- Details
- Category: การเมือง
- Published: Tuesday, 24 February 2015 13:19
- Hits: 5924
ข้องใจคสช.ไฟเขียวสปช. ล้ำเส้นสงฆ์ 'เจ้าคุณพิพิธ'แฉเบื้องลึกเกมสกัดสมเด็จวัดปากน้ำ พุทธะเดินสายบี้ธรรมกาย จี้รื้อคดี-สอบเงิน'ธัมมชโย' มจร.ห่วงเกิดวิกฤตศาสนา
เจ้าคุณพิพิธสงสัย คสช.เปิดทาง สปช.ยุ่งคณะสงฆ์ แฉเบื้องลึกเกมสกัดสมเด็จวัดปากน้ำ พุทธะจี้นายกฯ สปช.สอบเงิน'ธัมมชโย-กก.มส.' ให้ฟื้นทุกคดีธรรมกาย 'บิ๊กตู่'ฉะขอสงบบ้าง 'ไพบูลย์' ไม่สนถูกร้องยุบชุดปฏิรูป
@ จี้สอบทรัพย์สิน'ธัมมชโย'
จากกรณีที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) มีมติยืนยันว่า พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่อาบัติปาราชิกพ้นจากความเป็นสมณะ เนื่องจากไม่ได้ฝืนพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ปี 2542 และได้ปฏิบัติตามพระลิขิต ไม่มีเจตนาฉ้อโกงทรัพย์สินวัดพระธรรมกาย ต่อมาได้ทยอยคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่วัดแล้ว จนก่อให้เกิดกระแสความไม่เห็นด้วยจากบุคคลหลายฝ่าย เนื่องจากเห็นว่ามติ มส.ขัดต่อพระลิขิต และได้มีแนวคิดให้มีการตรวจสอบการดำเนินการของ มส.ด้วย
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เข้ายื่นหนังสือต่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช. เพื่อขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินเส้นทางเงินของกรรมการ มส.ทุกรูป รวมถึงเส้นทางเงินและทรัพย์สินของวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย ทรัพย์สินของเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกวัดอย่างละเอียด รวมถึงขอให้ตรวจสอบการเบิกจ่ายงบประมาณ การใช้งบประมาณของ มส. มหาวิทยาลัยสงฆ์ ทั้งของธรรมยุติและมหานิกายอย่างละเอียด ตรวจสอบทรัพย์สินของคนใกล้ชิดเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และเจ้าคณะทุกระดับชั้นอย่างละเอียด ไม่เว้นแม้แต่วัดอ้อน้อย และขอให้รื้อฟื้นคดีของวัดพระธรรมกายขึ้นมาพิจารณาใหม่ รวมถึงขอให้จัดตั้งองค์คณะพิทักษ์คุ้มครองพระพุทธศาสนาบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย
@ ขอปปง.ตรวจงบ 2 มหาลัยสงฆ์
พระพุทธะอิสระ กล่าวว่า เห็นความอ่อนแอในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่สอดคล้องตามหลักธรรมวินัย เพราะมติอัปยศที่แสดงออกมาจาก มส.ทำให้สังคมคลางแคลงใจ มส.แต่ละรูปพรรษามากแล้ว โดยเฉพาะวัดปากน้ำ อายุจะ 90 แล้ว การทำงานอาจจะไม่ทันเกมของฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายผู้ละเมิดพระธรรมวินัย จึงขอให้คณะกรรมการปฏิรูปฯดำเนินการพิจารณา เพราะสมควรแล้วที่ศาสนจักรจะต้องปฏิรูป นอกจากนี้ ขอให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการใช้งบประมาณของมหาวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่งด้วย คือมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) กับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เพราะได้ข่าวว่ามีการเบิกใช้งบประมาณหลวงเหมาเครื่องบินไปดูงานที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา และปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ด้านนายไพบูลย์กล่าวว่า ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการฯ เรื่องนี้เป็นประโยชน์ในการนำไปศึกษาวิเคราะห์เพื่อกำหนดแนวทางต่อไป และพร้อมน้อมรับเพื่อนำไปสู่ที่ประชุม
@ 'เทียนฉาย'หนุนปฏิรูปศาสนา
เวลา 10.00 น. พระพุทธะอิสระเข้าหารือกับนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. ที่ห้องทำงาน โดยพระพุทธะอิสระกล่าวภายหลังว่า จากการที่ได้หารือกับนายเทียนฉาย มีความเห็นตรงกันว่าจะต้องมีการปฏิรูปศาสนา โดยเฉพาะการทำงานของ มส. ต้องมีบุคลากรเข้าไปช่วยเหลือในการทำงาน ตรวจสอบเพื่อให้รวดเร็ว โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางพุทธศาสนา เช่น กรณีวัดพระธรรมกาย เป็นต้น เนื่องจากอดีตที่ผ่านมามีหลายคดีที่ มส.ทำการตรวจสอบ โดยเข้าถึงได้ยากและล่าช้า เช่น คดีภาวนาพุทโธ พระยันตระ และเณรคำ ซึ่งเรื่องทั้งหมดกว่าจะมาถึง มส.ก็ล่าช้า ทำให้แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ทั้งนี้ นายเทียนฉายเห็นด้วยในหลายประเด็น และเห็นว่าการปฏิรูปศาสนามีความสำคัญ เป็นประเด็นที่มองข้ามไม่ได้ การปฏิรูปจะสำเร็จต้องสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดความถูกต้อง ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่คิดว่าจะให้คณะสงฆ์เกิดการแตกแยก แต่ต้องการให้กลับไปสู่หลักคิดเดิม รากเหง้าเดิมของพระพุทธศาสนา อีกทั้งการเคลื่อนไหวไม่ได้ขัดกฎอัยการศึกเพราะขออนุญาตก่อนแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กต่อต้านการออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยกล่าวว่า อย่าไปสนใจเลย และยืนยันว่าไม่กังวลกับกลุ่มที่ออกมาต่อต้านอาตมาและ สปช.
@ เพิ่มข้อหาอวดอุตริมนุสธรรม
ต่อมาเวลา 12.00 น. พระพุทธะอิสระยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ. มี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มารับเรื่อง โดยพระพุทธอิสระกล่าวว่า มายื่นหนังสือครั้งนี้เพื่อเรียกร้องให้รื้อฟื้อคดีพระธัมมชโยขึ้นมาใหม่ และกำหนดให้เป็นคดีพิเศษ อีกทั้งจะฟ้องข้อหาพระธัมมชโยเพิ่มในการอวดอุตริมนุสธรรม จากการที่บอกว่าสามารถนั่งสมาธิไปคุยกับสตีฟ จ๊อบส์ได้ เป็นเรื่องที่ยากเกินจะเชื่อได้ พร้อมขอให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการใช้เงินของ มมร.และ มจร. พร้อมให้กำลังใจนายไพบูลย์และคณะในการเดินหน้าปฏิรูปศาสนา
@ ชงนายกฯตรวจสอบ 5 เรื่อง
"อาตมาไม่ทราบว่าจะสู้และปกป้องศาสนาได้มากน้อยแค่ไหน แต่จะพยายามสู้จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง เพราะอาตมาตระหนักดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่เหมือนกับการต่อสู้ทางการเมือง จึงไม่คาดหวังว่าจะมีคนออกมาช่วยเหมือนที่ผ่านมา และขอเรียกร้องต่อนายกฯ 5 ข้อ คือ 1.ปฏิรูปศาสนาด้วยการจัดตั้งองค์คณะพิทักษ์พระธรรมวินัยและพุทธศาสนาเข้ามาช่วยเหลือ มส.ในการทำงาน และเพื่อให้รู้เท่าทันฝ่ายราชอาณาจักร 2.ตรวจสอบทรัพย์สินของ มส.และเจ้าอาวาสทุกวัดรวมถึงวัดอ้อน้อยด้วย 3.ตรวจสอบเส้นทางการเงินวัดพระธรรมกาย 4.สั่งรื้อคดีธรรมกายทุกคดีรวมถึงทำให้เป็นคดีพิเศษ และ 5.ปฏิรูปและตรวจสอบ มมร.และ มจร.ในการไปดูงานต่างประเทศบ่อยครั้ง ทั้งนี้ อาตมารู้ดีว่านายกฯเป็นชายชาติทหาร มองตากันก็รู้ว่านายกฯเข้ามาเพื่อปฏิรูปประเทศในทุกๆ ด้าน" เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยกล่าว
ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า จะนำรายงานต่อนายกรัฐมนตรีทันที และจะดำเนินการตามขั้นตอนราชการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังรับเรื่องร้องเรียน ม.ล.ปนัดดาได้ถวายของที่ระลึกแก่พระพุทธะอิสระ
@ 'ไพบูลย์'เค้นเช็คสหกรณ์คลองจั่น
วันเดียวกัน เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายไพบูลย์กล่าวภายหลังประชุมในกรณีการที่พระธัมมชโย เกี่ยวข้องกับของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด มีผู้แทนจาก ปปง.เข้าร่วมประชุมว่า ที่ประชุมได้รับข้อมูลจากการซักถามพบว่านายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ สั่งจ่ายเช็คให้กับพระธัมมชโย 3 ส่วน คือ 1.สั่งจ่ายเช็คให้พระธัมมชโย 8 ฉบับ เป็นเงิน 348.78 ล้านบาท และพระธัมมชโยได้สั่งจ่ายเงินเข้าไปยังมูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ 2.สั่งจ่ายเช็คให้กับวัดธรรมกาย 6 ฉบับ เป็นเงิน 436 ล้านบาท นำเงินไปเป็นค่าก่อสร้างและสิ่งปลูกสร้างของวัด และ 3.จ่ายให้กับพระปลัดวิจารณ์ ผู้ช่วยพระธัมมชโย เป็นเงิน 119.02 ล้านบาท ถอนออกมาเป็นเงินสดทั้งหมด ซึ่งตรวจสอบไม่ได้รวม 903.8 ล้านบาท อีกทั้งยังไม่รวมไปถึงการสั่งจ่ายไปยังรายบุคคลหรือบัญชีอื่นเพื่อซื้อที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ
@ สงสัยไม่อายัดบัญชี 300 ล้าน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ได้ฝากไปยัง ปปง.ว่าเหตุใดจึงไม่อายัดบัญชีของพระธัมมชโย ที่มีเงินกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งอาจจะมีจำนวนเงินมากกว่านั้น โดยกรรมการเห็นว่าควรที่จะยึดบัญชีทรัพย์สินทั้งหมดของพระธัมมชโย เพราะเป็นเงินที่ได้จากการฉ้อโกง รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างและที่ดินของวัดจำนวน 196 ไร่ ที่เป็นเขตธรณีสงฆ์ และทราบว่าวัดธรรมกายมีพื้นที่อีกกว่า 1,000 ไร่ อยู่ในนามมูลนิธิธรรมกายและมูลนิธิอื่นๆ ไม่ถือว่าเป็นเขตธรณีสงฆ์ ฉะนั้น จึงสามารถบังคับคดีได้ ทั้งนี้ ส่วนเงินของพระปลัดวิจารณ์ เห็นว่า ปปง.ต้องดำเนินคดีและแจ้งต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 3 มีนาคม จะเชิญผู้แทนของดีเอสไอ และกรมที่ดิน ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล โดยกรมที่ดินจะให้ตรวจสอบที่ดินที่อยู่ในส่วนของมูลนิธิว่ามีที่มาถูกต้องหรือไม่ ตลอดจนจะขอสำเนาเช็คสั่งจ่ายทั้งหมดของวัดธรรมกายมาตรวจสอบ นอกจากนี้ กรรมการบางคนเป็นห่วงว่าต้องมีการตรวจสอบเงินภายในวัดเพราะอาจเป็นแหล่งฟอกเงินได้ ซึ่งไม่มีการเสียภาษีและไม่สามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งจะเสนอข้อมูลให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้
@ ยืนยันมติมส.ขัดพระลิขิตสังฆราช
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับมติ มส.ล่าสุด เพราะเป็นการยกเลิกพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช ทั้ง 3 ฉบับ รวมทั้งมติ มส.ฉบับที่ 193/42 โดยเห็นว่าเป็นมติที่เป็นปัญหา แม้จะเป็นอำนาจของ มส.ก็ตาม แต่ก็ต้องชอบด้วยกฎหมายและพระธรรมวินัย จะมาขัดหรือแย้งต่อพระธรรมวินัยไม่ได้ เพราะเมื่อปาราชิกไปแล้วก็ถือว่าจบ ไม่สามารถกลับมาเป็นพระได้ใหม่อีก จึงอยากเรียกร้องให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการให้เป็นไปตามพระลิขิต สมเด็จพระสังฆราช
เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวดูเหมือนจะลุกลามบานปลาย เพราะอีกฝ่ายก็ออกมาไม่เห็นด้วย นายไพบูลย์กล่าวว่า กรรมการมีหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ สาเหตุของปัญหา เพื่อนำไปสู่การปฏิรูป ส่วนผู้ที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ย่อมเป็นสิทธิที่จะแสดงความเห็น ก็ยินดีที่จะเปิดรับฟังทุกความคิด โดยอนาคตจะจัดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นของสังคมโดยรวม
"ฝาก ปปง.อย่าเอาเรื่องคืนเงิน ว่าไม่ปาราชิก และไม่เห็นด้วยที่จะมีการเจรจาและรับข้อเสนอว่าจะคืนเงินบางส่วนแล้วจะพ้นจากการปาราชิก แต่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายของ ปปง. โดยต้องอายัดบัญชีทรัพย์สิน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ดีเอสไอได้ดำเนินคดี และคดีที่สั่งไม่ฟ้องพระธัมมชโยก็คงจะต้องตรวจสอบ หากไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องดำเนินคดีกับผู้ที่สั่งยกฟ้องด้วย ส่วนเรื่องเงินฝากสหกรณ์ยูเนี่ยนฯต้องเข้าใจว่าเป็นเงินฝากของประชาชน เมื่อนายศุภชัยถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง พระธัมมชโยในฐานะวิญญูชนย่อมรู้ดีต้องคืนให้เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ก็ยังถืออยู่ต่อไปจะต้องถูกดำเนินคดี ดังนั้น เห็นว่าพระธัมมชโยน่าจะปาราชิกอีกครั้งหนึ่ง แต่ตามหลักก็ไม่สามารถปาราชิกซ้ำอีกครั้งได้" นายไพบูลย์กล่าว
@ ไม่สนกลุ่มร้องยุบคณะกรรมการ
เมื่อถามว่าจะมีการยื่นเพื่อให้พระธัมมชโยปาราชิกอีกครั้งหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า เชื่อว่าจะมีผู้ไปยื่น จึงขอฝากพุทธศาสนิกชนที่ห่วงใยในพระพุทธศาสนา เมื่อทราบเรื่องดังกล่าวและเห็นว่าเป็การกระทำที่ขัดพระธรรมวินัยและกฎหมายก็ให้ดำเนินการต่อไป ส่วนที่มีการร้องให้ยุบคณะกรรมการชุดนี้ เป็นเพียงความเห็นของส่วนบุคคลและเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่ไม่สามารถทำให้การทำหน้าที่ยุติลงได้เพียงแค่การยื่นหนังสือเท่านั้น
@ บุกดีเอสไอขอฟื้นเป็นคดีพิเศษ
เวลา 13.30 น. ที่ดีเอสไอ พระพุทธะอิสระเข้าพบนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อหารือแนวทางและความเป็นไปได้ในการรื้อฟื้นคดีพระธัมมชโย ในคดีกล่าวหายักยอกเงินวัดกว่า 1,200 ล้านบาท ที่อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง โดยพระพุทธะอิสระกล่าวว่า หากรื้อฟื้นคดีขึ้นสอบสวนใหม่ได้ขอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ พร้อมตรวจเส้นทางการเงินของวัดพระธรรมกายว่ามีความเชื่อมโยงไปถึง มส.หรือไม่ นอกจากนี้ ขอกล่าวโทษร้องทุกข์เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ระหว่างเป็นเจ้าพนักงานปกครองจากการรับพระพุทธรูปทองคำน้ำหนัก 1 ตัน ว่าการรับทรัพย์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนหรือหลังพนักงานอัยการมีคำสั่งถอนฟ้องพระธัมมชโย นอกจากนี้ จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ มส. กรณีรับพระทองคำและการใช้งบประมาณในการเดินทางไปดูงานในต่างประเทศ
พระพุทธะอิสระกล่าวต่อว่า ยังได้ทวงถามความคืบหน้าคดีที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ 2 คดี คือ 1.คดีรถหรูเลี่ยงภาษีที่พบว่าพระใน มส.หลายรูปมีพฤติการณ์ครอบครองรถหรูราคามากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไปหลายคัน 2.ติดตามความคืบหน้าคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ซึ่งเงินส่วนหนึ่งนำไปบริจาคให้กับวัดพระธรรมกาย
นางสุวณากล่าวว่า เบื้องต้นจะตั้งคณะทำงานสืบสวนข้อเท็จจริงตามที่พระพุทธะอิสระร้องขอเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการรื้อฟื้นคดี ส่วนคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ และคดีรถหรูจะเร่งให้ดำเนินการสอบ
@ 'บิ๊กตู่'ฮึ่มวุ่นไปหมดประเทศ
ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ ภายหลังประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (ก.น.จ.) ถึงกรณีการดำเนินการกับปัญหาความเห็นต่างต่อมติของ มส.ว่า เดี๋ยวกำลังดำเนินการกันอยู่ โดย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดูแลอยู่ "เอาให้มันสงบๆ กันเสียบ้างไม่ได้หรือ ทั้งคนทั้งพระทั้งฆราวาส วุ่นไปหมดเลยประเทศไทย"
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มพระสงฆ์เตรียมเคลื่อนไหวไม่เห็นด้วยกับมติของ มส.ว่า เรื่องนี้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่แล้ว ทั้ง พศ.และ มส. ส่วนความเห็นของสังคมที่ออกมาวันนี้เป็นธรรมดาที่จะมีความเห็นต่าง ซึ่งมีวิธีที่จะเสนอความเห็นต่างให้หน่วยงานต่างๆ ไปทบทวนได้ แต่ไม่ควรระดมพลเคลื่อนไหวเพราะจะขัดกับกฎหมายที่มีอยู่ขณะนี้ และจะเป็นชนวนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งเรื่องอื่นขึ้นมาอีก เพราะวันนี้มีปัญหาพอสมควรอยู่แล้ว หากกลับไปเคลื่อนไหวมวลชนเพื่อเรียกร้องอีกก็จะแก้ปัญหาได้ลำบาก จึงขอให้ทุกฝ่ายเคารพกฎกติกา
@ ถามอำนาจ'สปช.'สอบ'มส.'
พระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดีประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มจร. ที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) กล่าวว่า กรณีที่นายไพบูลย์ระบุว่าการดำเนินการต่างๆ เพื่อปฏิรูปวงการสงฆ์ในขณะนี้ เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ที่ สปช.มอบให้นั้น สิ่งที่อาตมายืนยัน คือ ยินดีให้แก้ไข หรือปฏิรูปคณะสงฆ์ แต่คนที่จะเข้ามาปฏิรูปต้องไม่ใช่บุคคลที่มีวาระ มีเงื่อนไข หรือมีความเห็นที่แย้งกับคณะสงฆ์ คนแบบนี้มองคณะสงฆ์ในด้านลบ จึงอยากให้มองว่าคณะสงฆ์จะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้คนเช่นนี้มาดูแล เรื่องที่นายไพบูลย์เคยเปรยว่ามีความคิดที่จะเข้าหารือกับ มส.เพื่อหาแนวทางปฏิรูปร่วมกันนั้นแท้จริงแล้วนายไพบูลย์ไม่เคยคิดที่จะเข้าหารือตั้งแต่แรก เมื่อมีคนท้วงติงถึงได้พูดเช่นนี้ วิธีพูด และการกระทำของบุคคลนี้ แสดงออกถึงการไม่เป็นมิตรต่อคณะสงฆ์โดยรวม อยากถามว่านายไพบูลย์มีอำนาจอะไรที่จะมาตรวจสอบ มส. หรือให้ มส.ส่งมติ และเอกสารรายละเอียดทั้งหมดของปี 2549
@ รก.วัดสระเกศฯขออย่าสุมเพลิง
"ยืนยันว่าโดยหลักไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการปฏิรูปฯชุดนี้ และการตั้ง สนพ.ขึ้นมาเพื่อปกป้องคุ้มครองคณะสงฆ์โดยรวม ไม่ใช่ปกป้องคุ้มครองวัดใดวัดหนึ่ง หรือพระรูปใดรูปหนึ่ง" พระเมธีธรรมาจารย์กล่าว และว่า ส่วนที่พระพุทธะอิสระออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบทรัพย์สินของ มจร.นั้น ปัญหาของพระพุทธะอิสระเรียกได้ว่าต้องการพูดให้เกิดความเสียหายต่อระบบการตรวจสอบทรัพย์สินของภาครัฐ ทาง มจร.มี พ.ร.บ.มจร. พ.ศ.2540 รับรองอยู่แล้ว และสถานะของมหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยที่กำกับโดยรัฐ ซึ่ง สตง.ได้เข้ามาตรวจสอบเป็นประจำ
ด้านพระพรหมสิทธิ กรรมการ มส.และรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลวันมาฆบูชา ขอให้ทำใจให้เป็นบุญ เรื่องที่มีปัญหาอยู่ขอให้เก็บไว้ วอนสื่ออย่าสุมเพลิงซ้ำ
@ มหาโชว์ชี้เข้าขั้นศาสนาวิกฤต
พระมหาโชว์ ทัสสนีโย ผู้อำนวยการส่งเสริมพุทธศาสนา มจร. กล่าวว่า การปฏิรูปวงการสงฆ์ครั้งนี้หนักกว่าทุกครั้ง คณะกรรมการปฏิรูปฯไม่เคยถามพระสงฆ์เลยว่าต้องการอะไร และกรรมการส่วนมากเป็นพวกเป่านกหวีดและตั้งเฉพาะฆราวาสให้มาจัดการพระ ถ้าจะปฏิรูปคณะสงฆ์ต้องมีพระสงฆ์มาดูแลด้วย เพราะการออกกฎหมายสงฆ์ต่างๆ ต้องอิงพระธรรมวินัยไม่ใช่นั่งเทียนแล้วเขียนออกมา ควรมีพระผู้ใหญ่เป็นกรรมการ 4-5 รูป ไม่ใช่เขียนกันเองแล้วมากำหนดว่า
พระต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนการสร้างบ้านต้องถามเจ้าของบ้านก่อน การปกครองบ้านเมืองจนรุกล้ำพระศาสนาเข้าขั้นวิกฤตกว่าทุกยุค ส่วนพระพุทธะอิสระก็อาศัยการเมืองอาศัยทหารไปคุมเชิงที่วัดปากน้ำ ไปถวายกางเกงใน รองเท้า ดูไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
"ที่อาตมาออกมาพูดเป็นการเตือนผู้บริหารประเทศ เป็นการให้สติและปัญญา พระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของสังคมแล้ว วอนอย่าเอาม็อบนกหวีดมาจัดการพระพุทธศาสนา อยากแนะท่านนายกฯ อย่าเอาจุดเล็กๆ มาเป็นประเด็นใหญ่ ถ้าไม่ยกย่องก็อย่าไปเหยียบย่ำ" พระมหาโชว์กล่าว
@ แฉแผนสกัดสมเด็จฯวัดปากน้ำ
พระราชวิจิตรปฏิภาณ หรือ "เจ้าคุณพิพิธ" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุใด สปช.ถึงหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึงทั้งที่จุดประสงค์หลักของ
คณะกรรมการฯ คือ การพิจารณาร่วมกับคณะสงฆ์ปรับปรุงเเก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ฉะนั้นอยากถามว่าสิ่งที่นายไพบูลย์กำลังทำนั้นใช่หน้าที่ที่ คสช.มอบหมายให้หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ทำเพื่ออะไร
"สปช.ชุดนี้เป็นเครื่องมือของใครหรือไม่ หรือถ้าตั้งใจทำเอง มีเจตนาใดต่อพระพุทธศาสนา แถมยังบังอาจให้สัมภาษณ์ว่าจะตั้งฆราวาสขึ้นมาควบคุม
ดูเเลสงฆ์อีกด้วย ซึ่งไม่เหมาะสม เพราะถ้าฆราวาสคุมพระได้ก็ไม่ต้องทำอะไรเเล้ว" เจ้าคุณพิพิธกล่าว และว่า อยากถามว่ากรณีวัดพระธรรมกาย คือประเด็นหลักหรือเป็นเเค่เหยื่อ ที่ผ่านมากระทั่งปัจจุบันมีข่าวลือหนาหูมาตลอดว่ามีคนไม่ต้องการให้บางนิกายรับตำแหน่งสมเด็จ
พระสังฆราช พยายามที่จะไม่ให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นสังฆราช และพยายามหาความมัวหมองมาสู่ท่าน ด้วยการอ้างว่าท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระธัมมชโยทั้งที่ความจริงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน
"คิดว่ามีกระบวนการเบื้องหลัง เเละคดีธรรมกายจึงเป็นเเค่ประเด็นที่ถูกนำมาฟาดฟันไม่ให้สมเด็จฯวัดปากน้ำได้รับการสถาปนาเป็นสังฆราช ศึกศาสนาครั้งนี้คนที่จะหนักใจที่สุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากไม่ได้คาดหวังให้ สปช.ทำหน้าที่ตรงนี้ นายกฯจะทำอย่างไรกับ คณะกรรมการชุดนี้ที่จะสร้างความแตกแยกในวงการพุทธศาสนา และเรื่องนี้เป็นการบ้านที่หนักของรัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่ปรองดองให้คดีความมันหมดไปแต่ ณ เวลานี้แผ่นดินไทยแตกโดยคณะสงฆ์" พระราชวิจิตรปฏิภาณกล่าว
@ ชี้'พุทธะอิสระ'ไม่เหมาะสม
พระราชวิจิตรปฏิภาณกล่าวอีกว่า อยากให้ประชาชนเทียบดูว่าระหว่างธรรมกายเดินธุดงค์ธรรมชัยกับพระพุทธะอิสระไปปิดถนนเเจ้งวัฒนะ ภาพสองภาพเทียบกันได้ไหม หากอ้างว่าพิทักษ์ศาสนาหรือต่อสู้คอร์รัปชั่น ก็อยากถามว่าใช่หน้าที่พระหรือไม่ ขณะเดียวกันการใช้วาจาต่อ มส.เเละสาดใส่เรื่องอำนาจอย่างรุนเเรงผิดลักษณะของพระสงฆ์ อยากให้หันกลับมองตนเองก่อนว่ามีที่มาอย่างไร ทั้งนี้อยากให้ประชาชนลองพิจารณาว่ากริยา คำพูดคำจาของพระพุทธะอิสระมีต่อพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ควรทำแบบนี้หรือไม่ ต้องดูนิสัยของคนด้วยว่าจะมาชำระพระศาสนาควรมีนิสัยแบบนี้หรือไม่ การให้สัมภาษณ์สื่อสมควรใช้คำพูดอย่างไร มีความเหมาะสมหรือไม่ รวมทั้งกรณีที่มีการถวายสังฆทานที่มีรองเท้า กระเทียม แล้วบอกว่าเป็นปริศนาธรรมนั้นเหมาะกับคำว่าสังฆทานหรือไม่