- Details
- Category: การเมือง
- Published: Tuesday, 24 February 2015 13:13
- Hits: 3483
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8854 ข่าวสดรายวัน
'มาร์ค-เทือก'ระทึก คดี 99 ศพ ปปช.นัดชี้มูลวันนี้ 'อุทัย'เตือน'คสช.'ระวังจะเอาไม่อยู่! คยร.ชงถอดถอน ผ่าน'ประชามติ'
บูรณาการ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัด และกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ครั้งที่ 2/2558 ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 23 ก.พ. |
'มาร์ค-เทือก'ระทึก ป.ป.ช.นัดชี้มูลปฏิบัติหน้าที่มิชอบสลายการชุมนุมม็อบเสื้อแดงจนมีคนตาย 99 ศพ เจ็บอีกเกือบ 2 พันคน อดีตประธานรัฐสภา'อุทัย พิมพ์ใจชน'มาแล้ว ออกจดหมายเปิดผนึกถึงคสช.เตือนระวังความแตกแยกซึมลึกจนเอาไม่อยู่ แนะปฏิรูปประเทศให้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง อย่าตั้งข้อสงสัยว่าประชาชนยังไม่พร้อมสำหรับระบอบการปกครองแบบนี้ ส่วนแนวทางปฏิรูปการเมืองจะต้องยึดหลักการของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน กมธ.ปิ๊งไอเดียใหม่ถอดถอนนักการเมือง ชงสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติไต่สวนแล้วเสนอชื่อให้กกต.ทำประชามติถอดถอน-ตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ด้าน'บิ๊กตู่'ขู่ใช้อำนาจเด็ดขาดฟันผู้ก่อความรุนแรง เตือนประชุมพูดคุยกันได้ แต่อย่าออกมาเคลื่อนไหว ส่วนโพลสำรวจยังทำได้ตามปกติ แต่จะทำเพื่อขับไล่คสช.ไม่ได้
'บิ๊กตู่'สั่งรับซื้อยางโดยตรง
เวลา 10.00 น.วันที่ 23 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุม คณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) ครั้งที่ 1/2558
หลังการประชุม ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์สั่งการเรื่องช่วยเหลือเกษตรกรโดยเฉพาะผู้ปลูกยางพารา ขอให้รับซื้อจากเกษตรกรโดยตรง โดยมอบให้ คสช.สนับสนุนผ่านหน่วยงานของกองทัพในพื้นที่ ดูแลการรับซื้อยางตามที่นายกฯ มอบหมาย
โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า นอกจากนี้นายกฯ สั่งการและเน้นย้ำการขับเคลื่อนทางการศึกษาว่าในระยะแรกให้เร่งรัดดำเนินการตามเป้าหมายทั้ง 5 แท่ง ประกอบด้วยสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สภาการศึกษาแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) โดยนายกฯ ย้ำว่าทั้ง 5 แท่งต้องเชื่อมโยงอย่างชัดเจน และตั้งคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนการศึกษาในลักษณะ ซูเปอร์บอร์ดการศึกษา โดยมีนายกฯ เป็นประธาน และจะตั้งคณะกรรมการต่อไป
ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ในที่ประชุมนายกฯ ยังสั่งการเร่งรัดจัดการกระบวนการการทุจริต ให้ดำเนินการอย่างครบถ้วนไม่เลือกปฏิบัติ โดยมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทันที รวมทั้งสั่งการเรื่องแรงงานต่างด้าว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดดำเนินการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่และจัดทำฐานข้อมูลให้ครบถ้วน ทั้งด้านแรงงานผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ โดยเฉพาะกฎระเบียบว่าด้วยการป้องกัน ต่อต้าน และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ไม่รายงาน และไร้การควบคุม (IUU) และเรื่องรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี ที่จัดทำโดยกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ โดยมอบให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงประเทศต่างๆ ให้เข้าใจว่าฝ่ายไทยมีความตั้งใจและอยู่ระหว่างการดำเนินการอย่างเข้มงวด
ศปป.ลุยตั้งเวทีปฏิรูปอีก 31 แห่ง
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงเหตุอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเหตุอาชญากรรมที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ต้องแยกว่าเรื่องกฎอัยการศึกกับกฎหมายไม่เกี่ยวข้องกัน กฎอัยการศึกเป็นการควบคุมความเรียบร้อยไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ส่วนคดีความต่างๆเป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน ซึ่งรัฐบาลย้ำมาตลอดให้ช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัย สิ่งบอกเหตุใดหรืออะไรที่เป็นชนวนเหตุต้องช่วยกันระวัง ที่ผ่านมาเวลาเกิดเหตุไปแล้ว และเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้วกลับไม่เสนอข่าว จึงขอให้นำเสนอข่าวเพื่อให้เกิดความสบายใจ และเจ้าหน้าที่มีกำลังใจทำงาน
ด้านพ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน. เปิดเผยว่า ในวันนี้ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) เดินหน้าจัด "เวทีความคิด ปฏิรูปประเทศไทย" เพิ่มเติมอีก 31 แห่ง ภาคกลาง 9 แห่ง เช่น อบต.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง อบต.บางตลาด ฉะเชิงเทรา และ อบต.หนองแสง ปราจีนบุรี ภาคเหนือ 14 แห่ง เช่น ศาลาประชาคมอำเภอเชียงของ จ.เชียงราย ศาลาประชาคม อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ศาลาประชาคม อ.ภูซาง จ.พะเยา ศาลาประชาคม อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ภาคใต้ 3 แห่ง เช่น อบต.ป่านอน จ.พัทลุง โรงเรียนกันตังรัษฎาศึกษา จ.ตรัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 แห่ง เช่น เทศบาลตำบลชนบท อบต.เมืองเก่าพัฒนา อบต.ห้วยแก จ.ขอนแก่น และเทศบาลตำบลขวาว จ.ร้อยเอ็ด โดยประชาชนติดต่อร้องเรียนหรือสอบถามกิจกรรมของศูนย์ปรองดองฯ ได้ที่สายด่วน 1152
คลังเรียกถก-สรุปขาดทุนจำนำ
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เรียกประชุมอนุกรรมการในช่วงเย็นวันที่ 24 ก.พ.นี้ เพื่อสรุปผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวถึงวันที่ 30 ก.ย. 2557 หลังจากปิดครั้งล่าสุดเป็นรอบวันที่ 22 พ.ค. 2557 มีผลขาดทุน 6.82 แสนล้านบาท แยกเป็น 11 โครงการก่อนรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขาดทุน 1.63 แสนล้านบาท ที่เหลืออีก 4 โครงการเป็นโครงการรับจำนำสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ 5.19 แสนล้านบาท
สำหรับ การประชุมอนุกรรมการคาดว่าจะปิดบัญชีขาดทุนจำนำข้าวได้ เนื่องจากมีข้อมูลต่างๆ เรียบร้อยแล้ว โดยผลการขาด ทุนโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาลน.ส. ยิ่งลักษณ์จะเพิ่มขึ้นอีก 1 แสนล้านบาท ทำให้มีผลขาดทุนรวมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 6 แสนล้านบาท
รายงานข่าวกล่าวว่า ในช่วงเช้าวันที่ 24 ก.พ. สมาคมวิชาชีพบัญชีจะเข้าหารือกับ นายรังสรรค์ เพื่ออธิบายถึงมาตรการฐานทางบัญชีที่ใช้ปิดในครั้งนี้ ซึ่งมีข้อมูลการตรวจสต๊อกข้าวของรัฐบาลมาใช้ประกอบการปิดบัญชี ทำให้ข้าวบางส่วนต้องคิดราคาตามคุณภาพข้าวที่รัฐบาลตรวจสอบว่าเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพ ส่วนข้าวที่หายจะต้องคิดเป็นขาดทุนทันที ทำให้ผลขาดทุนจำนำข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง
พท.ชี้ขาดทุนยังไง-ข้าวขายไม่หมด
นอกจากนี้ ในการหารือกับสมาคมวิชาชีพบัญชี นายรังสรรค์จะหารือว่าสามารถนำผลขาดทุนจำนำข้าวที่ปิดล่าสุดมาใช้เป็นฐานขั้นต่ำเรียกความเสียหายจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามคำสั่งของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้หรือไม่ รวมถึงจะเชิญสมาคมผู้สอบบัญชีเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาข้อเท็จจริงและสอบสวนการเรียกร้องค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวด้วย เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการคิดและเรียกค่าเสียหายจากอดีตนายกฯ
นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เตรียมหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กรณีฟ้องเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า การประเมินตัวเลขความเสียหายจากโครงการในตอนนี้ยังไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะยังมีข้าวจากโครงการอยู่ในคลัง หากขายหมดแล้วตัวเลขการขาดทุนอาจจะน้อยหรือได้กำไรก็ได้ การจะคำนวณว่าขาดทุนเท่าไรตอนนี้ถือว่าทำไม่ถูก ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นนโยบายกระจายรายได้ให้กับประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนการจ่ายเงินให้กับชาวสวนยางและชาวนาของรัฐบาลชุดนี้ และเศรษฐกิจในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ดีกว่าปัจจุบันด้วยซ้ำ ส่วนที่บอกว่าโครงการรับจำนำข้าวขาดทุนจำนวนมาก ทั้งที่ข้าวยังขายไม่หมด เหมือนจะเอาให้ตายเพื่อให้สอดรับกับคดีอาญาที่ดำเนินการอยู่
พาณิชย์เปิดประมูลอีก 5 มี.ค.
ด้านพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงผลสำรวจกรุงเทพโพลล์ ระบุผลงานรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ประชาชนไม่ค่อยรับรู้จึงได้รับคะแนนน้อยกว่ากระทรวงอื่นๆ ว่า ตนได้ทำงานร่วมกับข้าราชการทุกกรมอย่าง เต็มที่ โดยเฉพาะการดูแลค่าครองชีพ หากประชาชนจะไม่เห็นผลงานแต่ในฐานะทหาร เห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่จะทำงานแบบปิดทองหลังพระซึ่งหลังจากนี้จะตั้งใจทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยเรียกประชุมพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้แก้ปัญหา ดูแลราคาสินค้าและราคาพืชผลทางการเกษตร ค่าครองชีพในเชิงลึกและเชิงรุก เพราะจะต้องเร่งแก้ปัญหาและสร้างความรู้ความถูกต้องให้กับเกษตรกรและผู้บริโภคอย่างเต็มที่ หากดำเนินการได้ จะช่วยเหลือประชาชนได้ทุกพื้นที่
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ส่วนการระบายข้าวนั้น เตรียมเปิดประมูลข้าวในสต๊อกของรัฐบาลรอบที่ 2 ปี 2558 คาดว่าจะเปิดประมูลได้วันที่ 5 มี.ค.นี้ ในปริมาณ 1 ล้านตัน โดยครึ่งหนึ่งเป็นข้าวที่เหลือจากการเปิดประมูลในครั้งแรก จากที่เปิดประมูลในปริมาณเกือบ 1 ล้านตัน แต่อนุมัติขายไปเพียง 4.9 แสนตัน จึงนำส่วนที่เหลือมารวมเพื่อเปิดประมูลในรอบที่ 2 หลังจากตรวจสอบคุณสมบัติของบริษัทที่ร่วมประมูล เสร็จเรียบร้อยแล้ว
พท.ชี้ข่าวปล่อย-แม้วขอคุยคสช.
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีมีสื่อมวลชนบางฉบับนำเสนอข่าวอ้างแหล่งข่าวคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณพยายามติดต่อทุกช่องทางเพื่อขอพูดคุยกับคสช. ว่า ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ติดต่อกับ คสช.หรือใครทั้งสิ้น และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องดังกล่าว แต่กลับถูกลากไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างไม่ธรรม ซึ่งไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อยแต่ถูกบิดเบือนหลายครั้ง จึงอยากขอความเป็นธรรม อย่าพยายามลากพ.ต.ท. ทักษิณเข้าไปเป็นเครื่องมือ หรือสร้างประเด็นเงื่อนไขความขัดแย้งอีกเลย ขอใช้ชีวิตอย่างสงบ เรียบง่าย ทำบุญสุนทาน ตามแบบประชาชนธรรมดา
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรอง นายกฯและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีคนอ้างเป็น คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณให้ข่าวระบุ พ.ต.ท. ทักษิณพยายามติดต่อเจรจากับพล.อ. ประยุทธ์ว่า เชื่อว่ามีความพยายามปล่อยข่าว เพื่อให้ดูเหมือนว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีความผิดตามที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา ถึงต้องให้พี่ชายช่วยพูดให้ ทั้งที่ยังไม่มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาล คนปล่อยข่าวไม่หวังดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น ขอให้แหล่งข่าวคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณหยุดให้ข่าวได้แล้ว และถ้าเป็นคนใกล้ชิดพ.ต.ท. ทักษิณจริง ขอให้ระบุชื่อออกมาว่าเป็นใคร ส่วนกรณีโพลหลายสำนักเผยสำรวจอยากให้พล.อ.ประยุทธ์เจรจากับพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ขอให้โพลสำนักต่างๆ โปรดเลิกยุให้ทั้งสองคนคุยกันได้เลย เพราะมันเป็นไปไม่ได้ มีแต่จะสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม
"อำนวย"ย้ำส.ส.มีสิทธิแก้ไขรธน.
ด้านนายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะลงมติ เพื่อส่งเรื่องให้ สนช.ดำเนินการถอดถอนอดีต 269 ส.ส.กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว.โดยมิชอบในวันที่ 24 ก.พ.นี้ว่า ในฐานะที่ตนเป็นหนึ่งในอดีต 269 ส.ส.ที่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าว มั่นใจว่า สนช.จะดูกฎหมายเป็นและพิจารณาอย่างรอบคอบ ขอยืนยันว่าตนทำตามหน้าที่โดยสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ตาม มาตรา 291 วรรค 1 และการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.เพื่อให้มาจากการเลือกตั้ง เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่กลับถูกกล่าวหาว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมิชอบ ตนถามว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน อีกทั้งตามมาตรา 130 ถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ผู้แทนราษฎร ใครจะมาฟ้องร้องพวกตนไม่ได้ ถามว่าถ้า ส.ส.แก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้ แล้วใครจะเป็นคนแก้
"กรรมการ ป.ป.ช.หลายท่านก็เป็นครูบาอาจารย์ อ่านกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็น แต่กลับทำเป็นไม่เข้าใจ ไม่อยากมองว่า ป.ป.ช.มีเจตนาพิเศษหรือมีนัยยะซ่อนเร้น แต่เชื่อเหลือเกินว่า สนช.จะใช้ดุลพินิจอย่างรอบคอบ และจะให้ความเป็นธรรมกับ อดีต 269 ส.ส. เหมือนที่ให้ความเป็นธรรมกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภาไปก่อนหน้านี้" นายอำนวยกล่าว
คยร.นัดทบทวนร่างรธน.-มี.ค.
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้มาประชุมนอกสถานที่ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก กมธ.ยกร่างฯส่วนหนึ่งเดินทางมาล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. ขณะที่ส่วนใหญ่นำโดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯมาถึงในช่วงเช้าวันที่ 23 ก.พ.
เวลา 11.20 น. ก่อนเข้าสู่วาระพิจารณา นายบวรศักดิ์ ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า การพิจารณาจะเข้าสู่ภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง หมวด 1 ว่าด้วยระบบ ผู้แทนที่ดีและผู้นำการเมืองที่ดี หมวด 3 รัฐสภา และหมวด 4 คณะรัฐมนตรี รวม 101 มาตรา นอกจากนั้นยังมีบทเฉพาะกาลว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 5 มาตรา และเรื่องต่างๆ อีก 5 มาตรา รวมทั้งสิ้น 111 มาตรา โดยการประชุมวันที่ 23-28 ก.พ. จะต้องพิจารณาให้เสร็จวันละ 22 มาตราเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำ และหากที่ประชุมพิจารณาได้เสร็จทั้งหมด ถือว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญได้เสร็จทั้งฉบับ
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า จากนั้นในเดือนมี.ค. จะเข้าสู่การทบทวนบทบัญญัติร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอีกครั้ง นำความเห็นของบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับบทบัญญัติ เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มาพิจารณาเพื่อทบทวนก่อนเสนอให้ที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พิจารณาให้ความเห็น เบื้องต้นกำหนดวันประชุมในวันที่ 20-22 เม.ย. และวันที่ 24-26 เม.ย. ส่วนวันที่ 23 เม.ย. งดการพิจารณาเนื่องจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ใช้ห้องประชุม และเมื่อสปช.พิจารณาเสร็จ ต้องทำคำขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ภายใน 60 วัน
"อจ.ปื๊ด"เผยเจตนารมณ์หรู 4 ข้อ
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า หลังจากนั้นกมธ.ยกร่างฯจะนำร่างรัฐธรรมนูญไปรับฟังความเห็นของประชาชนกลุ่มต่างๆ ทั้งนี้ ตนขอเสนอว่าให้นำเสนอเป็นเจตนารมณ์และหลักการ แทนการนำบทบัญญัติเป็นรายมาตราที่เขียนเป็นภาษากฎหมาย เพื่อให้ประชาชนเข้าใจได้ง่าย โดยเจตนารมณ์หลักที่จะนำเสนอมีทั้งสิ้น 4 ประการคือ 1.พลเมืองเป็นใหญ่ 2.การเมืองใสสะอาดและสมดุล 3.หนุนสังคมมีความเป็นธรรม และ 4.นำชาติสู่สันติสุข
"ยอมรับว่าความขัดแย้งยังมีอยู่ จำเป็นต้องนำชาติสู่สันติสุขด้วยการปรองดอง ซึ่งความขัดแย้งเป็นเพียงอาการของโรคที่ปรากฏภายนอก แต่สมมติฐานคือ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น เจตนารมณ์หลักคือการสนับสนุนให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม ซึ่งการทำให้พลเมืองเป็นใหญ่คือการคืนอำนาจสู่ประชาชน โดยร่างรัฐธรรมนูญในหลายเรื่องได้สร้างประชาชนให้เป็นพลเมือง ไม่ใช่ราษฎร์ ด้วยการขยายสิทธิ เสรีภาพโดยการปฏิรูปหลายเรื่องคือการเพิ่มอำนาจให้ประชาชน" นายบวรศักดิ์กล่าว
ประธานกมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่าขณะที่การเมืองใสสะอาด คือต้องปราศจากการทุจริต ประพฤติมิชอบ แม้จะมีก็ให้มีน้อยที่สุด ส่วนการสร้างสมดุลทางการเมือง แบ่งเป็น 1.จำนวน ส.ส.ที่นั่งในสภา ต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน ไม่ควรมีพรรคใดที่ได้ ส.ส.เกินจากคะแนนนิยมของประชาชน 2.สมดุลระหว่างพรรคและกลุ่มการเมือง 3.สมดุลทางการเมือง ด้วยการมีบุคคลที่มาจากหลากหลายอาชีพที่เข้ามาอยู่ในสภานิติบัญญัติผ่านการเลือกตั้งทางอ้อม เพื่อร่วมพาประเทศไปได้ และ 4.สมดุลระหว่างอำนาจของนักการเมืองและอำนาจของพลเมือง
ชงทำประชามติถอดถอนนายกฯ
เมื่อเวลา 16.00 น. ที่โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช และนายปกรณ์ ปรียากร โฆษกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมกันแถลงถึงการยกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า กมธ.ยกร่างฯ เริ่มลงรายละเอียด ภาค 2 หมวด 1 ผู้นำการเมืองที่ดีและระบบผู้แทนที่ดี ในมาตรา 73 ว่าด้วยผู้นำการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น ต้องเป็นพลเมืองดี เสียสละ ซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในจริยธรรมและธรรมาภิบาล โดยผู้นำการเมืองได้แก่ ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกประเภทและทุกระดับ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและระดับท้องถิ่น รวมทั้งผู้นำอื่นในภาครัฐ
พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า มาตรา 74 ว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานจริยธรรมของผู้นำการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐตามประมวลจริยธรรมที่สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติกำหนดขึ้น โดยกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. ผู้บริหารท้องถิ่น กระทำผิดร้ายแรงย่อมเป็นเหตุแห่งการถอดถอน ให้สมัชชาฯไต่สวน หากพบว่าผิดจริยธรรม ให้ส่งเรื่องให้กกต. นำรายชื่อผู้กระทำผิดจริยธรรม ไปจัดทำประชามติ พร้อมกับการลงคะแนนเลือกตั้งครั้งถัดไป เพื่อให้ประชาชนลงมติว่าจะถอดถอนเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปีหรือไม่ ตามมาตรา 256 ให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ว่าด้วยสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ หากผู้กระทำผิดเป็นนายกฯ หรือรัฐมนตรี จะทำการลงประชามติทั้งประเทศ แต่หากเป็นส.ส.เขต จะลงประชามติเฉพาะพื้นที่นั้นๆ ส่วนนักการเมืองอื่นที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อาทิ ข้าราชการระดับสูง เลขานุการรัฐมนตรี หากสมัชชาฯ เห็นว่ากระทำผิดอย่างร้ายแรง ให้ดำเนินการถอดถอนตามกระบวนการของรัฐสภา
เผยโควตาสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ
พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า ขณะที่มาตรา 75 กำหนดถึงแนวทางผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องปฏิบัติและไม่ปฏิบัติ ที่จะนำไปใช้เป็นกรอบร่างประมวลจริยธรรมต่อไป อาทิ ห้ามแสดงความคิดเห็นอภิปรายหรือให้ข้อมูลข่าวสารต่อประชาชน ที่ไม่ถูกต้องและบิดเบือนข้อเท็จจริง ยอมให้บุคคลหรือคณะบุคคลใดครอบงำหรือชี้นำโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือขัดต่อประมวลจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่หรือดำเนินกิจการ ห้ามใช้อำนาจหน้าที่มุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง ก่อให้เกิดความเสียหายเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว เลี่ยงหรือชี้นำให้บุคคลอื่นไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมทั้งไม่แสดงความเห็นทำนองดังกล่าวต่อสาธารณะ
เมื่อถามถึงจำนวนและที่มาของสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ โฆษกกมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า มีทั้งหมด 55 คน แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.คณะมนตรี 5 คน มาจากการสรรหาของ ส.ว. 2.สมัชชาคุณธรรม 50 คน มาจากคณะกรรมการสรรหาที่แต่งตั้งโดยคณะมนตรีทั้ง 5 คน ขณะนี้ สปช.ได้ยกร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ เสร็จแล้ว เมื่อได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม สปช. จะส่งต่อให้ สนช. พิจารณาออกเป็นกฎหมายต่อไป
"อุทัย"เตือนคสช.ระวังเอาไม่อยู่
วันเดียวกัน นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือจดหมายเปิดผนึกถึงคสช. โดยเสนอถึงการปฏิรูปประเทศว่า คสช.ต้องวางแนวทางการปฏิรูปประเทศให้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและอย่าสงสัยว่าราษฎรยังไม่พร้อมเป็นประชาธิปไตย หากไม่ทำตามที่ตนแนะนำ ความแตกแยกจะซึมลึกในหมู่ประชาชนจนยากเกินจะแก้ไข ไม่ใช่การปรามาส แต่ตนขอประกาศว่า "ท่านเอาไม่อยู่" ทั้งนี้ คสช.ต้องยึดมั่นในคำพูดว่าจะดำเนินการทางการเมืองตามโรดแม็ปอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะให้มีการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยให้สำเร็จ หากทำตามสัญญาข้อนี้ไม่สำเร็จควรใช้อำนาจหยิบยกนำรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งที่ดีที่สุด นำมาแก้ไขแล้วประกาศใช้ให้มีการเลือกตั้งทันทีตามโรดแม็ป ความปรองดองและสามัคคีจะเกิดขึ้นได้
นายอุทัยระบุว่า ส่วนแนวทางการปฏิรูปการเมือง จะต้องยึดหลักการว่าของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ให้สอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรัสไว้ว่าการพัฒนาที่ถูกต้อง ต้อง"เข้าถึง เข้าใจ และพัฒนา" ทั้งนี้ ตนไม่ได้ห้ามแก้กติกาทางการเมือง แต่อยากให้แก้ที่ต้นเหตุเพราะนักการเมืองเป็นแค่ปลายเหตุ ราษฎรเป็นอย่างไรส.ส.ก็เป็นอย่างนั้น จึงควรแก้ที่ราษฎร โดยสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมา ซึ่งความเลวร้ายของการเมืองขณะนี้อยู่ที่การซื้อเสียง เมื่อกฎหมายแก้ไม่ได้ผล ก็ต้องแก้ด้วยวิธีธรรมชาติ ทำให้คนซื้อไม่อยากซื้อเสียงเพราะลงทุนไม่คุ้มค่า โดยให้มีการเลือกตั้งใหม่ทุก 2 ปี ถ้าเป็นส.ส.แค่ 2 ปีจะถอนทุนทันหรือไม่ ดังนั้นรัฐบาลและ นายกฯควรอยู่ไม่เกิน 4 ปี โดยนายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงและดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัยติดต่อกัน
บิ๊กตู่เตือนประชุมได้-อย่าเคลื่อนไหว
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ครั้งที่ 2/2558
ต่อมาเวลา 15.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า ตนได้กำชับในที่ประชุมเรื่องการบูรณาการทำให้งบประมาณปี 2558 และปี 2559 เชื่อมโยงกัน โดยคณะกรรมการจังหวัดต้องบูรณาการทั้งจังหวัด ซึ่งมีงบประมาณหลายส่วน อาทิ งบกระทรวง ทบวง กรม งบบูรณาการจังหวัด ทุกส่วนจะต้องประสานให้ได้เพื่อเดินตามยุทธศาสตร์ทั้ง 9 อย่าง ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากและขออย่าเร่งนักเลย
เมื่อถามถึงกรณีที่พูดในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ถึงความเคลื่อนไหวของบางกลุ่ม นายกฯ กล่าวว่า เป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง ไม่มีกลุ่มอื่น ไปพูดจาให้ร้ายหรือประชุมกันบ้างก็ปล่อยไป แต่อย่าออกมาเคลื่อนไหวแล้วกัน คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ตนก็ทำใจ เพราะเขาต้องต่อสู้ของเขา แต่บ้านเมืองต้องเดินหน้า ถ้าจะต่อสู้ทางการเมือง รอให้ถึงการเลือกตั้งค่อยว่ากันตรงนั้น
"วันนี้ถ้าจะมาทำให้เกิดความวุ่นวายอีก มันก็ไม่น่าจะใช่ ซึ่งเราทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยแล้ว จะกลับไปอย่างเก่ากันหรือ การเมืองต้องยอมรับกันบ้างว่าที่ผ่านมามีข้อผิดพลาด ตอนนี้จะเดินหน้าประเทศอย่างไรต้องมาหาทางแก้ไขกัน จะไม่รับกติกากันเลยหรือ บอกว่าประชาธิปไตยเลือกตั้งแล้วมีสิทธิร้อยเปอร์เซ็นต์เลยหรือ ไม่มีหน้าที่ ไม่มีสิทธิ ไม่มีเสรีภาพให้คนอื่นเขาหรืออย่างไร มันต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายทั้งหมด ไม่ใช่ว่าได้คะแนนเสียงมากมาเป็นรัฐบาล แล้วไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย มันไม่ใช่" นายกฯ กล่าว
ฮึ่ม-ทำโพลให้ไล่คสช.ไม่ได้
เมื่อถามว่าวันนี้โพลหลายสำนักสำรวจความคิดเห็นทางการเมือง มองอย่างไรจะมีผลกระทบต่อการเดินโรดแม็ปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ตนมีหน้าที่ขับเคลื่อนโรดแม็ปและมีอำนาจตามกฎหมาย ตนทำหน้าที่ของตน ถ้าไปฟังหรือแคร์ทุกอย่าง ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง วันนี้ไม่ใช่เวลาปกติ เข้าใจหรือไม่ มันปกติหรือไม่
เมื่อถามว่าแต่ละสำนักยังจะยังทำโพลทางการเมืองได้ปกติใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อยากทำก็ทำไป แต่ถ้ามาทำแล้วไล่คสช.ไม่ได้ ต้องไม่ทำแบบนั้น เมื่อถามว่าโพล ระบุคสช.มีผลงานดีด้านเศรษฐกิจ นายกฯ กล่าวว่าต้องขอบคุณครม.ที่เขาทำงานดี แต่ทุกอย่างไม่สามารถทำได้วันสองวัน มันสะสม มีปัญหามาเป็นปี เป็นสิบปี แต่เรามาแก้ภายในแค่ 5-6 เดือนได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้ว จะให้แก้หวือหวาอะไรขนาดนั้น
ขู่ใช้อำนาจเด็ดขาดกับผู้ก่อรุนแรง
เมื่อถามว่าปัญหาอาชญากรรมซึ่งเป็นเรื่องความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ยังมีกฎอัยการศึก พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมามีเยอะหรือไม่ ตอนแรกมีคสช.ก็น้อย แต่ตอนหลังมีเยอะ เพราะทุกคนมาตีกันเรื่องคสช. เรื่องการใช้กฎหมาย เรื่องอัยการศึก คสช.ก็ไม่อยากใช้ความรุนแรง มันก็ได้ใจ ทำไมไม่เขียนเตือนกันว่าอย่าไปทำความรุนแรง ตอนนี้มีกฎอัยการศึกอยู่ ต้องช่วยกันเขียนอย่างนี้ แต่กลับเขียนว่าคสช.จำกัดสิทธิ ปิดกั้นสื่อ พวกนี้ก็ได้ใจ เพราะเห็นว่าคสช.กลัวเรื่องการใช้อำนาจ
"เดี๋ยวผมจะใช้อำนาจ ไอ้พวกก่อความรุนแรง คดีเหล่านี้เดี๋ยวต้องดูว่าจะทำอย่างไรกับมัน ลงโทษให้มันหนักๆ หน่อย" พล.อ. ประยุทธ์กล่าว เมื่อถามว่าคสช.ทำโพลเพื่อประเมินสถานการณ์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทำ จะทำทำไม มีคณะกันเยอะแยะแล้ว
เมื่อถามถึงการอ้างชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ในเฟซบุ๊ก นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้มีอะไรเสียหายกับตนหรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการสงสัยว่าเป็นเฟซบุ๊กของพล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวว่า "แล้วทำไม หรือหน้าอย่างผมเล่นไม่เป็น แต่เฟซบุ๊กที่มีชื่อผมนั้น ผมไม่ได้ทำ ใครทำก็ไปหามา ขณะนี้ก็ยังหาตัวคนทำอยู่"
ปปช.ลั่นชี้มูลคดีสลายม็อบ 99 ศพ
วันเดียวกัน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ในการประชุมของคณะกรรมการป.ป.ช.วันที่ 24 ก.พ. มีวาระพิจารณารายงานของคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผบ.ทบ. ปฏิบัติหน้าที่มิชอบกรณีสลายการชุมนุมทางการเมืองช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 ซึ่งมีนายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนและมีกรรมการป.ป.ช.ทุกคนร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน โดยที่ประชุมจะพิจารณาว่าการไต่สวนคดีดังกล่าวมีมูลเพียงพอจะแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหาได้หรือไม่ หากเห็นว่าคดีสมบูรณ์เพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาได้จะขอมติที่ประชุมใหญ่ป.ป.ช. เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาไปยังผู้ถูกกล่าวหาให้ทราบต่อไป
เมื่อถามว่าหากป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหาแล้วกว่าจะถึงขั้นตอนชี้มูลความผิดต้องใช้เวลานานเพียงใด นายสรรเสริญกล่าวว่า ตามขั้นตอนเมื่อแจ้งข้อกล่าวหาแล้วต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาอ้างพยานหลักฐานและชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งคงใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะถึงขั้นตอนลงมติชี้มูลความผิดหรือไม่
ไมค์ทองคำ-ส่อฟันแค่อธิบดีโยธา
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช.เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. วันที่ 24 ก.พ.นี้ คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีร้องเรียนให้ตรวจสอบการจัดซื้อไมโครโฟนในห้องประชุมครม. ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล จะสรุปเรื่องเพื่อขอให้ที่ประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาว่าข้อมูลสมบูรณ์เพียงพอจะตั้งอนุกรรมการไต่สวนหรือไม่ หากที่ประชุมมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวน จะทำหนังสือแจ้งผู้ถูกกล่าวหาว่าจะคัดค้านรายชื่ออนุกรรมการไต่สวนหรือไม่ต่อไป
แหล่งข่าวระบุว่า คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงได้สรุปรายละเอียดเสนอที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นเมื่อรวบรวมผู้ถูกร้องแล้วพบว่ามีประมาณ 5-6 ราย และคณะทำงานยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่ บางคนมองว่าผิดกฎหมาย เพราะมีการจัดซื้อในราคาแพงเกินจริงมาก แต่บางส่วนเห็นว่าไม่ผิดกฎหมาย เพราะมีการขอยกเว้นเพื่อจัดซื้อจัดจ้างกรณีพิเศษ อย่างไรก็ตาม หากป.ป.ช.ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนจริง ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาแค่ระดับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้างเท่านั้น ดังนั้น อาจแจ้งข้อกล่าวหานายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย แต่อาจไม่ไปถึงม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ เพราะไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้าง
ศรีสุวรรณดักคออย่าลูบหน้าปะจมูก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำร้องดังกล่าว นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องให้สำนักงานผู้ตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และป.ป.ช. ไต่สวนและตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างการปรับปรุงภูมิทัศน์และตกแต่งอาคารทำเนียบรัฐบาลภายใต้งบประมาณ 252 ล้านบาท ที่มีม.ล.ปนัดดา ผู้บริหารสำนักเลขาธิการนายกฯ และอธิบดีกรมโยธาฯ เป็นผู้รับผิดชอบว่าดำเนินการขัดต่อหมวด 2 แห่งระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ประกอบมาตรา 103/7 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2550 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 หรือไม่
ด้านนายศรีสุวรรณกล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว หลักฐานข้อมูลชัดเจนว่าซื้อแพงกว่าปกติ ดังนั้น จะมาอ้างเหตุใดๆ ก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ แม้แต่ผู้ถูกกล่าวหาก็ยอมรับว่ามันแพงเกินจริงย่อมถือเป็นการยอมรับกลายๆ แล้ว ฉะนั้นป.ป.ช.มีอำนาจหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาได้เลย และในพ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช.หากพบว่าผิดจริงต้องดำเนินถึงขั้นชี้มูลความผิด ยกเว้นแต่จะลูบหน้าปะจมูกกัน อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 24 ก.พ.นี้ตนคงไม่ไปรับฟังผลการพิจารณาของป.ป.ช. แต่จะติดตามจากข่าวของสื่อมวลชน เนื่องจากติดคดีอื่นที่ต่างจังหวัด
อดีตส.ส.ลงชื่อแก้รธน.เหลือ255ราย
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวถึงการพิจารณาคดีถอดถอนอดีตส.ส. 269 ราย กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาส.ว.โดยมิชอบว่า ในวันที่ 24 ก.พ.ที่ประชุมป.ป.ช.จะลงมติพิจารณาคดีถอดถอนดังกล่าว จากเดิมมีอดีตส.ส.ที่อยู่ในการพิจารณาถอดถอน 269 ราย แต่เมื่อป.ป.ช.จัดหมวดหมู่ตามฐานความผิดของอดีตส.ส.แต่ละคนเป็น 6 ฐานความผิดแล้วพบว่าอดีตส.ส.บางคนมีชื่อในฐานความผิดซ้ำกัน จึงต้องถูกตัดออกและทำให้ยอดอดีตส.ส.ที่จะต้องพิจารณาตาม 6 ฐานความผิดในที่ประชุมป.ป.ช.วันที่ 24 ก.พ. เหลืออยู่ 258 ราย และมีอดีตส.ส.ที่ถูกพิจารณาคดีอาญา กรณีเสียบบัตรแทนกันอีก 5 คน รวม 263 ราย ซึ่งการพิจารณาลงมตินั้นป.ป.ช.จะยึดบรรทัดฐานจากการลงมติคดีถอดถอนอดีตส.ว.ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า อดีตส.ส. 258 รายจะแยกเป็น 6 ฐานความผิดได้แก่ 1.กรณีการลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่วมลงมติวาระ 1, 2 และ 3 2.กรณีการลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่ลงมติวาระ 1 แต่ลงมติในวาระ 2 และ 3
3.กรณีการลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยลงมติวาระ 1 ไม่ลงมติวาระ 2 และลงมติวาระ 3 4.กรณีการลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมาย โดยลงมติวาระ 1 แต่ไม่ลงมติในวาระ 2 เฉพาะมาตรา 6 และไม่ลงมติวาระ 3 5.กรณีการลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมาย โดยลงมติวาระ 1 ไม่ลงมติวาระ 2 ทุกมาตรา และไม่ลงมติวาระ 3 และ 6.กรณีการเสียชีวิต 3 คน
จากการไต่สวนคาดว่าจะมีอดีตส.ส.ที่อยู่ในข่ายถูกลงมติยื่นถอดถอนต่อ สนช. ประมาณ 250 คน และอยู่ในข่ายถูกดำเนินคดีอาญา กรณีเสียบบัตรแทนกัน 5 คน ส่วนที่เหลือคือกลุ่มที่อาจอยู่ในข่ายโดนทั้งถอดถอนและอาญา
"ศรีราชา"ปธ.ผู้ตรวจการฯคนใหม่
วันเดียวกัน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวภายหลังการประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินว่า นายศรีราชา วงศารยางกูร พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ผู้ได้รับเลือกเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ประชุมร่วมกันและเลือกให้ นายศรีราชาเป็นประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน แทนนางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ที่พ้นตำแหน่งไปก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการนำผลการเลือกตั้งให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งทำหน้าที่ประธานวุฒิสภาได้ทราบ และนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไป
ลือหึ่งปลดคู่"รัชตะ-หมอณรงค์"
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เรียก นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ดสปสช.) และ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. เข้าหารือ เพื่อหาข้อยุติความขัดแย้งระหว่าง สปสช.และสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) โดยให้หาข้อยุติภายใน 1 สัปดาห์ รวมทั้งมีกระแสข่าวว่าจะปลดทั้งสองคนหากไม่สามารถตกลงกันได้นั้น
ความคืบหน้าพบว่า นพ.รัชตะ และ นพ.ณรงค์ มีการหารือกันเป็นการส่วนตัว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 ก.พ. แต่ไม่ให้สัมภาษณ์เพียงแต่กล่าวว่า เป็นไปด้วยดี ขณะที่มีกระแสข่าวอีกทางว่าจะต้องมีการลงนามความร่วมมือระหว่างสธ.และสปสช. แต่ไม่ได้ข้อยุติ ทำให้ยังเกิดกระแสข่าวลือในกระทรวงสาธารณสุขว่า การประชุมครม.วันที่ 24 ก.พ. อาจมีการนำชื่อทั้งสองคนเข้าที่ประชุมอีกครั้งหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมระบบปฐมภูมิที่กระทรวงสาธารณสุข วันที่ 24 ก.พ. มีกระแสข่าวว่าจะมีบุคลากรสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) จะมาร่วมประชุมและให้กำลังใจนพ.ณรงค์ ด้วย
เบี้ยเลี้ยงชีพส.ส.-ส.ว.เหลือ9พัน
วันที่ 23 ก.พ. ที่รัฐสภา นายจเร พันธ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีการประกาศราชกิจจานุเบกษา เรื่องระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ลงนามโดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ในฐานะประธานกรรมการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.นี้เป็นต้นไป ระเบียบดังกล่าวทำให้ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพตามระเบียบดังกล่าว ซึ่งคำนวณตามอายุการดำรงตำแหน่ง โดยจะได้ไม่เกิน 2 เท่าของระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง ไม่ได้ตลอดชีพเหมือนที่ผ่านมา จะจ่ายค่าตอบแทนให้เป็นรายเดือน และสมาชิกรัฐสภาที่มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพต้องไม่เป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างต้องห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงผู้ที่ถูกวุฒิสภามีมติถอดถอนออกจากตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ กำหนดการนับเวลาคำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพไว้ ดังนี้ ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มีสมาชิกภาพหลายวาระ ไม่ว่าจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม ให้นำเวลาการมีสมาชิกภาพทุกวาระรวมกันเป็นเวลาสำหรับคำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ และผู้มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นรายเดือน โดยให้ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับมีสิทธิได้รับเงินกองทุนเลี้ยงชีพตามหลักเกณฑ์
หลักเกณฑ์การคำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ดังนี้ วาระที่เคยดำรงตำแหน่ง 1.ตั้งแต่ 1 เดือนแต่ไม่ถึง 4 ปีได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเดือนละ 9,000 บาท 2.ตั้งแต่ 4 ปีแต่ไม่ถึง 8 ปีได้รับเดือนละ 12,000 บาท 3.ตั้งแต่ 8 ปี แต่ไม่ถึง 12 ปี ได้รับเดือนละ 14,300 บาท 4.ตั้งแต่ 12 ปี แต่ไม่ถึง 16 ปี ได้รับเดือนละ 17,800 บาท 5.ตั้งแต่ 16 ปี แต่ไม่ถึง 20 ปี ได้รับเดือนละ 21,400 บาท 6.ตั้งแต่ 20 ปี แต่ไม่ถึง 24 ปี ได้รับเดือนละ 28,500 บาท และ 7.ตั้งแต่ 24 ปีขึ้นไปได้รับเดือนละ 35,600 บาท ทั้งนี้ ระเบียบที่ออกมาใหม่จะไม่ครอบคลุมถึง สนช. เพราะเห็นว่ามาจากการรัฐประหาร
ทั้งนี้ การแก้ไขระเบียบดังกล่าวจะไม่กระทบกับอดีตสมาชิกรัฐสภาที่เคยเป็นส.ส. หรือส.ว.หลายสมัย แต่จะกระทบกับอดีตส.ส. ส.ว.บางคนที่เพิ่งได้รับการคัดเลือกเข้ามาทำหน้าที่ไม่นานแล้วยุบสภา เพราะตามระเบียบเดิมจะได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพหลังพ้นตำแหน่งไปจนตลอดชีพ แต่ระเบียบใหม่กำหนดให้ได้รับแค่ 2 เท่าของระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง อีกทั้งอัตราเดิมจากที่เคยได้รับเริ่มต้นที่ 15,000 บาทจะปรับลดเหลือเริ่มต้นที่ 9,000 บาท
จำคุก5ปี-2น.ศ.คดีเจ้าสาวหมาป่า
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 23 ก.พ. ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3526/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม อายุ 24 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.ขอนแก่น และน.ส.ภรณ์ทิพย์ มั่นคง หรือกอล์ฟ ประกายไฟ อายุ 27 ปี นักเคลื่อนไหวทางสังคม และอดีตผู้ประสานงานกลุ่มประกายไฟการละคร จำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานมาตรา 112
คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 24 ต.ค.2557 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2556 จำเลยกับพวกร่วมกันแสดงละครเวทีเรื่อง"เจ้าสาวหมาป่า" ในงานรำลึก 40 ปี 14 ตุลาฯ ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งมีบทละครที่มีข้อความเป็นการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ฯ จับกุมได้เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2557 ทั้งสองรับสารภาพ
เมื่อถึงเวลานัดเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวจำเลยทั้งสองมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและทัณฑสถานหญิงกลางบางเขน มีญาติและเพื่อนๆ มาให้กำลังใจจำนวนมากจนล้นห้องพิจารณาคดี
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112 ประกอบมาตรา 83 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 5 ปี แต่จำเลยทั้งสองรับสารภาพมีเหตุให้บรรเทาโทษ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน แม้จำเลยจะไม่เคยกระทำผิดมาก่อนแต่พฤติการณ์ที่แสดงละครดังกล่าว เป็นการแสดงละครดูหมิ่นจาบจ้วงต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก มีการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ ทำให้เสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพของปวงชนชาวไทย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ร้ายแรงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ จึงไม่มีเหตุให้รอลงอาญา
ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ ญาติจำเลยต่างร้องไห้และเข้าสวมกอด ขณะที่เพื่อนๆ เข้ามาจับมือและสวมกอดให้กำลังใจแก่จำเลยทั้งสอง ขณะที่จำเลยทั้งสองไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด โดยน้อมยอมรับคำพิพากษา นายปติวัฒน์ เปิดเผยสั้นๆ ว่า "ไม่ขออุทธรณ์คดีต่อ"
น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยว่าเบื้องต้นคาดว่าจะไม่มีการยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากเป็นความต้องการของจำเลยทั้งสองเอง โทษจำคุก 5 ปี ลดเหลือ 2 ปี 6 เดือน อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่คาดการณ์ไว้จึงค่อนข้างพอใจในคำพิพากษา จากนี้ต้องรอดูว่าอัยการจะยื่นอุทธรณ์ให้เพิ่มโทษหรือไม่ ส่วนการยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษจำเลยต้องถูกจำคุกระยะหนึ่งก่อนจึงจะยื่นเรื่องขอได้ ขณะนี้ทั้งสองคนถูกจำคุกมาแล้วประมาณ 7 เดือน ก่อนหน้านี้ได้ยื่นประกันมาแล้ว 5 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาต
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวจำเลยทั้งสองขึ้นรถกลับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและทัณฑสถานหญิงกลาง กลุ่มเพื่อนๆ ได้ยืนเข้าแถวร้องเพลงให้กำลังใจด้วย
"บิ๊กป้อม"บินเขมรถกเขตแดน
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 23 ก.พ. ที่กองบิน 6 ท่าอากาศยานทหาร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. ได้เดินทางไปประเทศกัมพูชา โดยงดให้ข้อมูลการเดินทางครั้งนี้ต่อสื่อมวลชนและไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปบริเวณท่าอากาศยานทหารแต่อย่างใด
มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้ง พล.อ.ประวิตรเป็นประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ทำหน้าที่แทนนายบัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดนและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. และมอบให้ พล.อ.ประวิตรดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน และพูดคุยเพื่อหาข้อยุติในเรื่องเขตแดนที่ยังเป็นปัญหาหลายจุด หลังจากชะลอการหารือมานานจากปัญหากรณีเขาพระวิหาร โดยการไปกัมพูชาครั้งนี้เพื่อพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ เตรียมการประชุมเจบีซี ที่กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพในเร็วๆ นี้ และมีเป้าหมายสนับสนุนการเปิดเขตเศรษฐกิจตามแนวชายแดนตามนโยบายรัฐบาลไทยให้เดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กรณีพล.อ.ประวิตรพร้อมด้วยพล.อ.อุดมเดช เดินทางไปประเทศกัมพูชาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ไปหารือเรื่องการเปิดด่านชายแดน การค้าขายด้านเศรษฐกิจ ก็อาจคุยเรื่องนี้เรื่องโน้นบ้าง
"ทำไมคุยกันไม่ได้ หรือยังไงแล้วคิดว่าจะไปคุยอะไรกัน ผลประโยชน์เรื่องเขาพระวิหาร จะรบกันให้ได้ใช่หรือไม่ ในเมื่อเรื่องมันเงียบไปแล้วก็ให้มันเงียบไป จะไปยุ่งอะไรกับ มันนัก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว