- Details
- Category: การเมือง
- Published: Saturday, 07 March 2015 12:44
- Hits: 3109
วันที่ 07 มีนาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8865 ข่าวสดรายวัน
กมธ.ตั้งอีก 'สภาขับเคลื่อน'คุมรบ.จบรธน.มี 315 ม. บิ๊กตู่สั่งขรก.ฟัง ทีวีคืนความสุข บ่นอยากชกสื่อ
ตั้งอีกสภาขับเคลื่อนปฏิรูป เลือกจากสปช. 60 สนช. 30 และผู้เชี่ยวชาญ 30 มติสำคัญสั่งแล้วครม.ต้องทำ จบร่างแรก 315 มาตรา รูดม่านเว้นวรรค 5 สาย มีแค่กมธ.'บิ๊กตู่'สั่งขรก.ดูรายการคืนความสุข วอนฟังกันบ้าง อย่าดูแต่ละคร ให้ฟังสาระ-ผลงานรัฐบาลบ้าง เผยเกือบชกนักข่าว เหตุถามไร้ผลงาน ย้ำอีกไม่ได้คุมขังใคร ไม่ใช้กม.ละเมิดใคร สพม.จี้สภาลูกเมียคืนเงินเดือน
บิ๊กตู่จับมืออังกฤษปราบทุจริต
เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานสัมมนาโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ โดยกล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า การที่ไทยจับมือกับอังกฤษเข้าร่วมโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (คอสต์) เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ป้องกันการทุจริต เพื่อให้มีกลไกตรวจสอบ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า การทำงานทุกวันนี้ นโยบายสำคัญคือขจัดการทุจริต สร้างความโปร่งใส ถึงจะยากแต่จะทำอย่างไรให้เกิดขึ้นได้จริง และขอกำลังใจจากประชาชนให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตและการเข้าร่วมกับคอสต์ แม้วันนี้ไทยจะถูกปรับอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นประจำปี 2557 อยู่ที่ 35 ขึ้นมาแล้ว แต่ยังไม่น่าพอใจ อยากให้ขึ้นมากกว่า แต่คงยาก การสร้างความโปร่งใส ไม่ใช่เรื่องของภาครัฐอย่างเดียว ทุกคนต้องช่วยกัน
ย้ำอีกไม่ใช้กม.ละเมิดสิทธิ์ใคร
"ขอให้เชื่อมั่นว่า ผมไม่ได้ใช้อำนาจหรือไปทรมานใคร ไม่ได้ใช้กฎหมายมาตราใดอย่างที่คนอื่นพูด อำนาจและกฎหมายเหล่านั้นไว้ใช้กับคนไม่ดี ทำผิดกฎหมาย มีคดีความ ขอชี้แจงกับทุกฝ่ายโดยเฉพาะเอกอัครราชทูตอังกฤษว่า รัฐบาลและคสช.ไม่มีการละเมิดสิทธิเสรีภาพหรือทรมานใคร ที่เรียกตัวมา เชิญบุคคลมา 3,000-4,000 คนนั้น มีเพียง 300-400 คนและดูแลอย่างดี ตอนนี้ปล่อยกลับหมดแล้ว ไม่มีการทรมาน แทบจะโอ๋กันด้วยซ้ำ เป็นการเชิญมาพูดคุย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วาระแห่งชาติต้องสร้างความเข้าใจ ลดขัดแย้งและเร่งปฏิรูป ที่ผ่านมาทั้ง 2 รัฐบาล พยายามทำมาตลอดแต่ทำไม่ได้ วันนี้จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดแนวร่วมมุมกลับ ตนได้พูดอย่างระมัดระวังในทุกด้านเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือความขัดแย้ง บางคืนถึงกับฝันว่าสั่งไปจริงแล้วหรือยัง ยอมรับว่าเหนื่อย แต่สู้ได้ ไม่ต้องห่วง
"อย่าคิดว่าเหนื่อยแล้วจะไปไหน ไม่มีทาง ไม่สำเร็จไม่ไป ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่รู้จะเข้ามาทำไม ใครไม่ชอบหน้าผมก็บอกมาเลย จะได้จบๆ สักที ถ้าประชาชนไม่ต้องการผมก็จะไม่อยู่แล้ว ทำขนาดนี้ ไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ขอให้ทุกคนร่วมมือกับผมเดินหน้าประเทศต่อให้ได้ ทางไหนตันก็หาทางใหม่" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ลั่น"5 สาย"ยึดตามรธน.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องแม่น้ำ 5 สายอย่าไปกังวล ใครจะอยู่จะไป ตนยึดตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว เดี๋ยวจะเป็นคนตัดสินเอง ขออย่านำทุกอย่างมาตีกัน ไม่เช่นนั้นประเทศก็ไม่ไปไหน มีรัฐธรรมนูญก็ตีกันอีก จะให้ตนทำอย่างไร วันนี้ต้องเอาทุกเรื่องมาปฏิรูปจึงขอใช้เวลา เพราะต้องแก้กฎหมาย กระบวนการ แก้คน แก้ทัศนคติในการทำงาน สร้างกลไกอีกหลายเรื่อง
"อย่าใจร้อนมากนัก ใจร้อนมากจะเสียของ เดี๋ยวจะเตรียมเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญกำลังจะออกมา อย่ากังวล ถ้าประชาชนไม่ยอมรับ ผมก็ไม่เอาด้วย ทำไมถึงไม่เข้าใจกัน รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลจริงๆ แค่ 6 เดือน เราจะทำทุกอย่างไม่ให้เกิดแรงต้าน ให้ประชาชนเข้าใจ สีไหนผมไม่สนใจถ้าเราดูแลเขาดีและมีความจริงใจให้ มันต้องทำได้ วันนี้ผมไปบางพื้นที่ที่มีคนห้าม ก็ไม่เห็นเขาว่าอะไร" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
โวยแทบจะชกหน้านักข่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า "วันก่อนเจอนักข่าวถามว่ารัฐบาลมีผลงานอะไร ผมแทบจะชกหน้าคนถาม ทำมาตั้งเยอะ ไม่เห็นหรืออย่างไร แต่ผมจะพูดไปเรื่อยๆ ยอมเหนื่อย ยอมเจ็บคอ ต่อไปนี้ทุกคืนวันศุกร์ ข้าราชการทุกกระทรวงต้องจดบันทึกให้รัฐมนตรีทราบว่าผมพูดอะไรไปบ้าง นักข่าวก็ต้องฟังเหมือนกัน เวลามาถามจะได้รู้เรื่อง และมีแนวคิดจะเปิดเวทีถามนักข่าวบ้าง เหมือนการสอบ แล้วส่งให้บรรณาธิการดีหรือไม่ วันนี้ผมคิดเยอะอยู่ในหัว รับข้อมูลมาทุกเรื่อง"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ข้าราชการต้องดูแลระบบราชการไม่ให้การเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์ ที่ผ่านมา นักการเมืองไม่เคยเซ็นอะไรสักอย่าง คดีที่อยู่ทุกวันนี้ คอยดู ข้าราชการจะโดนจำนวนมาก ขอให้ไปช่วยกันคิดเรื่องสัญญาคุณธรรม เร่งรัดให้ได้ภายในปีนี้ เพราะข้าราชการต้องมีเกราะคุ้มกันตัวเอง ไม่ให้กลายเป็นเครื่องมือของนักการเมือง รวมถึงเรื่องสัมปทานโครงการประมูลคลื่นความถี่ในระบ 4 จี จะทำให้ได้ภายใน 6 เดือน พร้อมปรับโครงสร้างไอซีที และยืนยันว่าตนไม่ได้ประโยชน์
ด้านนายมาร์ค เค้นท์ เอกอัครราชทูต สหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย กล่าวว่า โครงการของคอสต์เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2551 เน้นการเปิดเผยข้อมูลเพื่อป้องกันการทุจริตและใช้เงินภาษีอย่างคุ้มค่า ซึ่งขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ใช้ความกล้าหาญเข้าร่วมโครงการโดยเฉพาะโครงการก่อสร้างสุวรรณภูมิเฟสสอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นให้นานาชาติยอมรับ ขณะเดียวกันการป้องกันการคอร์รัปชั่น ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
วอน"สื่อ-ประชาชน"ฟังผมบ้าง
เวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ตอนหนึ่งว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวดีในเรื่องความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยในมุมมองของสื่อต่างประเทศชั้นนำอย่างบลูมเบิร์กส์ ที่จัดอันดับเปรียบเทียบประเทศที่มีความทุกข์ในเชิงเศรษฐกิจว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความทุกข์น้อยที่สุดในโลก ก็น่ายินดี ต้องขอขอบคุณสื่อไทยบางสื่อด้วยที่หยิบยกเรื่องดีๆ มานำเสนอ ไม่ใช่นำเสนอแต่ด้านลบอย่างเดียว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเราทำงานไปหลายเรื่อง แต่ตนยังได้รับคำถามอยู่เลย ผลงานรัฐบาลมีอะไรบ้าง บางครั้งชี้แจงก็เหนื่อย หลายอย่างเสร็จแล้ว หลายอย่างทำอยู่ หลายอย่างเป็นเรื่องอนาคต เรื่องปฏิรูป แต่ไม่เคยฟังเลย ถามตนทุกครั้งไหนว่าจะมาแก้ปัญหาให้ประชาชน ทำไม่สำเร็จ ไม่มีอะไรดีขึ้น แถมเศรษฐกิจแย่ลง คือไม่ฟังตนเลย ก็ต้องฟังกันบ้าง วันนี้ตนให้ปรับวิธีสื่อสารใหม่ สร้างความรู้ในทุกเรื่อง พยายามฟังกันหน่อย ทีวี โทรทัศน์ วิทยุ อย่าไปฟังแต่เพลง ดูหนัง ละครอย่างเดียว ดูที่เป็นสาระเกี่ยวข้องกับตัวเองด้วย
จี้ข้าราชการสร้างการรับรู้
"วันนี้ต้องสร้างการรับรู้ในทุกระดับ เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนต้องรู้นโยบายรัฐบาล แล้วสร้างการรับรู้ให้ได้ ตอบคำถามประชาชนให้ได้ สื่อสารถึงเขาว่าเหตุผลเป็นยังไงในทุกมิติ ต้องแยกให้ชัดเจน เขาจะได้ไม่ว่าอีกว่าเราทำอะไรหรือเราไม่ทำ หรือเกียร์ว่าง ผมว่ามันเสียชื่อ ดังนั้น ต้องสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น ต้องอุดรอยรั่ว อธิบายปัญหาให้เขาทราบว่าเราแก้ไขอะไรอยู่ ไม่งั้นก็ประท้วง ขัดแย้งกันอยู่แบบนี้ วันหน้าก็เกิดอีก รีบทำตอนนี้ ผมจะดูด้วย ก่อนเม.ย.นี้ครั้งหนึ่ง ภายในเม.ย.จะดูข้าราชการทำยังไง เคลื่อนไหวแค่ไหน ภาคเอกชน ภาครัฐ รัฐบาลต้องทำให้ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทีมโฆษกทั้งของรัฐบาลของ คสช. กระทรวง ทบวง กรม ต้องสร้างการรับรู้ทางสื่อ โทรทัศน์ วิทยุ เอกสาร เว็บไซต์ แอพ โหลดต่างๆ โซเชี่ยลมีเดีย หนังสือพิมพ์ก็ช่วยเอาไปลงด้วย หลายกระทรวงบอกว่าส่งไปแล้วแต่ไม่ลง มาเอาแต่ตนลง มันก็ขัดแย้งกันอยู่เรื่อย
ปัดข่าวจับกุมคุมขัง4พันคน
"ผมเข้ามาแก้ปัญหา ขอให้ทุกอย่างเผยแพร่ไปต่างประเทศด้วยว่าอะไรที่รัฐบาลทำไปแล้วบ้าง เราไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ได้จับกุมคุมขังคน 3,000-4,000 มีข่าวอยู่แบบนี้แสดงว่ามีคนไปปล่อยข่าวในสื่อ ในโซเชี่ยลมีเดีย ในต่างประเทศ ซึ่งทราบดีอยู่แล้วว่าคนเหล่านี้ไม่อยากให้เราเดินหน้าประเทศ ซึ่งไม่ได้ ตนไม่ยอม ตนจะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น มีความรู้มากขึ้น ฉลาดมากขึ้น จะได้ไม่ถูกเขาชักจูงในทางที่ผิดอีก"
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ในเรื่องการเลือกตั้ง เรื่องประชาธิปไตย หากพูดว่าประชาชนเป็นใหญ่ เป็นเจ้าของประเทศอย่างเดียวบางครั้งมันก็โอเค ใช่ข้อเท็จจริงนั้น แต่มันอาจจะไม่เหมาะสมในช่วงเวลานี้ จึงต้องมีเวลาให้ทุกคนเรียนรู้การมีส่วนร่วมมีจิตสำนึก มีหน้าที่ รับผิดชอบ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างไร ตระหนักถึงสิทธิและเสรีภาพของ ผู้อื่นด้วย ฝ่ายการเมืองต้องเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้น ไม่ใช่ทำให้มันมีปัญหา มิฉะนั้นความขัดแย้งมันจะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ
โวย"ขรก."เละทุกกระทรวง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ตนยินดีรับฟังความเห็นทุกคน แต่มันจำเป็นต้องตัดสินใจเดินหน้าทำงาน ตนชอบให้มีการถกแถลง มีเหตุมีผลกัน อาจจะยังไม่ตัดสินใจเวลานั้น ตนก็กลับมาทบ ทวนแล้วสั่งตามที่หลายคนต้องการ ข้าราชการต้องฟังเหตุฟังผลกัน ไม่ใช่โกรธ เกลียดลูกน้องเสนออะไรมา
"หลายคนตำหนิติเตียนฝ่ายเศรษฐกิจของผม หลายกระทรวงเขาทำแทบตาย ท่านไม่รู้เลยว่าเขาเจอปัญหา อะไรที่บอกว่าเขาต่ำ แย่กว่าคนอื่น แสดงว่าเขาแก้ไขปัญหามาก เขาถึงเดินหน้าไม่ได้มากนัก หัดมองอย่างนี้บ้าง ผมรู้เพราะผมสั่งเขา เขาก็รายงานกลับมา ติดตรงนี้ เพราะอย่างนี้ ผมก็แก้ให้ แก้ในครม. แก้ใน สนช. มันก็ช้า ก็บอกว่าไม่มีผลงาน มันจะมีได้ยังไง บอกง่ายๆ ว่ามันเละอยู่ข้างใน ในกระทรวง ทุกกระทรวงแก้ไข ผมจะไม่เล่นงานเจ้ากระทรวง จะเล่นงานข้างล่างลงไป เป็นข้าราชการก็ต้องทำ สมัยนี้จะทำก็ต้องทำอย่างนี้ ต้องเร็ว ไม่สั่งก็ไม่เร็ว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
จี้เร่งปรับปรุงตัวเอง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อะไรที่เป็นโครงการดีๆ ตนก็ทำต่อ อะไรไม่ดีก็เลิก บางอย่างดีอยู่แล้วก็มาปรับแก้ ตนไม่ได้รังเกียจของใครทั้งสิ้น เพียงแต่อย่าให้มันเกิดปัญหากับประเทศชาติ
"วันนี้พูดเยอะอีกแล้ว พยายามจะสร้างความเข้าใจให้ได้ ไม่อยากให้มาถามผมอีกว่ามีผลงานยังไง ผมจะปรับรัฐมนตรีคนไหนบ้าง ช่วงไหน ถ้ากระทรวงไหนท่านบอกไม่มีผลงาน ขอให้ย้อนไปดูว่ามีปัญหาอะไรบ้างในกระทรวง ข้าราชการรีบแก้ไขตัวเอง กระทรวงที่ประชาชนไม่เชื่อถือ ข้าราชการเป็นคนทำทั้งสิ้น แสดงว่ากลไกมันไม่ได้ ก็ไปว่ามา ผมไว้ใจทุกคน ขอให้ทุกคนมีความสุข เสาร์อาทิตย์ พักผ่อนให้เต็มที่ อดทนกันหน่อย ให้มากขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่ง พูดจาฟังกันบ้าง ขอพูดไปก่อนจนกว่าท่านไม่มาถามผมว่าทำอะไรยังไง ถ้าถามแบบนี้ ผมก็ต้องพูดแบบนี้ ถ้าท่านเข้าใจมากขึ้น ผมก็พูดน้อยลงเท่านั้นเอง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
"สงค์"ยี้ดูงาน"เยอรมัน"
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้สัมภาษณ์ถึงการยกร่างรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน ว่า ขณะนี้ไม่อยากแสดงความคิดเห็นอะไรมาก เนื่องจากกมธ.ยกร่างฯ กำลังดำเนินการอยู่ เอาไว้ให้เป็นรูปเป็นร่างออกมาเสียก่อนจึงจะพูดในภาพรวมทีเดียว รัฐธรรมนูญไม่ใช่ ยาวิเศษใดๆ แต่เป็นเครื่องมือสำหรับป้องกันรักษา แต่ขณะนี้สถานการณ์ทุกอย่างรากเหง้าของปัญหายังไม่ได้ขุดขึ้นมาจัดการ จึงอยากฝากบอกว่าคนมีอำนาจรัฐต้องจัดการปรับ ขุดรากถอนโคนสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ที่เป็นสาเหตุของการที่ต้องเข้ามายึดอำนาจนั้นให้เสร็จสิ้นไปเสียก่อนและรัฐธรรมนูญก็ร่างไป โดยคำนึงถึงประเทศไทย ประชาชนคนไทย ไม่ใช่ไปเอาประเทศฝรั่งมังค่า เยอรมัน อังกฤษ ที่ไหนมา เพราะฝรั่งเขาก็ร่างเพื่อคนของเขา แล้วเราจะตามแบบฝรั่งไปทั้งหมดไม่ได้ ต้องดูความเหมาะสมของบ้านเมืองเรา
เมื่อถามว่า แสดงว่ารูปแบบการเลือกตั้งแบบเยอรมันไม่เหมาะกับประเทศไทย น.ต. ประสงค์กล่าวว่า ไม่ควร แล้วนี่ยังจะไปดูงานที่เยอรมันกันอีก ไปกันใหญ่ คิดจะไปดูงาน ไปเที่ยวเมืองนอก นายกฯเองก็ห้ามเดินทางไปต่างประเทศมิใช่หรือ นั่นคือสิ่งที่ถูกแล้ว เสียเงินเสียทองเปล่าๆ
"ความจริงผมไม่อยากพูดอะไรมากเดี๋ยวจะด่ากันเปล่าๆ แต่รุ่นผมไม่มีที่เอาลูกเมียมาเป็นผู้ช่วย และรู้สึกชอบใจที่นักข่าวไปขุดเรื่องนี้มาได้ จนอยากจะให้ทิปสัก 20 บาท" น.ต.ประสงค์ กล่าว
เชียร์"ตู่"ขุดรากถอนโคน
เมื่อถามว่า ต้องการให้กำลังใจพล.อ. ประยุทธ์ ในการปฏิบัติหน้าที่ปฏิรูปประเทศขณะนี้อย่างไรหรือไม่ น.ต.ประสงค์กล่าวว่า เข้ามาทำงานนี้แล้วก็ควรจะทำอะไรให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดก่อนที่จะพ้นจากอำนาจไป ขุดรากถอนโคนที่มันยังตกค้าง ยังมีเวลาทำ
เมื่อถามย้ำว่าพล.อ.ประยุทธ์บ่นทุกวันว่าปัญหารุมเร้ามากกว่าที่คิดไว้ น.ต.ประสงค์กล่าวว่า ก็การเมืองมันไม่เหมือนการทหาร การทหารมันหน้าเดียว แต่การเมืองเยอะแยะ นายกฯเป็นทหารมาไม่คุ้นเคยกับการเมือง แต่ตนคุ้นกับการเมืองก็พอจะมองว่าเหนื่อย ไม่ใช่ไม่เหนื่อย แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องอดทน ก็คงพยายามอยู่ ขอให้นายกฯเป็นตัวของตัวเอง ทำเพื่อบ้านเพื่อเมือง คำปรึกษาหารือจากคนใกล้ชิดต่างๆ นั้นใคร่ครวญให้ดีก่อนตัดสินใจ มิฉะนั้นเวลาเกิดความเสียหายทั้งหมดจะโทษนายกฯคนเดียว ขอพูดเพียงเท่านี้ ตนเองให้กำลังใจนายกฯอยู่ตลอดเวลา แต่ก็กลัวเหมือนกันว่าจะเสียกำลังใจทีหลัง ไม่อยากให้เสียกำลังใจทีหลัง
วิษณุชี้นายกฯต่ออายุปปช.ไม่ได้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอต่ออายุการทำงานของป.ป.ช. ว่า นายกฯไม่มีอำนาจอะไรไปต่ออายุ และไม่ใช่อำนาจของรัฐบาล ส่วนที่ระบุให้ใช้อำนาจพิเศษนั้นเป็นอำนาจของคสช.ที่จะพิจารณา ขณะนี้ประเด็นคือคนที่จะเป็นผู้ดำเนินการอะไรก็ตามต้องคิดด้วยเหตุผลว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะปัญหาคือกรรมการป.ป.ช. 1 คน จะครบวาระในเดือนพ.ค. และอีก 4 คน จะครบวาระในเดือนก.ย.นี้ กระบวนการสรรหาอาจจะล่าช้านั้น การพิจารณาคดีที่มีอยู่จะทำอย่างไร ป.ป.ช.จึงส่งสัญญาณให้สังคมรับรู้ปัญหา เรื่องต่ออายุนั้นไม่เป็นไรแต่ปัญหาคืออำนาจในการต่ออยู่ที่ใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้มีอำนาจต่ออายุคือหัวหน้า คสช.เพียงคนเดียวใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะการใช้อำนาจต้องเป็นองค์คณะ การเสนอกฎหมายป.ป.ช.ต่อ สนช.ครั้งที่ผ่านมา ทาง สนช.จึงตั้งกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณา เพราะเห็นว่าหากจำเป็นต้องต่ออายุ จะต้องเขียนแก้ไว้ในกฎหมายตั้งแต่ครั้งนั้น แต่สุดท้ายก็ดึงออกหมดเหลือไว้เพียงเรื่องเดียวคือเรื่องการทำสนธิสัญญา จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรกันต่อ
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการทำงานป.ป.ช.ที่เหลือหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า กรรมการ 4 คนยังทำงานได้ แต่ปัญหาคือสังคมจะเชื่อมั่นหรือไม่กับคน 4 คน ที่จะทำงานแล้วบอกว่าใครผิดหรือไม่ผิด หากผลโหวตออกมาเป็นเอกฉันท์ไม่เป็นไร แต่ถ้าออกมา 3 ต่อ 1 สังคมอาจคลางแคลงใจบ้าง ฉะนั้นการพิจารณาต้องคิดถึงความรู้สึกของสังคมด้วย
"บิ๊กโด่ง"อู้อี้ต่อท่ออำนาจ
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะรองหัวหน้าคสช. กล่าวว่า นายกฯพูดไปหมดแล้ว ยืนยันไม่มีสืบทอดอำนาจ ถ้าทำเช่นนั้นต่อไปจะไม่มีคนมาทำงาน พอหมดหน้าที่ก็หมดเลย 2 ปีก็ไม่มีใครแล้ว และนายกฯชี้แจงแล้ว คิดว่าคนที่สนับสนุนให้แม่น้ำ 5 สาย เว้นวรรค 2 ปี น่าจะเข้าใจ ส่วนที่พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกต ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้สกัดกั้นบุคคลหรือกลุ่มบุคคลบางกลุ่มนั้น ไม่มี เพราะ กมธ.ยกร่างฯมีบุคคลทั่วไป จะพิจารณาว่าในอดีตรัฐธรรมนูญใช้แล้วมีปัญหาอะไรจะได้แก้ไขไม่ให้ติดขัดเหมือนที่ผ่านมา
ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2รอ.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคสช. กล่าวถึงข้อเสนอของนายเจษฎ์ โทณะวณิก คณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้แม่น้ำ 5 สาย เว้นวรรคการเมือง 2 ปีว่า เป็นการเสนอแนวคิดเข้ามายังไม่ได้ข้อยุติ ที่สำคัญ นายกฯชี้แจงไปแล้ว การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว และคงไม่มีใครมีเจตนาต่อท่ออำนาจ อยู่ที่สถานการณ์ ต้องคิดให้รอบด้าน แต่บางอย่างจะมีกรอบความจำเป็นของสถานการณ์บ้านเมืองก็ต้องมาคิดกัน เน้นว่าเป็นแนวคิดของบางคนเท่านั้น ยังไม่ได้ข้อยุติ
เทียนฉายปัดค้ำประกันรธน.
ที่รัฐสภา นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิปสปช.) แถลงว่า ได้รับมอบหมายจากนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช.มาชี้แจงทำความเข้าใจกรณีที่มีสื่อหลายฉบับพาดหัวข่าวว่า "เทียนฉายยอมตายถ้ารัฐธรรมนูญมีตำหนิ" ว่าสิ่งที่นายเทียนฉายพูดไปนั้นไม่ได้หมายความว่าเอาตัวเองเป็นประกันถ้ารัฐธรรมนูญมีตำหนิแล้วจะยอมตาย แต่หมาย ความว่าในฐานะที่เป็นประธานสปช. ยืนยันว่าจะดำเนินการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในชั้นสปช.อย่างดีที่สุด เหมาะสมกับสภาพสังคมไทย มีประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด แก้ปัญหาชาติให้ดีที่สุด และหากตรงไหนที่มีตำหนิหรือความไม่เข้าใจเป็นเรื่องส่วนบุคคลและพรรคการเมือง
นายวันชัยกล่าวว่า ในฐานะที่นายเทียนฉายเป็นประธานสปช.ยืนยันว่าจะมีกลไกในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นให้ดีกว่าเก่าแน่นอน มีกฎหมายที่เป็นเครื่องมือให้ความเป็นธรรมกับทุกส่วน และรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นฉบับที่ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะอย่างมาก ดังนั้นขอให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะอุดช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 ได้ดีที่สุด และเวลาที่เหลือของสปช.เป็นเวลาที่งวดเข้ามาทุกที จึงไม่ต้องการให้ประชาชนผิดหวัง เพราะรัฐธรรมนูญเป็นความรับผิดชอบของสปช.จึงต้องทำให้ออกมาดีที่สุด
ยันจะทำรัฐธรรมนูญให้ดีที่สุด
นายวันชัยกล่าวว่าขณะนี้เตรียมการรองรับการอภิปรายของสปช. เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญเป็นเวลา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 17-26 เม.ย. โดยจะพิจารณางานของกมธ.ทุกคณะ โดยสิ่งอภิปรายทั้งหมดกมธ.ยกร่างฯจะนำไปปรับปรุงเพื่อให้รัฐธรรมนูญออกมาดีที่สุด นอกจากนั้นยังได้เตรียมการเรื่องวาระของการปฏิรูปทั้งหมด 36 วาระ โดยประธานได้สั่งการให้กลั่นกรองพิจารณาว่าเรื่องใดควรเป็นเรื่องสำคัญให้เร่งรัดดำเนินการให้เสร็จก่อนวันที่ 10 เม.ย. และในการประชุมแม่น้ำ 5 สาย วันที่ 11 มี.ค. สปช.จะเสนอกรอบการปฏิรูปทั้ง 36 วาระต่อที่ประชุมว่าการปฏิรูปด้านไหนจะเร่งออกเมื่อไหร่ เพื่อประสานการทำงานร่วมกันของแม่น้ำ 5 สายให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
เมื่อถามว่านายเทียนฉายได้ฝากชี้แจงถึงกรณีให้แม่น้ำ 5 สายเว้นวรรคทางการเมืองหรือไม่ นายวันชัยกล่าวว่าสิ่งที่นายเทียนฉายพูดเป็นความเห็นส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเข้ามาทำงานเพื่ออะไร และไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไร จะให้เว้นวรรคหรือไม่ เชื่อว่าทุกคนพร้อมที่จะปฏิบัติตาม รวมทั้งตนด้วย
กมธ.ยกร่างตั้ง"สภาขับเคลื่อน"
ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นประธานประชุมพิจารณาร่างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา โดยมีวาระพิจารณาร่างบทบัญญัติบทเฉพาะกาลที่เหลืออยู่ รวมทั้งมาตราที่ยังไม่พิจารณาไม่ได้ข้อยุติ
นายบวรศักดิ์แจ้งที่ประชุมทราบว่า ได้ขออนุญาตนายเทียนฉาย นำกมธ.ยกร่างฯ ไปนำเสนอภาพรวมการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งหมดในการประชุมสปช.วันที่ 10 มี.ค. ซึ่งนายเทียนฉาย รับปาก ทั้งนี้การนำเสนอภาพรวมของรัฐธรรมนูญ ไม่ได้สื่อสารเฉพาะสปช.เท่านั้น แต่จะสื่อสารให้คนทั้งประเทศที่อยากทราบความคืบหน้าด้วย
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมนายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กมธ.ยกร่างฯ แถลงความคืบหน้าการพิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ที่ประชุมพิจารณา ภาค 4 หมวด 2 การปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรม ส่วนที่ 1 สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ โดยมาตรา 279 เพื่อประโยชน์แห่งการดำเนินการปฏิรูปประเทศให้ต่อเนื่องจนบรรลุผล ให้มีสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ มีองค์ประกอบและที่มา
เลือก"90 สปช.-สนช."ร่วมทีม
1.สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ประกอบด้วยสมาชิกไม่เกิน 120 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากบุคคล ดังต่อไปนี้ สมาชิก สปช.จำนวน 60 คน สมาชิกสนช. จำนวน 30 คน และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการปฏิรูปด้านต่างๆ จำนวน 30 คน
2.คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ ประกอบด้วยกรรมการ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลาและมาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญในการปฏิรูปด้านต่างๆ ไม่เกิน 50 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามมติสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราช โองการแต่งตั้งสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปประเทศ โดยต้องมีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามและหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งสมาชิกและกรรมการตามอำนาจหน้าที่อื่น รวมทั้งเรื่องอื่นที่จำเป็นให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
บังคับครม.ต้องปฏิบัติตาม
นายคำนูณกล่าวว่า สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ ขับเคลื่อนการปฏิรูปโดยการเสนอแนะนโยบายและ ข้อเสนอแนะในการปฏิรูปต่อรัฐสภา ครม.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในด้านต่างๆ ส่วนการปฏิรูปในด้านอื่น ซึ่งมิได้บัญญัติไว้ในหมวดนี้ให้กระทำได้ตามข้อเสนอของคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ทั้งนี้เมื่อ ครม.ได้รับข้อเสนอแล้วให้ ครม.พิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอและให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการอย่างเพียงพอ ในกรณีที่ครม.ไม่สามารถดำเนินการตามข้อเสนอใดได้ ให้ชี้แจงเหตุผลต่อรัฐสภา และสภาขับเคลื่อนฯทราบ
"ในกรณีที่สภาขับเคลื่อนฯเห็นว่าการ ปฏิรูปที่ครม.ไม่ดำเนินการนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งและมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของสภาชิกสภาขับเคลื่อนฯทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ออกเสียงประชามติว่าจะดำเนินการเรื่องนั้นหรือไม่ ผลการออกเสียงประชามติดังกล่าวให้มีผลผูกพัน ครม.และสภาขับเคลื่อนฯ ต้องปฏิบัติตาม"
เว้นวรรคมีแค่"กมธ."เท่านั้น
นายคำนูณกล่าวว่า สำหรับบทเฉพาะกาล มาตรา 306 เพื่อประโยชน์ในการจัดให้มี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นที่จำเป็นให้ สปช.และคณะกมธ.สิ้นสุดลงในวันเปิดประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกตามมาตรา 136 และเพื่อประโยชน์ของการขจัดส่วนได้เสีย ห้ามมิให้กมธ.ยกร่างฯดำรงตำแหน่ง ส.ส. ส.ว. ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น เจ้าหน้าที่หรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรค การเมืองหรือกลุ่มการเมืองภายใน 2 ปีนับจากวันที่พ้นตำแหน่ง
เมื่อถามว่าข้อเสนอของนายเจษฎ์ โทณะวณิก กมธ.ยกร่างฯที่เสนอตัดสิทธิทางการเมืองแม่น้ำ 5 สาย ไม่ผ่านความเห็นชอบหรือไม่ นายคำนูณกล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยกมธ.ส่วนใหญ่เห็นว่า สปช.มีส่วนเกี่ยวข้องเฉพาะช่วงต้นที่มีการเลือกตั้งกมธ.ยกร่างฯ 20 คน และเสนอแปรญัตติเท่านั้น ส่วนเนื้อหาอื่น กมธ.ยกร่างฯเป็นผู้ยกร่างฯเป็นผู้พิจารณาในขั้นตอนสุดท้าย จึงเห็นว่า ควรตัดสิทธิเฉพาะกมธ.ยกร่างฯเท่านั้น เนื่องจากมีระบุไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี"57 ทำให้กมธ.ยกร่างฯทราบล่วงหน้า แต่สปช.และส่วนอื่นๆ ไม่ได้รับรู้มาก่อนว่า เมื่อมาดำรงตำแหน่งแล้วต้องตัดสิทธิทางการเมือง
ปัดสภาขับเคลื่อนสืบทอดอำนาจ
เมื่อถามว่าการตั้ง สปช.และสนช.เข้ามาเป็นสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ เป็นการสืบทอดอำนาจหรือไม่ นายคำนูณกล่าวว่า ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจแต่เป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ และผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกจะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดจะมีระบุไว้ในกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กมธ.ยกร่างฯไม่ได้จัดตั้งองค์กรดังกล่าวขึ้นมาเพื่อเป็นกลไกในการควบคุมรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแต่อย่างใด
นายคำนูณกล่าวด้วยว่า ขณะนี้รธน.ร่างแรกเสร็จแล้ว มีทั้งหมด 315 มาตรา โดยในสัปดาห์หน้าจะเริ่มพิจารณาทบทวนปรับแก้ถ้อยคำ และหารือในประเด็นที่แขวนไว้ อย่างไรก็ดีหากปรับเปลี่ยนก็จะไม่เกิน 315 มาตราแต่มีแนวโน้มจะลดลง พร้อมส่งให้สปช.พิจารณาตามกำหนดในวันที่ 17 เม.ย.
ด้านนายเจษฎ์กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวไม่ต้องการสร้างความบั่นทอนจิตใจแก่บุคคลที่ ทำหน้าที่ เพราะถ้าเข้ามาเพื่อไปเป็นส.ส.หรือส.ว.และรัฐมนตรี ก็ไม่ใช่ แต่หากเข้ามาทำหน้าที่เพื่อบ้านเมืองในการส่งไม้ต่อให้คนที่จะมาสานงานในวาระต่อไป ยืนยันว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้ป้องกันการสืบทอดอำนาจของคสช.แต่อย่างใด ไม่ได้รู้สึกผิดหวัง เพราะเวลาที่เรานำเสนอสิ่งใดไปก็คิดถี่ถ้วนแล้ว สุดท้ายเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ส่วนกรณีป.ป.ช.นั้นไม่ได้เป็นการต่ออายุ แต่เป็นการกำหนดการทำหน้าที่ไปจนกว่าจะส่งไม้ต่อให้คนที่เข้ามาทำหน้าที่ในภายหลัง ซึ่งกรณีของบุคคลที่ครบวาระและอายุ 70 ปีนั้น เรากำหนดไว้ในบทเฉพาะกาล ถ้าติดขัดอาจต้องให้นั่งทำหน้าที่อยู่ต่อไป แต่อาจจะมีกลไกให้อยู่ทำหน้าที่เท่าจำนวนที่มีอยู่ก็ได้
สพม.จี้สภาลูกเมียคืนเงินเดือน
ที่สภาพัฒนาการเมือง (สพม.) นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสพม. แถลงถึงกรณี สมาชิกสนช.แต่งตั้ง คู่สมรส บุตรและเครือญาติเป็นผู้ช่วยดำเนินงานว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะบุคคลที่เป็น สนช. ต้องไม่แสวงหาประโยชน์โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ ดังนั้น แค่ให้คนที่แต่งตั้งมาพ้นจากตำแหน่งจึงไม่เพียงพอ จึงเรียกร้องให้ สมาชิกสนช. คืนเงิน งบประมาณทั้งหมดที่จ่ายเป็นค่าตอบแทน รวมถึงบุคคลที่เห็นด้วยกับกรณีดังกล่าวควรถูกตำหนิจากสังคม นอกจากนี้ยังเรียกร้อง ผู้ตรวจการแผ่นดิน และป.ป.ช.ตรวจสอบจริยธรรมอย่างเร่งด่วน
นายธีรภัทร์กล่าวว่า ส่วนกรณีบุคคลที่ไม่ใช่คู่สมรส บุตร และเครือญาติ จะต้องตรวจสอบเช่นกันว่าปฏิบัติตามหน้าที่หรือไม่ หากพบว่าไม่มีความสามารถ หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ควรดำเนินการตามกฎหมาย กรณี ดังกล่าวต้องครอบคลุมสปช. ครม. และองค์อิสระตามรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน
นายธีรภัทร์กล่าวถึงข้อเสนอให้แม่น้ำ 5 สาย เว้นวรรค 2 ปีว่า คิดว่าบุคคลที่ดำรงดำแหน่งดังกล่าวคงไม่เห็นด้วย เพราะกระทบต่อสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับ อีกทั้งการเว้นวรรค 2 ปี ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 แค่บุคคลในกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่แม่น้ำ 5 สายจะยอมรับแนวความคิดนี้
ปชป.หนุน"5สาย"เว้นวรรค
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีข้อเสนอให้ตัดสิทธิ์ทางการเมืองแม่น้ำ 5 สายเป็นเวลา 2 ปี ว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เนื่องจากขณะนี้มีประชาชนส่วนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่าจะมีการสืบทอดอำนาจหรือไม่ เพราะฉะนั้นการแสดงเจตนาว่าจะไม่สืบทอดอำนาจถือเป็นการสร้างกติกาที่ดีที่สุดให้กับประเทศ โดยคนที่สร้างกติกานั้นไม่ได้มีส่วนได้เสียในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ แต่หากไม่มีการแสดงเจตนาออกมา แสดงว่าผู้ที่ร่างกติกาอยู่ในขณะนี้มีเจตนาว่าจะเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลังจากที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2558 มีผลบังคับใช้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สนช.แต่งตั้งสมาชิกในครอบครัวเป็น เลขานุการ ผู้ช่วยฯ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ติดใจเรื่องนี้เท่าไร แต่ขอดูที่ผลงานของตัว สนช. สปช. มากกว่า แต่เพื่อให้มีความเหมาะสมจำนวนสมาชิกในครอบครัวที่จะมาเป็นผู้ช่วยนั้นไม่ควรมากเกินไป
จาตุรนต์แนะหลักเว้นวรรค
ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง "ใครควรเว้นวรรค ไม่เว้นวรรค" ว่า การเสนอให้แม่น้ำ 5 สายเว้นวรรค เป็นเรื่องมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เห็นว่าบรรดาผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่อยู่ในแม่น้ำ 5 สายจะต้องเว้นวรรคทางการเมืองไปเสียทุกคนและทุกเรื่อง เราควรเสนอเรื่องที่สำคัญในทางหลักการสัก 2-3 เรื่องก็พอ ข้อแรก ไม่ควรห้ามบุคคลเหล่านี้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. และหากบุคคลเหล่านี้ได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.แล้ว ก็ไม่ควรห้ามไม่ให้เป็นนายกฯ แม้ว่าอาจร่างรัฐธรรมนูญให้เอื้อประโยชน์แก่บางพรรคหรือบางพวก แต่ต้องถือว่า เมื่อเขาได้รับเลือกตั้งจากประชาชนก็ต้องยอมรับเขา
ข้อที่สอง ผู้ที่ไม่ได้มีส่วนโดยตรงกับการร่างรัฐธรรมนูญ หรือการให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญไม่ควรต้องถูกตัดสิทธิ์ในการดำรงตำแหน่งต่างๆ ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้มีขึ้น เพราะการไปมีข้อห้ามสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญ ย่อมไม่มีผลต่อการร่างรัฐธรรมนูญ
ชงห้าม"5 สาย"นั่งนายกฯ คนนอก
ข้อที่สาม ผู้ที่มีหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญและผู้ที่มีหน้าที่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ควรเว้นวรรคจากการดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระและวุฒิสภา เว้นแต่รัฐธรรมนูญกำหนดให้องค์กรอิสระและวุฒิสภา มีที่มาจากการเลือกตั้งหรือมีการยึดโยงกับประชาชนทั่วไป แต่ข้อนี้จะมีข้อเสียตรง ที่ไม่ได้บอกบุคคลเหล่านี้ไว้ก่อน ดังนั้นอาจยกเว้นสำหรับผู้ที่ลาออกไปก่อนที่การร่างรัฐธรรมนูญจะแล้วเสร็จก็ได้
ข้อที่สี่ ผู้ดำรงตำแหน่งใน คสช.และองค์กรอื่นในแม่น้ำ 5 สายไม่ควรรับตำแหน่งนายกฯที่ไม่มาจากการเลือกตั้ง เรื่องนี้อาจไม่จำเป็นต้องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แค่บุคคลเหล่านี้ประกาศเสียเอง ว่าจะไม่รับตำแหน่ง นายกฯ ที่ไม่มาจากการเลือกตั้งก็พอ
พท.ชี้"ตู่"สรรหาปปช.ใหม่ได้
นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงคณะกรรมการป.ป.ช. ยอมรับมีการเสนอขอต่ออายุตัวเองออกไปอีก 1 ปีว่า ตนแปลกใจว่าถ้าขาดป.ป.ช.ทั้ง 5 คนที่จะหมดวาระลง ประเทศไทยจะอยู่ต่อไม่ได้เลยหรือ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช.สามารถใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสรรหาบุคคลใหม่ ให้ทำหน้าที่แทน 5 ป.ป.ช.ได้ แต่หากพล.อ.ประยุทธ์จะต่ออายุให้ 5 ป.ป.ช.ก็ทำได้เช่นกัน แต่จะทำให้ประชาชนเสียความรู้สึก และส่งผลกระทบด้านลบ สร้างความเสียหายมาถึงตัวนายกฯด้วย
"แค่ ป.ป.ช.ยอมรับว่าขอต่ออายุตัวเอง ยกเหตุผลเรื่องความต่อเนื่องในการทำงาน หรือองค์คณะไม่ครบ คนส่วนใหญ่ก็เห็นตรงกันว่าแค่ข้ออ้างเพื่อรักษาอำนาจของตัวเองเท่านั้น ขนาดผบ.ตร.หรือผบ.ทบ.เกษียณ งานก็ยังเดินหน้าต่อไป พูดอะไรเกรงใจประชาชนบ้าง เป็น ป.ป.ช.มาตั้ง 9 ปีแล้วไม่เหนื่อยบ้างหรือ ผมว่ามีคนดี คนเก่งอีกมากที่เป็น ป.ป.ช.ได้" นายสมคิดกล่าว
หนุน"5 สาย"ลงเลือกตั้ง
นายอำนวย คลังผา อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข้อเสนอเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปีของแม่น้ำ 5 สายว่า ไม่อยากให้ไปจำกัดสิทธิแม่น้ำ 5 สาย อย่างสมาชิกสปช. หรือสนช. อยากสมัคร ส.ส.หรือ ส.ว.ก็ทำได้ ถ้าลงสมัครเลือกตั้งก็ไม่สืบทอดอำนาจ เพราะการเลือกตั้งจะอยู่ที่ประชาชน แต่ถ้าเป็นการสรรหาก็ไม่ควรลง ทั้งนี้ ขอให้ สนช. สปช. มาสมัครเป็นผู้แทนฯ แต่อยากให้เพิ่มส.ส.เขตเป็น 375 คน ส่วนบัญชีรายชื่อให้มี 125 คนเช่นเดิม จะคัดสรรอย่างไรก็แล้วแต่
ยื่นประกัน13แดงต้องลุ้น9มี.ค.
วันที่ 6 มี.ค. นายคารม พลพรกลาง ทีมทนายความคดีแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวกรณีศาลจังหวัดพัทยาตัดสินจำคุก นปช. 13 คน อาทิ นายนิสิต สินธุไพร นายสำเริง ประจำเรือ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์, นายวรชัย เหมะ นายพายัพ ปั้นเกตุ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และพ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ เป็นเวลา 4 ปีโดยไม่รอลงอาญา คดีล้มการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2552 ว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ได้ยื่นประกันตัวจำเลยทั้งหมดต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 จังหวัดชลบุรี วางหลักประกันคนละ 700,000 บาท แต่ยังไม่ทราบผลคำสั่ง ปกติจะใช้เวลา 3 วันขึ้นไป จึงจะทราบว่าศาลมีคำสั่งวันไหน โดยหลักคดีนี้น่าจะได้รับการประกันตัว เพราะจำเลยกลุ่มนี้มาศาลตลอด ไม่เคยหลบหนีและโทษไม่สูง แต่ถ้าไม่ได้รับการประกันตัวก็จะยื่นศาลฎีกาต่อไป
นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. กล่าวว่า รอว่าศาลอุทธรณ์จะพิจารณาให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่อย่างไร นายนิสิต สินธุไพร นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และนายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง อยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีผู้ก่อการร้าย ซึ่งก่อนหน้านี้ให้ประกันตัว ทั้ง 3 คน ประพฤติตัวเป็นแบบแผนตามข้อกำหนดของศาลทุกประการ จึงขอความกรุณาศาลด้วยว่าทั้ง 3 คน พิสูจน์ตัวเองมายาวนานว่าหลังได้รับประตัว ไม่เคยละเมิดคำสั่งศาลหรือคดีศาลจังหวัดพัทยานี้ ในชั้นต้นกลุ่มผู้ถูกดำเนินคดีทั้ง 13 คน ก็ประพฤติตัวตามคำสั่งทุกประการเช่นกัน
นพ.เหวงกล่าวต่อว่า จากการพูดคุยกับทีมทนาย ทราบว่าหากวันนี้ไม่ทันก็ต้องรอวันที่ 9 มี.ค. เชื่อมั่นว่าศาลจะกรุณาเพราะจำเลยอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีก่อการร้ายด้วย เราไม่ได้กดดันศาล ซึ่งช่วงเที่ยงวันนี้ ตนในฐานะตัวแทนแกนนำ นปช. พร้อมครอบครัวและญาติของ ผู้ต้องหาจำนวนหนึ่งได้เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ต้องหาทั้ง 13 คน ที่เรือนจำพิเศษพัทยา (หนองปลาไหล) อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พบว่าทุกคนมีกำลังใจเข้มแข็งดี
"สมคิด"ดัน"เออีซี"เป็นวาระชาติ
วันที่ 6 มี.ค. ที่โรงแรมแชงกรี-ลา ธนาคารกรุงเทพ จัดงานสัมมนา AEC Business Forum หัวข้อ "2015: The Year of AEC" โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า ไทยผ่านมาทั้งยุคที่รุ่งโรจน์เป็นเสือเศรษฐกิจของเอเชีย และผ่านภาวะสังคม การเมือง ในจุดที่หมิ่นเหม่จะเป็นประเทศที่ล้มเหลว แต่ผ่านมาได้อย่างหวุดหวิด ทำให้มีต้นทุนที่ต้องเสียไปคือเวลาที่สูญเปล่าไปกว่า 10 ปี และถูกมองว่าเป็นประเทศที่ถดถอยทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ถูกตราหน้าว่าเป็นคนป่วยของเอเชีย รัฐบาลนี้พยายามเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส มีการปฏิรูปและแก้ไขจุดอ่อน
นายสมคิดกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญประการหนึ่งคือ การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ไทยจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการเปิดเออีซี ในเชิงสถานที่ตั้งไทยเหมาะที่เป็นศูนย์กลาง แต่ยังมีคู่แข่งอย่างสิงคโปร์ที่มีเทคโนโลยีและการบริการขั้นสูง อินโดนีเซียขยายตัวเร็ว มีทรัพยากรและแรงงานจำนวนมาก สำคัญคือต้องคิดนอกกรอบและกล้าคิดสิ่งใหม่ๆ ทำให้เกิดความแตกต่างคล้ายกับจีนช่วงเปิดประเทศ เพราะทั้ง 10 ประเทศในอาเซียนเป็นคู่แข่งกันหมด เรามีอาวุธที่จะต่อสู้ได้คือการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ 5 แห่ง ส่งเสริมการค้าขายชายแดน ควรจัดระบบคลัสเตอร์พิเศษสำหรับเกษตรแปรรูป ท่องเที่ยว หรือสินค้าเทคโนโลยีสูง
นายสมคิดกล่าวว่า ในฐานะที่ไทยอยู่จุดศูนย์กลางอาเซียนต้องสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประเทศในภูมิภาค เชื่อมเหนือ-ใต้-ออก-ตก ทั้งระบบราง ถนน ท่าเรือ สนามบิน ที่เราอยากให้ไทยเป็นฮับเรื่องการบิน คิดว่าทำได้แต่เราจะทำหรือไม่เท่านั้น ต้องรู้จักเล่นบทพระเอกโดยใช้นโยบายด้านต่างประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด
"เรื่องเออีซีต้องเป็นวาระแห่งชาติ โดยเตรียมประเทศให้มีความพร้อมและขับเคลื่อนด้วยเอกชน บริษัทใหญ่มีความพร้อมอยู่แล้ว แต่กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีสัดส่วนกว่า 90% มีเงินทุนจำกัดและยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเออีซี รัฐต้องอธิบายให้เขาตระหนัก เปลี่ยนวิธีคิดและการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจข้ามชาติ ส่งเสริมให้ออกไปเออีซีพร้อมกับบริษัทใหญ่ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้" นายสมคิดกล่าว