- Details
- Category: การเมือง
- Published: Tuesday, 03 March 2015 11:31
- Hits: 3609
วันที่ 03 มีนาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8861 ข่าวสดรายวัน
'ทิชา'นัดไขปริศนา ปม'ออก' ปื๊ดโต้ไม่ใช่ต้นเหตุ ยื่นปปช.-จริยธรรมตั้งลูกเมีย'อุ๋ย-อำนวย"ยันไม่ปรับครม.'สมัชชาคุณธรรม'ผ่านฉลุย
สภาลูก-เมียบาน จ่อยื่นป.ป.ช.สอบจริยธรรมสนช. 'ปนัดดา'อ้างโพสต์ธรรมะไม่ได้ด่าใคร ปัดวิจารณ์ตั้งลูก-เมีย พีระศักดิ์แจงวุ่น ลูก-เมียสนช.ไม่ได้เข้าสภาทำหน้าที่ ผู้ช่วย ชี้ทำงานผ่านระบบสื่อสารได้ 'ทิชา ณ นคร'พอใจหลังยื่นออก เกิดแรงกระเพื่อม หวังกมธ.จะรับฟังสิทธิสตรี ด้านบวรศักดิ์โต้ ไม่เกี่ยว"ทิชา'ออก'อุ๋ย'ยันไม่มีปรับครม. ย้ำผลงานรมต.เป็นที่ยอมรับ ด้าน'อำนวย ปะติเส'ลั่นไม่สนเก้าอี้ ถ้าจะเปลี่ยนก็ยินดี
'อุ๋ย'ปัดไม่ได้ยินปรับครม.
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์ ถึงกระแสข่าว พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เตรียมปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือนมี.ค.นี้ 3 กระทรวงที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ว่า ไม่มีเรื่องนี้และไม่เคยได้ยิน เพราะถ้ามีเรื่องนี้จริงตนคงต้องรู้เรื่องก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าอาจปรับครม.ในส่วนของนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรฯ และนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรฯ เพราะแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตร โดยเฉพาะยางพาราไม่สำเร็จ รองนายกฯ กล่าวว่า ผลงานทุกคนดีหมด และเป็นที่ยอมรับว่าทำได้แค่ไหนอย่างไร รัฐมนตรีทั้ง 2 คนทำงานอย่างเต็มที่แม้จะมีสิ่งที่ทำให้ติดขัดอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีปัญหา ยืนยันไม่เคยมีการพูดคุยหรือแตะเรื่องการปรับครม.
เมื่อถามว่า นายกฯ เคยหารือเป็นการภายในหรือไม่ว่าควรจะปรับครม.ช่วงไหน รอง นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีๆ นายกฯ ไม่เคยพูดเลย มีแต่สื่อพูดกันเอง
'อำนวย'พร้อมทำตามนายกฯสั่ง
นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวปรับครม.ว่า ตนไม่มีอำนาจแสดงความคิดเห็น หาก นายกฯ ต้องการให้ทำงานต่อก็จะทำ แต่หากมองว่าตนไม่สามารถทำงานเพื่อผลประโยชน์ของเกษตรกรได้ก็ยินดี
นายอำนวยกล่าวว่า การทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรี 2 เดือนที่ผ่านมา ก็ทำงานตามแผนงานที่ครม.อนุมัติทุกอย่าง จึงยังคงโฟกัสในเรื่องของงาน การแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร อาทิ ยางพารา ไม่ได้สนใจว่าเก้าอี้จะอยู่หรือไม่ แต่สนใจว่าทำงานได้หรือไม่ บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ให้เกษตรกรได้ผลประโยชน์มากที่สุด ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้นหรือไม่อย่างไร นั่นคือเป้าหมายของคนทำงาน และยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้ยินข่าวปรับครม. ทั้งนี้เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจ อยู่ที่การตัดสินใจของนายกฯ
นายอำนวย กล่าวว่า ก่อนเข้ารับตำแหน่ง ราคายางพาราอยู่ที่ 3 กิโลกรัม 100 บาท แต่ปัจจุบันขยับขึ้นมาอยู่ที่ราคา 50 บาทต่อก.ก. ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ เร่งบริหารจัดการสต๊อกยางพารา ให้สมดุลกับความต้องการทั้งในและนอกประเทศ ไม่ให้กระทบราคาของเกษตรกร
เลื่อนครม.สัญจร'สวนสน'
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค คณะทำงานนายกฯ เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันที่ 2 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์เรียกประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อเดินทางเยือนเมือง คันไซ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมประชุมสหประชา ชาติระดับโลก ว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 13-14 มี.ค.นี้ ตามคำเชิญของรัฐบาลญี่ปุ่น ในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุม จึงต้องเลื่อนการ ประชุมครม.นอกสถานที่ครั้งแรก ที่สถานที่พักฟื้นและตากอากาศสวนสนประดิพัทธ์ แห่งที่ 2 กองทัพบก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 13 มี.ค. ออกไปก่อน เบื้องต้นกำหนดให้เป็นวันที่ 27 มี.ค.
รายงานข่าวจากทำเนียบเผยว่า เหตุผลสำคัญที่นายกฯตัดสินใจไปร่วมประชุมที่ญี่ปุ่น เนื่องจากพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ต้องการให้นายกฯไปร่วมประชุมด้วยตนเองในฐานะผู้นำประเทศไทย อีกทั้งประเทศไทยมีบทบาทสนับสนุนและเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติมาตลอด เพราะเคยมีประสบการณ์จากเหตุการสึนามิเมื่อปี 2547
พีระศักดิ์แจงวุ่นสนช.ตั้งลูก-เมีย
ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับงานตามหน้าที่ในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการประจำตัวสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้น ส่วนใหญ่ยังเป็นข้าราชการประจำที่ต้องรับผิดชอบจัดเตรียมเอกสารต่างๆ หากสนช.คนใดมีปัญหาด้านเอกสาร หรือการเสนอญัตติ ก็จะมอบให้ข้าราชการเป็นผู้ดำเนินการให้ เช่น การพิมพ์หนังสือ การติดต่อประสานงานบุคคลต่างๆ การให้ความเห็นข้อกฎหมาย ส่วนคนใกล้ชิดที่สนช.แต่งตั้งเข้ามาก็ไม่ได้เข้ามาทำงานที่รัฐสภาเลย ทำให้ถูกวิจารณ์ว่าเพิ่มภารกิจงานให้แก่เจ้าหน้าที่และข้าราชการประจำที่มีงานมากอยู่แล้ว
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. คนที่ 2 กล่าวยอมรับว่า มีเสียงวิจารณ์สะท้อนมายังสนช.จำนวนมากกรณีแต่งตั้งภริยา บุตร และเครือญาติมาช่วยงานในฐานะผู้ช่วยผู้เชี่ยวชาญและผู้ชำนาญการประจำตัวสนช. ซึ่งจะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือในที่ประชุมวิปสนช. เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา ส่วนที่วิจารณ์คนใกล้ชิดเหล่านี้มาช่วยงานเพียงในนาม ขณะที่งานส่วนใหญ่ยังเป็นภาระของข้าราช การเหมือนเดิมนั้น ยืนยันว่า สนช.ได้ใช้งานคนกลุ่มนี้จริงๆ แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้นำลูก เมียมาช่วยงานที่รัฐสภา เพราะสภามีที่ทำงานจำกัด และสนช.ไม่มีห้องทำงานเป็นของตัวเอง แม้จะไม่ได้มาทำงานที่รัฐสภา อาจทำงานผ่านทางระบบสื่อสารได้ ส่วนงานที่ข้าราชการทำก็เป็นเรื่องงานในระบบราชการ เป็นคนละส่วนกับงานของคนใกล้ชิดที่สนช.มอบหมายให้ทำ ซึ่งเป็นงานข้อมูลเฉพาะตัว
"ส่วนตัวเห็นว่าถ้าแต่งตั้งลูกเมียที่มี ความรู้ ความสามารถเหมาะสมกับภารกิจก็ทำได้ เพราะต้องใช้คนที่ไว้วางใจได้มาช่วยงาน แต่ถ้าตั้งคนที่ไม่เหมาะสมกับภารกิจ ถือว่าไม่เหมาะ" นายพีระศักดิ์กล่าว
ยื่น'ปปช.'สอบจริยธรรมสนช.
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ในวันที่ 3 มี.ค. เวลา 11.00 น. จะไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป.ป.ช. ให้ตรวจสอบสมาชิกสนช. ที่ตั้งภริยา บุตร และเครือญาติมา ช่วยงานในตำแหน่งต่างๆ เช่น ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการต่างๆ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิดพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554 และผิดระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนและเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองที่แต่งตั้งลูกเมียตัวเองมาช่วยงาน ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ ทั้งที่คสช.ไม่ต้องการให้เกิดการทุจริต และให้ใช้อำนาจหน้าที่อย่างถูกต้อง แต่สนช.ซึ่งเป็น 1 ในแม่น้ำ 5 สาย กลับทำไม่ถูกต้องเสียเอง จึงต้องยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) กรณีการจัดทำสติ๊กเกอร์ไลน์ค่านิยม 12 ประการ ราคาแพงเกินจริงนั้น ล่าสุดป.ป.ช. เรียกให้ตนไปให้ข้อมูลในฐานะผู้ร้องเรียน ซึ่งให้ข้อมูลยืนยันว่าสติ๊กเกอร์ไลน์ที่รมว. ไอซีที และคณะกรรมการกำหนดราคากลาง เสนอราคาจัดทำ 7.1 ล้านบาทนั้นแพงเกินจริง สูงกว่าราคาในท้องตลาด ซึ่งอยู่ที่ 3-5 ล้านบาท อีกทั้งสติ๊กเกอร์ไลน์ที่จัดทำออกมา 10 กว่ารูป ส่วนใหญ่ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับค่านิยม 12 ประการ เช่นคำว่า "รักจุงเบย" ไปเกี่ยวกับค่านิยม 12 ประการอย่างไร
'ปนัดดา'งดวิจารณ์ตั้งลูก-เมีย
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนัก นายกฯ และปลัดสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่มีกระแสวิจารณ์กรณีสมาชิกสนช.หลายคนตั้งภรรยาและบุตร ญาติพี่น้องเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัวและได้รับเงินเดือนจากราชการว่า ข้อความที่ตนโพสต์เรื่องศีลธรรมเป็นสิ่งสำคัญและเป็นพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับประเด็นใดทางการเมืองในช่วงนี้ แต่เป็นเพียงการหยิบยกคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาสภิกขุที่ตนอ่าน ขึ้นมาเขียนเท่านั้น
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกรณีสนช.ตั้งเครือญาติมาเป็นผู้ช่วยฯ ขัดจริยธรรมและเหมาะสมหรือไม่ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ไม่ขอตอบ และไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ จะดีกว่า
พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. กล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในความคาดหวังของเหล่าทัพว่า รัฐธรรมนูญเป็นความคาดหวังของทุกคน ซึ่งต้องเป็นรัฐธรรมนูญ ที่ดีที่สุดและดีกว่าทุกฉบับที่ผ่านมา ต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีและเหมาะกับคนไทย ประเทศ ไทยที่สุด เพื่อทำให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ทั้งนี้รัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขได้ ไม่ต้องไปตื่นเต้น ซีเรียส จะแก้ด้วยวิธีใดก็ตาม ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดกำลังอยู่ในขั้นตอนการยกร่าง น่าจะเป็นฉบับที่ดีที่สุด
'บิ๊กป๊อก'ขอให้ยอมรับรธน.
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงหลายฝ่ายวิจารณ์การยกร่างรัฐธรรมนูญในหลายประเด็น ว่า ถ้าเรื่องจบที่กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็ขอให้เดินไปตามข้อสรุปนั้นก่อน ส่วนข้อเสนอนายกฯ คนนอกหรือส.ว.สรรหา จะก่อให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่นั้น คิดว่าไม่ว่าจะมีข้อยุติอย่างไร ขอให้ประเทศชาติสงบเรียบร้อย จะวิจารณ์อย่างไร ขอให้อยู่บนพื้นฐานของเหตุผล ถ้าจะให้เป็นไปตามความต้องการของแต่ละฝ่ายก็จะเกิดความขัดแย้งไม่จบสิ้น จึงอยากให้สังคมยอมรับผลที่ออกมา ความเห็นต่างเกิดขึ้นได้ ขอเพียงไม่ให้เกิดความขัดแย้งและลุกลามสู่ความรุนแรง ส่วนการทำประชามติเพื่อให้สังคมยอมรับนั้น มีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงการรับมือกลุ่มที่ออกมาเคลื่อน ไหวช่วงระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ. อนุพงษ์กล่าวว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รัฐบาลและคสช.พร้อมดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อย เป็นไปตามโรดแม็ป เช่น ความเห็นต่างของการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 นายกฯก็ยึดประเทศชาติเป็นหลัก ซึ่งเกิดความขัดแย้งก็กลับไปทบทวนกันใหม่ จะได้ไม่เกิดความขัดแย้งและออกมาตีกันอีก ดังนั้นเราพร้อมสนับสนุนให้เกิดความสำเร็จ เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุดแก่ประเทศชาติ
ลั่นพร้อมเป็นพยานคดี 99 ศพ
เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคใหญ่ 2 พรรค ไม่เห็นด้วยกับการร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ถ้าประเทศชาติต้องติดอยู่กับ 2 พรรคนี้แล้วทำให้ต้องเดือดร้อน ตนก็ไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะอ้างในหลักการใดก็ตาม ประเทศชาติต้องสงบเรียบร้อย ประชาชนต้องได้รับสิ่งที่ดี เห็นต่างได้แต่ต้องมีทางออก
พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีนางทิชา ณ นคร ลาออกจากกมธ.ยกร่างฯ และสปช.ว่า ไม่รู้สึกกังวล เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าคนไทยนำประเด็นดังกล่าวมาสร้างเงื่อนไขและกลับมาขัดแย้งกันอีก ก็ไม่มีประโยชน์ ตนไม่เห็นด้วย
เมื่อถามถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ฐานะอดีตนายกฯ ขอให้เป็นพยานในคดีคดีสลายการชุมนุมปี 2553 ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 99 ศพ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า "มันขอกันได้หรือ ผมไม่ทราบ อาจเป็นเพราะผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้เป็นพยาน ผมก็พร้อมที่จะไป"
วิษณุปรามตั้งสปช.แทนทิชา
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีนางทิชา ณ นคร ลาออกจากกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และสปช.ว่า การตั้งคนมาแทนนั้น กมธ.ยกร่างต้องตั้งโดยเร็ว แต่สปช.อาจยังไม่จำเป็นต้องตั้งทันที กฎหมาย ระบุว่าสปช.ต้องไม่เกิน 220 คน เว้นแต่มีตำแหน่งว่างจำนวนมากจึงตั้งในครั้งเดียว ส่วนจะตั้งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคสช.จะพิจารณา ทั้งนี้กมธ.ยกร่างฯที่จะมาแทนนางทิชานั้น สปช.จะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกเพื่อให้ครบ 20 คนตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนจะใช้วิธีเลื่อนคนที่ 21 ขึ้นมาหรือเลือกบุคคลใหม่นั้นเป็นเรื่องของสปช.
เมื่อถามว่า เป็นห่วงเรื่องการยกร่างรัฐธรรม นูญหรือไม่ว่าจะเกิดภาพของความขัดแย้งขึ้น นายวิษณุกล่าวว่า "มีความรู้สึกและความคิด แต่ยังไม่พูดตอนนี้ ยิ่งพูดมากยิ่งขัดแย้งมาก ตอนนี้ก็ดูอยู่"
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงการทำประชามติรธน.ว่า หากคสช.เห็นว่าควรทำก็ต้องเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อทำประชามติ เมื่อแก้ไขเสร็จก็เข้าสู่กระบวนการ จึงขึ้นอยู่กับคสช.แต่ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์เพราะต้องไปที่ขั้นตอนแก้รัฐธรรมนูญอีกที่ต้องใช้เวลาพิจารณาโดยสนช. จึงกลายเป็น 2 ขั้นตอน
เผย'ทิชา'พอใจสังคมกระเพื่อม
น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ผู้ประสานงานขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย กล่าวว่า จากการพูดคุยกันทราบว่านางทิชาไม่คิดว่าการลาออกจะส่งผลให้คนในสังคมแสดงความเห็นในวงกว้างขนาดนี้ โดยนางทิชายังส่งข้อความมาหาระบุว่า "ดีมากเลย การลาออกของพี่ส่งแรงกระเพื่อมดี" ซึ่งหมายความว่าคนในสังคมเรียนรู้มิติหญิงชาย สร้างรากฐานทางการเมืองที่มีธรรมาภิบาล มีระบบตรวจสอบ มีมาตร ฐานรับรอง ส่วนตัวเห็นว่านางทิชาลาออกครั้งนี้เป็นการ "ตายเพื่อเกิด" คือเกิดแรงกระเพื่อม เพราะถ้าเป็นเสียงข้างน้อยการยอมรับจะถูกปิดทาง การลาออกจึงทำให้สังคมขยับเขยื้อนตาม กรรมาธิการยกร่างฯ รวมทั้ง สปช. เปลี่ยนความคิด
น.ส.สุเพ็ญศรี กล่าวด้วยว่า "เวลา 09.30 น. วันพรุ่งนี้ (3 มี.ค.) ที่ห้องโถง อาคารรัฐสภา 1 นางทิชาตัดสินใจจะแถลงข่าว ชี้แจงกรณีการลาออกจากตำแหน่งสมาชิก สปช. และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญอีกครั้ง หลังจากปฏิเสธให้สัมภาษณ์มาตลอดหลายวันที่ผ่านมา
ด้านนางธนวดี ท่าจีน ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า น่าเสียดายที่นางทิชาตัดสินใจลาออกจาก สปช. และกรรมาธิการยกร่างฯ เพราะอุตส่าห์ได้รับเลือกมาเป็นกระบอกเสียงของประชาชน แต่ก็อยากให้ประเด็นที่นางทิชาพูดถูกนำไปถกเถียงอย่างจริงจังเพื่อกำหนดกรอบของรัฐธรรมนูญต่อไป
ชี้ต้องให้กำลังใจ'ทิชา'
นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ประธานมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า ต้องให้กำลังใจเพราะนางทิชามาจากภาคประชาสังคม มีบทบาททำงานด้านผู้หญิง การเสมอภาคทางเพศ เด็กและเยาวชน การที่นางทิชาเข้าไปมีส่วนร่วมอยู่ในสปช.เพื่อร่างรัฐธรรมนูญนั้น เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงและต่อสู้ด้านสตรีในเรื่องต่างๆ แต่ไปเจอกับความคิดที่หลากหลายและไม่เข้าใจประเด็นของผู้หญิง จึงรู้สึกว่าไปต่อไม่ได้ จึงตัดสินเช่นนี้ ซึ่งต้องให้กำลังใจ ถือเป็นคนไม่ยึดติดตำแหน่ง
ที่รัฐสภา สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์โสมวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ นำโดยนางสุธีรา วิจิตรานนท์ ประธานที่ปรึกษาสมาคม พร้อมด้วยสตรีที่ได้รับรางวัลดีเด่นประจำปี 2558 เข้าเรียกร้องต่อกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านนายมีชัย วีระไวทยะ และนางถวิลวดี บุรีกุล กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ขอให้ผลักดันสัดส่วนผู้หญิงให้เท่าเทียมกับผู้ชายในทุกระดับในสัดส่วน 50 ต่อ 50 เพราะปัจจุบัน ผู้หญิงมีจำนวนประชากรมากกว่าผู้ชาย จึงขอให้ช่วยผลักดันสิทธิสตรีไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย
นางถวิลวดี ระบุว่า ปัจจุบันเปิดให้สตรีเข้ามาทำงานการเมืองโดยมีสัดส่วนลงสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งนี้ จะเป็นการเปิดศักราชใหม่ หากกมธ.ยกร่างฯและสปช.สนใจผลักดันเรื่องสิทธิสตรี
บวรศักดิ์โต้ไม่เกี่ยวทิชาออก
วันเดียวกัน นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงชี้แจงถึงการเสนอข่าวคณะกมธ.ยกร่างฯ ของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านว่า หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวพาดหัวข่าวโดยคิดเอาเองปราศจากข้อมูล โดยระบุว่า "ฉุนบวรศักดิ์ปมสิทธิหญิง "ทิชา" ไขก๊อก ร่ำไห้ทิ้งกมธ.-เก้าอี้สปช." ทำให้คนเข้าใจว่า ตนเป็นสาเหตุสำคัญให้นางทิชาลาออก และทำให้เข้าใจว่าตนคัดค้านสิทธิสตรี ทั้งที่ในความเป็นจริงตนสนับสนุนสิทธิสตรีมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อกมธ.บางคนไม่เห็นด้วยก็พยายามรอมชอม หากซาวเสียงแล้ว คนส่วนใหญ่ว่าอย่างไรกมธ.ข้างน้อยก็ต้องยอมรับ และสำหรับนางทิชานั้นก็ได้กล่าวในที่ประชุมและแจ้งตนเป็นการส่วนตัวมาโดยตลอดว่า ตนทำหน้าที่ดีที่สุดตามกำลังความสามารถและผู้ที่ตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ นางทิชา
นายบวรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่ายังรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างที่ปราศจากการบิดเบือน โดยร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจัดทำอยู่ในขณะนี้ยังมีเวลาสามารถปรับแก้ไขได้ ส่วนการกำหนดสัดส่วนของสตรีให้มีบทบาทในตำแหน่งทางการเมืองจำนวน 1 ใน 3 เอาไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องจากยังเป็นหนึ่งในประเด็น ที่คณะกมธ.ยกร่างฯ ยังแขวนเอาไว้อยู่ ก็ยังเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่ของคณะกมธ.ยกร่างฯ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ยังไม่ได้ข้อยุติ อย่าเพิ่งไปสรุปว่าเรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้
ชี้งานหมู่มากต้องยึดเสียงโหวต
เมื่อถามว่าแสดงว่าการที่นางทิชาลาออกจากตำแหน่งทั้งที่เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้เป็นข้อยุติ แสดงว่าเป็นการตัดสินใจที่ใจร้อนเกินไปหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้วิจารณ์อย่างนั้น ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง ตอนเข้ามาเป็นสปช.และกมธ.ยกร่างฯ ก็สมัครใจเข้ามา
"คนที่ทำงานโดยหมู่มากต้องทำใจ ประธาน กมธ.เคยเสนอหลายเรื่องในฐานะกมธ. แต่โหวตแพ้มาแล้วประมาณ 3 เรื่อง ก็ต้องกลับไปนอนท่องอยู่ที่บ้านว่ารัฐธรรมนูญนี้ไม่ใช่ของเรา ดังนั้น ถ้าเรายึดสปิริตของการทำงานเป็นหมู่คณะ ส่วนใหญ่ว่าอย่างไรก็รับมตินั้น ก็จบ" นายบวรศักดิ์กล่าว
สปช.นัดเลือก'กมธ.'ใหม่ 3 มีค.
ที่รัฐสภา นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. เป็นประธานประชุมสปช. โดยแจ้งต่อที่ประชุมว่า นางทิชา ณ นคร สมาชิก สปช.ลำดับที่ 91 มีหนังสือขอลาออกจากสมาชิกสปช.และสมาชิกกมธ.ยกร่างรัฐธรรม นูญ ด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพ ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. 2558 จึงทำให้ตำแหน่งดังกล่าวว่างลง จึงต้องคัดเลือกสมาชิกสปช.มาเป็นกมธ.ยกร่างฯ แทนนางทิชา ซึ่งต้องดำเนินการภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ลาออก จะมีผลสิ้นสุดในวันที่ 16 มี.ค. ดังนั้น ที่ประชุมสปช.จึงคัดเลือกในวันที่ 3 มี.ค.นี้ ให้สมาชิกเสนอชื่อบุคคลเป็นกมธ.ยกร่างฯ ซึ่งต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 5 คน จากนั้นจะออกเสียงลงคะแนนเป็นการลับโดยผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้รับเลือกเป็นกมธ.ยกร่างฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีบุคคลสนใจมากพอสมควร โดยเฉพาะกลุ่มสปช.ที่เป็น ผู้หญิง ต้องการเข้าไปรักษาฐานตำแหน่งเดิม เบื้องต้นมีสปช.เป็นผู้หญิงไม่น้อยกว่า 3 คน สนใจลงสมัคร อาทิ นางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ นางจุไรรัตน์ จุลจักรวัฒน์ ขณะที่สปช.กลุ่มผู้ชาย มีสนใจไม่ต่ำกว่า 2-3 คน อาทิ นายอมร วาณิชวิวัฒน์ นายเจริญศักดิ์ ศาลากิจ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ซึ่งทั้งสองกลุ่มพยายามเดินสายล็อบบี้ขอคะแนนเสียงจากสมาชิกสปช. นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเคลื่อน ไหวอื่นๆ คือกลุ่มที่เคยลงสมัครครั้งที่ผ่านมาแล้วแต่ไม่ได้รับเลือก ก็มีการเคลื่อนไหวโดยคาดว่าจะลงสมัครในครั้งนี้ด้วย ส่วนนายนันทวัฒน์ บรมานันท์ ที่มีชื่อเป็นตัวเต็งนั้น จะไม่ขอลงสมัครในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากติดงานอื่นและมีภารกิจมากที่จะต้องทำ จึงไม่สะดวกลงสมัคร
เริ่มถก 'สมัชชาคุณธรรม'
ต่อมาเวลา 11.30 น. ที่ประชุมสปช. พิจารณารายงานการศึกษา เรื่องสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติและร่างพ.ร.บ.สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ... ของคณะกรรมการการปฏิรูปคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล โดย นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ประธานคณะกรรมการปฏิรูปคุณธรรมฯ รายงานว่า การมีสมัชชาคุณธรรมฯ เพื่อให้เป็นองค์กรอิสระมีสถานะตามกฎหมาย ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานจริยธรรมและคุณธรรมจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้บริหาร ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐและมีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องตามการร้องเรียน ซึ่งจะกระตุ้นให้ภาคสังคมและประชาชนตระหนักในพฤติกรรม และปรับให้เป็นกระบวนการและมาตรการโซเชี่ยลแซงก์ชั่นในอนาคตได้
ทั้งนี้ คณะมนตรีสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ 5 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา จากบุคคลผู้เป็นแบบอย่างและได้รับความเชื่อถือว่าเป็นผู้ทรงคุณธรรมจริยธรรม มีวัยวุฒิ และคุณวุฒิเหมาะสม ให้มีกระบวนการสรรหาด้วยวิธีสืบค้นและทาบทามโดยที่ประชุมคณะกรรมการสรรหา ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเสนอ ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองเสนอ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายกฯ ผู้นำฝ่ายค้าน ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย นายกสมาคมข้าราชการพลเรือน ประธานคณะกรรมการการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ประธาน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย
คุม'จริยธรรม'ยันเอกชน
เมื่อกรรมการสรรหาได้รายชื่อผู้ที่เหมาะสมแล้ว ให้นำเข้าสู่การพิจารณารับรองของวุฒิสภาต่อไป โดยคณะมนตรีสมัชชาคุณ ธรรมฯ มีวาระ 6 ปีโดยไม่จำกัดจำนวนวาระ มีอำนาจหน้าที่กำหนดมาตรฐานคุณธรรม จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ ผู้บริหารของเอกชนที่ทำธุรกรรมกับภาครัฐ และตรวจสอบไต่สวนการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคุณธรรมจริยธรรม และธรรมาภิบาล
จากนั้นสมาชิกสปช.ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุน และเห็นว่าสมาชิกควรเป็นเพียงวาระเดียวคือ 6 ปี โดยนายบวรศักดิ์ในฐานะรองประธานสปช.คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ชี้แจงกรณีที่มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติว่า หากเป็นข้าราชการ ถือว่ามีความผิดทางวินัยต้องดำเนินการทางวินัย ให้อำนาจสมัชชาคุณ ธรรมฯ มอบหมาย ไต่สวน การฝ่าฝืนหรือปฏิบัติโดยเร็ว ทั้งนี้คนไต่สวนจะไม่ใช่ตัวคณะมนตรีฯ โดยกำหนดให้สมัชชาคุณธรรม 50 คน เป็นผู้สอบทานตามหลักธรรมาภิบาล แต่ผู้วินิจฉัยคือคณะมนตรี เหมือนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และมอบให้เอกชนทำแทนได้ แต่เมื่อไต่สวนเสร็จ ต้องแจ้งรัฐสภา ครม. สภาท้องถิ่นทราบ ซึ่งตนเห็นว่าสมควรเปิดเผยชื่อ เพราะหากไม่เปิดเผยจะไม่สามารถป้องปรามการฝ่าฝืนทางจริยธรรมต่อได้
ผ่านฉลุย 217 ต่อ 10
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า เมื่อได้รับรายงานให้องค์กรที่เป็นผู้บังคับบัญชาดำเนินการโดยไม่ต้องไต่สวนสอบสวนเพิ่ม หากไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูง ต้องดำเนินการทางวินัย แต่หากเป็นนายกฯ รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดว่าหากทำผิดจริยธรรมร้ายแรง จำเป็นต้องถอดถอนหรือตัดสิทธิทางการเมือง ทางสมัชชาคุณธรรมฯ จะส่งเรื่องให้กกต.ขึ้นบัญชีไว้ และการเลือกตั้งครั้งถัดไปให้นำชื่อนายกฯ รัฐมนตรี ที่ถูกชี้มูลมีความผิด ให้ประชาชนทั้งประเทศออกเสียงว่าจะตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีหรือไม่ หากเป็นส.ส. สว. จะเอาชื่อไปลงคะแนนในการเลือกตั้งทั่วไปในภาคนั้น และหากเป็นส.ว. จะถูกส่งชื่อถอดถอนในเขตนั้นหรือตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญกำหนดต่อไปว่าให้สมัชชาคุณธรรมฯ เป็น ผู้ประเมินผล การวางตนทางจริยธรรมของผู้นำทางการเมืองและผู้นำภาครัฐว่า นายกฯ รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว.มีพฤติกรรมทางจริยธรรมอย่างไร
จากนั้นที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ. ดังกล่าวด้วยคะแนน 217 ต่อ 10 งดออกเสียง 6 และที่ประชุมได้ขอความเห็นให้นำข้อสังเกตของสมาชิกสปช. มาประมวลปรับปรุงแก้ไขก่อนส่งสนช.และครม.ต่อไป ด้วยคะแนน 220 ต่อ 4 งดออกเสียง 9 โดยให้กมธ.นำไปปรับปรุงแก้ไขภายใน 7 วัน และหากสมาชิกต้องการส่งความเห็นเพิ่มเติมให้ส่งมายังประธานกมธ.ภายใน 3 วัน จากนั้นนายบวรศักดิ์สั่งปิดการประชุมในเวลา 17.00 น.
ลั่นสมัชชาฯไม่ใช่เสือกระดาษ
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สปช. ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปคุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาล ให้สัมภาษณ์ว่า สมัชชาคุณธรรมฯ จะไม่ใช่แค่เสือกระดาษ เพราะกระบวนการเอาผิด หรือลงโทษผู้ที่ถูกตรวจสอบจริยธรรม คุณธรรม และธรรมาภิบาลโดยสมัชชาคุณธรรมฯ จะถูกส่งต่อไปยังหัวหน้าหน่วยงานที่กำกับบุคคลที่ถูกตรวจสอบ เช่น นักการเมือง จะส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขณะเดียวกันรายงานการตรวจสอบนั้นจะเผยแพร่สู่สาธารณะให้สังคมรับทราบด้วย
เมื่อถามว่า มีผู้วิจารณ์การตั้งสมัชชาคุณ ธรรมฯ ว่าทำตามความต้องการของนายเทียนฉาย ส่งผลให้กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญพิจารณายุบผู้ตรวจการแผ่นดินรวมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ นพ.พลเดชกล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ เพราะนายเทียนฉายอยู่ในฐานะประธานกรรมการบริหารศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ด้วย แต่ในหลักการ การมีสมัชชาคุณธรรมฯ แม้หน้าที่จะคล้ายคลึงกับผู้ตรวจการฯ แต่โครงสร้างและการทำงานจะมีความเข้มแข็งและมีคุณภาพมากกว่าในการตัดสินใจเรื่องที่ร้องเรียน โดยเฉพาะความมีอคติในการตัดสินใจ เพราะ ผู้ตรวจการฯ มี 3 คน แต่สมัชชาคุณธรรมฯ จะมีผู้ตรวจสอบและลงคะแนนด้วยสมาชิกขั้นต่ำ 55 คน
พท.ชี้บวรศักดิ์ประดิษฐ์คำพูด
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิ การพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเจตนารมณ์ให้บ้านเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงใน 4 ทิศทางของนายบวรศักดิ์ว่า เป็นเพียงการประดิษฐ์วาทกรรมให้ดูดี แต่เนื้อในของรัฐธรรมนูญถอยหลังเข้าคลอง ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ยึดโยงประชาชน และนำไปสู่ความแตกแยกมาก ยิ่งขึ้น เช่น ที่มาของ ส.ว.ที่ถูกวิพากษ์ว่าเป็นส.ว.ลากตั้ง ก็เป็นเช่นนั้นจริง อย่าปฏิเสธ ที่สำคัญยังมีอำนาจล้นฟ้า ผิดหลักการประชา ธิปไตยโดยสิ้นเชิง ส่วนที่มาของ ส.ส.โดยไม่ต้องสังกัดพรรค กลุ่มการเมืองก็ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ และนายกฯ ไม่ต้องมาจากส.ส. ประเด็นนี้ส่งผลให้สภา เต็มไปด้วยพรรคเล็กและกลุ่มการเมืองจำนวนมาก ส่งผลให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ ไม่เป็นประชาธิปไตย ต่างประเทศที่ไหนจะมาค้าขาย ใครจะมาลงทุน เขาก็จ๊ะจ๋าไปอย่างนั้นตามหลักการทูต แต่ถึงเวลาก็ไม่มีใครเอาด้วย
นายชวลิต กล่าวต่อว่า ขอฝากนายบวรศักดิ์ ว่าตั้งโจทย์ผิดที่จะไม่ให้การเมืองเข้มแข็งซึ่งเกรงจะเป็นเผด็จการรัฐสภา ไม่ไว้ใจประชาชน หากให้ประชาชนคิดและตัดสินใจ พรรคหรือนักการเมืองคนไหนไม่ดี เขาก็ไม่เลือก เท่ากับกลั่นกรองพรรคเลว คนเลวออก บ้านเมืองก็จะเข้ารูปเข้ารอย อย่าคิดแทนประชาชน
ผิดหวังนายท้ายเรือแป๊ะ
"ผมเคารพนับถือนายบวรศักดิ์มานานมาก รู้สึกผิดหวังที่มีความรู้ด้านกฎหมายรัฐธรรม นูญ กฎหมายมหาชนมากที่สุดคนหนึ่ง แต่กลับไม่ทัดทานหรือให้ข้อมูลกับผู้เกี่ยวข้องว่าหากออกกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย บ้านเมืองจะยิ่งแตกแยก ถ้าเดินเรือไปแบบนี้จะไปชนหินโสโครก นายบวรศักดิ์ ในฐานะนายท้ายเรือต้องบอกแป๊ะ ผมยังมีความหวังอยู่บ้างที่นายกฯ บอกว่าอย่าเพิ่งวิพากษ์หรือเดือดร้อนกันมาก เพราะมีอีกหลายขั้นตอน หวังว่าจะทบทวนและฟังเสียงกันบ้าง" นายชวลิตกล่าว
นายไพจิต ศรีวรขาน อดีตส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้สะท้อนว่าไม่เป็นประชาธิปไตยเลย เช่นเรื่องส.ว.มาจากการสรรหาทั้งหมด เพราะถ้าจะให้ประชาชนเป็นใหญ่จริง ต้องให้ประชาชนได้ใช้สิทธิเลือกตั้งโดยตรง ส่วนที่มานายกฯ คนนอกนั้น ควรมาจากการเลือกตั้ง ประชาชนถึงจะเป็นใหญ่ของจริง ไม่ใช่มาสร้างเงื่อนไขโดยแอบอ้างประชาชน ทั้งนี้กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะพูดอย่างไรก็พูดได้ แต่ในฐานะที่ตนอยู่ใกล้ชิดประชาชน สัมผัสได้ว่าประชาชนไม่เชื่อ
ทนายไม่ค้านองค์คณะคดี"ปู"
แหล่งข่าวจากคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทีมทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คงไม่ยื่นคัดค้านองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา 9 คนที่ได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกา เพื่อพิจารณาคดีที่อัยการสูงสุด(อสส.)ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลยฐานปฏิบัติหน้าที่ มิชอบกรณีละเลยไม่ยอมระงับยับยั้งโครงการทุจริตจำนำข้าว เนื่องจากถ้าดูตามมาตรา 11 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เรื่องการคัดค้านผู้พิพากษา เป็นเรื่องยากที่จะหาเหตุใดเหตุหนึ่งมาคัดค้าน เพราะหากคัดค้านด้วยความรู้สึกว่าเคยพิจารณาคดีของคนในตระกูลชินวัตรมาแล้ว ไม่น่าจะเกิดประโยชน์ เพราะไม่ใช่ความผิดตามกฎหมายโดยชัดเจน รอต่อสู้ในชั้นศาลจะดีกว่า
"จากการประเมินโฉมหน้าขององค์คณะทั้ง 9 คนแล้วคงไม่เป็นผลดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งทีมกฎหมาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยคิดจะคัดค้าน แต่ดูแล้วคงไม่ไหวเพราะมาเต็มแผง มีการแสดงความคิดว่าอาจใช้ประเด็นที่เคยทำคดีอื่นมาแล้วเป็นปฏิปักษ์กับจำเลยมาคัดค้าน แต่แนวโน้มคัดค้านได้ยาก ค้านไปก็ไม่เกิดประโยชน์ รอสู้ต่อไปจะดีกว่า" แหล่งข่าวกล่าว
เชาวรินสู้คดีตุ๋นบริษัทค้าปูน11ล.
วันที่ 2 มี.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย คดีดำ อ.639/58 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ หรือเชาวริน ลัทธศักย์ศิริ อายุ 69 ปี อดีตรมช.ศึกษา และอดีตส.ส.เพื่อไทย เป็นจำเลยความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 3, 14(1), 17(1)
ตามฟ้องโจทก์ระบุวันที่ 5 พ.ค. 57 บริษัท บี.พี.ซี.เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) สั่งซื้อปูนซีเมนต์ จากบริษัท ทีพีไอ โพลีน พลับบลิค จำกัด (ประเทศไทย) ทำใบสั่งซื้อลักษณะจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเว็บไซต์ [email protected] ต่อมา วันที่ 6 พ.ค.57 บริษัท ทีพีไอฯ ออกหลักฐานใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าเป็นจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ชื่อ "saran.im 11 @gmail.com;[email protected];bpcchhoungonline.com.kh;[email protected]. kh แจ้งให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ โอนเงินค่าสินค้า 352,781 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 11,428,308 บาท ผ่านบัญชีเงินฝากของบริษัททีพีไอฯ ผ่านธนาคารทหารไทย วันที่ 6-9 พ.ค. จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลหลักฐานใบสำคัญเก็บเงิน เป็นว่า ให้บี.พี.ซี.ฯโอนเงินทั้งหมดเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา ชื่อบัญชี Thai and Chinese Bhuddist Culturs Association บริษัทบี.พี.ซี.ฯ หลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าว ซึ่งเป็นของจำเลยกับพวกและเบิกถอนเงินจากบัญชี เหตุเกิดที่แขวง-เขตดุสิต และที่ประเทศกัมพูชา วันที่ 12 ม.ค. 58
ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้อง ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 25 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ผบ.สส.ยันยังไม่ถกปรับย้าย
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. กล่าวหลังเป็นประธานในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ว่า ในที่ประชุมไม่ได้หารือถึงการแต่งตั้ง โยกย้ายนายทหารประจำเดือนเม.ย. เพราะการปรับย้ายเป็นเรื่องนอกวาระ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ในฐานะรมว.กลาโหม ได้เชิญ ผบ.เหล่าทัพ ไปมอบนโยบายและแนวทางไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เหล่าทัพไปดำเนินการ โดยยึดความอาวุโส ความรู้ ความสามารถตามระเบียบที่มีไว้
เมื่อถามถึงกรณีมีทหารไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ จะปรับออกจากตำแหน่งหลักหรือไม่ พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้พูดถึง ไม่มีกฎกติกาห้ามไว้ ถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลและคสช.ที่จะพิจารณา คิดว่าการปรับย้ายจะดูที่ผลงานมากกว่าว่าใครจะอยู่หรือจะไป คงไม่ดูว่าบุคคลนั้นเป็นใคร
เมื่อถามย้ำว่า ถือเป็นอำนาจของนายกฯใช่หรือไม่ พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า ตนไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้ เพราะอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบ ตำแหน่งตนยังสูงไม่พอ
ศาลเลื่อนนัดคดี'ชายชุดดำ'
วันที่ 2 มี.ค. ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.4022/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายกิตติศักดิ์ หรือ อ้วน สุ่มศรี อายุ 46 ปี ชาวกรุงเทพฯ นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 25 ปี ชาวเชียงใหม่ นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา อายุ 34 ปี ชาวอุบลฯ นายชำนาญ หรือเล็ก ภาคีฉาย อายุ 46 ปี ชาวกรุงเทพฯ และนางปุนิกา หรือ อร ชูศรี อายุ 40 ปี ชาวกรุงเทพฯ เป็นจำเลยที่ 1-5 ร่วมกันพกพาอาวุธในที่สาธารณะหรือชุมชน และมีอาวุธ เครื่องกระสูนปืนและวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ตามพ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 8 ทวิ, 55, 72 ทวิ และ 78
สืบเนื่องวันที่ 10 เม.ย.53 จำเลยทั้งห้ากับพวกที่ยังหลบหนีและพวกที่ถึงแก่ความตายร่วมกันพกอาวุธ เครื่องกระสุนและวัตถุระเบิด อาทิ เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ปืนเอ็ม 16 ปืนเอชเค (HK) 33 หรือปืนอาก้า บริเวณแยกคอกวัว เขตพระนคร ช่วงที่มีกลุ่มชายชุดดำ ระหว่างการชุมนุมของ นปช. ระหว่างพิจารณาชั้นศาลทั้งหมดไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราว
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความศูนย์กฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน (กนส.) ดูแลคดีให้กลุ่มจำเลย เผยว่า ศาลเลื่อนตรวจพยานหลักฐานเนื่องจากรอฟังคำสั่งพนักงานอัยการว่าจะฟ้องข้อหาก่อการร้ายเพิ่มอีกหรือไม่ เดิมพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สรุปสำนวนควรฟ้องจำเลยทั้งห้าข้อหาครอบครองอาวุธปืนและก่อการร้าย แต่ชั้นอัยการสั่งฟ้องเฉพาะข้อหาครอบครองอาวุธปืน อัยการจึงต้องส่งความเห็นและสำนวนกลับไปให้อธิบดีดีเอสไอชี้ขาด หากยืนยันจะฟ้องข้อหาก่อการร้าย อัยการก็ต้องแก้ไขคำฟ้องคดีนี้โดยเพิ่มข้อหาก่อการร้าย หากเห็นด้วยตามคำสั่งอัยการไม่ฟ้อง คดีก่อการร้ายจะยุติไป ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีครอบครองอาวุธอีกครั้งวันที่ 23 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
วันเดียวกัน ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเอกพล น้อยเงิน อายุ 32 ปี ฐานร่วมกันลักทรัพย์และรับของโจร เนื่องจากไม่มีประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่าจำเลยลักรถตู้ทะเบียน 41-5160 กทม. ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ช่วงม็อบพันธมิตรฯชุมนุมปี51 จึงยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย
กกต.โต้'โพลตปท.'สับเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงตอบโต้งานวิจัยชี้วัดความสุจริตโปร่งใสในการเลือกตั้งของนักวิจัยมหาวิทยาลัยซิดนีย์และฮาร์วาร์ดว่า เมื่อพิจารณารายละเอียดวิธีประเมินและคำถามโดยเฉพาะการลงทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งการประเมินนี้ประเทศไทยได้ 67 คะแนนจาก 100 คะแนน ทั้งที่เราไม่มีกระบวนการลงทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ใช้ระบบคัดมาจากทะเบียนบ้านสำหรับผู้ที่อายุถึงเกณฑ์ใช้สิทธิเลือกตั้งคือ 18 ปี จึงสะท้อนถึงระดับความน่าเชื่อถือในการประเมินของงานวิจัยชิ้นนี้ว่าไม่ตรงกับระบบเลือกตั้งของไทย
นายบุณยเกียรติ กล่าวว่า ในงานวิจัยยังระบุว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 องค์กรที่ดูแลการจัดการเลือกตั้งอย่าง กกต.ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมาย ที่ไม่ประกาศผลคะแนนเลือกตั้งและการเลือกตั้งเป็นโมฆะ แต่ในงานวิจัยไม่ได้ลงรายละเอียดหรือข้อเท็จจริง ที่จัดให้ลงคะแนนเลือกตั้งได้ไม่ครบทุกหน่วย เนื่องจากมีเหตุแทรกซ้อนทางการเมือง จึงไม่สามารถประกาศผลเลือกตั้งได้
รองเลขาธิการ กกต.กล่าวว่า บทสรุปในงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับไทย ระบุว่าการรณรงค์ข่มขู่ของฝ่ายตรงข้ามและความกลัวในการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานที่มีอำนาจจัดเลือกตั้ง เป็นปัญหาที่สำคัญ แต่ข่าวที่แปลในสื่อไทย ระบุว่าองค์กรดูแลการเลือกตั้งไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมาย คือปัญหาหลักของการเลือกตั้งในเมืองไทย เมื่องานวิจัยและการนำเสนอของสื่อไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ทำให้กระทบต่อความเชื่อถือของกกต.
นายบุณยเกียรติกล่าวว่า สำนักงานกกต.จึงเตรียมทำหนังสือชี้แจงไปยังผู้วิจัยและสื่อต่างๆ ว่า กกต.ได้จัดการเลือกตั้งตามกฎหมายทุกขั้นตอนอย่างเคร่งครัด แต่การเลือกตั้งมีแนวโน้มที่เห็นชัดว่าจะไม่บรรลุตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ จึงถือว่าไม่ใช่กกต.ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายหรือขลาดกลัวต่อการบังคับใช้
ปัดต้นเหตุ'ทิชา'ไขก๊อก บวรศักดิ์โต้ ดันต่อสิทธิหญิงในรธน.'สมัชชาคุณธรรม'ฉลุย ยื่นเอาผิด"สภาลูกเมีย''ซัดประโยชน์ทับซ้อน ทนายปูไม่ค้าน'9 เปา'
'ศรีสุวรรณ'ร้อง ป.ป.ช.สอบสมาชิก สนช.ตั้งเมีย-ลูก-เครือญาติกินเงินตำแหน่ง เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน รองประธานสภานิติบัญญัติเต้น เปิดประชุมวิป สนช.หาทางออก
@ "บวรศักดิ์"ยันหนุนสิทธิสตรี
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 2 มีนาคม ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่าได้ร่วมกับกมธ.ยกร่างฯอีก 35 คน ทุ่มเทการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รับฟังความคิดเห็นทุกฝ่ายให้รอบคอบ รวดเร็ว โปร่งใส ให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังมาตลอดกระบวนการ โดย กมธ.ได้รับความร่วมมือจาผู้สื่อข่าวที่ติดตามการทำงานด้วยดี มีจริยธรรม สมความคาดหวังของสังคมต่อสื่อมวลชน กมธ.ขอขอบคุณผู้สื่อข่าวเหล่านี้ด้วยความจริงใจ อย่างไรก็ตาม ตนและ กมธ.บางคนก็ผิดหวังต่อผู้ประกอบอาชีพสื่อบางคนบางฉบับที่ไม่ได้ยึดจริยธรรมในการทำหน้าที่สื่อสารข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องครบถ้วน รอบด้าน ทันการ และปราศจากอคติ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแต่กับคนใช้อคติส่วนตนพาดหัวข่าวหรือเขียนข้อความก่อให้เกิดการบิดเบือนข้อเท็จจริง
"ผมถูกหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2558 พาดหัวโดยคิดเอาเองปราศจากข้อมูลอ้างอิงว่า "ฉุนบวรศักดิ์ปมสิทธิหญิง/ทิชาไขก๊อก/ร่ำไห้ทิ้งกมธ.-เก้าอี้สปช." ทำให้คนทั้งประเทศเข้าใจว่าผมเป็นสาเหตุสำคัญให้นางทิชา ณ นคร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสมาชิก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญลาออก และทำให้เข้าใจด้วยว่าผมคัดค้านสิทธิสตรี จนมีผู้หญิงหลายคนโทรมาต่อว่าทั้งที่ในความเป็นจริงผมสนับสนุนสิทธิสตรีมาตั้งแต่ต้น จนมีการบรรจุเรื่องการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงความเสมอภาคชาย-หญิง รวมทั้งสนับสนุนให้กำหนดสัดส่วนหญิงในระดับท้องถิ่น" นายบวรศักดิ์กล่าว
@ อ้างรอมชอมที่ประชุมกมธ.
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า แต่เมื่อ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญบางคนไม่เห็นด้วย ได้พยายามรอมชอมมาตลอด แต่การเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยของ กมธ.เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน หากมีการซาวเสียงคนส่วนใหญ่ว่าอย่างไร กมธ.เสียงข้างน้อยก็ต้องยอมรับ เมื่อเห็นว่ายังไม่อาจมีฉันทามติได้ ก็ขอให้เลื่อนการตัดสินออกไป ส่วนนางทิชาได้กล่าวในการประชุม กมธ. และแจ้งเป็นการส่วนตัวมาตลอดว่าทำหน้าที่ดีที่สุดตามกำลังความสามารถแล้ว ไม่เคยติดใจอย่างที่มติชนพาดหัวผู้ตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือนางทิชา
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากการพาดหัวแล้วในคอลัมน์ "โครงร่างตำนานคน" เขียนโดยใช้นามปากกาว่า "การ์ตอง" หัวข้อเรื่อง ชื่อ "บวรศักดิ์ อุวรรณโณ/ท้าทายความรู้เท่าทัน" มีรูปภาพของตนในคอลัมน์ดังกล่าว พร้อมข้อความภายในเครื่องหมายอัญประกาศว่า "ประชาชนไทยยังไม่พร้อมที่จะมีสิทธิที่เท่าเทียมกันเพราะคนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ ความคิด และจิตสำนึกประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าการใช้สิทธิถูกชักจูงด้วยอำนาจและเงิน จนระบบไม่สามารถสร้างนักการเมืองที่มีคุณภาพขึ้นมาได้ เปิดโอกาสให้คนกลุ่มหนึ่งใช้การเลือกตั้งเข้ามาแสวงผลประโยชน์ จึงจำเป็นต้องออกแบบการเมืองใหม่ เพื่อกันประชาชนที่โง่เขลาเบาปัญญานี้ออกไป ให้สิทธิได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น"
@ เผยถูกปล่อยแชร์ข้อความทั่วปท.
"ประชาชนทั่วไปเมื่อเห็นข้อความ เจตนา 3 อย่างที่กระทำคือ 1.ใส่ชื่อผมในคอลัมน์ 2.มีรูปผม และ 3.ใส่อัญประกาศในคำพูดดูถูกประชาชนชาวไทย ก็ย่อมเข้าใจว่าผมกล่าวดูถูกเหยียดหยามคนไทยส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ใช่วิสัยผม ผลจากเจตนาบิดเบือนเกิดทันที เมื่อมีการพิมพ์ข้อความในอัญประกาศพร้อมรูปของผมโพสต์ในไลน์ ปล่อยแชร์และด่าทอกันทั่วประเทศ ทำให้ผมเสียหายอย่างแรง จนนายบรรยง พงษ์พานิช ทนไม่ไหวออกมาเขียนเฟซบุ๊ก" นายบวรศักดิ์ กล่าว
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า แม้นายฐากูร บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) จะโพสต์ชี้แจง ก็มีลักษณะภาคเสธ คือแบ่งรับแบ่งสู้และแสดงทัศนคติส่วนตัวที่แสดงอคติโดยชัดเจน ไม่ใช่วิสัยของสื่อสาธารณะที่รู้ว่าพลาดไปโดยไม่เจตนาและประสงค์จะขออภัย
"ส่วนข้อความที่ถ้าจะมีส่วนใดที่ทำให้เข้าใจผิดก็คงเป็นย่อหน้าที่สอง ซึ่งใส่เครื่องหมายอัญประกาศเข้าไป อาจทำให้ผู้อ่านบางคนเข้าใจไปได้ว่าเป็นคำพูดผม หากอ่านโดยละเอียดและมีใจเป็นกลางก็จะทราบไม่ได้เป็นเช่นนั้น ผมขอให้หนังสือพิมพ์มติชนและผู้เขียนคอลัมน์แสดงความรับผิดชอบและความกล้าหาญทางจริยธรรมเพื่อความเป็นธรรม และขอให้ประชาชนโปรดตรวจสอบการนำเสนอข้อมูลผ่านสื่อมวลชน และเครือข่ายสังคมออนไลน์ให้รอบคอบ รอบด้านก่อนจะเชื่อและแชร์ให้เกิดความเสียหาย" นายบวรศักดิ์กล่าว
@ ย้ำรธน.หนุนพลเมืองเป็นใหญ่
"ขอให้เยียวยาความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นทางจริยธรรมที่สอนกันในสื่อมวลชน ครั้งนี้เป็นการทำลาย กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อต้องการทำให้เห็นว่า กมธ.ดูถูกประชาชนคนไทย ขอย้ำอีกครั้งว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องการให้พลเมืองเป็นใหญ่ ทราบหรือไม่ครับว่าทำไมผมถึงต้องเชิญ กมธ.ไปประชุมต่างจังหวัดเพราะรู้ว่าพายุใหญ่จะมา และก็ไม่ผิดหวังครับ พอพูดถึงการให้พลเมืองเป็นใหญ่ปรากฏว่าไม่มีใครสนใจ และเพื่อทำลายผมว่าผมไม่เคยเชื่อถือว่าพลเมืองเป็นใหญ่ เลยเขียนเอาเอง ถ้าคนคิดด้วยจิตสำนึกธรรมดาว่าเพิ่งพูดหยกๆ ว่าต้องทำให้พลเมืองเป็นใหญ่ เสร็จแล้วก็มาบอกว่าประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่โง่ มันแปลว่าอะไร ถ้าผมพูดอย่างนี้จริงก็แสดงว่าผมอาจใกล้เสียสติหรือเสียสติไปแล้ว" นายบวรศักดิ์กล่าว และว่า "ถ้าคนอื่นพูดแล้วเอาคำพูดนี้มาทำให้เข้าใจว่าเป็นผม ใส่ชื่อผม ใส่หน้าผม แล้วใส่เครื่องหมายคำพูด จนคนเอาโพสต์กันทั้งประเทศ ก็คือจงใจใส่ร้ายและต้องการทำลายว่าพลเมืองไม่เป็นใหญ่"
@ แย้มอาจพิจารณาสัดส่วนสตรีใหม่
เมื่อถามว่า ยังเป็นไปได้หรือไม่กับการกำหนดสัดส่วนสตรีให้มีบทบาทในตำแหน่งทางการเมืองจำนวน 1 ใน 3 ไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องจาก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญยังแขวนไว้อยู่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่ของ กมธ. เป็นเรื่องธรรมดาที่ยังไม่ได้ข้อยุติ ก็อย่าเพิ่งไปสรุปว่าเรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้
เมื่อถามว่า แสดงว่าการที่นางทิชาลาออกจากตำแหน่งทั้งที่เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้เป็นข้อยุติ เป็นการตัดสินใจที่ใจร้อนเกินไปหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้วิจารณ์อย่างนั้น ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง ตอนเข้ามาเป็น สปช.และ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญก็สมัครใจเข้ามา
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่กับการที่เครือข่ายสตรีทั่วประเทศจะออกมากดดันคณะ กมธ. นายบวรศักดิ์กล่าวว่า เป็นธรรมดาต้องถูกกดดันโดยทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่จากสตรี เป็นธรรมดาของกระบวนการทำกฎเกณฑ์ระดับประเทศ มันเป็นธรรมชาติอย่าไปสะดุ้ง ก็รับฟังนำมาดูกันอีกที ไม่มีปัญหา
แต่คิดว่าการมีบทบัญญัติเช่นนี้เป็นความก้าวหน้าที่อาจไปไกลกว่าหลายประเทศในโลกที่มาสอนประชาธิปไตยไทย รัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาไม่มีเขียน ออสเตรเลียถือเป็นแค่ทางปฏิบัติ แต่ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ญี่ปุ่นไม่มีการกำหนดสัดส่วนผู้หญิงและผู้ชายในรัฐธรรมนูญ ถ้าไทยมีสิ่งเหล่านี้มันก็เป็นความก้าวหน้าระดับโลก และที่เขาเสนอไว้ก็คือ 1 ใน 3 ของสภาท้องถิ่น ไม่ใช่ผู้บริหารท้องถิ่นด้วยซ้ำ
@ กำลังพิจารณาเรื่องฟ้องร้อง
เมื่อถามว่าจะมีมาตรการฟ้องร้องทางกฎหมายหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ไม่อยากพูดจะหาว่าเป็นการขู่ แต่เรื่องนี้คงจะต้องมีบทเรียนอะไรกันบ้าง จะไม่กระทบกับสื่อมวลชนทั่วไปที่ยังทำหน้าที่ถูกต้อง ไม่ใช่ครั้งแรกที่มติชนทำอย่างนี้กับตน เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ไปพูดเรื่องสิทธิสตรี มติชนทีวีตัดตอนสิ่งที่พูดลงในทีวีมติชน เป็นเหตุให้ผู้ประสงค์ร้ายไปพาดหัวเรื่องผู้หญิงจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ครั้งนั้นไม่ได้ติดใจอะไร เพราะนึกว่าเป็นความผิดพลาด
เมื่อถามย้ำว่าจะใช้สิทธิทางกฎหมายฟ้องร้องหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า "ผมไม่ได้พูดเรื่องฟ้องร้อง แต่เมื่อคุณถามก็ดีแล้ว ผู้สื่อข่าวถามเองนะ เพราะฉะนั้นช่วยไปเป็นพยานว่าผมไม่ได้ขู่ว่าจะฟ้อง แต่ผมกำลังจะพิจารณาอยู่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะลักษณะการแถลงของมติชนมีลักษณะไม่สำนึกในการกระทำผิดพลาดของตัว ฉะนั้นกรุณาอย่าไปพาดหัวว่าบวรศักดิ์จะขู่ฟ้อง ผมไม่ได้พูดเรื่องการฟ้องเลย พวกคุณจี้ถามผมอยู่ 3 ครั้ง ผมก็ต้องตอบ"
@ แจงขั้นตอนเลือกกมธ.คนใหม่
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุม สปช. โดยนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.เป็นประธานการประชุมได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า นางทิชา ณ นคร สมาชิก
สปช.ลำดับที่ 91 ได้มีหนังสือขอลาออกจากสมาชิก สปช.และสมาชิก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพ ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2558 ฉะนั้นต้องมีการเลือกสมาชิก สปช.มาเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญแทน ต้องดำเนินการภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ลาออก หรือมีผลสิ้นสุดในวันที่ 16 มีนาคมนี้ ที่ประชุม สปช.จะดำเนินการคัดเลือกในวันที่ 3 มีนาคม โดยให้สมาชิกเสนอชื่อบุคคลเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 5 คน จากนั้นจะลงคะแนนลับ ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้เป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ
เมื่อเวลา 13.15 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวตอบกรณีเดียวกันว่า สปช.ต้องคัดเลือกผู้มาทำหน้าที่ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญคนใหม่ เช่นการเลื่อนลำดับรายชื่อที่ 21 แทนนางทิชาหรือเลือกขึ้นใหม่ ส่วนตำแหน่ง สปช.ไม่จำเป็นต้องตั้ง กฎหมายระบุว่ามีไม่เกิน 250 คน
เว้นแต่กรณีตำแหน่งว่างจำนวนมาก จึงจะแต่งตั้งในคราวเดียว อาจจะพิจารณาจากผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาตัดสินใจของ คสช. โดยปกติจะไม่มีแต่งตั้งในทันที เช่นเดียวกับกรณีสมาชิก สนช.ลาออกเพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อมีตำแหน่งว่างจำนวนมากพอก็แต่งตั้งในคราวเดียวกว่า 20 คน ส่วนตัวคิดว่าสมาชิก สปช.ขาดไป 1 คน คงไม่กระทบ แต่ในส่วน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญคงต้องแต่งตั้งโดยเร็ว
@ "ทิชา"ขอแถลงปมไขก๊อก3มีค.
รายงานข่าวแจ้งว่า นางทิชา ณ นคร กำหนดแถลงข่าวเหตุผลการตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจาก สปช.และ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 3 มีนาคม เวลา 09.30 น.
ที่อาคารรัฐสภา
แหล่งข่าว สปช.เผยว่า ขณะนี้มี สปช.ที่สนใจอยากจะเข้าร่วมเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะกลุ่ม สปช.ผู้หญิง อาทิ นางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ ขณะที่ สปช.ผู้ชาย อาทิ นายอมร วาณิชวิวัฒน์ นายเจริญศักดิ์ ศาลากิจ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ยังไม่นับกลุ่มที่เคยลงสมัครครั้งที่แล้วแต่ไม่ได้รับเลือก คาดว่าจะลงสมัครในครั้งนี้ด้วย
"กลุ่มของนายกอบศักดิ์เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจ มีความรู้ความสามารถในเรื่องเศรษฐกิจ เท่าที่ทราบมีการเดินสายขอคะแนนเสียงจากกลุ่มเศรษฐกิจด้วย ขณะที่กลุ่ม สปช.ผู้หญิง ถ้าเสียงไม่ถึงอาจเป็นเพราะเสียงแตกกันเอง แต่ถ้าอยากให้ได้คะแนนมากต้องไปดึงคะแนนจากกลุ่มผู้ชาย ส่วนนายนันทวัฒน์ บรมานันท์ ที่มีชื่อเป็นตัวเต็งนั้นมีภารกิจมากจึงไม่ได้แสดงความประสงค์" แหล่งข่าว สปช.กล่าว
@ นำเสนอร่าง"สมัชชาคุณธรรม"
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุม สปช. นายเทียนฉาย กีระนันทน์ เป็นประธานการประชุม พิจารณารายงานการศึกษา เรื่องสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ และร่าง พ.ร.บ.สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ... โดย นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ประธานคณะกรรมการปฏิรูปคุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาล เป็นผู้กล่าวรายงานว่า การมีสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติเพื่อให้เป็นองค์กรอิสระ มีสถานะตามกฎหมาย หากในอนาคตมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ องค์กรนี้อาจจะเป็นองค์กรอิสระทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานจริยธรรมและคุณธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้บริหาร ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐและมีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องตามการร้องเรียน จะเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้ภาคสังคมและประชาชนเกิดความตระหนักในพฤติกรรม ปรับให้เป็นกระบวนการและมาตรการโซเชียลแซงก์ชั่นในอนาคตได้ สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ประกอบไปด้วยสมาชิกประจำที่สรรหามาจากกลุ่มผู้แทนเครือข่ายจากองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ไม่น้อยกว่า 55 คน ดำรงตำแหน่ง 6 ปี สลับคราวละ 3 ปี ซึ่งสมาชิกสมัชชาฯต้องเป็นบุคคลที่ไม่มีการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ส่วนคณะกรรมการสรรหาจะถูกแต่งตั้งโดยคณะมนตรีสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ จำนวนไม่เกิน 11 คน ทำหน้าที่คัดสรรผู้ที่เหมาะสมจำนวนไม่เกิน 2 เท่า ของจำนวนที่ต้องการเสนอให้
@ แจงการสรรหาคณะมนตรีฯ
นายพลเดชกล่าวว่า คณะมนตรีสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติมีจำนวน 5 คน ให้มีกระบวนการสรรหาด้วยวิธีสืบค้นและทาบทามโดยที่ประชุมคณะกรรมการสรรหา ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเสนอ ผู้ทรงคุณวุฒิจากที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองเสนอ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้าน ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย นายกสมาคมข้าราชการพลเรือน ประธานคณะกรรมการการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อกรรมการสรรหาได้รายชื่อผู้ที่เหมาะสมแล้วให้นำเข้าสู่การพิจารณารับรองของวุฒิสภาต่อไป
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธาน สปช.คนที่ 1 ได้ชี้แจงกรณีที่มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ว่า หากเป็นข้าราชการต้องดำเนินการทางวินัย ให้อำนาจสมัชชาคุณธรรม มอบหมาย ไต่สวน การฝ่าฝืนหรือปฏิบัติโดยเร็ว ทั้งนี้ คนไต่สวนจะไม่ใช่ตัวคณะมนตรี กำหนดให้สมัชชาคุณธรรม 50 คน เป็นผู้สอบทานตามหลักธรรมภิบาล แต่ผู้วินิจฉัยคือคณะมนตรี เหมือนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินมอบหมายให้เอกชนทำแทนได้ แต่เมื่อไต่สวนเสร็จต้องแจ้งรัฐสภา ครม. สภาท้องถิ่นทราบ
@ มติ"สปช."เห็นชอบ 217-10
นายบวรศักดิ์กล่าวต่อว่า เมื่อได้รับรายงานให้องค์กรที่เป็นผู้บังคับบัญชาดำเนินการโดยไม่ต้องไต่สวนสอบสวนเพิ่ม หากไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูง ต้องดำเนินการทางวินัย แต่หากเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. สว. เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และหากทำผิดจริยธรรมร้ายแรงจำเป็นต้องถอดถอนหรือตัดสิทธิทางการเมือง สมัชชาคุณธรรมจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขึ้นบัญชีไว้ เมื่อถึงการเลือกตั้งครั้งถัดไปให้นำชื่อนายกฯ หรือรัฐมนตรี ที่ถูกชี้มูลมีความผิดให้ประชาชนออกเสียงว่า จะตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี หรือไม่ หากเป็น ส.ส. สว. จะเอาชื่อไปลงคะแนนในการเลือกตั้งทั่วไปในภาคนั้น และหากเป็น ส.ว. จะถูกส่งชื่อถอดถอนในเขตนั้นหรือตัดสิน ส.ส.ทางการเมือง 5 ปี
จากนั้น ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วยคะแนน 217 ต่อ 10 งดออกเสียง 6 และที่ประชุมได้ขอความเห็นให้นำข้อสังเกตของสมาชิก สปช.มาประมวลปรับปรุงแก้ไขก่อนส่ง สนช.และ ครม.ต่อไป ด้วยคะแนน 220 ต่อ 4 งดออกเสียง 9
@ พท.ซัด4ข้อก็แค่วาทกรรมให้ดูดี
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ตามเจตนารมณ์ 4 ประการ คือ พลเมืองเป็นใหญ่ การเมืองใสสะอาดและสมดุล หนุนสังคมเป็นธรรม นำชาติสู่สันติ ว่า หลักการ 4 ข้อนั้น ว่า เป็นการประดิษฐ์วาทกรรมให้แลดูดี แต่เนื้อในของรัฐธรรมนูญถอยหลังเข้าคลองไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ยึดโยงประชาชนจะนำไปสู่ความแตกแยกมากยิ่งขึ้น จะขอยกตัวอย่างสัก 2 ประเด็น คือ 1.ที่มาของ ส.ว.ถูกวิพากษ์ว่าเป็น ส.ว.ลากตั้งนั้น เป็นเช่นนั้นจริงๆ อย่าปฏิเสธ ที่สำคัญยังมีอำนาจล้นฟ้า ผิดหลักการประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง 2.ที่มาของ ส.ส. โดย ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมืองก็ได้ กลุ่มการเมืองก็ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ และนายกฯก็ไม่ต้องมาจาก ส.ส. ส่งผลให้สภาผู้แทนราษฎรเต็มไปด้วยพรรคการเมืองเล็กๆ จำนวนมาก เกิดกลุ่มการเมืองต่างๆ จำนวนมาก จะส่งผลให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ
นายชวลิตกล่าวอีกว่า ผู้ใหญ่หลายคนมักจะกล่าวว่าในอดีตตอนเป็นรัฐบาลทำไมไม่ทำ ตอนนี้มาบ่น ก็อยากตอบว่า 80 กว่าปีที่ผ่านมา การเมืองอยู่ครบเทอมเพียง 1 ครั้ง น้อยยิ่งกว่าน้อย นอกนั้นเป็นเผด็จการบ้าง เป็นประชาธิปไตยครึ่งใบบ้าง
"ผมเคารพนับถืออาจารย์บวรศักดิ์มานานมาก ผิดหวังที่ท่านมีความรู้ด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายมหาชนมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย กลับไม่ทัดทานหรือให้ข้อมูลกับผู้เกี่ยวข้องว่า หากออกกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่ทำให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพแบบนี้ บ้านเมืองจะยิ่งแตกแยก ถ้าเดินเรือไปจะไปชนหินโสโครก ผมยังมีความหวังอยู่บ้างที่นายกฯบอกว่า อย่าเพิ่งวิพากษ์หรือเดือดร้อนกันมากนัก ยังมีอีกหลายขั้นตอน หวังว่าจะมีการทบทวนฟังเสียงกันบ้าง" นายชวลิตกล่าว
@ "บิ๊กป๊อก"วอนสังคมยอมรับรธน.
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์การยกร่างรัฐธรรมนูญในหลายประเด็นของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญว่า ถ้าเรื่องจบที่ กมธ.แล้ว ให้เดินไปตามข้อสรุปนั้นก่อน ส่วนกรณีข้อเสนอเรื่องที่มาของนายกฯคนนอก หรือ ส.ว.สรรหาจะก่อให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่นั้น ไม่ว่าจะมีข้อยุติอย่างไร ขอให้ประเทศชาติเกิดความสงบเรียบร้อย จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรก็ขอให้อยู่บนพื้นฐานของเหตุผล ถ้าจะให้เป็นไปตามความต้องการของแต่ละฝ่ายจะเกิดความขัดแย้งไม่จบสิ้น ความเห็นต่างเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ขอเพียงไม่ให้เกิดความขัดแย้งและลุกลามไปสู่ความรุนแรง ส่วนควรทำประชามติเพื่อให้สังคมยอมรับหรือไม่นั้น เรื่องนี้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงคดีสลายการชุมนุมปี 2553 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ขอให้ไปเป็นพยานในคดีดังกล่าว พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า "มันขอกันได้หรือ ผมไม่ทราบ ก็อาจเป็นเพราะผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยมั้ง หากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้เป็นพยาน ผมก็พร้อมที่จะไป" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
@ พีระศักดิ์เล็งแก้ปม"เมีย-ลูก-ญาติ"
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. กล่าวว่า ยอมรับว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์สะท้อนมายัง สนช.จำนวนมาก กรณีแต่งตั้งภริยา บุตร และเครือญาติมาช่วยงานในฐานะเป็นผู้ช่วย ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ชำนาญการประจำตัว สนช. ทาง สนช.จะหารือกันในที่ประชุมวิป สนช.เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา ส่วนตัวเห็นว่าถ้าแต่งตั้งลูกเมียที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับภารกิจก็ทำได้ แต่ถ้าตั้งคนที่ไม่เหมาะสมกับภารกิจก็ถือว่าไม่เหมาะเท่าไร ส่วนการวิจารณ์ว่าคนใกล้ชิดเหล่านี้มาช่วยงานเพียงในนาม งานส่วนใหญ่ยังเป็นภาระของข้าราชการเหมือนเดิมนั้น ยืนยันว่า สนช.ใช้งานคนกลุ่มนี้จริงๆ แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้นำลูก เมียมาช่วยงานที่รัฐสภา เพราะมีที่ทำงานจำกัด และ สนช.ก็ไม่มีห้องทำงานเป็นของตัวเอง แม้จะไม่ได้มาทำงานที่รัฐสภาก็อาจทำงานผ่านทางระบบสื่อสารได้ ส่วนงานที่ข้าราชการทำก็เป็นเรื่องงานในระบบราชการ เป็นคนละส่วนกับงานของคนใกล้ชิดที่ สนช.มอบหมายให้ทำ ซึ่งเป็นงานข้อมูลเฉพาะตัว
@ ยื่นป.ป.ช.สอบตั้งลูก-เมียช่วยงาน
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ในวันที่ 3 มีนาคม เวลา 11.00 น. จะไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบสมาชิก สนช.ที่ตั้งภริยา บุตร และเครือญาติมาช่วยงานในตำแหน่งต่างๆ เป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554 และผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนและเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง ที่มีการแต่งตั้งลูกเมียตัวเองมาช่วยงาน เป็นการทุจริตต่อหน้าที่เช่นกัน ทั้งที่ คสช.มีวัตถุประสงค์ไม่อยากให้เกิดการทุจริต แต่ สนช.หนึ่งในแม่น้ำห้าสายของ คสช.กลับมาทำไม่ถูกต้องเสียเอง
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กรณีการจัดทำสติ๊กเกอร์ไลน์ค่านิยม 12 ประการ ราคาแพงเกินจริง นั้น ล่าสุด ป.ป.ช.ได้เรียกให้ตนไปให้ข้อมูลในฐานะผู้ร้องเรียน ได้ให้ข้อมูลยืนยันไปว่า สติ๊กเกอร์ไลน์ดังกล่าวใช้งบประมาณ 7.1 ล้านบาท เป็นราคาแพงสูงกว่าในท้องตลาดทั่วไปที่อยู่ที่ราคา 3-5 ล้านบาท อีกทั้งสติ๊กเกอร์ไลน์ดังกล่าว 10 กว่ารูป ส่วนใหญ่ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับค่านิยม 12 ประการ เช่น คำว่า "รักจุงเบย" เกรงว่าเรื่องจะกลายเป็นบรรทัดฐานให้หน่วยงานอื่นๆ นำไปเลียนแบบจัดทำตาม จะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
@ "หม่อมอุ๋ย"ไม่เคยได้ยินปรับครม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 3 กระทรวงที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ในเดือนมีนาคมนี้ว่า ไม่มีเรื่องนี้และไม่เคยได้ยิน ถ้ามีเรื่องนี้จริงคงต้องรู้เรื่องก่อน
เมื่อถามว่ากรณีที่อาจปรับ ครม.ในส่วนของตำแหน่งทั้ง รมว.และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นเพราะการแก้ปัญหาราคาพืชผลโดยเฉพาะยางพาราไม่ประสบผลสำเร็จใช่หรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า ผลงานทุกคนดีหมด เป็นที่ยอมรับว่าทำได้แค่ไหน อย่างไร ยืนยันว่าไม่เคยพูดคุยหรือแตะเรื่องการปรับ ครม. เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีเคยหารือปรับ ครม.เป็นการภายในหรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า นายกฯไม่เคยพูดเลย มีแต่สื่อมวลชนพูดกันเอง
รายงานจากทำเนียบรัฐบาลเผยว่า กำหนดการเดิมที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุม ครม.-คสช.สัญจร ครั้งแรกวันที่ 13-15 มีนาคม ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากติดภารกิจไปประชุมภัยพิบัติที่เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 13-14 มีนาคม ตรงกับกำหนดการประชุม ครม.-คสช.ในวันที่ 13-15 มีนาคม
@ "ทีมทนายปู"ไม่ค้าน9เปาคดีข้าว
แหล่งข่าวจากคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พท. แจ้งว่า กรณีจะมีการคัดค้านองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา 9 คน ที่ได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกา เพื่อพิจารณาคดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นจำเลยฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีละเลยไม่ยอมระงับยับยั้งโครงการทุจริตรับจำนำข้าวหรือไม่นั้น ทีมทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจไม่ยื่นคัดค้าน ถ้าดูตามมาตรา 11 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เรื่องการคัดค้านผู้พิพากษา เป็นเรื่องยากที่จะหาเหตุใดเหตุหนึ่งคัดค้านตามมาตรา 11 หากคัดค้านด้วยความรู้สึกว่าเคยพิจารณาดีของคนในตระกูลชินวัตรมาแล้วก็ไม่น่าจะเกิดประโยชน์ ไม่ใช่ความผิดตามกฎหมายโดยชัดเจน แต่หากมีหลักฐานว่าเคยไปกินข้าวกับจำเลยก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่คัดค้านได้ อันนี้ดูแล้วยาก รอต่อสู้ในชั้นศาลจะดีกว่า