- Details
- Category: การเมือง
- Published: Friday, 20 March 2015 18:19
- Hits: 3857
ศาลรับฟ้องโกงจำนำข้าว ‘ปู’ขึ้นเขียง อสส.ชงพยาน 13 ปากมัด
แนวหน้า :ศาลรับฟ้องโกงจำนำข้าว ‘ปู’ขึ้นเขียง อสส.ชงพยาน 13 ปากมัด เปิดคดี19พค.-เบี้ยวเจอจับ ขู่ยุ่งหลักฐาน-ค้านประกัน ‘ยิ่งลักษณ์’กรี๊ดกลั่นแกล้ง เหิมจี้ตุลาการทำคดีไร้อคติ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งรับฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้เกิดทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว โดยนัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 19 พฤษภาคม ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องเดินทางมาแสดงตัวต่อศาล
ตั้ง“วีระพล”เจ้าของคดี“ปู”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 19 มีนาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ องค์คณะผู้พิพากษา 9 คนมีคำสั่งคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด(อสส.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ละเลยไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหาย 6 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ก่อนอ่านคำสั่งคดี องค์คณะมีมติลงคะแนนลับเลือกนายวีระพล ตั้งสุวรรณ รองประธานศาลฎีกา เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน
ศาลรับฟ้อง-เปิดคดีนัดแรก19พค.
จากนั้นนายวีระพลพร้อมองค์คณะทั้ง 9 คนอ่านคำสั่งว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาฯ ตามมาตรา 9 (1) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาจองผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 และคำฟ้องโจทก์ถูกต้องตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาฯ พ.ศ.2343 ข้อ 8 จึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องคดีไว้ และนัดพิจารณาคดีครั้งแรก วันที่ 19 พฤษภาคม เวลา 09.30 น. โดยให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำเลย โดยให้โจทก์หรือผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายภายใน 7 วัน หากการส่งหมายไม่พบจำเลยหรือไม่มีผู้รับแทนโดยชอบ ให้ปิดหมายแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการฟังคำสั่งศาลฎีกาฯวันนี้ ฝ่ายโจทก์มีคณะทำงานอัยการประกอบด้วย นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เดินทางมาฟังคำสั่งศาล ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฝ่ายจำเลย ไม่ได้เดินทางมา และไม่ได้ส่งทนายความหรือตัวแทนมาฟังคำสั่งแต่อย่างใด
ยันต้องมา-เบี้ยวเจอหมายจับ
ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายชุติชัย นายสุรศักดิ์และนายโกศลวัฒน์ ร่วมแถลงข่าวหลังศาลฎีกาฯมีคำสั่งรับฟ้องคดีทุจริตจำนำข้าว ที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นจำเลย โดยนายสุรศักดิ์กล่าวว่า หลังองค์คณะฯมีคำสั่งฟ้องแล้ว อัยการโจทก์ได้ประสานเจ้าหน้าที่ศาลฎีกาฯส่งหมายแจ้งให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับทราบตามแหล่งที่อยู่ที่ระบุในคำฟ้อง แม้ตัวจำเลยไม่อยู่ก็สามารถปิดหมายได้เลย ถือว่าจำเลยรับทราบแล้ว ทั้งนี้ การนัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่19 พฤษภาคม ศาลจะสอบคำให้การน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ แต่ถ้าวันดังกล่าวจำเลยไม่มารายงานตัว ศาลก็อาจพิจารณาออกหมายจับได้
มั่นใจหลักฐานจัดพยาน 13 ปากมัด
นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า แนวทางสู้คดีนั้น อัยการโจทก์เตรียมพยานบุคคลไว้ 13 ปาก ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งพยานเอกสาร พยานวัตถุ แผ่นซีดี โดยระบุไว้ในบัญชีพยาน เพื่อให้ข้อเท็จจริงส่วนใหญ่รับฟังได้เป็นที่ยุติว่า จำเลยทำผิดตามฟ้องอย่างไร และเพื่อยืนยันการได้มาซึ่งเอกสารราชการต่างๆ รวมทั้งข้อกฎหมายว่าจำเลยกระทำฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ ซึ่งขณะนี้พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์น่าจะเพียงพอแล้ว มั่นใจว่าหลักฐานครบถ้วนทุกประเด็นตามที่อสส.มีคำสั่งฟ้อง เพื่อให้ศาลรับฟังเป็นที่ยุติได้ ส่วนพยานโจทก์13 ปากน้อยเกินไปที่จะเอาผิดจำเลยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล รวมทั้งจะทำให้การพิจารณาคดีเร็วหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานฝ่ายจำเลยที่นำสืบสู้คดีด้วย
แจงขั้นตอนพิจารณาคดีครั้งแรก
ส่วนขั้นตอนวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรก นายสุรศักดิ์เปิดเผยว่า ศาลจะอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังจนเข้าใจ และสอบถามจำเลยว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธอย่างไร รวมทั้งศาลจะมีคำสั่งเรื่องการขอปล่อยชั่วคราว จากนั้นจะกำหนดวันนัดตรวจพยานหลักฐาน โดยคู่ความทั้งสองฝ่ายต้องยื่นบัญชีพยานว่ามีกี่ปาก สืบประเด็นอะไรบ้าง จากนั้นจะกำหนดวันนัดไต่สวนพยาน ซึ่งศาลฎีกาฯมีอำนาจนัดพิจารณาลับหลังได้ โดยจำเลยไม่ต้องมาศาลวันนัดไต่สวนพยาน
พร้อมค้านประกันถ้ายุ่งพยาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 19 พฤษภาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์จะขอศาลเลื่อนนัดพิจารณาครั้งแรกได้หรือไม่ นายสุรศักดิ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่ รวมทั้งการขอเดินทางออกนอกประเทศ แต่อัยการเชื่อว่าจำเลยน่าจะเดินทางมาศาลตามนัด ทั้งนี้ หากศาลสอบถามความเห็นจากอัยการโจทก์ เรื่องการขอปล่อยชั่วคราว ก็ต้องดูข้อเท็จจริงขณะนั้นก่อนแถลงต่อศาลอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าศาลจะมีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราว แต่ถ้าภายหลังพบจำเลยมีพฤติการณ์ยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหรือมีพฤติการณ์หลบหนี อัยการสามารถยื่นคัดค้านปล่อยชั่วคราวได้เช่นกัน ส่วนเรื่องขอคุ้มครองพยานคดีนี้ เบื้องต้นอสส.ยังไม่ได้รับรายงานข่มขู่พยาน
ทนายยัน 19 พค.“ยิ่งลักษณ์”ไปแน่
ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวภายหลังศาลฎีกาฯมีคำสั่งรับฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า เมื่อศาลรับฟ้องแล้ว ถือว่าเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอย่างเต็มที่ จากนี้ทีมทนายความต้องรอสำนวนคำฟ้องจากศาลฎีกาฯก่อนนัดหารือแนวทางการสู้คดี ทั้งเรื่องพยาน การประกันตัว ส่วนวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ศาลฎีกาฯนัดพิจารณาคดีครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การจำเลยนั้น ยืนยันว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปศาลแน่นอน
“ปู”ปรี๊ดคดีข้าวกระทบศก.-ปชช.
วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลัง ศาลฎีกาฯรับฟ้องคดีทุจริตโครงการรับจำนำข่าว โดยยืนยันว่า ตลอดเวลาที่ตนปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตามกฎหมาย การกล่าวหาตนคดีจำนำข้าว ถือเป็นคดีแรกที่เกี่ยวกับการจัดทำนโยบายเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศ ซึ่งเป็นฉันทามติของประชาชน เป็นคดีที่กระทบระบบเศรษฐกิจ การเมือง ตลอดจนเกษตรกรและประชาชนอย่างกว้างขวาง ทั้งยังมีผลต่อบรรทัดฐานและการตัดสินใจจัดทำนโยบายช่วยเหลือประชาชนในอนาคต
ซัดกล่าวหาไร้นิติธรรม-เร่งฟ้อง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังตั้งข้อสังเกตเรื่องสิทธิในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะหลักนิติธรรม ที่ต้องปฎิบัติต่อผู้ถูกกล่าวหานั้นขาดหายไปในคดีของตน เห็นจากรายงานและสำนวนคดีพร้อมความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ระบุชัดเจนว่า ไม่มีพยานหลักฐานว่าตนทุจริตหรือสมยอมให้ใครทุจริต แต่ก็ชี้มูลความผิดตน และก่อนที่อสส.จะฟ้องคดี ก็ชี้ข้อไม่สมบูรณ์ของคดีนี้หลายเรื่อง และกลับเร่งรีบส่งฟ้อง ไม่เป็นไปตามกระบวนการปกติที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา
ลั่นบริสุทธิ์-ดักคอศาลทำคดีไร้อคติ
อดีตนายกฯผู้นี้ยังมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าไม่ได้ทำผิด แม้ศาลฎีกาฯจะรับฟ้องแล้วก็ตาม และเชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่จะนำมาพิสูจน์ความจริงต่อศาล อีกทั้ง ยังหวังว่าในการพิจารณาคดี จะมีสิทธิเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง และมีโอกาสเสนอข้อเท็จจริง ข้อโต้แย้งและพยานหลักฐานสู้คดีเพียงพอนอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ศาลพิจารณาอย่างโปร่งใส เป็นธรรม ปราศจากอคติ เพราะที่ผ่านมามีวัตถุประสงค์ทางการเมืองที่จะทำลายตนเองเข้ามาแทรกซ้อน รวมทั้งเรียกร้องทุกฝ่ายยุติวิพากษ์วิจารณ์ หยุดกดดันหรือชี้นำ เพื่อประโยชน์ทางการเมือง จนกว่าศาลจะพิจารณาคดีเสร็จ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้สังคมไทย
“แม้ว”สายตรงให้กำลังใจอย่าท้อ
แหล่งข่าวคนใกล้ชิดน.ส.ยิ่งลักษณ์เผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์มาให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ หลังศาลฎีกาฯมีคำสั่งรับฟ้อง โดยระบุว่า อย่าท้อถอยในการสู้คดีจำนำข้าว โดยพ.ต.ท.ทักษิณมองว่าคดีนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)มีเป้าหมายให้น.ส.ยิ่งลักษณ์โดนคดีอาญา เพราะไม่ต้องการให้เล่นการเมืองตลอดชีวิต ส่วนการชดใช้ค่าเสียหายต่อรัฐยังต้องใช้เวลาสู้คดีแพ่งอีกหลายปีกว่าถึงขั้นฎีกา และแม้ว่าศาลฎีกาฯจะรับฟ้องแต่กว่าจะนัดไต่สวนองค์คณะผู้พิพากษาต้องใช้เวลาอีก 45 วัน ซึ่งทีมทนายจะยื่นประกันตัวทันที
คนใกล้ชิดเผย“ปู”ไม่วิตก
แหล่งข่าวแจ้งด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่วิตกกังวลกับคดีนี้ เพราะทีมทนายเตรียมพยานหลักฐานไว้สู้คดีแล้ว รวมทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.)สมัยนั้น พร้อมเป็นพยานการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวที่ช่วยเหลือชาวนาให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าร้อยละ 80 และยังรวบรวมหลักฐานผลประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) ที่มีการรับทราบ และหารือปัญหารับจำนำข้าวทุกครั้งก่อนเปิดฤดูกาลรับจำนำข้าวปี 2555-2557 ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ใช้สู้คดี โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์จะนัดประชุมกับทีมทนายอีกครั้งช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
เล็งเดินสายทำบุญอิสานช่วงเมย.
อย่างไรก็ตาม ช่วงเดือนเมษายน น.ส.ยิ่งลักษณ์เตรียมเดินสายทำบุญในวัดชื่อดังทางภาคอีสาน ซึ่งแกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมบรรดาหัวคะแนนเตรียมจัดงานเลี้ยงให้กำลังใจในระหว่างการเดินสายทำบุญในภาคอีสานไว้แล้ว
นายกฯโยนถามศาล“ปู”ไปนอก
สำหรับ ท่าทีของรัฐบาล โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ตอบคำถามผู้สื่อข่าวทีระบุถึงการเดินทางไปต่างประเทศของน.ส.ยิ่งลักษณ์หลังศาลฎีกาฯรับฟ้องคดีจำนำข้าวแล้วว่า ต้องไปถามศาล จากนี้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม
ทิ้งนัยยะ“ดอกไม้เหี่ยวต้องเด็ดทิ้ง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามเกี่ยวกับคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงสั้นๆ ก่อนเดินขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ระหว่างเดินขึ้นบันได พล.อ.ประยุทธ์หยุดเด็ดดอกพุทธที่เริ่มโรยในกระถางเชิงบันได พร้อมกล่าวแบบมีนัยยะว่า “ดอกที่เหี่ยวๆต้องเด็ดทิ้งไปบ้าง ต้นไม้เราต้องดูทุกวัน ดอกมันเก่าแล้ว อย่าไปสนใจ ดอกไม้นี้เรียกว่าดอกพุทธ บ้านเราเอาไว้ไหว้พระ ส่วนของฝรั่งมีพวกดอกคาร์เนชั่น เอาไว้จีบกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างอารมณ์ดี พร้อมเด็ดดอกพุทธดอกใหม่ที่บานสะพรั่งมาใส่ในกระเป๋าเสื้อด้วย
มท.1 โต้อย่ามโนการเมืองแกล้ง
ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยกล่าวในเรื่องนี้ว่า เมื่อมีการฟ้องดำเนินคดี อยากให้ประชาชนคิดว่า ทุกคนในประเทศนี้อยู่บนหลักของกฎหมาย อย่าไปคิดว่ากลั่นแกล้งหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ ขอให้อยู่ในเรื่องกฎหมาย ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ แม้กระทั่งตน ถ้าทำผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน
“ไก่อู”ดักคอ”ปู”คงไม่คิดหนี
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คดีจำนำข้าวอยู่ในขั้นพิจารณาของศาลแล้ว ต่อไปจำเลยต้องมาแถลงเปิดคดี เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ที่ผ่านมาน.ส. ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์มาตลอดว่า มั่นใจนโยบายจำนำข้าวไม่ทำให้เสียหาย ดังนั้น จึงควรมาแถลงเปิดคดีเอง มั่นใจว่าศาลจะพิจารณาบนพื้นฐานหลักการและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม เมื่อมีคำพิพากษาเช่นไรถือเป็นสิ้นสุด ทุกฝ่ายต้องน้อมรับ ตนยังเชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์น่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่เลือกหลบหนีในชั้นศาลเหมือนอดีตนักการเมืองหลายคน
“ยะใส”เหน็บ ใครกันแน่กดดันศาล
มีความเห็นจากนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้อำนวยการสถาบันปฎิรูปประเทศ (สปท.)ต่อการแสดงความเห็นของน.ส.ยิ่งลักษณ์ผ่านเฟซบุ๊กหลังศาลฎีกาฯรัฟ้องคดีจำนำข้าวว่า ประเด็นสำคัญที่น.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์ เข้าตัวเองเต็มๆคือ ขอให้ทุกฝ่ายหยุดกดดันศาล แต่ตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์เองกล่าวหาทั้งป.ป.ช. และอสส.ว่าไม่ให้ความเป็นธรรม เร่งรีบ ตัดตอนพยาน ซ้ำยังระบุว่ามีการเมืองแทรกแซงคดีนี้ พร้อมแนะนำน.ส.ยิ่งลักษณ์ควรทุ่มเท มุ่งมั่นเตรียมข้อมูลเพื่อสิทธิทางศาลให้เต็มที่ และเลิกใช้สิทธินอกศาลบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้กระบวนการยุติธรรมถูกกล่าวหาไม่เป็นธรรม
สนช.ถก 2 เมย.เคาะวันเปิดคดี
วันเดียวกัน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)แจ้งที่ประชุม สนช.ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ส่งรายงานชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่ง กรณีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ซึ่งตนนัดประชุมนัดแรกวันที่ 2 เมษายน เพื่อกำหนดวันแถลงเปิดคดี และตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคมเป็นต้นไปให้สมาชิกรับเอกสารประกอบการพิจารณา 2 ชุด ส่วนสมาชิกคนใดต้องการยื่นญัตติซักถามสามารถยื่นได้ก่อนการประชุมครั้งที่ 2 ซึ่งจะนัดประชุมต่อไป