยกร่างฯ ให้สัมภาษณ์หลังกลับจากดูงานว่า คณะที่ไปมีความเข้าใจในระบบการเลือกตั้งของเยอรมันมากขึ้น เวลา 3 วันทำให้เห็นและเข้าใจระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม ซึ่งประธานกกต.ได้ดูงานทุกแง่มุม จึงเชื่อว่าจะนำมาใช้กับไทยได้ ทั้งนี้ เยอรมันใช้ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมมายาวนาน มีการปรับปรุง คณะจึงเห็นตรงกันถึงการนำระบบนี้มาปรับใช้ โดยดัดแปลงและกำหนด กฎเกณฑ์ให้เหมาะสม เชื่อว่าไม่ทำให้คนไทยลำบาก เพราะประชาชนจะไปใช้สิทธิเลือก ส.ส.เขตตามปกติ ส่วนระบบบัญชีรายชื่อเป็นของพรรคที่จะไปจัดการ
โต้ระบบสัดส่วนทำพรรคอ่อนแอ
พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า จากการได้พบกับตัวแทนพรรคต่างๆของไทย น่าจะเข้าใจระบบสัดส่วนผสมว่าจะจัดเลือกตั้งอย่างไร การกำหนดคะแนนจะทำอย่างไร เราได้เขียนกฎกติกาในเรื่องนี้ไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญและได้พูดคุยทำความเข้าใจกับพรรคแล้ว ถ้าพรรคมีความเข้มแข็ง คะเนนเสียงก็จะมาเอง
ออกงาน - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และครอบครัว ร่วมงานฉลองมงคลสมรสบุตรสาวพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ณ โรงแรมพลาซ่าแอทธินี เมื่อวันที่ 20 มี.ค. |
โฆษกกมธ.ยกร่างฯกล่าวว่า ประเด็นที่เราสนใจจะนำมาใช้คือการกำหนดคะแนนสัดส่วนขั้นต่ำ ซึ่งเยอรมันถ้าไม่ได้คะแนนเสียงถึงร้อยละ 5 ของประชากรจะไม่นำมาคำนวณจำนวนส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อให้เลย ขณะที่กมธ.ยกร่างฯ มองไว้ที่คะแนนเสียงร้อยละ 0.5 ทั้งนี้เพื่อให้มีเกณฑ์คะแนนสัดส่วนขั้นต่ำไว้บ้างและไม่ให้มีจำนวนพรรคการ เมืองมากเกินไป
"ยืนยันว่าระบบสัดส่วนผสมจะไม่ทำให้พรรคอ่อนแอ เยอรมันใช้ระบบนี้ แต่รัฐบาลยังจัดการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงฝ่ายรัฐบาลที่มีคะแนนเสียงมั่นคง ส่วนประเด็นที่ไทยจะจัดเลือกตั้งโดยกรรมการจัดการเลือกตั้ง(กจต.) ถือเป็นแนวคิดใหม่ ซึ่งยังมีเวลาอีกระยะที่กมธ.ยกร่างฯจะพิจารณาเรื่องการมีกจต.ให้รอบคอบ โดยนำความเห็นจากทุกฝ่ายมาพิจารณา" พล.อ.เลิศรัตน์กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายบวรศักดิ์นัดแถลงข่าวการไปศึกษาระบบเลือกตั้งที่เยอรมนีในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ที่รัฐสภา
สมบัติโพสต์การดูงานเยอรมนี
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงผลการศึกษาดูงานว่า เยอรมนีปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา มีรัฐบาลสหพันธรัฐ รัฐบาลมลรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่น โดยประธานาธิบดี มาจากการเลือกตั้งของสภาบุนเดสตาก หรือสภา ผู้แทนราษฎร และสภาบุนเดสราต หรือสภาตัวแทนจากมลรัฐเป็นประมุขของประเทศ มีวาระ 5 ปี ขณะที่สภาบุนเดสตาก มีสมาชิก 598 คน มาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม ประกอบด้วยการเลือกตั้งส.ส.เขต 299 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อจากการเลือกพรรคอีก 299 คน ซึ่งจะไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากเกินครึ่ง จึงต้องจัดตั้งรัฐบาลผสม
นายสมบัติระบุว่าระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม กำหนดให้คะแนนการเลือกพรรคเป็นคะแนนที่กำหนดจำนวนยอดส.ส.ทั้งหมดของแต่ละพรรค ส่วนส.ส.เขตของแต่ละพรรคได้เท่าไรให้นำมาหักออกจากจำนวนส.ส.ที่คำนวณได้ทั้งหมดจากคะแนนของพรรค เช่น สภาบุนเดสทากมีส.ส. 598 คน ถ้าพรรค A ได้คะแนนพรรค 10% จะได้ส.ส. 59.8 คน ถ้าพรรค A ได้ส.ส.เขต 20 คนจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ =59.8-20=39.8 คน แต่ถ้าพรรค A ได้ส.ส.เขต 65 คนซึ่งมากกว่าจำนวนส.ส.ทั้งหมดที่จะได้จากการคำนวณของคะแนนพรรคคือ 59.8 คน กรณีนี้ให้ถือจำนวนส.ส.เขตที่มากกว่าเป็นหลัก จะทำให้พรรค A ได้ส.ส.ทั้งหมด 65 คนไม่ใช่ 59.8 คน กรณีเรียกว่าโอเวอร์แฮง แมนเดต เมื่อมีโอเวอร์แฮงแมนเดต ทำให้ต้องคำนวณเอาสไลซ์ แมนเดต หรือจำนวนชดเชยเพื่อให้ผลเลือกตั้งมีความยุติธรรมกับทุกพรรค
ชูผู้แทนครึ่งหนึ่งมาจากเลือกตรง
ประธานกมธ.ปฏิรูปการเมืองระบุว่า การเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมมีข้อดี คือได้ผู้แทนครึ่งหนึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน มีความเชื่อมโยงกับประชาชนโดยตรง ขณะที่ส.ส. บัญชีรายชื่อมาจาก การเลือกพรรคจะสะท้อนความนิยมของประชาชนที่มีต่อพรรค และพรรคมีโอกาสคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ ความสามารถ หรือเป็นนักบริหารมืออาชีพ แต่ไม่มีทักษะในการเลือกตั้งในพื้นที่ให้อยู่ในระบบบัญชีรายชื่อได้
นายสมบัติกล่าวว่า จุดอ่อนคือส.ส.บัญชีรายชื่อไม่เชื่อมโยงกับประชาชน และประชาชนไม่มีส่วนคัดเลือกว่าจะเลือกใคร อำนาจการคัดเลือกเป็นของหัวหน้าพรรคหรือกรรมการพรรคเท่านั้น ขณะที่คณะรัฐมนตรี นายกฯ ไม่มีอำนาจยุบสภาโดยตรง ยกเว้นกรณีนายกฯขอมติความไว้วางใจจากสภาแล้วไม่ได้รับความไว้วางใจ นายกฯจึงจะมีอำนาจยุบสภา นอกจากนี้การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะกระทำได้เฉพาะกรณีนายกฯ ขอให้สภามีมติไว้วางใจเท่านั้น
พท.ชี้รธน.ใหม่เพิ่มอำนาจขรก.
นายอำนวย คลังผา อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าขณะนี้ประชาชนวิตกร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสนช. สปช.กำลังจัดการเรื่องที่เป็นของประชาชนโดยพลการ โดย เฉพาะส.ส.ที่ไม่ต้องสังกัดพรรคงทำให้พรรคไม่เข้มแข็ง อยากให้ใช้ระบบเดิมที่พรรคการ เมืองส่งผู้สมัคร ซึ่งเรียกว่าพรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค ขณะนี้มีการประกาศ กฎอัยการศึก ทำให้ประชาชนแสดงความเห็นหลากหลายไม่ได้ หากคนส่วนใหญ่ลงมติไม่เห็นด้วยจะต้องเลื่อนไปอีก ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น สิ่งที่ร่างมาขณะนี้ประชาชนไม่เอาอยู่แล้ว
นายอำนวยกล่าวว่าการปฏิรูปในระบอบประชาธิปไตยต้องลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจให้ประชาชน แต่ที่ทำอยู่ขณะนี้กำลังลดอำนาจการเมือง เพิ่มอำนาจราชการ ประชาชนหมดโอกาสแสดงความเห็น อยากฝากสนช. กมธ.ยกร่างฯ ทบทวนตั้งแต่ที่จะรับร่าง หากไปแบบนี้จะเป็นผลเสียในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะมีขึ้นในเดือนก.พ. 59 อยากให้กมธ.ยกร่างฯทำในสิ่งที่ดีงาม เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ หากไม่ทบทวนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้คงจะอยู่ไม่ยืด ทำถอยหลังไป 20 ปี มันไม่ใช่ ตอนนี้ไม่ได้เกิดวิกฤต อยากให้กำหนดในรัฐธรรมนูญว่า หากพรรคใดไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งให้ยุบพรรคและตัดสิทธิ 10 ปี หากไม่ใส่ไว้ก็จะเกิดการปฏิวัติอีก แต่จากการประเมินสุดท้ายแล้วคิดว่ากมธ.ยกร่างฯ คงไม่แก้ไขตามที่เรียกร้อง
วิษณุระบุ 19 พ.ค.-ปูต้องไปศาล
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในวันที่ 19 พ.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องไปปรากฏตัวต่อศาล ไม่ไปไม่ได้ หากไม่ไปศาลคงจะเลื่อนการพิจารณาคดีและออกหมายจับต่อไป จากนั้นศาลจะส่งสำเนาฟ้องไปยังน.ส.ยิ่งลักษณ์ภายใน 7 วัน โดยการนัดวันที่ 19 พ.ค.นี้ เพื่อถามว่าจะรับสารภาพหรือไม่ โดยศาลจะอ่านคำฟ้องและอธิบายให้ฟัง จากนั้นจะถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าจะให้การอย่างไร โดยกฎหมายระบุว่า ไม่ว่าจะให้การอย่างไรจะต้องจดไว้ ตนเชื่อว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์จะต้องไป หากจำเป็นไม่สามารถเดินทางไปได้ สามารถบอกศาลล่วงหน้า เพื่อเลื่อนการพิจารณาคดี และรอให้ศาลอนุญาต แต่ถ้าให้ศาลนั่งบัลลังก์แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาจะเป็นเรื่องแน่นอน ใครเคยเป็นจำเลยคงรู้ดีและไม่มีทนายที่ใดไม่ทราบเรื่องขั้นตอนเหล่านี้ ที่เคยพูดกันมาตลอดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องไปหรือไม่ วันนี้ถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว
นายวิษณุกล่าวว่า ในวันดังกล่าวศาลจะระบุว่าการเดินทางไปต่างประเทศของน.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องทำอย่างไร และการสืบพยานจะมีไปในทุกวันที่เท่าไหร่ จำเลยจำเป็นที่จะต้องมาหรือไม่ เป็นต้น เมื่อถามกรณีที่น.ส. ยิ่งลักษณ์ระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว นายวิษณุกล่าวว่าก็เป็นเรื่อง ของเขา
ตั้งแล้วกก.คตร.-สอบงบฯสปสช.
นายวิษณุยังกล่าวถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของสปสช. ว่าตนและนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ทาบทาม และมีการแต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว โดยพล.ต.ธนาคาร เกิดในมงคล คณะทำงานในคณะกรรมการติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เป็นประธาน มีน.ส.อมรวดี จักรไพวงศ์ ตัวแทนจากสำนักงบประมาณ เป็นกรรมการ นายไชยา ยิ้มวิไล ผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ โดยรวมนั้นมีกรรมการประมาณ 3-4 คน กรรมการชุด ดังกล่าวจะทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องของงบประมาณสปสช. การใช้เงิน การบริหารกองทุน ไม่ใช่การตรวจสอบที่ตัวบุคคล หรือการตรวจสอบทางวินัย
ส่วนคณะกรรมการที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นได้แต่งตั้งไปแล้ว มีนางชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ชุดนี้จะดูเรื่องข้อเท็จจริงต่างๆ ขณะที่ชุดที่ตั้งใหม่นั้นดูเรื่องการเงิน จึงได้ตั้งผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงินมาเป็นกรรมการ
บิ๊กตู่อ้างส่งออกยุโรป-มะกันดีขึ้น
ค่ำวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ทางสถานีโทรทัศน์ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงชะลอตัว ภาคการส่งออกได้รับผลกระทบอยู่บ้างพอสมควร เรามีการส่งออก 70% ของจีดีพี ซึ่งจีดีพีคือรายได้ทั้งประเทศ ถ้าส่งออกลดลง จีดีพีก็ลดลงตามสัดส่วน ฉะนั้นทำอย่างไรเราจะขับเคลื่อนไปได้ ทุกคนต้องช่วยกัน ในส่วนของภาษีบ้าง ความร่วมมืออื่นๆ ด้วย เสียสละกันบ้าง
นายกฯกล่าวว่า อย่าให้ต้องใช้แต่กฎหมาย ใช้อำนาจ ใช้ระเบียบ ใช้คำสั่งมากมาย อย่าให้ต้องบังคับกันขนาดนั้น เรื่องการจัดระเบียบ การดูแลความปลอดภัย การไม่ทิ้งขยะ สังคมช่วยกันจะทำให้เป็นสังคมที่น่าอยู่ ไม่ขัดแย้ง ถ้าทุกคนช่วยกันจะไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น ไปสร้างความขัดแย้งหรือถูกชักนำในทางที่ไม่ถูกต้อง
นายกฯกล่าวว่า การค้าขายเรากับสหรัฐยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น การส่งออกดีขึ้น ยุโรปก็ดีขึ้น แต่ต้องระมัดระวังเรื่องสินค้าประมง เรื่องการค้ามนุษย์ให้ได้ ตอนนี้เร่งคณะกรรมการขับเคลื่อนเรื่องนี้ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ความมั่นคง กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทุกคนต้องร่วมมือ ตนถือว่ารับผิดชอบร่วมกัน ที่ผ่านมาปล่อยให้เป็นอย่างนี้มาไม่ได้ ต้องแก้ไขให้ได้ภายใน 1 เดือน ทุก 1 เดือนต้องมีความคืบหน้า อย่าไปแก้ตัว เราต้องยอมรับว่าปัญหาอยู่ที่ไหน ถ้าเราหมกไว้เรื่อยๆ ก็ไปอย่างนี้แล้วถึงเวลาเราก็แก้ไม่ได้
อดทนฟังเวลาพูด-ขรก.ได้ยินตรง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในการแก้ปัญหายางพาราตกต่ำ ตนให้ทุกกระทรวงไปรวบรวมความต้องการใช้ยางพารา เช่น ไปทำพื้น อ่างเก็บน้ำในพื้นที่ที่เก็บน้ำไม่ได้ สนามกีฬาฟุตซอล หรือสนามวิ่ง ลู่วิ่ง กำลังเร่งดำเนินการ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯเร่งดำเนินการเรื่องนี้ด้วย ซึ่งในการประชุมครม.ที่หัวหิน จะนำของเหล่านี้ไปแสดงว่าเราทำอะไร ในวันที่ 27 มี.ค.จะมีการประชุม รัฐมนตรีจะได้พูดคุยกันในที่สบายๆ บ้าง เพราะเราทำงานหนักมาตลอด ขอบคุณทุกคนด้วย
"ขอความร่วมมือ ช่วยกันฟังด้วยเวลาผมพูด อดทนเล็กน้อย ผมพยายามเต็มที่ ถ้าผมไม่พูดก็ไม่รู้ ข้าราชการจะได้ฟังผมโดยตรงได้ บางทีต้องผ่านเจ้ากระทรวง กว่าจะลงไปข้างล่าง ผมเข้าใจว่ารัฐมนตรีโอเค ปลัดโอเค แต่หลังจากปลัดลงไปแล้วอาจจะถ่ายทอดไม่ครบ ผมถึงได้มาพูดยาว เพราะหลายอย่างสั่งไม่ได้ ต้องทำความเข้าใจด้วย ขอร้องอะไรที่ฟังยังไม่ได้จบ ยังไม่เข้าใจ คราวที่แล้วมีปัญหาเรื่องภาษีที่ดิน ไว้อธิบายกันต่อว่าจำเป็นอย่างไร ใครจะได้ใครจะเสียอย่างไร ไม่ใช่ว่าพอมองคำว่าเสียอย่างเดียว แล้วไม่ได้ ผมมาพูด ไม่ได้มุ่งหวังให้ใครเดือดร้อน แต่ทุกคนต้องร่วมมือกับรัฐในการพัฒนาชาติ ถ้าไม่ร่วมมือ รัฐอย่างเดียวไปไม่ได้" นายกฯกล่าว
จ่อปรับระบบราชการ-รสก.ทำแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้อย่าให้ต้องบังคับกันด้วยกฎหมายมากนัก แต่ต้องมีกฎหมายเพราะเราจะปฏิรูปประเทศ ต้องปรับปรุงทั้งระบบ ถ้าเราไม่แก้ทุกอัน ทั้งระบบก็เสียหมด วันนี้ต้องปรับ เราปรับรัฐวิสาหกิจแล้ว ราชการกำลังทำอยู่ เรื่องความโปร่งใส เป็นธรรม ประสิทธิภาพก็แก้หมด ต่อไปต้องไปดูในเรื่องเอกชน ธุรกิจต่างๆ ต้องโปร่งใส แต่อย่าไปพูดข้างนอก พูดกับสื่อ ไม่เป็นประโยชน์ พูดกับตนกับรัฐบาล ติดต่อไปที่กระทรวง ซึ่งตนสั่งการไปแล้วทุกกระทรวง ต่อไปจะตั้งคณะทำงานเพื่อรองรับ ดังนั้น อย่ามาบ่นข้างนอก ทุกคนต้องช่วยกัน อย่าฟังข้างเดียว
"ผมพูดมากอีกแล้ว ตั้งใจจะพูดให้น้อยลง อยากให้เป็นการคืนความสุขของคนในชาติ ของ คสช. และรัฐบาลนี้ ทุกคนต้องช่วยกัน ต้องเหน็ดเหนื่อย ต้องสร้างพลังอันแน่วแน่ที่จะแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองให้ได้ อย่างอื่นมีความสำคัญน้อยกว่าเรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจโลก เรื่องประชาธิปไตยสำคัญเหมือนกัน แต่ค่อยๆ เดินไปตามโรดแม็ป ไม่เห็นต้องมาขัดแย้งกันมาก ทุกคนเขาตั้งใจ สปช. สนช.ตั้งใจทำงานทุกคน วันนี้ถ้ายังไม่เข้าใจกัน ไปไม่ได้แน่นอน ปฏิรูปไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
"บิ๊กตู่"ยันไม่ล้มภาษีบ้าน-ที่ดิน
เมื่อวันที่ 20 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่ารัฐบาลยังไม่มีแนวความคิดที่จะปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากอัตรา 7% เป็น 10% เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รัฐบาลจะชะลอการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มออกไปก่อนจนกว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นซึ่งจะดีเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็ในปี 2558 ก็จะยังไม่พิจารณาเรื่องนี้ แต่ถ้าเศรษฐกิจดีก็ค่อยว่ากัน แต่ถ้ามันยังไม่ดีก็รอไปก่อนยังไม่ปรับขึ้น
สำหรับเรื่องของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปศึกษาทั้งสองแนวทาง ว่าจะเก็บภาษีรวมกันทั้งสองส่วนทั้งที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือจะเก็บภาษีแยกกันโดยอาจจะเก็บในเรื่องของที่ดินอย่างเดียวก็ได้ ทั้งนี้อยากให้ทำความเข้าใจในการรับรู้ออกไปว่าที่ดินหากมีมากก็ต้องเสียมาก ซึ่งการจะเก็บแยกกันหรือไม่ที่สำคัญก็คือต้องมีมาตรฐานเดียวกัน บนหลักการเดียวกันคนที่มีที่ดินมากก็จ่ายมากคนที่มีน้อยก็จ่ายน้อย รัฐบาลยังมีแนวความคิดว่าจะผลักดันเรื่องภาษีที่ดินฯ ให้ได้ภายในรัฐบาลนี้ แต่ไม่ได้ทำเพื่อรัฐบาลนี้เป็นการเตรียมพร้อมไว้สำหรับรัฐบาลต่อไปเนื่องจากกว่าที่ภาษีนี้จะมีผลบังคับใช้ก็ต้องมีการประเมินมูลค่าที่ดินมีขั้นตอนต่างๆ อีกมาก ซึ่งกว่าจะมีผลบังคับใช้ก็ต้องเป็นในปี 2560
"เก็บวันนี้ได้ที่ไหน ผมไม่ได้ใช้สักบาท หากไม่ทำวันนี้ รัฐบาลใหม่ก็ไม่มีเงินในการพัฒนาประเทศ ผมไม่ได้วางยาอะไรเลยนะ เรื่องภาษีต้องปรับปรุง เพราะทุกวันนี้เราเสียภาษีไม่ถึง 20 % แต่ทั่วโลกเขาขึ้นไป 30-40% แต่เราคงไปไม่ถึงต่างประเทศเพราะรายได้ยังไม่ดี แต่จะทำอย่างไรเพราะยังมีเรื่องการรักษาพยาบาล เรียนฟรี แม้ว่าทั่วโลกจะเลิกไปแล้ว แต่เรายังเลิกไม่ได้เพราะประชาชนเดือดร้อน แต่ทำอย่างไรถึงจะเพิ่มรายได้ให้ได้ ดังนั้นใครมีรายได้มากต้องช่วยรัฐ เพื่อความเป็นธรรม ถ้าไม่เก็บวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่ได้ ซึ่งที่มีรายได้มากเพราะมีทรัพย์สินมาก ถ้ามีน้อยท่านก็เสียน้อย 1% เท่ากัน มี 100 บาทก็เสีย 1 บาท มี 1,000 บาท ก็เสีย 10 บาท และเมื่อมีที่ดินหมื่นไร่แสนไร่ก็เสียมาก และถ้าปีหน้าขึ้นเป็น 2% แล้วไม่ปล่อยให้เช่าที่ดินหรือขาย ไม่นำมาทำประโยชน์ก็ต้องเสียมากขึ้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ด้านม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันรัฐบาลชุดนี้ยังไม่มีแนวคิดจะปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม จากปัจจุบันอยู่ที่ 7% แน่นอน เพราะไม่ต้องการให้ส่งผล กระทบต่อการใช้จ่ายของประชาชน ขณะที่การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นคงชะลอออกไปก่อนเพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจน โดยยืนยันว่าทางรัฐบาลยังไม่ได้ยกเลิกนโยบายนี้
มาร์ค-เทือกยื่นแจงคดีสลายแดง
เมื่อวันที่ 20 มี.ค. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯในฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ในคดีสั่งสลายการชุมนุมทางการเมืองกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปี 2553 ว่า เมื่อผู้ถูกกล่าวหาส่งผู้แทนมารับทราบข้อกล่าวหาแล้วนั้น ต้องมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันตามกฎหมาย ซึ่งครบกำหนดวันที่ 25 มี.ค.นี้ ขณะนี้ป.ป.ช.ก็รออยู่ สามารถชี้แจงเป็นเอกสารลายลักษณ์อักษรหรือมาด้วยตัวเองก็ได้ ส่วนจะอ้างพยานใครบ้าง ป.ป.ช.ต้องมาพิจารณาตามหลักกฎหมายว่ามีความจำเป็นและมีน้ำหนักต่อคดีหรือไม่ ต้องดูก่อนว่ามีการขอสืบพยานหลักฐานเป็นเอกสารหรือเป็นบุคคลใครบ้างอย่างไร
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาจะยื่นเอกสารชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ป.ป.ช. ภายในวันที่ 25 มี.ค.ตามกำหนด และขอจะมาให้ถ้อยคำด้วยตัวเองในภายหลัง เนื่องจากเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 2553 ขอเวลาทำความเข้าใจก่อน ส่วนการขอพยานเพิ่มหรือไม่นั้น คงยื่นมาพร้อมกับเอกสารหลักฐาน หากยื่นมากี่คน ป.ป.ช. ก็ต้องพิจารณาอีกครั้ง ตอนนี้ป.ป.ช.รอให้ยื่นเอกสารมาอยู่
เมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์เคยอ้างถึงชื่อพยานที่จะยื่น อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพิจารณาอย่างไร นายวิชากล่าวว่า ต้องพิจารณาว่ามีความจำเป็นต่อรูปคดีแค่ไหนเพียงใด ต้องสอบถามจากผู้ยื่นมาก่อน คล้ายกับกรณีเคยถามตอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ยื่นพยาน
เมื่อถามว่ารายชื่อเหล่านั้นขณะนี้เป็นผู้มีอำนาจจะถือเป็นแรงกดดันต่อการทำงานป.ป.ช.หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า ไม่มี นี่เป็นเรื่องการตรวจสอบที่จะต้องให้ความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน