- Details
- Category: การเมือง
- Published: Saturday, 21 March 2015 16:51
- Hits: 3717
วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8879 ข่าวสดรายวัน
อย่าดึง'ยูเอ็น'มาเกี่ยว บิ๊กตู่ว้าก ย้ำไม่มีซ้อมทีมบึ้ม 'บิ๊กโด่ง'ก็โต้-ฮึ่มฟ้อง คนกล่าวหาจนท.ทารุณ ทหารส่งตัวให้ตร.อีก 3 โยง'เอนก ซานฟราน'
'บิ๊กตู่'ชี้อย่าดึงยูเอ็นเข้ามาเกี่ยวคดีบึ้ม ยันไม่มีซ้อม4 ผู้ต้องหา ชี้ทั้งหมดมีหลักฐาน ด้านบิ๊กโด่งก็ยัน-ไม่มีตื้บผู้ต้องหา ไร้การละเมิดสิทธิมนุษยชน ฮึ่มฟ้องผู้บิดเบือนปมทารุณ ขณะที่ทหารส่งตัวอีก 3 ร่วมทีมบึ้มให้ตร. ตรวจร่างกายทันที-ไร้ร่องรอยทำร้าย ก่อนแจ้งข้อหาก่อการร้าย อั้งยี่ซ่องโจร หนึ่งในผู้ต้องหาให้การลูกชายทำงานที่ร้านของเอนก ซานฟราน จากนั้นลูกโทร.มาให้โอนเงิน 2 ครั้ง ตร.เผยทั้งหมดทำหน้าที่รับ-โอนเงิน แต่ให้การภาคเสธ ระบุไม่เกี่ยวข้องคดีบึ้มศาล ก่อนคุมตัวไปทำแผน-ชี้จุดรับและโอนเงินที่ห้างดัง สรุปออกหมายจับแล้ว 19 คน แต่ยังหลบหนีอีก 3 จ่อออกหมายเพิ่มอีก
จากกรณีศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนออกแถลงการณ์ หลังรับเรื่องร้องเรียนจาก 4 ผู้ต้องหาคดีปาระเบิดหน้าศาลอาญา ประกอบด้วย นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นายนรพัฒน์ เหลือผล และนายวิชัย อยู่สุข โดยอ้างว่าถูกซ้อมและทำร้ายร่างกายระหว่างถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก จึงวอนให้คสช.-ทหารยุติใช้กฎอัยการศึก ตรวจร่างกายทั้ง 4 คน แล้วให้ตำรวจหาตัวคนทำมาลงโทษ นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ให้ความสนใจกรณีที่เกิดขึ้น โดยเตรียมส่ง เจ้าหน้าที่บินมาตรวจสอบเอง ด้านคสช.ก็ออกมาโต้ พร้อมยืนยันไม่มีการซ้อมหรือทารุณผู้ต้องหาตามที่กล่าวอ้าง ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
บิ๊กตู่ ลั่นอย่าลากยูเอ็นมาเกี่ยว
สำหรับ ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวกรณีดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังสอบอยู่ แต่ไม่น่าใช่ เพราะทุกครั้งก็ย้ำไปอยู่แล้ว ซ้อมไปจะได้อะไรขึ้นมา ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมาเลย ทั้งหมดอยู่ที่หลักฐาน
"ผมถามว่า วันนี้อย่าไปดูเรื่องซ้อมเพียงอย่างเดียว อยากให้ไปดูว่าความผิดนั้นมีหรือไม่ และมีหลักฐานทั้งการใช้โทรศัพท์ก็มี การโอนเงินก็มี แต่คนเหล่านี้ก็กลับมาอ้างเรื่องซ้อม ผมจึงอยากให้เอาทั้งสองอย่างมา ดูด้วยกันทั้งคู่ ใครผิดใครถูกก็ว่ากันมา" นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ถึงขนาดไปร้องกับยูเอ็นในเรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ไปร้องมา ไปร้องเถอะ เจ้าหน้าที่มีหลักฐานอยู่แล้ว ตนมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่แล้ว มีการถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานอยู่
เมื่อถามว่า หมายความว่าพร้อมให้ยูเอ็นเข้ามาร่วมตรวจสอบคดีดังกล่าวใช่หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า "เออๆ แต่อย่าไปลากเขาเข้ามานัก มันเป็นปัญหาของเรา ทำไมเวลาที่ประชาชนเดือดร้อน บาดเจ็บ ล้มตายไปร้องกับเขาบ้างหรือเปล่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ดูแลเขาบ้างหรือไม่ ได้ดูแลข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ประชาชนที่บริสุทธิ์บ้างหรือไม่ แต่พอมีผู้ต้องหาขึ้นมาก็ไปดูแล ผู้ต้องหา ซึ่งมันก็ใช่ แต่ต้องย้อนกลับไปดูกันบ้างว่าที่ผ่านมาได้ดูแลข้าราชการเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ที่โดนไล่ล่า ไล่ตี มีการร้องเรียนให้ทหารบ้างหรือยัง เท่าที่รู้ก็ยังเลย"
ผบ.ทบ.ยันไม่มีซ้อมทีมบึ้ม
ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคสช. กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ยืนยันการใช้กฎหมายพิเศษอยู่ในกรอบ ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีความเข้าใจว่า อำนาจขอบเขตที่ต้องดำเนินการมีเท่าไร การทำร้ายร่างกายไม่มีการปฏิบัติอย่างแน่นอน ซึ่งตรงนี้ต้องชี้แจงและตรวจสอบความเป็นจริง ยินดีที่ต้องมีการตรวจสอบ และยืนยันว่าเราจะไม่ทำเช่นนั้น
พล.อ.อุดมเดช กล่าวอีกว่า เรื่องการใช้กฎหมาย ขอทำความเข้าใจและขอความเข้าใจต่อประชาชนอีกครั้งหนึ่งว่า กองทัพบกมีความจำเป็นในการดูแลความสงบในขณะนี้ในภาพรวมของคสช. ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผบ.ทบ. กล่าวต่อว่า เราน่าที่จะให้ความร่วมมือและทำความเข้าใจกัน ในเรื่องของการที่จะเห็นในพื้นที่ต่างๆ สงบเรียบร้อย ไม่มีเหตุรุนแรง โดยเฉพาะในเรื่องของการก่อเหตุวางระเบิดตามจุดต่างๆ ให้ทุกคนคิดดูว่าถ้าในเขตชุมชนมีญาติพี่น้องของพวกเราอยู่ในเขตชุมชนแล้วเกิดเหตุระเบิด และสะเก็ดระเบิดเข้ามาถูกตามร่างกาย หรือเข้าที่ดวงตาตาบอด เมื่อเกิดกับใครแล้ว มันเป็นสิ่งที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เราต้องไม่ให้เกิดในเรื่องเหล่านี้ขึ้น เพราะฉะนั้นการที่ผู้มีหน้าที่จำเป็นต้องใช้กฎหมาย ขอให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งควรที่จะแสดงออกถึงการสนับสนุน ได้ให้นโยบายว่าสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับความร้ายแรงจะสามารถใช้กฎหมายพิเศษได้ แต่จะใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น และการดำเนินการเป็นไปตามกรอบ ไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชน
ฮึ่มฟ้องบิดเบือนตื้บผู้ต้องหา
"ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่เข้าใจถึงอำนาจ ขอบ เขตการดำเนินการ ที่จะไม่ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะการทำร้ายร่างกายผู้ต้องหา เราจะไม่ทำเด็ดขาด ต้องชี้แจง ตรวจสอบความเป็นจริงได้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ก็พร้อมให้ตรวจสอบด้วย ทั้งนี้ผู้ที่ไปบิดเบือนว่าถูกทำร้าย กองทัพบกมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งที่ไม่อยากดำเนินการ เพราะกองทัพไม่เห็นใครเป็นศัตรู แต่ใครกระทำผิดต้องถูกสอบสวนและถูกลงโทษ ใครที่ทำดีเราก็ควรให้กำลังใจ เพราะมีการกล่าวก้าวล่วงกองทัพบกในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ผมจะดำเนินการตามกฎหมาย" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
เมื่อถามว่า แนวโน้มจะนำตัวนายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน ที่หลบหนีในต่างประเทศมาดำเนินคดี พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีการซัดทอด และมีข้อมูลชัดเจนว่าเกี่ยวพันกับความรุนแรงที่ผ่านมา ขณะนี้รัฐบาลและคสช. พยายามจะนำผู้กระทำความผิดที่หลบหนีไปต่างประเทศกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศก็เร่งดำเนินการอยู่
ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยธ. กล่าวว่า ได้ออกหมายจับ ผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศแล้ว 30 คน และอีก 1 คนยังออกหมายจับไม่เรียบร้อย ซึ่งหลบหนีอยู่ใน 7 ประเทศ ส่วนใหญ่หลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็มีชื่ออยู่ในกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับใน 30 คนแล้ว ทั้งนี้ เราต้องการได้ตัว ผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมาย แต่ขณะเดียวกัน ต้องเคารพกฎหมายของ ประเทศนั้นๆ ด้วย
ส่งตัวให้อีก 3-ร่วมทีมระเบิด
ต่อมาเวลา 14.30 น. ทหารกองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11) นำตัวผู้ต้องหาคดีปาระเบิดศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก มาส่งให้คณะพนักงานสอบสวนเป็นชุดที่ 5 รวม 3 ราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาชุดสุดท้าย หลังทหารควบคุมตัวไว้สอบสวนตามกฎอัยการศึก ประกอบด้วย นายวสุ เอี่ยมละออ อายุ 38 ปี นายสมชัย อภินันท์ถาวร อายุ 53 ปี เกี่ยวข้องกับการโอนเงินค่าจ้างให้กลุ่มผู้ต้องหา และนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ อายุ 53 ปี รับเงินโอนค่าจ้างวางระเบิด แต่ไม่ได้ลงมือ โดยมีพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รองผบก.น.6 รอรับผู้ต้องหาไปสอบสวนต่อ
จากนั้นเจ้าหน้าที่คุมตัวทั้ง 3 คน ไปให้พ.ต.ท.ธัญลักษณ์ ธุดี นายแพทย์ (สบ3) ร.พ.ตำรวจ ตรวจร่างกายทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนแยกสอบปากคำแต่ละคนและแจ้งข้อหาร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันจ้างวานใช้ ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีเครื่องกระสุนปืน และยุทธภัณฑ์ทางทหารที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ได้ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พกพาอาวุธปืนไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร
เชื่อมโยง'เอนก ซานฟราน'
นายสมชัย ให้การถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการโอนเงินในคดีระเบิดว่า นายธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร อายุ 28 ปี ลูกชายติดต่อมาทางไลน์ให้โอนเงินให้ โดยลูกชายกำลังเรียนต่อปริญญาโทและอยู่ที่ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา และทำงานอยู่ที่ร้านคิงส์ออฟไทยนู้ดเดิ้ล หรือราชาก๋วยเตี๋ยวเรือ มีเจ้าของร้านชื่อนายต๋อย ตนไม่ทราบว่าลูกทำงานเป็นลูกจ้างนายต๋อยมากี่ปีและได้เงินเดือนเท่าไร โดยลูกชายรับเงินดอลลาร์สหรัฐจากนายต๋อย ก่อนติดต่อไลน์ให้โอนเงินพร้อมส่งเลขบัญชีให้ ครั้งแรกโอนเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ 50,000 บาท เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2558 และครั้งที่ 2 โอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ 50,000 บาท เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2558 โดยตนไม่ทราบชื่อเจ้าของบัญชี ครั้งที่ 2 โอนให้ผู้หญิง ชื่อ "แอน" ที่สนิมสนมกับนายต๋อย ทราบข้อมูลโอนเงินเพียงว่าเนื่องจากญาติของแอนไม่สบาย
นายสมชัย กล่าวว่า ตนไม่รู้จักเจ้าของร้าน ไม่เคยเจอตัว ไม่เคยคุยโทรศัพท์และทางไลน์ นายต๋อยก็รู้ว่าตนเป็นคนโอนเงินให้ ลูกชายก็เคยส่งรูปภาพนายต๋อยมาให้ดูทางไลน์ เงินจำนวน 1 แสนบาทของตนที่โอนให้ลูกชายไปแล้วก็มีการหักเงินคืน จากค่าวิตามิน รองเท้าและกระเป๋า โดยลูกชายส่งสินค้าที่ตนสั่งเพื่อเอาไปขาย ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ทหารไปควบคุมตัวที่บ้าน โดยถูกควบคุมตัวมาแล้ว 2 วัน ไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย และบังคับให้รับสารภาพ ตนคิดว่าลูกชายไม่รู้ว่ามีการนำเงินไปก่อเหตุความรุนแรง ถ้าเขารู้คงไม่ให้พ่อไปทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย ลูกชายเรียกคนอื่นมาทำไม่ดีกว่าหรือ ตนและลูกชายไม่เคยไปร่วมชุมนุมทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง มั่นใจว่าลูกชายโดนนายต๋อยหลอกใช้แน่นอน ลูกชายเองก็เสียใจหลังทราบข่าวว่าตนโดนจับ
มีรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวนได้นำรูปถ่ายนายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซาน ฟราน ผู้ต้องหาคดีระเบิดให้ดู โดยนายสมชัยยืนยันว่า นายต๋อย เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว เป็นคนเดียวกันกับนายเอนก ซานฟราน จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การภาคเสธ รับสารภาพว่ามีการรับเงินและโอนเงินจริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีปาระเบิดศาลอาญา ส่วนนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ รับเงินค่าจ้าง แต่ไม่ได้ลงมือนั้น ชุดสืบสวนระบุว่า นายสุรพลรับงานก่อเหตุ 3 แห่ง ที่ศาลอาญา ราบ 11 และสวนจตุจักร แต่ถูกทหารจับกุมได้ก่อน
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำนาน 1 ชั่วโมงครึ่งจึงเสร็จสิ้น จากนั้นนำตัวทั้งหมดไปชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ ทำธุรกรรมการโอนเงินให้กลุ่มผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุวางระเบิด โดยนายสมชัย ชี้จุดบริเวณตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงไทย ในอาคารจามจุรี สแควร์ ย่านสามย่าน โดยให้การว่าเมื่อวันที่ 2 ก.พ. กดเงินสด 50,000 บาท จากนั้นนำเงินไปโอนที่ตู้ฝากเงินอัตโนมัติของธนาคารไทยพาณิชย์ที่อยู่ใกล้กันและพาไปชี้จุดโอนเงินที่ห้างโลตัส สาขาบางใหญ่ จ.นนทบุรี และนายวสุ ชี้จุดโอนเงินที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว
ตร.ตรวจร่างกายไร้ร่องรอย
ต่อมาพล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ทหารนำผู้ต้องหาตามกฎอัยการศึกและมีหมายจับของ บช.น. ก่อเหตุความไม่สงบทั้ง 2 กรณี เหตุการณ์แรกเป็นเพียงความพยายาม ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 ก่อเหตุที่ศาลอาญาได้สำเร็จ โดยทหารนำตัวนายสมชัย นายวสุ และนายสุรพล มาส่งให้พนักงานสอบสวนและตรวจร่างกายไว้เรียบร้อยแล้วทั้ง 3 คน แพทย์ยืนยันว่าไม่มีร่องรอยถูกทำร้ายหรือได้รับบาดเจ็บ
เมื่อถามว่า จะมีการเข้าไปตรวจสอบร่าง กายผู้ต้องหาที่ร้องเรียนว่าถูกทำร้ายในเรือนจำหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า กรณีขั้นตอนการตรวจสอบดังกล่าวเป็นเรื่องคนละกรณีกับคดีที่เกิดเหตุ ในเรื่องร่องรอยบาดแผล ทางเรือนจำได้ตรวจร่องรอยบาดแผลอยู่แล้ว เป็นดุลพินิจของทางเรือนจำว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ด้านพล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวถึงกรณีมีผู้ต้องหาร้องเรียนถูกทำร้ายว่า ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย เพราะระหว่างที่รับตัวได้ให้แพทย์ตรวจร่างกายไว้แล้ว ส่วนที่ผู้ต้องหาร้องเรียนว่าถูกทำร้ายระหว่างควบคุมของทหารต้องตรวจสอบหรือไม่นั้น ในชั้นสอบสวนไม่เห็นมีผู้ต้องหาคนใดกล่าวถึง เพราะพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำชัดเจนแล้วว่าไม่มีการซ้อม โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำแพทย์และผู้ต้องหาไว้หมดแล้ว ซึ่งการตรวจสอบผู้ต้องหาถูกซ้อมนั้น เป็นคนละประเด็นกับกรณีที่มีเหตุระเบิดเกิดขึ้น หากผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ตรวจสอบก็จะดำเนินการ แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ถือว่ากระบวนการสอบสวนสมบูรณ์แล้ว
แฉทำหน้าที่รับ-โอนเงิน
ขณะที่พล.ต.ต.ชยพล กล่าวถึงความเชื่อมโยงของกลุ่มผู้ต้องหาว่า เหตุการณ์ครั้งแรกเกิดขึ้นในพื้นที่สน.โชคชัย แต่ไม่สำเร็จนั้น นายสุรพล เป็นผู้ลงมือรับงาน ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในพื้นที่ สน.พหลโยธิน ก่อเหตุขว้างระเบิดศาลอาญาจนประสบความสำเร็จ เป็นกลุ่มของ นายมหาหิน ขุนทอง และนายยุทธนา เย็นภิญโญ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ การจัดกลุ่มตามแผนผังล่าสุดเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของการเงิน มีนายมนูญ หรือต๋อย ชัยชนะ ฉายาเอนก ซานฟราน เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา มีความเชื่อมโยงกับนายสมชัย เป็นกลุ่มที่อยู่เมืองไทยและมีลูกชายชื่อนายธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร เรียนหนังสืออยู่ที่ซานฟรานซิสโก และทำงานรับจ้างที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของนายเอนก ซานฟราน โดยบอกให้นายสมชัยโอนเงิน 2 ครั้ง ซึ่งในการโอนเงินครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2558 ให้นายวสุ 50,000 บาท เชื่อมโยงกับนางวาสนา บุษดี ที่ได้รับคำสั่งจากนาง สุภาพร หรือเดียร์ มิตรอารักษ์ ผู้จ้างวานให้ก่อเหตุครั้งแรก
ผบก.น.6 กล่าวด้วยว่า นางสุภาพร จ่ายเงินให้นายสุรพล แต่ไม่ได้ก่อเหตุ ครั้งที่ 2 จ่ายผ่านให้กลุ่มนายวิระศักดิ์ หรือใหญ่ พัทยา กระทั่งให้นายมหาหิน และยุทธนาลงมือ ประสบผลสำเร็จ ส่วนการโอนเงินครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2558 นายธนาวุฒิติดต่อนายสมชัย ผ่านทางไลน์ให้โอนเงิน 50,000 บาท เข้าบัญชีของนายธราเทพ มิตรอารักษ์ ลูกชายนางสุภาพร หรือเดียร์ โดยนางสุภาพรให้การว่าจะนำเอาเงินดังกล่าวไปเยียวยาผู้ก่อเหตุ จากการสอบสวนผู้ต้องหานายสมชัย ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ นายวสุให้การรับสารภาพสอดคล้องกันว่านำเงินดังกล่าวใช้ทำอะไรบ้าง นอกจากนี้นาย สุรพลให้การรับสารภาพว่าจะก่อเหตุวางระเบิด 5 จุด รับเงินค่าดำเนินการไปแล้วเพียง 3 จุด รวม 15,000 บาท โดยยังไม่ได้ลงมือ
จ่อออกหมายจับทีมบึ้มเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีคนร้ายปาระเบิดศาลอาญา คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน บช.น. รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลทหารกรุงเทพฯไปแล้ว 19 ราย ประกอบด้วย นายมหาหิน ขุนทอง อายุ 34 ปี ทำหน้าที่ขับ จยย.ก่อเหตุ นายยุทธนา เย็นภิญโญ อายุ 34 ปี นั่งซ้อนท้ายปาระเบิด น.ส.ณัฏฐ์พัชร์ หรือนัท อ่อนมิ่ง อายุ 57 ปี น.ส.ธัชพรรรณ หรือไข่มุก ปกครอง อายุ 20 ปี ภรรยานายยุทธนา นายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่ พัทยา อายุ 42 ปี ผู้จัดหาระเบิด นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ อายุ 49 ปี ผู้จ้างวาน นางวาสนา บุษดี อายุ 46 ปี ผู้โอนเงิน นายณเรศ อินทรโสภา อายุ 32 ปี เจ้าของสถานที่ประชุมวางแผน นายสรรเสริญ หรือศรีอุ่นเรือน อายุ 63 ปี นายชาญวิทย์ จริยนุกูล อายุ 61 ปี นายวิชัย หรือตั้ม อยู่สุข อายุ 49 ปี นายเจษฎาพงษ์ หรือเจษ วัฒนพรชัยสิริ อายุ 44 ปี นายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน นายนรภัทร หรือบาส เหลือผล นายวสุ เอี่ยมละออ อายุ 38 ปี นายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ อายุ 53 ปี นางณัฏฐธิดา มีวังปลา อายุ 36 ปี ที่เพิ่มล่าสุด 2 ราย คือ นายสมชัย อภินันท์ถาวร และ นายธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร ลูกชายนายสมชัย
ส่วนผู้ต้องหาที่ยังจับไม่ได้มี 3 ราย คือนายอเนก ซานฟราน นายวิระศักดิ์ โตวังจร และนายธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร ส่วนผู้ต้องหาที่อยู่เครือข่ายมีส่วนร่วมการกระทำความผิด ได้แก่ ลูกชายของนางสุภาพร หรือเดียร์ นายวิเชียร หรือเชียร ชะลอยรัมย์ นายวิทย์ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง นายประเทือง ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง และนายรุ่ง ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง โดยคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับเพิ่มเติมต่อไป