- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 08 June 2014 21:04
- Hits: 6036
วันที่ 08 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8593 ข่าวสดรายวัน
ปรับตำราเรียนเน้น รักชาติ! สพฐ.ขานรับคสช. ส่ง 42 กองร้อยคุมเข้ม 5 จุดกทม. ตรึงบีทีเอสสกัดม็อบชู 3นิ้ววันนี้ บก.ลายจุดเจอ 2 ข้อหาแบบอ๋อย ล็อก'อจ.นิติราษฎร์'คาสนามบิน
 คืนสุข - กองทัพบกจัดเวทีคืนความสุขให้ประชาชนชาวหนองจอก ที่สวนสาธารณะหนองจอก โดยมีการแสดงดนตรี มายากล มอบถุงยังชีพ และบริการด้านสาธารณสุข นอกจากนี้ยังมีพริตตี้สาวร่วมสร้างสีสันด้วย เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. |
สพฐ.ชงปรับหลักสูตรตามนโยบาย คสช. เน้นให้เด็กรู้จักสามัคคี ปลูกฝังรักชาติ พร้อมสั่งทุกสถานศึกษาห้ามครู นักเรียน ผู้ปกครอง ร่วมชุมนุมหรือโพสต์ต้านยึดอำนาจ จัดตร.-ทหาร 42 กองร้อยคุมเข้ม 5 จุดกทม.สกัดม็อบชู 3 นิ้ว วางกำลัง 8 นายประจำตู้รถไฟฟ้าบีทีเอสทุกเที่ยว เผย'บ.ก.ลายจุด'จ่อ 2 ข้อหา ฝ่าฝืนประกาศ คสช.-ยุยงปลุกปั่นผิดมาตรา 116 ขู่ตัวแทนโพสต์นัดชุมนุมอาจเจอข้อหาเดียวกัน 'บิ๊กตู่'เชิญทูตไทยจาก 22 ประเทศหารือ 11 เม.ย.นี้ ชี้ต่างประเทศเริ่มเข้าใจสถานการณ์ไทยดีขึ้น ไม่ออกแถลงการณ์กดดันยกเว้นนิวซีแลนด์ สั่งระงับออกอากาศวิทยุชุมชน 40 สถานี ปิดเว็บไปแล้ว 553 ยูอาร์แอล ตม.รวบ"สาวตรี สุขศรี" อาจารย์นิติราษฎร์หลังกลับจากดูงานสหรัฐ เหตุไม่ไปรายงานตัว
'บิ๊กตู่'ติดตามสถานการณ์รายวัน
วันที่ 7 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้ามาทำงานและติดตามสถานการณ์ประจำวันตามปกติ ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน แต่ไม่มีการประชุม คสช.ชุดใหญ่ โดยกองทัพบกได้จัดคณะทำงานเป็นชุดเวรไว้เพื่อประเมินสถานการณ์ประจำวัน รวมถึงการดำเนินงานในด้านต่างๆ ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร ห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและสื่อมวลชนเข้าไปภายในบก.ทบ.อย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งนำสุนัขทหารเดินตรวจความเรียบร้อยโดยรอบบก.ทบ.ด้วย
ยันม็อบต้านยึดอำนาจลดลง
ที่บก.ทบ. พ.อ.ธนเดช เหลืองทองคำ รองเจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวันของคสช. ว่า ฝ่ายข่าวรายงานถึงการตรวจพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนในพื้นที่ต่างๆ อาทิ ชลบุรี ปราจีนบุรี และสิงห์บุรี พร้อมประเมินว่าขณะนี้กระแสต่อต้านการยึดอำนาจนั้นลดระดับลงอยู่ในวงจำกัด และยังไม่พบกระแสต่อต้านการดำเนินการตามแนวทางปรองดองและสมานฉันท์ ขณะที่รัฐบาลและสื่อต่างประเทศส่วนใหญ่เริ่มเข้าใจสถานการณ์ในไทยมากขึ้น ไม่มีการออกแถลงการณ์มากดดันไทย ยกเว้นนิวซีแลนด์
พ.อ.ธนเดช กล่าวว่า ฝ่ายยุทธการรายงานถึงการปฏิบัติงานของคสช. เรื่องการออกประกาศฉบับที่ 54 ยกเลิกการออกนอกเคหสถานในพื้นที่อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี อำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.กระบี่ และจ.พังงา รวมถึงการออกคำสั่งให้บุคคลรายงานตัวเพิ่มเติม 12 ราย ส่วนฝ่ายกิจการพลเรือน รายงานการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในทุกพื้นที่ว่ายังคงจัดชุดปฏิบัติการมวลชนอยู่ 148 ชุดใน 77 จังหวัด เพื่อสร้างความเข้าใจและร่วมกับส่วนราชการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ อาทิ การจัดแสดงดนตรีสด ให้บริการทางการแพทย์ เป็นต้น
ฟุ้งยอดกดไลก์คสช. 3.2 แสนครั้ง
พ.อ.ธนเดช กล่าวว่า ศูนย์ประชาสัมพันธ์ รายงานสรุปเรื่องร้องเรียนว่ามี 208 เรื่อง ทั้งการแจ้งเบาะแสยาเสพติด การพนัน ปัญหาแรงงานต่างด้าว การให้ปฏิรูปพลังงานเพื่อลดราคาน้ำมันและก๊าซ รวมถึงกรณีมีบุคคลแต่งกายคล้ายทหารบุกยึดทรัพย์สินในบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน ส่วนคณะทำงานปฏิบัติการข่าวสาร รายงานว่าได้ตรวจสอบพบการออกอากาศของวิทยุชุมชนละเมิดคำสั่งของ คสช.จำนวน 40 สถานีซึ่งได้ระงับการออกอากาศเป็นที่เรียบร้อย คณะทำงานติดตามสื่อแจ้งถึงการปิดเว็บไซต์ที่ฝ่าฝืนประกาศ คสช.ว่าตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ถึงปัจจุบัน ได้ปิดไปแล้ว 553 URL ขณะที่เฟซบุ๊กของ คสช.มียอดกดไลก์ 323,888 ครั้ง
วอนคนเห็นต่างอย่าร่วมชุมนุม
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า บรรยากาศทั่วไปขณะนี้ ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจและให้ความร่วมมือกับ คสช. ทำให้การพัฒนาในเรื่องต่างๆ สามารถเดินหน้าไปด้วยดี จึงอยากขอให้บางคนที่ยังไม่เข้าใจ ได้พิจารณาทบทวนโดยอาศัยหลักเหตุผลนำไปสู่การให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และไม่เข้าร่วมการชุมนุมต่างๆ เพื่อสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง ทั้งนี้ คสช.ได้แสดงความตั้งใจในการคลี่คลายปัญหาและชี้แจงประชาชนอย่างต่อเนื่องในแนวทางการบริหารอย่างโปร่งใส ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม จึงขอให้ผู้ที่กังวลในสถานการณ์บ้านเมืองได้เฝ้าติดตามการทำงานและให้เวลาคสช. เร่งแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศ หรืออาจใช้ช่องทางที่เหมาะสมเสนอแนะความคิด เพื่อนำไปสู่กระบวนการแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า คสช.มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงนี้ ดังนั้น หากพบการดำเนินการใดเข้าข่ายละเมิดประกาศของคสช. ทางคสช.จะถือว่ามีความผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ชี้สัญญาณปรองดองเริ่มดีขึ้น
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ส่วนการจัดกิจกรรมปรองดองนั้น พื้นที่อีสานและภาคเหนือไม่มีข้อขัดข้องแล้ว อีกทั้งยังมีกิจกรรมมากกว่าส่วนกลางด้วยซํ้า แต่อาจมีการนำเสนอที่ไม่ทั่วถึง กิจกรรมนี้เป็นเพียงเริ่มต้น เตรียมความพร้อมของคนตั้งแต่ในระดับพื้นที่ ซึ่งมีหลายแบบไม่ว่าจะชมภาพยนตร์ร่วมกัน หรือทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ให้มีแนวคิดเป็นบวกมากขึ้น แต่วิธีการที่จะใช้ในแต่ละพื้นที่อาจต่างกัน ซึ่งสัญญาณขณะนี้เป็นสัญญาณที่ดี เช่น อุดรธานี ขอนแก่น ลำปาง ทุกคนเริ่มยิ้มเข้าหากัน และจะเข้าสู่ระดับ 2 ตั้งสภาปฏิรูป ตั้งสภานิติบัญญัติ
รองโฆษก คสช. กล่าวถึงนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำนปช. เตรียมตั้งกลุ่มต่อต้านนอกประเทศว่า พยายามจะทำความเข้าใจ โดยใช้ช่องทางสถานทูตในแต่ละประเทศเพื่อชี้แจง ส่วนกลุ่มต่อต้านในประเทศก็มี คสช.ต้องบอกเจตนารมณ์ของเราให้ชัดเจน และกำลังเร่งทำความเข้าใจกับกลุ่มคนต่างๆ และยืนยันว่าจะดำเนินการทำทุกอย่างอย่างเต็มที่
โวยฮิวแมนไรต์วอตช์วิจารณ์ศาลทหาร
พ.อ.วินธัย กล่าวชี้แจงกรณีนายแบร็ด อดัมส์ ผอ.องค์กรสิทธิมนุษยชนภาคพื้นเอเชีย ของฮิวแมนไรต์วอตช์ ระบุการจับกุมตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบ.ก.ลายจุด เป็นการปฏิเสธถึงสิทธิพื้นฐานในการแสดงออกและชุมนุม หลังจากนี้จะได้เห็นระบบยุติธรรมจอมปลอมในการใช้ศาลทหารว่า คสช.ไม่ปรารถนาให้แสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลโดยใช้ทัศนคติส่วนตัวหรือมองผลด้านเดียวตามธงที่อยู่ในใจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือขององค์กรและสร้างความสับสนให้สังคม ที่เห็นชัดคือให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิบางอย่างกับบางบุคคลเท่านั้น ไม่ได้มองบริบทที่เกิดขึ้นจริงของสังคมขณะนี้ เพราะคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยเข้าใจเหตุผลความจำเป็นที่คสช.ต้องเข้ามาบริหารราชการ และดูแลสถานการณ์ของประเทศในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อปลดล็อกปัญหาต่างๆ
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า คนที่เห็นตรงกับคสช.นั้นส่วนใหญ่ต้องการความสงบเรียบร้อย อีกทั้งสถานการณ์ขณะนี้ไม่ปกติ การแสดงออกจึงจำเป็นต้องมีข้อจำกัดให้เป็นไปตามกฎหมาย หรือเน้นเชิงสร้างสรรค์และไม่ขัดต่อแนวทางรักษาความสงบ เพราะที่ผ่านมาการให้ความเห็นบางอย่างทำให้เกิดปัญหาตามมามาก ยืนยันว่าคสช.บริหารสถานการณ์ต่างๆ ตามความจำเป็น และเป็นที่ประจักษ์ว่าประชาชนที่ไม่มีเจตนากระทำผิดกฎหมาย จะไม่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการที่คสช.กำหนด นอกจากนี้อาจไม่เหมาะสมที่กล่าวพาดพึงถึงกระบวนการยุติธรรมของศาลทหาร โดยใช้ความรู้สึก
"ยืนยันว่า การพิจารณาคดีความของศาลทหารเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่แตกต่างจากมาตรฐานของศาลทั่วไป อาจมีเพียงเรื่องเวลาที่ทำรวดเร็วกว่า ทั้งนี้ การพิจารณาคดีต่างๆ ในช่วงประกาศกฎอัยการศึกนั้น กฎหมายกำหนดให้พิจารณาคดีด้วยศาลชั้นเดียวเท่านั้น" พ.อ.วินธัยกล่าว
เผย'สมบัติ'โดนข้อหาเดียวกับ'อ๋อย'
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.ศ. รักษาการแทน รอง ผบช.น. กล่าวถึงการดำเนินคดีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด ที่ถูกทหารควบคุมตัวว่า เจ้าหน้าที่ทหารจะควบคุมตัวนายสมบัติไว้ไม่เกิน 7 วัน ตามกฎหมายพิเศษ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ทหารจะส่งตัวมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามความผิดทางอาญา เรื่องแรกขัดคำสั่งไม่เข้ารายงานตัว ข้อหาเดียวกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ นอกจากนี้ยังมีความผิดเป็นคนชักชวนกระทำการด้วยใดๆ ให้ปรากฏแก่ประชาชน ไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือวิธีการใดๆ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายของแผ่นดิน ตามกฎมายอาญามาตรา 116 อนุ 3 มีโทษจำคุก 7 ปี
 วิทยานิพนธ์ - คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นำเสนอวิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในงานเสวนาเรื่อง "ก้าวข้ามความขัดแย้ง" ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. |
ตร.ฮึ่มตัวแทนโพสต์นัดชุมนุม
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า อีกกรณียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในส่วนของผู้ให้ที่พักพิง ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าผู้ให้ที่พักพิงมีเจตนาตรงนี้หรือไม่ ถ้ามีก็จะถูกดำเนินคดีด้วย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา โทษจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท ทั้งนี้ ตนจะประชุมร่วมกับฝ่ายทหารเพื่อเตรียมความพร้อมเพราะคำว่าควบคุมไว้ 7 วัน อาจจะนำตัวออกมาก่อนก็ได้ จึงต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับช่วงต่อดำเนินการได้เลย ต้องรอว่าทหารจะส่งตัวมาเมื่อใด ส่งมาแล้วใครจะกล่าวหาหรือกล่าวหาอย่างไร "ทั้งนี้ ฝากไปยังผู้ที่ออกมาเป็นตัวแทน ขณะนี้มี ผู้พันสู้หรือถอยก็ไม่ทราบออกมาโพสต์ข้อความนัดหมาย ลักษณะเหมือนจะออกมาเป็นตัวแทน ขอบอกให้ทราบว่าท่านจะได้รับสิ่งเหล่านี้ด้วย"
เชียงใหม่เข้ม-ห้ามชู 3 นิ้ว
พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบช.ภาค 5 รักษาการ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ มีคำสั่งด่วนที่สุด ถึงผกก. และหัวหน้าสภ. ทุกแห่งในสังกัด ระบุว่า ด้วยมีสถานการณ์ด้านการข่าวความเคลื่อนไหวมวลชนในพื้นที่ ผ่านระบบโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กว่าจะมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านการรัฐประหาร ด้วยการชู 3 นิ้ว ซึ่งนัดดำเนินการในรูปแบบจรยุทธ์ ถ่ายภาพการแสดงสัญลักษณ์ในสถานที่สำคัญของพื้นที่ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ จึงให้สภ.ทุกแห่งในสังกัด ทำแผนปฏิบัติการดูแล หามาตรการป้องกันกลุ่มบุคคลที่อาจมาแสดงเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ เช่น หน้าสภ. สถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญ หรือห้างสรรพสินค้า หากพบการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ให้เข้าควบคุมตัว พร้อมประสานฝ่ายทหารมารับตัว เพื่อให้ฝ่ายทหารจัดอบรมปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อไป แล้วรายงานเหตุให้ ภ.จว.เชียงใหม่ ผ่านงาน ปอ. เพื่อรายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบในทันที
สพฐ.สั่งสถานศึกษาห้ามจัดม็อบ
นายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวว่า นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการ กพฐ. ทำหนังสือด่วนที่สุดที่ศธ.04277/125 ลงวันที่ 2 มิ.ย. ถึงผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทุกเขตทั่วประเทศ ถึงแนวปฏิบัติของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยเนื้อหาระบุว่า สพฐ.ได้จัดทำแนวปฏิบัติภายใต้การบริหารราชการของคสช. ให้สำนักงานเขตพื้นที่ฯทุกเขตถือปฏิบัติตาม พร้อมแจ้งสถานศึกษาทราบและถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยแนวปฏิบัติมี 11 ข้อ อาทิ ให้กำกับดูแลข้าราชการ บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน ผู้ปกครอง องค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานศึกษาให้เข้าใจการปฏิบัติงานของคสช. ห้ามร่วมชุมนุมทางการเมือง ห้ามเผยแพร่หรือนำเสนอข้อความปลุกระดม ห้ามใช้สถานที่จัดม็อบ หากจำเป็นต้องจัดประชุมสัมมนาขอให้ทำเท่าที่จำเป็น ระมัดระวังไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง
ปรับหลักสูตรปลูกฝังรักชาติ
นายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการกพฐ. กล่าวว่า จากการหารือกับพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. ในฐานะรองหัวหน้าคสช. และหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช. นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติราชการแทนรมว.ศึกษาธิการ และผู้บริหารองค์กรหลัก กระทรวง ได้จัดทำแผนงานและโครงการที่จะต้องเร่งดำเนินการปี 2557 โดยจะปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ วิชาหน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ตามนโยบายของคสช. เน้นให้เด็กรู้จักความสามัคคีและปลูกฝังให้รักชาติ เนื่องจากมีปัญหาขัดแย้งมานาน
นายกมล กล่าวว่า สพฐ.จะตั้งคณะกรรมการพัฒนาวิชาประวัติศาสตร์ ศีลธรรม หน้าที่พลเมือง โดยมีนายวินัย รอดจ่าย ประธานกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา สพฐ. เป็นประธาน เพื่อพิจารณาการแยก 2 วิชานี้ออกมาจากหมวดสังคมศึกษาให้ชัดเจนขึ้น และวันที่ 13 มิ.ย.นี้ จะประชุมคณะกรรมการ เพื่อหารือใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.กำหนดวิชาเฉพาะ 2.นำตำราเรียนในอดีตมาไว้รวมกัน 3.เขียนคู่มือการจัดการเรียนการสอน อย่างไรก็ตาม หลักสูตรดังกล่าวอยู่ในวิชาสังคมศึกษา วัฒนธรรม อยู่แล้ว เพียงแต่สพฐ.เสนอแนวคิดนี้ไปยังคสช.และคสช.ก็เห็นว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ภายในประเทศที่มีความขัดแย้งในสังคม จึงต้องปรับปรุงหลักสูตรดังกล่าว
ตม.รวบตัว'สาวตรี'ส่งคสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. น.ส.สาวตรี สุขศรี อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาจารย์กลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งถูก คสช.เรียกไปรายงานตัว ได้เดินทางกลับจากต่างประเทศแล้วหลังจากได้รับการเชิญจากสถานทูตสหรัฐอเมริกาให้เดินทางไปดูงาน 2 สัปดาห์ แต่ถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ควบคุมตัวไว้
คนใกล้ชิดน.ส.สาวตรี เผยว่า เมื่อเวลา 15.00 น. ทราบว่าน.ส.สาวตรี ถูกควบคุมตัวที่กองพันทหารสารวัตรทหารอากาศ (สห.ทอ.) ตามคำสั่งของ คสช. โดยอยู่ระหว่างประสานให้ คสช.มารับตัว
ก่อนหน้านี้ น.ส.สาวตรีและคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แจ้งคสช.ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า น.ส.สาวตรีจะไปรายงานตัวกับคสช. ในวันที่ 9 มิ.ย. เนื่องจากติดภารกิจดูงานต่างประเทศ ตามคำเชิญของสถานทูตสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 2 สัปดาห์
อดีตผู้ต้องหาค้ายาเข้ารายงานตัว
เมื่อเวลา 09.20 น. ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ตามที่ คสช.มีคำสั่งที่ 50/2557 ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติมจำนวน 12 คน ในเวลา 10.00-12.00 น. ที่สโมสรทหารบก เทเวศร์นั้น มีผู้มารายงานตัวก่อนเวลาที่กำหนด 2 คน คือ นายวิจารณ์ แสนลี่ ลูกชายนายเล่าต๋า แสนลี่ อดีตผู้ต้องหาคดียาเสพติด และนายหรั่ง ธุระพล นายกอบต.เชียงหวัง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ที่เคยถูกออกหมายจับคดียาเสพติด จากนั้นเวลา 10.00 น. มีบุคคลทยอยเข้ารายงานตัวอย่างต่อเนื่อง นายเจ๊ะอาแว สะมารอเม๊าะ ต้องสงสัยว่าเป็นนักค้ายาเสพติดทางภาคใต้ นายประสิทธิ์ ดวงเพ็ชร และนายมนตรี พฤกษาพันธ์ทวี อดีตผู้ต้องหาคดียาเสพติด
เวลา 11.45 น. นางเจนจิรา พูลสวัสดิ์ พี่สาวของภรรยาของพ.ต.ท.อุทัย บทมาตย์ อ้างว่า พ.ต.ท.อุทัยทะเลาะกับภรรยาแล้วหนีออกจากบ้านจึงไม่สามารถมารายงานตัวได้ ขณะที่นายจำเริญ ชีวินเฉลิมโชติ เจ้าของชาอู่หลง แม่สะลอง ให้นายนนทชัย ชีวินเฉลิมโชติ บุตรชาย มารายงานตัวแทน เนื่องจากนายจำเริญทำธุรกิจที่ต่างประเทศไม่สามารถกลับมารายงานตัวได้ทันใน วันนี้
ไร้เงา'ป.เป็ด-พ่อค้ายา 3 จว.ใต้'
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มีบุคคลเข้ารายงานตัว 7 คน ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้มารายงานตัว 5 คน ประกอบด้วย 1.นายทนง ศิริปรีชาพงษ์ หรือ ป.เป็ด อดีตผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ 2.นายอุสมาน สะแลแมง นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3.นายฉกาจ คหบดีรัตน์ 4.นายวสุพล จตุรคเชนทร์เดชา สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย และ 5.น.ส.นุชนาท สุวรรณนคร รองประธานสภา อบจ.อุดรธานี
ส่วนบรรยากาศภายในหอประชุมกองทัพบก เจ้าหน้าที่ทหารทั้งสารวัตรทหาร และทหารหน่วยปฏิบัติการ มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ห้ามบุคคลและรถที่ไม่เกี่ยวข้องเข้า-ออกพื้นที่เด็ดขาด
ปล่อยตัวแกนนำแดงเชียงใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง รักเชียงใหม่ 51 โพสต์แจ้งผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เช้าวันที่ 7 มิ.ย.ที่พิษณุโลก เพิ่งได้รับอิสรภาพ หลังสิ้นไปนาน การเมืองวันนี้คงต้องคอยดูการทำงานของคสช.ว่าจะทำได้อย่างตามที่แผนโรดแม็ปหรือไม่ แต่งานช่วยเหลือชุมชนที่มีปัญหายังต้องเดินหน้าทำงานต่อไป ถึงแม้จะขาดซึ่งอำนาจในการบริหารจัดการเพราะพี่น้องทั่วประเทศที่รอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในข้อกฎหมายและอื่นๆ อีกหลายพันชุมชน
ทบ.จัดงานคืนความสุขหนองจอก
เวลา 17.00 น. ที่สวนสาธารณะหนองจอก พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้บัญชา การกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) เป็นประธานจัดงานคสช.คืนความสุขให้ประชาชนเขตหนองจอก มีกิจกรรมเพื่อสร้างความสุข ได้แก่ การเทิดทูนสถาบันด้วยการแสดงบนเวทีและวาดภาพ มอบถุงยังชีพ ตัดผม เสริมสวย นวดแผนโบราณ การบริการทางการแพทย์จากฝ่ายทหารและสาธารณสุขในพื้นที่ การแสดงดนตรี และมายากล โดยมีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมเกือบ 2,000 คน
พ.ท.ศตวรรษ อินทร์กง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 2 รอ. กล่าวว่า ทหารจะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง ผู้บังคับบัญชา ร่วมกับเขตหนองจอก ตำรวจ ภาครัฐและเอกชนเพื่อให้ประชาชนคลายความวิตกกังวลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร
'บิ๊กตู่'เชิญทูตไทย 22 ปท.ชี้แจง
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางมาร่วมประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในหลายกรอบการประชุม ที่นครย่างกุ้ง ประเทศพม่า กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้นอกจากเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนแล้วยังมีผู้แทนจากประเทศคู่เจรจาอีกมาก ทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปหรืออียู ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย เชื่อว่าจะมีการหยิบยกประเด็นของไทยขึ้นมาพูดคุย ซึ่งตนพร้อมชี้แจงเพื่อให้ประเทศต่างๆ เข้าใจดียิ่งขึ้น จากท่าทีประเทศตะวันตกส่วนใหญ่คาดหวังว่าไทยจะกลับสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว อยากเห็นแผนการและกรอบเวลาที่ชัดเจนซึ่งได้ประกาศโรดแม็ป 3 ขั้นแล้ว คือ การสร้างความปรองดอง การปฏิรูปประเทศ และการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงได้เชิญเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยจาก 22 ประเทศทั่วโลกที่แสดงท่าทีเป็นห่วงสถานการณ์ในไทย อาทิ สหรัฐ อียู ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศที่มีความสำคัญแต่ไม่แสดงท่าที อาทิ ญี่ปุ่น ให้กลับมาประชุมร่วมกันที่ประเทศไทยระหว่างวันที่ 10-11 มิ.ย.นี้ เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นภายในกระทรวง จะได้เข้าใจทุกประเด็น ก่อนเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. และพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. และรองหัวหน้าคสช. ในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ เนื่องจากอยากรับฟังความเห็นจากเอกอัครราชทูตด้วย
บัวแก้ววอน'กีวี'เข้าใจไทย
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้หารือกับนายหลิว เจิ้น หมิน รมช.ต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีน และนางสเตฟานี ลี หัวหน้าคณะผู้แทนนิวซีแลนด์ ซึ่งจีนถือว่าเป็นเรื่องภายในของไทยและเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมคาดหวังว่าไทยจะกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วและจีนพร้อมสนับสนุนไทยหากมีการหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับไทยมาพูดคุยในเวทีต่างๆ
ส่วนนิวซีแลนด์นั้น นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ได้ชี้แจงให้ทราบถึงพัฒนาการล่าสุดของไทยและแจ้งว่าไทยรับทราบความห่วงกังวลของนิวซีแลนด์ และทราบว่านิวซีแลนด์ใช้ประชาธิปไตยเป็นหลักในการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ แต่ขออย่าให้ใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับทุกประเทศ เพราะแต่ละประเทศมีปัญหาและสภาพสังคมต่างกัน ขอให้คำนึงถึงข้อเท็จจริงและสถานการณ์ในไทยด้วย
"ขณะนี้ เป็นเวลาที่มิตรประเทศควรมองไปข้างหน้า นิวซีแลนด์ควรสนับสนุนและอยู่เคียงข้างไทยระหว่างที่เรากำลังแก้ไขปัญหาต่างๆ แม้ที่ผ่านมาไทยจะเป็นประชาธิปไตยจริง แต่ก็เป็นประชาธิปไตยที่ไม่มีเสถียรภาพและไม่อาจขับเคลื่อนประเทศได้ ขณะนี้เป็นโอกาสของไทยที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้ประชาธิปไตย เพื่อนำพาประเทศให้กลับเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์และยั่งยืน"นายสีหศักดิ์กล่าว
ส่งทูตเคลียร์ฮิวแมนไรต์วอตช์
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงการเคลื่อนไหวเพื่อจัดตั้งองค์กรต่อต้านการรัฐประหารของนายจักรภพ เพ็ญแข ว่า นายดำรง ใคร่ครวญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ได้หารือกับนางยู ออย เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าวแล้ว โดยเอกอัครราชทูตกัมพูชาได้ยืนยันชัดเจนว่าไม่สนับสนุนให้ใครใช้กัมพูชาเป็นฐานเคลื่อนไหวทางการเมืองในลักษณะแทรกแซงกิจการภายในของมิตรประเทศ
นายเสข กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงได้จัดทำแนวทางชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับภาคประชาสังคมของต่างประเทศ หลังจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนชั้นนำ อาทิ ฮิวแมนไรต์วอตช์ สนใจและติดตามสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิด โดยมอบให้นายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ชี้แจงทำความเข้าใจที่สำนักงานใหญ่ของฮิวแมนไรต์วอตช์ในนครนิวยอร์กแล้ว
"ในสัปดาห์หน้าปลัดกระทรวงการต่างประเทศจะไปร่วมประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ จะชี้แจงให้ชาติสมาชิกเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดในไทย รวมถึงเหตุผลและความจำเป็นที่กองทัพต้องเข้ามาคุมอำนาจบริหารประเทศด้วย" นายเสขกล่าว
'วิษณุ'เร่งสางกฎหมายแก้งานสะดุด
ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช.ด้านกฎหมาย ให้สัมภาษณ์ว่า คณะที่ปรึกษา คสช.มีมากกว่าที่เผยแพร่ไปแล้ว และไม่ได้มีภารกิจกำกับไว้ว่าคนใดดูแลฝ่ายใด เชื่อว่าคาดเดากันเองว่าใครเชี่ยวชาญด้านใดคงดูด้านนั้น ตนเชี่ยวชาญด้านกฎหมายก็คิดว่าตนจะมาดูแลด้านกฎหมาย ขณะนี้ทีมที่ปรึกษา คสช.ได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมาก และนำเข้าหารือในที่ประชุม ไม่ว่าเรื่องเศรษฐกิจ พลังงาน ปัญหาผลกระทบจากเคอร์ฟิว เรื่องอุตสาหกรรม จากนั้นคณะที่ปรึกษาก็เสนอแนะขึ้นไป แล้วแต่ คสช.จะพิจารณา ซึ่งเป็นไปตามคำสั่ง และหาก คสช.คิดว่ามีเรื่องใดให้ทำเป็นการบ้านก็ให้ช่วยแก้ปัญหาและเสนอไป
"คสช.ให้ผมดูแลด้านกฎหมายและบอกให้ผมไปหาคนมาทำงาน ซึ่งผมหาได้แล้ว ทั้งนี้ ความจำเป็นที่ให้มาดูงานด้านกฎหมายเพราะหลังจากยุบสภามีกฎหมายที่ค้างอยู่ในสภากับวุฒิสภาจำนวนมากที่ต้องตกไป แต่หลายกระทรวงมองว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหาย และ คสช.จะจับใบดำใบแดงเพื่อหยิบฉบับใดฉบับหนึ่งขึ้นมาออกเป็นคำสั่ง คสช.คงไม่ได้ จึงส่งมาให้ที่ปรึกษาช่วยพิจารณาจัดลำดับประเภทของกฎหมาย ว่ามีเรื่องใดจำเป็นเร่งด่วน ต้องออกเป็นประกาศ คสช. หรือประเภทใดที่ต้องรอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือประเภทไหนที่ต้องรอให้มีสภาที่มาจากการเลือกตั้งมาพิจารณา"นายวิษณุกล่าว
ร่างธรรมนูญชั่วคราวยังไม่คืบหน้า
นายวิษณุ กล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญหรือธรรมนูญชั่วคราวว่า ยังไม่คืบหน้า หากจะทำในเวลานี้เชื่อว่าจะมีคนพิจารณาหลายคน ไม่ใช่ตนเพียงคนเดียว เป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราวมีไม่กี่มาตราเท่านั้น อย่างที่สื่อลงว่ามีถึง 30-50 มาตรา ตนก็ได้แต่ขำเพราะไม่ได้เป็นอย่างนั้น รวมถึงข่าวว่าสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือสนช. มีกี่คน ยืนยันว่ายังไม่มีการระบุถึงขนาดนั้น
นายวิษณุ กล่าวว่า การมีรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อใช้ตั้งสนช. นายกฯ และสภาปฏิรูป จากนั้นจะดำเนินการกันในเวลากี่เดือนก็แล้วแต่กำหนด แต่ขณะนี้ยังไม่ลงตัวว่าจะให้สภาปฏิรูปดำเนินการหรือจะให้ สนช.เป็นคนทำ ถ้ามีสภาปฏิรูปก็จะเป็นคนทำรัฐธรรมนูญฉบับถาวร จะยกร่างกันอย่างไรก็แล้วแต่ผู้รู้ทั้งหลาย เมื่อได้ฉบับถาวรแล้วจึงนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย เมื่อนั้นธรรมนูญฉบับชั่วคราวก็หมดไป และเมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรแล้วจะนำไปสู่การ เลือกตั้ง ดังนั้น อย่าคาดหมายอะไรจากรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพราะใช้เพียงชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหาให้เกิดสภาปฏิรูป ให้เกิดรัฐบาลชั่วคราวเท่านั้น จึงมีเพียงไม่กี่มาตรา หากจะเสนอให้แก้ไขเรื่องใดๆ คงเป็นในช่วงการทำรัฐธรรมนูญฉบับถาวรมากกว่า
'หน่อย'ชงตั้งสภาธรรมาธิปไตย
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานสถาบันสร้างอนาคตไทย กล่าวในการเสวนาวิชาการเรื่อง "ก้าวข้ามความขัดแย้งด้วยธรรม ด้วยหลักคุณธรรม 4 ประการ" โดยนำเสนอวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกตามหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตอนหนึ่งว่า วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาถึงความขัดแย้งการเมือง 9 ปีที่ผ่านมาเป็นความขัดแย้งของ 2 ฝ่าย หากทำให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยกันหรือสร้างกระบวนการที่เห็นต่างให้เป็นผู้ร่วม พัฒนาประชาธิปไตยไทย โดยสงวนจุดต่างและเอาจุดร่วมมาพูดคุยกันแล้วให้เกิดมีสภาประชาชนที่จะให้ฟังความคิดเห็นต่าง 2 ฝ่ายมาหลอมให้เป็น 'สภาธรรมาธิปไตย' เอาธรรมะเป็นตัวตั้ง ให้ผู้เห็นต่างคิดร่วมกัน น่าจะเป็นหนทางสมานฉันท์ได้
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า จึงขอเสนอแนวทางดังกล่าวเป็นโรดแม็ป แก้ปัญหาความขัดแย้ง เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง และสภาธรรมาธิปไตย ต้องอยู่ต่อเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ต่อไปในอนาคต โดยมีองค์กรไม่แสวงหาประโยขน์เข้ามาดูแล
จี้กต.-อสส.ล่าตัว'จักรภพ-ตั้ง-โกตี๋'
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชา ธิปัตย์ กล่าวถึงนายจักรภพ เพ็ญแข ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเปิดตัวองค์กรต่อต้านรัฐประหารว่า ขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานอัยการสูงสุดเร่งส่งคำขอจับกุมตัวชั่วคราวผู้ที่มีคดีความอาญาและคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เช่น นายจักรภพ นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ไปยังกัมพูชา เพื่อยืนยันว่ากัมพูชาจะร่วมมือกับไทยในการควบคุมตัว หากบุคคลเหล่านี้เดินทางมากัมพูชาอีกเพราะมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ซึ่งการส่งหนังสือดังกล่าวเพื่อดักทางไม่ให้ใช้คนเหล่านี้ใช้ประเทศเพื่อนบ้านเคลื่อนไหว เพราะอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้
ปชป.โต้ข่าวส.ส.ย้ายซบ'เทือก'
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคหารือกันว่าขณะนี้ยังมี กกต.อยู่ จึงถือว่ายังคงมีพรรคการเมืองอยู่ แต่พรรคประชาธิปัตย์จะหยุดเคลื่อนไหวตามคำขอของ คสช. แต่ยังทำหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ยืนยันว่าไม่ขัดกับกติกาที่คสช.ขอร้องไว้
ส่วนที่มีข่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีปัญหาแตกแยก มีอดีตส.ส.ส่วนหนึ่งจะย้ายไปอยู่กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.นั้น น.ส.มัลลิกากล่าวว่า ไม่มี นายสุเทพประกาศแล้วว่าเมื่อเสร็จภารกิจต่อสู้กับระบอบทักษิณ จะกลับไปอยู่บ้านเป็นกำนันให้คำปรึกษาแก่ประชาชน ที่ผ่านมา นายสุเทพก็ชัดเจนมาตลอดว่าดำเนินการทุกอย่างเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรค ขณะที่คณะกรรมการบริหารพรรคทุกคนยังสามัคคีกันอยู่ ประสานงานทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยดี ทั้งนี้ พรรคคงต้องรอดูกติกาใหม่ที่จะออกมาหลังจากหัวหน้าคสช. ประกาศจะให้มีรัฐบาลใน 3 เดือนและจะเริ่มโรดแม็ปการปฏิรูป
'เฉลิมชัย'ยันไม่ทิ้งปชป.
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ เผยว่า ขณะนี้ได้หยุดภารกิจการเมืองไว้ชั่วคราวเพื่อพักผ่อน และแจ้งให้หัวหน้าพรรคทราบก่อนที่คสช.จะยึดอำนาจ ยืนยันว่าตนและอดีตส.ส.ประจวบฯ จะไม่ย้ายพรรค ส่วนแนวทางการปฏิรูปพรรคนั้น เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค ตนจะไม่เข้าไปก้าวก่าย แม้ก่อนหน้านี้เคยมีแนวทางที่ชัดเจนในขณะที่ทำหน้าที่เลขาธิการพรรค
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ส่วนทิศทางการเมืองต้องติดตามดูการตั้งรัฐบาลชั่วคราวในอีก 3 เดือนข้างหน้า เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาหลายด้านในประเทศลดลง ส่วนการเลือกตั้งใหม่ในระยะต่อไป ขอเรียกร้องให้นักการเมืองทุกคนมีจิตสำนึกทำงานเพื่อประโยชน์ของชาติ ให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ซึ่งตนพร้อมร่วมปรองดองและสมานฉันท์กับทุกฝ่ายตามแนวนโยบายของคสช.ซึ่งตั้งใจเข้ามาแก้ปัญหาขัดแย้งทางการเมืองที่สะสมมาอย่างยาวนาน
ใช้ 42 กองร้อยคุมเข้ม 5 จุดกทม.
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 มิ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.ศ. ช่วยราชการ บช.น. และพ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน ผู้บังคับการกรมนักเรียนโรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้าจ.สระบุรี ในฐานะผบ.เหตุการณ์ ประชุมด้านความมั่นคงเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย กรณีมีผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารนัดชุมนุมในวันที่ 8 มิ.ย. โดยใช้เวลาหารือ 1 ชั่วโมงครึ่ง
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า กำหนดจุดเฝ้าระวังไว้ 5 จุดคือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สยามพารากอน สนามบินสุวรรณภูมิ แมคโดนัลด์ราชประสงค์ และวัดพระแก้ว ตลอดจนสถานที่อื่นๆ ซึ่งอาจมีการชุมนุมขึ้น โดยทหารจะเป็นผู้กำหนดวิธีการ เป้าหมาย ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ให้ตำรวจเป็นแนวหน้าบังคับใช้กฎหมายอาญาจากเบาไปหาหนัก หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุม ซึ่งจะสุ่มเสี่ยงต่อการปะทะและเกิดความสูญเสีย
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า มาตรการจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารประจำทุกสถานีรถไฟฟ้า และบนขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกขบวนในช่วงที่มีการชุมนุม เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมใช้เส้นทางต่างๆ รวมถึงขอความร่วมมือบีทีเอส โดยขอภาพถ่ายที่บันทึกไว้ทั้งบนสถานีและภายในรถไฟฟ้า มาเทียบกับภาพถ่ายที่เจ้าหน้าที่บันทึกไว้ เพื่อนำไปสู่การออกหมายจับภายหลัง นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับศูนย์การค้าทุกแห่งบนแนวเส้นทางเดินรถไฟฟ้า ทั้งนี้ จะใช้กำลังตำรวจ 15 กองร้อย ทหาร 27 กองร้อย รวม 42 กองร้อยปฏิบัติงานทั้งในและที่วางกำลังไว้เฝ้าระวัง และชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อระงับเหตุ พร้อมทั้งตั้งด่านนอกบริเวณเพื่อป้องกันไม่ให้มีการชุมนุม และหากมีการชุมนุมจะใช้วิธีตั้งด่านคัดกรองผู้ชุมนุมเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และป้องกันไม่ให้นำภาพที่ไม่เหมาะสมไปเผยแพร่ในสื่อต่างชาติ แต่จะไม่มีการปิดการจราจรเต็มรูปแบบ
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ส่วนการชู 3 นิ้วนั้น หัวหน้า คสช.ประกาศชัดเจนแล้วว่าการกระทำใดผิดกฎหมายบ้าง ส่วนการรับประทานแซนด์วิชต้านรัฐประหาร ตนคงห้ามไม่ได้เพราะไม่ได้ผิดกฎหมาย จึงขอฝากนักศึกษาให้รู้ว่าอะไรไม่เหมาะ ไม่ควร อย่ากระทำการให้ผิดข้อกฎหมายเพราะอาจเสียอนาคต "ขอให้ประชาชนที่มาชุมนุมเชิงสัญลักษณ์เพื่อต่อต้าน ไม่ว่าจะตั้งใจมา ถูกชักชวน ขอให้ไตร่ตรอง และทบทวนให้ดีว่าสิ่งที่ทำ มีชาวต่างชาติฉวยโอกาสนำภาพการกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่รัฐ ยืนยันว่าสื่อต่างชาติไม่เคยหวังดีกับชาติไทย และจ้องเอาภาพไปประจานที่ต่างประเทศ และขอฝากถึงสื่อคนไทยว่ามีเจตนาที่จะมาทำข่าวหรือเจตนาที่จะมาทำลายประเทศไทย"
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการกำหนดแผนดูแลรักษาพื้นที่ดังกล่าว ฝ่ายทหารเน้นให้เฝ้าระวังบริเวณรถไฟฟ้าตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าอารีย์ถึงสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อกับห้างสรรพสินค้าต่างๆ โดยวางกำลังไว้ก่อนชุมนุม 2 ชั่วโมงและหลังชุมนุม 2 ชั่วโมง พร้อมจัดกำลังทหารตำรวจขึ้นไปประจำในรถไฟฟ้า จำนวนรถไฟฟ้าบีทีเอสมีทั้งหมด 35 ขบวน ออกทุก 4 นาที ซึ่งรถไฟฟ้า 1 ขบวนมี 4 โบกี้ จะให้กำลังทหารตำรวจสนธิกำลังรวม 8 นาย ขึ้นไปประจำตรวจตรากลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร พร้อมให้ตำรวจแต่งกายชุดสีกากีสวมหมวกเบเล่ไม่พกอาวุธปืนเช่นเดียวกับทหาร ส่วนบริเวณจุดอื่นๆ จะตั้งด่านคัดกรองไม่ให้ผู้ชุมนุมอยู่ภายในจุดชุมนุมเด็ดขาด เพื่อทำความเข้าใจ ไม่ต้องการให้สื่อต่างชาติเข้าใจผิดว่าใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมต้านรัฐประหาร
ส่งทหาร-ตร.ขึ้นบีทีเอส สกัดชู 3 นิ้ว คุม 5 จุด-สุวรรณภูมิด้วยวินธัยอัดฮิวแมนไรต์ส ปัดละเมิดสิทธิลายจุด คุม'สาวตรี'นิติราษฎร์ คสช.ปลื้มยอดไลค์พุ่ง
 สุดเหวี่ยง - คสช.จัดกิจกรรมคืนความสุขให้คนไทยเพื่อสร้างความปรองดองในชาติ โดยมีการแสดงดนตรีของวงดุริยางค์กองทัพบกและการแสดงต่างๆ มากมาย ที่อาคารกิจกรรม ภายในสวนสาธารณะหนองจอก กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน
|
ตร.-ทหารใช้กำลังเจ้าหน้าที่รวมกว่า 40 กองร้อย เข้าควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความสงบ ไม่ยอมให้มีกิจกรรมชูสามนิ้วต่อต้านรัฐประหารในพื้นที่ 5 จุดหลักทั่วกรุง ตรวจเข้ม-คัดกรองบนรถไฟฟ้าบีทีเอส @ ลูก"เล่าต๋า"เข้าพบเจ้าหน้าที่ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 มิถุนายน ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกคำสั่งที่ 50/2557 เรียกบุคคลให้มาเข้ารายงานตัวเพิ่มเติม จำนวน 12 คน ประกอบด้วย 1.นายทนง ศิริปรีชาพงษ์ 2.นายอุสมาน สะแลแมง 3.นายวิจารณ์ แสนลี่ 4.นายจำเริญ ชีวินเฉลิมโชติ 5.นายมนตรี พฤษาพันธ์ทวี 6.นายวสุพล จตุรคเชนทร์เดชา 7.นายหรั่ง ธุระพล 8.น.ส.นุชนาท สุวรรณนคร 9.นายฉกาจ คหบดีรัตน์ 10.พ.ต.ท.อุทัย บทมาตย์ 11.นายเจ๊ะอาแว สะมารอเม๊าะ และ 12.นายประสิทธิ์ ดวงเพ็ชร โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้เปิดประตูทางด้านถนนนครราชสีมา รอรับบุคคลที่จะเข้ารายงานตัว ตั้งแต่เวลา 10.00-12.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้มารายงานตัวก่อนเวลาที่กำหนด จำนวน 2 คนคือ นายวิจารณ์ แสนลี่ บุตรชาย นายเล่าต๋า แสนลี่ อดีตผู้ต้องหาคดียาเสพติด และนายหรั่ง ธุระพล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เชียงหวัง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี เคยถูกออกหมายจับคดียาเสพติด จากนั้นเวลา 10.00 น. มีบุคคลทยอยเข้ารายงานตัว เริ่มจากนายเจ๊ะอาแว สะมารอเม๊าะ นายประสิทธิ์ ดวงเพ็ชร และนายมนตรี พฤกษาพันธ์ทวี อดีตผู้ต้องหาคดียาเสพติด ขณะที่นางเจนจิรา พูลสวัสดิ์ พี่สะใภ้ของ พ.ต.ท.อุทัย บทมาตย์ ได้เข้ารายงานตัวแทน ให้เหตุผลว่า พ.ต.ท.อุทัยทะเลาะกับภรรยา ซึ่งเป็นน้องสาวของตนเองแล้วหนีออกจากบ้านไปจึงไม่สามารถมารายงานตัวได้ ส่วนนายจำเริญ ชีวินเฉลิมโชติ เจ้าของชาอู่หลง แม่สะลอง ได้มอบหมายให้นายนนทชัย ชีวินเฉลิมโชติ บุตรชาย มารายงานตัวแทน เนื่องจากติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ @ เสี่ยป.เป็ดยังไม่เข้ารายงานตัว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีบุคคลเข้ารายงานตัวตามคำสั่งที่ 50/2557 ทั้งสิ้น 5 คน โดยมี 2 คน ส่งตัวแทนเข้ามาแจ้งเหตุผลที่ไม่มาให้เจ้าหน้าที่รับทราบ ทำให้เหลือผู้ที่ยังไม่เข้ารายงานตัวตามคำสั่งดังกล่าว จำนวน 5 คน ประกอบด้วย 1.นายทนง ศิริปรีชาพงษ์ หรือ ป.เป็ด อดีตผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ 2.นายอุสมาน สะแลแมง 3.นายฉกาจ คหบดีรัตน์ 4.นายวสุพล จตุรคเชนทร์เดชา สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย และ 5.น.ส.นุชนาท สุวรรณนคร รองประธานสภา อบจ.อุดรธานี @ เผยกระแสต้านรัฐประหารลด พ.อ.ธนเดช เหลืองทองคำ รองเจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก กล่าวภายหลังการเป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวันของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ทางฝ่ายข่าวได้มีการรายงานถึงการตรวจพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนในพื้นที่ต่างๆ อาทิ จ.ชลบุรี ปราจีนบุรี และสิงห์บุรี ประเมินว่าขณะนี้กระแสการต่อต้านการยึดอำนาจการบริหารประเทศลดระดับลงอยู่ในวงจำกัด และยังไม่พบกระแสต่อต้านการดำเนินการตามแนวทางปรองดองและสมานฉันท์ ขณะที่รัฐบาลและสื่อต่างประเทศส่วนใหญ่เริ่มมีความเข้าใจสถานการณ์ในไทยมากขึ้น ไม่มีการออกแถลงการณ์มากดดันไทย ยกเว้นประเทศนิวซีแลนด์ @ ยอดไลค์เฟซบุ๊กคสช.พุ่ง 3 แสน นอกจากนี้ศูนย์ประชาสัมพันธ์ได้รายงานสรุปเรื่องร้องเรียนว่ามีจำนวน 208 เรื่อง ได้แก่ การแจ้งเบาะแสยาเสพติด การพนัน ปัญหาแรงงานต่างด้าว การให้ปฏิรูปพลังงานเพื่อลดราคาน้ำมันและแก๊ส รวมถึงกรณีมีบุคคลแต่งกายคล้ายทหารบุกยึดทรัพย์สินในบ้านเรือนพื้นที่ภาคอีสาน ส่วนคณะทำงานปฏิบัติการข่าวสารได้รายงานว่า ได้ตรวจสอบพบการออกอากาศของวิทยุชุมชนละเมิดคำสั่งของ คสช.จำนวน 40 สถานี ซึ่งได้ระงับการออกอากาศ และคณะทำงานติดตามสื่อได้แจ้ง ถึงการปิดเว็บไซต์ที่ฝ่าฝืนประกาศ คสช.ว่า ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ถึงปัจจุบันได้ปิดไปแล้ว 553 ยูอาร์แอล ขณะที่เฟซบุ๊กของ คสช.มียอดกดไลค์ 323,888 ครั้ง @ ตร.รอทหารส่งตัวบก.ลายจุด พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด ที่ถูกทหารควบคุมตัวว่า เจ้าหน้าที่ทหารจะควบคุมตัวนายสมบัติไว้ไม่เกิน 7 วัน ตามกฎหมายพิเศษ หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ทหารจะส่งตัวให้ตำรวจดำเนินการตามความผิดทางอาญา เรื่องแรก ขัดคำสั่งไม่เข้ารายงานตัว ข้อหาลักษณะเดียวกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.กระทรวงศึกษา นอกจากนี้ยังมีความผิดเป็นคนชักชวนกระทำการด้วยใดๆ ให้ปรากฏแก่ประชาชน ไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือวิธีการใดๆ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายของแผ่นดิน ตามกฎหมายอาญา มาตรา 116 อนุ 3 มีโทษจำคุก 7 ปี พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า อีกกรณีอยู่ระหว่างการพิจารณาในส่วนของผู้ให้ที่พักพิง จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา อัตราโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 4,000 บาท ยังไม่ชัดเจนว่า ภายหลังจากสอบปากคำผู้สอบสวนจับกุมแล้ว ผู้ให้ที่พักพิงมีเจตนาตรงนี้หรือไม่ ถ้ามีก็จะถูกดำเนินคดีด้วย "คำว่าควบคุมไว้ 7 วัน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องควบคุมตัวครบ 7 วัน อาจจะนำตัวออกมาก่อน จึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับช่วงต่อสามารถดำเนินการได้เลยว่าทหารจะส่งตัวมาเมื่อใด จึงขอฝากไปยังผู้ที่ออกมาเป็นตัวแทน ออกมาโพสต์ข้อความนัดหมาย ลักษณะเหมือนจะออกมาเป็นตัวแทน ขอบอกให้ทราบว่าท่านจะได้รับสิ่งเหล่านี้" พล.ต.ต.อำนวยกล่าว @ ล็อกตัวนักวิชาการนิติราษฎร์ เมื่อเวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธีระ สุธีวรางกูร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เป็นหนึ่งในนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า "เจ้าหน้าที่ทหาร ควบคุมตัว อ.สาวตรี สุขศรี ซึ่งเพิ่งกลับจากสหรัฐอเมริกา ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังกองพันสารวัตรทหาร กองทัพอากาศ" ทั้งนี้ น.ส.สาวตรีเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มธ. อยู่ในกลุ่มนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ที่ คสช.ออกคำสั่งเรียกบุคคลรายงานตัว ฉบับที่ 5 แต่ไม่สามารถเดินทางมารายงานตัวได้ เนื่องจากไปดูงานด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้รับเชิญจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ตั้งแต่ก่อนเกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่าน อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ คสช.ออกคำสั่งเรียกให้เข้ารายงานตัว น.ส.สาวตรี รับทราบเรื่องและติดต่อประสานกับทางคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อดำเนินการขอผ่อนผันการเข้ารายงานตัวเป็นวันที่ 9 มิถุนายนนี้ กระทั่งมาถูกกักตัวที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ. เปิดเผยว่า ขณะนี้ คสช.ได้เข้าควบคุมตัว น.ส.สาวตรี ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เท่าที่ น.ส.สาวตรีได้ติดต่อขอเข้ารายงานตัวเอง ไม่ได้เป็นการเข้าควบคุมแบบไม่รู้ตัว ในเบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยได้มอบหมายให้นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มธ. เข้าไปประสานกับทาง คสช. ถ้ามีคดีความเกิดขึ้น ทางมหาวิทยาลัยก็มีทีมทนายความพร้อมให้การช่วยเหลือทันที @ จัดกำลังรับมือบน'บีทีเอส' เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ.ช่วยราชการ บช.น. พล.ต.ต.ชยุต ธนทวรรัชต์ พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. พ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน ผู้บังคับการกรมนักเรียนโรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า จ.สระบุรี ผบ.เหตุการณ์ รับผิดชอบพื้นที่การชุมนุม และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องดูแลกำลังพลตามจุดต่างๆ ร่วมประชุมหารือด้านความมั่นคงเพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารในวันที่ 8 มิถุนายนนี้ ที่จะใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสเพื่อเดินทางไปชุมนุมตามห้างสรรพสินค้าและจุดอื่นๆ พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้ประชุมร่วมกันระหว่างฝ่ายทหารเพื่อกำหนดนโยบายในการปฏิบัติต่อการชุมนุม โดยนำข้อมูลข่าวสารที่มีมาแลกเปลี่ยนเพื่อกำหนดเป็นแนววิธีปฏิบัติ คาดการณ์ว่าอาจจะมีการชุมนุมเกิดขึ้น จึงกำหนดจุดเฝ้าระวังไว้ 5 จุด ได้แก่ 1.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2.ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน 3.สนามบินสุวรรณภูมิ 4.ร้านแมคโดนัลด์สาขาอมรินทร์พลาซ่า ราชประสงค์ และ 5.วัดพระแก้ว ตลอดจนสถานที่อื่นๆ อาจจะมีเกิดขึ้น @ ระดมเจ้าหน้าที่ควบคุมพื้นที่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า ทหารจะเป็น ผบ.เหตุการณ์ เป็นผู้กำหนดวิธีการเป้าหมาย โดยตำรวจเป็นแนวหน้าดำเนินบังคับใช้กฎหมายอาญาจากเบาไปหาหนักกับผู้ชุมนุม เน้นย้ำให้กำลังทหาร ตำรวจ หลีกเลี่ยงการเผชิญปัญหากับผู้ชุมนุม อาจจะเกิดความสุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะให้เกิดความสูญเสีย "มาตรการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 8 มิถุนายน จะใช้มาตรการดังนี้ 1.จะมีทหาร ตำรวจ ประจำทุกขบวนไฟฟ้าบีทีเอส ในห้วงเวลาที่มีการชุมนุม 2.มีกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ประจำทุกแห่งทุกสถานี พบว่าผู้ชุมนุมใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางไปมา จึงต้องสกัดกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมไปเส้นทางต่างๆ หรือที่เรียกว่า แฟลชม็อบ และจะขอความร่วมมือรถไฟฟ้าบีทีเอสภาพถ่ายที่บันทึกไว้บนสถานีและภายในรถไฟฟ้าบีทีเอส นำมาเทียบกับภาพถ่ายที่เจ้าหน้าที่บันทึกไว้ นำไปสู่การออกหมายจับบุคคลเหล่านั้นในภายหลัง นอกจากที่กล่าวมา เจ้าหน้าที่ยังให้ความสำคัญกับทุกห้างสรรพสินค้าในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า และมีสะพานเชื่อมโยงกับรถไฟฟ้า"รอง ผบ.ตร.กล่าว @ คัดกรองคนใช้บริการบีทีเอส พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า ขอประชาชนที่มาร่วมชุมนุมเชิงสัญลักษณ์เพื่อต่อต้าน ให้ไตร่ตรองให้ดี ไม่ว่าจะมาเคลื่อนไหวด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ตั้งใจมา ถูกชักชวน ถูกหลอกลวงมา ขอให้ทบทวนว่าสิ่งที่ท่านทำ มีชาวต่างชาติฉวยโอกาสนำภาพการกระทบกับเจ้าหน้าที่รัฐ ยืนยันว่าสื่อต่างชาติไม่เคยหวังดีกับชาติไทย และจ้องเอาภาพไปประจานที่ต่างประเทศ ขอฝากสื่อคนไทยว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการประเมินตลอดเวลาว่า สื่อที่มาถูกจัดตั้งหรือมีเจตนาที่จะมาทำข่าวหรือเจตนาที่จะมาทำลายประเทศไทย ถามว่าจะมีการคัดกรองประชาชนกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้รถไฟฟ้าอย่างไรนั้น พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ประชาชนที่โดยสารมาทางรถไฟฟ้า มีการคัดกรอง โดยบันทึกภาพผู้ชุมนุมที่กระทำผิดกฎหมาย จากนั้นจะนำภาพเปรียบเทียบกับภาพที่อีกมุมหนึ่งที่ได้มา เพื่อให้มาตรการบังคับใช้กฎหมายออกหมายจับถูกต้องสมบูรณ์ ถามว่า ถึงการชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว จะมีขั้นตอนดำเนินการอย่างไรนั้น พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตามที่หัวหน้าคณะ คสช.พูดชัดเจนว่า การกระทำใดๆ ที่มีการขัดต่อกฎหมาย ข้อใดบ้าง ยืนยันว่า เราจะไม่พูดถึงตรงนั้นอีก แต่จะพูดว่า ทหารและตำรวจหลีกเลี่ยงการใช้กฎหมาย แต่ถ้ามีการบังคับใช้กฎหมายโดยจะดำเนินการจากเบาไปหาหนัก @ ตั้งหลายด่านสกัดผู้ชุมนุม เมื่อถามถึงกำลังพลที่จะใช้ปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 8 มิถุนายนนั้น พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า จะใช้กำลังตำรวจ 15 กองร้อย กำลังทหาร 27 กองร้อย เราใช้กำลังที่ปฏิบัติในพื้นที่อีกส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งใช้กำลังวางไว้เฝ้าระวัง และชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อเคลื่อนระงับเหตุนอกพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีการตั้งด่านนอกบริเวณเพื่อป้องกันไม่ให้มีการชุมนุม หากมีการชุมนุมเกิดขึ้นจะสามารถช่วยคัดกรองผู้ชุมนุมเดินทางกลับบ้าน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและป้องกันไม่ให้ภาพที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นสื่อต่างชาตินำไปเผยแพร่ ทั้งนี้ จะไม่มีการปิดการจราจรเต็มรูปแบบแต่อย่างใด แต่ใช้วิธีการตั้งด่านคัดกรอง อาจจะมีการตรวจค้นบ้าง โดยดูจากบุคลิกท่าทางการแต่งตัว ไม่เหมารวมทั้งหมด ถามกรณีกลุ่มนักศึกษาออกมาชุมนุมรับประทานแซนด์วิชต้านรัฐประหารมีความผิดหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า กลุ่มที่ออกมาแสดงสัญลักษณ์ดังกล่าวนั้น เราไม่อาจห้ามพวกเขาเหล่านั้นได้ รู้กันอยู่ว่ามีเจตนาอะไร แต่ไม่ได้กระทำการผิดกฎหมาย จึงขอฝากไปถึงน้องๆ นักศึกษา อะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร อย่ากระทำการให้ผิดข้อกฎหมาย เพราะอาจจะทำเสียอนาคตได้ @ ส่งจนท.ขึ้นบีทีเอสทุกขบวน ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากข้อมูลฝ่ายข่าว ศปก.ตร. รายงานความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้าน คสช. ในเฟซบุ๊กชื่อว่า "พวกเราคือสมบัติ บุญงามอนงค์" นัดรวมแสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้วต่อต้าน คสช.สถานที่สำคัญ ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ร้านแมคโดนัลด์ ราชประสงค์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สยามพารากอน วัดพระแก้ว ในวันที่ 8 มิถุนายน เวลา 14.00 น. รายงานเผยด้วยว่า ในการรับมือกับผู้ชุมนุมที่จะใช้เส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส ฝ่ายทหารเน้นให้เฝ้าระวังตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าอารีย์ ถึงพร้อมพงษ์ วางกำลังก่อนการชุมนุม 2 ชั่วโมง และหลังการชุมนุม 2 ชั่วโมง พร้อมจัดกำลังทหารตำรวจขึ้นไปประจำในรถไฟฟ้า ดูจากจำนวนรถไฟฟ้าที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส มีทั้งหมด 35 ขบวน ออกทุก 4 นาที ซึ่งรถไฟฟ้า 1 ขบวนมี 4 โบกี้ จะให้กำลังทหารตำรวจสนธิกำลังรวมประมาณ 8 นาย ขึ้นไปประจำตรวจตรากลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมให้ตำรวจแต่งกายชุดสีกากีสวมหมวกเบเร่ต์ ไม่พกอาวุธปืนเช่นเดียวกับทหาร ส่วนบริเวณจุดอื่นๆ จะตั้งด่านคัดกรองผู้ชุมนุม ซึ่งการดำเนินการจับกุมจะเน้นบริเวณจุดคัดกรองหรือไม่ให้อยู่ภายในบริเวณจุดที่ชุมนุมโดยเด็ดขาด เพื่อทำความเข้าใจและไม่ต้องการให้สื่อต่างชาติเข้าใจผิดว่าใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร @ "วิษณุ"ปัดข่าวมือเขียนร่างรธน. เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ห้องประชุม 205 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช. ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งธรรมนูญชั่วคราวปกครองประเทศ ว่า ที่เคยพูดครั้งสุดท้ายจนถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า และยังไม่มีการส่งเรื่องอะไรมาที่ตน เรื่องนี้เริ่มต้นข่าวที่หนังสือพิมพ์ไปพาดหัวกันทั้งนั้น ไม่ใช่จะมาเป็นการลับลวงพรางอะไร เพราะไม่เคยสัมภาษณ์อะไรในทำนองนั้นเลย "คนที่ให้ข่าวคงมีความตั้งใจว่าในชั้นร่างตุ๊กตาหรือดูแนวทางอะไรต่อมิอะไร แต่ถ้อยคำภาษาอาจจะไม่เข้าใจ อันนี้อาจจะขัดกับอันนั้น อันนี้อาจจะไม่เป็นธรรม ซึ่งเขาอาจจะไม่รู้ ฉะนั้นผมขอยืนยันว่าไม่มีการส่งเรื่องมาถึงผมทั้งสิ้น ผมก็ไม่มีอะไรอยู่ในมือที่พร้อมจะตอบทั้งนั้น ยิ่งถามว่าหากได้รับหนังสือมาคิดว่าจะดำเนินการอย่างไร ผมก็อยากพูด ทว่าคนที่เขาคิดว่าจะส่งเรื่องหรือไม่ส่งเรื่องก็จะคิดว่าใครจะส่งเรื่องไปให้คุณ เพราะฉะนั้นในตอนนี้ยังไม่สมควรพูดอะไรทั้งนั้น"นายวิษณุกล่าว @ อธิบายบทบาทที่ปรึกษาคสช. นายวิษณุกล่าวต่อว่า การเป็นที่ปรึกษา คสช.ที่ได้ออกประกาศไปแล้วมีอยู่ 10 คน และไม่มีภาระกำกับว่าที่ปรึกษาท่านใดจะต้องรับผิดชอบงานด้านใดเลย เพียงแต่ว่าเป็นการคาดเดากันเอาเอง เช่น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ปรึกษา คสช. เป็นนักเศรษฐศาสตร์ก็ต้องไปดูแลด้านเศรษฐกิจ กรณีตนเป็นนักกฎหมายก็ต้องดูแลด้านกฎหมาย หรือทหารคงเป็นที่ปรึกษาฝ่ายทหาร จะมาเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจได้อย่างไร เพราะฉะนั้นเป็นเพียงความคาดหมายกันเอง ทว่าภารกิจจริงๆ ไม่ได้แบ่งอย่างนั้น และในเวลาที่ประชุมก็มีการประชุมหมดทั้งคณะ ไม่ว่าจะปัญหาราคาแก๊ส ปัญหามาตรการเคอร์ฟิว ปัญหาอะไรต่างๆ ก็มีการไปพูดกันในที่ประชุม หากมีการเสนอแนะและเข้าทางก็ให้ คสช.อนุมัติ ในคำสั่งได้ระบุแน่ชัดว่า ทีมที่ปรึกษามีหน้าที่สองอย่างคือ 1.มีอะไรที่จะเสนอก็เสนอไป 2.ทาง คสช.ถ้าอยากมีการบ้านมาให้ทำ ก็ให้ทีมที่ปรึกษาช่วยให้คำปรึกษาและก็เสนอแนะขึ้นไป @ เผยมีร่างกม.รอชงจำนวนมาก "ขณะนี้ในส่วนของกฎหมาย ผมยอมรับว่าได้ดูและพูดมาหลายวัน ถ้าพูดอีกก็จะต้องเช่นนั้นอีกเพราะทำอยู่แค่นั้น ผมถามว่าทำไมต้องมีผมไปดูด้านกฎหมาย แต่ความจำเป็นที่จะต้องดูกฎหมายเพราะว่าทันทีที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร มีกฎหมายที่ค้างอยู่ในสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภาอยู่จำนวนมากที่ตกไป หลายกระทรวงบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะเกี่ยวข้องกับการเกิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน มันเป็นเรื่องจำเป็นหากไม่รีบออกมาก็จะช้าไป รวมทั้งกฎหมายที่ประชาชนเข้าชื่อและนายกรัฐมนตรีเซ็นรับรองตามรัฐธรรมนูญ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่ทันเซ็นก็ค้างอยู่อีกหลายฉบับ ประเภทถัดมา กฎหมายที่รัฐบาลส่งไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจแต่ไม่อยู่ จะเอาไปไว้ที่ใดเพราะรัฐบาลก็ไม่มี ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ ทางกฤษฎีกาก็ได้เตรียมไว้ว่าจะส่งไปให้ คสช.คัดเลือก"นายวิษณุกล่าว นายวิษณุ กล่าวว่า ประเภทต่อมายังไม่เคยส่งไปให้ใครตรวจแต่ว่ามีการสุ่มร่างกันอยู่นานแล้ว คิดว่าอีกสองปีจะเสนอ คิดว่าได้โอกาสตอนนี้แล้วที่เป็นเรื่องเร่งด่วนด้วย อีกทั้งเป็นกฎหมายสั้น ถ้าเสนอไปตามขั้นตอนปกติในสภาก็จะต่อคิวนาน ยกตัวอย่าง บางหน่วยงานไปมีพันธะกรณีกับองค์การอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่เออีซี แต่ว่าประเทศอื่นแก้หมดแล้ว แต่ประเทศเรายังไม่แก้ ตนถามว่ามันอยู่ที่ไหน และไปถึงไหน ซึ่งก็ไปไม่ถึงไหน อีกทั้งทำไมไม่เสนอมา ตอนนั้นก็เสนอไม่ได้ ปัญหาแบบนี้ก็จะตกมาอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้น ก็ต้องส่งเรื่องมาให้คณะที่ปรึกษากฎหมายช่วยดู แล้วก็เลือกเรื่องว่าอะไรจำเป็นเร่งด่วน แล้วก็เสนอความเห็นไป @ ทีมกม.ไล่แยกเนื้อหา นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ทีมกฎหมายจะจัดความเห็นแยกเป็นประเภท คือ ประเภทแรกเรื่องที่จำเป็นจริงๆ กับการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มันทำให้เป็นอุปสรรคจริง ก็จะแนะนำไปว่าจะไปออกประกาศของ คสช.ให้ประเภทที่สอง คือรักแล้วรอหน่อย รอให้มี สนช.เมื่อใดก็ตามที ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า อีก 3 เดือน ก็ไปเข้าเรื่องที่ สนช.ก็ได้ เมื่อไปถึงขั้นนั้นคงไม่ช้าหรอก เพราะมีสภาเดียว ประเภทที่สามถ้ามี สนช.ก็ยังไม่จำเป็น เก็บเรื่องไว้มีสภาที่มาจากการเลือกตั้งไว้ให้ตัดสินใจดีกว่า เนื่องจากอาจจะเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของประชาชน ก็ต้องให้ผู้แทนของปวงชนเขาได้ตัดสินใจเอง @ ย้ำรธน.ชั่วคราวมีไม่กี่มาตรา "เรื่องที่ผมเล่ามามีเพียงแค่นี้ที่ทำ ส่วนของแถมคือเรื่องรัฐธรรมนูญนั้นขอกรุณาให้เข้าใจว่า ถ้าจะมีการทำในเวลานี้ หรืออาจจะมีการส่งมาให้ผมดูในเวลานี้ ผมเชื่อว่าอาจจะมี แต่ว่าคงดูหลายคนไม่ใช่ผมดูเพียงคนเดียว เป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่จะมีไม่กี่มาตรา การที่ไปลงกันว่ามี 30-50 มาตรา ผมก็ได้แต่กลั้นขำเอาไว้ในใจ เพราะจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย และสภามีกี่คนก็ยังไม่ได้มีการระบุไว้เลย เพราะสถานการณ์ตอนนี้ยังต้องทำอะไรอีกมาก" นายวิษณุกล่าว และว่า รัฐธรรมนูญนี้เป็นฉบับชั่วคราว ที่จะใช้สำหรับการตั้ง สนช. ตั้งนายกรัฐมนตรี และตั้งสภาปฏิรูป ย้ำว่าถ้ามีสภาปฏิรูปจริงๆ กำลังเถียงกันอยู่ว่าจะให้สภาปฏิรูปทำหรือให้ สนช.ทำ ถ้ามีสภาปฏิรูปก็คงต้องให้จัดทำรัฐธรรมนูญถาวร และถึงตอนนั้นจะจัดทำกันอย่างไรก็สุดแล้วแต่จะดำเนินการ ให้พวกกูรูทั้งหลายที่ใครถนัดก็ไปทำกัน เมื่อจัดทำเสร็จก็เป็นฉบับถาวร และทูลเกล้าฯถวายลงพระปรมาภิไธย ซึ่งฉบับชั่วคราวที่ดูกันไม่กี่วันนี้ก็เป็นอันว่าหมดไป และกระบวนการถัดไปก็จะนำมาสู่การเลือกตั้ง พร้อมทั้งถ่ายโอนทุกอย่าง ก็ให้สภาที่มาจากการเลือกตั้งดำเนินการต่อ "การไปคาดหมายอะไรจากรัฐธรรมนูญชั่วคราว ในเวลานี้ ที่บอกว่าทำไมไม่ใส่เรื่องนั้น ทำไมไม่ใส่เรื่องนี้ ถ้าไปใส่อย่างนั้นก็คง 300 กว่ามาตรา เราไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับถาวร มันเป็นฉบับชั่วคราวที่มีไม่กี่มาตรา แต่มันต้องมี ถ้ามันไม่มีก็จะไม่มีกติกาบ้านเมือง วันนี้อยู่ในการปกครองของ คสช. สิ่งที่ต้องการคือการแปรสภาพไปสู่รัฐบาล นั่นคือการมีรัฐธรรมนูญชั่วคราว ต่อจากนั้นก็เข้าสู่ระยะที่สาม ตามโรดแมปคือ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนจะทำให้แต่ละขั้นตอนสั้นหรือยาวนั้น ขึ้นอยู่กับคนที่มีอำนาจ และกระแสความต้องการของประชาชน" นายวิษณุกล่าว @ รูปแบบ"สนช."เหมือนปี 2549 แหล่งข่าวอดีต ส.ว.ระบุ ขณะนี้ คสช.ยังไม่มีการมาทาบทามอดีต ส.ว.เข้าร่วมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งการตั้ง สนช.และการตั้งสภาปฏิรูปประเทศ เป็นแผนโรดแมประยะที่ 2 ของ คสช. จะเสร็จสิ้นตามแผนใน 3 เดือนหลังจากนี้ ส่วนรูปแบบการตั้ง สนช.คาดว่าจะคล้ายกับปี 2549 คือมีรัฐธรรมนูญชั่วคราว หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ก็มีการตั้ง สนช.และทิ้งระยะประมาณ 1 เดือนก็จะมีการตั้งสภาปฏิรูปประเทศ โดยที่ตั้ง สนช.ก่อนก็เพื่อมีอำนาจในการตั้งนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีจะได้ทำหน้าที่ในการสรรหาคณะรัฐมนตรี @ ชี้"ทหาร-ตำรวจ"เข้าร่วมสนช. แหล่งข่าวอดีต ส.ว.ระบุ หากพูดถึง สนช.ในมุมมองคิดว่า สนช.จะประกอบด้วยสมาชิก 200 คน ส่วนใหญ่จะมาจากทหาร ตำรวจและข้าราชการพลเรือนเป็นหลัก ส่วนอดีต ส.ว.อาจจะมีบางคนหลุดเข้าไปทำหน้าที่บ้างแต่เป็นส่วนน้อย การตั้ง สนช. ขึ้นมาเพื่อพิจารณากฎหมายและพิจารณาสิ่งที่สภาปฏิรูปประเทศส่งมา แหล่งข่าวอดีต ส.ว.ระบุ คาดว่าหลังจาก คสช.ตั้ง สนช.เสร็จสิ้น หลังจากนั้น 1 เดือน สนช.ก็จะตั้งสภาปฏิรูปประเทศขึ้นมาทำหน้าที่ปฏิรูปทุกด้านในประเทศไทย ข้อยุติต่างๆ และเสนอให้ สนช.ผ่านเป็นกฎหมาย สมาชิกหลักของสภาปฏิรูปประเทศ มีจำนวน 200 คนนั้น จะมีความหลากหลายมากกว่า สนช. ประกอบด้วย นักวิชาการเป็นหลัก นักประชาสังคม นักเคลื่อนไหว และนายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย จะมีข้าราชการโดยเฉพาะข้าราชการทหารน้อย นอกจากนี้ เชื่อว่าจะมีอดีตนักการเมืองเข้ามาร่วมปฏิรูปประเทศด้วย นักการเมืองเหล่านั้นจะเข้ามาทำประโยชน์ เนื่องจากมาจากภาคประชาสังคมไม่ได้เข้ามาในฐานะพรรคการเมือง @ "หมอเจตน์"หนุนสภาละ 200 คน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ อดีต ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวถึงการตั้งสภาปฏิรูประเทศกับ สนช. ตามโรดแมประยะที่ 2 ว่า ก็คงจะคล้ายของเดิม เพียงแค่ว่าคราวนี้มีการเพิ่มสภาปฏิรูปประเทศขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ในการปฏิรูปเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายเห็นพ้อง แม้แต่รัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนแนวทางของทั้ง 2 สภาจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่ คสช.จะเห็นว่าเหมาะสม ทั้งนี้ ตามที่มีกระแสข่าวออกมาว่าจะมีสัดส่วนสภาละ 200 คนคิดว่ามีความเหมาะสม ตามหลักการแล้ว สภาปฏิรูปคงจะประกอบไปด้วยกลุ่มวิชาชีพต่างๆ โดยไม่มีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วน สนช.มีหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา อยู่ที่ว่าจะร่างใหม่ทั้งฉบับหรือนำของเดิมมาปรับใช้ @ โยน"คสช."กำหนดแนวทาง "เรื่องนี้อยู่ที่ คสช.จะกำหนดแนวทางและรูปแบบอย่างไร หรือจะเลือกใครเข้ามาทำหน้าที่ หรือมีอดีต ส.ว.ส่วนหนึ่งเข้าร่วมด้วยหรือไม่ ผมคงพูดได้ในหลักการเท่านั้น" นพ.เจตน์กล่าว และว่า ส่วนบทบาทของวุฒิสภาที่จะถูกร่างขึ้นใหม่นั้น จากที่ประมวลได้เมื่อครั้งมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มา ส.ว.สมาชิกส่วนใหญ่อยากให้วุฒิสภาทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุล รวมทั้งเป็นสภาผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้คำปรึกษาแก่สภาผู้แทนราษฎร ตามหลักการหากต้องการรูปแบบดังกล่าวที่มา ส.ว.ต้องไม่เหมือนที่มาของ ส.ส.เพราะพรรคการเมืองเสียงข้างมากไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ให้อิสระแก่ ส.ส.ในการยกมือ ในข้อเท็จจริงสังคมควรเปิดโอกาสให้กับกลุ่มวิชาชีพและผู้ด้อยโอกาส เช่น คนพิการ แต่หากที่มาเหมือน ส.ส.ก็คงไม่มีสัดส่วนของคนกลุ่มนี้ แต่ก็มีปัญหาเรื่องการไม่ยึดโยงกับประชาชนอีก ดังนั้น รูปแบบที่มีสมาชิกเสนอก็คือ ควรเปิดให้มีการเลือกตั้งทางอ้อม ซึ่งเลือกตั้งจากสภาวิชาชีพต่างๆ ก็จะทำให้สอดคล้องกับประชาชนได้ @ ส.อ.ท.ถูกทาบเข้าสภาปฏิรูป นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การจัดตั้งสภาปฏิรูปประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้น ส.อ.ท.ได้รับการติดต่อทาบทามแล้วพร้อมกับ 2 องค์กรที่เหลือคือ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ในนามคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.รายละเอียดอยู่ระหว่างการหารือ แต่จะมีความชัดเจนภายในวันที่ 9 มิถุนายน หลัง 7 องค์กรภาคเอกชน ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย หารือร่วมกันเพื่อสรุปแนวทางเสนอต่อ คสช. หลังจากทั้ง 7 องค์กรได้กลับไปจัดทำรายละเอียดของแต่ละองค์กรมาแล้ว ขณะนี้จึงยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ "ผมยังไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ข้อมูลได้ บอกได้เพียงว่ายินดีร่วมทำงานเพื่อผลักดันให้ประเทศดำเนินไปสู่ความสงบสุข ไม่เกิดปัญหาขัดแย้งเหมือนที่ผ่านมา และสร้างความเชื่อมั่นประเทศให้กลับคืนมา"นายสุพันธุ์กล่าว และว่า เดือนกรกฎาคมนี้จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับแผนการดำเนินการของภาคเอกชนที่ทำงานร่วมกัน อาทิ แผนการโรดโชว์ต่างประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตลอดจนการหารือทำความเข้าใจกับหอการค้าต่างประเทศทั้งหมดที่ค้าขายกับไทย @ สทท.ยังไม่ได้รับการติดต่อ นางพรทิพย์ หิรัญเกตุ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า สทท.ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก คสช.ขอให้เป็นกรรมการปฏิรูป หากถามถึงแนวทางที่อยากเสนอ ก็อยากให้ คสช.ปฏิรูปในส่วนของท่องเที่ยว ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) หากอนาคตมีการจัดตั้งรัฐบาล อยากให้นายกรัฐมนตรีมานั่งทำหน้าที่เป็นประธานในคณะกรรมการชุดดังกล่าว ที่ผ่านมาคณะกรรมการชุดนี้เป็นการทำงานร่วมกันหลายหน่วยงานหลายกระทรวง แต่มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน อาจทำให้การทำงานขับเคลื่อนได้ไม่เต็มที่และรวดเร็วพอ แต่หากเป็นนายกฯนั่งเป็นประธาน จะทำให้มีอำนาจในการตัดสินใจได้เด็ดขาดมากกว่า @ 'คสช.'ซัด'ฮิวแมนไรท์ฯ' มีธง พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก คสช.กล่าวกรณีนายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการองค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำภูมิภาคเอเชีย ที่ออกมาระบุว่าการจับกุมตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด เป็นการปฏิเสธถึงสิทธิพื้นฐานในการแสดงออกและการชุมนุม หลังจากนี้จะได้เห็นระบบยุติธรรมจอมปลอมในการใช้ศาลทหาร ว่า คสช.ไม่ปรารถนาให้มีการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลที่อาจใช้ทัศนคติส่วนตัวหรือมองผลด้านเดียวตามธงที่อยู่ในใจ จนส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือขององค์กรเอกชนและสร้างความสับสนให้สังคม ที่เห็นชัดคือเป็นการให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิบางอย่างกับบางบุคคลเท่านั้น ไม่ได้มองบริบทที่เกิดขึ้นจริงของสังคมขณะนี้ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า คนส่วนใหญ่ในสังคมไทยมีความเข้าใจในเหตุผลความจำเป็นที่ คสช.ต้องเข้ามาบริหารราชการและดูแลสถานการณ์ของประเทศในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อปลดล็อกปัญหาต่างๆ โดยคนอื่นที่เห็นตรงกับ คสช.นั้นส่วนใหญ่ต้องการความสงบเรียบร้อย อีกทั้งสถานการณ์ไม่อยู่ในสภาวะปกติ การแสดงออกจึงจำเป็นต้องมีข้อจำกัดให้เป็นไปตามกฎหมาย หรือเน้นเชิงสร้างสรรค์และไม่ขัดต่อแนวทางการรักษาความสงบ เพราะที่ผ่านมาการให้ความเห็นในบางลักษณะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย และเป็นที่ประจักษ์ว่าประชาชนที่ไม่มีเจตนากระทำผิดกฎหมายจะไม่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการที่ คสช.กำหนด อาจเป็นการไม่เหมาะสมที่มีการกล่าวพาดพิงถึงกระบวนการยุติธรรมของศาลทหาร โดยใช้ความรู้สึก ขอยืนยันว่าการพิจารณาคดีความของศาลทหารเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่แตกต่างจากมาตรฐานของศาลทั่วไป อาจมีเพียงเรื่องของระยะเวลาที่กระทำโดยรวดเร็วกว่า ทั้งนี้ การพิจารณาคดีต่างๆ ในช่วงมีประกาศกฎอัยการศึกนั้น กฎหมายกำหนดให้พิจารณาคดีด้วยศาลชั้นเดียวเท่านั้น @ "หนองจอก"จัดคืนความสุข เมื่อเวลา 16.30 น. ที่อาคารกิจกรรม ภายในสวนสาธารณะหนองจอก เจ้าหน้าที่ของ คสช.ได้จัดกิจกรรมคืนความสุขให้คนไทย ร่วมกัน 3 ฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ และ กทม. เพื่อแบ่งปันความสุขสมัครสมานสามัคคีให้เเก่กัน โดยมี พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผบ.พล.ร.2 รอ.ปราจีนบุรี เป็นประธานในพิธี เเละมีการเเสดงเปิดงานด้วยวงดุริยางค์จากกองทัพบก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักอย่างยิ่ง มีประชาชนทยอยเข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเต็มพื้นที่อาคารกิจกรรม ภายในงานมีการแสดงดนตรีหลากหลาย การเเสดงงิ้วพันหน้า ประชาชนต่างพากันทั้งร้องทั้งเต้นตามจังหวะเพลง ด้านนอกอาคาร ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วม |
