- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 15 February 2015 13:45
- Hits: 3941
บวรศักดิ์ ถกแดงอีสาน ยุติขัดแย้ง ชูธงออก'กม.อภัยโทษ'เวทีรำลึกเลือกตั้งป่วน ทหารบุกรวบนศ.-จับ 4 คสช.โต้ซัดฮิวแมนไรต์ กต.เมินอียูมุ่งโรดแมป
มติชนออนไลน์ :
'บิ๊กโด่ง'สั่งโฆษกโต้ฮิวแมนฯ แจงแก้ กม.ใช้เฉพาะทหารเท่านั้น 'บัวแก้ว'รับทราบอียูจี้ไทยคืน ปชต. ยันเดินหน้าตามโรดแมป
@ คสช.โต้"ฮิวแมนฯ"เข้าใจผิด
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีองค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ เรียกร้องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ล้มเลิกแผนการที่จะพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 ที่จะให้อำนาจผู้บัญชาการทหารสั่งควบคุมตัวพลเรือนได้ไม่เกิน 84 วัน โดยที่ไม่ต้องมีการไต่สวนคดีว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้ทำความเข้าใจเพิ่มเติม
"ขอชี้แจงว่า 1.น่าจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ด้วยข้อมูลที่อาจไม่ครบ ฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ถือเป็นองค์กรระดับประเทศที่ได้รับความน่าเชื่อถือ การนำเสนอเรื่องใดๆ ที่มีข้อมูลไม่ครบถ้วน จนทำสังคมสับสน อาจส่งผลกระทบความน่าเชื่อถือองค์กรได้ โดยเฉพาะจุดยืนและสถานะในความเป็นกลางทางสังคม เนื่องจากปัจจุบันมีประชาชนสอบถามมากขึ้น เมื่อตอบกลับไป ประชาชนส่วนใหญ่พบว่าหลายส่วนมีเนื้อหาไม่ตรงกับข้อเท็จจริง" พ.อ.วินธัยกล่าว
@ ยันแก้กม.เป็นเรื่องของทหาร
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า 2.ยืนยันไม่มีการขอแก้ไขเพื่อเพิ่มอำนาจให้ทหารสามารถควบคุมตัวพลเรือนได้นาน 84 วัน 3.ปัจจุบันการควบคุมตัวผู้ต้องหา ทั้งพลเรือนและทหาร ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นสุดวิสัยพนักงานสอบสวนหรือตำรวจจะต้องขออำนาจจากศาลให้เป็นผู้สั่งเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นศาลทหารหรือศาลพลเรือนก็ตาม ใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน ตามหลักกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ส่วนจำนวนวันในแต่ละครั้งก็เป็นตามที่กฎหมายกำหนดไว้
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า 4.การเสนอขอปรับแก้ไข พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ 2498 ที่กำลังดำเนินการอยู่ เป็นเรื่องภายในองค์กรทหารเท่านั้น ไม่ควรนำมาปะปนกันจนทำให้สังคมเกิดความสับสน เจตนารมณ์เพื่อใช้ปฏิบัติต่อกำลังพลทหารที่ทำความผิดอาญา และผู้บังคับบัญชาไม่สามารถไปขอให้ศาลทหารสั่งขังได้ด้วยเหตุจำเป็นสุดวิสัย เพื่อไม่ให้กระบวนการยุติธรรมต้องหยุดชะงัก โดยทหารที่กระทำความผิดอาญานั้นๆ สมควรได้รับการปฏิบัติที่ไม่ต่างไปจากพลเรือน เพื่อให้เป็นไปตามหลักบรรทัดฐานสากลที่เหมือนหรือใกล้เคียงกัน
@ ให้ศึกษารอบด้านก่อนวิจารณ์
"ขอให้มั่นใจการดำเนินการของทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย มีความเข้าใจดีในเรื่องของสิทธิมนุษยชน การจะดำเนินการใดๆ ก็เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสร้างความเป็นธรรมให้สังคมอย่างดีที่สุด อีกทั้งทาง คสช.เข้าใจดีว่าการสร้างความเข้าใจต่อสังคมในการทำงานของ คสช.และรัฐบาล มิใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งที่อยากให้ทุกฝ่ายได้ให้โอกาสและร่วมมือ เพื่อนำพาประเทศไทยให้ผ่านพ้นปัญหา มีการปฏิรูปและเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์" โฆษก คสช.กล่าว และว่า การนำเสนอหรือวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ขอให้มีการศึกษาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
@ นายกฯสั่งหาช่องทางชี้แจง
แหล่งข่าวจาก คสช.กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงต่อการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จนทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยเฉพาะกรณีของฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ จึงจะมีการหารือในที่ประชุม คสช. เพื่อหาช่องทางในการแก้ไขปัญหา ที่ผ่านมาเมื่อมีการเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อน จะใช้วิธีการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเพื่อชี้แจง จึงมองว่าน่าจะมีช่องทางอื่นอีกหรือไม่ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ไม่ใช่ที่ปลายเหตุ เหมือนกับกรณีที่ คสช.เชิญผู้ช่วยทูตทหารประจำในประเทศไทยมาชี้แจงทำความเข้าใจต่อสถานการณ์ "ปัญหาอยู่ที่ว่าฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ เป็นองค์กรที่อยู่ในต่างประเทศ คนพูดก็อยู่ในต่างประเทศ แล้วรัฐบาลกับ คสช.จะมีอำนาจอะไรไปเชิญเขามา ตรงนี้ที่ต้องหารือกันว่าจะทำอย่างไร ส่วนความเป็นไปได้ที่จะชี้แจงผ่านตัวแทนของฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อสื่อไปถึงองค์กรใหญ่ ถือเป็นแนวทางหนึ่ง แต่ต้องหารือกันอีกครั้งเพื่อให้ได้แนวทางที่เหมาะสมจริงๆ" แหล่งข่าวกล่าว
@ "โคทม"ค้านแก้กม.ศาลทหาร
นายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติวิธีและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงการแก้ไข พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 ว่าการที่ สนช.จะออกกฎหมายแบบนี้มันย้อนยุคไปถึงสมัยปี 2519 ใครที่ถูกมองว่าเป็นภัยสังคมก็สามารถจับตัวได้เลย หาก คสช.ต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ก็ไม่ควรถือโอกาสในขณะที่มีอำนาจลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน และฝ่ายราชการไม่ควรจะทำในสิ่งที่กระทบต่อประชาชนในทางลบ
"โดยส่วนตัวผมไม่ยอมรับกับการที่จะมีการผลักดันในเรื่องนี้ คัดค้านทุกเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน สิทธิของประชาชนพลเมืองมาโดยตลอด ถ้าหากนิ่งเฉย จะกลายเป็นว่าเราไม่สนใจเรื่องนี้ และการที่อียูกังวลต่อการใช้ศาลทหารกับประชาชนเราก็เห็นด้วยกับทางอียู เราพยายามพูดอยู่เสมอ เรามีสิทธิรับรองโดยรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ว่าพูดไปแล้วได้รับการรับฟังหรือเปล่า" นายโคทมกล่าว
@ "บัวแก้ว"ชี้"อียู"ท่าทีเดิม
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีสหภาพยุโรป (อียู) ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทย โดยเรียกร้องให้ไทยมีการกลับเข้าสู่กระบวนการทางประชาธิปไตยและยกเลิกกฎอัยการศึก ว่ากระทรวงการต่างประเทศรับทราบท่าทีล่าสุดของอียูแล้ว ทั้งนี้ เห็นว่าท่าทีของอียูเป็นท่าทีเดิม ขอยืนยันว่าไทยในฐานะประเทศภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ไอซีซีพีอาร์) ยังคงยึดมั่นในพันธกรณีที่มี
นายเสข กล่าวว่า ปัจจุบันไทยอยู่ภายใต้สถานการณ์พิเศษ สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดคือความมั่นคงปลอดภัยภายในประเทศ อย่างไรก็ดี กระทรวงรับทราบข้อห่วงกังวลของมิตรประเทศ และยืนยันว่าไทยยังคงให้ความเคารพสิทธิมนุษยชน และรัฐบาลกำลังเร่งเดินหน้าตามแผนโรดแมป เพื่อนำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตยตามกรอบเวลาที่วางไว้
@ "จารุพงศ์"ขอบคุณ"อาเบะ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะเลขาธิการองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ส่งหนังสือถึง นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยระบุตอนหนึ่งว่า "ขอบคุณท่านและประชาชนชาวญี่ปุ่นสำหรับความสัมพันธ์อันยาวนาน และความห่วงใยที่ท่านได้แสดงต่อวิกฤตทางการเมือง ในประเทศไทยบนหลักประชาธิปไตย และขอเรียกร้องให้ท่านกดดันทหารไทยให้คืนอำนาจอธิปไตยให้ปวงชนชาวไทยโดยเร็ว
"กระผมขอแสดงความขอบคุณด้วยความจริงใจในการแสดงออกอย่างชัดเจนของคณะรัฐบาลญี่ปุ่น ที่เข้าใจในภาวะวิกฤตทางการเมืองของประเทศไทย ที่ปัจจุบันมิได้เป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากล และได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ต้องการให้ประเทศไทยมีการเลือกตั้งภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์และเป็นสากล" นายจารุพงศ์ระบุ
@ "ปู"โพสต์พาลูกกินก๋วยเตี๋ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังคงปักหลักอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ภายหลังไม่ได้รับอนุญาตเดินทางไปต่างประเทศ โพสต์รูป ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย ที่ถือดอกกุหลาบสีแดงทั้งในอินสตาแกรม ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก พร้อมข้อความว่า "วันวาเลนไทน์พาน้องไปป์ไปทานก๋วยเตี๋ยวร้านลิ้มเหล่าโง้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ค่ะ"
@ "โอ๊ค"ให้ยุติธรรมก่อนปรองดอง
ขณะที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ตอบโต้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ระบุว่า การที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และพวกรวม 4 คน จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมพันธมิตร ที่ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภา ในปี 2551 กระทั่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 471 ราย แตกต่างจากการสลายการชุมนุมที่มีคนตายเกือบ 100 ศพ เมื่อปี 2553 โดยอ้างขั้นตอนและข้อกฎหมายต่างๆ ว่าการสลายการชุมนุมที่มีคนตายเกือบ 100 ศพไม่ผิดกฎหมาย แต่การสลายการชุมนุมที่มีคนตาย 2 คนนั้นผิดกฎหมาย ว่าการปรองดองจะเกิดขึ้นได้ ความยุติธรรมต้องมาก่อน และระบบสองมาตรฐานต้องหมดไปจากสังคมไทย หากการสลายการชุมนุมของคนสีหนึ่ง มีคนตายร่วมร้อยคนโดยนายกฯไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ขณะที่อีกสีนึง ตาย 2 คน ผู้เกี่ยวข้องกลับโดนฟ้องดำเนินคดีกันหมด แบบนี้การปรองดองจะเกิดขึ้นลำบาก
"ผู้ที่มีอำนาจในขณะนี้ ควรใช้โอกาสที่นักการเมืองและกองเชียร์ทุกสีทุกฝ่าย หยุดพูดหยุดทะเลาะกันในวันนี้ ทำให้คนทุกกลุ่มทุกสี รู้สึกว่าตนเองได้รับความยุติธรรม มีสิทธิทัดเทียมกับคนกลุ่มอื่นๆ ก่อน คืนความเป็นธรรมให้กับคนทุกฝ่าย ความสุขจะกลับคืนมาสู่สังคมไทยเอง" นายพานทองแท้ระบุ
@ "เทียนฉาย"ปัดจ้อการเมือง
นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงประเด็นการปฏิรูปและสร้างความปรองดองที่อาจจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากขณะนี้มีการตอบโต้กันว่า เป็นปฏิกิริยาปกติในช่วงการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่ต้องมีทั้งผู้ได้เปรียบและเสียเปรียบ จึงไม่อยากพูดถึงประเด็นการเมืองในตอนนี้ เพราะตอบยาก แต่ยอมรับว่าอาจกระทบบ้าง แต่การปฏิรูปต้องเดินหน้าต่อไปทุกส่วน เพราะปัญหาสะสมมานาน
นายเทียนฉาย กล่าวว่า ถ้าไม่ปฏิรูปเเล้วมัวเเต่เถียงกันเหมือนที่ผ่านมา ประเทศจะอยู่ไหวหรือไม่ ดังนั้นจะพยายามชี้เเจงให้ประชาชนแยกให้ออกว่า การเมืองคือการเมือง ปฏิรูปคือปฏิรูป เพราะถ้าแยกไม่ออกจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ที่สำคัญคือ จะทำอย่างไรให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดต่อไปสานต่อการปฏิรูปประเทศให้สำเร็จ
@ สปช.ถกปฏิรูปการเมืองไทย
ที่โรงแรมสุโกศล เมื่อเวลา 13.00 น. คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปฏิรูปการเมือง สปช.ร่วมกับ สถาบันปฏิรูปประเทศไทย จัดสัมมนาและรับฟังความคิดเห็นเรื่อง 10 ประเด็นนวัตกรรมการเมืองไทย ในประเด็น การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมีนายธีรยุทธ หล่อเลิศรัตน์ ประธานกรรมาธิการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิก สปช. และประธานสถาบันปฏิรูปประเทศไทย และนายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เข้าร่วมอภิปราย
นายสังศิต กล่าวว่า การปฏิรูประบบราชการ การปฏิรูปการเมือง คาดว่าอาจเกิดขึ้นจริงในรัฐบาลชุดนี้ แต่เป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากหลักคิดการปฏิรูปยังถูกชี้นำโดยคนในระบบราชการ ดังนั้นจะทำอย่างไรจึงจะทำลายระบบอุปถัมภ์แบบพรรคพวกได้สำเร็จ ทำอย่างไรจึงจะทำให้วัฒนธรรมแบบดั้งเดิมค่อยๆ สูญสลายไป เพื่อให้การปฏิรูประบบราชการเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง
@ แนะเขียน7ประเด็นในรธน.
นายธีรยุทธกล่าวว่า สิ่งที่มองว่าเป็นปัญหาและควรจะกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ อย่างน้อย 7 ประเด็นที่เป็นเรื่องใหญ่ๆ คือ 1.ธรรมาภิบาล จริยธรรม ซึ่งการทุจริตต่างๆ รวมถึงการซื้อขายตำแหน่ง เป็นต้นเหตุของการทำความเสียหายต่อระบบราชการ หากแก้เรื่องนี้ได้ ส่วนอื่นๆ ของการปฏิรูปจะทำได้ง่ายขึ้น 2.การปกครองในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ต้องให้มีความเหมาะสม กำหนดขอบเขตภารกิจ อำนาจหน้าที่ให้ชัดเจน 3.การจัดบริการสาธารณะ อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้กับประชาชนทุกระดับ
4.การเข้าถึงบริการภาครัฐของประชาชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน 5.การจำกัดอำนาจ บทบาท ขนาด และการขยายตัวภาครัฐ โดยให้เอกชนเข้ามาร่วม 6.ความมั่นคงแห่งรัฐ ซึ่งต้องมีการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว และ 7.ระบบงบประมาณ และการคลัง การดูแลการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเน้นการควบคุมที่ผลงานและสร้างกลไกบูรณาการของการทำงานร่วมกันของหน่วยงานตามภารกิจต่างๆ
@ "กษิต"ชงยุบบก.สส.-ส่วนหน้า
นายกษิตกล่าวว่า นอกจากจะปฏิรูปตำรวจแล้ว ขอเสนอให้ปฏิรูปกองทัพด้วย โดยยุบกองบัญชาการทหารสูงสุด (บก.สส.) และกองกำลังส่วนหน้า เพราะเกินความจำเป็นและเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองส่วนนี้จะใหญ่กว่า 3 เหล่าทัพ ส่วนเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน คิดว่าจะพูดถึงแค่ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นนั้นไม่พอ การกระจายอำนาจต้องรวมถึงภาคเอกชน ภาคชุมชนและภาคประชาสังคมด้วย
@ พท.ชี้"บิ๊กตู่"ไม่ควรพูดเตือนปู
นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่าได้เตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวในสมัยที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับบอกว่าไม่เป็นไร และพร้อมจะรับผิดชอบนั้น มองว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่สมควรพูดเช่นนี้ ไม่เหมาะสม เพราะคดีกำลังจะไปศาล และสังคมไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์จริงหรือไม่ หากจะให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมาตอบโต้ก็จะไม่ดี "ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ. คงทราบเรื่องการจำนำข้าวเป็นอย่างดี โดยเฉพาะทหารที่มีหน้าที่ป้องกันการสวมสิทธิข้าวตามแนวชายแดน ตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้ามาช่วยดูแลปัญหาดังกล่าว ดังนั้น เรื่องนี้ถือว่า พล.อ.ประยุทธ์รู้ดีที่สุด ตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็ทำงานเรื่องนี้อย่างเต็มที่มิใช่หรือ" นายสมคิดกล่าว
@ พท.ชี้โยนผิดให้ฝ่ายนโยบาย
นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในบรรยากาศอย่างไร จึงไม่สามารถวิจารณ์ได้ แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาคือ ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์มั่นใจว่าได้ดำเนินการตามนโยบายและคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ได้คิดว่าจะมีกระบวนการที่จะทำให้เห็นภาพความเสียหายและให้ร้ายกันถึงเพียงนี้ "โครงการรับจำนำข้าวนั้น พท.และรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เห็นว่าเป็นนโยบายที่ดีโดยฝ่ายปฏิบัติต้องรับไปทำให้ดี แต่ทุกอย่างที่ออกมาวันนี้เหมือนกับว่า เป็นความผิดพลาดของฝ่ายปฏิบัติ แต่กลับโยนความผิดให้ฝ่ายนโยบายมาตลอด ทำให้สังคมที่คิดไม่ทันเกิดคล้อยตามไปด้วย" นายอุดมเดชกล่าว
@ วอนนายกฯ-ปปช.อย่าชี้นำ
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าเคยเตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีรับจำนำข้าวนั้น ต้องยอมรับว่า ภายใต้กฎอัยการศึก และเงื่อนไขที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่สามารถแสดงความคิดความเห็นในทางการเมือง หรือแม้แต่ในทางคดีความได้ แต่ในทางกลับกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับถูกกระหน่ำซ้ำเติมในคดีความต่างๆ แม้ว่า สนช.จะมีมติถอดถอนแล้วก็ตาม แต่ยังมีกลุ่มคนบางกลุ่มมีความพยายามจะซ้ำเติม โดยนำคดีความต่างๆ มากล่าวหาอยู่ตลอดมา
"เมื่อคดีโครงการรับจำนำข้าวเตรียมจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลแล้ว ควรปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอน และกระบวนการของศาล จึงขอตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า เคยเตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ในลักษณะทำนองเดียวกับที่ ป.ป.ช.กล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ป.ป.ช.ได้เคยเตือนแล้วเช่นกัน อาจจะเป็นการชี้นำคดีได้" นายนรวิชญ์กล่าว และว่า ขอเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้า คสช. ได้โปรดอย่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกมาชี้นำคดีได้
@ เล็งค้านหาก"คลัง"ฟ้องแพ่ง
นายนรวิชญ์กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวที่ว่าในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมจะยื่นให้กระทรวงการคลังเรียกค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีโครงการรับจำนำข้าวนั้น ทีมทนายได้หารือกันแล้วว่า หาก ป.ป.ช.ไปยื่นวันใด ทางทีมทนายจะไปยื่นคัดค้านด้วยเช่นกัน เพราะเห็นว่าการที่ ป.ป.ช.จะยื่นเรื่องให้กระทรวงการคลังคิดค่าเสียหาย และฟ้องร้องทางแพ่ง ทั้งๆ ที่คดีอาญาที่กล่าวหาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ปล่อยปละละเลยไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวนั้น ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิด
นายนรวิชญ์กล่าวว่า กระบวนการพิจารณาของศาลยังมีกระบวนการและขั้นตอนที่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ นอกจากนี้ ในโครงการรับจำนำข้าว กระทรวงการคลังเองก็เป็นกระทรวงหลักในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว การที่จะให้กระทรวงการคลังเป็นผู้เสียหาย และคิดคำนวณค่าเสียหายนั้น ยังมีปัญหาในข้อกฎหมายหลายประการ
@ รุมจวก"ถาวร"พูดสร้างกระแส
นายนรวิชญ์ ยังกล่าวถึงกรณีนายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีแผนที่จะขอลี้ภัยทางการเมืองโดยเช่าเครื่องบินเหมาลำไว้ 2 ลำ ว่าขอเรียกร้องให้นายถาวร หยุดสร้างกระแสสังคมใส่ร้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะไม่เป็นความจริง และเป็นที่ประจักษ์ต่อหน้าสาธารณะและปรากฏเป็นข่าวโดยทั่วไปอยู่แล้วว่า เวลาที่อดีตนายกฯ เดินทางไปไหนมาไหนเป็นไปโดยเปิดเผย รวมทั้งมีฝ่ายความมั่นคงเฝ้าระวังและติดตาม
"การขอลี้ภัยที่อเมริกานั้น ท่านอุปทูตสหรัฐได้ออกมาให้ปฏิเสธแล้วว่าไม่มีการขอลี้ภัย การที่นายถาวร ออกมาพูด และให้ข่าว จึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นการสร้างกระแสและชี้นำสังคมให้เกิดความเกลียดชัง น.ส.ยิ่งลักษณ์" นายนรวิชญ์กล่าว
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีความคิดที่จะหลบหนีไปไหน ตั้งใจจะสู้คดีเพื่อหาความยุติธรรมจนถึงที่สุด ที่นายถาวรพูดเรื่องการเช่าเครื่องบินเหมาลำเพื่อหลบหนีนั้น ถ้านายถาวรมีหลักฐานก็นำมาแสดง อย่ามาพูดพล่อยๆ แบบนี้
@ "โต้ง"ยกปัญหา3จว.ใต้เปรียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก กรณีรัฐบาลวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินนโยบายจำนำข้าวในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่นายกิตติรัตน์ร่วมบริหารงานด้วย โดยระบุว่า "คนที่ร่ำเรียนมาทางวิชาทหารจะรู้สึกยังไง ถ้าผมวิเคราะห์เรื่องสามจังหวัดภาคใต้ แล้วพยายามชี้แนะผู้บังคับบัญชาว่า เป็นการดำเนินนโยบายที่ผิด และสร้างความเสียหายให้กับประเทศ ไม่ต้องตอบหรอกครับ เพราะผมไม่มีความรู้ และจะไม่แนะนำเรื่องที่ผมไม่มีความรู้ ทำไมเรื่องแค่นี้ทหารบางคนคิดไม่ออก และชอบแนะนำประเด็นที่อยู่ในนโยบายที่ต้องใช้ความรู้ทางเศรษฐกิจ อย่างนโยบายจำนำข้าว ผมก็ไม่ต้องเชื่อเขา"
@ ภท.ร่วมสัมมนากมธ.ยกร่าง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญและคณะอนุกรรมาธิการประสานเพื่อรับฟังความคิดเห็น จัดสัมมนาเรื่อง "หลักการใหม่เกี่ยวกับระบอบการเมือง นักการเมือง และสถาบันการเมือง" ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ว่า ภท. ได้รับหนังสือเชิญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้มอบหมายให้นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้อำนวยการพรรค ไปร่วมรับฟังการสัมมนาดังกล่าว โดยในเบื้องต้นทางพรรคไม่ได้มีข้อเสนออะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ไปรับฟังเท่านั้น และทางพรรคยินดีที่จะปฏิบัติตามทุกประการ
@ "ประสพสุข"เชื่อรธน.ฉลุย
นายประสพสุข บุญเดช ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงแนวโน้มที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่อาจเป็นต้นตอของความขัดแย้งครั้งใหม่ ว่า อาจจะเป็นได้ ถ้าหากไม่ยอมรับกัน หากมีการทำประชามติก็โหวตคว่ำไป เวลาทำประชามติคงต้องทำสองอย่าง คือทั้งรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่ ถ้าไม่รับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่ ต้องมีทางเลือกให้ประชาชน และคิดว่า ถ้ามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะต้องถูกแก้ไข ส่วนมากจะเป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับรัฐบาลกับรัฐสภา โดยเฉพาะระบบบัญชีรายชื่อน่าจะถูกแก้ไข เพราะจำนวนน้อยเกินไป เช่นเดียวกับ ส.ว.ที่ต้องแก้ไขให้มี ส.ว.แบบเลือกตั้งด้วย "คิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะผ่านความเห็นชอบ เพราะอยากจะเลือกตั้งเร็ว หากไม่ผ่าน กว่าจะมีเลือกตั้งต้องใช้ระยะเวลานานเป็นปี ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ อาจจะให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยกลับมาแก้ไขใหม่อีกครั้ง"นายประสพสุขกล่าว
@ จัดกิจกรรมรำลึกเลือกตั้ง
ที่บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ เมื่อเวลา 16.00 น. กลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตย ในนาม "พลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen" จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ "เลือกตั้งที่ (รัก) ลัก" เพื่อรำลึกถึงการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 โดยมีผู้ร่วมกิจกรรมประมาณ 300 คน เเละได้รับความสนใจจากประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่สัญจรไปมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมดังกล่าวเริ่มจาก นายอานนท์ นำภา ทนายสิทธิมนุษยชน เเละพวก จัดสถานที่จำลองหน่วยเลือกตั้ง โดยการนำกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมสีเขียว เขียนกำกับว่าคูหาลงคะแนน หีบบัตร พร้อมเเจกดอกกุหลาบให้ผู้ที่มาร่วมงาน แต่ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่เทศกิจได้เข้าเจรจาเพื่อให้ยุติกิจกรรม และเก็บหีบจำลองออกไป ก่อนที่กลุ่มผู้จัดงานจะเอาคืนมาและจัดกิจกรรรมต่อไป ทั้งนี้ นายอานนท์กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้ ต้องการมอบความรักให้กับประชาชนเเละเจ้าหน้าที่เท่านั้น ขณะที่นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ไม่ได้ต้องการสร้างความวุ่นวายเพียงเเต่ต้องการมาซ้อมการเลือกตั้งที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า
@ จับน.ศ.ปี4ปรับ100ก่อนปล่อย
ต่อมาเวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายสิรวิชญ์ ไปที่ สน.ปทุมวัน เพื่อสอบสวนและทำประวัติ พร้อมแจ้งข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญ และให้เสียค่าปรับจำนวน 100 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมนายสิรวิชญ์ ทางกลุ่มฯได้จัดกิจกรรมต่อ มีการปราศรัยของกลุ่มนักศึกษา ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเข้าเจรจาให้ยุติกิจกรรม โดยพยายามดึงตัวนายทรงธรรม เเก้วพันธ์พฤกษ์ น.ศ.กลุ่มศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนปท.) เเต่เพื่อนๆ สามารถแย่งตัวกลับมาได้
@ คุม"พ่อน้องเฌอ"-ชู3นิ้ว
เวลา 16.40 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือพ่อน้องเฌอ เข้าไปภายในหอศิลป์ฯ โดยกันไม่ให้คนอื่นตามเข้าไป ขณะผู้ชุมนุมด้านนอกร่วมกันร้องเพลง เพื่อมวลชน เพลงเเสงดาวแห่งศรัทธา เเละส่งเสียงตะโกน "เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ" เเละ "เลือกตั้ง" อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการชู 3 นิ้ว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชิญตัวนายอานนท์ เข้าไปในหอศิลป์ฯ โดยมีทนายความติดตามมาด้วย ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินทางไปยัง สน.ปทุมวัน
@ ตั้งข้อหา4คนขัดคำสั่งคสช.
เวลา 22.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มพลเมืองโต้กลับฯได้มารวมตัวที่ สน.ปทุมวัน เพื่อให้กำลังใจผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวมาพูดคุย 4 ราย ประกอบไปด้วย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ นายอานนท์ นำภา และนายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ โดยมี น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐนันท์ และนายธีระพล คุ้มทรัพย์ ทนายความจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนเข้าร่วมการรับฟังด้วย ทั้งนี้ กลุ่มพลเมืองโต้กลับฯได้มีการร้องเพลงเป็นกำลังใจ และยืนยันว่าจะปักหลักจนกว่าทั้ง 4 คนจะถูกปล่อยตัว
รายงานข่าวแจ้งว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้พูดคุยและคาดว่า จะตั้งข้อหากับทั้ง 4 คน ในข้อหาขัดคำสั่ง คสช. ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ส่วนนายสิรวิชญ์อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาเนื่องจากตรวจสอบประวัติพบว่า เคยถูกจับกุมมาครั้งหนึ่งแล้ว สำหรับการประกันตัวทางเจ้าหน้าที่ให้ยื่นหลักทรัพย์ในการประกันตัวคนละ 75,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการประกันตัวต่อไป