- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 19 March 2015 11:05
- Hits: 4107
วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8877 ข่าวสดรายวัน
พยาน 6 ศพโดนเพิ่ม คดีม.112 ทีมบึ้มโวยถูกซ้อม อ้างทั้งไฟชอร์ต-ตื้บ 4 ผู้ต้องหา คสช.โต้ไม่มีการขู่บังคับทารุณ ทนายร้องตร.สอบ'แหวน'ใหม่
คนสำคัญ - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สอบปากคำนางสุภาพร หรือเดียร์ มิตรอารักษ์ ผู้ต้องหาคนสำคัญคดีระเบิดศาลอาญา หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารนำตัวมาส่งมอบให้ตำรวจดำเนินคดีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อ 18 มี.ค. |
ทีมบึ้มศาลโวยถูกซ้อม 4 ผู้ต้องหาร้องศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ช่วย อ้างถูกชกต่อยกระทืบหัว-หน้าอก-หลัง บางคนโดนไฟชอร์ตเป็นแผล วอนให้คสช.-ทหารยุติใช้อัยการศึก ตรวจร่างกายทั้ง 4 คน แล้วให้ตร.หาตัวคนทำมาลงโทษ ด้านกสม.รับสอบทารุณทีมบึ้ม ขณะที่ฮิวแมนไรต์วอตช์แถลงจี้รบ.ไทย กังวลลิดรอนสิทธิมนุษยชน จากเหตุคุมตัว 'น้องแหวน' นาน 6 วัน ตอกย้ำเป็นไปได้ถูกทารุณ แถมโดนแจ้งข้อหาหนัก-ไม่ได้ประกัน ชี้เป็นปัญหาร้ายแรง-วอนยุติละเมิดสิทธิพลเรือน ด้านทนายร้องตร.สอบ 'แหวน'ใหม่ เหตุไม่ได้รับความเป็นธรรม ทหารแจ้งป.เอาผิดพยานคดี 6 ศพ-ม.112 จ่อขอศาลทหารออกหมายจับเพิ่ม ทหารคุม 'เดียร์'พร้อมทีมปาบึ้มศาลให้ตร. เผยเตรียมก่อเหตุป่วนกรุงมา 2 ครั้ง เร่งขอส่ง'เอนก ซานฟราน'ผู้ร้ายข้ามแดน
ทหารคุม'เดียร์-ทีมบึ้ม'ให้ตร.
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 18 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทหารพัน.ร.มทบ.11 นำโดยพ.อ. วิจารณ์ จดแตง ผอ.กฎหมายผู้อำนวยการกอ.รมน. หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานกฎหมายส่วนรักษาความสงบ คสช. ควบคุมตัวผู้ต้องหาคดีปาระเบิดอาร์จีดี 5 ใส่ศาลอาญา เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา รวม 2 คน ประกอบด้วย นายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ อายุ 44 ปี และนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ อายุ 49 ปี มาส่งตัวให้ตำรวจ โดยใช้ผ้าปิดตานาง สุภาพร ด้วย จากนั้นพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รองผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. นำตัวผู้ต้องหาไปส่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ตร. พล.ต.ท. ศรีวราห์ นำกำลังคุมตัวนางสุภาพร หรือเดียร์ และนายเจษฎาพงษ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารในคดีร่วมกันก่อการร้าย อั้งยี่ซ่องโจร มาให้พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สอบปากคำ โดยนางสุภาพรสวมเสื้อสีแสด กางเกงขายาวสีดำ มีตำรวจหญิงประกบตัวตลอดเวลาแม้ในช่วงสอบปากคำ ขณะที่นายเจษฎาพงษ์ สวมเสื้อเชิ้ตและสวมแจ๊กเกตสีดำทับ ทั้งสองสีหน้าอิดโรย จากนั้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา สอบประวัติและแยกสอบปากคำทั้งคู่ โดยการสอบสวนนางสุภาพรเป็นไปอย่างเข้มข้น ก่อนควบคุมตัวไปฝากขังศาลทหาร
จากนั้นพล.ต.อ.สมยศ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ พล.ต.ต.จิตติ พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 ร่วมแถลงข่าว โดยพล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า วันนี้ทหารนำตัวนางสุภาพร และนายเจษฎาพงษ์ ซึ่งครบกำหนดควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกส่งมอบให้พนักงานสอบสวน หลังจากส่งมอบ ผู้ต้องหาในขบวนการคนอื่นให้ก่อนหน้านี้แล้ว 11 คน รวมวันนี้เป็น 13 คน โดยยังมีผู้ต้องหาตามหมายจับอยู่ในการควบคุมของทหาร 2 ราย คือ นายวสุ เอี่ยมลออ ซึ่งมีหมายจับข้อหาร่วมกันก่อการร้าย และนายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ นอกจากนี้ยังหลบหนีอีก 2 ราย คือนายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน ผู้บงการและ ผู้จ้างวาน และนายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่ พัทยา ผู้ร่วมวางแผนและจัดหาระเบิด
แฉเตรียมป่วนกรุง 2 ครั้ง
พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า การก่อเหตุระเบิดของขบวนการนี้แบ่งเป็น 2 ครั้ง ครั้งแรกในเดือนก.พ.2558 เกิดในท้องที่สน.โชคชัย พบนายมนูญ ติดต่อทางไลน์และโซเชี่ยลมีเดียกับนางสุภาพร ให้ติดต่อว่างจ้างหาคนก่อเหตุวางระเบิด 5 จุดในกทม. ประกอบด้วย ศาลอาญา สวมลุมพินี สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจตุจักร กรมทหารราบ 11 รอ. และลานจอดรถโรงแรมสยามเคมปินสกี้ โดยพบการโอนเงิน 50,000 บาท ผ่านนายวสุ ส่งต่อให้นางวาสนา บุษดี และมีการติดต่อน.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หาคน ทำงาน จากนั้นน.ส.ณัฏฐธิดาติดต่อนายสุรพล ซึ่งอ้างว่าตัวเองมีความรู้ด้านการประกอบ ระเบิดจากต่างประเทศ ให้รับงานวางระเบิดทั้ง 5 จุด แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใดนายสุรพลยกเลิกภารกิจ จึงวางแผนใหม่อีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2 ในเดือนมี.ค. คราวนี้นางสุภาพร เปลี่ยนไปติดต่อผ่านนายวิชัย อยู่สุข หรือตั้ม และนายนรภัทร เหลือผล หรือบาส ก่อนติดต่อว่าจ้างนายวิระศักดิ์ รับงาน ว่างจ้างนายมหาหิน ขุนทอง และนายยุทธนา เย็นภิญโญ รับงานก่อเหตุที่ศาลอาญา กระทั่งถูกจับกุมได้ สรุปแล้วนายมนูญพยายามก่อเหตุรุนแรงในกทม. ถึง 2 ครั้ง โดยติดต่อผ่านเครือข่ายนางสุภาพร ที่แยกชุดทำงานออกเป็น 2 สาย
"นางสุภาพร หรือเดียร์ จัดว่าเป็นกลุ่มทุน หัวใจสำคัญในประเทศไทย มีนายเอนก ซานฟราน เป็นกลุ่มทุนสำคัญในต่างประเทศ สนับสนุนทางการเงินจากต่างประเทศ พบมีการโอนเงินให้กัน ครั้งแรกโอนให้ 50,000 บาทก่อนจะให้ลงมือ ส่วนครั้งที่ 2 โอนผ่านบัญชีนายธราเทพ มิตรอารักษ์ ลูกชายนางเดียร์ 50,000 บาท เพื่อให้นำไปเยียวยาครอบครัวของคนที่ถูกจับ โดยเหตุที่นางเดียร์ไม่ให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง อ้างไม่มีบัญชีธนาคาร มีเพียงบัญชีของอดีตสามีที่หย่าร้างไปแล้ว อีกทั้งสามียังมีคดีติดตัวอีกด้วย จึงเกรงไม่ได้รับเงินก้อนนั้น ส่วนเหตุจูงใจนั้น นางสุภาพรให้การว่า นายเอนกรับปากว่า จะเลี้ยงดูบุตรชาย 2 คนและหากดำเนินการตามสั่งแล้วเสร็จจะพาไปทำงานเก็บองุ่นที่ประเทศออสเตรเลีย โดยเหตุหลักที่ร่วมมือกันก่อเหตุ เพราะมีอุดมการณ์การเมืองสอดคล้องกัน โดยนายเอนกนั้นอยู่ในต่างประเทศและ มีอุดมการณ์ต่อต้านรัฐบาลปัจจุบัน และต่อต้านสถาบันฯ ทั้งนี้การติดต่อของกลุ่มนี้ใช้ช่องทางไลน์และโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ บางคนไม่รู้จักกันไม่เคยพบกันด้วยซ้ำ" พล.ต.ต. ชยพลกล่าว
อ้างซ้อม - ภาพนายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน 1 ในผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลอาญา โชว์บาดแผลอ้างว่าถูกซ้อมระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว ซึ่งมีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์ แต่คสช.ปฏิเสธไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าไม่มีการบังคับทารุณ |
'สมยศ'ชี้เดียร์เป็นแกนนำสำคัญ
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า นางสุภาพรมีประวัติเป็นระดับแกนนำในกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่อยากระบุชัดเจนว่ากลุ่มไหน เป็นความขัดแย้งในอดีต นางสุภาพรเป็นแกนนำระดับสำคัญที่มีบทบาทและได้รับการยอมรับพอสมควร ที่ผ่านมาหน่วยความมั่นคงเคยขึ้นบัญชีมีข้อมูลอยู่ เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่มีหลักฐานหรือสิ่งบ่งชี้ว่ากระทำความผิด ขณะที่ผู้ต้องหาบางคนในกลุ่มนี้ เช่น นาย มนูญมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 112 ฐานหมิ่นสถาบันฯ แต่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ตนไม่ขอพูดถึงความขัดแย้งในอดีต แต่ยืนยันตำรวจและทหารดำเนินคดีตามกฎหมายและพยานหลักฐานที่ปรากฏ ตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับกลุ่มใด โดยทั้งหมดเกิดจากคำให้การของผู้ต้องหาทั้งสิ้น
"เหตุจูงใจนอกจากค่าจ้างแล้วกลุ่ม ผู้ต้องหา ยังมีอุดมการณ์แนวคิดทางการเมืองที่เหมือนกัน การก่อเหตุแต่ละครั้งก็มีเหตุผลหลายอย่าง ทั้งอุดมการณ์ที่ตรงกัน ถูกหลอก ถูกชักจูงและเงินค่าจ้าง" ผบ.ตร.กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่โยงถึงน.ส.ณัฏฐธิดา หรือแหวน พยานสำคัญในคดี 6 ศพวัดปทุมฯ อาจถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความบังเอิญเกินไปหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตาม พยานหลักฐาน คำให้การผู้ต้องหา ตัวของน.ส. ณัฏฐธิดา นั้นไม่เคยเอาเข้ามาเกี่ยวข้อง และไม่สามารถนำมาเกี่ยวโดยไม่มีคำให้การของผู้ที่เกี่ยวข้องซัดทอดกล่าวถึง เมื่อนางสุภาพรให้ การว่าติดต่อผ่านน.ส.ณัฏฐธิดาไปถึงนายสุรพล ชื่อของน.ส.ณัฏฐธิดา จึงปรากฏในสำนวนการสอบสวน และเมื่อเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พนักงานสอบสวนจึงต้องดำเนินการ ส่วนจะบังเอิญพอเหมาะพอดีเกินไปหรือไม่ ตำรวจไม่สามารถ กะเกณฑ์กำหนดได้ ยืนยันพนักงานสอบสวนทำตามพยานหลักฐาน และหากซัดทอดไปถึงใครที่มากกว่านี้ก็ต้องดำเนินการ
เร่งขอส่ง'เอนก'ผู้ร้ายข้ามแดน
ผบ.ตร. กล่าวถึงการขอตัวนายมนูญ หรือเอนก เป็นผู้ร้ายข้ามแดนว่า ในอดีตเคยพยายามขอตัวนายเอนกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่เนื่องจากสหรัฐ ไม่มีความผิดข้อหาดังกล่าวในสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ขณะนี้นายเอนกมีหมายจับในข้อหาก่อการร้าย ซึ่งไทยและสหรัฐ มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนร่วมกัน จากนี้พนักงานสอบสวนจะทำตามขั้นตอนส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป โดยติดต่อผ่านอัยการให้ตรวจสำนวน ก่อนส่งกลับกองการต่างประเทศและส่งต่อกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่นำเข้าสู่กระบวนการขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า สำหรับนายเอนกเป็นนักธุรกิจที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศ มีความคิด ความเชื่อคล้ายกลุ่มผู้ก่อเหตุ มีการแลกเปลี่ยนข่าวสาร สั่งการผ่านโซเชี่ยล เป็นคนที่มีอิทธิพลพอสมควร ส่วนค่าจ้างที่ดูไม่มากนั้น เหตุเพราะผู้ก่อเหตุมีแรงจูงใจทางการเมือง รวมทั้งมีข้อตกลงแลกเปลี่ยน จึงตัดสินใจลงมือกระทำ สำหรับนางสุภาพรเมื่อครั้งที่เคลื่อนไหวกลุ่มการเมือง อาจรู้จักผู้ใหญ่หลายคน เพราะเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญ ทำให้การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้รับความเชื่อถือ
เมื่อถามว่า แกนนำทางการเมืองคนอื่นในกลุ่มเดียวกัน มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ พล.ต.อ. สมยศกล่าวว่า ขณะนี้สามารถนำมาเปิดเผยได้เพียงเท่านี้ สำหรับคนอื่นที่มีความเกี่ยวข้องต้องรอผลสอบสวนก่อน หากพบความเกี่ยว ข้อง เชื่อมโยงที่เป็นความผิดก็ต้องดำเนินการขอนุมัติหมายจับ เช่นเดียวกับกรณีที่มีการพาดพิงถึงพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.สส. และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผบช.น. หากไม่พบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงแล้วมีความผิด จนสามารถขออนุมัติหมายจับได้ ก็ยังไม่ถือว่าเกี่ยวข้อง แต่หากหลักฐานนำไปสู่การขอหมายจับต่อศาลได้ ก็ไม่สามารถละเว้นได้ ทั้งนี้เนื่องจากทั้ง 2 ท่านเป็นบุคคลมีชื่อเสียง จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่วนต้องเชิญมาให้ปากคำหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานสอบสวน
ฮิวแมนไรต์วอตช์แถลงจี้รบ.
ขณะที่เว็บไซต์องค์การนิรโทษกรรมสากล หรือฮิวแมนไรต์ วอตช์ แถลงเป็นกังวลต่อการลิดรอนสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลทหารไทย จากกรณีจับกุมพยานผู้เห็นเหตุการณ์ในคดีสลายการชุมนุมที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร มีผู้เสียชีวิต 6 ราย เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 ในสมัยวิกฤตการเมืองยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ กับกลุ่มคนเสื้อแดง ผู้สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยไม่สามารถติดต่อกับผู้อื่นได้นาน 6 วัน ตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ผู้ต้องหา จะถูกทารุณหรือได้รับการปฏิบัติที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน
กรณีดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านเครือข่าย สังคมออนไลน์ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา ทหาร 5 นาย นำกำลังจับกุมน.ส. ณัฏฐธิดา มีหวังปลา หรือแหวน พยาบาลอาสาผู้เป็นพยานปากสำคัญในคดี 6 ศพวัดปทุมฯ ไปจากบ้านพักในจ.สมุทรปราการ แต่คสช. กลับปฏิเสธไม่รู้เห็นกับการจับกุมน.ส.ณัฏฐธิดา อย่างไรก็ตามในวันที่ 17 มี.ค. กองทัพนำตัวน.ส.ณัฏฐธิดา ไปส่งมอบให้กับบช.น. เพื่อดำเนินคดีในข้อหากระทำการเข้าข่ายก่อการร้าย รวมถึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระบุว่าน.ส.ณัฏฐธิดา ถูกนำตัวไปสอบสวนในข้อกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับคดีขว้างระเบิดสังหารอาร์จีดี 5 ล็อต 57 ลานจอดรถศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา
นายแบรด อดัมส์ ผอ.ประจำภูมิภาคเอเชียของฮิวแมนไรต์ วอตช์ กล่าวว่า การจับกุมและกักขังน.ส.ณัฏฐิดา ในที่ซึ่งถูกปกปิดเป็นความลับนานกว่า 6 วัน ถือเป็นสัญญาณเตือนที่น่าวิตกว่าอาจมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเจ้าหน้าที่ ซึ่งกลายเป็นเรื่องธรรดาไปแล้วภายใต้การปกครองในสถานการณ์ที่รัฐบาลทหารประกาศใช้กฎอัยการศึก
ฮิวแมนไรต์ วอตช์ แสดงความกังวล ต่อสถานการณ์ในประเทศมาโดยตลอด ตั้งแต่รัฐบาลทหารก่อการรัฐประหารเมื่อเดือนพ.ค.ปีก่อน ซึ่งคสช.ได้จับกุมผู้ต้องหาหลายร้อยคน ทั้งนักการเมือง นักเคลื่อนไหวและ ผู้สื่อข่าว รวมถึงผู้ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุน รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือละเมิดกฎหมายหมิ่นประมาทจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ และเกี่ยวข้องกับกิจกรรมประท้วงต่อต้านรัฐประหาร ในจำนวนนี้มีผู้ต้องสงสัยหลายคนถูกกักขังในที่ลับ ไม่สามารถติดต่อใครได้ และทหารจะสอบปากคำโดยปฏิเสธสิทธิการมีทนายความ หรือกระบวนการที่จะปกป้องการถูกลิดรอนสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา ทั้งที่การ กระทำเช่นนี้เข้าข่ายละเมิดกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ไอซีซีพีอาร์) ซึ่งประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคี พฤติกรรมของรัฐบาลทหารในประเด็นนี้จึงถือเป็นปัญหาร้ายแรง และอาจกลายเป็นภัยพิบัติต่อประเทศในอนาคต สิ่งที่กองทัพและรัฐบาลทหารไทยจำเป็นต้องทำในทันทีคือ ยุติการละเมิดสิทธิพลเรือน
ทนายร้องตร.สอบพยาน6ศพใหม่
ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการกลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน (กนส.) กล่าวถึงกรณีน.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือแหวน พยานปากสำคัญคดี 6 ศพวัดปทุมฯ ที่ถูกทหารคุมตัวไปสอบสวน ก่อนนำตัว มาส่งให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาก่อการร้าย ร่วมกันเป็นอั้งยี่ และร่วมกันใช้จ้างวานให้บุคคลอื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าว่า ทีมทนายความกนส. ซึ่งเป็นทนายความ ผู้ต้องหากำลังพิจารณาร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานสอบสวนให้สอบสวนใหม่หรือสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากเห็นว่ากระบวน การสอบสวนที่ผ่านมาไม่ได้รับความเป็นธรรม หรืออาจมีบางกระบวนการที่จะส่งผลต่อการสอบสวน ทั้งตามหลักฐานที่เกิดขึ้นนั้น เชื่อว่าไม่เพียงพอ เนื่องจากการกล่าวหาด้วยข้อหาร้ายแรงเช่นนี้ เป็นการกล่าวหาที่ทนายความและผู้ต้องหาเห็นว่าเป็นการกล่าวหาที่เกินจริงจากพฤติการณ์ของผู้ต้องหา และข้อมูลเพียงอ้างว่ามีการโอนเงินหรือรับโอนเงิน และข้อความที่คุยกันในไลน์ ซึ่งข้อความบางอย่างที่คุยหรือแสดงความคิดเห็นนั้น เกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุการณ์ ซึ่งทราบว่าน.ส. ณัฏฐธิดาได้ออกจากกลุ่มไลน์ดังกล่าวไปแล้ว จึงไม่มีส่วนร่วมเหตุการณ์ดังกล่าว
"ทีมทนายความกนส. ไม่มีเจตนาก่อกวนหรือขัดขวางการปฏิบัติงานของพนักงานสอบสวน ในกรณีที่เข้าใจว่าทีมทนายถูกกีดกันไม่ให้พบผู้ต้องหาและเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดี ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา จึงถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละฝ่ายและขออภัยตำรวจด้วย" นายวิญญัติกล่าว
ทหารเอาผิด'แหวน'คดี 112
ที่กองปราบปราม พ.อ.วิจารณ์ จดแดง ผอ.ส่วนกฎหมายและมนุษยชน กอ.รมน. และคณะทำงานของคสช. เข้าพบพ.ต.ท.ยุทธวัฒน์ กล่ำกล่อมจิตร์ พงส.ผู้ชำนาญการพิเศษ กก.2.บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีน.ส.ณัฏฐธิดา หรือแหวน ผู้ต้องหาร่วมคดีระเบิดศาลอาญา ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง พร้อมนำเอกสาร การสอบปากคำน.ส.ณัฏฐธิดา และหลักฐานข้อความที่มีโพสต์ไว้ในแอพพลิเคชั่นไลน์ มามอบเป็นหลักฐาน
โดยก่อนหน้านี้ทหารนำตัวน.ส.ณัฏฐธิดา จากบ้านพักที่ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ มาสอบปากคำ ก่อนถูกนำตัวส่งให้ตำรวจสอบสวน โดยรับสารภาพว่าเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้นำข้อความที่มีผู้โพสต์ไว้ใน แอพพลิเคชั่นไลน์ "กลุ่มไทยภาคี" ซึ่งเป็นข้อความหมิ่นเบื้องสูงมาโพสต์ต่อลงในกลุ่ม "DNPแอนด์เพื่อนแม้ว" และกลุ่มไลน์ดังกล่าว มีนางสุภาพร เดียร์ ร่วมอยู่ด้วย นอกจากนี้ ยังนำข้อความดังกล่าว ไปโพสต์ลงในกลุ่มไลน์ "GERRARD" อีกด้วย เหตุทั้งหมด เกิดขึ้นที่ห้องเลขที่11/16 อาคารที 2 คอนโดเมืองทองธานี ต.บ้านไทร อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ก่อนถูกจับกุมในที่สุด
เบื้องต้นพ.ต.ท.ยุทธวัฒน์ ได้รับเรื่องไว้ พร้อมรายงานให้พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. พิจารณาสั่งการต่อไป โดยคาดว่าในวันที่ 18 มี.ค. พนักงานสอบสวนจะนำสำนวนการสอบสวนยื่นต่อศาลทหาร เพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาต่อไป นอกจากนี้จะได้ขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการคนอื่นด้วย
ศูนย์ทนายฯโวยซ้อม 4 ผู้ต้องหา
วันเดียวกัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ระบุว่าตามที่เกิดเหตุระเบิดหน้าศาลอาญาเมื่อวันที่ 7 มี.ค. และจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีดังกล่าว 9 รายนั้น ต่อมาในวันที่ 17 มี.ค. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก ผู้ต้องหา 4 ราย ได้แก่ นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นายนรพัฒน์ เหลือผล และนายวิชัย อยู่สุข ว่ามีการซ้อมทรมานผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย โดยการชกต่อย การกระทืบบริเวณศีรษะ ทรวงอก หลัง และข่มขู่ว่าจะทำร้าย เพื่อให้ได้ซึ่งข้อมูลจาก ผู้ต้องหาดังกล่าว นอกจากนี้ผู้ต้องหาบางรายยังโดนชอร์ตด้วยไฟฟ้าและยังคงปรากฏร่องรอยดังกล่าวบริเวณผิวหนัง ระหว่างการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ระหว่างวันที่ 9-15 มี.ค.
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จึงกังวลถึงการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกในการควบคุมตัวบุคคล โดยที่ผู้ถูกควบคุมตัวปราศจากสิทธิในการแจ้งญาติ สิทธิในการเข้าถึงทนายความเป็นระยะเวลา 7 วัน และที่ผ่านมาการควบคุมตัวภายใต้กฎอัยการศึกภายหลังรัฐประหารมักไม่เปิดเผยสถานที่ควบคุมตัว ทำให้ขาดความโปร่งใส ปราศจากการตรวจสอบโดยองค์กรใดๆ รวมถึงกรณีล่าสุดในการใช้อำนาจควบคุมตัวน.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงในภายหลังว่ามีการควบคุมตัวโดยทหาร การควบคุมตัวบุคคลภายใต้ตามกฎอัยการศึก จึงมีความสุ่มเสี่ยงในการใช้อำนาจโดยอำเภอใจ การซ้อมทรมาน ปฏิบัติโหดร้ายทารุณ บังคับสูญหาย ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว รวมถึงการซ้อมทรมาน ผู้ถูกควบคุมตัว ซึ่งถือว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และละเมิดต่อพันธกรณีตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีในการปฏิบัติตามมาตั้งแต่ 1 พ.ย.2550
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจึงเรียกร้องให้คสช.และทหารยุติการใช้อำนาจกฎอัยการศึก ในการนำบุคคลผู้กระทำความผิดมาลงโทษ เนื่องจากตำรวจสามารถใช้ขั้นตอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในการออกหมายจับ การสอบสวนและการดำเนินคดีได้อยู่แล้ว พร้อมขอให้กรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาในปัจจุบัน จัดให้ผู้ต้องหาได้พบแพทย์ที่เป็นกลางและเป็นอิสระตรวจร่างกายและจิตใจของผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย รวมถึงผู้ต้องหารายอื่นๆ ในคดีเดียวกัน ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการถูกซ้อมทรมานในช่วงเวลาตามกฎอัยการศึก นอกจากนี้ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสอบสวน เก็บพยานหลักฐาน ร่องรอยในการทำร้ายร่างกายผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวและนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
กสม.รับสอบทารุณทีมบึ้ม
ด้านนพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ติดต่อมายังกสม. เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณีได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ต้องหาคดี ปาระเบิดหน้าศาลอาญา 4 รายที่ถูกจับกุมตัวตามกฎอัยการศึก ว่ามีการซ้อมทรมาน ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย โดยการชกต่อย การกระทืบศีรษะ ทรวงอก หลัง และข่มขู่ว่าจะทำร้าย เพื่อให้ได้ซึ่งข้อมูลจากผู้ต้องหา ดังกล่าว นอกจากนี้ผู้ต้องหาบางรายยังโดน ชอร์ตด้วยไฟฟ้าและยังคงปรากฏร่องรอย ดังกล่าวบริเวณผิวหนัง ระหว่างการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ทั้งนี้หลังจากยื่นร้องเรียนแล้ว กสม.จึงจะเข้าไปตรวจสอบในเรื่อง ดังกล่าว ส่วนจะต้องเชิญใครมาให้ข้อมูลบ้างนั้นต้องรอดูการยื่นร้องเรียนก่อน
น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า มีการซ้อมทรมานผู้ต้องหาทั้ง 4 คนด้วยการชกต่อย กระทืบบริเวณศีรษะ ทรวงอก หลังและข่มขู่ว่าจะทำร้ายเพื่อให้ได้ซึ่งข้อมูลจากผู้ต้องหา ดังกล่าว นอกจากนี้ผู้ต้องหาบางรายยังโดน ชอร์ตด้วยไฟฟ้าและยังคงปรากฏร่องรอย ดังกล่าวบริเวณผิวหนัง ระหว่างถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก เมื่อวันที่ 9-15 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ศูนย์ทนายฯ ต้องออกแถลงการณ์ ดังกล่าว ส่วนกรณีควบคุมตัวน.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา พยานคดี 6 ศพวัดปทุมฯ ซึ่งปรากฏว่าทหารควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก จึงมีความสุ่มเสี่ยงในการใช้อำนาจโดยอำเภอใจ และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เบื้องต้นจึงเข้ายื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยให้แสดงหลักฐานการตรวจร่างกายแรกรับของผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ซึ่งมีภาพถ่ายหรือหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และขอให้เรือนจำส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนไปรักษาพยาบาลกับแพทย์ที่เป็นกลาง และมีการบันทึกความเห็นของแพทย์ เกี่ยวกับผลการตรวจร่างกายเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บโดยทันที
โฆษกทบ.ปัดซ้อม-ขู่บังคับ
ขณะที่พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และโฆษกคสช. กล่าวถึงแถลงการณ์ของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า เป็นเพียง คำกล่าวอ้างที่ไม่มีหลักฐานข้อพิสูจน์ ตั้งข้อ สังเกตว่าระยะหลังมีร้องเรียนในลักษณะนี้ทุกครั้งเหมือนร้องเรียนไว้ก่อน หรือมีความกังวลจึงทำตามสิทธิ์ไว้ก่อน ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสม เพราะบางครั้งการให้ข้อมูลที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จออกไป เกรงจะไปมีผลกับผู้ต้องหาในอนาคต เมื่อถึงขั้นตอนการพิจารณา คดี ถ้ากรณีศาลอาจจะพิจารณาลดหย่อนอัตราโทษให้มั่นใจ ว่าไม่มีเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ต้องไปบังคับขู่เข็ญ
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า ส่วนความกังวลต่อการควบคุมตัวบุคคลโดยปราศจากสิทธิในการแจ้งญาติ การเข้าถึงทนายความ รวมถึงการมักไม่เปิดเผยสถานที่ในการควบคุมตัวนั้น มั่นใจว่าการเข้าแสดงตัวหรือการให้เหตุผลเชิญตัว เป็นไปโดยเปิดเผยและบริสุทธิ์ใจ แต่บางกรณีเจ้าหน้าที่อาจทำได้เท่าที่จำเป็น เพื่อผลสำเร็จสูงสุดของภารกิจและการรักษาความสงบเรียบร้อย สำหรับการขอให้ยุติใช้อำนาจกฎอัยการศึก เพื่อนำบุคคลทำผิดมาลงโทษนั้น กฎอัยการศึกโดยหลักจะใช้เป็นเครื่องมือรักษาความสงบเรียบร้อยป้องกันการใช้รุนแรง การซักถามข้อมูลในช่วงนี้จุดประสงค์หลักเพื่อการดังกล่าว ยังไม่เน้นนำคนผิดมาลงโทษ จึงอยากให้ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พิจารณาองค์ประกอบการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างเป็นธรรมด้วย เพราะสังคมตั้งข้อสังเกตเชิงสับสนว่า ทำไมบางองค์กรเหมือนให้ความสำคัญเชิงลำเอียงด้วยการ ตั้งสมมติฐานก็ดี เอียงไปทางฝ่ายคนที่ทำผิดกฎหมายมากกว่า โดยเฉพาะในฐานะผู้ประกอบ อาชีพด้านกฎหมาย น่าจะสนับสนุนหรือให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ใช้หลักกฎหมายทำงานมากกว่าการแสดงความไม่ไว้วางใจ